.
.
นาน...จนคนในอ้อมแขนถอนหายใจสม่ำเสมอกลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งเขาจึงกล้าลืมตาตื่น หัวใจที่พยายามสะกดไม่ให้เต้นระรัวพลันเต้นแรงอีกครั้ง ปลายนิ้วหยาบกร้านยกแตะริมฝีปากตัวเองราวกับไม่เชื่อในสัมผัสก่อนหน้านี้
ราวกับฝัน...
คีตกาลจูบเขา?
สีหราชยิ้มกว้างให้กับพระจันทร์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า ชายหนุ่มหรุบสายตามองคนหลับในอ้อมแขนแล้วก้มลงแตะปลายจมูกลงบนไฝเม็ดเล็กข้างแก้มใส จูบแผ่วเบาบนปลายจมูกมนน่ารัก
“นี่แค่ดอกเบี้ยหรอกนะ!” แล้วรอยยิ้มสวยเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเจ้าเล่ห์ขึ้นฉับพลัน!
/
/
“!” เพราะคิดว่าเป็นความฝัน เมื่อลืมตามาเห็นคนตรงหน้าเขาจึงตกใจ เจ้าของใบหน้าเข้มคร้ามยังคงหลับสนิทอยู่ข้างๆกันตรงโคนต้นไม้ เพราะเมาเลยฝันแบบนั้นซินะ? คีตกาลสะบัดศีรษะไล่อาการมึนงง ไอ้ที่จะไปจูบสีหราชน่ะเขาก็แค่คิด คงไม่ได้ทำไปจริงๆหรอกใช่ไหม? คิ้วเข้มของสีหราชขยับคีตกาลจึงรีบลุกขึ้นก่อนจะขึ้นควบเจ้า Music ออกไปอย่างรวดเร็ว
“?” คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อเห็นว่ารถของแพรวพรรณยังคงจอดอยู่เดิม “สายใจ คุณแพรวไม่ได้กลับบ้านหรือ?”
“อ้าว คุณคีย์? ใช่ค่ะ เมื่อคืนคุณแพรวนอนที่นี่กับคุณแม็กกี้ ดึกขนาดนั้นไม่มีใครกล้าขับรถหรอกค่ะ เส้นทางมันอันตราย” เด็กสายใจอธิบายขณะช่วยป้าแช่มจัดอาหารบนโต๊ะ “แล้วนี่คุณคีย์ไปนอนที่ไหนมาคะ? หนูเข้าไปปลุกไม่เห็นนอนในห้อง”
“ห๊า! เอ่อ....”
“หรือว่าเมาเบียร์แล้วหลับอยู่แถวนี้?” สายใจยกมือขึ้นเท้าเอว จ้องมองรอยยุงกัดบนผิวขาวๆเขม็ง
“ก็ เอ่อ... ทำนองนั้น”
“คุณคีย์!” ทำตัวเป็นขี้เมาแบบนี้ได้ยังไงคะ รู้ไหมคุณสิงห์ไม่ชอบให้กินเหล้ากินเบียร์แถวนี้ อีกอย่างดูซิ ยุงกัดเต็มไปหมดเลย ถ้าเกิดป่วยเป็นไข้มาลาเรียหรือไข้เลือดออกล่ะแย่แน่ๆ!” สายใจบ่นยืดยาว คีตกาลที่อ้าปากจะอธิบายพูดไม่ทันเด็กสาวเสียที หนำซ้ำสายใจยังมาเปิดเสื้อเลิกผ้าเขาเพื่อดูรอยยุงกัดอีก
“สายใจจะแก้แพ้ฉันเรอะ!”
“หนูเปล่านะ เอ๊ะ นี่มันเสื้อคุณสิงห์นี่คะ”
“ห๊ะ?”
“ทำไมคุณคีย์ถึงใส่เสื้อคุณสิงห์ล่ะคะ?”
“เอ่อ พอดีเมื่อวานฉันเอาเสื้อให้คุณแพรวยืมตอนขี่ม้า”
“แล้วคุณคีย์ยืมเสื้อคุณสิงห์ หรือคุณสิงห์เสื้อมาให้ใส่คะ?” แม้จะพอรู้คำตอบหากสายใจก็ยังถามเพื่อเย้าแหย่อีกฝ่าย ตั้งแต่แรกสายใจก็เห็นคุณสิงห์ห่วงคุณคีย์สารพัด
“ใครยื้ม!” เสียงสูงเสียจนสายใจส่งค้อนให้ “หมอนั่นยัดเยียดมาให้ฉันเองต่างหาก ไม่ได้อยากใส่เสียหน่อยเหม็นเหงื่อจะตาย”
“ค่า เหม็นเหงื่อแต่ก็ใส่จนข้ามวันเนอะคนเรา”
“ไม่เอาแล้ว ไม่คุยกับสายใจแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า!”
**********
“ยูทำอะไรน่ะ?”
