ระหว่างเพื่อนรักทั้งสองเงียบกริบไปชั่วครู่ เพราะคุยกันจนออกทะเลแล้วกลับมาต่อยังไม่ติด รวินท์เองก็ยังงงๆ เขาควรจะกลุ้มใจเรื่องที่ไอ้เพื่อนรักไปปล้ำคนอื่นแทนเขา หรือที่มันรักเขาขนาดปล้ำคนอื่นเพราะคิดว่าเป็นเขาได้ หรือที่มันไปปล้ำเด็ก หรือ... โว้ย! ปวดหัวสัส!
“กูขอโทษจริงๆ ว่ะ ทั้งที่มึงอุตส่าห์ไว้ใจกู...” ในที่สุดเตชิตก็ต่อติดจนได้
รวินท์ถอนหายใจ “เอาเหอะ มึงก็ไม่ได้ปล้ำกูจริงๆ สักหน่อย ไปกลุ้มใจเรื่องเด็กที่มึงปล้ำเถอะ” พูดไปแล้วก็ขมวดคิ้ว “แต่เดี๋ยวนะ... มึง...มึงปล้ำเด็กนั่นจริงๆ เหรอวะ”
“อือ”
“มึงแน่ใจเหรอ”
“กู... ก็ไม่แน่ใจหรอก แต่สภาพห้อง สภาพเตียงและสภาพกูบอกว่าอย่างนั้น”
รวินท์ทำหน้างง “สภาพมึง? คือ... ยังไงวะ มึงปล้ำเขา หรือเขาปล้ำมึงกันแน่”
“อะไรทำให้มึงถามกูแบบนี้วะ!”
“ก็เด็กนั่นรู้จักมึงมาก่อน” รวินท์นิ่งคิดไปอีกชั่วครู่ “เรื่องที่เกิดในไนต์บาร์ซ่ามันอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่การที่เขาไปหามึงถึงห้องน่าจะจงใจ แล้วมึงก็เมาแอ๋ ถึงขนาดมองว่าเด็กนั่นเป็นกูไปได้ซะด้วย เพราะงั้น...”
เตชิตขมวดคิ้วครุ่นคิด เหตุการณ์ในคืนนั้น คีรีก็เอาแต่พูดว่าเต็มใจ เพราะงั้นก็น่าจะจงใจมาหาเขาจริงๆ แต่เด็กหนุ่มก็บอกว่าไม่ต้องรับผิดชอบอะไรด้วย หรือว่าที่จริง... เขาทำหน้าเครียดหนักกว่าเดิมไปอีก
“ไอ้เต้... กูถามจริง ตอนเช้าอีกวันน่ะ มึงเจ็บตูดบ้างมั้ยวะ”
“เฮ้ย! กู... กูว่าไม่นะ” คนถูกถามเบิกตากว้าง ภาพรอยจูบตามเนื้อตัวลอยเข้ามาในความคิดเป็นช็อตๆ มาถึงตอนนี้เขาก็ชักไม่มั่นใจแล้วโว้ย “เรื่องนั้นช่างแม่งก่อน ไม่ว่าใครจะปล้ำใคร เรื่องที่สำคัญคือตอนนั้นกูนึกว่าเขาเป็นชาวเขา แล้วกูก็แก่กว่าเขาหลายปี ยังไงเขาก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่ากู เพราะงั้นกูก็ควรจะเป็นคนรับผิดชอบถูกมั้ยวะ หลังจากนั้นกูก็เลยพยายามจะรับผิดชอบสิ่งที่กูทำลงไปไง แต่เขาบอกว่าเขาเต็มใจ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แต่จะขอมาเจอกูบ้าง... ไปๆ มาๆ ก็อีรุงตุงนัง จนเป็นอย่างที่มึงเห็นนี่แหละ”
รวินท์ยกมือขึ้นเกาศีรษะแกรกๆ “เออๆ แต่ถึงตอนนี้ กูว่ามึงต้องแยกออกแล้วนะ ว่าความรู้สึกมึง คือแค่ต้องการรับผิดชอบ หรือเพราะมึงชอบเขา”
เตชิตนิ่งขรึม “กู...ยังไม่แน่ใจ”
