[15] กว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ไมเคิลจากไป เจ้าของคฤหาสน์บริเจคส์เปลี่ยนพฤติกรรมไปเป็นคนละคน ไม่มีใครเข้าหน้าติดไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหน คริสไม่พูดจาหรือเสวนากับใครในบ้านโดยไม่จำเป็น แม้แต่แฟรงค์.. ก็พูดด้วยนับคำได้.. เวลาว่างจากงานคริสจะเข้ามานั่งในห้องไมเคิล ซึ่งเขาสั่งให้ทำความสะอาดทุกวันและให้คงสภาพทุกอย่างไว้เหมือนตอนที่เจ้าของห้องยังอยู่
แฟรงค์แทบไม่เชื่อว่าการจากไปของหนุ่มน้อยไมเคิลจะทำให้ คริส บริเจคส์ รู้สึกแย่ขนาดนี้ สภาพของคริสในวันนี้ทำให้ทุกคนรู้ซึ้งว่า.. คริสรักไมเคิลมากจริงๆ
“คริส.. คริส..”
แฟรงค์เขย่าตัวและเอ่ยเรียกเบาๆ เขาขึ้นไปหาคริสที่ห้องไม่พบก็รู้ว่าคริสต้องอยู่ในห้องนอนไมเคิล แต่ไม่คิดว่าจะอยู่ในสภาพเช่นนี้
ร่างสูงใหญ่นอนแผ่หราบนเตียงอย่างหมดสภาพ บนที่นอนข้างตัว XO ขนาด 70 Cl. พร่องไปกว่าครึ่ง ปกติคริสเป็นคนไม่ดื่ม จะดื่มเล็กน้อยเฉพาะเวลาออกงานเท่านั้น จึงไม่แปลกเลยที่เขาจะเมาไม่ได้สติกับบรั่นดีเพียง 2-3 แก้ว
แฟรงค์เรียกเท่าไรก็ไม่มีทีท่าว่าคริสจะรู้สึกตัว เขาลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ สักครู่ก็กลับออกมาพร้อมผ้าชุบน้ำในมือ
“อืมม์~~ ” เสียงทุ้มครางในลำคอ มือใหญ่พยายามปัดผ้าออกอย่างรำคาญ
“คริส.. ตื่นเถอะ คุณเมามาก..รู้มั้ย ขึ้นไปนอนที่ห้องเถอะ ผมจะพาไป”
คริสส่ายหน้า เขาไม่ได้เมาถึงขนาดไม่มีสติอย่างที่แฟรงค์เข้าใจ
“ฉันจะนอนนี่~~ นอนกับไมค์~~ ฉันคิดถึงเขา~~”
“ไม่เอาน่าคริส คุณต้องทำใจเรื่องไมเคิลบ้าง”
“ทำใจยังไงหรือแฟรงค์ เดือนกว่าแล้ว...ไมเคิลไม่ติดต่อกลับมาเลย หรือว่าเขาจะเข้ากับโทนี่ได้ดีจริงๆ จนลืมฉันไปแล้ว..” น้ำเสียงอ้อแอ้แฝงไว้ซึ่งความเสียใจ
“ไม่หรอกน่าคริส.. ไมเคิลรักคุณมาก เขาไม่มีวันลืมคุณ อาจมีเหตุขัดข้องบางอย่าง พวกเขาอาจต้องย้ายที่อยู่ไปมา เลยยังไม่สะดวกที่จะติดต่อกลับมา”
“อย่างน้อยก็น่าจะโทรศัพท์มาคุยกันบ้าง ฉันอยากรู้ว่าเขาสบายดีหรือเปล่า”
“ไม่เอาน่าคริส คุณคิดและกังวลเรื่องไมเคิลมากเกินไปแล้ว ผ่อนคลายบ้างเถอะ นานแค่ไหนแล้วที่คุณไม่ได้ผ่อนคลายอารมณ์ให้ตัวเอง”
คริสส่ายหน้าเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่ไมเคิลจากไป ในหัวใจและสมองของเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องอื่นเลยนอกจากเจ้าหนู..
แฟรงค์ก้มลงกระซิบ
“คุณจะรู้สึกดีขึ้นถ้าได้ผ่อนคลายบ้าง เชื่อผมเถอะนะ คริส..”
