04
เหมือนดวงอาทิตย์ในวันที่ฝนตกเลย
ท้องฟ้ามืดครึ้ม แต่คุณยังสว่าง โดดเด่น และสดใส
“คืนนี้ห้ามไปผับหรือร้านเหล้าที่ไหนอีกนะพี่ปัน
“เออหน่า พี่ทำใจได้แล้ว”
“ไม่น่าเชื่อเท่าไหร่เลย”
หม่อมหลวงจิรายู่ปากใส่พี่รหัสที่ทำตัวไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่ คนเพิ่งอกหักจิตใจยังบอบช้ำ ถึงพี่ปันจะยืนยันนักหนาว่าตัวเองโอเคดีทุกอย่าง แต่เอ็นดูก็ไม่อยากปักใจเชื่อ
“เห็นมั้ย สีผมก็เปลี่ยนแล้ว”
“เกี่ยวอะไรกันล่ะพี่ปัน”
“เกี่ยว ก็หมายถึงตัดใจได้แล้ว เปลี่ยนสีผม เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่”
“สาธุเลย จะได้ไม่ต้องไปหิ้วพี่ปันกลับบ้านอีก”
“แหะ ก็ไม่อยากให้น้องมาลำบากเพราะพี่แล้วนี่หว่า”
เอ็นดูเดินอยู่ในตึกรวมของมหา’ลัย ตั้งแต่สอบวิชาแรกยันวิชาสุดท้ายเสร็จแล้วก็อยู่แต่วนนี้ไม่ได้ไปไหน ฝนตกหนักทำให้ร้านกาแฟในตึกเรียนรวมเต็มไปด้วยนักศึกษา รวมถึงบริเวณรอบๆ ด้วยเช่นกัน
เอ็นดูชะเง้อคอมองรถที่จอดอยู่หน้าตึกแล้วก้มมองนาฬิกาข้อมือ ไม่รู้ว่าคนที่บอกจะมารับอยู่ไหน เบอร์โทรหรือช่องทางติดต่อกันก็ไม่มี
ไม่ได้รอเขานะ แต่เขาบอกเองนี่นาว่าจะมารับ
แต่ถ้าเขาไม่มารับ...ก็คงจะแย่หน่อยๆ : (
ปกติเอ็นดูขับรถมาเรียนเอง ฝนตกหนักแค่ไหนถ้าได้นั่งอยู่ในรถของตัวเองก็ยังพออุ่นใจ เอ็นดูไม่ชอบอยู่ในมหา’ลัยนานๆ ถ้าไม่มีอะไรจำเป็น
แต่ตอนนี้รถของตัวเองจอดอยู่ที่คอนโด เพราะเมื่อเช้ามีคนมาส่งถึงที่ แถมยังบอกว่าจะมารับกลับคอนโดอีกด้วย
เอ็นดูยืนรอจุดเดิม คือหน้าตึกเรียนรวม เมื่อเช้าทรงโปรดบอกให้มารอตรงนี้เพื่อจะได้หาตัวกันง่ายๆ หน่อย
“แล้วเรายังไม่กลับบ้านอีกเหรอ”
“เอ็นรอรถครับพี่ปัน”
“รอรถ? วันนี้ไม่ได้ขับรถมาเองว่างั้น”
เอ็นดูฉีกยิ้ม หันไปพยักหน้าหงึกๆ ให้พี่รหัสที่ยืนอยู่ข้างๆ
“แล้วนี่ใครจะมารับ คนในวังป่ะ”
“ลูกชายของเพื่อนคุณแม่--”
ยังไม่ทันจบประโยค ร่างสูงดูเด่นกว่าใครก็เดินกางร่มสาวเท้าตรงมาทางที่คนผิวขาวยืนอยู่ และในตอนนั้นเองที่มุมปากเอิบอิ่มเผลอกระตุกยิ้ม...
