.•:*´¨`*:•.☆ ► รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄ ☆•:*´¨`*:•.
ต อ น ที่ 7 : ภ า ว ะ ฟุ้ ง ซ่ า น
ดินแดนเห็นร่างเล็กกำลังก้มมองต้นขาและทันทีที่เขามองตามก็ได้เห็นเห็นเลือดแดงฉานซึมออกมาจากกางเกง
“โดนอะไรมาพี่!” เขาถลาเข้ามาประคองให้นั่งลงแล้วพยายามถลกกางเกงขึ้นแต่แผลอยู่บริเวณต้นขาและมีรอยขาดเป็นทางยาวจึงตัดสินใจฉีกกางเกงออกแทน
ผิวขาวจัดตัดกับสีแดงของเลือดทำให้ดินแดนมองตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงได้สติ ส่วนอีกสองคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างก็มองเหตุการณ์ด้วยความเป็นห่วง
“ขาว เอ้ย แดงเถือกไปหมดเลยพี่ โดนเมื่อไหร่แล้วเนี่ย” ดินแดนฉีกเสื้อด้านในของตัวเองออกเพื่อพันแผลห้ามเลือดไว้ก่อน
“โดนกิ่งไม้มันเกี่ยวตอนวิ่งเมื่อกี้ นึกว่าไม่เป็นไรมากแต่วิ่งๆ ไปขาก็เริ่มชาเลยก้มดูถึงได้รู้ว่าเลือดออกเยอะ” ใบหน้าสวยซีดเซียวมีเหงื่อออกเต็มหน้า
“พี่ไปต่อไหวปะ แผลลึกและยาวน่าดูเลย ขี่หลังผมดีไหม” เมื่อห้ามเลือดแล้วจึงใช้หลังมือซับเหงื่อให้พี่ชาย
“ไม่ต้องหรอก ยังพอไหว”
“นี่ๆ” อยู่ๆ ข้าวจ้าวก็เดินมาสะกิดไหล่ของดินแดน
“อะไร”
“พี่คนสวยนี่ใครอะ” เด็กประหลาดชี้มายังร่างเล็กที่นั่งหอบหายใจถี่ๆ
“พี่ชายกูเอง”
“พี่ชายจริงอะ”
“ก็จริงไง ถามทำไมวะ”
ข้าวจ้าวชะโงกหน้ากระซิบกับดินแดนซึ่งไม่ควรจะเรียกกระซิบเพราะขนาดสกายที่ยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ ก็ยังได้ยิน
“ถ้าไม่บอกว่าเป็นพี่ชาย ผมนึกว่าพี่กำลังจีบพี่เขานะ งุงิกันเหมือนแฟนเลยอะ จริงไหมไอ้กาย” คนถูกถามนิ่งอึ้งไปและไม่สามารถให้คำตอบอะไรให้ได้
คำพูดของข้าวจ้าวทำให้ใบหน้าสวยขึ้นสีเล็กน้อย รู้สึกประดักประเดิดที่ได้ยินอะไรแบบนี้
“จีบเชี่ยไรของมึง พี่ชายคนละแม่ ไปกันได้ละเดี๋ยวไอ้เหี้ยพวกนั้นตามทัน” ดูเหมือนดินแดนจะบริสุทธิ์ใจในการกระทำของตัวเองเพราะเขาไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ธรรมชาติของเขาคงเป็นคนที่ชอบสกินชิพแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติ
แต่กับร่างเล็กที่ถูกสัมผัสใกล้ชิดขนาดนี้กลับรู้สึกไม่ปกติเลยแม้แต่ครั้งเดียว
บุญบาปจริงๆ ชนม์แดนๆๆๆ ทำไมร่างกายมันบ้าบอแบบนี้นะ!