ร่างสูงนอนหลับตานิ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
“ให้ผมเรียกใครขึ้นมามั้ย ทิมมี่..หรือโจ.. หือ..”
คริสส่ายหน้าแฟรงค์จึงเสนอแจ๊ค... เมื่อคริสส่ายหน้าอีกแฟรงค์จึงกล่าวสรุป
“คุณต้องการบอยเหรอ.. ผมจะไปตามให้นะ”
แฟรงค์ขยับตัวแต่ต้องชะงักเมื่อคริสเอ่ยขัดขึ้น
“ทำร้ายหัวใจนายหรือเปล่า แฟรงค์.. ถ้าฉันให้บอยขึ้นมา”
แฟรงค์หัวเราะ
“เด็กทุกคนเป็นสิทธิของคุณ บอยรู้สึกดีกับผมไม่ได้หมายความว่าผมเป็นเจ้าของเขา”
“นายไม่รู้สึกอะไรแต่บอยอาจรู้สึก โดยเฉพาะถ้านายเป็นคนไปเรียกให้ขึ้นมาหาฉัน ฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้นแฟรงค์.. ขอบใจที่เป็นห่วง เด็กพวกนี้ทำให้ฉันนึกถึงไมเคิล ฉันไม่อาจมีอะไรกับหนุ่มน้อยพวกนี้ได้อีกต่อไปแล้ว แฟรงค์..”
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าไมเคิลทำให้คุณเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าคุณจะเปลี่ยนไปคบกับผู้หญิง เป็นไปไม่ได้หรอกคริส.. ถึงจะพยายามสักกี่ครั้ง คุณก็ไม่มีความสุข เพราะคุณไม่ชอบ”
คริสลืมตาขึ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงลิ้นพันกันเล็กน้อย
“ใครบอกนายว่าฉันจะคบกับผู้หญิง ฉันหมายถึงเฉพาะเด็กหนุ่มๆ เท่านั้น ยิ่งอายุใกล้เคียงกับไมเคิลด้วยแล้ว ฉันขอผ่าน...”
แฟรงค์พยักหน้าหงึก เพิ่งเข้าใจความหมายของคริส
“คุณมีคู่ขาที่ไหนบ้าง ผมโทรตามให้มั้ย”
คริสส่ายหน้า
“ฉันไม่เคยมีคู่ขาที่ไหน แฟรงค์.. ฉันไม่ชอบไปมีอะไรกับใครนอกบ้านนายก็รู้ บางทีฉันอาจต้องหาใครสักคนมาอยู่ใกล้ๆ เป็นเพื่อนคลายเหงาอย่างที่นายพูดจริงๆ อายุขนาดนายคงจะดี พอจะเป็นคู่คิดได้บ้าง” ประโยคสุดท้ายคริสรำพึงกับตัวเอง
แฟรงค์หน้าเสีย หากคริสหาใครมาอยู่ด้วยจริงๆ คงเรื่องใหญ่แน่ ไม่เพียงแต่หนุ่มน้อยทั้งสี่จะไม่พอใจเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าและหมดความหมายกับคริสแล้ว แม้แต่เขาเองก็รู้สึกไม่พอใจอย่างไม่มีเหตุผล ดีไม่ดีตัวเขาเองก็จะตกกระป๋องตามไปด้วยเช่นกัน ถ้าคริสหาคนไม่ถูกชะตาเข้ามาอยู่ด้วยบ้านคงไม่สงบสุขแน่
“นายจะหาให้ฉัน..หรือให้ฉันหาเอง แฟรงค์..” คริสเอ่ยถามเมื่อเห็นแฟรงค์นิ่งเงียบไป
“เอ่อ.. คุณหาเองเถอะคริส.. ผมหาไม่ถูกหรอก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาใครมาถูกใจคุณ ผมไม่ขัดความคิดของคุณนะคริส.. แต่อยากให้ใช้เวลาคบหาคนที่ไว้ใจได้ มีนิสัยใจคอดี และควรเข้ากับทุกๆ คนในบ้านได้ด้วย”
“ที่พูดมาไม่มากไปหน่อยหรือแฟรงค์.. ฉันเป็นเจ้าของบ้านนะ จะทำอะไรต้องแคร์ความรู้สึกของคนอื่นก่อนตัวเองงั้นหรือ”
“เอ่อ.. ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น แค่บอกว่าให้คุณเลือกดีๆ ดูให้ถูกใจคุณและมีนิสัยเข้ากับเด็กๆ พวกนั้นได้ก็พอ”
คริสหัวเราะในลำคอ สบตากับแฟรงค์อย่างมีความหมาย
“รวมถึงนายด้วยหรือเปล่า แฟรงค์.. ใครที่ฉันถูกใจต้องเข้ากับนายได้ด้วยใช่มั้ย..”