จู่ๆ ก็ดีใจที่เขาไม่เบี้ยวนัด
เอ็นดูสะกิดแขนพี่ปันเบาๆ ก่อนที่ตัวเองจะยกมือสวัสดีคนแก่กว่า ส่วนพี่ปันถึงจะทำหน้างงๆ แต่สุดท้ายก็ยกมือไหว้ตามรุ่นน้อง
เอ็นดูไม่ค่อยชอบใบหน้านิ่งเรียบของคุณชายทรงโปรดเท่าไหร่ เหมือนกับใบหน้านั้นได้หมายหัวเขาไว้ตลอดว่าตัวมีความผิดใหญ่หลวงติดตัว
“กลับเลยมั้ย”
หลังจากที่ทรงโปรดรับไหว้เด็กทั้งสอง เขาก็เอื้อมมือดึงคนผิวขาวให้มายืนอยู่ใกล้ๆ
ตาคมมองรุ่นพี่ขี้เมาของเอ็นดูที่เจอในผับ สภาพในตอนนั้นกับตอนนี้เหมือนเป็นคนละคน
ตอนนี้ดูเป็นผู้เป็นคนกว่าเยอะ
“คุณ ปล่อย”
เอ็นดูกัดฟันร้องเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน ดิ้นขลุกขลักเมื่อจู่ๆ ทรงโปรดก็โอบไหล่กลมแนบกาย เอ็นดูแทบจมไปกับอกเมื่อทรงโปรดกระชับแขนแน่นกว่าเดิม
“อยู่นิ่งๆ ร่มมันคันเล็ก”
“คุณจอดรถไว้ตรงไหน เดี๋ยวผมเดินไปเอง”
“เดินไปเองก็เปียก”
“ไม่เป็นไรครับ”
“เป็น เดี๋ยวไม่สบาย”
เอ็นดูเม้มปากเลิกพูดเพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไร คนตัวเล็กเลยปล่อยให้เขาโอบ ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในอ้อมกอดภายใต้ร่มคันนี้ เอ็นดูก้มหน้าก้าวเท้าระมัดระวัง กลัวว่าน้ำจะกระเด็นเปื้อนกางเกงของทรงโปรด
กลิ่นชื้นของฝนโชยแตะจมูกจนเอ็นดูทำจมูกฟึดฟัด แต่เชื่อเถอะว่ากลิ่นหอมๆ ของเอ็นดูดึงดูดความสนใจทรงโปรดมากกว่าอีก
ทรงโปรดไม่ใช่คนที่ชอบเสียสละอะไรเพื่อคนอื่นมากมาย เขาเป็นนักธุรกิจ ชอบได้กับได้มากกว่าเสีย แต่ตอนนี้เขากำลังสละแขนและมือเพื่อโอบไหล่ของน้องเพื่อไม่ให้เอ็นดูเปียกฝน เอียงร่มไปทางน้องเยอะกว่าจนซีกขวาของเขาชุ่มน้ำไปหมด
กระทั่งฝ่าฝนมาถึงเบนซ์สีดำ ทรงโปรดเปิดประตูข้างคนขับแล้วให้น้องแทรกตัวขึ้นรถก่อน เขาวางมือหนาไว้บนศีรษะกลม กันเอาไว้ไม่ให้หัวไปกระแทกกับกรอบประตูจนเอ็นดูเข้านั่งอย่างปลอดภัยถึงได้ผละออก
แล้วก็เป็นทรงโปรดบ้างที่ก้าวเท้ายาวๆ เพื่ออ้อมไปนั่งประจำที่คนขับ
“คุณ”
สตาร์ทรถเรียบร้อย เตรียมจะเข้าเกียร์แล้วเหยียบคันเร่ง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงนิ่มๆ หวานๆ ดังขึ้น
“เสื้อคุณเปียกเหรอครับ”
ทรงโปรดมองใบหน้าหวานที่กำลังชะเง้อมองแขนข้างซ้ายของเขา ทรงโปรดหันมองเช่นกัน ก่อนจะเห็นว่ามันเปียกชุ่มจนน้ำหยดแหมะลงพื้น
“หันมาหน่อยครับ เดี๋ยวผมเช็ดให้”
มือขาวกำผ้าเช็ดหน้าสีครีมไว้ในมือ เอ็นดูช้อนตามองเขา กะพริบตาเมื่อเห็นว่าทรงโปรดกระตุกยิ้มก่อนจะหันหน้าเข้าหาเอ็นดู ทรงโปรดยื่นแขนข้างที่เปียกให้ แล้วมองใบหน้าหวานที่ก้มเงยๆ อยู่แถวๆ อกของเขา
