บทที่ 8
หลังจากพาเจ้าไพรด์ไปเดินเล่นและถ่ายคลิปโปรโมทเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็กลับไปที่ส่วนกลางเพื่อกินอาหารกลางวัน ระหว่างนั้นผมลองทำใจกล้าเข้าไปถามเบนว่า มีอะไรให้ผมช่วยบ้างไหม โปรแกรมอาสาสมัครแบบ Exclusive ที่แมทลงชื่อให้จะเริ่มพรุ่งนี้ วันนี้ผมว่าง ไม่มีอะไรทำ
คุณสต๊าฟใจดีเลยช่วยหางานให้ผม บอกว่าไปช่วยเขาทำความสะอาดส่วนอนุบาลชีต้าก็ได้ พวกอาสาสมัครที่มาช่วยเขาเพิ่งกลับไปกันพอดี ผมรีบตกลงอย่างดีใจ ไม่ใช่อะไรหรอก ผมไม่อยากติดสอยห้อยตามเป็นภาระให้แมทต้องคอยดูแลตลอด เขาจะได้ไปทำงานที่เขาตั้งใจจะมาทำบ้าง
แมทเห็นผมมีงานทำแล้วก็เลยขอแยกตัวไปช่วยส่วนอื่น นัดว่าเดี๋ยวกลับมาเจอกันตอนเย็นแล้วค่อยไปกินมื้อค่ำ ก่อนแยกกัน เขายื่นมือมาวางบนศีรษะผมแล้วบอกว่า “ขยันทำงานนะ คี แต่ถ้าไม่ไหวก็บอกเบน อย่าฝืนละ”
“รับทราบครับ คุณพ่อ” ผมรับคำหน้ามุ่ย แกล้งประชดเขาเบาๆ ก็เขาเล่นทำท่ากำชับซะอย่างกับตัวเองเป็นคุณพ่อมาส่งลูกไปโรงเรียนนี่นา
คุณสิงโตหัวเราะแล้วเดินจากไปอีกทาง ส่วนผมเดินตามเบนไปที่ส่วนอนุบาลชีต้าที่เราเพิ่งเอาเจ้าไพรด์ไปส่ง ผมช่วยเขากวาดใบไม้ ตักน้ำออกจากบ่อตื้นๆ ที่พวกชีต้าจะมาดื่มกิน แล้วก็ขัดพื้นบ่อจนสะอาดไม่เหลือตะไคร่หรือตะกอนดิน เจ้าไพรด์กำลังเล่นกับชีต้าอีกตัวอยู่ไม่ไกลกันนัก เบนบอกว่า ตัวนั้นเป็นตัวเมีย ชื่อ เอวา
พวกมันกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นหญ้า ระหว่างที่ผมกำลังนั่งขัดบ่อน้ำ เจ้าไพรด์ลุกเดินเข้ามาหา ยกขาหน้าเกาะหลังผมแล้วเลียศีรษะผมแผล็บๆ ผมเริ่มจะชินกับการอยู่ใกล้สัตว์ป่าที่ถูกเลี้ยงมาโดยมนุษย์บ้างแล้ว รู้ว่าพวกมันไม่ทำอันตราย ก็เลยไม่ได้ตกใจ เพียงแต่ย่นคอหนี ดุมันว่า
“โน ไพรด์ ไม่เอาน่า ฉันกำลังทำความสะอาดบ่อน้ำให้แก จะได้มีน้ำอร่อยๆ กินไง”
พอเบนที่ทำความสะอาดอยู่อีกทางหันมาเห็นเข้าก็หัวเราะลั่น “มันอ้อนน่ะ เมื่อกี้ตอนถ่ายคลิป แมทบอกว่า สงสัยไพรด์จะติดใจคี ดูท่าจะจริง”
ผมฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มอ่อนใจ ไม่ใช่แค่เจ้าไพรด์ที่มากวนผม ตอนผมเอากระสอบใส่เศษใบไม้กับเศษดินไปทิ้ง เอวาก็มาแกล้งตะปบกระสอบ เอาตัวทับไว้ไม่ยอมให้ผมยก “เฮ้ เอวา ลุกสิ” ผมต้องออกแรงดึงอยู่ตั้งนานกว่าเจ้าชีต้าจะยอมลุกให้ สรุปแล้ว พวกตัวแสบนี่ถูกใจผมหรืออยากแกล้งผมกันแน่ละเนี่ย
.....................................................................
ผมช่วยเบนทำความสะอาดอยู่จนตลอดบ่าย พอตกเย็นก็เดินกลับไปที่ห้องพัก ถือโอกาสอาบน้ำเสียเลยเพราะทั้งตัวผมมีแต่คราบฝุ่น ตอนที่เดินออกจากห้องน้ำ แมทก็เปิดประตูห้องเข้ามาพอดี “อ้าว วันนี้คีอาบน้ำเร็วจัง”
“ผมเหนียวตัวน่ะครับ เสื้อก็เลอะดินด้วย” ผมตอบกลับ
อีกฝ่ายพยักหน้า ถามต่อ “หิวหรือยัง ฉันขอล้างหน้าล้างมือหน่อย แล้วเดี๋ยวเราไปกินมื้อค่ำกัน”
พวกเราเดินออกมาจากห้องพักด้วยกัน ผมนึกขึ้นมาได้ก็เลยบอกแมทเรื่องที่ลิซ่าชวนว่า ให้ไปพักกับพี่ชายของเธอที่หมู่บ้านอาสาฯ แมทฟังแล้วขมวดคิ้ว ถามเสียงกังวล “ทำไมคีถึงคิดจะย้ายไปพักทางโน้น มีอะไรไม่สบายใจ หรือฉันทำให้เธออึดอัดอะไรหรือเปล่า”
ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ครับ ไม่มีเลย คุณดูแลผมดีมากๆ เพียงแต่ผมเกรงใจน่ะครับ คุณอุตส่าห์ใช้วันหยุดพักร้อนมาทำงานที่นี่ แต่ต้องมาเสียเวลากับผมตั้งหลายวัน” ผมอธิบายต่อ “คุณลิซ่าบอกว่า พี่ชายของเธอสมัครโปรแกรม Exclusive เหมือนผม น่าจะออกจากที่พักแล้วก็กลับเวลาเดียว ผมก็เลยคิดว่าน่าจะสะดวกดี”
แมทถอนใจเบาๆ “ก็น่าจะสะดวก แต่คียังไม่เคยเจอพี่ชายของลิซ่า ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง นิสัยโอเคหรือเปล่า อย่าเพิ่งรีบไปรับปากเรื่องจอยห้องเลย ลองไปทำงานกับเขาดูก่อนสักอาทิตย์หนึ่ง ถ้าเข้ากันได้ดี แล้วคีอยากย้ายไปอยู่กับเพื่อนใหม่ ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก”
เขาบอกหน้าขรึม แล้วเอื้อมมือมาลูบศีรษะผม “แต่ถ้าเธอจะย้ายเพราะเกรงใจฉัน เลิกคิดมากได้แล้ว ฉันเต็มใจให้คีพักอยู่ด้วย คีเป็นน้องชายของเคธี่ ก็เหมือน...เป็นน้องชายฉันด้วยนั่นแหละ” ประโยคหลังเขาเว้นจังหวะนิดหน่อยเหมือนไม่รู้จะพูดยังไงดี
แมทพูดมาขนาดนี้ ผมก็เลยได้แต่พยักหน้ารับ “โอเคครับ”
พี่ยักษ์พูดแล้วก็เดินนำหน้าผมไปนิดหนึ่ง ผมเดินตามเขาไป มองแผ่นหลังของคนตัวสูงเหมือนกำแพงแล้วก็แอบยิ้ม ดูเหมือนที่ผมเดาว่า เขาน่าจะรู้สึกดีๆ กับเจ้เคธ สงสัยจะไม่ผิดแล้วละ
................................................................
ตอนที่พวกเรามาถึงห้องอาหาร ลิซ่ากับเพื่อนของเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะหนึ่งแล้ว มีชายหนุ่มผมบลอนด์อีกคนนั่งอยู่ด้วย พอเห็นพวกเราเดินเข้ามา ลิซ่าก็โบกมือทัก “แมท คี มานั่งด้วยกันไหมคะ”
ผมกับแมทเดินเข้าไปหาตามที่เธอชวน ลิซ่าแนะนำชายหนุ่มแปลกหน้าให้พวกเรารู้จัก
“นี่ร็อบ พี่ชายฉันค่ะ เขาเพิ่งมาถึง ฉันก็เลยพาเขามาเลี้ยงต้อนรับ”
หนุ่มผมบลอนด์หน้าหล่อยิ้มทักพี่ยักษ์ที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะเลื่อนสายตามาที่ผม “ไฮ แมทกับ..คี ใช่ไหมครับ? ผมร็อบ ยินดีที่ได้รู้จัก” เจ้าตัวบอกแล้วยื่นมือมาขอเช็คแฮนด์กับผมตามทำธรรมเนียมอเมริกัน เขายิ้มกว้าง ดูท่าทางเปิดเผยเหมือนพวกเด็กผู้ชายซนๆ
ผมยิ้มตอบพร้อมกับยื่นมือไปจับมือเขา นึกในใจว่า พี่ชายของลิซ่าดูท่าจะเข้าถึงง่ายกว่าน้องสาวแฮะ ค่อยยังชั่ว
พวกเรานั่งกินอาหารเย็นด้วยกัน ร็อบเล่าให้ผมฟังเรื่องที่ไปท่องเที่ยวแถบภาคตะวันตกของนามิเบียพร้อมกับเปิดรูปในกล้องถ่ายรูปที่ถือติดมาให้ดู “คีน่าจะลองหาโอกาสไปเที่ยวสวาคอปมุนด์นะ ชายฝั่งแอตแลนติคแถบนั้นสวยมาก เอ...แต่ผมเคยได้ยินว่า ทะเลที่ประเทศไทยก็สวยมากเหมือนกัน คีอาจจะไม่สนใจละมั้ง”
“ทะเลไทยสวยจริงครับ แต่ก็ไม่เหมือนที่นี่หรอก น่าสนใจคนละแบบ”
ผมตอบกลับแบบอวยทั้งบ้านตัวเองแล้วก็ที่นี่ด้วย แต่ก็ไม่อวยเกินจริงหรอกนะ ผมก้มลงมองภาพในกล้องของร็อบ เป็นภาพอ่าว Walvis Bay ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนกฟลามิงโกนับพันตัว เห็นสีชมพูตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าแปลกตา
ผมมัวแต่คุยกับร็อบ เพิ่งสังเกตตอนที่กินอาหารไปได้สักพักว่า แมทเงียบไป ไม่ค่อยคุยอะไร เขาอาจจะเห็นว่าผมมีเพื่อนคุยแล้ว เลยไม่ได้ชวนผมคุยเหมือนมื้ออื่นๆ มีแค่หันไปตอบคำถามที่ลิซ่าถามบ้าง
“คี ดื่มไวน์ไหม” ลิซ่าที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมถามขึ้น
ผมกวาดตามองดูทั้งโต๊ะดื่มไวน์กันหมด ถ้าจะไม่ดื่มอยู่คนเดียวก็ดูแปลกๆ อีกอย่างคืนนี้ผมก็นึกครึ้มเพราะวันนี้ทำงานสนุกทั้งวัน แถมมีเพื่อนคุยถูกคอก็เลยพยักหน้า “นิดหนึ่งก็ได้ครับ”
แมทขมวดคิ้ว หันมาห้าม “คีแพ้แอลกอฮอล์ไม่ใช่หรือ อย่าดื่มดีกว่า”
“ไม่เป็นไรครับ ผมแพ้เบียร์มากกว่า ไวน์พอดื่มได้” ผมบอกแล้วส่งแก้วไวน์ให้ลิซ่า แมทก็เลยไม่ได้ว่าอะไรอีก เพียงแต่คอยมองมาอย่างเป็นห่วงเท่านั้น
จบมื้ออาหาร ร็อบถามผมว่า “พรุ่งนี้ตอนเช้าผมว่าจะไปมอร์นิ่งทัวร์ดูสักรอบ คีสนใจไหม”
ผมส่ายหน้า “แมทพาผมไปตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้วครับ คุณไปเถอะ ไว้เจอกันตอนบ่าย” พรุ่งนี้อาสาสมัครคนอื่นที่ลงทะเบียนโปรแกรม Exclusive Volunteer จะมาจากวินด์ฮุค ตอนบ่ายจะมีการบรีฟแล้วก็ทำความรู้จักกันแล้วก็มีปาร์ตี้ต้อนรับ
“โอเค ไว้เจอกัน” ร็อบยิ้มกว้างแล้วโบกมือลา
ลิซ่าที่วันนี้เป็นมิตรกับผมมากขึ้นก็บอกเสียงใส “ไว้เจอกันนะคี แมทด้วยนะคะ”
“อืม” พี่หนวดข้างๆ ผมยิ้มให้เธอนิดหนึ่ง
..................................................................
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินกลับห้องพักด้วยกัน ผมเดินตามแมทเหมือนขามา เพิ่งรู้ตัวว่า เมื่อกี้ดื่มไวน์ไปหลายแก้วจนชักจะมึน พื้นที่เดินอยู่โคลงเคลงเล็กน้อย ต้องพยายามสั่นหน้าตบแก้มตัวเองเบาๆ
คนที่เดินนำหน้าได้ยินเสียงผมตบแก้มเลยหันมาถาม “เป็นอะไรหรือ คี”
“มึนหัวนิดหน่อยน่ะครับ แหะๆ” ผมตอบเขาไปตามตรงแล้วยิ้มแหย ไวน์ของลิซ่าออกฤทธิ์ช้า ผมก็เลยกินเพลิน รู้ตัวอีกทีตอนเมาแล้วนี่แหละ
แมทหมุนตัว ขยับเข้ามาดูหน้าผมชัดๆ “หน้าคีแดงแจ๋เลย เดินไหวรึเปล่า”
ผมพยักหน้า “ไหวครับ ไหว แต่อาจจะเดินช้าหน่อย” ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่อยากให้แมทเป็นห่วง เขาอุตส่าห์เตือนแล้วว่าอย่ากินก็ไม่เชื่อ
แมทถอนใจ “ดูสภาพแล้วไม่น่าจะเดินไหวนะ มิน่า วันนี้คีถึงคุยเก่งกว่าปกติ เมานี่เอง” เขาออกปากบ่นผมเบาๆ ก่อนจะย่อตัวลงนั่ง “มา ขึ้นหลังฉัน เดี๋ยวฉันแบกเธอกลับห้องพัก เร็วกว่า”
“เห? ให้ผมขี่หลังแมทเนี่ยนะครับ” ผมอุทานแล้วรีบส่ายหน้าดิก “ไม่ไหวหรอกครับ ผมตัวหนัก เดี๋ยวคุณปวดหลัง”
“สบายมากน่า คีตัวเล็กแค่นี้เอง ฉันช่วยพวกสต๊าฟแบกของยังหนักกว่า อีกอย่าง นี่เริ่มดึกแล้วด้วย อยู่กลางแจ้งนานๆ เดี๋ยวน้ำค้างลงจะไม่สบายเอา” เขาคะยั้นคะยอแถมยังไม่ยอมลุกขึ้นมา
ผมมองแผ่นหลังกว้างที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็กลืนน้ำลาย พยักหน้าหงึก “ก็ได้ครับ แต่ถ้าไม่ไหว คุณต้องบอกนะ”
ผมขยับเข้าไปเอื้อมแขนเกาะไหล่เขา แมทสอดแขนใต้ขาผมแล้วยกขึ้นหลังง่ายๆ เหมือนผมเป็นเด็กตัวเล็ก “พร้อมนะ เกาะดีๆ ละ คนเมา”
“ครับ” ผมรับคำเสียงเบา เพราะตอนนี้ริมฝีปากผมอยู่ไม่ห่างจากหูเขาเท่าไหร่ ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยลอยออกมาจากเส้นผมค่อนข้างยาวของเขา “แมทลองใช้แชมพูของผมหรือครับ หอมดีใช่ไหมละ”
“อืม หอมดีจริงๆ” แมทตอบ แต่ผมอยู่ข้างหลังก็เลยไม่รู้ว่าเขาทำหน้ายังไง
ผมชักเริ่มมึนขึ้นมาอีกก็เลยซบหน้าลงกับบ่าเขา “คิดถึงจัง ผมเคยขี่หลังพ่อครั้งสุดท้ายตอนหกขวบละครับ ตอนนั้นบ้านเราไปทะเล ผมเดินเล่นเก็บเปลือกหอยไปจนสุดหาด แล้วก็เดินกลับมาไม่ไหว พ่อก็เลยให้ผมขี่หลัง...เหมือนแบบนี้เปี๊ยบเลย” ผมหลับตา ปากก็พูดต่อไม่หยุด พี่เมธเคยบอกว่า เวลาเมาผมจะพูดมากกว่าปกตินิดหน่อย
“แมทเหมือนพ่อผมเลยครับ ใจดีเหมือนคุณพ่อด้วย”
คนที่แบกผมอยู่ไม่ได้ตอบ แต่กลับเดินต่อไปด้วยจังหวะสม่ำเสมอจนกระทั่งพวกเรามาถึงห้องพัก
ผมมึนจนเริ่มง่วง แมทช่วยหาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ ดีว่าผมอาบน้ำตั้งแต่ก่อนจะไปกินข้าวเลยไม่สกปรกนัก
ผมนอนตาปรืออยู่บนเตียง ใกล้จะหลับเต็มทน ได้ยินเสียงแมทพึมพำเบาๆ อย่างอ่อนใจ
“ฉันไม่ได้อยากเป็นคุณพ่อสักหน่อยนะ คี”
............................TBC....................................
ตอนนี้ยาวนิดหนึ่งให้สมกับที่หายไปหลายวันค่ะ ตัวละครใหม่โผล่มาอีกแล้ว จังหวะเรื่องน่าจะคีกคักขึ้นไปอีก ไว้ตามไปดูน้องคีทำงานอย่างจริงจังกันนะคะ
Photo by jean wimmerlin on Unsplash
ปิดท้ายด้วยภาพเจ้าจอมแสบ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์ค่า