"สวัสดีครับคุณไฟ" พนักงานต้อนรับหน้าร้านก้มหัวทักทาย The Rush คือผับชื่อดังผับหนึ่งที่สามารถเรียกเงินคนรวยมาได้นักต่อนัก เจ้าของคือ
"เสี่ยทรัพย์" ซึ่งแน่นอนว่าทั้งเสี่ยทรัพย์ ทั้งเสี่ยยุทธและสมัครก็คงรู้จักกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วงการพวกนี้มันแคบจะตาย
"คุณไฟจะ.." พนักงานเข้ามาทำท่าจะพาไปที่โต๊ะ ผมปัดมือไล่มัน อีกฝ่ายก้มหน้าสลดไป ผมเดินเข้าไปในร้าน พนักงานพากันหันมามองด้วยสีหน้าเกรงใจ ผมเพียงยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์กลางร้านก่อนมองกวาดตาไปทั่วทุกมุม ครู่เดียวไอ้เข้มและลูกน้องของผมอีกคนที่รับหน้าที่นี้อยู่ก็เดินตรงเข้ามาหา
"คนวางเพลิง..เป็นคนของค่ายส.โชคเจริญครับ ไม่ผิดแน่" ไอ้เข้มกระซิบรายงานผมก่อนเบี่ยงตัวหลบไปทางพี่ธาน ผมเหสายตาลงต่ำ
"รูปลูกมันน่ะ ถึงมือมันแน่ใช่ไหม" ผมถาม ตาไม่ได้มองไปที่ไอ้เข้มแต่อย่างใด กำลังมองบุคคลที่กำลังหลงระเริงกับแสงสีและผู้หญิงอยู่
"ครับ..มันเห็นแล้ว" พี่ธานตอบแทน ผมยืนนิ่งก่อนหลับตาลง ถอนหายใจทางปากเบา ๆ
"พวกมึงอยู่นี่" ผมสั่ง พวกมันพยักหน้าทั้งที่มองผมด้วยสายตาเป็นห่วง ผมกวักมือให้พี่ธานเดินตามผมไปที่โต๊ะของสมัครที่กำลังคุยอยู่อย่างออกรสกับเสี่ยยุทธ
"หวัดดีครับ" ผมทัก เดินไปยืนค้ำหัวทั้งคู่ที่คงแก่เท่าพ่อผม ทั้งสองคนนั่งด้วยท่าทางสบายอารมณ์โดยมีอีหนูขนาบข้าง พร้อมกับลูกน้องของพวกมันที่นั่งหัวดำคอยรักษาความปลอดภัยให้หัวหน้าตนอยู่รอบโต๊ะ เสี่ยยุทธมองหน้าผมอึ้ง ๆ มันคงตกใจที่เห็นผมโผล่มาทักมันด้วยตัวเองแบบนี้ เพราะปกติผมไม่เคยทักมันก่อนเลยน่ะนะ
"ผมขอนั่งด้วยได้ไหม" ผมยิ้มให้ ผมกับเจ้าของค่ายส.โชคเจริญไม่เคยเจอกันมาก่อนแต่ผมคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้จักผมแล้วเป็นอย่างดี
"อ่าว ไฟ เป็นไง..ไม่เจอกันซะนาน" เสี่ยยุทธปรับสีหน้า มันลุกขึ้นยิ้มทักด้วยสีหน้าและท่าทางสนิทสนมอย่างเช่นที่มันเคยทำกับผมเป็นประจำ
"หวัดดีครับ" ผมทักแต่ไม่ยกมือไหว้ ตั้งแต่ผมจำความได้ ผมไม่เคยยกมือไหว้ผู้ชายคนนี้ พ่อของผมเคยต่อว่าผมเหมือนกันในเรื่องนี้ว่า ถึงแม้ว่าผมจะเกลียดเสี่ยยุทธแต่เขาก็มีศักดิ์เป็นผู้ใหญ่แก่กว่าผมและผมไม่ควรทำกิริยาแบบนี้กับเขา แต่ผมขอปฏิเสธที่จะเชื่อพ่อในเรื่องนี้..สำหรับผม ถ้าผมเกลียดก็คือเกลียด
"เพื่อนเสี่ยเหรอ" ผมถามแล้วมองไปที่สมัคร
"เออ..ใช่ นี่สมัคร..สมัคร นี่ลูกชายเจ้าของค่ายมวยชัยโรจน์ที่เคยเล่าให้ฟังไง" เสี่ยยุทธรีบแนะนำพร้อมกับนำมือมาตบไหล่ผมยกใหญ่