และยิ่งเหมือนฟ้ากลั่นแกล้งให้ต้องติดแหงกอยู่กับสัมผัสเดิมๆ อาการเดิมๆ เพราะดินแดนคอยประกบร่างเล็กเพื่อสังเกตอาการเพราะเลือดไหลซึมออกมาไม่หยุดทั้งๆ ที่ห้ามเลือดไว้เบื้องต้นแล้ว
“พี่ดอทพักก่อนเถอะเดี๋ยวจะแย่” เขาดึงแขนเล็กไว้แล้วหันไปสั่งความกับอีกสองคน “สกายไอ้จ้าวพวกมึงวิ่งไปก่อนเลยเดี๋ยวกูตามไป”
สกายลังเลเล็กน้อยแต่เขาก็พยักหน้าแล้วคว้าแขนข้าวจ้าววิ่งนำออกไป
“วิ่งก็วิ่งอย่างเดียวสิ มึงจะจับแขนทำไมวะ!!” ดินแดนตะโกนไล่หลังซึ่งสกายไม่ได้สนใจอะไรเลย
“เป็นแฟนกันจริงเหรอ กับสกาย” ในที่สุดชนม์แดนก็เอ่ยถาม ถึงจะค่อนข้างแน่ใจแต่ก็อยากรู้ว่าลึกซึ้งกันประมาณไหนแล้ว
“อืม” เขาตอบแล้วพาร่างเล็กไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ “แต่ไม่รู้จะเป็นได้อีกนานไหม มันไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมในการคบกับผมเท่าไหร่หรอก”
“แล้วเด็กที่ชื่อจ้าวนั่นเป็นมือที่สามเหมือนที่เฮียเผ่าบอกจริงเหรอ” ชนม์แดนทรุดนั่งลงอย่างยากลำบากก่อนจะหันมาถามต่อโดยพยายามเบี่ยงความรู้สึกของตัวเองออกจากไอร้อนรุมของมือน้องชาย
“จะว่าใช่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวนะ แต่ก็มีส่วนอยู่บ้าง”
“แล้วเป็นของฝั่งเธอหรือฝั่งสกายล่ะ อ่ะ!” ชนม์แดนกัดฟันเมื่ออีกฝ่ายลองเปิดแผลดูอีกครั้งก่อนจะฉีกเสื้อออกมาพันเพิ่มอีกแล้วกดไว้
ดินแดนก็อธิบายความสัมพันธ์อันซับซ้อนและต้นเหตุของเรื่องในวันนี้นั่นก็คือ เผ่าพงศ์บังเอิญไปรู้เห็นความสัมพันธ์ไม่ปกติของดินแดนกับข้าวจ้าวจึงคิดอยากจะเอาคืนดินแดนที่เคยทำเขาไว้อย่างเจ็บแสบที่งานเดินแบบเพชรในครั้งก่อน
“หาโอกาสคุยกับสกายซะ ถึงจะดูหยิ่งและจองหองไปหน่อยแต่ถ้ามองอย่างไม่อคติเธอจะรู้ว่าสกายมีใจให้เธอมากกว่าเด็กคนนั้นซะอีก” ชนม์แดนสรุปในที่สุด
“พี่คิดงั้นเหรอ” ดวงตาคู่คมเป็นประกายขึ้นทันที
“ฉลาดให้มันถูกที่ถูกทางหน่อย เรื่องบางเรื่องอย่าคิดเอาเองถึงเธอจะฉลาดแต่ก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าภายในใจของอีกคนมันซับซ้อนแค่ไหน” ชนม์แดนกลอกตามองน้องชายอย่างระอา
“จริงๆ ก็คิดไว้ว่าคืนนี้จะเคลียร์กับมันแต่ก็มาเจอเรื่องงี่เง่านี่ก่อน”
“ขอโทษแทนเฮียด้วย แล้วก็ขอโทษที่เป็นคนหลอกให้เธอคลาดกับสกาย ฉันไม่คิดว่าจะมีเด็กจ้าวโผล่มาอีกคนและสองจิตสองใจมาตลอดว่าแบบนี้มันไม่ถูกจริงๆ” ใบหน้าสวยสลดลงเมื่อพูดถึงความผิดที่ตัวเองก่อ
มือหนาจับเส้นผมยาวเคลียไหล่ที่ลู่ตกลงมาปิดหน้าให้เสยขึ้นไปตามทรงที่เซ็ตไว้แต่เดิมแล้วลูบไหล่เบาๆ จนร่างบางสะท้านขึ้นอีกครั้ง
“ที่ผ่านมาก็ให้ผ่านไปเถอะพี่ เรามาเริ่มกันใหม่ ผมเข้าใจพี่แล้วว่าเนื้อแท้ไม่ใช่คนเลวอะไร เรื่องที่ยังเป็นปมอยู่เดี๋ยวเราค่อยหาทางแก้ไปทีละเปราะ รู้ไหมว่าผมดีใจนะที่มีพี่ชายจริงๆ กับเขาซะที ไม่ใช่มีแค่ในนามเหมือนที่ผ่านมา”
อาจจะเป็นด้วยระยะเวลาที่มันยาวนานจนรู้สึกเหนื่อยล้าหมดแรงที่จะเชิดคออีกต่อไป เบื่อเหลือเกินจริงๆ ที่จะจมอยู่กับความเกลียดชังแบบเดิม อีกทั้งคนตรงหน้าก็สลัดทิฐิแล้วอ้าแขนรอรับอยู่ก่อน จึงไม่ยากเลยที่จะกระโดดลงจากกำแพงสูงที่เคยสร้างไว้ในใจ
“ฉันก็ดีใจที่มีน้องชายเก่งๆ อย่างเธอ” ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองมีหยาดน้ำรื้นขึ้นจากนั้นก็หยีลงเพราะรอยยิ้มที่แย้มขึ้นอย่างน่ารัก เป็นยิ้มทั้งน้ำตาที่ดูงดงามจนดินแดนรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
ร่างสูงจับมือบางมากุมไว้และถูกกระชับมือตอบ ทั้งคู่ยิ้มให้กันแล้วสวมกอดกันด้วยความเข้าใจ
นี่เป็นกอดแรกของกันและกันอย่างเป็นทางการ
ปัง! ปัง!