ทั้งสองนิ่งอึ้งไปอีกครู่ใหญ่ ผลัดกันกุมขมับครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนรวินท์จะพูดขึ้น
“มึงพูดถูกว่ะ กูแดกต่อไม่ลงเลย”
“ไหนมึงว่าอิ่มแล้วไงวะ”
“ก็อิ่มแล้วไง ดีที่กูเชื่อมึงเลยรีบแดก” ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้าไปมา “กูว่า มึงก็ลองปล่อยไปเรื่อยๆ ก่อนละกัน ทำตามที่ใจมึงเองต้องการเหมือนที่ผ่านๆ มา แล้วก็ค่อยๆ ทำความรู้จักกับตัวตนที่แท้จริงของเขาไปด้วย อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่อย่างน้อยก็น่าจะช่วยทำให้รู้ว่าที่จริงแล้วมึงรู้สึกยังไงกันแน่”
“อืม” เตชิตยิ้มบาง “เดี๋ยวนี้เก่งเนอะ เป็นที่ปรึกษาเรื่องความรักก็ได้”
“กูจะถือว่ามึงชมละกัน แล้วนี่... จะเริ่มไปลาดตระเวณเด็กนั่นเมื่อไหร่”
“อีกสองอาทิตย์ หลังคุณไกรฤกษ์ไปนอกว่ะ”
“อือ พอได้ใกล้ชิดกัน บางทีมึงอาจรู้ใจตัวเองมากขึ้นนะ อย่าปล้ำกันเพลินก็แล้วกันว่ะ หยุดคิดบ้างไรบ้าง”
เตชิตผลักศีรษะเพื่อนรักออกไปเบาๆ พลางยิ้มเจื่อนๆ “ไอ้บ้า”
ช่วงบ่ายๆ วันเดียวกัน คีรีขับรถคันสวยของเขาไปจอดในที่จอดรถใกล้ๆ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากนั้นก็เดินดุ่มๆ เข้าไปในตึก แล้วถามหาภูพิงค์กับทุกคนที่เดินผ่านหน้า จนกระทั่งเจอตัว อีกฝ่ายกำลังนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบมิดเทอมอยู่กับเพื่อนๆ
คีรีปราดเข้าไปหา แล้วยกมือไหว้รอบโต๊ะ “พี่ภูพิงค์ครับ ผมขอเวลาพี่แป๊บได้มั้ยครับ”
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้น ปากที่ไวกว่าความคิดโพล่งออกไปทันที “คุณเป็นใครวะ”
“ผมเองพี่ คีรีไง”
ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น “อ้อ เออ เปลี่ยนลุคซะผมจำไม่ได้เลยว่ะ” ก่อนจะลุกขึ้น “ไปดิ หาที่นั่งกัน”
สองหนุ่มเดินไปหาจุดที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปมา แล้วก็นั่งปักหลักคุยกันที่บนม้านั่งใต้ต้นไม้ข้างตึกเรียน
“ขอบคุณพี่ภูพิงค์มากนะครับ”
“โห เรียกแค่พิงค์ก็พอ เรียกซะเต็มยศเลยคุณ ว่าไงล่ะ จะคุยเรื่องพี่เต้อะดิ”
เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ “พี่พิงค์รู้จักคุณเตชิตมานานรึยังครับ”
“ก็... ปีนึงได้”
“ในหนึ่งปีที่ผ่านมานี่คุณเตชิตได้คบใครบ้างรึเปล่าอะครับ”
