[พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)  (อ่าน 26721 ครั้ง)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2011 10:16:08 โดย juon »

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
** ในที่สุดก็ต้องแบ่งตอนนี้ออกเป็นสองตอนจนได้ :jul1:

อนึ่ง อันที่จริงตอนนี้เป็นตอนพิเศษที่จะลงในรวมเล่มฉบับพิเศษซึ่งเป็นเล่มปิดท้ายของนิยายเรื่องยาว My neighbor is a spy. คนข้างห้องผมเป็นสายลับ

แต่เผอิญว่าเนื้อหามันมีบางส่วนเกี่ยวข้องกับหงคงฉ่วย เลยจับมาพาดหัวไว้ด้วยกันซะเลย (เผื่อว่าใครอยากรู้เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เผิงเผิงถูกทั้งนกยูงกับจิ้งจอกหลอกต้มซะจนเปื่อย)

อันที่จริงต้องบอกว่ามีเนื้อหาของYes!Master.มาพ่วงด้วย เพราะตอนนี้จะมีการกล่าวถึงอีตามิลเลอร์ด้วยเช่นกัน

สรุปแล้วนี่มันเป็นการยำรวมมิตร3เรื่องซ้อนเลยสินะ...!! :a5:

อนึ่ง ตอนแรกเขียนความสัมพันธ์ระหว่างหงคงฉ่วยกับเถียนซานเยอะกว่านี้ แต่เพิ่งมาเห็นว่า ไทม์ไลน์มันผิดไปไกล สุดท้ายลบทิ้ง ก็ดีไปอีกอย่าง สโคปเนื้อหาได้เข้ากับหัวเรื่องมากขึ้น (ก่อนที่มันจะกลายเป็นประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างหงคงฉ่วย เถียนซาน เว่ยจินหยินแทน... อืม... ทำไมคู่นี้ต้องไปเข้าสามเส้าอยู่เลยเลยนะ!!)

เขียนตอนนี้แล้ว(แม้ยังไม่จบ) ก็คิดขึ้นมาว่า อยากจะเขียนตอนพิเศษระหว่างหงคงฉ่วยกับเถียนซานลงในเรื่องนกยูงแดงด้วย (ทุกคนกรีดร้อง ม่ายย ฉันจะอ่านลู่อี้เผิง) แหม... ก็มันอยากจะเขียนนี่นา.... /โดนโบก :beat:

ยังไงก็ขอขอบคุณที่แวะมาอ่านค่า :pig4:

------------------------------------------------------

My neighbor is a spy ตอนพิเศษ การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก1

   “คุณท่านครับ ท่านใหญ่มาถึงแล้วครับ”
   เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงาน มองลูกน้องที่เพิ่งเดินเข้ามา ก่อนจะพยักหน้า “อืม บอกเขาว่าเดี๋ยวฉันลงไปก็แล้วกัน”
   “ครับ” ผู้เป็นลูกน้องพยักหน้า แล้วเดินออกไป คนเป็นเจ้านายเอนตัวลงบนเก้าอี้ ถอนหายใจเฮือก
   สองวันที่แล้วเว่ยฟู่ฉินโทรมาหาเขา บอกว่ามีธุระอยากจะคุยด้วย ขอให้เขาหาเวลาว่างให้สักวันหนึ่ง พอสอบถามว่าเป็นธุระอะไร ทางนั้นก็ไม่ยอมอธิบายรายละเอียด บอกแต่ว่าเป็นธุระที่สำคัญกับเขามาก สุดท้ายเว่ยจินหยินก็ตอบตกลง เว่ยฟู่ฉินจึงนัดจะมาหาเขาที่ตักในวันนี้

“พี่ชายใหญ่ สวัสดีครับ” เว่ยจินหยินเอ่ย พลางดันแว่นตากรอบทองให้เข้าที่ ขณะเดินเข้ามายังห้องรับรองภายในตัวตึกต้าเหยิน ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของกลุ่มธุรกิจตระกูลเว่ยที่เขาเป็บผู้บริหารสูงสุดอยู่ เว่ยฟู่ฉินนั่งอยู่บนโซฟา เขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่พอสมควร สวมชุดเสื้อเชิ้ตสบายๆ สีน้ำเงินเข้ม พอเห็นเขาเดินเข้ามาก็ยิ้มบางๆ ให้ “สวัสดี ธุรกิจตอนนี้เป็นไงบ้าง”
   “ก็ปกติครับ” เว่ยจินหยินตอบ และนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม “พี่มีธุระอะไรหรือ?”
   เว่ยฟู่ฉินมองหน้าน้องชายพักหนึ่ง แล้วจึงพูดออกมา “ไปโรงพยาบาลกับพี่หน่อยสิ”
   คิ้วของเว่ยจินหยินเลิกขึ้นหน่อยหนึ่ง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรตอบ ฝ่ายนั้นก็พูดต่อ “ไปเยี่ยมน้องห้ากัน”
   “!?!”
-----------------------------------------------------
   นับลำดับพี่น้องในตระกูลเว่ย น้องห้าที่เว่ยฟู่ฉินพูดถึง คงเป็นเว่ยปิงเซียง ชายหนุ่มซึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเก้าปีก่อน จนกลายเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ในโรงพยาบาล ผู้อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพี่ชายคนรองของเขาที่มีชื่อว่าเว่ยจินหยินนั่นเอง
   เว่ยจินหยินอยู่ในรถลีมูซีนตอนยาวของตน ซึ่งปกติแล้ว นอกจากลูกน้องคนสนิท กับพวกผู้บริหารที่มีเหตุจำเป็นให้ต้องมาคุยธุระกันในรถแล้ว เว่ยจินหยินไม่เคยนั่งรถคันนี้ร่วมกับใครอีก โดยเฉพาะบรรดาญาติพี่น้องของตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนซึ่งมีสายเลือดร่วมกับเขานั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน
   เว่ยฟู่ฉินนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พี่ชายวัยห้าสิบกว่าของเขาคนนี้กำลังมองออกไปด้านนอก ในบรรดาคนในตระกูล เว่ยจินหยินให้ความเกรงใจกับพี่ชายคนโตคนนี้มากกว่าใครเพื่อน คงเพราะทั้งคู่ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางขัดแย้งในตระกูล และเว่ยฟู่ฉินเคยสั่งสอนอบรมเขาในวัยเด็ก ดังนั้น แม้เว่ยจินหยินอยากจะอ้าปากถามออกไปขนาดไหน ก็ยังต้องเก็บคำพูดเอาไว้อยู่ดี
   ทำไมจู่ๆ ฟู่ฉินถึงได้มาชวนเขาไปเยี่ยมปิงเซียงนะ....
   ตั้งแต่เว่ยปิงเซียงกลายเป็นเจ้าชายนิทรา เว่ยจินหยินไม่เคยคิดจะไปเยี่ยมน้องชายคนนี้เลย ตลอดเก้าปีที่ผ่านมา เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีน้องชายคนนี้อยู่ ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นยังไง ซึ่งจะว่าไปแล้ว เว่ยจินหยินไม่เคยสนใจเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเขาวางแผนจะแต่งตั้งน้องชายคนนี้ให้มาแย่งตำแหน่งกับเขา
   แต่ตอนนี้ เว่ยจินหยินได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยคิดหวัง ที่เขาเคยแย่งชิงมาไว้ในมือจนหมดแล้ว การที่จู่ๆ ก็ถูกเว่ยฟู่ฉินชวนให้ไปเยี่ยมน้องชายที่เขาวางแผนฆ่าในตอนนั้น เว่ยจินหยินอธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ออกจริงๆ
   เขาควรจะต้องไปในฐานะอะไร และด้วยความรู้สึกอย่างไรกันแน่นะ.....