น่ารักว่ะ
ทรงโปรดไม่รู้ว่าไอ้ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้จะทำให้เสื้อของเขาหายเปียกได้ยังไง แต่ก็ยอมนั่งนิ่งให้เอ็นดูเช็ดๆ ถูๆ บิดน้ำออกจากเสื้อต่อไป
“มันเปรอะคราบสีดำน่ะครับ ไม่รู้ว่าไม่โดนอะไรมา”
“สงสัยเป็นฝุ่น พอเสื้อเปียกน้ำเลยดูสกปรกกว่าเดิม”
“อ่า...ขอโทษนะครับ”
“ขอโทษอะไร”
แม้จะก้มหน้าหลบสายตา แต่ทรงโปรดเห็นว่าน้องกำลังกัดริมฝีปากตัวเองอยู่ สองมือน้อยๆ ที่จับต้นแขนข้างซ้ายของเขาสั่นประหม่า
“ไหน เงยหน้าสิ...บอกหน่อยว่าขอโทษอะไร”
ประคองแก้มด้วยมือหนา เชยขึ้นให้น้องสบกับตาคมของเขา ทรงโปรดยกยิ้มเมื่อเห็นปากจิ้มลิ้มสีแดงบวมหน่อยๆ คงกัดปากจนเกือบช้ำไปแล้ว
แก้มกับจมูกก็แดงระเรื่อ น่ารัก น่ากัดไปหมด
“ขอโทษที่ทำให้คุณเปียก เสื้อก็เปื้อนด้วย”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก”
“ทำไมครับ”
“ไม่อยากให้เปียกฝนไง เลยเต็มใจเปียกแทน”
ลูกตาสีน้ำตาลเข้มเลิ่กลั่กก่อนจะหยุดโฟกัสที่จุดๆ หนึ่งซึ่งไม่ใช่ใบหน้าเขา ทรงโปรดหัวเราะในใจเมื่อเห็นว่าแก้มน้องแดงกว่าเดิม มือเล็กเริ่มขยับยุกยิกบนท่อนแขนขวา เอ็นดูกำลังเช็ดเสื้อให้เขาอีกแล้ว
จะทำยังไงกับเด็กน่ารักคนนี้ดีวะ
ถ้าเป็นคนอื่นเมื่อถูกใจเขาคงเปิดโรงแรมแล้วพาขึ้นเตียง จบด้วยการดึงถุงยางอนามัยออกแล้วก็หายไปจากชีวิตเพราะรู้ว่ามันไม่ใช่ แต่กับเอ็นดูนั้นแตกต่าง เขาไม่มีความคิดที่จะเริ่มทุกอย่างเร็วด้วยการพาน้องขึ้นเตียงแล้วจบลงเหมือนคนอื่นๆ ที่ผ่านมา แต่ทรงโปรดรู้สึกอยากแกล้งไปเรื่อยๆ จนแก้มกลมแดงระเรื่อหลายๆ ครั้ง
“คุณเต็มใจเปียกฝนแทนคนอื่นแบบนี้บ่อยใช่มั้ยครับ”
“กับเราคนเดียว”
มือเล็กที่กำลังเช็ดแขนเสื้อชะงัก จากที่ทำตาเลิ่กลั่กก็เปลี่ยนเป็นจ้องตาคมจนระริกสั่นไหว ทรงโปรดคลี่ยิ้ม ผละมือที่ประคองกรอบหน้าหวานออก เลื่อนไปรวบเอวของคนน่ารักแทน ออกแรงรั้งให้น้องขยับเข้าใกล้ ทรงโปรดโน้มใบหน้าลงแล้ววางลงบนไหล่แคบๆ หันหน้าเข้าหาลำคอขาวที่เป็นจุดรวมของกลิ่นหอม
ได้กลิ่นแล้วชื่นใจ หายเหนื่อย
เขารู้วางน้องพยายามดันตัวออก เพราะมือเล็กเลื่อนมาทาบบนอกแล้วดันเบาๆ แต่เขาน่ะดื้อ ต่อให้เอ็นดูผลักจนสุดแรงยังไงทรงโปรดก็ไม่ยอมผละตัวออกไปหรอก
“แล้วเราล่ะ สละผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดแขนเสื้อให้คนอื่นแบบนี้บ่อยใช่มั้ย”
ทรงโปรดใช้ปลายจมูกสูดกลิ่นหอมๆ จากลำคอขาวเข้าปอด เขาเห็นว่าคอขาวๆ นี้มีขนอ่อนสีทองที่ไหวลู่ไปตามแรงหายใจของเขาด้วย
โคตรเซ็กซี่เลยว่ามั้ย
“ดูช่ำชองดี”
“คุณคือคนแรกครับ”
“...”
