13
รักๆ เหล้าๆ
อีกด้านหนึ่ง ฝั่งลูกน้องโจร
เบย์ยังไม่ชินกับลุคใหม่ของตน เขาเพิ่งตัดผมสั้น โกนหนวดเครา เปลี่ยนสไตล์แต่งตัวจากโจรป่าเป็นโอปป้าเกาหลี แต่เขาไม่ชอบเพราะมันทำให้ผู้ชายเถื่อนๆ แมนๆ กลายเป็นเด็กหนุ่มใสๆ ไปซะงั้น ซึ่งขัดกับบุคลิกที่แท้จริงสิ้นดี
เวลานี้แก๊งโจรแยกกันอยู่คนละทิศละทาง เปลี่ยนชื่อที่อยู่เปลี่ยนลุคเปลี่ยนอาชีพใหม่หมด เบย์ทำงานเป็นพนักงานร้านเหล้า เช่าอพาร์ตเม้นต์แถวห้วยขวาง พี่อู๋อยู่กับแสงเทียนที่คอนโดหรูย่านสุขุมวิท อเล็กซ์เป็นพนักงานร้านขายหนังสือมือสองต่างประเทศและอาศัยอยู่ที่นั่น ส่วนเคฟยังคงอาชีพเดิม แค่เปลี่ยนไปเช่าห้องพัก ก่อนสลายตัวแก๊งโจรได้แบ่งทรัพย์สินกองกลางกันแล้วเรียบร้อย ถ้ามีเหตุต้องรวมตัวเมื่อไหร่โจรอู๋จะเรียกเอง เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
เบย์ไม่สบายใจเวลาเดินถนนแล้วมีคนมองตามหลัง อดระแวงไม่ได้ว่าบางทีอาจมีคนรู้ว่าเขาเป็นโจร แม้ว่าที่จริงแล้วคนจะมองเพราะเขาหน้าตาดีก็ตาม...นี่แหละนะที่เขาเรียกว่าวัวสันหลังหวะ
ความฝันที่จะเก็บเงินสักล้านสองล้านบาทซื้อบ้านใหม่ให้พ่อแม่ยังห่างไกลเพราะยังเก็บได้ไม่ถึงครึ่ง แต่เบย์ไม่เดือดเนื้อร้อนใจมากนัก เพราะผับที่เขากำลังจะเริ่มงานได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมตัวคนรวย เสี่ยๆ ป๋าๆ มาเที่ยวกันประจำ ฉะนั้นโอกาส ‘ตกบ่อทอง’ มีสูงมาก (แม้ว่าเอาจริงๆ โอกาสโดนขุดทองจะมีมากกว่า...) แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสี่ยงโดนจับเหมือนตอนเป็นโจร
ระหว่างที่เดินไปตามฟุตบาทก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ดังกระหึ่มจากข้างหลังแล้วจอดหยุดลงที่ข้างๆ ตัว เบย์หันไปมองคนขับด้วยอาการตกใจและสงสัยในเวลาเดียวกัน พบว่าคนๆ นั้นเป็นชายร่างสูง หุ่นดี ขับมอเตอร์ไซค์ช็อปเปอร์อย่างเท่ พลันก็เกิดความรู้สึกคล้ายเดจาวู...พร้อมๆ กับลางสังหรณ์เลวร้าย เมื่อชายคนนั้นเปิดบังหน้าหมวกกันน็อคและเอ่ยขึ้น
“เอ็กซ์คิวส์มี”
เชี่ย... ไอ้ฝรั่งเก๊!!! มาได้ไงวะเนี่ย!!!จะว่าไป ครั้งแรกเบย์ก็เจอมันในละแวกใกล้เคียง เป็นไปได้ว่ามันอาศัยอยู่แถวนี้... โลกกลมพระเจ้าถ่มน้ำลายใส่แท้ๆ
เบย์รีบเดินหนีโดยไร้คำพูด แต่ชายหนุ่มต่างแดนก็บิดแฮนด์ตามหลังไปติดๆ นั่นทำให้เบย์ต้องวิ่งหนี
“เฮ้! โด้นท์รันอะเวย์!”
