say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #เมื่อหินผาจรดสายน้ำ ด้วยนะคะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเมนต์ให้กำลังใจกันหน่อยก็ดีจ้า
อย่าเป็นนักอ่านเงาเลย คนแต่งหมดกำลังใจเนอะ ครั้งที่ | “6”❖ ❖ ❖ ต่อค่ะ 70% ❖ ❖ ❖
ภายในห้องสมุดที่เงียบเหงาเพราะเป็นวันหยุดยาวสามวันมีเพียงแค่คนไม่กี่คนที่เข้ามาใช้บริการ มีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานและเสียงกระดาษถูกพลิกเปิดไปมาแค่นั้น สายน้ำละสายตาจากหน้ากระดาษขึ้นมองบรรยากาศภายนอกหน้าต่าง ยกมือขึ้นเท้าคางแล้วถอนหายใจออกมา
วันหยุดยาวสามวันช่วงสุดสัปดาห์แบบนี้เพื่อน ๆ ในกลุ่มของเขาก็กลับบ้านกันหมด จะมีก็แค่เขาที่ไม่ได้ไปไหน ที่จริงแบงก์กับตั้มก็ชวนไปที่บ้านแต่เขาก็เกรงใจเลยปฏิเสธไป สุดท้ายเลยต้องมานั่งเหงา ๆ เซ็ง ๆ อยู่ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยคนเดียว เพราะไม่อยากอยู่ที่ห้อง
“อ้าว... สายน้ำนี่นา” เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงเรียกตัวเอง เจ้าตัวยกมือไหว้คนที่เดินเข้ามาหา
“พี่ทัช สวัสดีครับ”
“เอ่อ ๆ ทำไมมาอยู่นี่คนเดียวได้ล่ะ” ทัชถามพร้อมกับดึงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามออกแล้วนั่งลง
“พอดีเพื่อน ๆ กลับบ้านกันหมดน่ะครับ ผมอยู่ห้องคนเดียวเบื่อ ๆ ก็เลยออกมาหาหนังสืออ่านที่นี่ แล้วพี่ไม่กลับบ้านเหรอครับ หยุดยาวสามวัน” สายน้ำตอบคำถาม
“พี่ไป ๆ กลับ ๆ อยู่แล้ว นี่เอาหนังสือมาคืนเฉย ๆ แบบนี้ก็ว่างดิ ไปกินข้าวกันเปล่าพี่นัดไอ้หินไอ้เดียร์ แล้วก็พวกรุ่นพี่ที่จบไปแล้วด้วย” ทัชชวน
“ไม่เป็นอะไรพี่ พี่ตามสบายเลย” สายน้ำปฏิเสธ ถ้าหากมีแค่รุ่นพี่ปีสี่เขาอาจจะตกลงแต่เหมือนจะมีคนอื่น ๆ ด้วย กลัวว่าไปแล้วจะอึดอัดเสียเปล่า ๆ
“ไม่เป็นไร ไม่อึดอัดหรอกรับรองได้ ป่ะ ไปด้วยกันอยู่คนเดียวเหงาเปล่า ๆ ไป ๆ เก็บของ”
พอโดนคะยั้นคะยอมาก ๆ สายน้ำเลยพยักหน้าตกลง ทัชนั่งรออีกฝ่ายเอาหนังสือไปเก็บก่อนจะพากันเดินออกจากห้องสมุดไป ทัชเดินนำอีกฝ่ายไปที่รถของตัวเองก่อนจะขับออกจากมหาวิทยาลัย
“ว่าแต่ที่พี่บอกว่ามีรุ่นพี่ที่จบไปแล้วด้วยนี่คือใครบ้างเหรอครับ” สายน้ำถาม อย่างน้อยก็จะได้รู้ข้อมูลเอาไว้บ้าง
