ขออภัยนะคะ หายหน้าไปนานไปหน่อย แต่งไม่ออกจริงๆ
คือแก้หลายรอบมาก
เพราะอ่านแล้วมันไม่ใช่อย่างที่ต้องการจะสื่อ ผ่านตอนนี้ไปน่าจะไม่หายไปนาน ค่ะ
อย่าลืมให้กำลังใจกันบ้างนะคะ เค้าขอร้อง
Unit...31
"คุณพาร์ทออกไปแล้วครับ"
"ขอบคุณครับลุง" ผมวางสายจากลุงยามลง คราวนั้นหลังจากให้ค่าจ้างเล็กน้อย เป็นสินน้ำใจตอบแทน ไม่ใช่ว่าแกเรียกร้องหรอกครับ
แต่ผมเกรงใจ ที่จะให้แกโทรแจ้งว่าพี่พาร์ทออกจากห้อง หรือกลับมาแล้ว ก็เฉพาะวันที่ผมจะเข้าไปเท่านั้น
.
.
"มีปัญหากันเหรอครับ?" ลุงยามถามผม เมื่อครั้งที่กลับมาแล้วขอให้โทรบอกเวลาที่พาร์ทไม่อยู่
"นิดหน่อยครับ ไม่ได้มากอะไร คือผมต้องย้ายไปอยู่ข้างนอก แต่ก็อยากเข้ามาทำความสะอาด ดูแลความเรียบร้อยให้บ้างนะครับ
พี่พาร์ททำงานยุ่งไม่ค่อยมีเวลา"
"แล้วทำไมคุณปัตไม่อยู่ที่นี่เหมือนเดิมหล่ะครับ?" ผมเงียบไปพักหนึ่ง .... รู้สึกหัวใจหล่นวูบทำตัวไม่ค่อยถูกทุกทีที่เจอคำถามนี้
“...................” คิดอยู่ว่าจะตอบคำถามนี้ยังไง สุดท้ายก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบ
"ไม่สะดวกฮะ ....ปัตได้งานที่ไกลจากที่นี่มาก ให้ไปกลับทุกวันไม่ไหว พอออกไปแล้วก็เป็นห่วงพี่พาร์ทน่ะครับ เลยต้องกลับมาบ้าง
ถ้าปัตบอกว่าจะมาพี่พาร์ทคงไม่ได้ไปทำธุระอีก ผมเลยไม่อยากบอก เดี๋ยวจัดห้องนิดๆ หน่อย ๆ ก็จะกลับแล้วฮะ" ผมตอบ
พยายามให้น้ำเสียงราบเรียบที่สุด ซ่อนสายตาที่มันพาใจสั่นไหวตั้งแต่แรกไม่ใครใครสังเกตเห็น
"ก็ได้ครับลุงจะช่วย เห็นแก่ว่าคุณปัตเป็นเด็กดีมาตลอดนะครับ" ลุงยามว่า
"ขอบคุณมากนะครับลุง" ผมยกมือไหว้ พร้อมกับแบงก์สีเทาใส่มือให้ลุงยาม แม้ลุงจะปฏิเสธว่ามากเกินไป แต่ผมก็คะยั้นคะยอจนสำเร็จ
.
.
แผนการนี้พ่อกับพี่ภีมรู้ดี .... ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหาพ่อ เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังพร้อมการตัดสินใจ ไม่จำเป็นต้องปิดบังในเมื่อพ่อเองก็รู้ดีอยู่แล้ว
“ปัตแน่ใจแล้วเหรอลูกที่เราจะทำอย่างนี้? ถึงพ่อเองจะเห็นด้วย แต่ปัตรู้ใช่ไหมว่าเราเองจะเจ็บ? จะไม่เสียใจทีหลังแน่ใช่ใหม?”
“ครับ...ปัตตัดสินใจแล้ว อย่างน้อยผมก็อยากให้พี่ปิ่นมีความสุขในช่วงเวลาที่เหลืออยู่” ผมมองตอบพ่อ ด้วยแววตาที่ขมขื่น
แม้มันจะต้องเศร้าสักเพียงไหน อย่างน้อย..... ก็ยังพอมีที่เหลือให้ผมยืนอยู่บ้าง ที่สำคัญ .....มันพอที่จะเหลือให้พี่ปิ่นยืน
“ข..ขอบใจมากลูก ...พ่อ....ขอ..บใจแทนปิ่นด้วย” พ่อว่าเสียงเคลือดึงผมไปกอดแน่น ๆ ผมกอดตอบซุกหน้าเข้าหาอกกว้าง
ปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอบ้างจะเป็นไรไหม เพราะมันเกินที่ผมจะกลั้นไหว น้ำตาค่อยไหลซึมออกมาจากดวงตาที่แดงก่ำ ห้ามไม่อยู่
พ่อลูบหัวผมเบาๆ เพื่อปลอบใจ เรากอดกันนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นเนิ่นนานก่อนจะผละออก
.