อีกฝ่ายตะโกน ณ จุดนี้เบย์แน่ใจว่ามันต้องเป็นสายตำรวจหรือไม่ก็เป็นตำรวจเองแหงๆ เพราะไม่มีทางที่อยู่ดีๆ จะบังเอิญเจอกันตั้งสองครั้งได้หรอก นอกจากเป็นโคตรของพรหมลิขิต แล้วก็ถ้ามันต้องการแค่ถามเส้นทาง ก็ไม่มีเหตุผลต้องเจาะจงว่าเป็นเขา ถึงขนาดต้องไล่ตามแบบนี้
“เฮย์! สต็อป! ไออยากให้ยูว์ช้วย!”
ช่วยห่าไรล่ะ ช่วยให้มึงได้เลื่อนขั้นเพราะจับอาชญากรได้งั้นเรอะ! เมื่อเห็นว่าเบย์ไม่ยอมหยุด หนุ่มช็อปเปอร์เลยขับปาดหน้าขวางทางไว้ซะเลย ทำเอาเบย์หน้าซีด เหงื่อผุดตามไรผมและฝ่ามือ สิ่งที่เขาเห็นเบื้องหน้าไม่ใช่ผู้ชายที่สูงกว่าตัวเองเกือบศอก แต่เป็นคอกเหล็กพร้อมข้าวน้ำสามมื้อกับผู้คุมถือกระบองอันเขื่อง เขาเห็นแม้กระทั่งชะตาชีวิตของตนหลังจากนี้ที่คงไม่ต่างจากพระเอกเรื่อง
เดอะชอว์แชงค์ รีเดมชั่น ที่แสงเทียนเคยแนะนำให้ดู...
ลาก่อนพี่อู๋ ไอ้เล็ก ไอ้เคฟ ไว้เจอกันที่คลองเปรม“ยูว์วิ่งหนีทำม้าย” ชายหนุ่มนิ่วหน้า “ไอแค่จะชวนไปนั่งดริ้งค์”
“หา?” เบย์งงเป็นไก่ตาแตก แต่ไม่ทันจะถามต่อ ก็ถูกลากขึ้นไปซ้อนท้ายแล้วบิดรถออกไปทันที มันปุบปับกะทันหันมากจนทรงตัวไม่ทันเกือบตกจากรถ เขาคว้าเอวหนาของคนขับไว้พร้อมกับด่าไฟแลบ
“ฟัคคคคค ยูววววว์!!!!”
“รู้จักร้านเหล้าดีๆ หมาย?”
“จอดเลย! ปล่อยกู ไอ้เหี้ยยย!”
“โอ้ว It’s here? ทำม้ายไม่บอกตั้งแต่แรก”
เมื่อด่าคำนั้น รถก็แล่นมาถึงร้านอันเป็นที่ทำงานของเบย์พอดี นับเป็นความบังเอิญสองครั้งซ้อน
หนุ่มร่างสูงเหยียบเบรกกะทันหันจนหัวคนซ้อนกระแทกกับหมวกกันน็อคดังปั้ก โชคดีเหลือเกินที่ไม่เอาดั้งรับ ไม่งั้นคงจมูกหักอย่างไม่ต้องสงสัย เบย์ลงจากรถด้วยขาสั่นแทบยืนไม่อยู่ ขณะที่ปากก็พ่นคำด่าหยาบคายหมดจนคลังแสง
“อะไรของมึงวะ! เป็นบ้าเหรอ! ลากคนอื่นมาไม่ถงไม่ถามความสมัครใจกันซักคำ! สันดานต่ำชิบหาย! สมองหมาปัญญาควาย! พ่อแม่ไม่สั่งสอน! โคตรเหี้ย! ขับรถก็เหี้ย! จะรีบไปตายที่ไหน! ถ้ากูเป็นไรขึ้นมามึงจะรับผิดชอบได้มั้ย! ไอ้สัดเอ๊ย!!!!”