แฟรงค์หน้าร้อนวูบรู้สึกอายที่คริสรู้ทัน รีบเบือนหน้าหลบสายตาไม่ตอบคำถาม
“ไม่มีคนนอกที่ไหนจะเข้ากับเด็กแสบพวกนั้นได้หรอกแฟรงค์.. นายก็รู้จักนิสัยจอมป่วนของเด็กพวกนี้ดี..”
ร่างสูงยันตัวขึ้นนั่ง แฟรงค์ช่วยฉุดให้ลุกขึ้น
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคริส.. เพียงแต่คุณต้องใช้เวลาหน่อย จะหาคนดีจริงใจไม่ใช่เรื่องง่าย ”
“กลัวฉันถูกหลอกหรือแฟรงค์ หือ..” เสียงทุ้มกระซิบถามกลิ่นแอลกอฮอล์โชยคลุ้งจนอีกฝ่ายเบือนหน้าหนี
คริสหัวเราะเมื่อแฟรงค์ไม่ตอบคำถาม
“ทำไมฉันต้องไปหาให้วุ่นวายด้วย คนที่มีคุณสมบัติอย่างที่นายว่าก็อยู่ในบ้านเราแล้ว”
“นายคงไม่คิดว่าฉันหมายถึงเจ้าจอนนี่หรือลูหรอกนะ”
แฟรงค์หน้าแดงทั้งจากการกระทำและคำพูด ลมหายใจร้อนและจมูกโด่งไซ้สัมผัสข้างแก้มเขา นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่เคยได้รับสัมผัสหยอกเย้าจากหนุ่มใหญ่ผู้นี้.. ใช่!! นาน.. นานมาก.. ตั้งแต่คริสมีหนุ่มน้อยทั้งสี่คนอยู่ข้างกายก็ไม่เคยต้องการเขาอีกเลย
“รู้ใช่มั้ยว่าฉันหมายถึงใคร แฟรงค์..” ร่างสูงโปร่งถูกผลักหงายลงบนที่นอน คริสตามลงไปกระซิบข้างหูและกระเซ้าด้วยการขบใบหูแฟรงค์เบาๆ
แฟรงค์ขนลุก..สองมือยันร่างสูงไว้
“อย่าล้อเล่นน่ะคริส คุณเมารู้ตัวหรือเปล่า ผมหาให้คุณก็ได้แต่ขอเวลาหน่อยเท่านั้น”
“ไม่.. ฉันไม่เมา~~ และไม่ต้องการคนอื่นนอกจาก..นาย~~…”
“เอ่อ.. แต่ว่าผม…”
“ไม่มีแต่..นะแฟรงค์.. นายบอกเองว่าฉันควรผ่อนคลายอารมณ์บ้าง และตอนนี้ฉันกำลังต้องการ ถ้านายไม่ช่วย.. ต่อไปก็ไม่ต้องมาแนะนำอะไรอีก”
ร่างสูงลุกขึ้นคว้าบรั่นดีข้างตัวขึ้นมาทำท่าจะเปิด
“โอเค! คริส.. ยังไงก็ได้ คุณเป็นเจ้านาย ต้องการให้ปรนนิบัติผมก็จะทำ ชอบหรือไม่..ผมก็ไม่มีสิทธิปฏิเสธอยู่แล้ว”
คริสโยนขวดเหล้าทิ้ง ร่างสูงใหญ่ขยับลงทาบร่างโปร่งของชายหนุ่ม
“ไม่ชอบจริงหรือแฟรงค์~~ เรามาฟื้นความหลังกันหน่อยดีกว่า อย่าทำหน้าแบบนี้ซี… ทำเหมือนเพิ่งขึ้นเตียงกับฉันวันแรกงั้นแหล่ะ..”