.
“ปัตขออะไรอย่างได้มั้ยครับ...แค่อย่างเดียวก็เกินพอ” ผมเอ่ยเสียงแผ่ว มันมองหน้าใครไม่ไหว รู้สึกเจ็บร้าวไปถึงลิ้นปี่ ได้แต่ก้มหน้ามองพื้น
กับคำขอสุดท้าย .... เพียงเท่านี้ที่จะเป็นความสุขของผม สิ่งเดียวที่พอจะทำให้เดินก้าวต่อไปข้างหน้าไหว ในฐานะ “ไม่ใช่คนรัก”
.
.
.
“ขอให้ปัตได้ดูแลพี่พาร์ทนะฮะ ยังไงก็ได้ไม่ต้องเจอก็ได้ แต่ขอ...ให้ปัตเป็นส่วนหนึ่งที่จะดูแลพี่พาร์ท แค่นั้นได้มั้ยฮะ?” เหมือนเสียงคำอ้อนวอน
ผมเงยหน้าขึ้นสบตา ดวงตาอบอุ่นของพ่อที่ยังมองมาที่ผมด้วยท่าทีที่ห่วงใย มือหนาๆ ลูบมาเบาที่หัวผม
“ได้สิปัต ....ได้อยู่แล้วลูก ขอบใจปัตมากนะลูก” พ่อยิ้มน้ำตาคลอหน่วย .... ผมยิ้มตอบทั้งที่น้ำตามันล้นอาบแก้ม
.
.
กลับมาถึงหอเมื่อไหร่ไม่รู้.... สองขาที่พาก้าวเดินมาเรื่อยๆ ไม่รู้จะไปไหนสุดท้ายก็มาหาไอ้เบียร์ เคาะประตูอยู่สี่ห้าครั้ง ประตูตรงหน้า
ก็เปิดออก พร้อมใบหน้าที่ดูแปลกใจจนน่าใจหาย เบียร์เอื้อมมือมาดึงผมเข้าไปกอดแน่น.....พร้อมกับเสียงเรียกชื่อให้สติผมกลับมา
“ปัต.......” ไอ้เบียร์ดึงประตูปิด แล้วทิ้งตัวให้ด้านหลังพิงผนัง ส่วนด้านหน้าปล่อยให้ผมได้พึ่งพิงต่อไป ไม่มีคำพูดใด มันปล่อยให้ผม
ร้องไห้เงียบๆ อยู่อย่างนั้น ทำแค่กระชับกอด และลูบมือหนาๆ ที่หัวผมอย่างปลอบโยน
“มึงไหวไหม ถ้าไม่ไหว.....ก็พอเถอะวะ ถ้าพี่เค้าจะตายมันก็ไม่ใช่ความผิดมึง ไม่จำเป็นที่มึงจะต้องรับผิดชอบชีวิตใคร กุไม่อยากเห็น
มึงเจ็บแบบนี้” น้ำเสียงอบอุ่นที่ลอยอยู่ใกล้ๆ หูไม่ห่าง หากแต่สิ่งที่มันพูดเมื่อกี้มันได้ผ่านการตัดสินใจผมมาแล้ว ผมส่ายหน้าช้าๆ
“คนจะตายทั้งคนนะเว่ย ... มึงจะให้กุมองเฉยๆ อย่างนั้นเหรอวะ ความสุขในช่วงเวลาที่เหลือไม่เท่าไหร่... มึงจะมองเฉยๆ จริงๆน่ะ เหรอ”
ผมเอ่ยถามเสียงแผ่ว ไม่รู้ว่าเสียงตัวเองหายไปไหน ถึงแทบไม่ได้ยินเสียงที่เปล่งออกมา
“แต่มึงเจ็บนะปัต มึงเจ็บ” ไอ้เบียร์พูดปลอบ ผมพยักหน้ายอมรับกับอกมัน ปล่อยให้ความอ่อนแอที่แปลเปลี่ยนเป็นน้ำตา ค่อยๆ ไหลผ่านม่านตาออกมาเงียบๆ
“อือ.....กุเจ็บ เบียร์...กุเจ็บ แต่กุ...................ยังไม่ตาย”
.