“อ่อ... เป็นพี่ที่คณะเรานี่แหละจบไปได้หลายปีแล้วแต่ว่าสนิทกันเพราะมีแฟนไอ้เดียร์ กับพี่ชายไอ้หินอยู่ในกลุ่ม” ทัชหันมาตอบ
“พี่ป่าไม้”
“อ้าว รู้จักด้วยเหรอ”
“หะ... อ่อ ไม่ใช่ครับ คือ... พี่หินผาเคยเล่าให้ฟังเรื่องพี่ชายน่ะครับ”
“อ่อ ๆ ก็นั่นแหละ มีพี่ป่าไม้ พี่กันต์คนนี้แฟนไอ้เดียร์ แล้วก็พี่ไข่เจียว กับพี่ดิว จริง ๆ จะมีพี่ผู้หญิงอีกสองคนแต่วันนี้ไม่ได้มา” ทัชตอบ
“แล้ว... เราจะไปที่ไหนกันเหรอครับ”
“อ่อ บ้านของพวกพี่เขานั่นแหละ” ตอบไปก็ขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอย สายน้ำกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แถมนี้มีแต่บ้านหลังใหญ่ ๆ เต็มไปหมด หลังจากขับรถผ่านบ้านหลังใหญ่มาได้ไม่นานก็เจอกับบ้านลักษณะทาวน์โฮมสามหลังติดกัน ซึ่งทั้งสามหลังนั้นอยู่ในรั้วเดียวกัน
ทัชขับรถเข้าไปด้านใน ด้านขวามีโรงจอดรถอยู่ซึ่งตอนนี้ก็มีรถจอดเรียงอยู่หลายคัน ทัชเองก็ขับรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถเหมือนกัน
“บ้านนี้พวกพี่ ๆ เขาออกแบบแล้วก็สร้างอยู่ด้วยกันน่ะ มันเลยแตกต่างจากหลังอื่น ๆ แถวนี้” ทัชอธิบายให้สายน้ำฟัง
“สวยดีนะครับ”
บ้านตรงหน้าเป็นทาวน์โฮมสองชั้นสามหลังติดกัน แต่ทั้งความสูงและขนาดใหญ่กว่าทาวน์โฮมของโครงการหมู่บ้านที่เปิดขาย เป็นสไตล์โมเดิร์นที่หน้าตาเหมือนกันหมดทุกหลัง
“มันเหมือนทาวน์โฮมแค่ข้างหน้านั่นแหละ แต่ข้างในฟังก์ชั่นคือบ้านหลังเดียวกันเลย ไม่มีผนังกั้นระหว่างหลัง”
จริงอย่างที่ทัชพูด เพราะพอเข้ามาในบ้านแล้วจากประตูทางเข้าของบ้านหลังกลางแล้ว ที่สิ่งเจอตรงหน้าคือโถงโล่ง ๆ ที่ผนังสองข้างมีตู้ที่เอาไว้สำหรับเก็บรองเท้า เก็บของ พื้นปูด้วยหินอ่อน ตำแหน่งที่ควรเป็นผนังกั้นระหว่างอาคารก็ไม่มี
เสียงดังเฮฮาดังมาให้ได้ยินก่อนที่พวกเขาจะเดินไปถึงห้องนั่งเล่นเสียอีก สายน้ำหันไปมองคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ กัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำเพียงแค่ไหวไหล่เท่านั้นเหมือนกับจะบอกว่าเป็นเรื่องปกติ ธรรมดาที่เกิดขึ้น แต่พอทัชเลื่อนประตูให้เปิดออกเสียงพูดคุยที่ดังอยู่ก็เงียบไป ทุกคนในห้องหันมาให้ความสนใจกับผู้มาใหม่ทันที