“เพราะไม่มีใครกางร่มให้ผมแบบนี้”
น้ำเสียงนิ่มๆ นุ่มๆ หวานหยดย้อย กับคำตอบที่ทำให้ทรงโปรดยิ้มออกมา
“ไม่มีใครยอมเปียกฝนเพื่อผมเหมือนคุณหรอกครับ”
เปลี่ยนใจไม่แกล้งไปเรื่อยๆ แล้วได้มั้ยวะ
แต่ขออุ้มขึ้นเตียงแล้วฟัดให้จมเขี้ยวไปเลย*****
หม่อมหลวงจิราทำหน้ามุ่ยยืนมองท้องฟ้าที่เทฝนลงมาจนน้ำท่วมกรุงเทพฯ เป็นเหตุผลให้หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องหลังจากที่หาสร้อยข้อมือเส้นสำคัญให้จนเจอ
แล้วจะทำยังไงได้ ในเมื่อเขายืนยันว่ายังไงคืนนี้ก็ต้องค้างที่นี่เหมือนเดิม
“น้ำท่วม รถมันลุยน้ำไม่ได้ เดี๋ยวเข้าท่อแล้วดับกลางทางจะทำยังไง”
น้ำท่วมระดับเข่าของเอ็นดู แล้วท่อรถเบนซ์คันหรูของทรงโปรดก็ต่ำกว่าเข่าไปอีก มิดช่วงล่างจริงๆ นั่นแหละ
จะแนะให้เขายืมรถของตัวเองไปขับก่อนก็ใช่เรื่อง รถของเอ็นดูเป็นของ Lexus NX300h มันสูงว่าเบนซ์คันหรู และมั่นใจว่าสามารถขับลุยน้ำได้ เอ็นดูได้มาจากวังในวันคล้ายวันเกิดครบรอบยี่สิบปี...ก็เมื่อสองปีที่ผ่านมานี่เอง
ไม่รู้ว่าทรงโปรดขับรถของคนอื่นได้หรือเปล่า แต่เอาเถอะ อย่าไปหาเรื่องไล่เขากลับบ้านเลย
เดี๋ยวโดนงอนอีก : (
ตอนที่ทรงโปรดก้มๆ เงยๆ หยิบสร้อยข้อมือออกจากใต้โซฟาในห้องแต่งตัวได้แล้ว เขาก็รีบเดินมาบอกข่าวดีกับเอ็นดู แต่เจ้าของห้องดันใจร้าย แค่ขอบคุณแล้วบอกให้เขากลับบ้านเดี๋ยวนั้น
เอ็นดูรู้ว่าตัวเองผิดที่ไล่แขก คุณชายทรงโปรดมีน้ำใจมาช่วยหาของก็สมควรต้องเลี้ยงน้ำเลี้ยงข้าวเขาสักหน่อย
คนตัวใหญ่ทำหน้าเซ็งแล้วเงียบไป บอกให้ไปล้างมือทรงโปรดก็นั่งนิ่งๆ อยู่บนโซฟาในห้องรับแขกจนเอ็นดูอ่อนใจ ต้องหยิบทิชชูเปียกกับเจลล้างมือแล้วเดินไปหาเขาเอง
‘นี่คุณ ยื่นมือมาหน่อยครับ’
‘...’ตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบสอง ก็มีแต่คุณแม่ที่งอนเพราะเอ็นดูดื้อ นอกจากนั้นก็ไม่มีใครมางอนเขาอีกเลย นอกจากทรงโปรด ผู้ชายตัวโตๆ คนนี้
‘มือคุณสกปรก เดี๋ยวผมเช็ดให้’เอ็นดูหย่อนสะโพกนั่งข้างๆ ร่างสูง เม้มปากเล็กน้อยเพราะเขาไม่ยอมยื่นมือที่กอดอกให้สักที
หวงนักหรือไงก็ไม่รู้
‘คุณ--’
‘เดี๋ยวเช็ดเอง’ทรงโปรดเอื้อมมือจะหยิบทิชชูเปียกไปเช็ดเอง แต่เอ็นดูซ่อนมันไว้ข้างหลัง ยู่ปากมองค้อนคนตัวสูง
‘คุณงอนผม’‘ไม่ได้งอน’
‘นี่ไง คุณ...งอน’
‘มันน่ามั้ยล่ะ ฝนตกแบบนี้ยังมาไล่กลับบ้าน’
‘ขอโทษครับ ผมไม่ไล่แล้ว ตามสบายเลยแล้วกัน”ทรงโปรดผ่อนคลายใบหน้าตึงๆ กว่าเดิม
‘แต่ยื่นมือมาหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมเช็ดให้’ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ทรงโปรดไม่งอนแล้ว และตอนนี้เขากำลังนั่งเปลือยท่อนบนเพราะเสื้อเชิ้ตสีขาวถูกจับโยนใส่เครื่องซักผ้า
เอ็นดูไม่ได้จะเสนอว่าจะซักเสื้อให้ แต่ตอนน้องกำลังหอบตะกร้าเสื้อไปซัก เขาก็รีบปลดกระดุมเสื้อออกแล้วเดินตามหลังมาติดๆ เอ็นดูเกือบหัวใจวายตายตอนที่หมุนตัวกลับแล้วพบกับแผงอกกว้างๆ ของทรงโปรด
“ส่วนสร้อยเดี๋ยวเอาไปซ่อมให้”
“คุณซ่อมเป็นเหรอครับ”
ทรงโปรดส่ายหน้า “พี่ชายทำงานเกี่ยวกับพวกเครื่องประดับ น่าจะมีช่างฝีมือดีๆ ช่วยซ่อมให้ได้”
“พี่คุณเหรอครับ”
“รู้จัก?”