"ตอนนี้ผมคือเจ้าของค่ายครับ ผมเคยเตือนเสี่ยแล้วว่าอายุมากแล้ว เสี่ยน่าจะเพลา ๆ หน่อย" ผมว่าเหน็บ เสี่ยยุทธหุบยิ้มลงทีละนิด
"..แล้วช่วยเอามือออกจากตัวผมด้วย" ผมปัดออกช้า ๆ อย่างรักษามารยาท อีกฝ่ายหน้าเสีย
"นี่คงเป็น..เจ้าของค่าย ส.โชคเจริญ..สินะครับ" ผมยิ้มอย่างไม่เป็นมิตร
"หึ..ใช่" อีกฝ่ายอมยิ้มตอบด้วยท่าทางเหมือนรู้ซึ้งในความหมายของรอยยิ้มนี้ของผมเช่นเดียวกัน รอยยิ้มโอหังในตัวเองแสดงออกมาล้นเปี่ยม
"ลูกน้องคุณน่ะ ทำงานไม่เนี๊ยบเอาซะเลยนะ" ผมพูดเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมา ไม่ขออ้อมค้อมเพราะมันเสียเวลา ผมยิ้มกว้างกวาดตามองไปที่ลูกน้องของพวกมันที่นั่งอยู่ด้วย และดูเหมือนพวกมันจะอ่านบรรยากาศออกเพราะมีปฏิกิริยาของการเตรียมตั้งรับมือไว้พร้อม ผมตั้งใจมองให้ทั่วเพื่อสำรวจว่ามันมีกันอยู่ประมาณกี่คนและนั่งที่ตรงไหนบ้าง ซึ่งผมคงไม่โง่ให้ลูกน้องของผมมาประชันความเยอะสู้กับลูกน้องของพวกมันหรอกครับ มันไร้สาระ
".........." ทุกคนเงียบลง เสี่ยยุทธหน้าเสีย แบบนี้คงรู้เห็นเป็นใจกันด้วยแน่
"มึงสินะ ที่ส่งรูปมาขู่กูน่ะ" อีกฝ่ายแสยะปากพร้อมกับหัวเราะแล้วยกเหล้าขึ้นดื่มสบาย ๆ ผู้หญิงที่นั่งอยู่กับมันเริ่มหน้าถอดสี ทั้งไม่กล้าลุกแต่ก็ดูเหมือนอยากจะออกไปจากตรงนี้เต็มทีด้วย
"ผมก็ไม่คิดว่าเฮียจะเป็นคนที่พูดยากขนาดนี้" ผมหุบรอยยิ้มลงนิ่ง ๆ สมัครเงยหน้าขึ้นมองมา ผมที่ยืนอยู่จึงมองต่ำลงไปที่มัน
"ที่จริง..ผมก็แค่อยากให้มันจบเป็นขั้นเป็นตอนไป ถ้าแค่ให้ทราบ..ก็คือแค่นั้น" ผมพูดเสียงเรียบ
"เฮียเข้าใจที่ผมพูดไหมครับ" ผมอมยิ้มเล็กน้อย อีกฝ่ายเผยอปากด้วยท่าทางกวนตีนกลับมาให้
"ลูกน้องเฮีย ทำในสิ่งที่.." ผมค้อนสายตาไปที่ไอ้ป้อง คู่อริตัวดีของสมุทรที่นั่งอยู่ทางด้านหลังของเจ้านายมัน อีกฝ่ายจ้องหน้าผมด้วยสายตารอการเอาคืนไม่วางตา มันแสยะยิ้มมาที่ผม
"..นักมวยค่ายอื่น ๆ เค้าก็คงจะไม่ทำกัน" ผมพูด
"หึหึ..หึหึหึ ฮ่า ๆ ๆ ๆ" สมัครหัวเราะขึ้นอย่างกวนอารมณ์ ผมยังคงยืนอมยิ้มอยู่ที่เดิมไม่ได้รู้สึกอะไร
"มันเป็นเรื่องระหว่างค่ายมันกับค่ายกู แล้วมึงมาสอดอะไร!" สมัครตวาดขึ้น มองตาขวางมาที่ผม มันผลักตัวผู้หญิงออกทั้งสองมือจนเธอเซไปตามแรง แต่ทั้งอย่างนี้พวกเธอก็ยังไม่ลุกไปไหน เอาแต่นั่งก้มหน้าด้วยท่าทางหวาดกลัว
"งั้นแสดงว่าเฮีย..ก็รับรู้สินะ ที่นักมวยในค่ายไปทำระยำกับใครไว้บ้าง" ผมพูด ใจเริ่มเดือดขึ้นจนรู้สึกได้ ผมให้เกียรติเรียกกวนมันว่า..