ในจำนวนคนทั้งหมดหกคนที่อยู่ในนั้น มีแค่สามคนที่สายน้ำคุ้นหน้าคุ้นตา แต่คนอื่น ๆ นั้นสายน้ำไม่รู้จัก แต่ดูแล้วน่าจะเป็นรุ่นพี่ที่จบไปกันแล้ว
“อ้าวไอ้ทัช พาใครมาด้วยวะ” เสียงทักถามดังขึ้นทันทีที่ทัชกับสายน้ำเดินเข้าไป
“รุ่นน้องที่คณะ เดี๋ยวผมแนะนำก่อน นี่สายน้ำเดือนมหาวิทยาลัยคนล่าสุดด้วยคร้าบ” ทัชแนะนำสายน้ำกับคนอื่น ๆ “ส่วนนี้พี่กันต์ เป็นแฟนกับเดียร์มัน แล้วก็นี่ พี่ไข่เจียว พี่ป่าไม้แล้วก็พี่ดิว”
“สวัสดีครับ” สายน้ำยกมือไหว้สวัสดีทุกคนที่นั่งอยู่
“ถ้าเคยได้ยินสาว ๆ พูดเรื่องเหนือเดือน เหนืออะไรคือนี่เลย พี่กันต์เขานี่แหละคือเหนือเดือน ส่วนพี่ดิวคือเดือนคณะตอนที่พี่เขาอยู่ปีหนึ่ง”
“ไง ยินดีที่ได้รู้จักนะ” พวกพี่ ๆ ทักทายอย่างเป็นกันเอง
“พอดีผมเจอน้องมันอยู่คนเดียวเลยพามาด้วย คงไม่ว่ากันนะ”
“ไม่หรอก คนเยอะ ๆ กินข้าวด้วยกันสนุกดี” ไข่เจียวพูด เดินเข้ามากอดคอของสายน้ำเหมือนกับสนิทสนมกันมานานแล้วพาไปนั่งร่วมวงสนทนาด้วย
สายน้ำนั่งลงข้างหินผาที่เจ้าตัวขยับที่ให้แล้วเอ่ยเรียกเขาไป สายน้ำนั่งฟังรุ่นพี่คุยกันอย่างสนุกสนาน เพราะทุกคนเป็นกันเองมากเขาจึงไม่รู้สึกอึดอัดอะไร ใช้เวลาไม่นานก็สนิทกับทุก ๆ คนได้ เวลาผ่านไปสักพักกันต์กับเดียร์ก็บอกจะไปทำมื้อกลางวันให้ก่อนจะพากันเดินหายไป แต่ละคนก็ขยับย้ายตัวเอง ไปนั่งดูโทรทัศน์บ้าง นั่งเล่นเกมบ้าง นั่งคุยกันบ้าง
“สายน้ำชอบอ่านหนังสือไหม” ป่าไม้หันมาถามรุ่นน้องที่อายุห่างกันหลายปีอย่างกลัวว่าน้องจะเหงาเพราะหินผาลุกเดินไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก
“ครับ ก็ชอบครับ”
“อย่างนั้นไปห้องหนังสือกับพี่ไหม” พออีกฝ่ายชวน สายน้ำก็ยิ้มแล้วพยักหน้ารับทันที เจ้าตัวลุกเดินตามป่าไม้ออกจากห้องนั่งเล่นไป เดินย้อนไปตรงประตูบ้านก่อนจะเดินเลยไปอีกฝั่งซึ่งป่าไม้ก็เล่าให้ฟังว่าทางนี้จะเป็นส่วนของห้องทำงานแล้วก็ห้องหนังสือ
เวลาเดินเข้ามาในบ้าน เจอโถงตรงกลางหากเดินไปทางซ้ายก็จะเป็นในส่วนของห้องนั่งเล่นที่ทัชพาสายน้ำไป ต่อด้วยห้องกินข้าวแล้วก็ห้องครัว ส่วนทางขวาจะเป็นห้องทำงานกับห้องหนังสือตามที่ป่าไม้บอก และชั้นสองจะเป็นในส่วนของห้องนอน