สองพี่น้องสะดุ้งผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงปืนดังอยู่ไม่ห่าง ดินแดนหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาต้นเสียงเตรียมระวังภัย กำลังจะบอกพี่ชายให้ซ่อนอยู่นิ่งๆ แล้วตนจะออกไปดูลาดเลาแต่อยู่ๆ เสียงเผ่าพงศ์ก็ดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ซ่อน
“มึงออกมาเดี๋ยวนี้ไอ้ดินแดนถ้าไม่อยากให้เมียกับกิ๊กมึงตายโหงด้วยปืนในมือกู” น้ำเสียงดูเป็นต่อจนดินแดนต้องกลืนน้ำลายคงคอฝืดๆ
และคำตอบของสิ่งที่เขาสังหรณ์ก็ปรากฏออกมาเมื่อข้าวจ้าวกับสกายค่อยๆ เดินกลับมาทางเดิมแต่ที่ทำให้ปวดขมับตุบๆ ก็คือทั้งสองคนยกสองมือขืนเหนือศีรษะคล้ายกับกำลังถูกบังคับโดยคนที่อยู่ด้านหลัง
“กูให้เวลามึงสิบวินาที ถ้าไม่ออกมากูจะยิงทีละคน และถ้ามึงออกมา มึงเลือกเลยว่าจะช่วยคนไหนก่อน ไอ้คนที่ตายมันจะได้รู้ว่ามันไม่สำคัญกับมึง ฮ่าๆๆๆ”
“ผัวพี่เหี้ยโคตรๆ” ดินแดนหันมากระซิบจนเกือบถูกอีกฝ่ายเงื้อมือขึ้นจะตีแต่แล้วก็นึกแผนดีๆ ขึ้นมาได้
“เอาฉันเป็นตัวประกันสิ เผื่อจะแก้สถานการณ์ได้”
สิบ..
เก้า..
เผ่าพงศ์เริ่มนับถอยหลัง
“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวผมจะเข้าชาร์ตมันจากด้านหลัง พี่รออยู่นี่นะ” ดินแดนไม่รอให้ร่างเล็กตอบอะไร เขาไม่ได้หน้าตัวเมียถึงขนาดจะเอาพี่ชายไปเสี่ยงอะไรแบบนั้นมันไม่คูล
ร่างสูงย่องอ้อมไปด้านหลังของสกายและข้าวจ้าวเพื่อมองหาตัวต้นเรื่อง
ชนม์แดนอยากจะเอ่ยเตือนให้ระวังตัวและระวังเฮียด้วยแต่ไม่ทัน ใจคอไม่ดีเลยกับสถานการณ์แบบนี้ ค่อยๆ ย่องตามดินแดนไปห่างๆ เผื่อจะได้หาจังหวะเข้าไปขวางเฮียไว้แล้วให้พวกเด็กๆ หนีไปน่าจะดีกว่า
แปด..
เจ็ด..
หก..
ห้า..
เสียงนับยังคงดังไม่หยุด ชนม์แดนภาวนาขอให้อย่ามีใครเป็นอะไรเลย ห่วงพวกเด็กๆ และห่วงคนรักว่าจะถูกจับถูกดำเนินคดี
ปัง!!
ไอ้จ้าว!!!
เสียปืนดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนของดินแดน เป็นข้าวจ้าวที่ล้มลงและแน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตา
จากนั้นเหตุการณ์แห่งความเป็นความตายดำเนินเรื่อยไปจนในที่สุดชนม์แดนจึงได้สติหลังจากมองตะลึงไปกับการสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่าและสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็รวดเร็วเกินกว่าที่จะตัดสินใจทำอะไรได้ถูก ร่างเล็กกัดฟันลากสังขารเข้าไปในช่วงเวลาวิกฤติที่สุด
“หยุดเถอะเฮีย!! ถ้าเฮียไม่หยุดก็ฆ่าดอทซะอีกคนสิ!!” ชนม์แดนกระเผกเข้าหาเผ่าพงศ์พร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก “ดินแดนเป็นน้องของดอท ทุกคนไม่มีใครควรต้องตายเลยนะเฮีย เชื่อดอทเถอะอย่าฆ่าใครอีกเลย ฮืออ”
รู้สึกสะเทือนใจอย่างถึงที่สุดในตอนนี้ และรู้สึกโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องทั้งหมด
เผ่าพงศ์เบิกตากับถาพที่เห็น ต้นขาเล็กนั้นถูกพันด้วยเสื้อดำที่ชุ่มไปด้วยของเหลวสีแดงซึ่งกำลังไหลลงเลอะผิวเนื้อและกางเกงสีอ่อน เขาเดินเข้าหาร่างเล็กด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เฮียไปฆ่าพวกมันเมื่อไหร่กัน”
“ก็เด็กที่ชื่อจ้าวนั่นไง ตายแล้วหรือยังก็ไม่รู้ถึงได้นิ่งไปซะขนาดนั้น” ชนม์แดนชี้ไปที่..
