ตอนที่ 7 คนของเธอ (2)"มาแล้วหรอ?"
คนที่ปล่อยให้ทุกคนพักเบรคระหว่างการประชุมเดินออกมากำลังจะไปเข้าห้องน้ำ กลับชะงักเมื่อเห็นพี่ชายตัวเองยืนคุยกับเนมอยู่
ไม่คิดว่าเนมจะถึงออฟฟิศแล้ว เพราะเห็นเนมไม่โทรหรือส่งข้อความมาบอกก่อน
"มาตั้งแต่เมื่อไหร่?"
"ทำไมพี่ไม่บอกผม พี่จำได้มานานแล้วใช่ไหมว่าผมคือใคร? พี่หมี"
เรื่องที่มาตอนไหน? มันไม่มีความสำคัญต้องตอบเท่ากับสิ่งที่เนมอยากรู้ในตอนนี้ เพราะการที่ได้รู้ว่าพี่ตูน คือ พี่หมี มันเป็นข่าวดีที่ช่วยกลบความหวาดวิตกจากเรื่องคนโรคจิตที่ส่งของมาข่มขู่และสร้างความปั่นป่วนในจิตใจก่อนหน้าได้
การได้กลับมาโคจรพบกันอีกครั้งกับเพื่อนบ้านสมัยยังเด็ก มันช่วยทำให้เนมลืมเรื่องขนหัวลุกได้เป็นปลิดทิ้ง
หันขวับไปมองพี่ชายตัวเองยักไหล่ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
รู้ตัวเองว่าอาจมีผลเสียตามมา จึงพยายามเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ให้เนมรู้ แต่ก็ไม่คิดหรอกว่าพี่ชายจะกวนประสาทด้วยการบอกความจริงกับเด็กข้างบ้าน ยืนนิ่งพลันเหลือบเห็นพนักงานในบริษัทที่กำลังเดินผ่านพวกเขาเหล่มอง ตูนคว้าข้อมือเนมเพื่อไปคุยกันข้างนอก
เดินเข้ามาในห้องน้ำและปล่อยข้อมือเนม คนที่เดินนำตกใจ เมื่อเนมพุ่งมากอดจากด้านหลังจนตูนเซถลาไปข้างหน้าเล็กน้อย
อยากอยู่อย่างนี้นานๆ...
คนที่โดนสวมกอดยืนนิ่งรับไออุ่นจากอ้อมแขนของเนม การฉกฉวยโอกาสเล็กๆน้อยๆที่มาพร้อมความรู้สึกละอาย
เมื่อความจริงมันก็ปรากฎทนโท่ว่า เนมเป็นแฟนเพื่อน...
แกะแขนเนมออกแล้วบอก
"เดี๋ยวมีคนเห็น"
"ผมดีใจมากเลยที่ได้เจอพี่ พี่หมี"
"เรียกตูนแบบเดิมเถอะ"
"ก็ได้ ผมจำพี่ตูนไม่ได้เลย โตแล้วหล่อขึ้นนะเนี่ย" บอกแล้วเงยหน้า ดึงแก้มพี่ตูนสองข้างจนยืดไร้รูปทรง
"ปล่อยเนม โตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ เล่นอะไร?"
"แหม...ทำไมกลัวเจ้านายมาเห็นหรอ?"
"กลัวทำไม ก็มันนั่นแหละเจ้านาย"
กึก!
ยืนมองอยู่นาน แต่ไม่ทัก เพราะกำลังประเมินสถานการณ์อยู่ว่า น้องชายจะฝืนความรู้สึกที่มีต่อเนมได้มากน้อยแค่ไหน?
ไม่ได้ตกใจในคำพูดของพี่โต สิ่งที่ตกใจ คือ อายที่พี่โตคงเห็นทั้งสองกอดกันเมื่อสักครู่
"ผมนึกว่าพี่เป็นพนักงาน พี่เป็นเจ้าของบริษัทหรอ?"