"เฮีย" ไปอย่างนั้นเอง เราต่างจ้องหน้ากันนิ่งอยู่ชั่วครู่
"แล้วยังไง.." สมัครลุกขึ้นยืน อีกฝ่ายมองผมตาแทบถลนอย่างไม่ยอมความ
"หึ..ก็ไม่ยังไงหรอกครับ" ผมก้มหน้าหัวเราะเบา ๆ มันน่าขัน เพราะเห็นดีเห็นงามกับลูกน้องแบบนี้นี่เอง ลูกน้องมันถึงได้กล้ากร่างขนาดนี้ ผมคงไม่มีอะไรที่จะต้องแปลกใจอีก
"จุดประสงค์ของผมคือ.." ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้ามันอีกครั้ง ครั้งนี้ผมจ้องมันนิ่งเพื่อเป็นการบอกว่าทุกคำพูดนี้ที่ออกมาจากปากผม ผมพูดอย่างตรงไปตรงมาจริง ๆ
"ผมอยากให้เฮีย คอยดูคนของเฮีย ไม่ให้ไปยุ่งกับคนของค่ายศรไกรอีก.. ทุกคน" ผมพูดบอก
"แล้วทำไมกูต้องเชื่อเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างมึงด้วย" สมัครแสยะปากย้อนกลับ
"งั้นเฮียก็ลองถามเสี่ยยุทธดูสิครับ ว่าทำไมเฮีย..ถึงต้อง เชื่อ..ผม" ผมพูดเว้นวรรคเสียงเย็นพร้อมเอียงคอกวนเล็กน้อย ตาจ้องมองสมัครไม่กะพริบ ชอบจริง ๆ คนแบบนี้ อีกฝ่ายชะงักไปครู่ ก่อนเหลือบไปมองที่เสี่ยยุทธคล้ายขอคำตอบ เสี่ยยุทธยืนนิ่งหลบสายตาสมัคร
"เอาเป็นว่า.." ผมยิ้มเอ่ยอย่างเป็นมิตรประดิษฐ์
"ผมขอเงินจากเฮียสักห้าแสนแล้วกันครับ เป็นค่าปรับปรุงที่เฮียให้เด็กไปเล่นไฟที่บ้านคนอื่นเอาไว้น่ะ" ผมพูดพร้อมถอนหายใจแรง อีกฝ่ายถลึงตาโตมองเหมือนไม่เชื่อหู
"ห้าแสน..เดี๋ยวนี้" ผมพูดเด็ดขาด แต่อยู่ ๆ อีกฝ่ายก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ผมเองก็ได้แต่ฉีกยิ้มมองการกระทำของมัน
"ทำไมกูต้องให้!" สมัครหันกลับมาว่าพร้อมกับชักปืนมาจ่อหัวผม ทันทีนั้นพี่ธานก็ชักปืนออกมาเช่นเดียวกัน ผมยืนนิ่ง ตามที่คาดไว้ตรงเผง ลูกน้องของสมัครพากันลุกขึ้นยืน บางคนมีปืน บางคนไม่มี
"เฮ้ย ไอ้หมัก!" เสี่ยยุทธอุทาน สมัครจ้องผมเหมือนมีชัยเหนือกว่าที่สามารถยืนนำปืนจ่อหัวผมได้ ผมยืนนิ่งไร้อารมณ์ หมดอารมณ์จะต่อรองแล้วจริง ๆ
"ขอ.. ห้าแสนครับ" ผมยังยืนยันคำเดิมด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
"ไม่อย่างนั้นก็ยิงเลย" ผมจ้องบอก
"มึง.. มึงนึกว่ากูไม่กล้าเหรอ!" สมัครพูด ปากอีกฝ่ายสั่น ดูเหมือนมันจะพยายามแล้วที่จะไม่ให้สั่น ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อยพร้อมกับยกมือขึ้นเป็นการบอกว่าผมยอมความให้มันยิงง่าย ๆ จริง ๆ
"จังไรเหมือนกันเลยนะครับ หึหึหึ" ผมพูดขำ ๆ สมัครตาโตกว่าเดิมที่เห็นท่าทีของผม
"ทั้งเจ้านาย ..ลูกน้อง" ผมเหลือบตาไปมองลูกน้องของสมัคร สายตาต่างมองมาอย่างเคียดแค้นเอาเรื่อง ทันทีที่สมัครกำลังเผลอ ผมปัดมือของมันที่ถือปืนอยู่ออกอย่างรวดเร็ว มันตกใจปล่อยปืนออก อีกมือของผมก็เอื้อมไปคว้าปืนที่กำลังจะตกถึงพื้นเอาไว้ได้ มันเกิดขึ้นเร็วมากจนอีกฝ่ายหน้าถอดสี รู้ตัวอีกทีคือปืนของมันได้เจ้าของใหม่เสียแล้ว ลูกน้องมันไม่แม้แต่จะเหนี่ยวไกคงเพราะกลัวว่าจะพลาดไปถูกเจ้านายตนเอง ผมช้อนปากกระบอกปืนขึ้น นำเข้าไปเชยคางสมัครอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายหนีไม่ทัน