สายน้ำเดินตามป่าไม้เข้าไปในห้องหนังสือ เจ้าตัวมองไปรอบ ๆ ห้องด้วยความสนใจ หนังสือภายในห้องนี้เยอะมากจริง ๆ ผนังสองด้านเป็นตู้หนังสือแบบบิวท์อินสูงจนถึงฝ้าเพดาน มีบันไดที่ติดล้อเลื่อนเอาไว้ปีนขึ้นไปหยิบหนังสือ ฝังอีกฝั่งก็มีตู้หนังสือแต่เป็นตู้แบบเตี้ย ๆ ตรงกลางห้องมีโต๊ะทำงานตั้งอยู่สองตัว แล้วก็มีบีนแบ็กวางเอาไว้ตามหน้าตู้หนังสือ
“สองฝั่งนี้มีหนังสือแทบทุกแนว ทั้งสถาปัตย์ บ้าน สวน พวกหนังสือวิชาการก็มี จิตวิทยาก็มี ประวัติศาสตร์ ส่วนฝั่งตู้เล็ก... เป็นพวกหนังสือนิยายของสองสาวเขา ทั้งนิยายรักโรแมนติก สืบสวนสอบสวน อะไรนักก็ไม่รู้ พี่ก็ไม่แน่ใจ ถ้าชอบก็ลองดูนะ ตามสบายเลย” ป่าไม้หันมาบอกกับรุ่นน้อง
“ขอบคุณนะครับ” เจ้าตัวยิ้มกลับไปให้ก่อนจะเดินดูหนังสือไปเรื่อย ๆ เพราะหนังสือมันเยอะมากจนไม่รู้จะอ่านเล่มไหนดี สายน้ำจึงสุ่มเลือกออกมาหนึ่งเล่ม หันไปมองคนที่พาเขามากำลังยืนดูหนังสืออยู่อีกด้านก็ไม่กล้าส่งเสียงรบกวน
สายน้ำจึงทิ้งตัวลงนั่งบนบีนแบ็กหน้าตู้หนังสือเปิดหนังสืออ่านไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อรับรู้ถึงสายตาที่มองมาที่เขา
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” สายน้ำถามพร้อมกับยิ้มให้ป่าไม้
“เราน่ะ...” คนตรงหน้าทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนจะถามออกมา “เรากับพี่รู้จักกันมาก่อนใช่ไหม เราคือสายน้ำลูกของอาจารย์ไพศาลใช่ไหม”
“ค ครับ...?”
“เราคือน้องน้ำลูกอาจารย์ไพศาลที่พี่กับไอ้หินเคยไปเรียนรำเรียนดนตรีไทยที่บ้านใช่ไหม พี่ว่าพี่จำไม่ผิดนะ” ป่าไม้พูดพลางขมวดคิ้วมองสำรวจใบหน้าของคนตรงหน้าไปด้วย
สายน้ำถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มกว้างอย่างดีใจ “ครับ น้องน้ำเอง พี่จำผมได้ด้วยดีจัง”
“ใช่จริงด้วย!” ป่าไม้ตีมือตีขาอย่างถูกใจ “พี่ก็ไม่แน่ใจหรอกเราเปลี่ยนไปเยอะผิดกับตอนเด็กเลย แต่พอเห็นเรายิ้มแล้วก็รู้สึกคุ้น ๆ ท่าทางก็ดูคุ้น พอเราบอกว่าเพิ่งย้ายกลับมาจากต่างประเทศพี่ก็คิดว่าไม่น่าใช่ แต่มันคุ้นมาก ๆ เลยลองถามดูนี่แหละ ไอ้หินมันจำเราไม่ได้เหรอ”
“ครับ พี่หินผาจำผมไม่ได้” สายน้ำพูดพร้อมกับหัวเราะ ริมฝีปากยกเป็นรอยยิ้ม “แต่ผมก็ไม่แปลกใจหรอกครับ ก็ผมเปลี่ยนไปมากขนาดนี้นี่ครับ ใช่ไหม”
ป่าไม้พยักหน้ารับ “จริง เราเปลี่ยนไปเยอะมาก ตอนเด็ก ๆ ตัวเล็กนิดเดียวแถมหน้าตาก็น่ารัก แก้มแดงปากแดงอย่างกับเด็กผู้หญิง พี่จำได้... เรายังเคยโดนพวกเด็กผู้ชายแกล้งหยอกอยู่เลยเพราะคิดว่าเราเป็นเด็กผู้หญิง”