“ก็...พี่คุณออกงานกับคุณป้านัดบ่อยๆ”
ในบรรดาพี่น้องตระกูลนี้ เอ็นดูเจอหน้าหม่อมราชวงศ์ทรงคุณบ่อยสุด ประมาณสี่ห้าครั้งได้ แต่ก็ไม่ได้สนิทหรือเคยคุยกันเหมือนกับทรงโปรด
“กับคนอื่นเรียกพี่ได้ แต่กับพี่เรียกคุณ”
ทรงโปรดวางนิ้วเรียวบนจมูกโด่งสวยของเอ็นดู ออกแรงเคาะเบาๆ จนน้องหลับตาปี๋ หดคอถอยหนีเล็กน้อย
“เดี๋ยวจะโดนตี”
“คนอื่นที่ไหน นั่นพี่ชายคุณนี่ครับ”
“ไหนลองเรียกพี่โปรด”
น้องเม้มปาก กลอกตาเลิ่กลั่ก
“เอ็นดู”
“...ผมหิวข้าวแล้ว ขอไปหาอะไรกินก่อนนะครับ”
ไม่เอาหรอก ถ้าเรียกแบบนั้น...หัวใจต้องสั่นมากแน่ๆ
แต่ถึงหนียังไงก็ไม่รอด เพราะเอ็นดูหยุดเดินแล้วหมุนซ้ายขวาในแพนทรี่ มือไม้มันสั่นเพราะคำว่า ‘พี่โปรด’ จากเสียงทุ้มนุ่มที่ลอยวนเวียนในหัว หิวก็หิว แต่คิดไม่ออกเลยว่าจะกินอะไรดี
ก็ตอนนี้ในหัวไม่มีพื้นที่ให้คิดอย่างอื่น เพราะมีแต่เรื่องของทรงโปรดเต็มหัวไปหมดเลย
เอ็นดูลากสลิปเปอร์แบรนด์เนมราคาแพงจนเกิดเสียง ทรงโปรดเดินมาดูคนน่ารักที่กำลังเดินไปมาอยู่ในแพนทรี่ เขาหัวเราะเบาๆ พลางไหวไหล่ พิงสะโพกแกร่งบนโซฟา ตาคมล็อกไว้กับร่างเล็กๆ ของกระต่ายตัวน้อยเรียบร้อยแล้ว
“ไหนบอกว่าหิว ทำไมมาเดินเล่นอยู่ในนี้ล่ะ”
“เฮ้ย”
เอ็นดูสะดุ้งเหมือนเจอผี แต่โทษที เขาคือเทวดา
ทรงโปรดยกยิ้ม มองน้องที่กำลังเบิกตาโตยกมือขาวขึ้นปิดปาก เขาสาวเท้าตรงเข้ามาในแพนทรี่ มือหนาล้วงไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนหยุดอยู่ตรงหน้าเอ็นดูที่ขยับถอยหนีไปแล้วหนึ่งก้าว
“เอาเสื้อคลุมมั้ยครับ เดี๋ยวผมไปหยิบให้”
“จะหนีกันอีกแล้ว”
เอื้อมมือคว้าเจ้าเด็กน่ารักไว้ด้วยมือเดียวก่อนดึงเข้าหาตัว ทรงโปรดต้อนจนน้องหมดทางหนี เอวของเอ็นดูชนกับเคาน์เตอร์จนถอยหลังไปไหนไม่ได้แล้ว คนผิวขาวหันหน้าหนีแผ่นอกขาวๆ ของทรงโปรด จะยกมือดันออกก็ไม่กล้า
ไม่กล้าสัมผัสเนื้อแนบเนื้อ
“ไง ไหนบอกว่าหิว”
“ก็...กำลังคิดอยู่ครับว่าจะทำอะไรกินดี”
ทรงโปรดเลิกคิ้ว เอียงหน้ามองคนที่หาสารพัดข้ออ้างมาพูด ตอนนี้เขากักตัวเอ็นดูไว้ด้วยแขนสองข้างที่มีลอนของกล้าม เท้าแขนบนเคาน์เตอร์ โน้มตัวเล็กน้อยแต่จมูกโด่งก็เกือบชนเข้ากับหน้าผากที่มีผมนุ่มคลอเคลีย
“ปกติทำอาหารกินเองเหรอ”
“ครับ”
“ไม่น่า เมื่อวานที่กินถึงได้อร่อยเหมือนเชฟมาเอง”
“ขอบคุณครับ”
“สอนบ้างได้มั้ย ปกติซื้อกินอย่างเดียว”
“คือ...คุณ ไปคุยที่อื่นดีกว่ามั้ยครับ”
เอ็นดูวางศอกสองข้างบนเคาน์เตอร์ เอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อยเมื่อทรงโปรดโน้มหน้าลงมา ร่างสูงคลี่ยิ้มตอนที่น้องเอียงหน้าหนี ทำให้เขาเห็นเส้นเลือดฝอยจางๆ บนแก้มขาวใส