"หึหึ โฮะ ๆ ๆ ๆ.. เหนียงเหี่ยวเป็นบ้า" ผมหัวเราะกวนตีนมันลั่น ตาเหลือบมองเสี่ยยุทธ อีกฝ่ายยังคงยืนทำสีหน้าไม่ถูก
"มีไหมครับ ห้าแสนน่ะ" ผมเลิกตาถามพร้อมกับเลื่อนปากกระบอกปืนต่ำลงมาที่ลูกกระเดือกของมัน อีกฝ่ายกลืนน้ำลายลงคอด้วยท่าทีที่ยากลำบาก ตาโตมองหน้าผมด้วยใบหน้าซีดเผือด
"น่าจะมีนะครับ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเวลามานั่งกกอีหนู"
"ปล่อยเฮียนะเว้ย!" เสียงว่าดังขึ้นจากไอ้ป้อง ไม่ทันให้มันได้พูดมากหรือนำปืนมาจ่อผม ผมก็หันกระบอกปืนยิงเข้าไปที่แขนมันหนึ่งนัดเพื่อเป็นการบอกให้มันหุบปากเสีย เสียงปืนดังลั่นร้าน คนที่อยู่แถวนั้นพากันร้องโวยวายแล้วหลบกันไปคนละทาง เพลงดับสนิท ไอ้ป้องตัวกระเด็นไปทางด้านหลังจนปืนที่มันถืออยู่ตกหล่นลงพื้น ผมนำมือขวาที่ว่างอยู่บีบเข้าไปที่คอสมัครไว้ด้วยความรวดเร็วเพื่อกันมันหนี อีกฝ่ายจับแขนผมแน่นเพราะผมจิกนิ้วเข้าที่หลอดลมมันอย่างแรง
"ปืนมึงนี่ห่วยฉิบ" ผมกัดฟันอดบ่นไม่ได้ เหลือบมองผู้หญิงของสมัครที่นั่งก้มหน้าตัวสั่น
"ออกไป" ผมไล่ พวกเธอรีบวิ่งหนีไปทันที
"วางปืนซะ ถ้ามึงไม่อยากเห็นภาพอุจาดตาของนายพวกมึงที่ต้องตายทั้งที่ค-ยยังแข็งอยู่อะนะ" ผมแสยะยิ้มบอก พวกมันเหรอหรา สมัครเริ่มดิ้นรน คงเพราะหายใจไม่ออกเนื่องจากผมบีบเน้นแรงมากขึ้นกว่าเดิมอยู่เนือง ๆ
"ไฟ..ลุงขอ" เสี่ยยุทธร้องบอก ผมไม่ได้หันไปมอง ยังคงตั้งใจกดมือเข้าหลอดลมมันอยู่อย่างนั้น จนลูกน้องของสมัครยอมวางปืนลงช้า ๆ
"ก็ผมบอกว่า ผมขอห้าแสนไงครับ" ผมยิ้มพูดคำเดิม พอคลายนิ้วที่บีบอยู่นั้นออกเพียงนิดเดียวเพื่อลองใจ อีกฝ่ายก็ทำท่าจะสู้ผมในทันควันที่มีโอกาส ผมเห็นอย่างนั้นจึงชกเข้าที่หน้าและท้องอย่างรวดเร็วไม่ทันให้มันได้ตั้งหลักตอบกลับแม้แต่หมัดเดียว สมัครแน่นิ่งล้มลงบนโซฟา หน้าเต็มไปด้วยเลือดทั้งที่ผมปล่อยไปเพียงไม่กี่หมัดเท่านั้น
"เฮียนี่เป็นเจ้าของค่ายมวยแน่เหรอครับ" ผมพูดเย้ย ดุนลิ้นมากัดอย่างเคยชินปาก
ปัง!!! ...เสียงปืนดังลั่นจากผมที่ยิงเล็งเฉียดเข้าไปที่เบาะโซฟาเพื่อจงใจแกล้งสมัคร มันสะดุ้งเฮือก ลูกกระสุนเฉียดผ่านใบหน้าของสมัครไปเพียงไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น อีกฝ่ายตัวแข็ง ตาโตอย่างกับคนใกล้หัวใจวาย เลือดที่แก้มของมันที่ถูกกระสุนเฉี่ยวซึมลงอาบแก้มอย่างช้า ๆ มันกลอกตามามองผมอย่างตกตะลึง พยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง
"เป็นไอ้แก่ที่พูดไม่รู้เรื่อง เอาซะเลย" ผมบ่นลอย ๆ เดินเข้าไปหา อีกฝ่ายถอยหลังหนีจนสุดทาง
"มึง!" เสียงลูกน้องสมัครร้องขึ้นอย่างดังอีกครั้ง เป็นฝั่งเดียวกับที่ไอ้ป้องยืนอยู่ ผมหันปืนไปทางมันที่กำลังวิ่งตรงมาทางผมและแน่นอนว่าเป็นเจ้าเก่ารายเดิม ไอ้ป้องชะงัก ปากกระบอกปืนจ่อเข้าตรงกลางหน้าของมันพอดิบพอดี