“เย้ย!” คนที่กำลังนั่งตะคุ่มๆอยู่ตรงรถชาวบ้านสะดุ้งโหยงสุดตัว ชายหนุ่มยกมือลูบอกมองค้อนเพื่อนที่ทำให้เขาตกใจ คีตกาลละมือจากล้อรถแล้วยืนขึ้นเท้าเอวพลางยกยิ้มอย่างผู้ชนะ “ก็แกล้งใครบางคนนิดๆหน่อยๆ” อันที่จริงเขาไม่ใช่คนนิสัยแบบนี้นะ แต่...เพื่อให้ได้บางสิ่งกลับคืนมาเขาเลยต้องฝืนใจทำ
“ปล่อยลมล้อรถคุณแพรวเนี่ยนะ?”
“คึๆๆ” คีตกาลปิดปากหัวเราะชอบใจ
“ยูโคตรจ้าดง่าว!” แม็กกี้เพื่อนตัวสูงอย่างดูแคลน
“อะไรคือจ้าดง่าว?”
“โง่ไง ภาษาบ้านยูนั่นแหละ ยูน่ะโง่หรือเปล่า? มาปล่อยลมรถเขาแบบนี้เขาก็กลับไม่ได้น่ะซิ”
“?”
“ทีนี้คุณแพรวก็ได้อยู่ Lion ทั้งวันจนกว่ารถจะได้เติมลม!”
“.......” ร่างโปร่งนิ่งงันเมื่อได้ฟัง ก่อนจะทิ้งผมตัวเองแล้วสบถในใจ แม็กกี้มองภาพนั้นอย่างสมเพช คีตกาลโคตรงี่เง่ามาก แทนที่จะแกล้งเขาดันมากลายเป็นส่งเสริมศัตรูหัวใจเสียอย่างนั้น... แม็กกี้ได้แต่ส่ายหัว
“เอาน่า เดี๋ยวไอช่วยเอง” หญิงสาวตบบ่าเพื่อนปลอบใจ
“...ว่าแต่เธอไปเรียนภาษาเหนือนี่มาจากไหน?”
“ได้ยินเด็กๆพูดกันตอนไปเที่ยวเชียงใหม่คราวที่แล้ว”
“.....”
.
.
“Lion!” แม็กกี้โบกมือทักทายร่างสูงที่เพิ่งลงจากหลังเจ้าสายฟ้า หญิงสาวยิ้มกว้างพลางส่งเสียงเรียกอีกครั้งแล้วเจ้าขนปุยสีน้ำตาลไม่รู้ว่าวิ่งมาจากทางไหนกระโดดเข้ามาหาอย่างดีใจ คีตกาลก้มลงอุ้มมันขึ้นมากอด “คีย์ Dog ตัวนี้น่ารักจัง มันชื่ออะไรเหรอ?”
“เอ่อ...” คีตกาลอึกอัก เขาเหลือบมองร่างสูงของสีหราชที่เดินเข้ามาหาเขาทั้งสองคน
“นี่ Lion เจ้าหมาตัวนี้ชื่ออะไรเหรอ?” แม็กกี้ซึ่งอยากสร้างสัมพันธภาพกับชายหนุ่มถามด้วยรอยยิ้ม
“....Lion”
“หืม?” แม็กกี้ไม่เข้าใจว่าสีหราชพูดชื่อตัวเองทำไมเลยหันมาหาเพื่อนที่ตอนนี้ยกมือปิดหน้าตัวเองไปแล้ว
“คีตกาลตั้งชื่อหมาว่า lion” สีหราชเอ่ยเสียงเย็น ช้าๆชัดๆด้วยสีหน้าถมึงทึง ดวงตาคมดุวาววับจับจ้องอีกคนอย่างไม่พอใจ ทั้งๆที่เมื่อครู่เขายังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ พอเพื่อนของคีตกาลเอ่ยชื่อเรียกเขาทำเอาคิ้วกระตุก
“......” แม็กกี้อ้าปากค้างกับคำตอบนั้นก่อนจะหันไปเอาเรื่องกับเพื่อนตัวเอง ว่าทำไมไม่บอกเธอว่า Lion ชื่อที่เธอใช้เรียกสีหราชนั้นเป็นชื่อซ้ำกับลูกหมา! เจ้าของบ้านปรายตามองคนปิดหน้าตัวเองแล้วกระแทกเท้าขึ้นเรือนไป ทิ้งให้แม็กกี้หน้าเสียอยู่อย่างนั้น “แบบนี้จะต้องเกลียดนายแน่ๆเลย”
“อะไรนะ!” คีตกาลเงยหน้าจากฝ่ามืออย่างตกใจ
“ยูเอาชื่อเขาไปตั้งให้หมา”
“ทีหมอนั่นยังเอาชื่อฉันไปตั้งให้ม้าได้เลย” คีตกาลโวยวาย
“นั่นม้า นี่....หมา”
“.........” ก็ได้! เขาผิดก็ได้! โธ่ คีตกาลอยากจะร้องไห้ เขาตั้งชื่อเจ้าลูกหมาว่า Lionเพราะนึกอยากแกล้งอีกฝ่ายเท่านั้น และเขาไม่คิดว่าจะมีใครมาอุตริเรียกสีหราชว่า Lion ที่นี่น่ะซิ!