อ้าว!? ข้าวจ้าวไปไหนแล้ว??
“ตายบ้าตายบออะไรกัน เฮียไม่ได้ยิงมันซะหน่อย เฮียยิงขึ้นฟ้านู่น” เผ่าพงศ์ชี้นิ้วเฉียงขึ้นไปบนอากาศ
ชนม์แดนขมวดคิ้วมุ่นอย่างงุนงง จากนั้นก็เกิดการถกเถียงกันโฉ้งเฉ้งเหมือนเป็นละครซิทคอมเบาสมองเรื่องหนึ่ง ไม่นานนักการต่อว่าต่อขานกันก็จบลงเพราะเสียงโวยวายของชนม์แดน
“นี่มันอะไรกันแน่ ดอทงงไปหมดแล้วนะ!”
“ถามไอ้ห่านั่นเอาเองเดี๋ยวตำรวจจะมาแล้ว ดอทจะไปกับเฮียไหม” เผ่าพงศ์ชวนและจ้องมองบาดแผล ใจจริงอยากจะอุ้มไปโรงพยาบาลซะตอนนี้แต่อาจจะยากสำหรับเขาเพราะตำรวจคงไม่ยอมแน่ “เจ็บมากหรือเปล่าครับ” เขาคุกเข่าลงตรวจดูด้วยสีหน้าเป็นกังวลอย่างหนัก
ร่างเล็กสั่นสะท้านเมื่อถูกสัมผัส ไม่ว่ามือใครก็ไม่เคยแยกแยะ คอยจะปั่นป่วนฟุ้งซ่านไม่ว่าสถานการณ์แบบไหนก็มีผลกับอาการบ้าๆ นี่ไปหมด
“ย..ยังไม่ไปครับ ขอเคลียร์อะไรๆ แถวนี้ก่อน เฮียหนีไปก่อนเถอะแล้วดอทจะโทรหาทีหลัง” ชนม์แดนกัดฟันตอบปฏิเสธ
“งั้นต้องรีบทำแผลด้วยนะ อ้อ แล้วถ้าตำรวจถามก็ไม่ต้องรับว่าดอทรู้เห็นเรื่องที่เฮียทำ รับปากสิ” มือหนากระชับไหล่บางแล้วนิ่งรอคำตอบ
“ครับ ดอทจะทำตามที่เฮียบอก”
“งั้นเฮียไปละนะ” เผ่าพงศ์ยิ้มพอใจแล้วกอดคนรักอย่างอาลัยอาวอนก่อนจะวิ่งหนีไป
เห็นแววตาของเฮียแล้วรู้เลยว่าเสียใจ ขอโทษนะเฮีย ดอทขอโทษจริงๆ
เมื่อเผ่าพงศ์ลับตาไปแล้ว ร่างเล็กจึงนึกขึ้นได้ว่ายังมีคนนิสัยไม่ดีที่ยังลอยนวลอยู่อีกหนึ่งคน จึงตะโกนชื่อเขาออกมา เป็นจังหวะเดียวกับที่สกายตะโกนออกมาเช่นกัน
“ดินแดน!!” เจ้าของชื่อนั่งยิ้มแห้งๆ มองคนนั้นทีคนนี้ที
“คือ..เรื่องมันยาวน่ะ” เขาเริ่มแก้ตัว “แต่ขอเวลาแป๊บนะ ไอ้จ้าว! ไอ้เชี่ยจ้าวมึงออกมา!” เขาเรียกหาข้าวจ้าวเสียงดังลั่นแล้วไม่นานนักเด็กประหลาดก็โผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ ยิ้มแห้งๆ มาแต่ไกล
ไอ้เด็กสองคนนี้คงมาจากดาวดวงเดียวกันแน่ๆ ทั้งนิสัยใจคอและความล้นความเกรียนแถมยังจอมมายาซะอีก เฮ้ออ เสียน้ำตาไปตั้งเยอะเพื่ออะไรกันเนี่ย!
หลังจากนั้นดินแดนก็เล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นรวมถึงความช่วยเหลือจากเพื่อนที่ชื่อกระทิง มีอะไรให้ตื่นเต้นเยอะแยะไปหมดและดูเหมือนว่าแผนการร้ายแรงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้เกิดเรื่องดีๆ ขึ้นหลายอย่าง อาทิ ชนม์แดนและดินแดนได้ปรับความเข้าใจกันและเป็นฝ่ายน้องชายที่เห่อพี่จนแทบจะอุ้มเดินไปไหนมาไหน
ได้รู้จักกับเด็กประหลาดชื่อข้าวจ้าวแฟนของบั๊คซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของดินแดนเป็นครั้งแรก คนไร้มนุษยสัมพันธ์ขั้นติดลบอย่างชนม์แดนรู้สึกทึ่งในความทะเล้นกวนเกรียนของเด็กหนุ่มจากวีรกรรมที่ได้ผจญร่วมกันมา และนึกอิจฉาความมีชีวิตชีวาของเด็กหนุ่มจนนึกอยากทำได้แบบนั้นบ้าง
ความสัมพันธ์ของดินแดนและสกายยังคงคลุมเครือว่าใครอยู่โพซิชั่นไหน ซึ่งจุดนี้ชนม์แดนค่อนข้างคาใจอยู่พอสมควร ส่วนรักสามเส้าระหว่าง ดินแดน สกาย และข้าวจ้าว เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากเกินกว่าที่จะเข้าใจแต่ก็พอจะเดาได้ลางๆ ว่ามันคือความผูกพันและความรักแบบจริงใจของคนทั้งสามคนซึ่งก็เป็นเรื่องราวที่น่ารักปนตลกร้ายที่ชนม์แดนสังเกตเห็นว่าสกายนั้นมีใจให้ดินแดนมากกว่าที่ดินแดนคาดคิดไว้
เหตุการณ์ต่อจากนั้น บั๊คแฟนของข้าวจ้าวพาตำรวจตามมาจับลูกน้องที่หนีไม่ทันแล้วพาไปดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ ส่วนเผ่าพงศ์เข้ามอบตัวและใช้หลักทรัพย์และตำแหน่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่เขารู้จักช่วยประกันตัวออกมาต่อสู้คดี ซึ่งดูแล้วก็คงจะหลุดได้ไม่ยากเพราะเจ้าทุกข์แค่ให้ดำเนินการไปตามกระบวนการ
“คุณแม่กลับก่อนก็ได้ครับ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” ร่างเล็กที่อยู่ในชุดของโรงพยาบาลยิ้มอ้อนผู้เป็นแม่ที่มาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่ได้รู้ข่าว
“ไม่อยากให้แม่นอนเฝ้าเหรอลูก” เธอซึมลงเมื่อนึกถึงสามีที่มาเคาะประตูเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วแต่เธอก็ไล่ตะเพิดไปเพื่อไม่ให้มายุ่งกับลูกชาย
“ถ้าคุณแม่มานอนเฝ้า ดอทก็ไม่ได้ทานข้าวฝีมือคุณแม่น่ะสิ อาหารโรงพยาบาลไม่อร่อยนี่นา” ชนม์แดนทำหน้าอ้อน
“ไม่ใช่ว่าอยากให้ใครเข้ามาแทนแม่เหรอ” รู้สึกสะเทือนในอารมณ์เมื่อรู้สึกว่าลูกไม่ต้องการ
“โธ่คุณแม่ครับ ดอทแค่อยากให้คุณแม่พักเต็มที่ แล้วก็อยากทานอาหารอร่อยๆ แค่นั้นเอง” ตีหน้าเศร้าอ้อนเพิ่มไปอีก
“จ้ะๆ งั้นแม่อยู่อีกพักหนึ่งแล้วค่อยกลับก็แล้วกัน” เธอบอกแล้วปลอกผลไม้ใส่จานให้ลูกชาย
“กระต่ายแอปเปิ้ลของคุณแม่อร่อยที่ซู้ดดดด” ลูกชายขี้ประจบหยิบแอปเปิ้ลรูปกระต่ายเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
ฝีมือทำอาหารและแกะสลักผลไม้ของคุณรุ่งฤดีนั้นถือว่าหาตัวจับยาก เธอโตขึ้นมาในครอบครัวที่ดีพร้อม รูปร่างหน้าตาดี การศึกษาดี ต้นตระกูลเป็นผู้ดีเก่าเป็นคนในรั้วในวังซึ่งเธอก็ได้ร่ำเรียนวิชางานครัวมาไม่น้อยเลย
ถ้าตัดเรื่องอคติที่เกี่ยวกับเจ้าสัวออกไป เธอคือผู้หญิงที่โปรไฟล์ระดับพรีเมี่ยมเลยก็ว่าได้ และเพราะความเพียบพร้อมนี้จึงสร้างบาดแผลในใจให้เธออย่างมากในวันที่สามีพาเมียอีกคนพร้อมลูกในท้องเข้ามาเลี้ยงดูในเขตรั้วเดียวกัน
มันเป็นความอัปยศอย่างถึงที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีได้ หากเรื่องนี้จะโทษว่าใครผิด เธอขอโทษทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิงหน้าด้านคนนั้น
“ยังเจ็บแผลหรือเปล่าลูก” เมื่อเห็นว่าลูกชายกินอิ่มและตาปรือแล้ว คุณรุ่งฤดีจึงเตรียมตัวกลับ
“ตอนนี้ไม่ค่อยปวดแล้วครับ ยาคงออกฤทธิ์อยู่”
“งั้นพรุ่งนี้แม่จะทำกับข้าวอร่อยๆ มาให้นะ พักผ่อนเยอะๆ อย่าให้ใครมากวนล่ะ บอกไปเลยว่าอยากพัก”
“ครับคุณแม่” ร่างเล็กรับคำเพื่อให้แม่สบายใจ
“ป๋าครับ คุณแม่ไปแล้ว ป๋ายังอยากมาหาดอทหรือเปล่าครับ” ชนม์แดนกดโทรศัพท์หาผู้เป็นบิดาหลังจากมารดาคล้อยหลังไปสิบกว่านาที
“ไปสิ เดี๋ยวป๋าขึ้นไป ป๋านั่งรอที่ร้านกาแฟในตึกนี้แหละ”
“ครับป๋า” ตอบรับแล้วกดวางโทรศัพท์ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ ใจจริงก็ลุ้นว่าคนเป็นพ่ออาจจะกลับไปแล้วเพราะผ่านมาตั้งสามชั่วโมง ปกติเจ้าสัวไม่ใช่คนที่จะเสียเวลารออะไรที่ไม่มีความสำคัญแต่ครั้งนี้ทำให้คนคิดมากยิ้มออกมาได้
“ดอท..” เมื่อเปิดประตูเข้ามา เจ้าสัวก็รีบเข้าไปหาลูกชาย
“ป๋า..”
มันเป็นความตื้นตันจนยากจะหาคำใดมาพูดเอ่ย ทั้งคู่แค่ยิ้มบางๆ มองกันและกันด้วยความรู้สึกโล่งใจที่หลุดพ้นจากความอึดอัดที่มีให้กันมานาน
“เจ็บไหมลูก” คนเป็นพ่อเอ่ยถามพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้น ในใจอยากจะกอดลูกใจแทบขาดแต่ด้วยความละอายใจ เขากลัวว่าลูกชายจะยังมีความเกลียดชังหลงเหลืออยู่จึงพยายามเก็บงำความต้องการเอาไว้
“คุณหมอฉีดยาให้เลยไม่ค่อยเจ็บครับ แต่ถ้าหมดฤทธิ์ยาก็น่าจะปวด”
“ป๋าขอโทษนะ” หยาดน้ำเอ่อล้นออกมาเมื่อเห็นสภาพของลูก
รู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนนั่งแทบไม่ติด หลังจากดินแดนโทรมาบอกก็รีบมาทันทีแต่เจอกับภรรยาที่หน้าห้องและถูกไล่ตะเพิดพร้อมกับการกล่าวโทษว่าที่ลูกต้องเจอแบบนี้ก็เพราะตน
ซึ่งมันเป็นความจริง และมันเจ็บปวดจนแทบไม่กล้าสู้หน้า
ชนม์แดนได้แต่เงียบและมองดู ไม่เคยเห็นเจ้าสัวอ่อนแอขนาดนี้มาก่อน
“ถ้าป๋าดีกับดอทมากกว่านี้ ดอทคงไม่ไปคว้าเผ่าพงษ์มาเป็นแฟนและไม่ต้องเจอกับเรื่องแย่ๆ ทุกอย่างมันเป็นเพราะป๋าทั้งหมด ป๋าเป็นหัวหน้าครอบครัวแต่จัดการปัญหาได้ไม่เอาไหน ทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่และดูเหมือนมันจะเลวร้ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ รู้หรือยังว่าแม่ของลูกจะฟ้องหย่าป๋าแล้วนะ”
“ฟ้องหย่า!? คุณแม่ไม่เห็นบอกดอทเลยนี่ครับ แล้วที่จริงป๋าก็เคยขอหย่าแต่คุณแม่ไม่ยอมแล้วจู่ๆ ..หรือว่า.. เป็นเพราะเรื่องที่ป๋าจะมีลูก..”