ตูนส่งสายตาพยักเพยิดไปทางพี่ชาย
"เปล่า ไม่ใช่ของพี่ ของพี่โต นี่พึ่งใบบุญเขาอยู่"
"เหอะ!"
โตยิ้มพลางเลิกคิ้วก่อนจะเดินไปยังโถปัสสาวะเพื่อทำธุระส่วนตัว
ฟากเนมชักไม่แน่ใจว่าพี่น้องกำลังพูดความจริงหรือประชดประชันใส่กัน จะว่าไป ตั้งแต่รู้จักพี่ตูน เนมก็ไม่ได้ถามเรื่องเกี่ยวกับงานของเขาเลย หรืออีกนัยหนึ่ง เนมไม่เคยคิดจะสนใจเรื่องราวส่วนตัวของพี่ตูนมากไปกว่า การสนใจแต่เรื่องตัวเอง หวังดึงพี่ตูนมาเป็นที่พึ่งและตัวสำรองในระหว่างที่แม็คไม่มีเวลาให้กัน
ช่างเห็นแก่ตัว ที่คิดให้ตัวเองสบายใจอยู่ฝ่ายเดียว
"บริษัทของพี่ เกี่ยวกับอะไร?"
"ประชุมเสร็จจะบอก" คนที่แยกจากเนมไปยังโถปัสสาวะบ้าง ปล่อยให้คนที่โดนลากมา ยืนรอตรงหน้ากระจกเงาบานใหญ่
มองคนที่จัดการธุระเสร็จอย่างเร็วไวก็พากันออกไปข้างนอก
"รอที่นี่แล้วห้ามออกไปไหน?" คนที่เดินตามพี่ตูนต้อยๆเข้าห้องผู้บริหาร รู้สึกเกร็ง เมื่อสายตาของพนักงานบางคนที่ยังทำงานแอบมองเป็นระยะๆ
ยังไม่ทันได้สังเกตออฟฟิศของพี่ตูนอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ก็พอเห็นคร่าวๆว่าที่ทำงานมีการถูกจัดสรรพื้นที่ด้วยการทำห้องกระจกแบ่งย่อยอยู่หลายส่วน
ยามนี้ ทั้งสองอยู่ในห้องที่ตอนแรกสามารถมองด้านนอกได้ทะลุ ปรุโปร่งกลับทึบเมื่อพี่ตูนดึงม่านม้วนมาปิดจนมิด
"ผมไม่ใช่เด็กนะ รู้น่า ไม่ต้องบอก"
เบะปาก เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แล้วเบนหน้าหนีไปทางอื่น
"หึๆ...เชื่อก็ได้ครับ น้องเนม แต่เตือนไว้ก่อนอย่ารื้อของมาเล่นและอย่าฉีกเอกสารของพี่นะ" คนที่พูดจายียวน ก้มหน้าแล้ววางมือลงบนหัวทุย ฟากเนมปัดมือออก พลางขมุบขมิบปากเมื่อรู้ว่าพี่ตูนกวนประสาทกัน
"พี่ตูน แม่ง"
ไม่อยู่ฟังเด็กโวยวาย รีบเดินออกจากห้องของตัวเองไปประชุมต่อด้วยรอยยิ้มกว้างกว่าตอนแรก
ในขณะที่เจ้าของห้องเดินลับตาไป ชายหนุ่มที่นั่งรออย่างไม่รู้จะทำอะไรก็คว้าเครื่องมือสื่อสารมากรอกตัวเลขที่จำได้โดยไม่ต้องเข้าหมวดรายชื่อ
[ว่าไงครับ เนม]
"นึกว่าจะไม่รับโทรศัพท์กัน"
พูดตัดพ้ออย่างไม่จริงจัง เนมพยายามมองโลกในแง่ดีว่า ไม่ได้เจอหน้า ได้ยินเสียงกันบ้างก็ยังดี
[ก็อย่างที่เคยบอก ถ้าไม่ยุ่งก็รับได้]
"อยากเจอแม็คจัง" เมื่อมีแม็คเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิต เนมก็กลายเป็นคนติดแฟน จะทำอะไร? เดินซื้อของ? กินข้าวหรือจะไปไหน? ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงแม็คเลย
[เนมอย่าทำเสียงแบบนั้น มันทำให้ผมรู้สึกผิด]
ไม่เก่งเรื่องการเดาใจคนอื่นเท่าไหร่ แต่น้ำเสียงของแม็คที่เอ่ยออกมาทำให้เนมแปลกใจไม่น้อย ที่วันนี้แม็คดูนุ่มนวลกว่าทุกครั้ง คนที่ห่างจากการอยู่ด้วยกันมานานแอบถาม
"แม็คคิดถึงเราบ้างไหม?"
