Cake
หลังจากที่ผมใจหายใจคว่ำกับการที่เกี๊ยงบอกว่าเคยคิดจะขอผมเป็นแฟน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้จริงจังเท่าไหร่ อีกอย่างเรื่องมันก็ตั้งนานมาแล้วด้วย แต่ทำไมผมกลับมีความรู้สึกดีๆ กับคำพูดเหล่านั้นกันนะ ผมไม่รู้หรอกว่าเค้าพูดจริงหรือเปล่า แต่การมีคนที่มารักเรามันก็คงดีกว่ามีคนเกลียด แต่เค้าจะรักเราได้นานแค่ไหนกันละ นั่นแหละคือสิ่งที่ผมกลัว หลังจากพ้นผ่านเรื่องนี้ไปได้ เกี๊ยงก็มีเรื่องใหม่มากวนใจผมอีกจนได้
ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าถึงสนใจอยากจะรู้จักพี่ตี้ บุคคลผู้ซึ่งผมเคยคบด้วยตอนเรียน ม.ปลายพี่ตี้ย้ายมาเรียนที่เดียวกับผมตอนที่ผมอยู่ ม.4 ส่วนตัวพี่แกตอนนั้นเรียน ม.6 ผมกับพี่ตี้ค่อนข้างจะตัดสินใจคบกันเร็ว แต่มันก็เหมือนความรักแบบเด็กๆ คบกันเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร นั่นคือในมุมมองของพี่ตี้ละมั้ง เพราะสำหรับผมเองมันเหมือนเราทุ่มเทเต็มที่ แต่พี่เค้ากลับมองผมเป็นแค่ของเล่นชิ้นนึง ผมจึงไม่อยากจะหวนคิดถึงอดีตตอนนั้นเท่าไหร่นัก
ตอนนี้ผมเริ่มรู้แล้วว่าทำไมเกี๊ยงถึงสนใจอยากรู้ว่าพี่ตี้คือใคร เพราะตอนนี้ผมว่าเค้าต้องกำลังคิดอะไรลามกกับผมอีกแล้วแน่ๆ เพราะอยู่ๆ ก็มาถามผมว่าเคยมีอะไรกับพี่ตี้หรือเปล่า ไอ้ผมก็รู้สึกแปลกๆ ที่จะต้องมาเล่าเรื่องแบบนี้ให้กับเพื่อนอย่างเค้าฟัง อีกอย่างเพราะวันนี้ผมอยู่กับเค้าสองต่อสองเพียงลำพัง มันยิ่งไม่สมควรมาคุยเรื่องอะไรแบบนี้กันตอนนี้ ไม่อย่างงั้นมันอาจจะเลยเถิดเหมือนครั้งก่อนก็เป็นได้ แต่ดูเหมือนผมจะคิดช้าไป เพราะยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวอะไร
“งั้นก็ลองอีกรอบก่อนก็ได้ แล้วนายค่อยตัดสินอีกทีว่าใครทำให้นายมีความสุขได้มากกว่ากัน”สิ้นคำพูดนั้น ผมก็ถูกจู่โจมด้วยจูบอันเร่าร้อนของเค้าแทบจะทันที ด้วยความที่ผมไม่ได้ตั้งตัวหรืออย่างไรแต่ทำไม ผมถึงคล้อยตามเค้าไปได้ นี่มันอะไรกัน แต่แล้วจู่ๆ
“เค้กๆๆ เค้กลูก ออกมาช่วยแม่ขนของหน่อยลูก”เสียงตะโกนมาจากหน้าบ้านทำให้สติผมกลับคืนก่อนจะผลักเค้าออกห่าง พร้อมกับหอบหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอด และตะโกนตอบเจ้าของเสียง