“คุยในนี้แหละ”
“งั้นใส่เสื้อคลุมก่อนดีกว่า เดี๋ยวผมไปหยิบให้”
“หนีเก่งนะเรา”
“ไม่ได้หนีนะครับ”
ยิ่งใกล้ยิ่งได้กลิ่นหอมๆ ชัดเจน ทรงโปรดสงสัยเหลือเกินว่าตัวของน้องมีส่วนไหนบ้างที่ไม่หอม
คอก็หอม แก้มกับใบหูก็หอม เหลือตรงไหนอีกที่เขายังไม่ได้ดมและควรจะต้องดม แล้วเขาก็เผลอใช้ปลายจมูกคลอเคลียแก้มขาว เฉียดไปเฉียดมาจนน้องเข่าอ่อน
เอ็นดูคือสารเสพติดชนิดใหม่มีฤทธิ์ร้ายที่ทำให้หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดมัวเมา อยากฝังจมูกให้จมไปทุกส่วน“คุณ ออกไปเถอะครับ”
“ยังคุยไม่จบเลย”
“ไม่เอาแล้วครับ ใกล้เกินไปแล้ว”
“ตาเถร! นี่มันผิดผี”
“เอ็นดู...นั่นหนูพาใครเข้าห้องคะ”อดีตนางงามรีบถอนแว่นตากันแดดสีชาออกแล้วพับเก็บลงกระเป๋า Prada สีดำ ส่วนคนข้างๆ...หม่อมราชวงศ์ลักขณา หรือคุณหญิงป้าของเอ็นดูยืนช็อกไปแล้ว
“ชายโปรดเหรอคะ” เสียงคุณแม่ดังขึ้นอีกครั้ง
เจ้าของห้องรีบยกมือผลักไหล่เปลือยของทรงโปรดให้ออกห่าง แต่ร่างสูงยังเนิบนาบ ค่อยๆ ผละตัวออกปล่อยให้น้องเป็นอิสระ
คนตัวขาวเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูกเมื่อถูกสองสายตามองมาที่เขา คิ้วสวยขมวดแน่นก่อนจะคลายออก เอ็นดูเม้มปาก ฝืนฉีกยิ้มแล้วยกมือสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสอง
“สวัสดีครับคุณแม่ สวัสดีครับคุณหญิงป้า”
“สวัสดีครับ” แล้วก็เป็นทรงโปรดที่ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตามมาติดๆ
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะตอนนี้หัวใจดวงน้อยๆ ของเอ็นดูมันเต้นรัวจนแทบระเบิดออกมา
เอ็นดูรีบวิ่งปรี่เข้าหาคุณหญิงลักขณาที่ยืนนิ่งไปแล้ว มือขาวแตะลงเบาๆ บนท่อนเเขนนุ่มของท่าน ก่อนจะหันหน้าขอความช่วยเหลือจากทรงโปรดและคุณแม่
“คุณแม่ คุณหญิงป้าเขา--”
“คงช็อกน่ะลูก ชายโปรดคะ มาช่วยน้าประคองคุณหญิงไปนั่งพักหน่อยค่ะ”
เอ็นดูแอบค้อนทรงโปรดตอนที่ร่างสูงวิ่งมาช้อนร่างของคุณหญิงลักขณาไว้ เขาไม่มีอาการตกใจเหมือนที่เอ็นดูเป็นเลยสักนิด
แต่ร้ายกว่านั้น เอ็นดูกลับเห็นทรงโปรดกระตุกยิ้ม
คงดีใจมากน่ะสิที่ได้แกล้งคนอื่น*****
ฟ้าฝนเป็นพยานกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทรงโปรดแค่แกล้งเอ็นดูเล่นๆ เท่านั้น แต่เรื่องมันกลับบานปลายจนถึงหูผู้ใหญ่ที่วังภัสร์ฤทัย
คุณหญิงลักขณาให้คุณแม่ของเอ็นดูต่อสายไปที่วังภัสร์ฤทัยด่วน ท่านต้องการคุยกับใครก็ได้ที่จะสามารถรับฟังเรื่องราวที่คุณหญิงลักขณาพบเจอเต็มสองตา
และแน่นอนว่าคนที่รับที่โทรศัพท์ก็คือคุณแม่ของทรงโปรดเอง