ใจคอไม่ดีที่แม็คเงียบไปนานกว่าที่ควรจะเป็น หรือ แม็คไม่เหลือความรักให้กัน?
[คิดถึงสิ แต่ช่วงนี้ ผมสับสน]
"แม็คเป็นอะไรหรอ? เราเป็นแฟนแม็ค มีอะไรก็บอกกันสิ"
[ผม...ผม...ขอ...โ]
คนฟังก็ลุ้นจะขาดใจ เพราะปกติ แม็คไม่เคยทำเสียงจริงจังแล้วใช้คำพูดคำจาเหมือนมีลับลมคมใน
"แม็ค..มีอะไรหรือเปล่า?"
[ผมคุยไม่ได้แล้ว แค่นี้ก่อน ไม่กี่วันนี้ ผมจะไปรับเนมนะ]
"เดี๋ยวสิแม็ค...แม็ค"
งงใจกับแม็คเหลือเกิน ที่คิดจะวางก็วาง มือที่กำโทรศัพท์กำลังเคาะลงบนโต๊ะทำงานอย่างคนใช้ความคิด
กึก กึก กึก กึก...
ดั่งเสียงนาฬิกาติ๊กต๊อก ที่ดังมาจากการเคาะโทรศัพท์ตัวเอง
ยังคงคิดอยู่อย่างนั้นแต่กลับหาคำตอบไม่เจอ อาจกดดัน คาดหวังว่าจะได้รับคำตอบมากเกินไปจนคิดไม่ตก คนนั่งขมวดคิ้วเป็นปมเริ่มปวดหัว จึงหยุดความฟุ้งซ่านฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงาน เพราะอยากพักสมอง หลับก่อนเถอะ เผื่อมันจะดีขึ้น
.
.
.
.
"ทำไมต้องเอาหน้ามาใกล้ด้วยล่ะพี่ ลืมตามาตกใจ นึกว่าผี?"
ไม่รู้หรอกว่าผ่านไปนานเท่าไหร่? รู้ตัวอีกทีก็ลืมตามาตอนที่รู้สึกถึงลมอุ่นๆเป่ารดตรงริมฝีปากและเห็นใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงคืบ คนตัวโตที่นั่งครึ่งก้นบนพนักแขนเก้าอี้ ขยับตัวห่าง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
"มองคนนอนน้ำลายไหลยืด โคตรซกมก"
คนที่นอนฟุบอยู่ รีบเด้งตัวกลับมานั่งตัวตรงใช้หลังมือเช็ดริมฝีปาก
"บางเรื่อง ไม่ต้องพูดตรงๆก็ได้ ผมอายเป็นนะ"
สังเกตได้ว่า พอเนมรู้ว่า การ์ตูน คือ ใครในอดีต? เนมแสดงออกถึงความสนิทสนมชัดแจ้งกว่าเดิมหลายเท่า
"กลับเหอะ หิว"
"แล้วพี่โตล่ะครับ?"
เนมลุกตามพี่ตูนไปติดๆ
"กลับไปแล้ว"
"อยู่บ้านเดียวกันทำไมไม่มารถคันเดียวกัน ประหยัดตังค์ได้นะพี่"
"มันก็เรื่องส่วนตัวนะ"
"ไอ้พี่ตูน"
"ถ้าพูด 'ไอ้' อีกคำเดียว"
"ทำไม? พี่จะลงโทษอะไรผมหรอครับ?" ยิ้มพลางทำหน้าแป้นแล้น ยักคิ้วยียวน ยั่วโมโหอีกฝ่าย เพราะเนมรู้ดีว่าพี่ตูนใจดีจะตาย...แค่ชอบปากร้ายไปอย่างนั้น
แล้วจู่ๆ ก็หยุดหายใจไปโดยกระทันหัน เมื่อพี่ตูนกระชากแขนจนร่างเนมกระแทกแผงอกและกดหน้าลงต่ำจนริมฝีปากคลอเคลียอยู่ที่ปลายจมูกอีกฝ่าย
มันก็แค่เรื่องบังเอิญ...จะยืนนิ่งอึ้งไปทำไม?
ตั้งสติได้ เนมบิดแขนออกจากการกอบกุม ถอยหลังและหลุบตา จนความเงียบเข้าครอบงำ พี่ตูนก็โพล่งขึ้น
"พี่โตไปรับอะตอมบ้านแม่ แล้วนี่หายเครียดแล้วรึไง? มาต่อปากต่อคำ ทำหน้าตาระรื่นแบบนี้"
"ก็เครียดแต่ลดลงเมื่อรู้ว่าพี่ตูนคือพี่หมี"
"แต่สำหรับพี่พอรู้ว่าเนมคือเด็กข้างบ้าน นี่เครียดกว่าเดิม"
เนมสบตาพี่หมีของเขาในวัยเด็ก
"พี่คิดแบบนั้นจริงๆหรอ?"
ประสานสายตากันพอดี จึงเห็นว่าคนที่ถามแบบนั้นกำลังน้อยใจจริงๆ
"หิวข้าว ไปเหอะ นี่ไม่ใช่เวลามารำลึกความหลัง"
"แล้วบอกผมได้รึยัง บริษัทพี่ทำงานเกี่ยวกับอะไร?"
"โมบายล์ แอพฯ ชื่อ 'CAB' Click and Build"
"แอพฯอะไรหรอ? เปิดให้ดูหน่อยสิ"
"จำสมุดหน้าเหลืองได้ไหม?"
"จำได้ครับ"
"พวกพี่ได้แรงบันดาลใจจากตรงนั้น เปลี่ยนจากสิ่งพิมพ์มาใส่ในรูปแบบแพลตฟอร์ม ออนไลน์ ทำเป็นไดเรคทอรี่รวบรวมรายชื่อธุรกิจ สินค้า และบริการ แต่พี่จะเจาะจงแค่เกี่ยวกับเรื่องบ้าน ทั้ง พวกอุปกรณ์ก่อสร้าง รวมถึงวัสดุการตกแต่งภายใน ผ้าม่าน วอลเปเปอร์ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆที่มีอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล พี่ยังต้องปรับปรุงไปเรื่อยๆ หยุดไม่ได้ อนาคตข้างหน้า พวกพี่วางแพลนจะพัฒนาเพิ่มหมวด ดีไซน์เนอร์ ผู้รับเหมาฯ เข้าไปด้วย จะได้เป็นการเปิดพื้นที่สร้างอาชีพได้อีกช่องทาง ประมาณนั้น...."
เนมลอบมองคนที่อธิบายไปก็เปิดตัวอย่างแอพพลิเคชั่นที่มีไว้ให้ดาวน์โหลดได้ฟรี ทั้งระบบแอนดรอย์ และ ไอโอเอส ที่รวบรวมความสะดวก สบาย สำหรับคนที่ต้องการสร้างบ้านเอง หรืออยากรีโนเวทบ้านใหม่ ก็ใช้แอพพลิเคชั่นนี้สำรวจหาร้านค้าและการบริการในพื้นที่ใกล้เคียงหรือสามารถเทียบราคาโดยไม่ต้องไปหน้าร้านได้
ตอนแรกเนมก็สงสัยนะว่าให้ดาวน์โหลดฟรีแบบนี้ บริษัทพี่ตูนจะได้อะไร เขาถึงมาเข้าใจว่าจะได้ค่าโฆษณาแบนเนอร์บนแอพพลิเคชั่น รวมถึงค่าคอมมิชชั่นรายปีสำหรับร้านค้าไหนที่ได้ลูกค้าจากการสั่งซื้อผ่านทางแอพพลิเคชั่น CAB
อย่าตัดสินใจใครแค่เพียงด้านเดียว ประโยคนี้แวบเข้ามาในหัวของเนม นึกไม่ถึงว่าคนที่กวนประสาท เหมือนไม่จริงจังอะไร แต่กลับมีความสามารถและความคิดสร้างสรรค์จนเนมนึกทึ่ง
"เจ๋งอะพี่ตูน ผมมาอยู่บริษัทพี่ได้ไหม? ผมจะได้หนีไอ้โรคจิตด้วย"
"ที่นี่เขารับคนมีความสามารถนะ"
"โห่!...พี่ตูน ผมก็มีนะ ความสามารถของผมคือ กินง่าย อยู่ง่าย คุยเก่ง ดื้อบ้างบางเวลา รับไหม? ผมจริงจังนะเนี่ย ตำแหน่งอะไรก็ได้?"
"แน่ใจ?"
"แน่สิครับ"
"เจ้าของบริษัทโสดอยู่"
"แล้วเกี่ยวอะไรกับตำแหน่งงานที่ผมจะสมัครอะ"
"ดี..ดี..ดี...ซื่อแบบนี้ต่อไปนะ" ตูนยิ้มมุมปากพลางตบไหล่ปุๆ
"อะไรวะ พี่ตูน เฉลยซิ"
คนที่หยุดเท้าแล้วหันหลังกลับมามองอย่างรำคาญก็จูงมือเนมเดินออกไป
"อย่าถามมาก หิว"
มองแผ่นหลังพี่ตูนที่เดินนำไปไม่กี่ก้าว ก่อนจะก้มลงมองมือที่กำลังถูกกุมไว้
ทำไมอยู่ดีๆก็เกิดใจเต้นแรงขึ้นมาล่ะวะ...
บ้าหรือเปล่า?...ไอ้เนม ก่อนหน้านี้ อยู่ใกล้กับพี่ตูนมาก็หลายวัน ไม่เห็นจะเป็นอะไร? ทำไมแค่เขาจับมือ อยู่ดีๆก็ใจเต้นแรงอย่างน่าประหลาด
บอกตัวเองว่าคงไม่มีอะไร เพราะพี่ตูนก็คือพี่ชายที่น่ารักของเนมก็เท่านั้นเอง
หลังจากแวะกิน บะหมี่เกี๊ยวหมูแดงข้างทาง ก่อนเข้าหมู่บ้านพี่ตูน คนขับรถก็รับโทรศัพท์ของตัวเองและอยู่ระหว่างการสนทนา
"ว่าไง?..." / "เออ..." / "วันไหน?..." / "...ได้"...."
หันไปสบตาพี่ตูนที่เขามองมาครู่หนึ่งก่อนจะวกสายตากลับไปแล้วคุยกับปลายสายอีกไม่กี่ประโยค
"มะรืนนี้ พวกไอ้แม็คจะมากินเหล้าที่บ้านพี่"
"ถึงคราวมาบ้านพี่แล้วหรอ?"
"อืม"
"แม็คมาไหม?"
"มา"
"ไม่เห็นแม็คบอกผมเลย"
"....."