“ครับแม่”ผมตอบออกไปทั้งที่ยังงงๆ ก็ไหนว่าพ่อกับแม่ผมจะกลับมะรืน แล้วทำไมโผล่มาวันนี้ได้กันละ ผมกับเค้ายืนมองหน้ากันด้วยความตกใจ ประหลาดใจไม่แพ้กัน เค้าคงอยากจะถามผมเหมือนกันเพราะผมบอกไปว่าพ่อกับแม่จะกลับมะรืน ส่วนผมเองก็อยากจะถามแม่เหมือนกันว่าทำไมกลับมาวันนี้ มาขัดจังหวะ เฮ้ยไม่ใช่ ทำไมมากะทันหันแบบนี้ นี่ดีนะที่ไม่โผล่มาเห็นผมกับนายตะเกียงนี่นัวเนียกันอยู่ เพราะถึงแม้พ่อแม่ผมจะรับรู้ว่าผมมีรสนิยม ชอบเพศเดียวกัน แต่ผมก็ไม่เคยพาใครมาทำประเจิดประเจ้อที่บ้านเลยสักครั้ง อย่างมากก็มาทักทายแนะนำให้รู้จักพอเป็นพิธี ผมรีบจัดเสื้อผ้าผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะเดินนำเกี๊ยงออกมาหน้าบ้าน
“อ้าวมีเพื่อนอยู่ด้วยเหรอลูก”แม่ผมเอ่ยถามตามมารยาท กับคนที่ยกมือไหว้พ่อกับแม่ผม นี่แม่ผมคงจำเค้าไม่ได้หรอกมั้ง แม้ว่าแต่ก่อนเราจะเป็นเพื่อนสนิทกันและเค้าก็เคยมาค้างกับผมบ่อยๆ แต่วันเวลาผ่านไปนาน และหน้าตารูปร่างของเค้าก็ค่อนข้างจะเปลี่ยนไปเยอะพอควร นี่แม่ผมคงจะคิดว่าเป็นแฟนใหม่ผมอีกตามเคย
“คุณพ่อคุณแม่ จำผมได้ไหมครับ ผมเกี๊ยงไงครับ”ผู้ที่เหมือนจะถูกลืมไปแล้วรีบออกตัวว่าคือใคร ซึ่งก็เรียกความสนใจจากบุพการีทั้งสองของผมได้เป็นอย่างดี เพราะท่านทั้งสองหันมาจ้องมองเค้าเป็นตาเดียวก่อนจะทำท่านึกออก
“อ้าวลูกเกี๊ยงที่เคยมาบ้านเราบ่อยๆ สมัยเด็กๆ นั่นใช่ไหมเค้ก”พ่อผมหันมาถามเอากับผม ซึ่งก็ได้แต่พยักหน้ารับ แล้วตอนนั้นมันเด็กตรงไหน ม.ต้นเค้าก็ถือว่าโตกันแล้ว
“อืมๆ ตอนแรกแม่ก็นึกว่าเป็น...”แม่ผมหยุดพูดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจะพูดอะไรออกมา ผมรู้ว่าแม่คงกำลังจะบอกว่าคิดว่าเป็นแฟนผม
“เป็นอะไรเหรอครับ”บุคคลที่ถูกกล่าวหาทางความคิด รีบชิงถามเหมือนไม่อยากเป็นแค่ผู้ที่ถูกกล่าวหา ก่อนจะรีบเข้าไปหอบหิ้วข้าวของจากแม่ผมอย่างประจบประแจงจนน่าหมั่นไส้
“ไม่มีอะไรหรอกลูก ว่าแต่นี่ไปไงมายังไง หายเงียบไปตั้งแต่ย้ายโรงเรียนคราวนั้น เลยไม่ได้ติดต่อกับเค้กมันเลยสิ ทางนี้เองก็ย้ายบ้านมานี่หลายปีแล้วเหมือนกัน สบายดีนะ”แม่ผมก็พูดเจื้อยแจ้วไปพร้อมกับช่วยกันหอบหิ้วของเข้าบ้าน ดูเหมือนคุณนายท่านจะซื้อข้าวของมาเยอะเหลือเกิน นี่ขนอะไรมาบ้างละแม่ผม
“ทานข้าวทานปลากันรึยังละนี่”แม่ผมครับพูดไป ถามไปเรื่อยแทบจะไม่เว้นช่องว่างให้ได้ตอบกันเลยทีเดียว
“ทานเรียบร้อยแล้วละครับ”เกี๊ยงตอบแม่ผมอย่างยิ้มแย้ม นี่อย่ามาทำเนียนนะ แม่ใครแม่มันนะโว้ยไม่ต้องแอบมาตีซี้เลย
“อ้าว แล้วนั่นเค้กชวนเพื่อนดื่มอีกแล้วใช่ไหม ชอบจริงๆเลยนะไอ้เหล้าเบียร์นี่ แม่ละสงสัยจริงๆ ว่ามันอร่อยตรงไหน เห็นดื่มกันยังกะน้ำหวาน แล้วนี่ชีสไปไหนละ หือ”แม่ผมพอเห็นหลักฐานวางอยู่คาตาว่าผมดื่มเบียร์ไปก็เริ่มบ่นอีกแล้วครับ จริงๆ แม่ก็ไม่ได้ห้ามดื่มหรอกครับแต่แกชอบบ่นไปแบบนั้นเองจริงๆ ไม่มีอะไรหรอก นี่ก็พาลบ่นไปถึงไอ้เจ้าน้องชายตัวดีของผมอีก ถ้าเกิดบอกความจริงไป ว่าไอ้คุณน้องชายบังเกิดเกล้าไปเมาอยู่บ้านเพื่อน มีหวังได้ฟังแม่ผมบ่นไปอีกยาว ผมหันไปมองพ่อผมก็เห็นพ่อยิ้มๆ แบบปล่อยให้แม่บ่นไปเหอะ
“ไอ้ชีสไปทำรายงานบ้านเพื่อนนะแม่”ผมจำต้องโกหกไปเพื่อให้ท่านสบายใจ การโกหกให้บุพการีสบายใจไม่ถือเป็นบาปน้า(สำหรับผม)เพราะถ้าบอกความจริงไปเดี๋ยวแม่ก็เป็นห่วงเป็นกังวลอีกจะทำให้ท่านทุกข์ใจเปล่าๆ สู้โกหกให้สบายใจจะดีกว่า ผมเห็นเกี๊ยงแอบหันมามองผมด้วยที่โกหกคำโต
“งั้นก็แล้วไป นึกว่าไปเที่ยวเล่นดื่มเหล้าอีกแล้ว”ยังกะรู้เลยครับแม่ผมเดาแม่นจริงๆ อย่างว่าแหละท่านเลี้ยงพวกผมมาทำไมจะไม่รู้จักนิสัยลูกๆ ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ อย่างคนมีพิรุธ
“แล้วนี่ลูกเกี๊ยงดื่มไปเยอะไหมเนี่ย ต้องขับรถกลับบ้านกลับช่องอีก ไหวหรือเปล่า เค้กก็ไม่คิดเลยชวนเพื่อนดื่มเดี๋ยวก็ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุอีก จะด่งจะดื่มก็ให้รู้จักคิดหน้าคิดหลังบ้างเกิดเพื่อนฝืนขับรถออกไปจะเป็นยังไง”โหแม่ผมนี่ขนาดเพิ่งกลับมาไม่กี่นาทีแต่ร่ายยาวได้อย่างไม่มีเบรกเลยครับ
“ดื่มไปไม่กี่กระป๋องเองแม่จะเมาอะไรเล่า”ผมรีบแย้งเพราะดื่มไปนิดเดียวแทบจะยังไม่มึนเลยด้วยซ้ำ
“ไอ้เรานะมันดื่มเป็นอาชีพ เจ้าเค้กแต่เกี๊ยงละลูก ว่าไงลูกเกี๊ยงนี่ขับรถกลับไหวหรือเปล่า”ตกลงนี่ใครลูกแม่กันแน่เนี่ย รู้สึกจะห่วงผิดคนหรือเปล่านะแม่ผม
“นี่ผมก็รู้สึกมึนๆ นิดหน่อยแล้วเหมือนกันแหละครับ แต่คิดว่าพักสักครู่ก็คงหาย”คำตอบของเกี๊ยงทำเอาผมหันขวับไปจ้องเค้าเลยทีเดียว ก็จะมงจะมึนอะไรกันละ ทีเมื่อกี้ยังจะปล้ำผมอยู่เลย ตายละหว่าพอนึกเรื่องนี้ขึ้นมาดันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเสียแล้วผม
“งั้นถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ค้างที่นี่ก่อนก็ได้ เค้กก็ดูแลเพื่อนดีๆ แล้วกัน เดี๋ยวพ่อกับแม่ขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าก่อนแล้วกัน วันนี้เหนื่อยมากจริงๆ ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่นะลูก”แม่ผมหันมาสั่งลาลูกชายคนใหม่พร้อมกับคำสั่งกลายๆให้ผมดูแลก่อนจะพากันขึ้นชั้นสองไปกับพ่อ
“กลับได้แล้วมั้ง”ผมเอ่ยปากไล่แขกอีกรอบ คราวนี้ไม่เกรงจงเกรงใจ ไม่กลัวเพื่อนน้อยใจแล้วครับ เพราะเริ่มรู้สึกว่าเค้ากำลังคิดจะทำอะไรสักอย่าง
“อ้าวเมื่อกี้ไม่ได้ยินเหรอ คุณแม่บอกว่าถ้าไม่ไหวก็ค้างที่นี่ได้นี่นา”คุณเพื่อนตัวดี ยังคงตีหน้าทะเล้นไม่เห็นว่าอยากจะกลับเลยสักนิด
“ไม่ได้เมาเลยสักนิดไม่ใช่เหรอ”ผมหันมาเก็บพวกเบียร์ที่เราดื่มไป เหมือนเป็นการไล่แขกทางอ้อม
“ว้านึกว่าเค้กจะอยากให้ค้าง เพื่อที่เราสองคนจะได้สานต่อจากเมื่อสักครู่เสียอีก”นั่นไงว่าแล้วว่าต้องวกมาเรื่องนี้อีกจนได้ ไอ้ผมละอุตส่าห์จะไม่คิดแล้วนะเนี่ย แต่ดูเค้าจะพยายามต้อนผมให้จนมุมอยู่ตลอดเลยนะเนี่ย
“เฮ้ย...จะทำอะไรเนี่ย”พอผมหันหลังกลับเข้าหาเค้าผมก็ต้องตกใจเพราะเค้าเล่นมายืนชิดผมอยู่ แถมด้วยความตกใจทำให้ผมเซเพราะจะเบี่ยงตัวออกจากเค้า แต่เค้ากลับเอื้อมมือมารั้งผมไว้ ทำให้ตอนนี้เหมือนเค้ากำลังจะกอดผม ผมเลยต้องรีบห้ามเค้าเสียก่อนเพราะตอนนี้ในบ้านไม่ได้มีแค่ผมกับเค้า(ถ้ามีกันสองคนนี่จะยอมว่างั้น)
“ทำแค่นี้แหละ”เหมือนการห้ามปรามของผมจะไม่เป็นผลเพราะ เค้ากอดกระชับผมเข้าพร้อมกับแนบริมฝีปากมาที่แก้มของผมเนิ่นนาน ก่อนจะค่อยๆ คลายอ้อมกอดออก ผมได้แต่ยืนนิ่งเพราะไม่รู้จะทำยังไง ไอ้ครั้นจะขัดขืนก็ไม่รู้ว่าร่างกายเป็นอะไรทำไมไม่ต่อต้านเค้าก็ไม่รู้
“งั้นวันนี้เรากลับก่อนก็ได้ แต่เค้กต้องสัญญาว่าจะให้เรามาหาได้บ่อยๆ นะ”ดวงตาที่มุ่งมั่น แต่เหมือนจะแฝงไปด้วยความหมายอีกหลายอย่างของเค้า จ้องมองลึกลงมาในดวงตาของผม เหมือนกำลังค้นหาคำตอบบางอย่างจากผม แต่ให้ตายซิ ทำไมผมรู้สึกอยากจะสัมผัสริมฝีปากของเค้าที่อยู่ไม่ห่างนั่นจังเลย อย่าบอกนะว่านี่ผมจะเริ่มหวั่นไหวกับเพื่อนคนนี้เสียแล้ว
“แล้วใครเค้าจะไปห้ามนายได้กันละ”ผมจำต้องรีบเบือนหน้าหลบสายตา พร้อมกับตอบรับกลายๆ ว่าอนุญาตให้เค้ามาหาได้บ่อยๆ
“สัญญาแล้วนะ”เกี๊ยงยิ้มกว้างให้กับผม
“อืม”ผมเพียงรับคำสั้นๆเท่านั้น ก่อนจะเดินออกมาส่งเค้ากลับบ้าน
“ฝันดีนะ อย่าลืมฝันถึงเราด้วยละ”
---------------------------------------------
แวะมาต่อเหมือนเดิมคร๊าบบบ
สุขสันต์วันลอยกระทงล่วงหน้านะคร๊าบบบ
พรุ่งนี้แล้ว เที่ยวกันให้สนุก หวังว่าทุกคนจะมีคู่ลอยกระทงกันแล้ว