ภูพิงค์ยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ผมว่าไม่น่านะ เห็นพี่เขาชอบเรียกตัวเองกับกลุ่มเพื่อนผมว่าแก๊งโสด คือผมก็เคยเห็นพี่เขาเหล่สาวๆ เวลาไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่นะ แต่ก็แค่นั้น อันที่จริงผมว่าพี่เต้เป็นคนรักเดียวใจเดียวมากนะ ที่ทำเหมือนเจ้าชู้นั่นก็แค่ทำบังหน้าสนุกๆ เท่านั้น”
สีหน้าของเด็กหนุ่มสลดลงทันใด “ผมก็คิดว่าคุณเตชิตเป็นคนรักเดียวใจเดียวเหมือนกัน”
รุ่นพี่ยกมือขึ้นตบบ่าปลอบใจ “เรื่องนั้น... อะไรมันก็ไม่แน่นอนหรอก บางทีคุณอาจจะเป็นคนที่พี่เต้รออยู่ก็ได้ ก็ต้องลองสู้ดูน่ะนะ”
“อันที่จริงผมก็จีบคุณเตชิตมาสักพักแล้ว แต่ยังไม่คืบหน้าสักเท่าไหร่เลยครับ ดูจะถอยหลังลงคลองด้วย”
“เท่าที่ได้ยินจากพี่วินมา วิธีจีบของคุณเหมือนใครซะที่ไหน แล้วคุณก็เปิดตัวได้เว่อร์วังมากเลยด้วย จากเด็กดอยดริฟต์ไปเป็นคุณชายคนเดียวของพ่อเลี้ยง พี่เต้จะโกรธ จะลังเลไม่มั่นใจก็ไม่แปลกรึเปล่าวะ”
“โห ผมไม่ใช่คุณชายนะเว้ยพี่! อันหลังนี้ผมว่าพี่ฟังพี่แซนดี้มามากไปแน่ๆ”
ภูพิงค์หัวเราะร่วน “ความรักก็งี้แหละคุณ มันต้องมีอุปสรรคกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ก็ถือซะว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่คุณจะได้แสดงความจริงใจไงล่ะ อะไรที่ผิดพลาดไปแล้วก็ให้มันเป็นบทเรียนเหอะนะ อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก”
คีรีพยักหน้าหงึกๆ “พี่พิงค์รู้ว่าผมเป็นคนที่จีบคุณเตชิตตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันแล้วใช่มั้ยครับ”
“อือ ผมเคยได้ยินชื่อคุณตอนพี่เต้คุยโทรศัพท์กับคุณไง ตอนนั้นพี่เต้ทำหน้าแปลกๆ มีพิรุธมากผมเลยเอะใจ แถมพี่เต้ยังเทนัดกินจุ่มแซบกับพวกผมแล้วหายหัวไปสองวันติดเลยด้วย ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน อีกอย่างเพื่อนคุณที่มาวุ่นวายกับพี่วินบอกว่าพวกคุณอยู่บริหารปีสอง พอได้เจอคุณ คุณก็ทำท่าเหมือนอยากจะบอกว่าคนคนนั้นคือคุณซะเต็มที่ แต่ตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคุณมีเรื่องปิดบังอะไร ไม่นึกว่าจะสร้างวีรกรรมไว้ขนาดนี้ว่ะ”
เด็กหนุ่มรุ่นน้องยิ้มแห้ง “ผมขอโทษที่เพื่อนๆ ผมไปวุ่นวายกับหมอวินนะครับ ตอนนั้นพวกผมไม่รู้จริงๆ ว่าพี่พิงค์กับหมอวิน...”