สีหราชหรือ Lion ตัวจริงน่ะหรือ ตอนนี้กำลังถอดเสื้อ ขยำมันเป็นก้อนแล้วปาลงไปอย่างแรงพลางยิ้มเหี้ยม ... กำลังคิดว่าเขาจะเอาคืนคนตั้งชื่อหมายังไงดี ตั้งชื่อหมาว่า Lion เขาก็โกรธอยู่หรอกหากก็ยอมให้เพราะอีกฝ่ายคือคีตกาล แต่ที่โกรธมากกว่าคือการที่คนนอกมาเรียกเขาด้วยชื่อเดียวกับเจ้าลูกหมานั่น!
“เมื่อคืนคุณแพรวพักที่นี่กับคุณแม็กกี้นะคะ ที่บ้านเธอว่าดึกแล้วไม่มีคนขับรถมารับเธอได้” สีหราชพยักหน้ารับรู้เมื่อสายใจเข้ามารายงาน
“คุณแพรว ไหนๆก็ไหนๆแล้วอยู่ทานข้าวด้วยกันอีกสักมื้อนะครับ” สีหราชเอ่ยชวน หลังจากอาบน้ำเสร็จลงมาเขาก็พบว่ารถของแพรวพรรณยางแบนเลยกลับบ้านไม่ได้
“ยินดีค่ะคุณสิงห์ ว่าแต่...นี่แพรวมีศัตรูอยู่แถวนี้หรือเปล่าคะเนี่ย?” หญิงสาวยิ้มแหย หลังจากตรวจสอบแล้วว่ารถโดนปล่อยลมยางจนแบน ส่วนคนแกล้งน่ะกำลังยกหลังมือปาดเหงื่อให้ร่างสูงที่เหลือบสายตาแอบมองอยู่ถึงกับยกยิ้ม
“คงไม่หรอกครับ รถคุณแพรวยางแบนแบบนี้ก็ดีนะครับ คุณแพรวจะได้อยู่กับผมอีกวัน” สีหราชเย้า
“ไม่ต้องยางแบนแพรวก็อยู่กับคุณสิงห์ได้ทั้งวันแหละค่ะถ้าคุณสิงห์ชวน” ชายหนุ่มหัวเราะ
“งั้นวันนี้ซ้อมขี่ม้าอีกนะครับ เดี๋ยวจะทำให้คุณแพรวควบวิ่งได้เลย”
“ขอบคุณค่ะ!”
“แต่ต้องใช้ม้าตัวเดียวกับผมนะครับ”
“เอ๊ะ?”
“ถ้าคุณแพรวกับผมขี่ม้าคนละตัวผมจะสอนคุณแพรวให้วิ่งควบได้ยังไงล่ะครับ” คีตกาลเงยหน้าขึ้นมองคนพูดอย่างไม่พอใจ เขาเม้มปากแน่นขึ้นเมื่อเห็นแก้มขาวของหญิงสาวแดงเรื่อขึ้นกับคำนั้น
“ตลกน่า lion เอ่อ สิ่ง..ยูไม่จำเป็นต้องขี่ม้าตัวเดียวกับคุณแพรวก็สอนให้ควบวิ่งได้” แม็กกี้เอ่ยค้านหน้านิ่ง แพรวพรรณหัวเราะคิกเมื่อรู้ว่าสีหราชกำลังหยอกอำเธอเล่น
“โธ่ คุณสิงห์นี่ล่ะก็ มาอำให้แพรวเขินเสียได้” คีตกาลถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
สีหราชตาโตหลังคิดตามคำพูดของแม็กกี้ ...งั้นไอ้ที่สีหราชสอนตอนนั้นก็ไม่จำเป็นน่ะซิ?
สีหราชเบือนหน้าหนี ชายหนุ่มพยายามผ่อนลมหายใจขณะกลั้นยิ้มกับสีหน้าของคีตกาล หลังจากรู้ว่าโดนเขาหลอกสอนตอบขี่เจ้า Music
.
.
.
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?” แม็กกี้เอ่ยถามขณะทั้งหมดเลือกม้าที่ฟาร์มเพื่อใช้วิ่ง สีหราชกับคีตกาลนั้นมีม้าเป็นของตัวเองแล้ว ดังนั้นสองสาวจึงต้องเป็นคนเลือก และแม็กกี้ใช้เพื่อนเลือกให้ขณะที่สีหราชช่วยแพรวพรรณอยู่อีกทาง
“เอ๊ะ?”
“ยูไม่ได้กลับขึ้นบ้าน Lionเองก็เหมือนกัน” คีตกาลหน้าแดงเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน อุตส่าห์แกล้งทำเป็นลืมแล้วนะ
“ก็...เมาหลับอยู่แถวนี้แหละ”
“โกหก ไอเดินหน้ายูทั่วสนามก็ไม่เจอ อยู่กับ Lionทั้งคืนใช่ไหม?”