“ใช่ครับ เพราะแบบนั้นละมั้งครับพี่หินผาเลยจำผมไม่ได้”
“แต่เราก็จำหินผาได้นี่...” ป่าไม้เลิกคิ้วมองพร้อมกับยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่ทำเอาสายน้ำชะงักไปต่อไม่ถูก ท่าทางของคนอายุมากกว่าเหมือนจะรู้อะไรดี ๆ อย่างนั้น “ไอ้หินนี่ก็น่าอิจฉาไม่ใช่เล่น”
“...” สายน้ำไม่ได้พูดอะไร เพราะไม่แน่ใจว่าป่าไม้ต้องการอะไรกันแน่
“ตอนเด็ก ๆ มันก็มีเด็กน่ารักตามติดไม่ยอมห่าง โตมาก็ยังมีเด็กบางคนมาหลงรักอีก” ป่าไม้พูดก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของสายน้ำ ขยับมานั่งใกล้ ๆ แล้วยกมือกอดไหล่สายน้ำเอาไว้แล้วโยกตัวไปมาเหมือนหยอกเด็กตัวเล็ก ๆ “ตอนเด็ก ๆ เราน่ะอ่านง่ายจะตาย ไม่คิดว่าโตมาถึงตอนนี้ก็ยังอ่านง่าย แค่เห็นสายตาที่เรามองไอ้หินพี่ก็รู้แล้ว”
“พี่ป่าไม้...”
“ไม่ต้องกลัวหรอก พี่ไม่ได้ว่าอะไร พี่ไม่ห้ามหรอกถ้าชอบมันจริง ๆ ก็ลุยเลย” ป่าไม้หัวเราะชอบใจที่ทำให้สายน้ำหน้าแดงได้
“เลิกแกล้งผมเถอะครับ แล้วก็... อย่าบอกพี่หินผานะ”
“ไม่บอกหรอก รับรองได้ แบบนี้สนุกกว่ากันเยอะเลย อยากจะเห็นหน้ามันตอนรู้ว่าเราเป็นใครจริง ๆ คงจะตลกน่าดูเลย” ป่าไม้ว่า “ว่าแต่ว่าช่วงที่ย้ายบ้านไปตอนนั้นเป็นยังไงบ้างคุณน้ากับอาจารย์สบายดีใช่ไหม”
“ก็... ดีครับ ผมย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ตอนขึ้น ม.ต้น พอดี แต่พอ ม.ปลายผมก็ย้ายไปอยู่อเมริกากับแม่แล้วก็พ่อเลี้ยงน่ะครับ” สายน้ำเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังก่อนจะอธิบายเพิ่มเมื่อเห็นสีหน้าตกใจและลังเลใจของป่าไม้ “ผมเล่าได้ครับ ไม่ได้อะไรแล้ว ตอนช่วง ม.สอง ได้มั้งครับที่พ่อกับแม่แยกทางกัน แล้วผมก็ย้ายไปกับแม่ แต่กับพ่อผมก็ติดต่อตลอด บางทีช่วงปิดเทอมที่นู้นผมก็กลับมาหาพ่อที่นี่”
“อ่อ... แล้วนี่เราย้ายมานี่คุณน้ามาด้วยไหม”
“เปล่าครับ ผมย้ายมาคนเดียว ก็ได้พ่อช่วยหาที่อยู่ให้ ช่วยจัดการเรื่องเรียนให้น่ะครับ”
“แล้ว... พี่ถามได้ใช่ไหม ทำไมถึงย้ายมาล่ะ เรามี... ปัญหากับ...”
สายน้ำส่ายหน้า “ไม่มีครับ ผม แม่แล้วก็แด๊ดรักกันดี แฮปปี้มาก ๆ ครับ แต่ที่ผมย้ายมาก็เพราะ...”