"รักกันจังเลยนะ" ผมฉีกยิ้มกว้าง
"ตายแทนกันได้รึเปล่าล่ะ" ผมพูดและหุบรอยยิ้มลงทีละนิด ไอ้ป้องตาโตตัวแข็งทื่อไปแล้ว
"งั้นก็ตายซะ" ผมกล่าวเสียงเรียบ
ปัง!!!! ...ผมยิงออกไป เสียงร้องในลำคออีกฝ่ายดัง
"เฮือก!" ใหญ่ ๆ เพียงหันปากกระบอกปืนออกจากหน้าผากของไอ้ป้องเสี้ยววินาทีเท่านั้น ลูกปืนที่ยิงออกไปเฉี่ยวเส้นผมมันจนอีกฝ่ายสะดุ้งตาค้าง เลือดกระเด็นออกเล็กน้อย ไอ้ป้องยืนตัวสั่น ตาเหลือก ได้สติอีกทีอีกฝ่ายก็จ้องผมตาไม่กะพริบไปแล้ว
"หึหึหึหึ" ผมหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าของมันและเลือดที่หัวของมันที่กำลังซึมออกมาทีละเล็กทีละน้อย เพื่อนมันพากันเข้ามาช่วยพยุงตัวไอ้ป้องไว้
"เฮียก็ไม่น่าจะคิด ว่าคนอื่นเค้าจะจังไรเหมือนเฮียกันหมด" ผมหันกลับไปสนใจที่เรื่องเดิม ก้มมองสมัครด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง ผมนั่งลงพร้อมกับวางปืนลงบนโต๊ะตรงหน้า เสี่ยยุทธยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
"ปืนเฮียน่ะ ห่วยมากนะ" ผมบอกหน้าซื่อ
"เฮียแก่แล้ว หนักขนาดนี้มันก็ขยับยากเย็นไปหมด..วันหลังจะซื้อก็ติดต่อลูกน้องผมก็แล้วกันนะครับ พวกผมยินดีให้คำปรึกษา" ผมฉีกยิ้มให้
"เฮ้ย เสียงดังเอ๊ะอะ..มีเรื่องอะไรกันวะ!" เสียงโวยวายดังลั่นเข้ามา น้ำเสียงเกรี้ยวกราดขี้โวยวายมีเอกลักษณ์แบบนี้มีคนเดียวเท่านั้น..เสี่ยทรัพย์
"อ่าว ไอ้ไฟ" เสี่ยทักพร้อมกวาดตามองไปรอบ ๆ สถานการณ์ ผมปัดมือให้พี่ธานนำปืนลงได้แล้วเพราะเกรงใจเสี่ยแก
"หวัดดีครับเสี่ย" ผมผงกหัวทักเล็กน้อย เสี่ยพยักหน้ารับพร้อมกับกวาดตามองอีกครั้ง
"มีอะไรรึเปล่า" เสี่ยเดินเข้ามาหา ถามด้วยท่าทางเป็นห่วง
"ผมขอซื้อของหน่อย เอาแบบ..ให้คนที่มีความดีในตัวน้อย หายใจช้า ๆ ลงได้น่ะ เสี่ยมีรึเปล่าครับ" ผมอมยิ้มพูดบอกเสี่ยทรัพย์ ในวงการค้ายาและค้าของเถื่อน ไม่มีใครไม่รู้จักรายใหญ่อย่างแก เสี่ยทรัพย์นิ่งไปเหมือนระแวงว่าผมจะทำอะไร ตลอดมาแม้เราจะรู้ดีว่าระหว่างเรา ใครทำธุรกิจอะไรกันบ้าง ไม่มีใครขัดขาใคร ต่างคนต่างอยู่ เมื่อไม่ขัดขากันจึงไม่เป็นศัตรูต่อกันแต่นอนว่า เส้นสายของแต่ละคนจะใหญ่จะเล็กก็อยู่เหนือการควบคุมอยู่ดี
ผมจ้องหน้าเสี่ยทรัพย์อยู่พักหนึ่งจนเสี่ยพยักหน้าให้ลูกน้องของเสี่ยที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ และก็คงได้ยินเรื่องทั้งหมดให้ไปนำของมาให้กับผม ระหว่างนี้ไม่เกิดบทสนทนาเลยสักคำเดียว ไม่นานของก็มาถึงมือผม
"ขอบคุณ" ผมบอก ลูกน้องเสี่ยทรัพย์ผงกหัวตอบก่อนถอยหลังไปยืนอยู่ข้าง ๆ เจ้านายตน ผมหยิบมันมาแล้วใส่ลงไปในแก้วเหล้าที่สมัครดื่มเหลือไว้ ผมยิ้มมองสมัคร มือขยับแก้วเหล้าไปมาเพื่อให้ของที่อยู่ในเหล้าละลายเข้าด้วยกันก่อนจะเลื่อนแก้วใบนี้ไปให้ตรงหน้ามัน อีกฝ่ายมองด้วยสีหน้าหวาดระแวง