“ส่วนใหญ่เขาก็คิดกันว่าเป็นคู่จิ้นนั่นละ บางทีผมก็เซ็งเหมือนกันว่ะ” ภูพิงค์ถอนหายใจ
“เพราะคุณเตชิตกับหมอวินสนิทกันมากด้วยน่ะสิครับ ตัวติดกันตลอดเลย ผมยังเข้าใจผิดเลยเนี่ย”
“เออ เพราะเงี้ยะ ผมก็เลยอยากให้ไอ้พี่เต้มีแฟนสักที” คนแก่กว่าพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะล็อคคอรุ่นน้องไว้พร้อมกับขยับเข้าไปกระซิบ “อันที่จริงผมก็คิดว่าคุณเหมาะกับคนเจนจัดสัสๆ อย่างไอ้พี่เต้ดีอยู่นะ จากประสบการณ์ของผม คิดว่าไอ้พี่เต้น่ะ มีจุดอ่อนตรงที่เป็นคนใจอ่อนง่ายโดยเฉพาะกับคนใกล้ตัวหรือคนที่มีใจให้ ถึงแม้พี่เขาจะดูซึนไปสักหน่อย อาจจะดื้อแพ่งหรือปฏิเสธที่จะยอมรับ แต่ท้ายที่สุดพี่เขาก็จะยอมอ่อนให้ คุณได้ใกล้ชิดพี่เต้มาสักพักนึงแล้วนี่นะ ถ้างั้นคุณก็น่าจะพอเดาทางได้ว่าจะจีบพี่เขาติดมั้ย”
สีหน้าของเด็กหนุ่มรุ่นน้องดีขึ้นเล็กน้อย เริ่มมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาตรงมุมปาก
“ผมจะบอกอะไรดีๆ ให้อีกอย่างนะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่เต้ก็มีคนเข้าหาตลอด แต่ไม่ว่ายังไงพี่วินกับพวกผมก็จะสำคัญที่สุดสำหรับพี่เขาเสมอ แต่ระยะหลังๆ เนี่ย ผมกับพี่วินแล้วก็เพื่อนๆ โดนเทตลอดเลยว่ะ”
คีรีเลิกคิ้วขึ้น “จริงเหรอครับ!”
“ผมไปละ จะรีบไปอ่านหนังสือต่อล่ะ” ภูพิงค์ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ทว่าพอเขาจะเดินออกไป คีรีก็คว้าแขนเขาไว้
“ขอบคุณมากนะครับพี่พิงค์”
เจ้าของชื่อดึงแขนออกแล้วพูดเสียงดุ “อย่าทำให้พี่เต้เสียใจละกัน ไม่งั้นคุณไม่ได้มานั่งยิ้มอย่างนี้อีกแน่ ผมจะยกพวกไปหาคุณถึงคณะเลย ระวังไว้ให้ดีเหอะ!”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลยครับ ถ้าคุณเตชิตต้องเสียน้ำตาเพราะผม ผมจะมานอนให้พี่เหยียบที่หน้าคณะเลย”
“ให้มันจริงเหอะว่ะ” ภูพิงค์ตอบพลางสาวเท้าฉับๆ ออกไป
*TBC*เด็กดอยได้ทีมแบ็กอัพชุดใหญ่แล้ว พิหมอเต้ท่าจะไปไหนไม่รอดดด~ ขยันๆ ง้อเข้านะหนูนะ
แล้วมารอดูกันนะคะว่าเด็กดอยจะรุกจีบยังไงต่อ ฮี่ๆ
ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า สวัสดีวันมาฆบูชา แล้วก็กู๊ดไนต์ค่า
ปล. วรั้ยยย เพิ่งเห็นว่ามีคนอ่านมารอด้วยค่ะ 555555 ขอโทษที่ช้านะค้า ฮัสกี้หนีไปเที่ยวมา ช่วงนี้อู้ด้วย แงงงง~ เริ่มต้นปีมาแบบอู้ๆ อู้ทุกวัน ตัวอู้เกาะหลังเต็มไปหมดเลย ช่วยงัดออกที ฮือออออ อยากลงถี่ๆ เหมือนภูสอยเดือนเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ทันง่า~ ตอนนี้พิมพ์ได้วันละบรรทัดถือว่าเยอะ 5555555 /ล้มตัวลงนอนให้ทุกคนรุม
แต่ก็ขอบคุณมากๆ เลยที่รอติดตามนะคะ ดีใจสุดๆ