"น้อยใจจังพี่ บางทีผมก็งงนะว่าแม็คยังเห็นผมเป็นแฟนอยู่หรือเปล่า?"
"ไม่ขอออกความเห็น"
มองพี่ตูนที่ตอบตัดบทก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วเอนศรีษะพิงเบาะก่อนจะหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง
ถึงบ้าน เนมปล่อยให้เจ้าของบ้านอาบน้ำก่อน ส่วนตัวเองก็คุยโทรศัพท์กับแฟน บทสนทนาสั้นๆที่ได้คุยกัน แม็คไม่พูดถึงเรื่องการสังสรรค์ที่จะเกิดขึ้นที่บ้านพี่ตูนเลย
พยายามเข้าใจ แต่พอเกิดเรื่องชวนสะกิดติ่งความคิดมากและฟุ้งซ่าน ก็อดน้อยใจขึ้นมาอีกไม่ได้...
จากอดีต ที่เคยคุยโทรศัพท์กันเป็นชั่วโมงๆ ระยะเวลามันหดลงเรื่อยๆเหลือเพียงระยะเวลาล่าสุด คือ 2 นาที 43 วินาที...
แม็คไม่ดูแล และใส่ใจเหมือนก่อนจนเนมเริ่มเหมือนคนบ้าที่วิ่งไล่ตามอารมณ์ตัวเองไม่หยุด ดีบ้าง แย่บ้าง กลางวันสนุก กลางคืนเครียด มันสลับสับเปลี่ยนอย่างนี้อยู่เสมอ เสมอ...
คนที่หยุดยืนแหงนมองท้องฟ้าตรงระเบียง กำลังสลัดความคิดออกไป แล้วเดินเข้าห้องนอนที่เห็นพี่ตูนอยู่บนเตียงด้วยสภาพพร้อมนอน เนมจึงไปอาบน้ำบ้าง
"พี่ตูนง่วงรึยัง?"
"ยัง"
คำถามแรก ถามหลังจากที่เนมอาบน้ำเสร็จก็รู้สึกตัวเองตาสว่าง
"พี่ตูน ตอนที่พี่ต้องย้ายบ้าน พี่ไปอยู่ที่ไหนหรอ?" รู้ว่าพี่ตูน คือ พี่ชายแสนรักในวัยเด็ก เนมก็ยังไม่มีโอกาสได้ถามไถ่ถึงเรื่องราวในอดีต เนมจำได้ว่าที่ทั้งสองต้องห่างกัน คือ วันที่ครอบครัวพี่หมีมีความจำเป็นต้องย้ายบ้านเพื่อไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่เล็กกว่าเก่า เนื่องจากตอนนั้นครอบครัวของพี่หมีเจอพิษเศรษฐกิจโหมกระหน่ำ
"ก็ไกลจากที่เดิม"
"พี่คงมีเพื่อนเล่นเยอะแน่ๆ ส่วนผมนะ พอพี่ไป ก็ไม่มีใครเล่นกับผมสักคน ตอนนั้น ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสัตว์ประหลาดที่มีแต่คนไม่อยากเข้าใกล้ ผมเอาแต่นั่งคิดถึงพี่ พี่ตูนรู้ไหม? ผมยังเก็บผ้าเช็ดหน้าของพี่ตูนไว้อยู่เลย ตอนที่ผมหกล้มจนเลือดออก แล้วพี่ให้ผมไว้....."