   “น้องรอง” จู่ๆ เว่ยฟู่ฉินที่มองออกไปนอกหน้าต่างก็เบือนหน้าเข้ามา แล้วเรียกหาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย “ครับ?”
   “ยังอยากกำจัดน้องห้าอยู่อีกมั้ย?”
   คนถูกถามเบิ่งตาสีดำหลังแว่นตากรอบทองขึ้นหน่อยหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “มาถามอะไรตอนนี้ล่ะครับ เขาไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกแล้ว อีกอย่าง ผมไม่มีเหตุผลจะกำจัดเขาแล้วล่ะ”
   เว่ยฟู่ฉินมองหน้าน้องชายอีกพัก แล้วพูดต่อ “งั้นหรือ... อืม... ได้ยินแบบนี้พี่ก็วางใจล่ะ”
   คิ้วของเว่ยจินหยินเลิกขึ้นสูงอีกครั้ง แต่เพราะเว่ยฟู่ฉินหันหน้าออกไปมองนอกกระจกอีก เขาจึงไม่กล้าถามอะไรต่อ สองพี่น้องได้แต่นั่งเงียบๆ ในรถลีมูซีน จนกระทั่งถึงโรงพยาบาล
-----------------------------------------------------
   รอบตัวของเว่ยจินหยินยังคงเต็มไปด้วยบอดีการ์ดเช่นเดิม เขาลงจากรถพยาบาล พร้อมด้วยพี่ชาย และบอดีการ์ดจำนวนมากก็เข้ามาห้อมล้อมในทันที เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อโรงพยาบาลอย่างแปลกใจ เขาไม่เคยรู้เลยว่าน้องชายคนที่ห้า นอนหลับอยู่ในโรงพยาบาลที่อยู่ใต้จมูกของเขานี่เอง หรือไม่บางทีเขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้
   เว่ยฟู่ฉินพาน้องชายคนรองของเขาขึ้นไปบนตึก แต่แทนที่จะตรงไปยังห้องผู้ป่วย เว่ยจินหยินกลับถูกพามายังห้องพักแพทย์แทน ยังไม่ทันจะได้อ้าปากถามอะไร เว่ยฟู่ฉินก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง
   ชายหนุ่มอายุราวๆ สามสิบปีนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้อง พอเห็นพวกเขาสองคนเปิดประตูเข้าไป ก็รีบลุกขึ้นทันที
   “สวัสดีครับ พี่ชายใหญ่... พี่รอง…”
   เว่ยจินหยินถึงกับกลืนน้ำลายเฮือก เขาจ้องชายหนุ่มตรงหน้าผ่านแว่นตากรอบทองเขม็ง
   ว่าไงนะ...? พี่รอง...? นี่คือ ปิงเซียงรึ?!
   ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาจ้องตอบมาด้วยดวงตาสีดำสนิท คิ้วเรียว สันจมูกนั้นชวนให้นึกถึงผู้เป็นพ่อซึ่งล่วงลับไปอยู่บ้าง
   ปิงเซียง....
   น้องชายที่เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดจากภรรยาคนที่เท่าไหร่ของผู้เป็นพ่อ น้องชายที่เขาวางแผนฆ่า น้องชายที่เขาเชื่อว่ากำลังนอนหลับอย่างไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว หลับมาตลอดเก้าปี…
   ปิงเซียง...
   ลมหายใจของเว่ยจินหยินติดขัดขึ้นมาทันที นี่มันเรื่องอะไรกัน?! ทำไมคนที่น่าจะนอนหลับเป็นตายถึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้ หรือว่าฟู่ฉินจงใจจะทดสอบอะไรเขา เว่ยจินหยินหันกลับไปหาพี่ชายใหญ่ และเห็นอีกฝ่ายยืนยิ้มอยู่
   “ปิงเซียง... น้องห้าของเราไงล่ะ”
   “ผมเองนะพี่...”
   เว่ยจินหยินก้าวเท้าถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว ในตอนที่ผู้ชายคนนั้นสืบเท้าเข้ามาหา “พี่คิดว่าผมยังหลับอยู่ใช่ไหมล่ะ?”
   ดวงตาของเว่ยจินหยินเบิ่งกว้างทันที เขามองคนตรงหน้าราวกับเห็นสัตว์ประหลาด
   “ขอโทษที่ไม่ได้บอกเธอล่วงหน้านะ” เว่ยฟู่ฉินพูดขึ้นบ้าง ก่อนจะเดินมาแทรกระหว่างคนทั้งสอง “น้องห้าน่ะ ฟื้นนานแล้วล่ะ”
   “?!” เว่ยจินหยินหันมองผู้เป็นพี่ชายทันที “ว่าไงนะครับ?!”
   “น้องรอง..” เว่ยฟู่ฉินเรียกอีกฝ่าย แล้วจ้องตรงเข้ามา “ไม่ต้องตกใจหรอก พี่เป็นคนปิดข่าวเอาไว้เองล่ะ”
   เว่ยจินหยินได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไป “พี่ชายใหญ่.....”
   “พี่รอง” เว่ยปิงเซียงพูดขึ้นมาอีก “ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะครับ ผมน่ะ แกล้งทำเป็นว่าหลับอยู่มาตลอดทั้งเก้าปีนั่นแหละ เจ้าพวกนั้นไม่รู้หรอกว่าผมฟื้นแล้ว พี่สิ ลำบากแย่เลย  ทั้งๆ ที่เป็นฝีมือของแก๊งตรงข้ามแท้ๆ แต่ทุกคนกลับเชื่อว่าพี่เป็นคนทำหมด มีแต่พี่ชายใหญ่นี่แหละที่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร”
   เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย ฝ่ายนั้นมองกลับมา แล้วยิ้มบางๆ ให้เขา “ก็อย่างนั้นแหละ”
   คนได้ฟังเม้มปากเข้าหากัน มองพี่ชายอยู่อีกพัก สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา “พี่น่ะ... สมเป็นพี่จริงๆ”
   จากนั้นก็ค่อยๆ เบือนหน้ากลับมามองน้องชายซึ่งเขาลืมไปแล้ว น้องชายที่เขาวางแผนฆ่า น้องชายที่เขาเข้าใจว่าหลับอยู่เสมอมา
   เก้าปีแล้ว....
   “เธอฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่น่ะ...” เว่ยจินหยินได้ยินเสียงตัวเองถามออกไปหลังจากนั้น
   “อืม... หลายปีแล้วล่ะ” อีกฝ่ายตอบ “พี่ใหญ่เล่าว่าผมอยู่ในห้องไอซียู ตั้งเกือบปีแน่ะ พอผมฟื้น พี่ก็เลยบอกผมว่า ให้ผมแกล้งทำเป็นหลับไปก่อน เพราะกลัวเจ้าพวกนั้นย้อนกลับมาเล่นงานผมอีก ผมเห็นด้วยล่ะ เพราะฟื้นแล้วผมต้องทำกายภาพบำบัดอยู่อีกเกือบปี ถึงจะพอกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้”
   “เหรอ...” เว่ยจินหยินพูด แล้วถามต่อ “จากนั้นล่ะ?”
   “พี่ใหญ่บอกว่า พวกนั้นคงไม่เลิกเล่นงานเราง่ายๆ แน่ เลยแนะนำให้ผมใช้ชีวิตเงียบๆ อยู่ในโรงพยาบาล ตอนแรกผมก็นึกไม่ออกหรอกว่าจะใช้ชีวิตยังไง แต่พอเห็นขบวนบอดีการ์ดพี่แล้ว ผมก็เริ่มคิดทันทีเลยว่า ผมแกล้งทำเป็นหลับจะปลอดภัยกว่า” เว่ยปิงเซียงเล่าด้วยสีหน้าจริงจัง “สุดท้ายผมเลยตัดสินใจ เรียนแพทย์ต่อเสียเลย อาศัยเรียนเอาในโรงพยาบาลนี้แหละ ผมเก็บตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลายปี เปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่ แล้วก็ออกไปข้างนอกบ้าง ที่จริงแล้ว ถ้าไม่นับว่าผมไปหาพวกพี่กับคุณพ่อไม่ได้ ชีวิตผมก็ค่อนข้างจะสะดวกสบายพอสมควรเลยล่ะ”
   “อ้อ.....” เว่ยจินหยินครางออกไป ไม่อยากเชื่อเลยว่าน้องชายที่เขาเคยพยายามจะฆ่าให้ตาย และเชื่อสนิทใจว่าหลับไม่ฟื้นอีกแล้ว จะใช้ชีวิตอยู่ใต้จมูกเขามาได้ถึงเก้าปี
   เก้าปีที่ต้องหลบซ่อน จากเงื้อมมือพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง......