แล้วก็นั่นแหละ พอท่านทราบข่าวก็รีบบึ่งมาถึงคอนโดของน้องทันที
ตอนนี้ทรงโปรดกับคนผิวขาวเลยนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสามท่าน
“พี่อยากให้คุณนัดเข้าใจนะคะ ไม่ว่าจะชายหญิง หญิงหญิงหรือ...ชายชาย เมื่ออยู่กันสองต่อสองก็ไม่ควรใกล้ชิดกันเกินควร”
คุณหญิงลักขณาถือยาดมติดจมูก หัวใจแทบวายตายตอนที่เห็นภาพไม่ควรต่อหน้าต่อตา
“ค่ะคุณหญิง”
“แล้วพี่ก็อยากให้คุณนัดเข้าใจด้วยนะคะ ว่าการกระทำแบบนี้ บ้านพี่เรียกว่าผิดผี”
“คุณพี่คะ เด็กๆ เขาก็แค่หยอกกันเล่นๆ”
“เล่นแบบไหนหอมแก้มแนบเนื้อเหรอจ๊ะแม่แอ้ สมัยพี่สาวๆ ไม่มีการหยอกเล่นแบบนี้หรอกนะ”
“...”
“ที่สำคัญ หลายชายโปรดก็แต่งตัวไม่เรียบร้อย” คุณหญิงลักขณาเหลือบมองทรงโปรด ลอนที่แขนแกร่งกับซิกซ์แพ็กส์บนหน้าท้องของทรงโปรดยังติดตาท่านอยู่เลย
เอ็นดูก้มหน้ากัดปาก ตั้งแต่นั่งคุกเข่ามาเนี่ย เขายังไม่มีโอกาสเปิดปากอธิบายอะไรเลยสักนิด แล้วก็อย่าพูดถึงคนขี้แกล้งนั่นเลย ทรงโปรดดูท่าจะไม่สะทกสะท้านกับการโดนเรียกไปเทศน์ แต่กลับดูชอบซะอีก
“คุณหญิงป้าครับ เรื่องนี้เอ็นอธิบายได้”
เสียงนุ่มนิ่มแว่วดังอย่างใจเย็น ทรงโปรดเห็นน้องช้อนตาฉ่ำน้ำมองผู้ใหญ่ทั้งสามท่าน สองมือขาววางประสานบนหน้าตัก ความเรียบร้อยของเอ็นดูทำให้เขาต้องเลิกคิ้ว
มารยาทดีมาก คงถูกอบรมสั่งสอนอย่างดี
“อะไรอีกเอ็นดู ป้าเห็นเต็มตา”
“คุณพี่ลองฟังเด็กๆ อธิบายก่อนดีมั้ยคะ” คุณแอ้บอกด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็น และความใจเย็นของเธอก็ทำให้คุณหญิงลักขณาพยักหน้า
“พูดมา ป้ารอฟังอยู่”
“เสื้อคุณ...เสื้อคุณชายโปรดเปียกฝนครับ เอ็นเลยอาสาซักให้ พอดีคุณชายโปรดไปรับเอ็นที่มหา’ลัยครับคุณหญิงป้า”
“เรามีรถขับเอง ทำไมต้องให้คนอื่นไปรับ” คุณหญิงลักขณายิงคำถามต่อ
“สร้อยข้อมือเอ็นหายครับ คุณชายโปรดเลยจะช่วยหา เอ่อ...เมื่อคืนคุณชายโปรดค้างที่นี่ เพราะฝนตกหนัก ตื่นเช้ามาเอ็นหาสร้อยข้อมือไม่เจอ คุณชายโปรดเลยสัญญาว่าจะช่วยหา”
“นอนที่นี่...อย่าบอกนะว่านอนด้วยกันแล้ว!”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับคุณหญิงป้า”
คุณหญิงลักขณาตีความหมายไปในทางอื่น ท่านขมวดคิ้วอยู่คนเดียวในขณะที่คุณแอ้กับคุณนัดปิดปากพากันกลั้นหัวเราะให้กับความหัวโบราณของคุณหญิง
ท่านเป็นคนหัวโบราณที่ถือเรื่องการสัมผัสตัวเป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งเอ็นดูถูกเลี้ยงมาราวกับเป็นผู้หญิงด้วยแล้วเลยทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเรื่องที่คนหัวโบราณอย่างคุณหญิงลักขณาไม่มีวันเข้าใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้นอะไรของเรา ถึงจะอธิบายแต่ป้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี...แล้วทำไมต้องหอมแก้มกัน”
เอ็นดูกัดปาก เผลอยกมือขึ้นลูบแก้มกลมเบาๆ
ยังไม่ได้หอมสักหน่อย แค่จมูกเฉียดไปมาเท่านั้นเอง
“ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกันทำไมต้องหอมแก้ม ตอบป้าสิ”
ทรงโปรดหันมองเอ็นดูที่ก้มหน้าจ๋อยเหมือนเด็กถูกดุ เขาเอ็นดูน้องในเวลาแบบนี้จริงๆ
ร่างสูงค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ ทรงโปรดไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ เขายื่นมือหนาของตัวเองไปกุมมือขาวไว้ การกระทำนั้นทำให้เอ็นดูสะดุ้งแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
“คุณ...”
“เอาหล่ะ คุณนัดคะ พี่ไม่รู้ว่าวังภัสร์ฤทัยมีความเชื่อยังไง แต่ภาพที่พี่เห็นกับคำอธิบายของเอ็นดูที่บอกว่า...นอนด้วยกันแล้ว มันประกอบกันชัดเจนว่าผิดผี”
ทรงโปรดบีบมือขาวเบาๆ เป็นครั้งแรกที่น้องสบตาคมของเขาแบบไม่กะพริบหรือหลบหนี
“ทรงโปรดต้องผูกข้อไม้ข้อมือกับเอ็นดูไว้ก่อนค่ะคุณนัด”
“คุณหญิงป้าครับ แต่พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะครับ” เอ็นดูโอดครวญออกมา น้องทำตาละห้อยน่าสงสาร
“ไม่ได้เป็นแล้วหอมแก้มกันได้ยังไง ไหนจะนอนด้วยกันอีก โกหกป้าหรือเปล่าว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ขอโทษแทนน้องด้วยครับคุณหญิงป้า” เสียงทุ้มเปล่งขึ้นครั้งแรกหลังจากที่เงียบไปนาน “น้องยังไม่กล้าบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ เพราะกลัวว่าจะไม่เหมาะ”
เอ็นดูเงยหน้ามองเขา
หัวใจดวงน้อยๆ หยุดเต้น
“ผมกับเอ็นดูเป็นแฟนกันครับ”“คุณ!”
“เพื่อเป็นการรับผิดชอบทุกอย่าง ผมจะทำให้ถูกต้องตามที่ผู้ใหญ่เห็นสมควรครับ”
“คุณรู้มั้ยว่าผูกข้อไม้ข้อมือหมายความอะไร คุณพูดอะไรออกมาครับ”
“แล้วหมายความว่ายังไง เอ็นดูบอกให้พี่เข้าใจได้มั้ย”
ทรงโปรดยกยิ้ม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าความหมายของการผูกข้อไม้ข้อมือคืออะไร ตรงข้ามกัน เขารู้เต็มอกเลยแหละ
“งั้นดีเลย ถ้าชอบกันรักกันก็ผูกไม้ผูกมือจองตัวไว้ก่อน ไปมาหาสู่จะได้ไม่มีใครว่า”
เอ็นดูอ้าปากพะงาบ พยายามดึงมือออกจากมือหน้าแต่ก็ไม่สำเร็จ จะหันไปปฏิเสธคุณหญิงป้าก็ไม่ทันแล้ว
“ถ้าคุณนัดไม่ขัดข้องอะไร เสาร์นี้พี่อยากจะเชิญเยี่ยมวังวงศ์ประดิษฐ์ค่ะ จะได้กันหารือดูหาฤกษ์ยามวันหมั้นด้วย” #ทำแบบนี้ขาดอากาศหายใจพอดี
เอาใจช่วยน้องเอ็นดูด้วยนะคะ >.<