"การที่คนแก่อัปรีย์อย่างคุณ อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้น่ะ..ตายง่าย ๆ คงเร็วไปครับ" ผมยิ้มบอกนุ่ม ๆ
"ปกติผมไม่ค่อยได้เข้าครัวหรอก นาน ๆ ถึงจะมีคนโชคดีได้กินอาหารฝีมือของผมที" ผมพร่ำบอก
"..กินครับ" ผมสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ อีกฝ่ายหลบสายตาทันที
"เฮียครับ" ผมย้ำ สมัครยังคงขดตัวไม่สบตา
"กูบอกให้กินซะ!" ผมตะคอกใส่อย่างเหลืออดแต่มันก็ยังไม่ยอมขยับ
"สัตว์!!" ผมสบถเสียงดังลั่น ลุกขึ้นคว้าแก้วแล้วพุ่งเข้าหาสมัคร มันพยายามหนี ผมจึงชกเข้าที่หน้ามันอย่างแรงอีกครั้งจนมันเซไป
"กูบอกให้มึงแดกเข้าไป!" ผมตะคอกดังลั่น เข้าไปล็อกคอมันขึ้นมาพร้อมกับบีบหน้ามันเพื่อให้อ้าปากออก สมัครปิดปากแน่นและพยายามดิ้นหนีสุดแรงที่ตัวมันมีจนตาเหลือก หน้าตาของมันในตอนนี้อุบาทว์มากไร้คำบรรยาย จนแม้แต่ผมเองก็ยังรู้สึกขยะแขยงที่ต้องแตะต้องมันซะด้วยซ้ำ
"ไฟ! ลุงขอ พอเถอะ!" เสี่ยยุทธเข้ามาห้ามหน้าเสียไม่แพ้คนที่กำลังจะถูกกรอกยาอยู่นี้ สมัครดิ้นยกใหญ่ ผมจึงรัดคอมันไว้แน่นจนอีกฝ่ายเริ่มจะหายใจไม่ออก ผมแสยะปาก ช้อนตาขึ้นมองหน้าเสี่ยยุทธ มันผงะไปเล็กน้อย
"งั้นก็กินแทนมันไหมล่ะ" ผมถามตาวาว คนถูกถามก้มหน้าลง
"ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม! ว่าจะให้ท้ายใคร ก็อย่าให้มันเกินเลย!" ผมตวาดใส่เสี่ยยุทธอย่างเหลืออด ที่วัน ๆ สติปัญญาของมันเอาแต่แก่ลดถอยลงไปตามอายุจริง ๆ ไม่ได้มีพัฒนาการที่ดีไปตามอายุขัยบ้างเลย
"ระยำเอ๊ย!" ผมสบถแล้วราดแก้วเหล้าลงบนหน้าไอ้แก่นี่ สมัครดิ้นพล่านพยายามหันหน้าหนีลูกเดียว
ผลัวะ! ....ผมซัดเข้าที่หน้าสมัครอย่างระบายอารมณ์เพราะรู้สึกว่าใจตัวเองยังคงครุกรุ่นเหมือนกับว่ายังมีอีกและมีอีก อารมณ์ที่ไม่หมดลงง่าย ๆ เสียที หมัดแล้วหมัดเล่าที่ผมปล่อยไปจนอีกฝ่ายนอนจมกองเลือดอยู่บนโซฟา เมื่อสบายใจแล้ว ผมถึงปล่อยมันออกแล้วกลับมานั่งลงที่เดิม ทุกอย่างเงียบลงสนิท
"นึกว่าผมไม่รู้รึไง..ว่าคุณน่ะ ก็รู้เห็นเรื่องวางเพลิง" ผมพูดขึ้นแล้วเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู่ในกล่อง นำมาเช็ดเลือดที่มืออย่างเนิบช้า สมัครกระเสือกกระสนเหมือนคนไม่ได้สติ มันสำลักเลือดออกมาเต็มโซฟา ลูกน้องของสมัครเข้ามาก้มดูอาการอย่างเป็นห่วงแต่เมื่อผมมองขวางไปที่พวกมัน ทุกคนก็หยุดมือและไม่ได้ช่วยอะไรอย่างที่ควร
"ใช่..ลุงรู้" เสี่ยยุทธตอบด้วยน้ำเสียงสนิทสนมจนผมรู้สึกสะอิดสะเอียน หลายครั้งผมเคยสงสัยในตัวเองว่าทำไมผมถึงได้ไม่เคยรู้สึกสนิทใจกับผู้ชายอย่างเสี่ยยุทธเลยกันนะ มีเรื่องทีก็ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จที แกไม่เบื่อบ้างรึไงเวลาที่ต้องปั้นหน้าน่ะ