   เว่ยจินหยินจ้องลงไปในดวงตาสีดำสนิทของผู้เป็นน้องชาย หมอนี่เชื่อจริงๆ หรือ... เชื่อจริงๆ หรือว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นฝีมือของแก๊งตรงข้าม ไม่รู้เลยหรือว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นแผนการของเขาเอง
   เชื่อที่พี่ชายคนโตบอกอย่างสนิทใจเลยอย่างนั้นหรือ.....?
   “น้องห้า...” เว่ยจินหยินพูดออกไปช้าๆ “ก่อนหน้าที่เธอจะเกิดอุบัติเหตุ เราไม่เคยคุยกันเป็นการส่วนตัวมาก่อนเลยนะ ใช่ไหม?”
   เว่ยปิงเซียงมองเขา ก่อนจะพยักหน้าตอบ “อืม... อย่าว่าแต่คุยเลย ผมเพิ่งได้เห็นหน้าพี่ชัดๆ ก็วันนี้แหละ ก่อนหน้าที่ผมจะไปเรียน เราแทบจะไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ”
   “นั่นสินะ...” อีกฝ่ายพูดตอบ แล้วถอนหายใจออกมา “นอกจากพี่ใหญ่แล้ว มีใครรู้หรือยังว่าเธอฟื้นนานแล้ว?”
   เว่ยปิงเซียงสั่นศีรษะ “ไม่มีครับ มีพี่นี่แหละที่รู้เป็นคนที่สอง พี่ใหญ่คุยกับผมว่า บอกพี่แล้ว จะค่อยๆ ทยอยบอกคนอื่นต่อ พี่ว่าพวกเขาจะดีใจมั้ยที่ผมฟื้นน่ะ?”
   เว่ยจินหยินนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่รู้สิ”
   “อืม... งั้นพี่ล่ะ ดีใจรึเปล่า?”
   นัยน์ตาสีดำใต้แว่นตากรอบทองเงยขึ้นมองคนตรงหน้าอีกครั้งทันที
   ได้เห็นคนที่ตัวเองเคยพยายามฆ่า มายืนพูดอยู่ตรงหน้า คนที่บงการฆ่าอย่างเขา สมควรจะดีใจหรือ.....?
   เว่ยจินหยินเงียบไปนาน ท้ายที่สุดก็เค้นคำพูดพร้อมรอยยิ้มออกมาได้ “ดีแล้วล่ะ... ดีแล้วล่ะที่เธอไม่เป็นอะไร.... ดีแล้วล่ะ ดีจริงๆ”
   คนเป็นน้องชายยิ้มกว้างออกมา “ผมรู้ พี่ไม่ใช่คนเลวอะไรหรอก พี่แค่พยายามแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว โดยไม่บอกใครเท่านั้นเอง ต่อจากนี้ไป พี่ไม่ต้องแบกรับข้อกล่าวหาว่าฆ่าน้องชายตัวเองอีกแล้วล่ะ”
   เว่ยจินหยินมองหน้าน้องชาย แล้วได้แต่สั่นศีรษะ
   เขาไม่เคยนึกเสียใจกับเรื่องที่ทำลงไป และพร้อมจะยืดอกรับผลของมันเสมอ เขาไม่เคยต้องการให้ใครมาช่วยแก้ข้อกล่าวหาให้ ไม่ว่าจะเพราะความเข้าใจผิด ถูกหลอก หวังดี หรืออะไรก็ตาม
   เว่ยจินหยินแค่นรอยยิ้มได้ที่มุมปาก ก่อนจะพูดตอบไป “ไม่ต้องหรอก เธอไม่จำเป็นต้องแก้ตัวให้พี่”
    “พี่รอง....” เว่ยปิงเซียงเอ่ยเรียกพี่ชาย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็ชิงพูดขึ้นต่อ “จริงสิ ได้ยินว่าเธอเรียนแพทย์ในโรงพยาบาลนี่ เป็นยังไงบ้างล่ะ”
   “ผมกำลังจะได้เลื่อนเป็นศัลยแพทย์ล่ะ” คนถูกถามตอบ และพูดต่อ “ไม่รู้ว่ามันเป็นโชคดีหรือโชคร้ายนะพี่ ผมน่ะตั้งใจจะเรียนแพทย์ต่อ แต่คุณพ่อก็เรียกตัวผมกลับมา จะให้ผมนั่งตำแหน่งบริหาร พอดีเกิดอุบัติเหตุ ผมเลยได้เรียนแพทย์ต่อสมใจเลย เสียดายนะที่คุณพ่อไม่ได้อยู่เห็น”
   เว่ยจินหยินชะงักไปหน่อยหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาอย่างนึกได้ “นั่นสินะ เธอคงไม่ได้ไปงานศพคุณพ่อ”
   “อ้อ เปล่าครับ” เว่ยปิงเซียงปฏิเสธทันที “ผมไปมาแล้วล่ะ เพียงแต่ไม่ได้แสดงตัวเท่านั้นเอง”
   “..................”
   “พี่รอง... พี่ใหญ่” ชายหนุ่มพูดขึ้นอีก “ถ้าพวกพี่ไม่รีบล่ะก็ ผมได้เวลาพักกลางวันพอดี ไปทานข้าวด้วยกันไหมครับ”
-------------------------------------------
   เพราะไม่สะดวกจะออกไปทานที่โรงอาหาร และปิงเซียงก็ติดเข้าเวรช่วงบ่าย สุดท้ายสามพี่น้องเลยต้องให้คนสั่งอาหารเที่ยงมาทานกันในห้องพักแพทย์ ซึ่งเปิดให้เป็นพิเศษ เพราะโรงพยาบาลที่เว่ยปิงเซียงอยู่ เว่ยฟู่ฉินมีหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่ง
   “พี่รอง” จู่ๆ เว่ยปิงเซียงก็เอ่ยเรียกพี่ชายคนรองของตนระหว่างที่คนทั้งสามกำลังทานอาหารมื้อเทียงกันอยู่ เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมองน้องชาย “มีอะไรหรือ?”
   “ได้ยินว่าพี่มีธุรกิจเกี่ยวกับท่าเรือเยอะ เคยได้ยินเรื่องแก๊งค้าอวัยวะที่ลักลอบขนถ่ายกันที่ท่าเรือรึเปล่าครับ?”
   เว่ยจินหยินหรี่ตามองน้องชาย “ถามทำไมน่ะ?”
   เว่ยปิงเซียงเม้มริมฝีปาก มองตอบพี่ชาย “พี่รอง ผมไม่รู้ว่าจะขอร้องพี่มากไปรึเปล่านะ แต่ผมอยากขอให้พี่ช่วยสืบเรื่องนี้ให้หน่อย ผมจะได้เอาข้อมูลไปให้ตำรวจ”
   “น้องห้า...” เว่ยจินหยินเรียกน้องชาย “อย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย แก๊งพวกนี้น่ะอันตราย เผลอๆ เธอจะถูกฆ่าเอานะ”
   “พี่รอง... กระทั่งพี่เอง ก็จะไม่ยอมทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยเหรอ พี่คงไม่รู้ว่าปีๆ หนึ่งมีคนบริสุทธิ์มากมายถูกฆ่าตายหรือว่าถูกขโมยอวัยวะไปขาย” เว่ยปิงเซียงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่ไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมแค่อยากได้ข้อมูล ถ้าพี่พอจะหาให้ผมได้โดยไม่ลำบาก ช่วยผมหน่อยเถอะนะ”
   เว่ยจินหยินมองน้องชายอยู่พัก ก็ถอนหายใจออกมา “น้องห้า เธอรอดตายมาได้ครั้งหนึ่งแล้ว ทำไมถึงต้องหาเรื่องใส่ตัวอีก”
   “ผมเห็นว่าตัวเองพอจะมีทางช่วยได้” เว่ยปิงเซียงตอบ “แต่ถ้ารบกวนพี่มาก ก็ไม่เป็นไรหรอก ผมรู้ว่าพี่งานยุ่ง”
   เว่ยจินหยินสูดหายใจลึก สุดท้ายก็พูดออกมา “น้องห้า... เรื่องนี้พี่จะจัดการให้ก็แล้วกัน เธอไม่ต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงหรอก”
   “พี่รอง....”
   เว่ยจินหยินโบกมือ แล้วพูดตัดบท “ทานข้าวเถอะ เดี๋ยวไปเข้าเวรไม่ทันนะ”
---------------------------------------------------
   “จะจัดการเรื่องแก๊งค้าอวัยวะให้ท่านห้าหรือครับ?!” เถียนซานที่ถูกเรียกตัวเข้ามาพบ หลังเว่ยจินหยินกลับจากโรงพยาบาลเอ่ยขึ้น เขานั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะทำงานของเว่ยจินหยิน ผู้เป็นเจ้านายผงกศีรษะ ก่อนจะมองผ่านแว่นตากรอบทองมายังเขา “อาซาน ดูนายไม่ค่อยตกใจเรื่องปิงเซียงเลยนะ รู้อยู่ก่อนแล้วสิ”
   คนถูกถามพยักหน้า “ขออภัยที่ต้องปิดเอาไว้ด้วยนะครับ ผมเป็นคนเสนอแผนนี้ให้ท่านใหญ่เอง”
   “อ้อ.....” เว่ยจินหยินครางในลำคอ จากนั้นก็เงียบไปพักใหญ่ เถียนซานเองก็นั่งนิ่งไม่พูดอะไร สุดท้ายคนเป็นเจ้านายก็พูดขึ้นก่อน “เอาเถอะ ฉันรู้ว่านายหวังดี ดีแล้วล่ะ ถ้านายไม่ทำแบบนี้ ไม่แน่หรอกนะว่าน้องห้าอาจจะถูกฉันฆ่าตายไปจริงๆ ก็ได้”