“เปล๊า!”
“นั่น เสียงสูงเชียว”
“โอ๊ย ไม่คุยด้วยแล้ว ฉันกลับไปทำงานดีกว่า”
“ไม่ได้! ถ้ายูไม่ไปด้วย เกิดสองคนนั้นจู๋จี๋กันล่ะ?”
“.......”
“ไหนว่าจะสู้เพื่อเอาเขาคืนมาไง”
“ก็....”
“เร็วๆ!” แม็กกี้กระทุ้งศอกใส่เอวเพื่อน คีตกาลเลือกมาตัวหนึ่งให้หญิงสาวแล้วกลับมารวมกับอีกสองคนด้านหลัง
คีตกาลถอนหายใจ มองรอยยิ้มกว้างของแพรวพรรณและอีกคนที่ยิ้มตอบแล้วใจแป้ว แม็กกี้ตบบ่าให้กำลังใจ ร่างโปร่งเลยโหนตัวขึ้นหลังเจ้า Music แล้วควบไปแทรกระหว่างทั้งสองคน
“คุณแพรว สนใจไปชมทางรีสอร์ทฝั่งนู้นไหมครับ?” คีตกาลเอ่ยชวน
“ได้หรือคะ?” คนชวนพยักหน้า แล้วทั้งหมดจึงควบม้าเดินเหยาะไปทางฝั่งรีสอร์ท แพรวพรรณมีท่าทางตื่นเต้นเมื่อมาถึงริมน้ำ พวกเขาลงจากหลังม้ามาหยุดยืนบนแพริมน้ำที่เพิ่งสร้างเสร็จ เพราะวันนี้เกียรติศักดิ์ลาหยุดเขาจึงให้คนงานอื่นๆหยุดพักผ่อนไปด้วย มีเพียงไม่กี่คนที่พักอาศัยอยู่ที่นี่คอยตรวจตราความปลอดภัยเรียบร้อย
“ตรงนี้จะเป็นสวนน้ำหรือคะ?”
“ครับ เป็นแพเปียกแล้วก็บ้านพักแบบแพริมน้ำ” คีตกาลยิ้มอธิบาย
“ดีจังเลยค่ะ ถ้าเสร็จแล้วแพรวขอมาพักและเล่นเครื่องเล่นคนแรกเลยได้ไหมคะ?” หญิงสาวยิ้มเอียงอาย แก้วขาวแดงเรื่อเมื่อร่างโปร่งส่งยิ้มสวยให้เธอ คีตกาลจับมือของแพรวพรรณขึ้นกุมแล้วตบลงบนหลังมือขาวนั้นเบาๆ
“ให้สิทธิพิเศษคุณแพรวคนแรกเลยครับ”
“อะแฮ่ม!” แม็กกี้และสีหราชกระแอมไอพร้อมกันโดยไม่ตั้งใจ คีตกาลยิ้มแหยเพราะแม็กกี้ถลึงตามอง ส่วนอีกคนก็ตีหน้ายักษ์ใส่ “คุณแพรวระวังจะตกน้ำนะครับ” เขาแสร้งไม่สนใจ ยิ่งได้เห็นสายตาดุมองมายิ่งนึกอยากแกล้ง เขารั้งมือแพรวพรรณให้ขยับเข้ามาด้านในอีกนิดอย่างระมัดระวัง
“ตายจริง ขอโทษค่ะ”
“ตอนนี้ไม่มีเสื้อชูชีพ ถ้าตกลงไปละแย่แน่”
“นั่นซีคะ แพรวยิ่งว่ายน้ำไม่เป็นอยู่ด้วย”
“อ้าว คุณแพรวว่ายน้ำไม่เป็นหรือครับ เหมือนผมเลย” สีหราชได้โอกาส เขาเบียดร่างแทรกกลางระหว่างแพรวพรรณกับคีตกาล ร่างโปร่งเซถอยหลัง
“นี่ยูแข่งกันจีบผู้หญิงคนนี้หรือไง!” แม็กกี้กระซิบถามเสียงขุ่น
“เปล่านะ! ก็แค่คิดว่าถ้าทำให้คุณแพรวมาสนใจฉันเธอจะได้ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาไง”
“แต่มาสนใจนายแทน? มันก็ได้ยุ่งเหมือนเดิมนั่นแหละ!”
“....” คีตกาลกะพริบตาปริบๆ
“ผมว่าเราขึ้นบนฝั่งดีกว่าครับ ลมเริ่มแรงผิวน้ำมีคลื่นแล้วแพยังไม่แข็งแรงแบบนี้ ประเดี๋ยวแพล่มจะไม่ดี” คีตกาลเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้ ร่างสูงรั้งมือแพรวพรรณเพื่อช่วยให้หญิงสาวเดินสะดวก จากความหมั่นไส้เมื่อครู่คีตกาลรู้สึกกรุ่นๆ จังหวะอีกฝ่ายหมุนตัวเขาจึงแอบยื่นเท้าไปขัดขาฝ่ายนั้นทันที
“ว้าย! คุณสิงห์!” ร่างสูงสะดุดเสียหลักหงายท้องตกลงไปในน้ำเสียงดังตูมใหญ่ คนแกล้งยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ หากแล้วต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะนึกขึ้นได้ว่า เมื่อครู่นี้สีหราชบอกว่าว่ายน้ำไม่เป็น!
ภาพที่ร่างสูงตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำทำให้หัวใจเขาหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ไม่ต้องรอให้ใครบอกคีตกาลกระโจนลงน้ำทันที แต่เพราะสีหราชร่างกายสูงใหญ่ หนำซ้ำกำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด กว่าคีตกาลจะเข้าถึงตัวได้อีกฝ่ายก็เริ่มหมดแรง เขาสอดแขนเข้าใต้รักแร้พยายามรั้งร่างคนตัวโตไปยังแพริมน้ำ เมื่อห่างเพียงช่วงแขนเขาจึงคว้าขอบแพ มีแพรวพรรณกับแม็กกี้ช่วงดึงสีหราชขึ้นฝั่ง
“....ฉัน” คีตกาลหอบหายใจ เขารีบโหนตัวขึ้นบนแพมาหยุดอยู่ด้านหลังสีหราชที่กำลังสำลักไอหน้าดำหน้าแดง มือขาวยื่นแตะบ่ากว้าง “...ฉันขอโทษ”
เพี๊ยะ! สีหราชปัดมือนั้นออก ร่างสูงหันกลับมา ดวงตาดุดันจับจ้องจนคีตกาลรู้สึกหวาดหวั่น
“ถ้าเกลียดจนคิดอยากจะฆ่ากันก็อย่าเข้ามาใกล้!” สีหราชยันกายลุกขึ้น ก่อนจะควบเจ้าสายฟ้าจากไป ทิ้งไว้เพียงเจ้าของใบหน้าซีดขาวที่กำลังยกหลังมือขึ้นเช็ดหยาดน้ำตา....
**********
รอลมพัดครั้งต่อไป...
พิเศษแถมท้าย“...........” เขาลืมตานิ่งค้าง จ้องมองเพดานห้องคุ้นตาอยู่ชั่วครู่จึงค่อยจำได้ว่านี่คือห้องนอนของเขาเอง เขายกยิ้มแล้วถอนหายใจโล่งอก “ เฮ่อ ที่แท้ก็ฝันไปนี่เอง ....เรานี่น้า ฝันอะไรลามกชะมัด!” เกียรติศักดิ์ยกมือปิดหน้าตัวเอง แม้จะรู้สึกปวดเมื่อยตามตัวพิกลๆอยู่
“นี่ หมาปั๊ก หมอนี่คิดว่าฝันไปล่ะ” เสียงทุ้มเจือแววขบขันทำให้เกียรติศักดิ์ละมือจากใบหน้าหันกลับไปมองต้นเสียงอย่างตกใจ
“คุณเอม! คุณชาญ!” เกียรติศักดิ์รีบคว้าแว่นมาสวมก่อนเหลือบตามองคนตัวโตที่พันผ้าขนหนูรอบเอวสอบอย่างหมิ่นเหม่อวดไรขนแล้วให้หน้าแดง
“ไหน ไหน ทำกันตั้งขนาดนั้นยังคิดว่าฝันไปอีกหรือนี่?” เจ้าของเสียงใสที่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตคลุมสะโพกจากอีกฝั่งเตียงโถมกายเข้าหา มือเล็กดึงรั้งผ้าห่มออกจากตัวเกียรติศักดิ์อย่างรวดเร็ว
“อย่า โอ๊ย!” เพราะพรวดพลาดลุกนั่ง ร่างกายที่รับศึกหนักมาเมื่อคืนจึงประท้วงอย่างรุนแรง เกียรติศักดิ์เบ้หน้าน้ำตาซึม ความเจ็บร้าวแล่นจากเบื้องล่างลามไปทั่วสะโพก นี่ไม่ได้ฝันไปงั้นเหรอ?
“อย่ารีบลุกแบบนั้นซิ สะโพกนายเพิ่งรับศึกหนักจากฉันกับนายยักษ์มาเมื่อคืนนะ” ชายชาญเอ่ยอย่างเป็นห่วง มือเล็กประคองแก้มของเกียรติศักดิ์แล้วเกลี่ยเช็ดหยาดน้ำที่หางตา
“พะ พวกคุณทำอะไรผม?” ทั้งๆที่รู้คำตอบก็ยังจะถามออกไป นั่นเพราะเขาไม่อยากจะเชื่อน่ะซิ! ไอ้อาการเจ็บสะโพกนี่เขาอาจจะล้มกันจ้ำเบ้าเลยเจ็บก็ได้!