แฟรงค์ซ่อนความรู้สึกยินดีไว้ภายใต้สีหน้าเขินอาย ริมฝีปากบางเผยอรับจูบจากอีกฝ่าย สัมผัสร้อนและรสชาดของบรั่นดีที่ปลายลิ้นเร้าอารมณ์ปรารถนาของเขาให้คุขึ้นในทันที ลำแขนเรียวโอบคอร่างสูงรับสัมผัสดูดดื่มที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างเต็มใจ
แฟรงค์แอบดีใจอยู่ในส่วนลึกที่คริสเปลี่ยนใจไม่อยากมีอะไรกับเด็กหนุ่มและต้องการให้เขาปรนนิบัติแทน จะเพราะความเมาหรือเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบหรือเปล่าเขาไม่รู้ แต่ที่รู้คือ..เขาไม่ยอมให้เรื่องที่คริสพูดเมื่อครู่เป็นจริงแน่ เขาไม่มีทางยอมให้คริสหาใครแปลกหน้าเข้ามาเป็นสมาชิกคนใหม่ในบ้านให้เป็นภาระและปัญหาหัวใจกับเขาอย่างแน่นอน จะว่าเขานิสัยไม่ต่างจากเด็กหนุ่มพวกนั้นก็ได้ ถ้าคริสทำจริงอย่างที่พูด และสมาชิกใหม่เป็นชายหนุ่มไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตาม คงถึงคราวที่เขาต้องออกแรงป่วนด้วยตัวเองบ้างแล้ว
แฟรงค์คิดว่าการได้ผ่อนคลายอารมณ์บ้างเป็นเรื่องที่ดี คริสอาจลืมไมเคิลได้ชั่วขณะ แต่เปล่าเลย…
“ฉันชอบนาย แฟรงค์.. แล้วนายล่ะ รู้สึกยังไงกับฉัน.. หือ..” เสียงทุ้มกระซิบถามขณะกำลังบรรเลงเพลงรัก
“อย่าถามเลยคริส ผมเกือบจะเป็นทาสคุณอยู่แล้ว อ๊ะ.. อาา~~"
แฟรงค์ร้องคราง เขาไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกนี้มานานแล้ว กับหนุ่มน้อยทั้งสี่หรือผู้ชายคนอื่น เขาเป็นฝ่ายกระทำไม่ใช่ถูกกระทำแบบนี้
“แฟรงค์.. ฉันคิดถึงไมเคิล คิดถึงมากเลย อยากไปเยี่ยมลูก นายไปกับฉันนะแฟรงค์”
เสียงกระซิบครั้งนี้ทำเอาแฟรงค์เกือบหมดอารมณ์
“โอ!!!…คริส.. ได้โปรดเถอะ ทำธุระของเราให้เสร็จก่อน อย่าคิดถึงลูกตอนนี้ คุณคงไม่อยากให้ไมเคิลฝันเห็นคุณกำลังอยู่ในร่างกายของผมใช่มั้ย..”
คริสหยุดคิดถึงไมเคิลชั่วขณะทันทีเพราะไม่อยากให้หนุ่มน้อยฝันเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ยิ่งฝันถึงพ่อเก่งๆ อยู่ด้วย…
กว่า 3 เดือนแล้วที่ไมเคิลจากไป คริสไม่ได้รับการติดต่อจากหนุ่มน้อยเลย ทั้งที่ก่อนจะจากกันไมเคิลสัญญาว่าจะรีบส่งที่อยู่มาให้เขาทันที เผื่อว่าเขาจะแวะไปเยี่ยม
อีกครั้งที่คริสตกอยู่ในอาการฝันร้ายและผวาตื่นกลางดึกติดต่อกันหลายคืน คืนนี้ก็เช่นกัน คริสส่งเสียงเรียกไมเคิลก่อนจะสะดุ้งตื่นพร้อมๆ กับแฟรงค์ซึ่งตกใจตื่นเพราะเสียงร้องของเขา
“มีอะไรคริส!! คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ขอโทษแฟรงค์ ฉันไม่เป็นไรแต่ไมเคิลเป็น ฉันได้ยินเสียงเขาร้องไห้”
แฟรงค์เอื้อมมือเปิดไฟที่หัวเตียง ตีหนึ่งกว่าเอง.. เพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงคริสก็ฝันร้ายแล้ว อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะเช้า จะฝันอีกกี่รอบก็ไม่รู้ เขามองคริสด้วยความเห็นใจ ดวงตาสีฟ้าคู่สวยหม่นหมองด้วยความทุกข์
“อย่าคิดมากเลยคริส คุณคิดถึงไมเคิลมากเกินไปก็เลยเก็บมาฝัน”
“ไม่!! แฟรงค์.. ฉันไม่ได้คิดมาก ฉันได้ยินเสียงไมเคิลร้องไห้มา 2-3 คืนแล้ว... ไมเคิลกำลังได้รับอันตราย ฉันจะไปฮ่องกง นายต้องไปกับฉันด้วย เราจะออกเดินทางแต่เช้านะ แฟรงค์..”