   “คุณท่าน....” เถียนซานเรียกเจ้านาย เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วสั่นศีรษะ “ฉันไม่ได้รู้สึกว่านายหักหลังหรอก... ที่จริงตอนที่ฟังพี่ใหญ่เล่า ฉันเองก็นึกๆ แล้วล่ะว่าอาจจะมีคนในรู้เห็น เพราะลำพังพี่ใหญ่คนเดียวคงทำอะไรแบบนี้โดยที่ฉันไม่รู้ไม่ได้แน่” หยุดไปพักหนึ่ง เว่ยจินหยินจึงพูดต่อ “นี่ อาซาน... นายเป็นคนตกลงกับพี่ใหญ่รึเปล่า ว่าจะบอกเรื่องนี้กับฉันวันนี้น่ะ”
   “เปล่าครับ ผมเป็นธุระจัดการให้แค่ช่วงต้นๆ ส่วนระยะหลัง ท่านใหญ่จัดการเองทั้งหมดครับ”
   “อืม... อย่างนั้นเหรอ...” เว่ยจินหยินพูดแล้วถอนหายใจเฮือก “คราวหลังถ้ามีเรื่องแบบนี้อีก ฉันอยากให้นายเป็นคนแรกที่บอกฉัน สัญญาได้ไหม?”
   “ครับ... ขอโทษด้วยนะครับ” อีกฝ่ายตอบ เว่ยจินหยินมองเข้าไปในดวงตาสีหินน้ำตกคู่นั้น แล้วยิ้ม “อาซาน ฉันน่ะ มีเรื่องอยากจะวานให้นายช่วยอยู่”
   “ครับ?”
   “น้องห้าอยากจะจัดการกับแก๊งค้าอวัยวะ ฉันว่าจะช่วยเขาหน่อย ลำพังตัวเขาเองไม่มีทางจะจัดการเจ้าพวกนี้ได้หรอก ต่อให้มีข้อมูลไปบอกตำรวจก็เถอะ”
   “ครับ... คุณท่านวางแผนยังไงหรือครับ” อีกฝ่ายถาม เว่ยจินหยินหรี่ตาลงหน่อยๆ แล้วพูดตอบ “งานนี้คงต้องขอความร่วมมือจากอาจารย์น้อย”
   “!” เถียนซานชะงักไปทันที อีกฝ่ายกล่าวสืบต่อ “นายเองก็รู้ อาจารย์น้อยน่ะ ถึงไม่ได้ออกชื่อถือหุ้นเอง แต่ก็คุมธุรกิจท่าเรือไม่น้อย เจ้าพวกแก๊งค้าอวัยวะน่ะ พักนี้กำลังถูกทางการกวาดล้าง เลยต้องหาท่าเรือส่งของกันให้ควัก โดนไล่บี้หนักขนาดนี้ คงจะหาคนกล้าอาสาให้ใช้ท่าเรือขนถ่ายได้ลำบาก คิดว่ารออีกสักพักอาจจะมาขอใช้ท่าเรือที่ฉันคุมก็ได้ แต่ไม่แน่เหมือนกัน ถ้าเกิดไปขอพึ่งบารมีอาจารย์น้อยได้ล่ะก็ เรื่องมันจะลำบากขึ้นทันที”
   “นั่นสินะครับ โดยนิสัยแล้ว เขาเองก็รับผิดชอบคนในสังกัดตัวเองอย่างเข้มงวดเสียด้วย คุณท่านจะขอความร่วมมือจากเขาเพื่อต้อนให้แก๊งพวกนั้นมาใช้ท่าเรือเราสินะครับ”
   “อืม... นายนี่รู้ทันแผนฉันทุกที” เว่ยจินหยินว่า เถียนซานพูดยิ้มๆ “เปล่าหรอกครับ แล้วเรื่องหมายจับล่ะครับ? หรือว่าคุณท่านจะจัดการเรื่องเองทั้งหมด”
   “อ้อ เปล่า” เว่ยจินหยินปฏิเสธ “น้องห้าคงอยากเห็นพวกนี้เข้าคุก แต่หวังพึ่งแค่ตำรวจฮ่องกงคงลำบาก เพราะเจ้าพวกนี้ก็มีสายอยู่ในกรมตำรวจเยอะ ฉันว่าจะประสานกับทางสก็อตแลนยาร์ด เพราะยังไงทางนั้นก็อยากจะจับไอ้เจ้าพวกนี้อยู่เหมือนกัน เดี๋ยวฉันจะให้คนลองสืบดูก่อน ว่าพวกที่เคลื่อนไหวอยู่ตอนนี้ มีอยู่ในหมายจับของทางนั้นบ้างไหม จะได้รวบเสียทีเดียว”
   “ครับ ผมจะจัดการให้” อีกฝ่ายตอบ แต่คนเป็นเจ้านายกลับโบกมือวูบ “ไม่ต้อง เรื่องสก๊อตแลนยาร์ตกับหมายจับ ฉันจัดการเอง นายน่ะไปจัดการคุยกับอาจารย์น้อยเถอะ”
   “!!” เถียนซานเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายของเขาทันที เห็นเว่ยจินหยินยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก “ไม่ค่อยจะเห็นนายทำหน้าลำบากใจแบบนี้เท่าไหร่เลยนะ ทำไมล่ะ อาจารย์น้อยก็เป็นศิษย์รุ่นพี่ของนายไม่ใช่หรือ? นายไม่ชอบเขาขนาดนั้นเลยหรือไง?”
   “เปล่าหรอกครับ จะให้ผมไปพูดกับเขาเรื่องท่าเรือใช่ไหมครับ?”
   เว่ยจินหยินพยักหน้า “อืม บอกเขาว่าฉันจะใช้เขาเป็นตัวล่อ ส่วนรายละเอียด เดี๋ยวฉันจะไปคุยด้วยตัวเองอีกที ฉันรู้ว่าถ้าเป็นนายไปขอร้อง เขาต้องตกลงแน่”
   คนถูกสั่งพยักหน้า “ครับ ผมจะไปจัดการให้” จากนั้นก็เดินออกประตูไป เว่ยจินหยินถอนหายใจเฮือก นั่งหมุนปากกาไปมาอยู่อีกพัก ถึงเรียกคนสนิทเข้ามาสั่ง “ต่อสายไปสก็อตแลนยาร์ดให้ฉันหน่อย ขอพูดกับเจ้าหน้าที่มิลเลอร์นะ”
-------------------------------------------
   “ว้าว! คุณจินหยิน นั่นเสียงคุณจริงๆ เหรอครับ” เสียงปลายสายตอบกลับมาอย่างร่าเริง ขณะที่เว่ยจินหยินพยักหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “ฉันเอง สวัสดีมิลเลอร์ ดีใจนะที่ยังไม่ถูกไล่ออกจากงานน่ะ”
   “อืม... เจ็ดปีที่แล้วคุณทำผมไว้แสบ ผมยังจำไม่ลืมเลยล่ะ ที่จริงคุณน่าจะดีใจนะ ที่ผมยังไม่ถูกไล่ออก คุณเลยได้โทรมาหาผมอีก ว่าแต่ มีอะไรให้รับใช้หรือครับ คุณชาย”
   “ฉันไม่ใช่คุณชายแล้ว” เว่ยจินหยินตอบกลับไป ได้ยินเสียงอีกฝ่ายร้องอุทานอีก “งั้นเป็นอะไรล่ะครับ คุณนาย?”
   “มิลเลอร์!” เว่ยจินหยินเอ็ดทันที “พูดจาระวังปากหน่อยเถอะ ฉันได้นั่งตำแหน่งประธานกลุ่มแล้ว แทนคุณพ่อที่เสียไปเมื่อสองปีก่อน”
   “อ้อ.... เสียใจด้วยนะครับ แล้วก็ดีใจด้วย งี้คุณก็ได้เป็นคุณท่านแล้วสิ”
   “อืม...” เว่ยจินหยินกรอกเสียงกลับไป พลางคิดว่าเวลาผ่านมาตั้งเจ็ดปีแล้ว เขายังต้องเสียเวลาปวดประสาทในการโทรศัพท์คุยกับไอ้หมอนี่อยู่อีกรึเนี่ย
   “มิลเลอร์ นายมีรายชื่อแก๊งค้าอวัยวะข้ามชาติที่มีการขนถ่ายที่ฮ่องกงมั้ย?”
   “มีเพียบเป็นกระบุงเลย” อีกฝ่ายตอบ แล้วพูดต่อด้วยความแปลกใจ “นี่คุณไปสืบรู้มาจากไหนเนี่ย ว่าผมกำลังตามไอ้คดีพวกนี้อยู่”
   เว่ยจินหยินเลิกคิ้วขึ้นหน่อยหนึ่ง ก่อนจะกรอกเสียงกลับไป “อืม คงเป็นโชคของฉันล่ะมั้ง จะให้รายชื่อฉันได้เร็วสุดเมื่อไหร่น่ะ?”
   “หา!!” คนปลายสายร้องเสียงหลง “เดี๋ยวสิครับ นี่โทรมาก็จะสั่งๆ เลยหรือไง คุณไม่ใช่เจ้านายผมที่สก็อตแลนยาร์ดนะ”
   “อ้อ... งั้นขอสายเจ้านายนายด้วยสิ ฉันกำลังวางแผนจะจัดการกับแก๊งค้าอวัยวะที่นี่ เลยจะสืบดูว่ามีคนที่นายต้องการอยู่บ้างรึเปล่า เอารายชื่อมาก่อนก็แล้วกัน ถ้ามีฉันจะประสานงานไปอีกที”
   “นี่คุณไม่ได้หลอกต้มอะไรผมนะ?” เสียงปลายสายถามอย่างไม่แน่ใจ เว่ยจินหยินมุ่นคิ้วหน่อยๆ “งั้นฉันวางแล้วกัน เดี๋ยวจะต่อสายตรงเข้าหาเจ้านายของนายอีกที น่าจะคุยกันรู้เรื่องกว่า”
   “เดี๋ยวครับ บอกแล้วครับ บอกแล้ว” อีกฝ่ายละล่ำละลักตอบมาทันที “คุณมีอีเมลมั้ยล่ะ? เดี๋ยวผมส่งรายละเอียดเข้าไปให้ มีหลายหน้าอยู่ล่ะ”
   “อืม... ตกลง” เว่ยจินหยินตอบ และบอกอีเมลไป
---------------------------------------------