“เมื่อคืนนี้....” อิ่มเอมดึงม่านหน้าต่างลงปิดแล้วเดินเข้ามาหา เกียรติศักดิ์อยากขยับตัวหนีหากติดชายชาญที่นั่งทับขาเขาเอาไว้ ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงนั่งอีกฝั่งเตียง ขนาบข้างเกียรติศักดิ์ไว้ตรงกลาง “เมื่อคืนนายถูกฉันและชายชาญกอด” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู มือแกร่งแตะหลังเอว กดน้ำหนักลงปลายนิ้วตรงร่องสะโพกให้เจ้าของสั่นสะท้าน ใบหน้าใสแดงกล่ำ ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นมา
“ใช่ กอดแล้วก็..จูบ” คนตัวเล็กกว่าและมือลงบนหน้าท้องของเขา เกียรติศักดิ์ตะปบมือของชายชาญเอาไว้ อีกข้างก็พยายามผลักมืออิ่มเอมให้ออกห่าง คนตัวเล็กหัวเราะคิกกับท่าทางนั้น ดวงตาเรียวสวยพราวระยับ เกียรติศักดิ์มองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ที่ผ่านมาเขาคิดว่าชายชาญที่ตัวเล็กน่ารักนั้นเหมือนแมวน้อย ที่ไหนได้ นี่มันหมาป่าชัดๆ!
“ใช่แล้ว เราสองคนกอดนาย” อิ่มเอมแตะจูบลงบนใบหูนิ่ม ส่วนคนตัวเล็กยกแขนขึ้นคล้องคอเขาแล้วโน้มริมฝีปากแตะจูบลงบนริมฝีปากบวมช้ำของเกียรติศักดิ์แผ่วเบาคล้ายยั่วหยอก ความรู้สึกร้อนแล่นผ่านทำให้เขาหมดแรง ชายชาญกดบาให้เจ้าของห้องเอนลงบนที่นอนอีกครั้ง
“คุณชาญ อย่า...” เกียรติศักดิ์ร้องห้ามเสียงสั่นเมื่อเจ้าของริมฝีปากแตะจูบไล่ข้างข้างแก้ม ปลายคาง แผ่นอก ระเรื่อยลงบนหน้าท้อง... จูบหนักลงบนส่วนร้อนรุ่ม มือเล็กยกเรียวขาขาวให้ตั้งขึ้นแล้วจูบเลยต่ำลงไปเบื้องหลัง “คุณชาญ อย่า!” เกียรติศักดิ์ร้องห้ามอีกครั้ง ดวงตาหลังแว่นมีหยาดน้ำคลอหน่วยดูเว้าวอน เขาหุบขาแน่นไม่ยินยอมให้คนตัวเล็กแทรกศีรษะลงไป
“ทำไมล่ะ?” ใบหน้าของเกียรติศักดิ์ตอนนี้ทำให้เขาอยากรังแกเหลือเกิน!
“ก็...ผม...เจ็บ” ชายชาญยกยิ้มเมื่อได้ฟัง เขาปล่อยให้เรียวขาขาวเป็นอิสระแล้วเลื่อนกายขึ้นทาบทับ กดจูบริมฝีปากบวมเจ่อของอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู แก้มใสของเกียรติศักดิ์แดงเรื่อ
“แต่ของนายตื่นแล้ว” อิ่มเอมหรุบสายตามองร่างกายเกียรติศักดิ์ที่ตื่นตัว
“ก็เพราะพวกคุณทำให้ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืนน่ะซิ”
“แค่คิด...ก็มีอารมณ์แล้วเหรอเนี่ย?” คนตัวโตยิ้มกว้าง คนโดนหยอกอ้าปากค้างกับคำพูดนั้น แก้มแดงลามจนไปถึงใบหู
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยเอง”
“เอ๊ะ?” ชายชาญยิ้มมุมปากทำเอาเกียรติศักดิ์ใจเต้นอีกรอบ ร่างเล็กขยับเสียดสีอยู่บนตัวเขา มือเล็กเลื่อนกอบกุมส่วนร้อนรุ่มเอาไว้ด้วยกัน “แต่..ผมยังเจ็บ...”
“วันนี้ฉันจะไม่สอดใส่ สัญญา” คนตัวเล็กจูบข้างแก้มแล้วขยับสะโพกบดเบียดเนิบช้า
“อืม~” คนด้านล่างกัดริมฝีปากกลั้นเสียงคราง พยายามบังคับตัวเองไม่ให้ขยับสะโพกตอบโต้คนด้านบน หากมันก็ยากเหลือเกินเมื่อความร้อนนั้นลุกลามไปทั่วสะโพก อิ่มเอมมองภาพตรงหน้าแล้วถอนหายใจ ดูเหมือนเขาจะถูกลืมอย่างไรชอบกล ชายหนุ่มก้มลงคุ้ยกองเสื้อผ้าบนพื้นแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของเกียรติศักดิ์ขึ้นมากดโทร.ออกอีกครั้งแล้วยื่นแนบใบหน้าเล็กที่แดงเรื่อขึ้นตามแรงอารมณ์ของชายชาญ คนตัวเล็กยิ้มเมื่อเกียรติศักดิ์ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมา เห็นแบบนั้นเขายิ่งบดเบียดสะโพกเสียดสีเข้าไปอีก
“เพลงเหรอ? ฉันตัดสินใจแล้วนะว่าจะไปทำงานกับนาย อืม นิดหน่อย” เกียรติศักดิ์จะถอดแว่นตาออกหากชายชาญก็รั้งมือไว้ เขาส่ายหน้าบอกไม่ให้ถอดแว่นออก ก็ดูซิ ดวงตาหลังแว่นที่มีหยาดน้ำตาคลอแบบนี้มันเร้าอารมณ์เป็นบ้า! “แค่นี้ก่อนนะ อ้อ เดี๋ยว! คุณศักดิ์ขอลาหยุดสักสอง-สามวันนะ บาย แล้วเจอกัน” ชายชาญรีบตัดสายแล้วก้มลงจูบเกียรติศักดิ์รวดเร็ว คนด้านล่างจูบตอบ
อิ่มเอมกดวางโทรศัพท์แล้วเคลื่อนกายไปยืนด้านหลังชายชาญก่อนจะก้าวขึ้นเตียง คืบคลานสวมกอดร่างเล็กจากทางด้านหลัง เกียรติศักดิ์มองข้าวไหล่คนตัวเล็กแล้วให้เบิกตากว้างอย่างตระหนก เขาหายใจหอบกระชั้นเมื่อเห็นสิ่งใหญ่โตบนร่างอิ่มเอม
เพราะแบบนี้ใช่ไหมเขาถึงเจ็บเหมือนร่างจะฉีก!
“อืม~” คนตัวเล็กแทรกปลายลิ้นละเลียดความหวานล้ำจนริมฝีปากช้ำเจ่อให้เกียรติศักดิ์สนใจแต่เพียงเขา ผละออกขบเม้มซอกคอขาวให้เจ้าของเรียวคางได้รูปเริดหน้าขึ้นเพราะความเสียวซ่าน คนด้านล่างครางผะแผ่วยามปลายลิ้นร้อนแตะสัมผัสลงบนยอดอก คราแรกค่อยและเล็มแผ่วแล้วขบเม้มให้กระสันซ่าน ไหล่ขาวสั่นสะท้าน
อิ่มเอมกดจูบหลังคอคนตัวเล็ก ขบเม้มแลบเลีย ปลายจมูกโด่งแตะใบหูนิ่ม ลากปลายลิ้นไปซอกคอหอมกรุ่น ขบเม้มให้สะดุ้งกาย สะโพกเล็กขยับเบียดเกียรติศักดิ์มากขึ้น ริมฝีปากแดงเรื่อผละจูบจากคนด้านล่างส่งเสียงครางหวานผะแผ่ว
ดวงตาคู่สวยสบกับดวงตาหลังแว่น คนตัวเล็กยกยิ้ม มือเล็กสอดประสานนิ้วมือกับคนด้านล่างแน่น นิ้วเรียวของเกียรติศักดิ์จิกลงบนหลังมือยามความแข็งขึงร้อนผ่าวของชายชาญเสียดสี
“อ๊ะ~” เกียรติศักดิ์ไม่อาจควบคุมสติได้อีกแล้วเมื่อความเสียวซ่านโจรตีจนแทบรับไม่ไหว
“อย่าเพิ่ง...” อิ่มเอมละริมฝีปากจากแผ่นหลังเล็ก ชายหนุ่มโน้มใบหน้าข้ามไหล่เล็กของชายชาญมาจูบเกียรติศักดิ์ “หมาปั๊กบอกว่าจะไม่สอดใส่ แต่ฉันไม่บอกเสียหน่อย” อิ่มเอมยกยิ้ม
“เอ๊ะ?” สะโพกเล็กของชายชาญชะงัก มือใหญ่จับเนินสะโพกเล็กแล้วรุกรานด้วยปลายนิ้ว “อืม!” ใบหน้าน่ารักแดงเรื่อ เขาแอ่นสะโพกรับการรุกรานนั้น คนตัวโตเพิ่มจำนวนนิ้วขยับ มืออีกข้างสัมผัสผิวเนียนและยอกอดเล็กที่ชูชันของชายชาญ หน้าท้องแบนราบเกร็งยามเมื่อคนด้านล่างเร่งจังหวะ ใบหน้าน่ารักละจูบแหงนเงยขึ้นเพราะความรัญจวน เกียรติศักดิ์มองภาพนั้นจากนั้นด้านล่าง สีหน้าเย้ายวนของคนตัวเล็กทำให้เขาอยากพลิกตัวขึ้นคร่อมเหลือเกิน
“ไว้คราวหน้า” อิ่มเอมเห็นสายตาของเกียรติศักดิ์ก็ให้ยกยิ้ม เขาก้มจูบริมฝีปากนั้นแล้วหัวเราะ “ตอนนี้ให้ฉันก่อน” ชายชาญได้ยิน เขาลืมตาขึ้นมองแล้วหัวเราะแผ่ว บดเบียดสะโพกให้ความแข็งขึงของเขาสองคนสัมผัสกันมากขึ้นแล้วก้มลงจูบแก้มขาว
“ไว้วันหลังนะ อ๊า!” ใบหน้าน่ารักแหงนเงย ไหล่เล็กสั่นสะท้าน เขาอยากขยับสะโพกหนีหากมือใหญ่กลับกดมันไว้ให้อยู่ตำแหน่งเดิม ริมฝีปากเล็กอ้าหอบหายใจ มือเล็กกอบกุมกับเกียรติศักดิ์แน่นขึ้นก่อนจะหันไปต่อว่าคนด้านหลัง “ไอ้บ้าเอ้ย เบาๆหน่อยเซ่! อ๊า!”