.
.
ผมก้าวมายืนหน้าห้องหลังจากเจ้าของห้องออกไปไม่นาน ไขกุญแจก้าวเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคยแค่ไม่กี่อาทิตย์ที่ไม่ได้มา ......ราวกับผมห่างหาย
ไปแสนนาน คิดถึง....จนอยากจะเดินเข้าไปกอดทุกอย่าง กลิ่นอายของพี่พาร์ทยังลอยกรุ่นอยู่ทุกอณุของห้อง ภาพเก่าๆ ทับซ้อนไปมา
ภาพผมกับพี่พาร์ทนั่งทานข้าว นั่งดูทีวี เล่นเกมส์ ทำงาน หยอกล้อ หรือแม้แต่ .......ภาพที่เราทำรักกัน ได้แต่เม้มปากแน่น
เพราะผมตัดสินใจแล้ว.......ถึงไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้น ความอบอุ่นในดวงตาพี่พาร์ททุกครั้งที่มองกลับมา มีความสุขแทบล้นเอ่อ
คิดถึง.....แทบจะทนไม่ไหว แต่......ก็ต้องทนให้ไหว .สภาพห้องตอนนี้แม้จะแตกต่างจากเดิมมากเพียงใด ข้าวของกระจัดกระจายระเกะระกะ
แฟ้มเอกสารหลายแฟ้มยังเปิดอ้าค้างไว้บนโต๊ะทำงาน ณ มุมหนึ่งของห้อง เสื้อผ้าที่ถูกใช้แล้ววางพาดบนโซฟา 3-4 ชุด เครื่องใช้ทุกอย่าง
ถูกวางอยู่ในที่ที่ไม่ใช่ที่ของมัน ยกเว้น......เครื่องครัว ที่ดูเหมือนไม่มีใครแตะต้องสัมผัสมันตั้งแต่ผมจากไป พี่พาร์ทไม่ใช่คนแบบนี้
แบบที่จะทิ้งทุกอย่างในห้องให้รกรุงรัง ออกจะเจ้าระเบียบนิดๆ เสียงที่ดุเวลาผมไม่เก็บของแม้จะน้อยครั้ง แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าอีกฝ่าย
ใส่ใจต่อการดูแลห้องหับขนาดไหน ผมหยิบเสื้อผ้าหลายชุดที่พาดอยู่โซฟาขึ้นกอดเบาๆ สูดดมกลิ่นกายที่ยังหลงเหลืออยู่ ก่อนจะลอบยิ้มน้อยๆ
“คิดถึงพี่พาร์ทนะครับ” ผมเอ่ยเสียงแผ่ว ราวกับพี่พาร์ทมีตัวตนอยู่ตรงนี้ ลูบไล้เบาๆ สักพักก็เอาเข้าไปเก็บใส่ตระกล้าผ้าในห้องนอน
นั่งลงบนเตียง.....ที่เคยอบอุ่นขนาดไหนตอนที่เราเคยนอนกอดกัน ทั้งที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ไล้มือไปทั่วบริเวณที่เคยเป็นของผม
ทุกครั้งที่ลืมตาตื่นในตอนเช้า จะมีพี่พาร์ทที่ยังหลับตาพริ้ม เพียงผมแตะบางเบาที่ใบหน้าอีกฝ่ายมักจะตื่นอย่างง่ายดาย
ส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาที่ผมทั้งที่ดวงตาปรือแทบหลับ กุมมือผมแน่นๆ ก่อนจะจับมันวางทาบที่แก้มของตัวเอง แล้วหันมาสบตาผมนิ่งๆ
“รักปัตนะ” คำพูดสั้น ๆ ที่ทำเอาผมอายม้วนไม่เป็นท่า ได้แต่ยิ้มแก้มแทบปริแตก ใบหน้าร้อนผ่าวเสียจนคิดว่าน่าจะกลายเป็นลูกตำลึงสุก
“ปัตก็...รักพี่พาร์ทฮะ” ผมกระซิบเสียงแผ่ว บอกอีกฝ่ายให้ได้เข้าใจ ว่าไม่ได้เป็นอยู่ฝ่ายเดียวซะหน่อย เป็นภาพที่ดูดีเหลือเกินสำหรับผม