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   ทั้งชีวิตห้าสิบปีที่ผ่านมา เถียนซานไม่ค่อยลำบากใจที่จะไปพบใครนัก ยกเว้นเสียแต่คนที่เว่ยจินหยินเรียกว่าอาจารย์น้อยคนนี้คนเดียวนี่แหละ...
   อาจารย์น้อยที่ว่านี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นศิษย์รุ่นพี่ร่วมสำนักกังฟูกับเขาตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งมีเหตุให้มาสนิทชิดเชื้อกัน จนได้มาสอนกังฟูให้เว่ยจินหยินในเวลาต่อมา เอาเถอะ ถึงผู้ชายคนนี้จะไม่ใช่ศิษย์รุ่นพี่เขา เว่ยจินหยินก็สมควรจะต้องรู้จัก เพราะนี่คือผู้ชายที่เป็นเหมือนตำนานในวงการมืดของฮ่องกง
   หงคงฉ่วย (นกยูงแดง)
   มีไม่กี่คนที่ได้เคยพบหน้าผู้ชายคนนี้และสามารถรอดชีวิตกลับไปได้แบบครบสามสิบสองประการ โดยไม่มีแผลเป็นหรืออะไรเป็นสัญลักษณ์เลย และมีคนน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้
   เผอิญว่าเถียนซานเป็นหนึ่งในคนน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยพวกนั้น และตอนนี้เขาก็กำลังก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์ที่แทบจะไม่มีใครเคยก้าวเท้ากลับออกไปเลย
   “อาซานจริงๆ ด้วย” เสียงเอ่ยทัก และอ้อมกอดที่พุ่งเข้ามาอย่างกับจะกระแทกกันให้ตาย ทันทีที่เถียนซานเปิดประตูไม้บานใหญ่เข้าไปในส่วนที่เป็นห้องรับแขก ทำให้ชายวัยห้าสิบต้องรีบเบี่ยงตัวหลบออกข้างไปทันที แขนคู่นั้นเลยคว้าพลาดเกือบจะกอดเอาประตู “อะไรกันเล่า อาซานทำไมใจร้ายกับฉันแบบนี้”
   “ผมมาพบรุ่นพี่เพราะคำสั่งของคุณท่านครับ”
   “ฉันรู้แล้ว แต่ขอกอดให้ชื่นใจหน่อยไม่ได้หรือไง?” อีกฝ่ายตอบ เถียนซานทำหน้าลำบากใจ ก่อนจะยืนนิ่งๆ ยอมให้ทางนั้นกอดแต่โดยดี ฝ่ายที่กอดตัวเล็กกว่าเขาพอสมควร พอกอดแล้วก็ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กกอดผู้ใหญ่พิกล ติดแต่ว่าเด็กคนนี้ออกจะตัวหนาแล้วก็แข็งแรงไปเสียหน่อย
   “พอได้แล้วล่ะครับ” เถียนซานพูด หลังจากที่อีกฝ่ายเริ่มลูบมือไปตามแผ่นหลังของเขา ลามปามไปที่เอวและสะโพก แน่นอนว่าเถียนซานไม่ได้พูดเฉยๆ เขาดึงตัวฝ่ายนั้นออกอย่างกับจะผลักทิ้ง แต่คนตรงหน้าก็ดูจะมีชั้นเชิงอยู่พอสมควร ถูกผลักแบบนั้นยังมีจังหวะจะคว้าแขนของเขาแล้วดึงเข้าไปหาได้อีก
   “ขอจูบด้วยสิ”
   “ไม่ได้เด็ดขาดเลยครับ” เถียนซานพูดเสียงเรียบ แล้วยกมือขึ้นปิดปากของอีกฝ่ายไว้ ร่างนั้นส่งเสียงอู้อี้ “อาซานใจร้ายจริงๆ”
   “ขอร้องล่ะครับรุ่นพี่ ช่วยยืนหรือนั่งพูดกับผมดีๆ หน่อยเถอะ ผมมาคุยธุระนะครับ” ร่างสูงกล่าวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ได้ยินเสียงอีกฝ่ายพูดทั้งๆ ที่ยังมีมือปิดปากอยู่ “งั้นให้จูบก่อนสิ”
   “ไม่ได้ครับ”
   “จินหยินไม่รู้หรอกน่า”
   “ไม่รู้ก็ไม่ได้ครับ ผมอายุห้าสิบแล้วนะ”
   “ห้าสิบแล้วไง? ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยให้จูบสักครั้งเลยนี่”
   “ตอนนี้กับหลังจากนี้ก็ไม่ให้เหมือนกันล่ะครับ นี่ผมมาคุยธุระนะครับ” เถียนซานว่า หคงฉ่วยพ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก
   “เหอะ น่าเบื่อจริงๆ เลย” ฝ่ายนั้นกล่าว แล้วยอมถอยหลังในที่สุด “จินหยินใช้ให้มาสินะ มีเรื่องใหญ่ล่ะสิ ร้อยวันพันปี ให้พายุเข้าฟ้าถล่ม ก็ไม่เคยอยากให้นายมาหาฉันนี่นา”
   เถียนซานมองดูคนตรงหน้า ที่ยืนอยู่เป็นผู้ชายที่ดูจากภายนอกคงอายุราวๆ สักยี่สิบสามสิบ หวีผมแสกข้าง หน้าตาหมดจดชวนมอง สวมเชิ้ตสีแดงคล้ำ และกางเกงสีน้ำตาลเหล็ก มีไม่กี่คนที่รู้ว่า ผู้ชายคนนี้แหละ คือตำนานที่อยู่คู่ฮ่องกงมาหลายปี ในฐานะของหงคงฉ่วย
   “คุณท่านต้องการขอความร่วมมือจากคุณเกี่ยวกับเรื่องแก๊งค้าอวัยวะน่ะครับ” เถียนซานพูดธุระออกไป ทั้งๆ ที่ตัวเองยังไปไม่ถึงเก้าอี้รับรองด้วยซ้ำ แล้วคนที่คุยธุระก็ยังยืนเต๊ะท่าอยู่หน้าประตู หงคงฉ่วยเลิกคิ้วขึ้นสูง “เห... นี่จินหยินคิดจะหันมาค้าอวัยวะแล้วหรือ ท่าทางต้องมีคนตายเพิ่มขึ้นมากแน่ๆ” พูดพลางทำหน้าตื่นตกใจจนน่าหมั่นไส้ ทำเอาคนตรงข้ามต้องย่นคิ้วตอบ
   “อย่าพูดอะไรเดาสุ่มแบบนั้นได้ไหมครับ” เถียนซานพูดอย่างมีน้ำอดน้ำทน “คุณท่านอยากจะจัดการกับแก๊งพวกนั้น เลยให้ผมมาขอความร่วมมือจากคุณ”
   “หา?!” หงคงฉ่วยร้องเสียงดัง แล้วทำหน้าตกอกตกใจเหมือนเห็นปิศาจผุดขึ้นมาตรงหน้า “เกิดอะไรขึ้นน่ะ ปกติจินหยินไม่น่าจะสนใจเรื่องพวกนี้นี่ หรือว่าใครไปสะกิดตาปลาเขา”
   “รุ่นพี่ครับ.... เลิกเดามั่วสักทีเถอะครับ คุณท่านมีเหตุผลส่วนตัว”
   หงคงฉ่วยหรี่ตาลง “ใครขอร้องมาล่ะสิ อยากรู้จริง ใครนะขอรองจินหยินได้... เออ แล้วนายน่ะ เลิกเรียกจินหยินว่าคุณท่านทีเถอะ ฟังแล้วฉันนึกถึงพ่อเขาทุกที จินหยินยังไม่แก่ขนาดนั้นเสียหน่อย ทำไมนายถึงไม่เรียกว่าจินหยินน้อยแทนนะ”
   “ผมเป็นลูกน้องนะครับ” อีกฝ่ายตอบ หงคงฉ่วยทำหน้าขัดใจ “ลูกน้องแล้วไงเล่า จินหยินไม่ถือนายเป็นลูกน้องสักหน่อย แล้วนี่มีอะไรกันบ่อยรึเปล่าล่ะ อุตส่าห์มาถามเทคนิคไปตั้งหลายอย่าง ไม่ใช้ให้คุ้มฉันจะแช่งให้ลุกไม่ขึ้นเลย”
   “เราเข้าเรื่องกันสักทีเถอะครับ” เถียนซานพูดอย่างอดทนอดกลั้น หงคงฉ่วยมองเขา แล้วยักไหล่ “ว่ามาสิ”
   “ผมมาเพื่อขอร้องให้คุณตกลงร่วมมือกับคุณท่าน ส่วนเรื่องรายละเอียดแผนการ คุณท่านกำลังจัดการอยู่ และจะมาบอกกับคุณเองหลังจากนี้”
   “โอ้... ถึงกับขอร้องเลยเหรอ แปลว่ายังไงฉันก็ต้องตกลงให้ความร่วมมือสินะ” หงคงฉ่วยพูด แล้วหรี่ตามองร่างสูงใหญ่เกือบสองเมตรตรงหน้า อีกฝ่ายผงกศีรษะ “ครับ ผมมาขอร้องให้คุณตกลง”
   “อืม..........” อีกฝ่ายส่งเสียงอย่างใช้ความคิด “ถึงกับส่งนายมา แล้วยังคำพูดที่จะเอาให้ได้แบบนี้อีก ใครกันน่ะที่ทำให้จินหยินลงทุนขนาดนี้ เขารู้ใช่ไหมว่าฉันต้องการอะไรในการตกลงถึงได้ส่งนายมา”
   “ครับ”