“ใจเย็นๆ คริส.. ใจเย็น”
แฟรงค์กล่าวปลอบ ชักไม่แน่ใจกับอาการฝันร้ายซ้ำๆ ของคริส คริสเคยมีอาการฝันประหลาดเช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งความฝันนั้นชักนำให้เขาออกเดินทางไปหาหนุ่มน้อยจนพบอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ฝันร้ายครั้งนี้อาจเกิดจากความคิดถึงอย่างมากก็ได้
“ฉันใจเย็นไม่ไหวแล้วแฟรงค์ ถ้าช้ากว่านี้ อาจไม่โชคดีอย่างครั้งที่แล้ว”
“แต่เราไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน เช็คให้รู้ก่อนแล้วค่อยเดินทางไม่ดีกว่าเหรอ..”
“ไม่จำเป็น ไปหาโรเจอร์ที่สถานทูตให้เขาช่วยหาให้ นายจะไปด้วยมั้ย”
“โอเค! แล้วแต่บอสเถอะครับ ผมไม่กล้าขัดคำสั่งหรอก”
แฟรงค์ลุกขึ้นจากเตียงคว้าเสื้อคลุมขึ้นสวม
“จะไปไหน” คริสเอ่ยถาม
“ผมจะกลับไปนอนที่ห้องนะ คริส.. พรุ่งนี้เช้าเจอกัน”
แฟรงค์เดินสโลสเลไปที่ประตูแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มบ่นตัดพ้อเป็นภาษาอังกฤษ
((แค่ฉันฝันร้ายทำให้ตกใจตื่น นายก็หนีกลับไปนอนที่ห้อง นับประสาอะไรถ้าฉันเจ็บหนักคงหมดหวังที่จะให้นายช่วยดูแล))
แฟรงค์ยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจเดินกลับมาที่เตียง ล้มตัวลงนอนคว่ำเอาหมอนปิดหูไว้ ไม่อยากฟังเสียงคริสบ่นอีก
คริสระบายยิ้ม ร่างสูงขยับเข้าสวมกอดชายหนุ่ม
“ไม่กลับไปนอนที่ห้องล่ะแฟรงค์ หือ..”
เงียบ!! ไม่มีเสียงตอบลอดออกมา คริสดึงหมอนออกจมูกโด่งและริมฝีปากร้อนสัมผัสซุกไซ้ที่ซอกคอ
“นายห่วงฉัน แสดงว่านายรักฉันใช่มั้ย”
เสียงทุ้มกระซิบถาม ลำแขนแกร่งสวมกอดร่างเพรียวแนบแน่นจนอีกฝ่ายขนลุกซู่ต้องหันมากล่าวอ้อนวอน
“ได้โปรดเถอะคริส นอนเถอะนะ เราต้องออกเดินทางแต่เช้าไม่ใช่เหรอ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาผ่อนคลายอารมณ์กัน มันดึกมากแล้วนะคริส”
คริสหัวเราะ
“ใครจะผ่อนคลาย ฉันไม่ได้มีอารมณ์ซะหน่อยแค่อยากกอดเฉยๆ นายไม่อยากให้แตะต้องก็ไม่เป็นไร กู๊ดไนท์แฟรงค์.. ฉันจะไม่กวนอีก จะไม่ทำให้นายตกใจตื่นอีกด้วย”
ร่างสูงขยับตัวออกห่างและนอนหันหลังให้ เขาจะไม่ทำให้แฟรงค์ตกใจตื่นอีกอย่างแน่นอนเพราะเขาไม่สามารถข่มตาหลับได้อีก เสียงร้องไห้ของไมเคิลยังติดหูเขาอยู่จนถึงนาทีนี้
…แด๊ด.. แด๊ดดี้…. ฮือๆ….