พี่พาร์ทมักจะดึงผมไปกอด จูบเบาๆ ที่หน้าผาก และพยายามจะสานต่อจากจูบ โดยมีผมที่ขัดขืน และชิ่งหนีก่อนเสมอ ภาพต่างๆ ดับวูบลง
ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอหนักๆ... ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ สะบัดหัวสองสามทีกลับเรียกสติกลับมาคืนมา ตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งเหม่อ
ผมควรจะจัดการกับทุกอย่างตรงหน้าให้เรียบร้อย ก่อนที่.........เจ้าของหัวใจผมจะกลับมา ผมเริ่มลงมือจัดการทุกอย่างตรงหน้า
เปลี่ยนผ้าคลุมเตียง ปอกหมอน สะบัดผ้าห่มคลุมทับอีกที เก็บแฟ้มให้เข้าที่โดยไม่ลืมใส่ที่คั่นหนังสือแล้วเอาคลิปลวดหนีบไว้เพื่อให้ง่าย
ต่อการเปิดหาหน้าที่เปิดค้างอยู่ในครั้งถัดไป เห็นพี่พาร์ททำบ่อยๆ เก็บอุปกรณ์ต่างๆ ให้เข้าที่ เดินไปหุงเข้าทิ้งไว้ ก่อนจะเริ่มปัดฝุ่น ดูดฝุ่น เช็ดถู
ทำความสะอาดห้องน้ำ จนทุกอย่างน่าจะกลับมาอยู่ในสภาพเดิมโดยสมบูรณ์แบบ แบบที่.....ผมเคยอยู่กับพี่พาร์ท ก้มดูเวลาอีกที
ผ่านไปเกือบ ๆ สามชั่วโมงแล้ว พอเปิดดูตู้เย็นออกก็เกือบสะอึก เห็นแต่เบียร์กระป๋องแช่อยู่เต็มตู้ ไม่มีอาหารที่พอจะทำกับข้าวได้
นอกจากไข่ไก่หลายฟองเท่านั้น ผมส่ายหัวเบาๆ น้ำตาพาลจะไหล เพราะผมเลือกที่จะให้มันเป็นแบบนี้สินะ กัดปากตัวเองแน่นๆ
สุดท้ายก็ตัดสินใจลงไปร้านชั้นล่างคอนโดที่มีของสดขาย รวมถึงพืชผักเล็กน้อย แม้จะไม่กี่อย่าง แต่อย่างน้อยก็พอจะมีอะไรให้เลือกมากขึ้น
ผมเลือกจะซื้อไก่ กับใบกระเพรา กระเทียมด้านบนยังพอมีอยู่ หมูอีกสักแพ็ค คราวหน้าเห็นทีจะต้องซื้อเข้ามาก่อน
วันนี้คงทำได้แค่กระเพราไก่ กับไข่เจียวหมูสับ เผื่อพี่พาร์ทกลับมาหิวๆ จะได้มีอะไรทาน พี่ภีมคงโทรบอกพี่พาร์ทไว้แล้วว่า
แม่บ้านจะมาทำความสะอาดให้ และทำอาหารเย็นให้ด้วย ที่ทำแบบนี้ก็ไม่ใช่ผมมีเงินอะไรหนักหนา แต่พี่ภีมเสนอให้ผมรับเงินเดือน
จากพี่พาร์ท โดยพี่ภีมจะเป็นคนจัดการให้ อย่างน้อยก็ค่าเดินทาง หรือค่าใช้จ่ายจิปาถะที่จำเป็นต้องซื้อ แม้จะปฏิเสธในตอนแรก
แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนท์ต่อเหตุผลทั้งหลายของพี่ภีม
“ปัตยังไม่ได้งานไม่ใช่เหรอ รับไว้เถอะที่ที่เราพักกับคอนโดพาร์ทก็ไกลกันเยอะ อย่างน้อยก็รับเงินนี่ไว้ให้พี่ได้สบายใจ
ว่าไม่ได้เอาเปรียบเรานะ” พี่ภีมตั้งข้อแม้ไว้ ไม่อย่างนั้นจะไม่ยอมช่วยให้ผมได้เข้ามาดูแลพี่พาร์ท ด้วยเหตุผลนี้ผมก็ต้องยอมรับ
โดยดุษฏี ผมกลับขึ้นมาบนห้อง เร่งมือทำกับข้าวให้ไวที่สุด ถึงปกติพี่พาร์ทจะกลับช้ากว่านี้ แต่ผมก็ไม่อยากเสี่ยง เร่งทำอยู่ครึ่งชั่วโมง