   “บอกฉันหน่อยสิว่าใครขอจินหยินเรื่องนี้ บางทีฉันอาจจะยอมตกลงโดยไม่มีเงื่อนไขก็ได้”
   เถียนซานเงียบไปพักใหญ่ สุดท้ายก็ยอมตอบออกไป “ท่านห้าครับ... น้องชายที่คุณท่านพยายามฆ่าเมื่อเก้าปีที่แล้ว คุณคงจำได้”
   “หืม?!” คิ้วของหงคงฉ่วยเลิกขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ท่าทางเขาจะตกใจจริงๆ “ว่าไงนะ ปิงเซียงน่ะนะ เขาฟื้นแล้วเหรอ เมื่อไหร่น่ะ?”
   “นานแล้วครับ” เถียนซานตอบ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ฝ่ายตรงข้ามพยักหน้าหลายครั้ง “อืม... ฉันพอเข้าใจคนที่ต้องแกล้งตายเพื่อรอดชีวิตเลยล่ะ แล้วนี่ปิงเซียงเชื่อจริงๆ หรือว่าทั้งหมดน่ะไม่ใช่ฝีมือพี่ชายเขาน่ะ”
   “คิดว่านะครับ... เพราะท่านใหญ่ยืนยัน และก็หาเหตุผลทำให้ดูน่าเชื่อถือมาก”
   “อืม.. อันที่จริงแผนจินหยินก็แนบเนียนอยู่แล้วล่ะ ฟู่ฉินเสริมนิดเสริมหน่อยก็คงน่าเชื่อถือหรอก เฮ้อ.. งี้จะทำยังไงกับคำว่าอำมหิตที่ต่อท้ายชื่อเขาดีล่ะ”
   “เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ” เถียนซานพูด “เป็นอันว่าคุณตกลงยอมให้ความร่วมมือในเรื่องนี้นะครับ”
   “ไม่ล่ะ อาทิตย์หน้าฉันจะต้องไปอเมริกา ตกลงอะไรตอนนี้ไม่ได้หรอก”
   “?!” ร่างสูงใหญ่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย เห็นหงคงฉ่วยยิ้มลี้ลับที่มุมปาก “แต่ถ้านายตกลงก่อนล่ะก็ไม่แน่” จากนั้นก็ยื่นมือมาจับคางของเถียนซานเอาไว้ “นายมานอนกับฉันสักคืนสิ ฉันอยากรู้ว่าลีลานายเด็ดขนาดไหน แล้วฉันจะตอบตกลง”
   “...............” เถียนซานยืนนิ่ง ขณะที่หงคงฉ่วยขยับตัวเข้ามาใกล้ ฝ่ายนั้นเลื่อนมือจากคางลงลูบอกเสื้อของเขา “นี่เป็นเหตุผลที่จินหยินส่งนายมา นายเองก็รู้ไม่ใช่หรือไง”
   “ครับ”
   “อืม... งั้นก็แปลว่าตกลงสินะ ไปกันเถอะ จะเอาที่ห้องนอนฉัน หรือว่าในอ่างดี หรือว่าตรงระเบียง แต่คนหน้าบางแบบนาย บนเตียงดีกว่ามั้ง”
   “ไม่ตกลงสักที่ล่ะครับ” อีกฝ่ายตอบทันใจ คิ้วของหงคงฉ่วยขมวดเข้าหากันทันที “นี่... จินหยินสั่งให้นายมาตกลงกับฉันไม่ใช่หรือไง เขาก็รู้อยู่ว่าฉันอยากทำอะไรนาย เพราะงั้นนะ นายยอมๆ เถอะน่า เรื่องจะได้จบๆ”
   “ผมว่าเรื่องมันจะยิ่งยุ่งน่ะสิครับ” เถียนซานพูด และยึดมือของหงคงฉ่วยที่เลื่อนต่ำลงไปจนแทบจะอยู่ใต้เข็มขัดของเขาเอาไว้ “คุณท่านรู้ก็จริง แล้วก็คงคิดว่ารุ่นพี่ต้องทำแบบนี้แน่ แต่รุ่นพี่คิดหรือครับว่าคุณท่านจะไม่วางแผนจัดการอะไรสักอย่างหลังจากนี้ รุ่นพี่เองก็รู้จักคุณท่านมาตั้งแต่เด็กเหมือนกันนี่ครับ”
   “....................” ถึงคราวหงคงฉ่วยเงียบไปบ้าง เถียนซานได้จังหวะจึงพูดสืบต่อ “ที่ผมปฏิเสธ เพราะหวังดีกับรุ่นพี่นะครับ รู้ใช่ไหมครับ ว่าต่อให้เป็นนกยูงแดง ถ้าคุณท่านไม่พอใจก็คงจะหาเรื่องเด็ดปีกเอาได้ ต่อให้บินหนีไปที่อเมริกาก็ไม่พ้นหรอกครับ”
   หงคงฉ่วยทำหน้ายู่ ท้ายที่สุดก็พ่นลมหายใจออกมา “นายพูดซะฉันฝ่อเลย แต่มันก็จริงล่ะนะ ฉันไม่อยากตอแยกับจินหยินนักหรอก ยิ่งถ้ามีนายช่วยเสริมอีกแรง ท่าทางชื่อนกยูงแดงของฉันคงพังแน่ๆ” พูดแล้วก็ทำหน้าสยดสยอง “ซวยจริงๆ ทำไมนายถึงต้องถูกเจ้าเด็กจิ้งจอกนั่นยึดเอาไว้ด้วยนะ”
   “รุ่นพี่นั่นแหละครับ ทำตัวเรียบร้อยหน่อยเถอะ อายุก็เยอะๆ กันแล้ว” เถียนซานว่า หงคงฉ่วยทำหน้าหงิกอีก “อายุเยอะน่ะแค่นายต่างหากล่ะ ฉันยังไม่แก่สักหน่อย”
   เถียนซานทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจ แล้วพูดต่อทันที “เป็นอันว่าตกลงนะครับ ผมจะได้ไปบอกคุณท่าน”
   หงคงฉ่วยถลึงตาใส่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าน่าสงสาร เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูจะไม่ให้ความสนใจ แล้วครางออกมา “อะไรกัน ขู่กันแบบนี้ ยังจะให้ฉันตกลงอีกหรือ ฉันแก่แล้ว ขอกันดีๆ ไม่ได้หรือไง”
   เถียนซานสูดหายใจอย่างอดทน “ยอมตกลงเถอะนะครับ ผมขอร้องล่ะ”
   หงคงฉ่วยย่นจมูกหน่อยๆ “งั้นจูบปากก่อนสิ”
   “ไม่ได้ครับ”
   “หอมแก้ม”
   “ไม่ได้ครับ”
   “จูบจมูก”
   “ไม่ได้ครับ”
   “งั้นก็ทำอะไรสักอย่างก็ได้ ฉันจะได้ตกลงสักที” อีก่ฝ่ายโพล่งขึ้นอย่างหัวเสีย เถียนซานพยักหน้า ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากเบาๆ “เป็นอันตกลงนะครับ”
   หงคงฉ่วยกะพริบตาปริบๆ สักพักก็ยอมพยักหน้า “อืม... ฉันตกลงก็ได้ นายนี่มันจริงๆ เลยน้า... เฮ่อ....”
   “ขอบคุณนะครับ” เถียนซานพูด แล้วยิ้มออกมา “ผมลาล่ะ”
   “เออ ไปไหนก็ไปเถอะ” หงคงฉ่วยออกปากพลางโบกมือไล่ “บอกจินหยินด้วยว่าวันหลังจะขออะไรฉันให้ส่งคนอื่นมา ถ้าให้นายมาฉันจะไม่ยอมตกลงอะไรอีกแล้ว”
   “ครับ แล้วผมจะบอกให้ครับ” เถียนซานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วทำท่าจะเดินออกไป ได้ยินหงคงฉ่วยพูดขึ้นอีก “เดี๋ยวก่อน!”
   “ครับ?!” เถียนซานหันกลับมาอีกครั้ง เห็นคนเรียกทำหน้ายุ่งยากใจ “เมื่อกี้ฉันพูดผิด เปลี่ยนใหม่แล้วกัน บอกเขาว่าวันหลังมีอะไรให้เขามาเอง ถ้าส่งนายมาอีกแล้วทำเอาฉันคลั่งใจตายล่ะก็ ฉันจะตามไปบีบคอเขาถึงในห้องนอนเลย”
   “ครับ” ร่างสูงใหญ่รับคำ แล้วออกจากห้องรับแขกไป ทิ้งให้หงคงฉ่วยยกมือกดหน้าผาก แล้วถอนหายใจเฮือก
-----------------------------------------------------
   “อาจารย์น้อยว่างั้นหรือ?” เว่ยจินหยินพูดระหว่างอยู่บนโต๊ะอาหารมื้อค่ำ ซึ่งมีแค่ลูกน้องคนสนิทเก่าแก่ของเขาเพียงคนเดียวนั่งร่วมโต๊ะอยู่อีกฝั่ง เถียนซานพยักหน้า เว่ยจินหยินยิ้มออกมา “เขาขอแต๊ะอั๋งนายเพียบเลยล่ะสิ”
   “ครับ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถามต่อ “แล้วนายทำยังไงเขาถึงยอมตกลงล่ะ”
   “ผมจูบหน้าผากเขาไปน่ะ”
   “...............”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2011 20:30:29 โดย juon »