คริสสะดุ้งเมื่อถูกสัมผัสที่เอวเบาๆ ทำเอาแฟรงค์สะดุ้งตาม
“ให้ตายเถอะ คริส คุณตกใจอะไรนักหนา ทำไมขวัญผวาง่ายอย่างนี้”
ครั้งนี้คริสไม่รู้สึกว่าตัวเองผิด นอกจากไม่ขอโทษแล้วยังโวยใส่แฟรงค์ฐานที่ทำให้เขาตกใจ
“นายนั่นแหล่ะ บอกจะนอนทำไมไม่นอน”
“ก็.. เอ่อ..”
แฟรงค์อึกอักไม่กล้าบอกเหตุผลว่าทำไมนอนไม่หลับ ตัดสินใจลุกจากเตียงอีกครั้งและรีบบอกก่อนจะถูกถาม
“ผมไปเข้าห้องน้ำนะ”
“ปวดท้องหรือแฟรงค์ หรือปวดฉี่”
“เรื่องส่วนตัวของผม คุณไม่ต้องมาถาม”
แฟรงค์สะบัดหน้าและเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่เดินไปไม่ถึงก็ต้องหยุดชะงักกับคำพูดกระเซ้าตามหลัง
“ไปห้องน้ำจะได้เรื่องหรือแฟรงค์ ไปหาบอยดีกว่ามั้ง”
ร่างสูงเพรียวหันมายิ้มหวานให้บอสแสนรัก
“โอเค!.. แสดงว่าคุณอนุญาตให้ผมไปหาบอยได้ใช่มั้ย ขอบคุณนะคริส กู๊ดไนท์ แล้วเจอกันตอนเช้า” แฟรงค์รีบตัดบทและเดินรี่ไปที่ประตู
“ไหนบอกว่าดึกมากแล้ว ไม่ใช่เวลาจะผ่อนคลายอารมณ์ไง จะไปปลุกเด็กให้ตื่นขึ้นมาสนองอารมณ์นายตอนนี้ ไม่เหมาะมั้งแฟรงค์”
แฟรงค์ชะงักเท้าที่หน้าประตู รู้สึกไม่เหมาะจริงอย่างที่คริสพูด แต่ก็รู้สึกโกรธและน้อยใจที่คริสแกล้งปลุกอารมณ์เขาให้ต้องการ แต่ตัวเองกลับไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย ร่างสูงเพรียวหันกลับมายืนพิงประตูสบตากับคริสที่อยู่ในท่าครึ่งนั่งครึ่งนอนและส่งยิ้มหวานให้ คงสนุกที่แกล้งเขาได้
แฟรงค์หาวิธีแก้เผ็ดเจ้านายสุดที่รักกลับคืนบ้าง เขาปลดเชือกเสื้อคลุมและเปลื้องกางเกงนอนกองลงที่พื้น
คริสนั่งนิ่งรอยยิ้มบนสีหน้าจางลง ไม่กล้าเอ่ยกระเซ้าอีก ภาพที่เห็นตรงหน้าแม้จะอยู่ในเงาสลัว แต่ทั้งกิริยาและน้ำเสียงบอกให้รู้ว่าแฟรงค์ตั้งใจมาสเตอร์เบทต่อหน้าเขาด้วยความโกรธ ไม่ถึงหนึ่งนาทีแฟรงค์ก็เสร็จสมอารมณ์หมาย ก้มลงคว้ากางเกงนอนเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำไป
แฟรงค์ออกจากห้องน้ำตรงมาที่เตียงและหยิบหมอนขึ้นมาถือไว้ เขากล่าวเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“กู๊ดไนท์ คริส.. ผมจะไปนอนที่โซฟานะ ” แฟรงค์เอื้อมมือดับไฟที่หัวเตียงก่อนเดินฝ่าแสงสลัวไปล้มตัวลงนอนบนโซฟา
คริสยังนอนลืมตาอยู่ในความมืดขณะที่แฟรงค์ส่งเสียงกรนคร่อกแล้ว
….ให้ตายเถอะ! ตั้งแต่คบกันมาเขาไม่เคยได้ยินน้ำเสียงเย็นชาเช่นนี้จากแฟรงค์เลย ความรู้สึกบอกทันทีว่าแฟรงค์โกรธเขาจริงๆ และโกรธมากด้วย…
เป็นนิสัยเฉพาะตัวของแฟรงค์เรื่องรู้สึกไวต่อสัมผัสต่างๆ ได้ยินเสียงอะไรผิดปกติหรือถูกปลุกเพียงเบาๆ ก็จะสะดุ้งตื่น จึงไม่แปลกเลยที่หลายคืนมานี้แฟรงค์นอนไม่เต็มอิ่มเพราะถูกเขาเรียกให้มานอนเป็นเพื่อน และสามคืนแล้วที่เขาฝันร้ายผวาตื่นกลางดึกทำให้แฟรงค์สะดุ้งตื่นตามไปด้วย
นิสัยเฉพาะตัวเช่นนี้ ยังทำให้แฟรงค์มีความรู้สึกไวต่อสัมผัสที่เร้าอารมณ์ทางเพศด้วย เขาแกล้งกระเซ้าไม่คิดว่าแฟรงค์จะเกิดความต้องการมากถึงขนาดต้องหาทางปลดปล่อย นอกจากเขาจะไม่สนองตอบแล้วยังพูดแหย่อีก ถึงขนาดหนีไปนอนบนโซฟาแสดงว่าคืนนี้แฟรงค์คงโกรธเขามากจริงๆ
....ทำไมถึงไม่อ้อนเหมือนทุกครั้งล่ะ แฟรงค์.. แค่บอกว่าต้องการเท่านั้น... ถึงจะทุกข์เรื่องลูก.. แต่ความต้องการของคนรัก..ฉันจะปฏิเสธได้ยังไง นายทำเหมือนไม่รู้จักนิสัยฉัน...
แฟรงค์ในชุดลำลองกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดมาอย่างร้อนรน พบคริสอยู่ในชุดพร้อมจะออกเดินทางนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ห้องโถง
“ทำไมไม่ปลุกล่ะคริส จะออกเดินทางกี่โมง ผมสำรองตั๋วก่อนนะ”
แฟรงค์คว้าโทรศัพท์ขึ้นจะโทรไปสำรองที่นั่ง
“ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว เครื่องออก 4 โมงเช้า นายจะไปด้วยหรือเปล่า”
แฟรงค์วางหูโทรศัพท์ลง เวลาขณะนี้ 2 โมงเช้าแล้ว เครื่องออก 4 โมงทำไมคริสยังนั่งอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะอยากให้เขาไปด้วยคงไม่นั่งคอยหรอก
“ผมต้องไปด้วยไม่ใช่เหรอ เมื่อคืนคุณสั่งอย่างนั้น”
“คำสั่งเมื่อคืนยกเลิก ฉันจะไปคนเดียว นายอยู่ดูแลบ้านล่ะกัน”
ร่างสูงลุกขึ้นยืนขยับจะเดิน แฟรงค์ก็เข้ามายืนประชิดขวางทางไว้
“ไปคนเดียวได้แน่หรือ คริส.. ใครจะช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณ ที่สำคัญใครจะอยู่เป็นเพื่อนตอนคุณฝันร้าย หือ…”
คริสสบตาเลขาคู่ใจของเขา ใบหน้าหล่อเข้มส่งสายตาแสดงความห่วงใยเต็มเปี่ยม จนเขารู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“นายต่างหากแฟรงค์.. นายคงไม่อยากอยู่ใกล้ตอนฉันฝันร้ายอีก ไม่อย่างนั้นนายคงไม่หนีฉัน…” คริสหยุดพูดเมื่อถูกอีกฝ่ายสวมกอดและกระซิบขอโทษ
“ผมขอโทษคริส ขอโทษที่หนีไปนอนบนโซฟา คุณโกรธผมเรื่องนี้ใช่มั้ยถึงไม่อยากให้ผมไปด้วย”
“ฉันไม่ได้โกรธนาย แต่ฉันต่างหากที่ทำให้นายโกรธ ขอโทษนะแฟรงค์..”