“ไอ้หิน”
“ครับ เพราะพี่หินผา ผมแค่อยากเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ พี่เขา แม้จะในฐานะรุ่นน้องก็ตามที อย่างนั้นก็ขออีกสักครั้งในชีวิตที่ผมได้เห็นเขาใกล้ ๆ น่ะครับ”
ป่าไม้ยกมือขึ้นยีผมน้องอย่างเอ็นดู “พี่ชักจะอิจฉามันแล้วนะเนี่ยที่มีคนรักมันมากขนาดนี้ ให้พี่ช่วยไหม ถ้าเป็นเราพี่ไม่มีปัญหา และก็เชื่อว่าพ่อกับแม่ไม่ขัดข้องด้วย บางครั้งแม่พี่ยังพูดถึงเรา ถึงคุณน้ากับอาจารย์อยู่เลย”
“ผมก็คิดถึงน้าเดือนกับลุงพันธ์” สายน้ำตาเป็นประกาศเมื่อนึกถึงผู้ใหญ่ทั้งสองคน
“เอาไว้ว่าง ๆ ไปเที่ยวบ้านพี่ พ่อกับแม่คงดีใจ”
“ครับ” สายน้ำรีบพยักหน้ารับทันที “ดีใจจัง ได้เจอพี่ป่าไม้ ได้คุยแบบนี้”
“เอาเบอร์กับไลน์มา จะได้แอดกันไว้เอาไว้คุยกัน”
สายน้ำรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที พวกเขาแลกเบอร์แลกไลน์กัน กลายเป็นว่าตอนนี้ไม่มีใครนั่งอ่านหนังสือแล้วเพราะเอาแต่คุยเรื่องในอดีต เหมือนกับเพื่อนเก่าที่ไม่เจอกันนานเลยมีเรื่องอยากคุยอยากเล่าเต็มไปหมด
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกสายตาของทั้งสองคนให้หันไปมองก่อนจะเห็นหินผายืนอยู่ตรงประตูห้อง “คุยกันสนุกเลย เปิดประตูเข้ามายังไม่มีใครรู้เลย”
“อ้าวเหรอ คุยเพลินไปหน่อย” ป่าไม้ตอบน้องชายตัวเอง “ว่าแต่มีอะไร”
“จะมาตามไปกินข้าว”
“โอเค อย่างนั้นไปกันเถอะ ป่ะน้ำไปกินข้าวกัน” ป่าไม้ดันตัวเองลุกขึ้นยืนก่อนจะหันมายื่นมือให้สายน้ำจับเป็นหลักยึด
สายน้ำเดินตามหินผากับป่าไม้กลับไปทางเดิม โต๊ะอาหารตัวยาวเต็มไปด้วยอาหารหน้าตาน่าทานวางเต็มโต๊ะทุกคนจับจองที่นั่งเรียบร้อย เหลือที่นั่งที่เว้นว่างไว้สามที่เรียงต่อกันพอดี หินผากับป่าไม้เลือกเก้าอี้ตัวซ้ายขวาคนละตัว สายน้ำเลยต้องนั่งลงตรงกลางระหว่างทั้งสองคน
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารนั้นเป็นกันเองมากจนสายน้ำลดความเกร็งไปได้ทั้งหมด มีแต่นั่งขำจนปวดท้องกับบรรดาสถาปนิกรุ่นพี่ที่แม้จะอายุมากกว่าหลายปีแต่ก็ยังทำตัวเหมือนเป็นเด็ก ๆ นั่งมองไปก็ตลกไป
“มาอยู่กับพวกพี่ก็เหนื่อยหน่อยนะสายน้ำ” เดียร์ชะโงกหน้ามาพูดกับสายน้ำ “เจอแต่คนบ้าน้อยกับคนบ้ามากน่ะ”
สายน้ำหลุดขำตอนได้ยินเดียร์พูดแบบนั้นก่อนจะพยักหน้ารับ “พวกพี่ตลกดีครับ”
“แล้วก็อย่าเอาแต่นั่งขำ กินข้าวด้วยสิเราน่ะ” หินผาที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายของสายน้ำพูดก่อนจะตักทอดมันกุ้งใส่จานของสายน้ำให้ เห็นเจ้าตัวเอาแต่นั่งหัวเราะพี่ ๆ ไม่ตักอะไรเข้าปากสักที