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   “คุณท่าน...” เถียนซานเรียกเจ้านายของเขา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป เว่ยจินหยินกะพริบตาปริบๆ แล้วจึงพูดออกมา “แค่นั้นหรือ?”
   “ครับ”
   คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันทันที จากนั้นเว่ยจินหยินก็พึมพำออกมา “เหลือเชื่อ”
   “อะไรหรือครับ?”
   “อืม.... ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่นึกว่าอาจารย์น้อยไม่น่าจะปล่อยนายออกมาง่ายๆ แบบนี้ ท่าทางข่าวลือจะจริงสินะเนี่ย”
   “?!”
   เว่ยจินหยินหันหน้าไปทางลูกน้อง แล้วยิ้มอีกครั้ง “ได้ยินมาว่าอาจารย์น้อยกำลังหลงเด็กใหม่อยู่ ที่ว่าไปอเมริกาน่ะ จริงๆ อาจจะไปเที่ยวกับเด็กใหม่ก็ได้นะ”
   “อ้อ... ที่เป็นตำรวจน่ะหรือครับ”
   เว่ยจินหยินพยักหน้า “ได้ยินว่าเชื่อลู่อี้เผิงหรืออะไรนี่แหละ วันนี้ฉันได้ข้อมูลหมายจับของสก็อตแลนยาร์ดมาแล้ว เลยให้คนเข้าไปประสานงานที่กรมตำรวจมา”
   “แล้วได้เจอเขาไหมครับ ตำรวจที่ชื่อลู่อี้เผิงน่ะ?” เถียนซานถามต่อ อีกฝ่ายสั่นศีรษะ “เปล่า แต่เห็นว่าเขากำลังจะลาพักร้อน ไม่แน่นะ อาจจะไปกับอาจารย์น้อยก็ได้”
   “อืม... ไม่รู้ว่าเขาจะวางแผนอะไรเอาไว้อีกรึเปล่าน่ะสิครับ รุ่นพี่ยิ่งเชื่อไม่ค่อยได้อยู่” เถียนซานตั้งข้อสังเกต เว่ยจินหยินหัวเราะออกมา
   “นายไม่ต้องกังวลหรอก ฉันคิดแผนไว้แล้ว ยังไงเขาต้องยอมตกลงเล่นตามบทที่ฉันเขียนแน่”
   “ครับ” เถียนซานพยักหน้า แล้วตักกับข้าวให้เว่ยจินหยิน ได้ยินอีกฝ่ายพูดต่อ “งั้นระหว่างอาจารย์น้อยไปอังกฤษ ฉันจะล่อให้ลีไป๋หู่หันมาใช้บริการท่าเรือของฉันแล้วกัน”
   “ลีไป๋หู่?” เถียนซานทวนคำ ก่อนจะพูดต่อ “นายหน้าลักลอบค้าของเถื่อนที่เคยถูกตระกูลฟงสั่งเก็บน่ะหรือครับ?”
   “อืม เดี๋ยวนี้เขาหันมาเป็นพ่อค้าคนกลางขนอวัยวะแล้วล่ะ ฉันก็เห็นด้วยหรอกนะ เพราะท่าทางเงินจะดีกว่า แถมเขาเองก็เชี่ยวชาญเรื่องท่าเรืออยู่แล้ว เห็นว่าทำมาได้สักสองสามปีแล้วล่ะ ที่สำคัญเขามีหมายจับอยู่ทั้งของสก็อตแลนยาร์ดแล้วก็กรมตำรวจที่นี่ด้วย แบบนี้น้องห้าคงพอใจ”
   “คุณท่าน....”
   เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมา แล้วยิ้มบางๆ “ทำไมล่ะ แปลกใจเหรอที่ฉันทำเรื่องนี้เพราะน้องห้าน่ะ”
   เถียนซานจำต้องพยักหน้า “ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่คิดว่าคุณจะ...”
   “อืม  ฉันรู้ ฉันไม่เคยคิดจะทำอะไรเพื่อใครหรอก นอกจากตัวเอง” เว่ยจินหยินกล่าว แล้วถอนหายใจเฮือก “อาซาน เรื่องนี้น่ะ ฉันก็ไม่ได้ทำเพราะน้องห้าหรอก ฉันทำเพราะตัวเอง”
   “............”
   “นายคิดว่าฉันควรจะรู้สึกยังไงกับน้องชายที่ฉันเคยพยายามจะฆ่า แล้วมารู้อีกทีว่าเขายังไม่ตาย แถมทำหน้าเชื่อถืออย่างจริงๆ จังๆ ว่าฉันไม่ผิดล่ะ”
   “...............”
   “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกนายตกลงกันว่ายังไง ไม่อยากจะคิดด้วยว่าปิงเซียงเชื่อจริงๆ รึเปล่าว่าฉันไม่ผิด ฉันแค่รู้สึกว่า ฉันควรจะทำอะไรเพื่อไถ่บาปเรื่องนี้บ้าง” พูดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เว่ยจินหยินจึงกล่าวสืบต่อ “ฉันอยากทำอะไรสักอย่างให้เขา เพื่อชดใช้ความรู้สึกผิดในใจของตัวเองก็เท่านั้นแหละ”
   “คุณท่าน.....” เถียนซานเรียกเจ้านายตัวเอง เว่ยจินหยินยิ้มบางๆ บนริมฝีปาก “ฉันไม่ใช่คนไม่ดีอะไรใช่ไหม?”
   เถียนซานเม้มริมฝีปาก แล้วเอื้อมไปดึงมือของเว่ยจินหยินมากุมไว้ “คุณเป็นคนดีที่สุดของผมเสมอครับ”
   เว่ยจินหยินมองมือสากหยาบของอีกฝ่าย เลื่อนขึ้นไปจนถึงสายตาอบอุ่นมั่นคงที่มองมายังเขา ก่อนจะยิ้มอีกครั้ง “ขอบใจนายมากนะ ขอบใจนายมากจริงๆ”
-----------------------------------------
   หงคงฉ่วยเลิกคิ้วขึ้นสูง ขณะเห็นหน้าผู้ที่เปิดประตูเข้ามาในห้องรับรอง นกกระตั้วสีขาวที่เกาะอยู่บนคอนข้างโต๊ะทำงานที่เขานั่งอยู่ถึงกับตีปีกด้วยความตื่นตระหนก “ตัวร้ายมาแล้ว! ตัวร้ายมาแล้ว!”
   ผู้ที่ก้าวเข้ามาใหม่ขยับแว่นตากรอบทองหน่อยหนึ่งแล้วยิ้มออกมา “สายันต์สวัสดิ์ครับ อาจารย์น้อย”
   หงคงฉ่วยหันหน้าไปหาลูกน้องที่ยืนเรียงกันอยู่ทางด้านขวา ก่อนจะออกคำสั่ง “พาเสี่ยวชิกไปที่ห้องก่อนซิ ฉันกลัวเสี่ยวชิกจะขนร่วง”
   “ขนมันไม่ร่วงหรอกครับ ถ้ามันไม่ใช่ปากดึงขนตัวเองน่ะ” เว่ยจินหยินกล่าว แล้วเดินตรงมายังเก้าอี้รับรองหน้าโต๊ะทำงาน หงคงฉ่วยขมวดคิ้ว รีบโบกมือให้คนเอานกไปเก็บ “ฉันกลัวเธอจับเสี่ยวชิกถอนขนด้วยสายตาน่ะ”
   เว่ยจินหยินหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะหรี่ตามองคนตรงหน้า “ถ้ามันพูดจาดีๆ ผมก็ไม่ทำอะไรมันหรอกครับ แต่ช่างเถอะ อาจารย์น้อย ผมมาคุยรายละเอียดเรื่องที่ให้อาซานมาพบคุณวันก่อน”
   หงคงฉ่วยชะงักไปพักหนึ่ง แล้วพูดตอบออกไป “อ้อเหรอ.. บอกตรงๆ นะ ฉันคิดว่าเธอจะมาคุยกับฉันเรื่องนี้ หลังฉันกลับจากอเมริกาซะอีก”
   “ผมกลัวอาจารย์น้อยไปแล้วไม่ได้กลับมาน่ะครับ ได้ยินว่าพักนี้อเมริกามีทอนาโดเข้าอยู่ เลยว่าจะมาคุยไว้ก่อน เผื่อมีอะไรแผนการผมจะได้ไม่เสียหาย”
   หงคงฉ่วยจ้องหน้าเว่ยจินหยิน ก่อนจะครางออกมา “ดีแล้วล่ะที่เสี่ยวชิกไม่ได้อยู่ฟังคารมเธอ ฉันล่ะกลัวจริงๆ ว่ามันจะติดนิสัยปากเสียของเธอเข้าสักวัน”
   เว่ยจินหยินยิ้มหวานกว่าเดิม “ไม่หรอกครับ ผมว่าคารมผมน่ะยังไม่เท่าไหร่หรอก ยังเทียบคารมของอาจารย์น้อยไม่ติดเลย”
   หงคงฉ่วยถลึงตามองอีกฝ่ายเหมือนเห็นสัตว์ประหลาด ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด “ไหนว่าแผนการของเธอมาซิ ทำไมจู่ๆ ถึงได้อยากจะเล่นงานพวกแก๊งค้าอวัยวะนักล่ะ เกิดสำนึกผิดเรื่องปิงเซียงหรือไง?”
   “ทำนองนั้นแหละครับ”
   “ห๊ะ!” หงคงฉ่วยร้องขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจอีกฝ่าย ก่อนจะพูดสืบต่อ “เธอกินอะไรมาผิดขนานรึเปล่าน่ะ?”
   เว่ยจินหยินยิ้มตอบไปอย่างใจเย็น “มาว่าเรื่องแผนกันเถอะครับ ผมว่าจะขอยืมแรงจากอาจารย์น้อยเสียหน่อย”
   หงคงฉ่วยได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เมื่อเจออีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน กินลมอยู่พักถึงจะหาประโยคตอบโต้ไปได้ “ยืมแรงอะไรน่ะ บอกเลยนะว่าถ้าไม่ใช่อาซานล่ะก็ ฉันไม่ตกลงออกแรงอะไรทั้งนั้นหรอกนะ ฉันไม่ไปช่วยเธอจับเจ้าแก๊งพวกนั้นหรอก”
   “ก็ไม่ได้จะให้ออกแรงไปจับใครหรอกครับ” เว่ยจินหยินตอบ “ที่จริงผมมีเรื่องจะมาตกลงสองอย่าง เรื่องแรกไม่กินแรงอาจารย์น้อยแน่นอน”
   “อืม... งั้นก็ลองว่ามาสิ”
   “ผมอยากให้อาจารย์น้อยสั่งท่าเรือในสังกัด ไม่ให้ตกลงทำสัญญาส่งของกับลีไป๋หู่ อาจารย์น้อยคงรู้จักชื่อเขานะครับ”
   “อ้อ... เจ้าเด็กลีที่หน้าเหมือนหนูคนนั้นน่ะนะ พอจะจำได้อยู่หรอก ที่หักหลังบ้านตระกูลฟงจนได้เรื่องใช่ไหมล่ะ?”
   “ครับ” อีกฝ่ายผงกศีรษะ “ตอนนี้เขาหันมาลักลอบค้าอวัยวะแทนแล้ว และพอดีว่าเขามีรายชื่อในหมายจับของทั้งทางตำรวจฮ่องกง และสก็อตแลนยาร์ด ผมเลยว่าจะจัดการเขาเสีย”
   “หืม?” คิ้วของหงคงฉ่วยเลิกสูงขึ้น “เสี่ยวจินหยินจะทำงานตัดหน้าตำรวจหรือนี่ เกิดอะไรขึ้นน่ะ จะแย่งผลงานตำรวจหรือไง?”
   “เปล่าครับ ผมแค่จะจัดการให้เขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติเฉยๆ”
   “?!!” หงคงฉ่วยชะงัก ก่อนจะยื่นคอมาจ้องหน้าคนนั่งตรงข้ามราวกับไม่เคยเห็นกันมาก่อน “เธอต้องกินยาผิดแน่ๆ”
   เว่ยจินหยินยิ้มให้กับคำพูดนั้น แล้วพูดต่ออย่างไม่ใส่ใจ “ผมอยากให้อาจารย์น้อยสั่งท่าเรือในสังกัดไม่ให้รับงานจากเขา จะปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยงยังไงก็ได้ บีบให้เขาเข้ามาใช้ท่าเรือของผม”
   “อืม... ฉันพอจะช่วยเธอเรื่องนั้นได้อยู่หรอก แต่นอกจากฉันกับเธอแล้ว ก็ยังมีคนอื่นที่คุมท่าเรืออีกนะ แน่ใจได้ยังไงน่ะว่าเขาจะยอมไปใช้ท่าเรือในสังกัดของเธอน่ะ”
   “เรื่องนั้นคงต้องขอยืมแรงอาจารย์น้อยล่ะครับ” เว่ยจินหยินตอบยิ้มๆ “เขาต้องมาใช้ท่าเรือของผมอยู่แล้ว เพราะผมจะบีบพวกที่เหลือเอง แต่เพื่อให้เป็นการแน่นอน ผมจะบอกเขาว่า ผมจะใช้อาจารย์น้อยเป็นเหยื่อ ทำนองว่าให้ข่าวกับตำรวจว่าอาจารย์น้อยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแก๊งค้าอวัยวะ แล้วจะหลอกให้ตำรวจหันมาติดตามอาจารย์น้อย เขาจะได้ขนของกับผมได้อย่างสะดวก”
   หงคงฉ่วยพยักหน้า “อืม หลังจากนั้น เธอก็จะมาตลบหลังเขาอีกที ทำให้เขาเชื่อว่าเธอสามารถคุ้มกะลาหัวเขาจากตำรวจได้ ทำให้การขนส่งของเขาปลอดภัย แล้วค่อยติดต่อตำรวจอีกชุด เพื่อจัดการจับเขาให้ได้คาหนังคาเขาสินะ”
   “ใช่ครับ อาจารย์น้อยนี่เยี่ยมจริงๆ” เว่ยจินหยินกล่าวชื่นชม แต่อีกฝ่ายไม่ยักมีสีหน้าภูมิใจด้วย หงคงฉ่วยตีหน้าเซ็งใส่ “ฉันไม่ตกลงกับเงื่อนไขนี้ เพราะแผนเธอคงไม่ใช่แค่ปล่อยข่าวธรรมดาแน่ จะให้เจ้าเด็กลีนั่นเชื่อใจ ต้องให้ทางฉันมีรีแอคชั่นด้วยใช่ไหมล่ะ อย่างน้อยก็ต้องทำให้รู้ว่าตำรวจแอบจับตามองฉันอยู่ นี่ จินหยิน คฤหาสน์กับเด็กๆ ฉัน ไม่ได้มีไว้ให้เธอใช้เป็นหนูทดลองให้แมวไล่จับหรอกนะ มีวิธีอื่นจะเสนอฉันอีกมั้ย?”
   ฟังหงคงฉ่วยจบ แทนที่เว่ยจินหยินจะมีสีหน้าไม่พอใจ กลับปรากฏรอยยิ้มงดงามราวกับเทวดาขึ้นแทน “อาจารย์น้อยฟังรายละเอียดก่อน จะบอกไม่ตกลงก็ยังไม่สายนะครับ”
   “เหอะ! จะเล่นลิ้นกับฉันแบบไหนอีกล่ะ”
   “ผมจะให้ตำรวจที่ชื่อลู่อี้เผิงมาเป็นทาสอาจารย์น้อยสักสี่ห้าวัน สนใจไหมครับ”
   “?!” ดวงตาของหงคงฉ่วยเบิกโพลง ก่อนจะหรี่นัยน์ตาลง “ไปเอาชื่อเขามาจากไหนน่ะ?”
   “รู้จักก็แล้วกันครับ” เว่ยจินหยินตอบเลี่ยงๆ แล้วยกมือขึ้นขยับแว่นตากรอบทองบนหน้า “ผมจะทำให้เขาลากเท้ามาขอรับใช้อาจารย์น้อยอย่างไม่มีข้อแม้ อย่างนี้อาจารย์น้อยจะยังไม่ตอบตกลงหรือครับ”
   หงคงฉ่วยจ้องเว่ยจินหยินเหมือนเห็นสัตว์ประหลาดอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็หัวเราะออกมา “จินหยินน้อยนี่ร้ายกาจจริงๆ นอกจากจะส่งอาซานมาล่อฉันแล้ว ยังจับจุดฉันได้ถูกอีก ถ้ารู้ว่าโตมาเธอจะร้ายขนาดนี้นะ ฉันจับเธอหักคอไปตั้งแต่ตอนที่ยังไม่รู้ประสีประสาแล้ว”
   เว่ยจินหยินหัวเราะเบาๆ “น่าเสียดายนะครับ คิดจะมาหักคอผมตอนนี้ คงสายไปสักหน่อย”
   “สายไปจริงๆ นั่นล่ะ” หงคงฉ่วยพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะพูดต่อ “เป็นอันว่าฉันตกลงก็แล้วกัน แต่ขอให้จัดการหลังฉันกลับมาจากอเมริกาล่ะ”
   “เรื่องนั้นทราบอยู่แล้วล่ะครับ” เว่ยจินหยินพยักหน้า ก่อนจะเงยขึ้นสบดวงตาสีดำของฝ่ายตรงข้ามที่จ้องมองมา หงคงฉ่วยจ้องเว่ยจินหยินได้สักพักก็ถามขึ้นอีก “จินหยิน ถามจริงๆ เถอะ ที่ทำทั้งหมดนี่ ก็เพื่อน้องชายที่เธอเคยฆ่าจริงๆ หรือ?”
   เว่ยจินหยินไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
------------------------------------------------