"แต่ลุงไม่รู้ว่านั่นเป็นคนของไฟ ถ้าลุงรู้..ลุงก็คงไม่ให้ทำ" เสี่ยรีบพูดแก้ตัวยกใหญ่
"ฮึ.." ผมก้มหน้าหัวเราะขึ้นจมูกพร้อมกับลูบหน้าตัวเองอย่างเหลือเชื่อที่ได้ยิน
"น่าชื่นชมจริง ๆ" ผมเงยหน้ายิ้มกว้างให้ เสี่ยยุทธหน้าเจื่อนลง
"งั้นผมจะขอพูดตรง ๆ อีกครั้ง"
"เพื่อแลกกับเงินห้าแสน..และความสงบสุข ของเราทั้งคู่" ผมพูดพร้อมหันไปมองหน้าสมัครอย่างใจเย็น มันที่พอได้สติอยู่บ้างก็สบตาผมกลับเช่นกัน
"ผมขอให้เฮีย เลิกยุ่งกับค่ายมวยศรไกรอย่างเด็ดขาด ผมขอแค่นี้..ได้ไหม" ผมถาม น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำในทุกคำพูด สมัครนอนนิ่ง
"ได้สิ" เสี่ยยุทธนั่งลงเสมอผมและรีบตอบแทนอย่างดีใจ
"ผมถามเค้าน่ะ.." ผมพยักหน้าไปทางไอ้แก่ที่นอนอาบเลือดอยู่
"ไอ้หมัก ตอบสิวะ" เสี่ยยุทธเข้าไปก้มลงถามเรียกสติเพื่อนของตน สมัครพยักหน้ารับน้อย ๆ เท่านั้น
"ผมต้องรบกวนขอให้เสี่ยเป็นพยานให้ด้วยแล้วกัน" ผมเงยหน้าพูดบอกเสี่ยทรัพย์ เสี่ยทรัพย์ยืนนิ่งมองก่อนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
"ผมไม่เคยผิดคำพูด และก็ไม่ชอบเสียเวลากับคนที่ไม่ต้องการสุงสิงด้วย ถ้าผมบอกว่าผมไม่ทำ คือผมจะไม่แตะต้องคนของเฮียแม้แต่ปลายเล็บ..ดังนั้น ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับค่ายมวยศรไกรอีก..ผมจะถือว่าเฮีย ประกาศศึกกับผม" ผมบอก พ่อสอนกับผมเสมอว่า..
"พูดไว้อย่างไร ให้ปฏิบัติอย่างนั้น" ตลอดมาผมจำได้ดีขึ้นใจไม่เคยลืม
"ไฟสบายใจได้ เดี๋ยวลุงจัดการเอง" เสี่ยยุทธยิ้มรับ ผมไม่ได้ว่าอะไรก่อนจะลุกขึ้นยืน
"แต่อ้อ..ขอบอกไว้ก่อนว่า เรื่องลูกชายของเฮียน่ะ" ผมหันกลับไปมองหน้าสมัคร
"ผมไม่เคยยุ่ง ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นกับเค้าละก็..ขอให้ทราบ ว่านั่นไม่ใช่ฝีมือของผม เรื่องนี้เฮียต้องไปถามลูกชายเฮียดู ว่าไปเล่นใครเค้าไว้บ้าง" ผมพูดเตือนก่อนหันไปมองไอ้ป้องช้า ๆ มันยืนกุมแขนตัวเองที่เปื้อนเลือดอยู่ด้วยใบหน้าซีด
"ส่วนมึง.." ผมชี้หน้ามันโดยเฉพาะเจาะจงเพราะถ้ามันไม่คิดอะไรสาระเลว เพื่อนมันก็คงไม่ทำตามแน่
"หัดควบคุมนิสัยหน้าตัวเมียไว้หน่อยก็ดี น้องสาวมึงจะได้ปลอดภัยด้วย" ผมพูดบอก ไอ้ป้องมองผมตาโตด้วยความตื่นตกใจที่ผมดันรู้ว่ามันมีน้องสาวด้วย
"มึงทำยังไง..กูก็จะให้มึงอย่างนั้น จะเอาให้หาพ่อให้หลานมึงไม่ได้เลย ดีไหม..หรือว่ามึงอยากได้ผัวแทนน้องมึง กูก็ให้ได้ทั้งนั้น" ผมยิ้มกว้างให้ทิ้งท้าย ไอ้ป้องกัดฟันแน่น ไม่รู้โกรธแต่ทำอะไรไม่ได้หรืออยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ ผมนับเงินออกมายื่นไปให้ลูกน้องของเสี่ยทรัพย์
"ลาละครับเสี่ย ขอโทษด้วยที่ทำให้วุ่นวาย" ผมยกมือไหว้ลาเสี่ยทรัพย์ เสี่ยพยักหน้าเล็กน้อยแค่นั้น ผมเดินออกมาพร้อมพี่ธาน ลูกน้องคนอื่น ๆ ที่นั่งกระจายดูสถานการณ์อยู่ในแต่ละจุดพากันลุกขึ้นพร้อมกันและเดินตามหลังผมมา
"พวกมึงกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ" ผมบอกพวกไอ้เข้มและคนอื่น ๆ
"ระวังตัวด้วย" ผมบอกไอ้เข้มเป็นพิเศษเพราะมันกับลูกน้องขับมอเตอร์ไซด์แยกกันมา
"ครับนาย" ไอ้เข้มก้มหัวให้
"คุณจะไปไหนครับ" พี่ธานถาม
"จะไปดูหมอนั่นหน่อยน่ะ" ผมตอบห้วน ๆ พี่ธานพยักหน้ารับเหมือนกับเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วเปิดประตูรถให้ผม ไอ้เด่นขับรถตรงไปที่บ้านสมุทรอย่างรู้หน้าที่ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุอีกครั้ง ชาวบ้านบางส่วนแยกย้ายกันไปบ้างแล้ว เพลิงไฟก็ถูกดับสนิทหมดแล้วด้วย ผมพลิกดูนาฬิกามันบอกเวลาเกือบจะตีสี่เข้าไปแล้ว ผมสั่งให้ไอ้เด่นอยู่เฝ้าอยู่ที่รถแล้วเดินออกมากับพี่ธาน โดยเลือกที่จะเดินไปดูความเรียบร้อยที่ค่ายมวยก่อนอันดับแรก ที่นั่นไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว ในส่วนของค่ายไหม้ไปเกือบหมดแต่ดีที่ตรงส่วนของบ้านพักไหม้ไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่ดูท่าแล้วคงจะยังไม่สามารถเข้าพักได้เร็ว ๆ นี้แน่ คงต้องซ่อมแซมใหม่ทั้งหมด ขนาดผมยืนมองอยู่ห่าง ๆ กลิ่นไหม้คลุ้งแสบจมูกจนต้องเดินหนี
ผมก้าวเท้าเดินตรงไปทางบ้านของสมุทรต่อทันทีโดยไม่พูดอะไร พี่ธานเดินตามมาเงียบ ๆ ไม่ห่าง ผมแค่อยากไปดูหน่อยว่าอีกฝ่ายยังอยู่ที่บ้านหรือว่าอาจจะไปช่วยคนในค่ายก็อาจเป็นไปได้ ระหว่างทางค่อนข้างเงียบมาก มีบางบ้านที่เพิ่งตื่นนอนและบางบ้านคงเพิ่งจะได้เข้านอน
เมื่อผมเดินไปใกล้ถึงหน้าบ้านของสมุทรก็ต้องหยุดชะงักเพราะเห็นว่าเจ้าตัวนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้านเงียบ ๆ อยู่คนเดียวคล้ายกับคิดอะไรอยู่ อีกฝ่ายนั่งคอตกหมดสภาพในชุดเดิมที่ผมเห็นก่อนหน้านี้ ประตูบ้านของเขาปิดสนิท ผมยืนมองอยู่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ยืนอยู่อย่างนั้นจนสมุทรเงยหน้าหันมาเห็นผมเข้าพอดี เพียงพริบตาเดียวสีหน้าของเขาที่ดูอิดโรยก็เปลี่ยนไป สีหน้าที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ดูเหมือนว่าผมน่าจะรอคอยที่จะเห็นสีหน้าแบบนี้มานานแล้ว เพียงแต่พยายามกวนเท่าไหร่ใบหน้านี้ก็ไม่เคยหลุดทำให้ผมได้เห็นเสียที
สมุทรลุกขึ้นพร้อมเดินปรี่เข้ามาหาผมด้วยท่าทางโกรธจัด ใช่..ดูท่าจะเดือดมากทีเดียว ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิม อมยิ้มรอและไม่แม้แต่จะขยับตัวแม้แต่ก้าวเดียว เพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะทำอะไรและผมต้องการมองให้เต็มตา..
ผลัวะ! ....สมุทรปล่อยหมัดซ้ายเข้ามาเต็มแรง
"คุณไฟ" พี่ธานอุทานเมื่อเห็นว่าผมเซไปไม่เป็นท่า หึ..หมัดนี้ที่รอคอย สะใจจริง ๆ
ผลัวะ!! ....ผมหันตัวกลับไป เมื่อตั้งหลักได้จึงสวนหมัดขวากลับเข้าใส่อีกฝ่ายทันควัน!..........ไฟ............