“ขอบคุณนะครับ” สายน้ำหันมายิ้มให้ก่อนจะตักทอดมันในจานขึ้นมากินพลางอมยิ้มจนแก้มแทบจะปริ
หลังจากกินของคาวกันเสร็จกันต์กับเดียร์ก็ลุกไปหยิบของหวานมาเสิร์ฟ สายน้ำมองขนมในแก้วน้ำด้วยความสนใจ เขามั่นใจว่าเขาเคยกินขนมชนิดนี้แต่ที่เห็นตอนนี้มันแตกต่างจากที่เขาเคยกินมาก่อน
“รู้จักไหมเรา” หินผาถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องขนมหวานไม่วางตา
“น่าจะรู้จักนะครับ” สายน้ำตอบพลางใช้ช้อนตักดู “เขาเรียกว่า... ทับทิมกรอบ... ใช่ไหมครับ”
“ใช่แล้วล่ะ”
“ผมเคยกินตอนเด็ก ๆ แต่... มันไม่ใช่สีนี้นี่นา” สายน้ำเงยหน้าขึ้นมอง
“ปกติคนทำเขามักจะทำเป็นสีแดง สีของทับทิมน่ะ” กันต์เป็นคนตอบคำถามของสายน้ำ “แต่พี่ใช้เป็นสีฟ้าจากสีดอกอัญชันแทน อันนี้เลยเรียกว่าทับทิมกรอบอัญชันมะพร้าวอ่อน”
“อ่อ ครับ ทำสีนี้ก็สวยดีนะครับสีเหมือนน้ำทะเลเลย”
ทับทิมกรอบอัญชันมะพร้าวอ่อนหอมอร่อยถูกปากของสายน้ำมากจนเจ้าตัวขอเติมอีกตอนที่กันต์ถามว่ามีใครอยากจะได้เพิ่มบ้าง ตอนนี้เลยต้องมานั่งย่อยเพราะเขากินไปเยอะมากทั้งของคาวของหวาน
“แล้วสายน้ำกลับยังไง ไอ้ทัชไปส่งเหรอ” เดียร์หันมาถามรุ่นน้องปีหนึ่งคนเดียวในห้องตอนนี้
“เอ่อ... เดี๋ยวกูไปส่งเอง”
“ไม่เป็นไร” ไม่ใช่สายน้ำที่เป็นคนพูดแต่เป็นหินผา “เดี๋ยวกูไปส่งเองเพราะยังไงกูก็ต้องกลับหออยู่แล้ว มึงจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอ จะได้ไม่ต้องวนไปวนมา”
“เอาอย่างนั้นเหรอ” ทัชเลิกคิ้วถาม
“อือ ตามนั้นแหละ เราไม่มีปัญหาใช่ไหม” หันมาถามสายน้ำ
“ครับ ผมไม่มีปัญหาอะไรครับ กลับกับพี่ได้”
“อย่างนั้นก็ตกลงตามนี้แหละ กูไปส่งน้องเอง” หินผาหันไปสรุปกับเพื่อน ซึ่งทัชก็ไม่ได้ขัดอะไร พยักหน้าตกลงตามนั้น
❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖
คืออยากจะบอกว่าตอนที่แต่งฉากในวันนี้
แต่งไปก็ขำไป พี่ป่าไม้เพิ่งออกฉากนี้ฉากแรก
แต่บทเยอะกว่าพี่หินผาออกรวมกันตั้งแต่บทแรกเสียอีก
โอ๊ย สงสารพี่หินผา แต่ก็ขำมากค่ะ
ก็เฉลยไปหลายเรื่องแล้วเนอะ น้องน้ำกับพี่ ๆ เขารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วจ้า
แต่ว่าตอนเด็กน้องน่ารักเหมือนผู้หญิง
โตมาหล่อขนาดนี้ พี่หินผาเลยจำไม่ได้ แต่เดี๋ยวจะมีความคิดทางฝั่งพี่ให้ได้อ่านกันจ้า
ยังไงก็เอาใจช่วยน้องสายน้ำด้วยนะคะ
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่า
#เมื่อหินผาจรดสายน้ำ