ออฟไลน์ K2KARN

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3084
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +393/-6

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
คุณ juon คะ แป๊งมีคำถาม
เว่ยจินหยินนี่มี อีกเรื่องเป็นของตัวเองรึป่าวคะ แต่ไม่เห็นคุณอัพเท่าไรแล้ว คุ้นๆว่าเคยอ่าน แล้วคู่ของเว่ยจินหยินใช่ มิลเล่อร์มั้ยคะ
หรือว่า อาซาน? พอมาอ่านตอนพิเศษตอนนี้กลายเป็นว่า มิลเล่อร์กลับไปไหนแล้วไม่รู้ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน? งงอ่ะค่ะ

ออฟไลน์ Heisei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
คิดว่าจะไม่มีให้อ่านซะแล้ว

บอกตามตรงเราอยากอ่านเบื้องหลังของตอนนี้มากๆเลยค่ะ
เราชอบนกยูงกับจิ้งจอกน้อยที่สุดเลย ~
(เรียกซะน่ารักน่าเอ็นดูผิดกับความจริงเกินไปสินะ -*-)

คุณ juon ทำให้เราเสียนิสัยแล้วล่ะ
ชอบอ่านแต่เรื่องแก่ๆ 5555555555555555555555555

ออฟไลน์ ake2533

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ kazhiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-2
คิดถึงนกยูงที่สุดเลยยย  ขอบคุณมากจ้า  :pig4:

หัดดิน เอ้ยหัดกิน

  • บุคคลทั่วไป
เย่ๆๆๆๆๆๆ
ชอบมากครับ มาตามอ่าน ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
เห็นชื่อตอนพิเศษว่ามีก๋งก๋งมาเอี่ยวด้วย
เลยต้องรีบมากดดูอยากวัย คิดถึหงคงฉ่วยกับเผิงเผิงที่สู๊ดดดดดด

ออฟไลน์ milkshake✰

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนคงฉ่วย
"ไม่น่าเชื่อ จิ้งจอกคนนั้นจะใจดีขนาดนี้เลยหรอ?
ถึงจะบอกว่าทำเพื่อให้ตัวเองได้ไถ่บาปก็เถอะ"
แต่ก็ดีนะคะ เราอยากเห็นเว่ยจินหยินมุมอื่นดูบ้าง
♥ สู้ๆนะคะ จะเป็นกำลังใจให้ค่า

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
งั้น

จินหยินก้อฆ่าพี่น้องจริงๆๆสิน่ะ

ไอ้เรารึอุตส่าห์ลุ้นในอีกเรื่อง ไม่ให้เปงจริง

ชิ

ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
โถๆ เผิงๆน้อย ถูกจับไป(บูชายันณ์)ให้ท่านนกยูง เพราะเหตุผลนี้นี่เอง

555 น่าสงสารดีมั้ยเนี่ย ><

ออฟไลน์ วิหคท่องนภา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
 o18เหมือนจิ้งจอกจะชนะนกยูงได้นะ  แพรวพราวจริงๆ

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
ยาวววจุใจ

คิดว่าเป็นเรื่องที่อายุเฉลี่ยของตัวละครมากที่สุดแน่ๆ = ="

ว่าแล้วว่าตอนนี้ต้องมีเบื้องหลัง  กลับไปอ่านคงฉ่วยอีกรอบก่อนดีก่าาาา

flawless

  • บุคคลทั่วไป
คิดถึงๆ....คิดถึงนางพญาเคะของเราที่สุดเลย
แถมยังนายท่านจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อีก อ่า....คุ้มค่า
กับการรอคอย จะให้ดีเมะน้อยเผิงเผิง รีบออกมานะ
อิๆ เป็นการรวมมิตร สองหรือสามเรื่องหว่า? ที่สนุกสนาน
น่าติดตามมากๆ ค่ะ แถมเป็นการอธิบายรายละเอียด
ในตอนที่เรา ก๊ง ได้อีกด้วย

ปล. อยากเห็นจินหยินน้อย หึงเถียนซานกับคงฉ่วย อ่ะ
คงอาฆาต ร้ายลึกตามสไตล์นายท่านจิ้งจอกไม่น้อย
ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านค่ะ

Jaajaa

  • บุคคลทั่วไป
 o13
จะมีต่ออีกมั้ยคะ :m13:

fay_13

  • บุคคลทั่วไป
 :mc4: :mc4: ฮูเร่~! คิดถึงนกยูงมากเลยค่ะ นึกว่าจะไม่มีมาให้ยลโฉมอีกซะแล้ว

yuuki

  • บุคคลทั่วไป
วิ้ว~
แม้แต่นกยูงยังไม่อยากจะต่อกรกะจินหยินเลย บระเจ้า!!

อ่านๆไป แล้วรู้สึกนกหื่นมากอ่ะ พอเอา ผช.มาแลกนี่ยอมอย่างง่ายดาย ฮ่าๆ

ฮาชิกๆด้วย ขนาดนกยังต้องหลบให้จินหยิน >__<~

แต่จินหยินก็เป็นคนดีที่สุดในสายตาอาซานเลยน้า~ อ๊ายยย

รอตอนต่อไปคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
นี่ถ้าไม่ใช่ เถียนซาน สงสัยโดนฆ่าหั่นศพหมกอ่าวฮ่องกงแน่นอน เล่นปิดเรื่องไว้แบบนี้ บรื๋ออออออ

อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่า หงคงฉ่วยของเราจะขี้เล่นขี้อ้อน จนน่าตกใจ 

 

ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
จับสามเรื่องมายำรวมกันเลยอ่ะ ชอบๆๆๆ ค๊าคุณ Juon
คงฉ่วยเนี๊ยเหมือนตาแก่หื่นเลย อ้อนเถียนซานแบบนั้นอย่า่ให้เผิงเผิงก็รู้แล้วกัน
จิ้งจอกจินหยินคงจะร้ายจริงๆ เสี่ยวชิกยังรู้เลย นกยูงก็ยังไม่อยากจะตอแยมากมาย 

ออฟไลน์ nn~~NN

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-1
ดีใจที่สุดกับตอนพิเศษ
ว่าแต่คงฉ่วยดูหื่นกามติงต๊องไปเลยอ่ะ  นี่คิดจะทำไรนอกใจเผิงเผิงๆจริงๆเหรอ  :z3:

รอเผิงเผิงน้อยออกมาปราบ (?) ตาเฒ่าอยู่นะคะ   :กอด1:

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
ท่าทางเว่ยจินหยิน ลูกสุดที่รักของคุณ juon จะร้ายกาจที่สุดในสามโลกซะกระมั้ง ?
ขนาดหงคงฉ่วย ผู้ไร้เทียมทานในโลกหล้า ยังไม่อยากจะมีเรื่องด้วยสักเท่าไร
ที่น่าสงสารที่สุดคงไม่พ้น ลู่อี้เฝิง โดนใช้เป็นหมาก กลายเป็นเบี้ย ตกเป็นของสังเวย โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องเลยจริง ๆ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
รวมพลคนอายุเยอะสินะ  5555  ลงชื่อไว้ก่อน  เดี๋ยวค่อยอ่าน

ออฟไลน์ Allure-Q

  • Just the way you are
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
 :กอด1:
รีบวิ่งขาขวิดมาเม้น...อ่านแล้วชักน้อยใจแทนเผิงเผิง
เจ้าตัวรู้จะงอนขนาดไหนเนี่ย โธ่~

soda

  • บุคคลทั่วไป
แหม~~~ขนาดเสี่ยวชิก
ยังพูด“ตัวร้ายมาแล้ว! ตัวร้ายมาแล้ว!”
เอ่อร้ายถึงขนาดนกยังรู้เลยนะฮะนั่น :a5: :a5:
ดูคงฉ่วยตอนนี้แล้วมีคำถามขึ้นมาว่า คงฉ่วยแอ๊บแบ้วขึ้น? :-[
แอบสงสารเผิงๆๆจังเลยอ่าโดนเอาเข้ามาในแผนการโดยไม่รู้ตัวเนี่ย
รอตอนต่อไปฮะ :L2: :L2:

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



   แหมๆๆๆ อ่านแล้วคิดถึงหงคงฉ่วยจังเลยนะ
   ว่าแต่ว่าเสี่ยวจินหยินนี่ร้ายกว่าที่คิดเยอะเลยนะเนี่ย




ออฟไลน์ moobarpalang

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-6

zomtum

  • บุคคลทั่วไป
 :L2: :L2: :L2:


อุ้ย ยคิดถึง หงคงฉ่วย ย จังง งอิอิ   อยากอ่านอีกคค๊าบ บ บบ  :กอด1: :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด