เสือไบ:the series (ตอน 15)
หนึ่งเดือนผ่านไป ช้าโคตรๆ ผมยังเหมือนเดิม ครับ ยังรู้สึกแย่ๆ พักนี้ขาดงานบ่อยมากเลยครับ วันเว้นวัน (แต่อย่างว่าเน๊อะราชการ มันมีวันลาป่วย ลาพักพักร้อน เยอะอยู่แล้ว ) พักนี้ชีวิตผมประมาณนางเอกละครพื้นบ้านไทยเลยครับ ประมาณว่า เคราะห์ซ้ำ กรรมซัด
หนึ่ง เดือนที่ผ่านมาผมทำงานพลาดบ่อย โดนหัวหน้างานถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม และเมื่อวานสดๆ ร้อนๆเลยครับ ช่วงกลับมาจากทำงาน เมื่อวานเลิกเย็น ประมาณ ทุ่มกว่าๆ มาถึงที่ตลาดพงษ์เพชร วันนี้กินเหล้าที่ห้องล่ะกัน นัดพวกไอ้เรย์ไว้ด้วย ซื้อประมาณกับแกล้ม เหล้า ที่ตลาดครับ ของที่นี่ถูก เดินๆ ไป ท่อประปาแตกครับ น้ำท่วมเจิ่งเลย ผมคงต้องถอดรองเท้าลุย ลุยก็ลุยวะ แล้วทำไมไม่มีใครเขาเดินซอยนี้เลยนี่ เดินๆ ลุยไปเกือบถึง ตึกที่ผมพักแล้ว น่ะ ตูม โห เสียงดังฟังชัด ผมตกท่อ.... ลึกเกือบ เอว เลยครับ น้ำดำปี๋ ข้าวของที่ซื้อมาโหตกท่อหมด เสื้อผ้า กางเกงตอนนี้ดำปี้ น้ำในท่อตลาดรู้ๆ อยู่ครับ กลิ่น แม่ง สุดยอด ทั้งน้ำหมู ขี้ไก่ อือ ไม่อยากเล่า.....กว่าจะลากสภาพลูกหมาตกน้ำขึ้นห้อง ตอนนี้เหลือแต่เหล้าอย่างเดียวครับ กับข้าวอย่างอื่น ไม่เอาแล้ว....หมดอารมณ์กิน ไปถึงที่ห้องแม่งโดนไอ้เรย์ ไอ้อาร์มไอ้ชาญ แซวอีกว่าอกหักจนตาบอดเหรอไง ถึงได้เดินตกท่อ ..... เออ กรูมันเลว ที่ประคองรักไว้ไม่ได้ ....
วันนี้ก็เช่นกันครับเป็นเหตุการณ์ที่ผมจำได้ดีครับ.... วันศุกร์ตาเขม่นๆ ตั้งแต่เช้าแล้ว... ตอนเย็นตอนเลิกงาน พี่ติ๊กชวนขึ้นสโมสร ก็ประมาณดื่มเหล้านั่นแหละ
"ไอ้พี ไอ้ตั้น เดี่ยวขึ้นสโมสรหว่ะ ไปหาเหล้ากิน กัน ฉลองที่ผู้หญิงเค้าทิ้งไอ้นุ่ม"โดนอีกแล้วผม
"โหจะเดือนกว่าแล้วนะพี่ติ๊ก ไม่ฉลองซะชาติหน้าเลยน่ะ"
"กรูกลัวมรึงจะตายซะก่อนล่ะซิ ดูที่ผ่านมาดิ สภาพแม่งเหมือนหมาตายซาก"
"มันยังไงพี่...หมาตายซากพี่น่ะ"ผมถาม ตอนนี้ทะเล้นได้เหมือนเดิมแล้วครับแต่ยังไม่เต็มร้อย
"มีแต่ร่างกายไม่มีวิญญานไง"
ก็คงใช่ครับ หนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมทำตัว แย่มาก ผมเผ้า, หนวดเคราไม่ค่อยจะดูแล เสื้อผ้าบางครั้งผมก็ไม่รีด ใส่ยับๆ ไปทำงานแหละ จะอายอะไรครับยังเด็กอยู่เพิ่งจบมาปีกว่าๆ เอง ผมไม่ใช่ประเภทที่จะต้องใส่เสื้อผ้ากลีบคมอยู่แล้วนี่
ห้าโมงผม พี่ติ๊ก พี่พี พี่ตั้นก็ มาล้อมวงที่โสมรสร ที่นี่ดีนะครับติดแม่น้ำเจ้าพระยา เห็นวิว เห็นพระอาทิตย์ตกดิน เห็นเรือโดยสารผ่าน มีเรือมาขายของพวกผลไม้ มีเรือมาขายปลาหมึกย่าง มีเรือขนทราย และเรือนำเที่ยวผ่านมา เพลินตาดี บรรยากาศประมาณคลาสสิคๆ
นั่งกินประมาณชั่วโมงก็คุยเรื่องทั่วไปแหละครับ(เรื่องผู้หญิง,เรื่องบอล,เรื่องงาน,เรื่องสาวที่....(อาบอบนวด),เรื่องแฟนผม) พี่ตั้นขอตัวไปอีกแล้วไปแบบว่าไปอาบน้ำแบบนี้แหละครับ เฮ้อ มาที่นี่ทีไรหาเรื่องไปได้ทุกที ไปก็ไม่ยักจะชวนผมเลยนะครับ ชวนแต่เพื่อนแก.... (น้อยใจนะพี่ตั้น)
กินได้ประมาณเกือบหกโมงพี่พีขอตัวกลับ(ต้องกลับบ้านต่างจังหวัด)พวกผมเลยหมดสนุกเลยคับ ขาดมวยคู่เอก ประมาณ เหล้ากับ เป๊บซี่แล้วนี่
"เมายัง ไปกินต่อบ้านกรูเปล่า" พี่ติ๊กชวนไปกินที่บ้านก็ประมาณใกล้ๆ รร.เก่าที่ผมเรียนนั่นแหละ
"ไปดิพี่ เบื่อๆเหมือนกัน" จากนั้นพวกเราก็มูฟไปที่บ้านพี่ติ๊กครับ ตอนแรกไปกินที่ป้อมครับ(ข้างบ้านพี่ติ๊ก) ก็ประมาณป้อมยาม แต่สร้างให้มันเป็นร้านเหล้า ข้างๆ มีคลองด้วยแหละแต่เป็นคลองน้ำเน่า เพราะช่วงนี้เค้าไม่ปล่อยน้ำเจ้าพระยาเข้ามา ยุงตัวเท่าแม่ไก่ชุมมากๆ กินได้แป๊บๆ โห มีรุ่นน้องที่ โรงเรียนมากินด้วยอีกแฮะ จากที่กิน สองคนเป็นประมาณ 6 คน กฎการดื่มเหล้าของ รร.ผมนะครับ ถ้าชงต้องหมดแก้ว(ป่าเถื่อนจริงๆ)รุ่นน้องที่เลขประจำตัวมากสุดต้องเป็นคนชงเหล้า จากเหล้าขวดแรก ต่ออีกขวด แล้วก็ต่ออีกขวด.....ทำไมรุ่นน้องรุ่นนี้มันกินเก่งกันฉิบวะ รุ่นพี่มรึงจะไม่ไหวแล้ว พี่ติ๊กตอนนี้เริ่มจะหมดสภาพแล้ว ส่วนผมยังประคองตัวอยู่ได้
"เอ๊ย พอก่อนหว่ะ ช่วยกันหามพี่ติ๊กไปที่บ้านแกก่อน"ตัวหนักโคตรๆ เลย เฮ้อ ลำบากรุ่นน้องกับ ผมอีกพี่ติ๊ก กว่าจะช่วยกันหามกลับได้ เหนื่อยไปตามๆ กัน
"กินต่อเปล่าวะ พวกเอ็ง"
"แล้วแต่พี่ครับ" นี่คือคำตอบเหมือนเป็นกฎครับ คือเวลารุ่นพี่ชวนกินเหล้า รุ่นน้องมันจะพูดแบบนี้ประจำ ซึ่งไม่เว้นแม้แต่ผม ถ้าพี่ชวนผมก็พูดแบบนี้แหละ
กินต่อกับพวกนี้ต่ออีกสองกลม โห พวกรุ่นน้องเริ่มร่วงไปทีละคนสองคน ในที่สุดก็ร่วงกันหมด เฮ้อ ทิ้งพี่เก็บซากอีกแล้วนะพวกมรึง นอนกันก่อนนะเดี่ยวเถอะลักหลับพวกมรึงซะเลย.....(ล้อเล่นนะครับตอนนี้ยังไม่เป็นเกย์)
กว่าจะเก็บของเสร็จครับเกือบชั่วโมง (ประมาณเก็บขยะเก็บขวดเหล้าโซดา ล้างจาน ล้านแก้ว) เสร็จแล้วจะนอน ไม่คุ้นที่เลย พื้นก็พื้นไม้ หมอน โซฟาก็โดนพวกรุ่นน้อง จับจองเกือบหมด
"นอนที่คอนโดดีกว่า" การกระทำเร็วเท่าความคิดจ ผมแต่งตัวใส่รองเท้าออกไปเลยครับ กะจะโบกแท๊กซี่แถวข้างหน้านี่แหละ
รอนานเกือบ 10 นาที แท๊กซี่ไม่มาซักที เปลี่ยวก็เปลี่ยว มันจะมีมาเหรอนี่ต้องออกไปขึ้นถนนใหญ่
ผมก็เลยเดินออกไป ทางตอนนั้นทั้งเปลี่ยว ทั้งมืด ทั้งไม่คุ้น เพราะไปครั้งแรกแม้โรงเรียนผมจะอยู่แถวนี้ก็เถอะแต่ผมก็ไม่เคยมาแถวบ้านพี่ติ๊กเลย เดินออกไปได้สักนิดเริ่มกลัวแฮะ รู้สึกจะหลงทางครับเพราะบ้านที่นี่จะเป็นแบบบ้านไม้ลักษณะเหมือนกัน ทางก็คล้ายๆ กันทำไงดีนี่ เห็นไฟสีส้มๆ แต่ไกลครับ ผมคิดว่านั่นน่าจะเป็นถนนใหญ่
"เฮ้อ กรูไม่น่าออกมาเลย"
บรื๊นๆ เสียงมอเตอร์ไซด์มา ไชโยมอเตอร์ไซด์รับจ้างมาแล้ว แต่เอ๊ มีผู้โดยสารนี่หว่ะ นั่งซ้อนกันมาสามคน เฮ้อ สงสัยต้องได้เดินจริงๆ คิดยังไม่ทันใรเลยครับ มอเตอร์ไซด์คันนั้นก็แล่นตรงมาที่ผม
"ตุ๊บ" "ตุ๊บ"ผลั๊ก" ตามมาด้วยเสียงขาดผลึง ของสร้อยคอผม แล้วก็นาฬิกา
ตอนนี้ผมตัวงอแล้วครับโดนชกที่ท้องสองที ปลายคาง หนึ่งที หลังจากนั้นมันก็ดึง สร้อยคอหนึ่งบาทที่คอ และนาฬิกาที่ผมใส่ สร้อยน่ะขาดไปแล้วครับติดมือมันไป ครึ่งหนึ่ง ตกที่เสื้อผมอีกครึ่งหนึ่ง นาฬิกามันได้ไปครึ่งเหมือนๆกันครับ เพราะมันดึงไป แว๊บไฟหน้ารถส่องมาที่ผมล้มกุมท้องอยู่.... เสียงรถกะบะวิ่งมา พวกมันเผ่นไปแล้ว
"น้องเป็นอะไรเหรอเปล่า โดนกระชากสร้อยเหรอ"
"ครับ พี่ "ผมยังเอามือกุมท้องอยู่ครับ จุกมากๆ เลยครับโดนเต็มๆ จังๆ เลย
"จะไปไหนล่ะ ไปแจ้งความเปล่าเดี่ยวพี่ไปส่ง ดึกๆแบบนี้ไม่น่าออกมาแถวนี้เลยขี้ยามันเยอะ "
"ไม่ดีกว่า ส่งผมหน้าถนนใหญ่ก้อพอครับพี่" คือผมไม่อยากมีเรื่องน่ะครับ กลัวสาระพัดแค่นี้ผมก้อแย่พอแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ดีครับปล่อยคนชั่วให้ลอยนวล ผมทั้งเจ็บทั้งแค้น เสียดายสร้อยเส้นนี้แม่ผมซื้อให้ตอนรับปริญญา นาฬิกาเป็นนาฬิกาคาสิโอ น้าซื้อให้ตอนเรียนจบ ผมขอบคุณพี่ที่เค้ามาส่งผมที่ถนนใหญ่เสร็จ ผมก็โบกแท๊กซี่กลับหอที่พงษ์เพชรครับ ตอนนี้ยังจุกๆ อยู่ ถึงหอ ผมอาบน้ำนอนเลยครับ ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ(วันนี้อยู่คนเดียวครับไอ้เรย์ไปทำงานกะดึก)
เช้ารุ่งขึ้นผมรีบโทรบอกแม่ผม (ตอนนั้นผมกำลังหาคนปลอบใจครับกำลังเสียขวัญ) ผมคิดว่าไม่ว่าผมจะเดือดร้อนทุกข์ใจแค่ไหนคนที่พร้อมจะให้คำปรึกษา แนะนำ ให้กำลังใจก็คือ แม่ผมนั่นเอง
"ไม่เป็นไรเอก ถือว่าฟาดเคราะห์ไป ของแค่นี้หาใหม่ได้" พูดถึงเคราะห์แม่ผมเคยเตือนแล้วครับแม่ผมเอาดวงไปให้พระท่านดู พระท่านบอกว่าดวงปีนี้ผมตกหนัก...จะเสียทั้งทรัพย์ ทั้งของมีค่า ทำอะไรต้องระวังอย่าประมาณ ต้องพยายาม ทำทำบุญไว้ด้วย ประมาณนี้แหละ ตอนแรกผมไม่เชื่อเท่าไหร่ครับ ผมน่ะค่อนข้างจะเชื่อว่าเวรกรรมมันอยู่ที่ตัวเรา ถ้าเราทำตัวดี ก็จะได้ดี เราทำตัวไม่ดีเราก็จะได้ผลกรรมนั้น ผมไม่เชื่อว่าดวงมันเกิดจากลิขิตของฟ้า อะไรแบบนี้ครับ(เรียบเรียงไม่ค่อยจะถูกเลย)
หลังจากที่คุยกับแม่เสร็จ แม่บอกให้ผมกลับบ้านครับ ไปรดน้ำมนต์ วันพรุ่งนี้เลย ผมก็เลย รับปาก ตอนนี้ผมอยากเลิกดื่มเหล้าแล้วครับ เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้มันเหมือนรอดตายอย่างหวุดหวิด ถ้าไม่มีพี่รถกะบะคันนั้นผ่านมา ผมอาจจะโดนแทง โดนทุบ ด้วยไม้ไปแล้วก็ได้
เรื่องที่โดนกระชากสร้อยนี่ผมไม่บอกใครนะครับ มีเฉพาะแม่ผมเท่านั้นที่รู้ บางเรื่องต้องสแกน....จะบอกใครบางครั้งก็ต้องคิดหน่อย.....มันเหมือนซ้ำเติมตัวเองให้เค้าสมน้ำหน้าไงไม่รู้
อกหักครั้งแรกผมโดนมาแทบจะเอาชีวิตไม่รอดมันทำให้ผมเข็ดเรื่องความรัก เรื่องผู้หญิงไปเลย... ผมขอพักรบเรื่องรักไว้ก่อนน่ะ ถ้าหัวใจและร่างกายผมแข็งแรงกว่านี้ ผมจะเดินตามหามันเอง .... ชาตินี้ผมจะต้องหาผู้หญิงที่พร้อมจะก้าวเดินไปกับผมได้ทุกที่ให้ได้ จะนานแค่ไหนผมก็จะรอ(ฮ่าฮ่า...สงสัยแล้วดิครับ ว่าผมเป็นเกย์ ตามชื่อเรื่องเหรอเปล่า)