“หึ” ยิ่งต่อว่าคนด้านหลังก็ยิ่งส่งแรง อิ่มเอมหัวเราะลงคอแล้วกดสะโพกลงลึก
“โอ๊ย เบาๆ!” มือใหญ่เอื้อมรั้งใบหน้าน่ารักให้หันมารับจูบ ปลายลิ้นเกี่ยวพันดูดดึงราวกับจะให้ให้อีกฝ่ายหายใจ สะโพกสอบผ่อนแรงบดเบียดความใหญ่โตแนบช้าปลอบโยน ตอนนี้ตัวของชายชาญจึงแอ่นโค้งดูสวยงามเสียจนเกียรติศักดิ์กลืนน้ำลายลงคอ ยอดอกเล็กแดงกล่ำชูชันจ่อชิดอยู่ด้านหน้า เรียกร้องให้ลิ้มลอง เขาชันศอกขึ้นแล้วครอบครองสีแดงตรงหน้า แลบลิ้นเลีย ขบเม้มดุนดัน
“อ๊า~ อ๊ะ!” ชายชาญครางเสียงหลง เขาโดนปลุกเร้าทุกสัมผัสจนแทบหลอมละลาย คนตัวเล็กหอบสะท้าน เบื้องหลังคือพายุโหมบดเบียดแทรกลึกสุดหยั่งจนกายไหวโยก ส่วนร้อนผ่าวเสียดสีกับคนด้านล่างรัวเร็วตามกายขยับกายของคนด้านหลัง ยิ่งใกล้ถึงจุดความเร็วยิ่งกระแทกกระทั้นหนักหน่วง ทั้งชายชาญและเกียรติศักดิ์ส่งเสียงเครือคราง ปลดปล่อยความสุขรินรดถาโถมใส่ร่างกายของกันและกัน
“...ฉันยังไม่อิ่มเลย....” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู ชายชาญที่ยังคงหอบหายใจเบิกตากว้าง พยายามเอื้อมแขนดันร่างกายใหญ่โตของอิ่มเอมให้ออกห่าง ส่วนที่เชื่อมโยงกันยังคงคาไว้ในร่างกายคนตัวเล็กไม่ยอมถอดถอน ชายหนุ่มหัวเราะกับท่าทางนั้นแล้วบดสะโพกแรงๆลงไปเสียทีหนึ่ง
“อื้อ!” คนตัวโตจูบข้างแก้มปลอบโยน
“มาทำให้เกียรติศักดิ์ขาดเราสองคนไม่ได้ดีกว่า”
“....” ชายชาญยกยิ้ม ดวงตาวาววับหันมากระซิบกับอิ่มเอม เกียรติศักดิ์ปรือตามองแล้วถูกมือใหญ่จับร่างให้พลิกคว่ำบนหมอน สะโพกขาวลอยเด่น ชายชายตามมาทาบทับสอดความแข็งขึงลงตรงหว่างขา
“อืม~” ความร้อนบดเบียดเสียดสีอีกครั้ง...
...กว่าอิ่มเอมจะอิ่มสมชื่อ ทั้งชายชาญและเกียรติศักดิ์ก็แทบไม่มีแรงเปล่งเสียง...
Fin...
สวัสดีค่ะ หายไปนานเลย งานสุมหัวค่ะ อันที่จริงพยายามจะให้เสร็จตั้งแต่วันอาทิตย์แล้ว แต่งานเข้าตลอดๆๆๆ อยากจะร้องไห้ TT
เช่นเคยค่ะ อ่านให้สนุกนะคะ มีสิ่งใดแนะนำ-ติ-ชมกันได้เสมอค่ะ พร้อมรับฟังและแก้ไข
ติดตามทวงถามกันได้ที่ทวีต @sine501 นะคะ เฟสก็ชื่อเดียวกันเลยค่ะ Novel by Sine
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1487816541521607&id=1487677848202143 เพิ่งตั้งเพจค่ะ เดี๋ยวจะค่อยๆทยอยอัพข่าวสารทางนั้นด้วยกรณีที่ใครไม่เล่นทวีตนะคะ ปล. รูปในเพจเป็นรูปเดียวกับในทวีตนะคะ ถ้าตามหากัน^^
ขอบคุณค่ะ
ด้วยรักและคิดถึง