แม้มันจะเป็นเรื่องอดีตที่ผ่านมานานนม แต่น่าแปลกที่ฟังได้ไม่เบื่อ มองคนเล่าความหลังด้วยแววตามีความสุขอย่างคนอยากระบาย ตูนจึงไม่เถียง ไม่ตัดบท เขาแค่นั่งยิ้มและฟังเนมเล่าไปเรื่อยๆ
"ผมจะเล่าทำไมก็ไม่รู้ พอแล้วดีกว่า เดี๋ยวพี่จะรำคาญ ว่าแต่พี่ตูน ร้องเพลงกล่อมหน่อยสิ ผมนอนไม่หลับ ผมอยากฟังพี่ตูนร้องเพลง" คนที่มองตาใส ไร้อาการง่วงหงาว หาวนอนก็พลิกตัวนอนตะแคง เขี่ยหลังมือพี่ตูนยิกๆ
"อยากได้เแบบไหน? เป็นชั่วโมง หรือแบบเหมาทั้งวัน"
"เหมาสิ ผมอยากฟังหลายเพลง" กวนมา กวนกลับ ไม่มียอมกัน
"ชั่วโมงละห้าพัน เหมาทั้งวันเหลือสามพันห้า"
"โห! หน้าเลือด กะพี่-กะน้อง ยังคิดเงินด้วยเหรอ?"
"อืม ช่วงนี้ บริษัทยังไม่ได้กำไร"
"ฮ่าๆ...น่าสงสารพ่อหนุ่มสตาร์ทอัพ ตอนนี้ ผมมีอยู่ยี่สิบเอาไปทำทุนก่อน"
แกล้งหันหลังไปควักเงินในกระเป๋าสตางค์ที่วางตรงโต๊ะหัวเตียง ยื่นแบงค์ยี่สิบหนึ่งใบไปให้พี่ตูน แต่ใครเล่าจะคิดว่าพี่ตูนแม่งจะหยิบใส่กระเป๋ากางเกงขาสั้นจริงๆ
"เอาจริงดิ?" กระพริบตาปริบๆ
"อืม...เอาหมดล่ะเวลานี้"
"ฮ่าๆ โถๆๆๆพี่ตูน"
มองคนนั่งหน้านิ่ง ก็เบะปากกลอกตาใส่คนกวนประสาท
"เอ่ เอ๊ ... เอ่เอ๊....... โอละเห่เอย..... โอละเห่....."
"เหยยยยยยพี่ตูน ไม่ใช่ร้องกล่อมแบบนั้น อย่ากวนตีนดิ"
"พูดดีๆ" ส่งสายตาดุๆไปทางเนม
"อ่าขอโทษ พี่ตูนครับ ได้โปรดร้องเพลงให้ผมฟังสักเพลง ผมอยากได้ยินเสียงพี่ร้องใจจะขาด" คนที่ไม่พูดเปล่ากลับแนบซีกหน้าลงกับต้นแขนอีกฝ่ายถูไถเบาๆอย่างเอาใจ
เขามองคนอายุน้อยกว่ากำลังทำท่าไม่ต่างกับแมวที่ชอบเดินมาวนแล้วเอาหัวมาถูขา
"อยากฟังเพลงอะไร?"
"เพลงอะไรก็ได้ที่บ่งบอกถึงความรู้สึกของพี่ตูนตอนนี้"
การ์ตูนมองหน้าเนม ที่พอรู้ว่าจะร้องเพลงให้ฟัง แววตาก็ดูเป็นประกาย ท่าทางก็กระตือ รือร้นอย่างเห็นได้ชัด
เพลงที่สื่อความรู้สึกของเขาตอนนี้น่ะหรอ?..
"ไม่ต้องบอกฉันถึงวันที่เลยผ่าน ไม่ต้องบอกฉันว่าเคยมีใครคนไหนยังไง? ถ้าเผื่อฉันเผลอ บังเอิญฉันถามเธอไป เธอก็ไม่ต้องตอบฉันเลย..."
พี่ตูนร้องเพลงทีไร เนมขนลุกทุกที น้ำเสียงและอารมณ์ที่ถ่ายทอดออกมาทำคนนั่งฟังเคลิบเคลิ้มและอินไปกับบทเพลงที่ซ่อนความรู้สึกของคนเปล่งน้ำเสียงออกมา
แต่...
"จบ"
"เฮ้ย! อะไรวะ? กำลังซึ้ง ต่อเถอะนะพี่ตูน ผมอยากฟังจริงๆ"
"จริง?"
"จริงสิ พี่ตูนร้องต่อน้า...นะ นะครับ" ทำหน้าอ้อนวอนจนคนขี้ใจอ่อนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ
"วันวานมันคืนย้อนมาไม่ได้ และวันพรุ่งนี้ยังไม่รู้ ฉันพร้อมจะอยู่ ฉันพร้อมจะตายเพื่อรักคำเดียว ไม่ว่าเธอจะเคยเป็นใคร จะผ่านอะไรมาขอจงอย่าเป็นกังวล นี่คือคนของเธอ ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรต่อจากนี้ไป ฉันจะอยู่ดูแลเธอ ด้วยคำว่ารักด้วยใจ"
เพลง
คนของเธอ คือ เพลงที่ตูนคิดว่า มันสื่อถึงความรู้สึกได้ตรงสุดๆแล้วตอนนี้...
คนที่ร้องไปไม่ได้สนใจเนม กระทั่ง พอถึงท่อนจบ ตูนสบตาเนมด้วยรอยยิ้มอบอุ่นจนเนมคิดว่า ถ้าเนมเป็นแฟนพี่ตูนจริงๆ คงเขินอายที่แฟนทำซึ้งและโรแมนติกแบบนี้
"ถ้าใครได้ฟังพี่ร้อง ผมว่ามีหลงอะ พี่ร้องเพลงได้มีเสน่ห์มาก จากคนหน้าตางั้นๆพอร้องปุ๊ป แม่งโคตรหล่อ"
"หึหึ"
"เออ...ตัวจริงก็หล่อ พอร้องแม่งยิ่งโคตรหล่อไปอีก พอใจรึยัง?"
"ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย"
"ก็พี่หัวเราะกวนตีนอะ...พี่ตูนร้องอีกได้หรือเปล่า? ผมยังไม่ง่วง"
"ไม่ได้ ค่าตัวแพง"
"โห่ โคตรเล่นตัว"
"แน่นอน"
เนมเบะปาก
"ถ้าพี่มีแฟน แล้วแฟนได้ฟังพี่ร้องเพลงทุกคืนแบบนี้ คงมีความสุขน่าดู"
"มาเป็นแฟนพี่ไหม?"
ตึก ตึก ตึก ตึก...
มันก็เป็นแค่มุกตลกที่สร้างเสียงหัวเราะ...มันไม่ควรต้องใจเต้นแรงขนาดนี้ไหม? ไอ้เนม
คนที่มั่นใจว่าไม่ได้หูฝาด กำลังนั่งนิ่งอย่างจนคำพูด
"ดีใจจนพูดไม่ออกเลยเหรอ? พี่พูดเล่น คนที่เอาแต่ใจ ดื้อด้านแบบนี้ไม่เอาหรอก"
"คำก็ด่า สองคำก็ว่า ทำอะไรไม่เคยถูกใจ พี่ตูนเกลียดผมมากเลยรึไง?"
"เหนื่อยจะคุยกับเด็ก ฝันดีนะ พี่ฝากปิดไฟด้วย"
"เฮ้ย!...อะไรวะพี่ ตัดบทกันแบบนี้เลยหรอ? หรือพี่เกลียดผมจริงๆ"
"เนม พี่จะนอน"
หน้าเหวอเมื่อเห็นพี่ตูนเสียงเข้มและไถลตัวลงนอนกระชากผ้าห่มดึงมาคลุมถึงคอพลิกตัวตะแคงหันหลังให้เนมซะอย่างนั้น...
เนมบ่นขมุบขมิบที่ไม่มีคนให้เถียงกลับก็ต้องจำใจข่มตาหลับทั้งๆที่ยังไม่ง่วงเลยสักนิดเดียว...
................................
โอ้ย! พี่ตูนคะ สงสารพี่จัง เหนื่อยไหมคะ...หุหุ