แฟรงค์ซ่อนยิ้มในสีหน้า นึกไม่ถึงว่าคริสจะรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เขาไม่ได้โกรธคริสซะหน่อย ที่เลี่ยงมานอนบนโซฟาเพราะไม่กล้าเข้าหน้าและรู้สึกละอายกับการกระทำของตัวเองต่างหาก
“ผมรักคุณนะคริส ไม่เคยนึกโกรธคุณเลย สาบานได้ ผมจะไม่ทำแบบนั้นต่อหน้าคุณอีก ถ้าทำ.. ผมจะให้คุณเป็นคนทำให้ ”
ประโยคสุดท้ายแฟรงค์แกล้งพูดลองใจ และเมื่อคริสไม่ปฏิเสธแถมยังยิ้มให้ ร่างสูงเพรียวจึงขยับเข้าจุมพิตแก้มบอสแสนรักด้วยความเสน่หา หัวใจลิงโลดด้วยความยินดีใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อถูกลำแขนแกร่งรั้งตัวเข้าไปจูบกลับคืน จะไม่ให้รู้สึกยินดีได้ยังไง คริสไม่เคยปฏิบัติเช่นนี้กับใครกลางห้องโถง และริมฝีปากอุ่นจัดของคริสก็ไม่ได้สัมผัสที่แก้มเขาแต่เป็นที่ริมฝีปาก
พ่อบ้านถือกระเป๋าเดินทางของแฟรงค์ตามลงมา รู้สึกแปลกใจที่เห็นเจ้านายปฏิบัติกับคุณแฟรงค์เช่นนี้ ถ้าเป็นหนุ่มน้อยทั้งสี่คนจะไม่รู้สึกแปลกใจเลย แต่เจ้านายก็ย่อมเป็นเจ้านาย มีสิทธิทำอะไรแปลกๆ ได้เสมอ
แฟรงค์รับสูทลำลองจากลูและบอกให้เอากระเป๋าไปไว้ที่รถ เมื่อแฟรงค์สวมสูททับก็อยู่ในสภาพพร้อมจะออกเดินทางได้ทันที แฟรงค์เป็นหนุ่มลูกครึ่งไทยสวิส หน้าตาและรูปร่างดี สูงใหญ่กว่าชายไทยทั่วๆ ไปแต่บางกว่าคริสพอประมาณ ไม่ว่าจะอยู่ในชุดหล่อเนี๊ยบ หรือเสื้อยืดคอกลมเพียงตัวเดียว แฟรงค์ก็ดูดีเสมอ
“บอกเด็กๆ หรือยังคริส ว่าเราจะไม่อยู่หลายวัน”
“บอกแล้ว บอยถามว่าทำไมนายต้องไปด้วย ปกติฉันมักจะให้นายอยู่เฝ้าบ้านเวลาฉันไม่อยู่หลายๆ วัน”
“ทำไมต้องถามด้วยวะ!! เด็กบ๊องส์! จะมาเป็นเจ้าของชีวิตฉันหรือไง”
แฟรงค์รู้สึกระอาใจกับบอยหนุ่มน้อยวัย 16 ปีคนนี้ ซึ่งนับวันจะเริ่มเกาะติดเขามากขึ้น ยิ่งรู้ว่าเขาต้องขึ้นไปนอนเป็นเพื่อนคริสด้วยแล้ว หนุ่มน้อยก็เริ่มไม่พอใจพาลต่อว่าไปถึงคริสจนเขาโกรธ ดุว่าเข้าให้ก็น้ำตาร่วงผล็อย
... บอกไปก็คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่า หลายคืนมานี้เขานอนเป็นเพื่อนคริสเฉยๆ ไม่มีอย่างอื่นเลยจริงๆ จะมีก็แต่เมื่อคืนนี้ ซึ่งเขามีคนเดียวคริสไม่ได้มีด้วย...
กำลังจะก้าวขึ้นรถทั้งคู่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสาวใช้วิ่งออกมาจากตึก นำโทรศัพท์มายื่นให้บอกว่ามีสายด่วนจากสนามบิน คริสรับสายเพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินที่สำรองไว้