“อืม คงเป็นเรื่องนั้น” เจ้าสัวคอตกและดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียง “ตอนแรกป๋าคิดว่าหมดรักต่อกันแล้วก็หย่ากันให้หมดเรื่อง แต่พอเอาเข้าจริง ป๋าก็ได้รู้ว่าป๋าไม่เคยเกลียดแม่ของลูกและยังรอให้เขามาเข้าใจ ที่ผ่านมามันเป็นแค่ความรู้สึกผิดหวังของป๋ามากกว่า ป๋ามันเห็นแก่ตัวที่หวังจะให้เขายอมรับทุกอย่าง อยากให้เขาเป็นเมียที่รับอะไรได้ง่ายๆ”
ชนม์แดนนิ่งฟังโดยไม่ได้ให้ความเห็นอะไรออกไป จะว่าเข้าใจป๋าก็เข้าใจแต่เรื่องนี้ตนก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบและเอาเข้าจริงก็อดที่จะโทษบิดาไม่ได้ที่ทำให้เรื่องมันยุ่งเหยิงแบบนี้
“ดอทถามได้ไหมครับ.. ว่าป๋ามีลูกกับผู้หญิงคนอื่นจริงหรือเปล่า”
ผู้เป็นพ่อเงยหน้ามองลูกด้วยความรู้สึกเจ็บปวด รู้สึกละอายและหวาดหวั่นว่าลูกจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมและลงเอยด้วยความไม่เข้าใจกันอีกครั้ง
“ป๋า..”
ผู้หญิงนั่นท้องจริงๆ สินะ
“แน่ใจเหรอครับว่าเป็นลูกป๋า” ชนม์แดนพอจะเดาออกจากท่าทีของบิดา ถึงจะสะเทือนอยู่บ้างแต่เพราะได้เรียนรู้มามากจึงทำให้หัวใจดวงนี้แกร่งขึ้นพอที่จะรับมือกับเรื่องราวอย่างคนที่เป็นผู้ใหญ่เขาทำกัน
อยากทำได้แบบดินแดนบ้าง เด็กคนนั้นละทิ้งทิฐิออกไปได้ก่อนทั้งๆ ที่ตนเป็นผู้ถูกกระทำมาตลอดจนเกือบตายด้วยซ้ำ ฉันจะไม่ยอมแพ้นายเด็ดขาด..ดินแดน
“ป๋าให้เขาคุมกำเนิดไว้แล้วแต่อยู่ๆ เขาก็ท้อง ซึ่งป๋าก็ทิ้งความรับผิดชอบไม่ได้”
“แล้วป๋าเคยตรวจร่างกายบ้างหรือเปล่าครับว่าป๋ามีลูกได้อีกจริงหรือเปล่า”
“หลังจากรู้ว่าเขาท้อง ป๋าก็แอบไปตรวจร่างกายตัวเองเพื่อความแน่ใจเหมือนกัน แต่ผลก็ออกมาปกติไม่ได้เป็นหมันและเชื้อก็ยังแข็งแรงดี”
“งั้น.. ถ้าดอทขอให้ตรวจดีเอ็นเอตอนเด็กคลอด ป๋าจะขัดข้องหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าดอทจะดื้อดึงอะไรแต่ถ้าจะรับว่าใครเป็นน้องจริงๆ ดอทก็อยากแน่ใจว่าเขาเป็นสายเลือดเดียวกันไม่ใช่ย้อมแมวเป็นลูกใครที่ไหนก็ไม่รู้”
“รับ..เป็นน้อง?” เจ้าสัวทวนคำแบบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ครับ”
“ดอท” รอยยิ้มของผู้เป็นพ่อคลี่ขึ้นเมื่อแน่ใจแล้วว่าลูกชายยอมรับเรื่องนี้ได้ “ได้สิ แค่ดอทยอมรับ ป๋าจะทำทุกอย่างให้ดอทสบายใจ”
“งั้นก็เลิกทำหน้าเศร้าได้แล้วครับ กว่าเราจะเข้าใจกันได้ดอทก็ต้องจมอยู่กับความทุกข์มานานมากแล้ว ต่อไปนี้ดอทจะพยายามเข้าใจอะไรให้ง่ายขึ้น ชีวิตจะได้ไม่ยากเหมือนที่ผ่านมา”