ก็เสร็จสิ้นทั้งอาหาร และจานชามกะทะที่ต้องล้างทำความสะอาด สะพายกระเป๋าตัวเอง เดินสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้งทุกอย่างโอเค
จนกระทั่งมาถึงห้องนอน ภาพเก่าๆ ฉายวนอีกครั้งเมื่อหน้าที่ทำความสะอาดเสร็จสิ้น เสียงกระซิบบอกรัก หรือแม้แต่ภาพ “ทำรัก”
ที่แสนรันจวนใจ ทุกท่วงท่าที่ตอบสนองกันและกัน ความอุ่นซ่านบนพื้นเตียง เสียงครางหวาน...ที่แสนสุขสม ความสุขที่เอ่อล้น
ผ่านเมือกน้ำสีข่าวขุ่น เสียงหอบเหนื่อย หยาดเหงื่อที่หลั่งรินรดกัน บ้าจริง.........คิดถึงมันเหลือเกิน ทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่มนิ่ม
สูดดมกลิ่นหอมของปอกหมอนและผ้าห่ม ยามที่เราทำรักกัน กลิ่นหอมนี่กลับลอยกรุ่นมากระทบจมูก เพราะมักจะเป็นผม
ที่จะคุกเข่าคลานสี่ขา คว่ำหน้าลงแนบกับหมอน ส่งเสียงครางกระเส่า เมื่ออีกคนซ้อนตัวอยู่ด้านหลัง มือแข็งแรงจับมั่นที่สะโพกผม
พร้อมแรงย้ำถี่ ๆ กระแทกเข้ามาซ้ำๆ จนผมตัวโยกคอน ริมฝีปากหนาและลิ้นร้อนๆ ที่กดจูบดูดซับ กัด เลียทั่วแผ่นหลัง
จนผมครางสะบัด แอ่นสะโพกหวานรับ แรงส่งจากสะโพกหนาๆ ของอีกฝ่าย ที่แทบจะกลืนกินความเป็นตัวตนผมทั้งตัว ให้เลือนหาย
เหลือเพียงสภาพที่ล่องล่อยเบาหวิวอยู่กลางอากาศ แล้วกระชากกลับล่วงลงสู่ที่ต่ำ ก่อนจะชักนำขึ้นสู่ที่สูงอีกครั้ง ซ้ำๆ ซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น
จนร่างกายต้องปลดปล่อยความเสียวซ่านเปรอะเปื้อน บนมือฝ่ามือหนาที่ไล้มากอบกุมแกนกลางของผม หอบครางทิ้งตัวหมอบลงกับ
พื้นเตียง ขณะที่อีกฝ่ายครางต่ำ กระแทกกระทั้นต่อเนื่องหนัก ๆ อย่างฉุดอารมณ์ไม่อยู่ เพียงชั่วครู่ผมก็รู้สัมผัสถึงความอุ่นซ่านของของเหลว
ที่พวยพุ่งเข้ามาในตัวผม พี่พาร์ทกัดเบาๆ ที่ไหล่ ร่างกายเกร็งกระตุกสองสามขยัก ก่อนจะทิ้งตัวนอนอยู่ข้างกัน ด้านล่างยังขยับเบาๆ
อย่างหยอกเย้า จนผมต้องตีศอกกระแทกหน้าท้องแข็งแรงนั่นเบาๆ อีกฝ่ายกลับหัวเราะขำๆ กระซิบกระซ่าบให้ผมม้วนตัวซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม
“น่าเอาอีกรอบชะมัด ” มือแข็งแรงนวดเฟ้นอยู่ที่แก้มก้นของผม ก่อนจะกระชับมือจับแน่นๆ แล้วเริ่มขยับช่วงล่างอีกครั้ง
.
.
.
“อ๊าาาาาาาาาา.....” ผมครางเสียงกระเส่า มือรูดรั้งอยู่กลางลำตัวเร็วๆ อีกสองสามที ก่อนจะปลดปล่อยน้ำสีข่าวขุ่น พร้อมกับทิ้งตัวลงกับพื้น
นอนหอบหายใจลงกับพื้นเตียง
“แกร๊ก....” ผมสะดุ้งสุดตัว แย่แล้ว....พี่พาร์ทกลับมาแล้ว รีบปิดซิปกางเกง กลิ้งตัวลงไปซ่อนใต้เตียง