“ขอบใจนะลูก” เจ้าสัวลุกขึ้นคว้าตัวลูกชายเข้ามากอดไว้แน่น “ที่ผ่านมาป๋าผิดเอง ป๋าน่าจะอ่อนโยนกับดอทมากกว่านี้ แต่ป๋าสัญญาว่าจากนี้จะเลิกเอาเรื่องของแม่มาปะปนกับเรื่องของดอทนะ ป๋าขอโทษนะลูก ยกโทษให้ป๋า ยกโทษให้ความไม่เอาไหนของป๋านะ”
น้ำตาแห่งความสำนึกผิดหลั่งไหลออกมามากมาย เป็นอีกครั้งหลังจากที่เสียแม่ของดินแดนไปก็มีครั้งนี้ที่ลูกผู้ชายซึ่งยืนหยัดมาด้วยความลำแข้งอย่างเจ้าสัวแดนสรวงต้องสะเทือนอารมณ์จนสะกดกลั้นไว้ไม่ไหว
“อย่าร้องไห้สิครับ ดอทโอ๋ใครไม่เก่งนะ” มือเล็กตบลงที่ไหล่ของผู้เป็นพ่อหลายทีเป็นการปลอบ
เจ้าสัวดันตัวลูกชายออกแล้วเอียงหน้ามองก่อนจะปาดน้ำตาให้ ส่วนมือเรียวก็เอื้อมซับหยดน้ำที่แก้มให้ผู้เป็นพ่อเช่นกัน
“แกก็ร้องเหมือนกันไม่ใช่เหรอ มาว่าแต่ป๋า”
ทั้งคู่หัวเราะขำเบาๆ ในความขี้แยของอีกฝ่าย แต่แล้วเจ้าสัวก็ค่อยๆ หุบยิ้มลง
“เรื่องของแม่ ดอทอยากให้ป๋าทำยังไง”
“เรื่องนี้ดอทขอคุยกับคุณแม่อีกทีแล้วค่อยบอกป๋านะครับ ดอทคิดว่าคุณแม่ยังรักป๋าอยู่นะไม่งั้นคงไม่โกรธขนาดนี้ ที่ผ่านมาก็น่าจะรอให้ป๋ายอมก่อนแต่พอรู้เรื่องที่ผู้หญิงของป๋าท้องก็เลยตัดใจเด็ดขาดแต่ถึงขั้นฟ้องหย่ายังไงป๋าก็เตรียมรับมือไว้นะครับ ดอทอาจจะช่วยอะไรมากไม่ได้”
“อืม ป๋าเข้าใจ ป๋ามันโง่เองที่คิดไม่ได้ ถ้าป๋าใช้ไม้อ่อนตั้งแต่แรกเรื่องก็คงไม่บานปลายแบบนี้ ครอบครัวคงจะไม่..”
“ดอทจะไม่บอกป๋าหรอกนะครับว่าอย่ารู้สึกผิดเพราะในใจจริงๆ ดอทก็ยังเคืองไม่หายหรอก แต่ป๋าแค่รู้สึกผิดในใจอยู่คนเดียวก็พอไม่ต้องเอามาแบ่งให้ดอทรู้เพราะจากนี้ไปป๋ามีหน้าที่ทำให้ดอทมีความสุข เข้าใจไหมครับ”
“หืม? เป็นคนแบบนี้เหรอเรา” เจ้าสัวมองลูกชายอย่างหมั่นเขี้ยว “ที่ผ่านมาก็นึกว่าเป็นแค่เด็กเก็บกดเจ้าคิดเจ้าแค้น ที่ไหนได้เป็นเด็กเจ้าเล่ห์ด้วยเหรอ”
“ไม่รู้ล่ะ ป๋าต้องไถ่โทษ” เชิดหน้าอย่างคนเป็นต่อจนถูกผู้เป็นพ่อขยี้เส้นผมจนยุ่งเหยิง
“ครับๆ ป๋าจะไถ่โทษให้จะตามใจลูกชายป๋าทุกอย่างไม่ขัดใจอีกแล้ว พอใจไหม”
“พอใจมากครับ” ร่างเล็กยิ้มตาหยีก่อนจะตอบรับอ้อมกอดจากผู้เป็นพ่ออีกครั้งแต่คราวนี้เจ้าสัวลูบหลังเน้นๆ แสดงความรักและดีใจไปพร้อมกัน
“ตัวสั่นจัง หนาวเหรอลูกเดี๋ยวป๋าเพิ่มแอร์ให้นะ” คนเป็นพ่อไม่เอะใจกับอาการแปลกๆ ของลูกชาย พาซื่อคิดว่าเพราะหนาวไปเสียอย่างนั้น
“หนาวๆ ร้อนๆ อาจจะเป็นไข้มั้งครับ” ชนม์แดนตอบเลี่ยง
“อืม งั้นก็นอนพักสักหน่อย แผลอาจจะระบมมีไข้เดี๋ยวป๋าอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าเจ้าดินจะมา” ว่าแล้วก็ประคองลูกชายให้นอนลงแล้วนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง
เฮ้อ จะบ้าตายกับไอ้โรคบ้านี่ กอดป๋าก็ไม่ได้หรือไง นี่พ่อนะจะสั่นทำไม บ้าบอที่สุด!
ต่อ..