คนขับดับเครื่อง ถอดหมวกกันน็อก ทำหน้าไขสือ
“ยูว์พูดอะร้าย ช้าๆ หน่อยได้หม้าย ไอม่ายเข้าจาย”
“เวรรรรรร!” เบย์หัวร้อนถึงขีดสุด ชนิดที่ว่าถ้าเอาเนื้อมาวางบนหน้าผากก็คงไหม้ไปแล้ว
“โอ้ ไอซี...ยูว์โมโหที่ไอพามาช่ายมั้ย? ไอแอมซอรี่นะ ไอแค่อยากได้เพื้อนนั่งดริ้งค์”
“แล้วทำไมต้องเป็นกู!”
“ก็ยูว์เป็นวัยรุ่นเหมือนไอ น่าจะไปด้วยกานได้”
“เลยฉุดกูมาว่างั้น! ถามจริงเอาสมองหรือส้นตีนคิด!”
“อะร้ายคือโซนทีนคิด? ที่นี่มี zone for teen and kid ด้วยเร้อ? ว้าว! ไทยแลนด์อิสเวรี่โอเพิ่น ที่แอลเลบ้านไอเข้าม้ายด้ายนะ”
“โอ๊ยยยยย กูจะประสาทแดก!”
เบย์แทบจะทึ้งหัวตัวเอง ไม่รู้ว่ามันโง่จริงหรือแค่อยากกวนตีนเขาเฉยๆ แต่ช่างหัวมันทำไม รีบหนีก่อนดีกว่า
แต่จะหนีไปไหนได้ฟระ ร้านกูอยู่นี่“มาเท้อ เดี่ยวไอเลี้ยงเอง”
หนุ่มอเมริกันกวักมือเรียกแล้วเดินนำไปก่อน เบย์ถอนหายใจให้กับความเฮงซวย คิดว่าควรทำยังไงดี ถ้าหนีจะยิ่งน่าสงสัยไหม? หนีแล้วจะไปทำที่ไหน ในเมื่อผับนี้รายได้ดีที่สุดในย่าน? หรือต่อให้ไปทำไกลๆ แต่ถ้าไอ้ฝรั่งเก๊นี่ตามไปอีกก็ศูนย์เปล่า...
เอาว่ะ ลุยแม่งเลยละกัน กูจะมอมเหล้าก่อนที่มึงจะเอากุญแจมือสวมให้กูอีก คอยดูเหอะ คิดได้อย่างนั้นก็เดินตามหลังฝรั่งปลอมโดยทิ้งระยะห่างหลายก้าว เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่ามาด้วยกัน เดี๋ยวจะยุ่งไปใหญ่
ทว่าฟ้ามักไม่เข้าข้างคนเลว จึงส่งผู้จัดการร้านมาทักทาย
“อ้าวบี มากับใครเหรอนั่น”
“หวะ...หวัดดีครับพี่” เบย์ยกมือไหว้ เกือบลืมชื่อปลอมอันใหม่หมาดๆ “ใครก็ไม่รู้ครับ บ่นว่าอยากกินเหล้า ผมเลยบอกให้มาร้านนี้ แล้วก็ขอติดรถมากับเขาด้วย”
“เป็นกลยุทธิ์เรียกลูกค้าที่เหนือชั้นมาก” เจ้านายหัวเราะร่วน “ไงก็ขอให้สนุกกับการทำงานวันแรกนะ มีปัญหาอะไรบอกพี่ได้”
“คะ...ครับ” หนุ่มหน้าใสยิ้ม ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินจากไป
“ยูว์ชื่อบี?” คนข้างหน้าหันมาถาม
ยิ่งไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากทำความรู้จัก ก็เกิดเหตุบังเอิญพลิกผันเป็นด้านตรงข้ามหมด ตลกร้ายสัดๆ เทวดาหมั่นไส้กูมากไหมครับ ขยันหางานให้กันจังนะแหม “ม่ายตอบแปลว่าม่ายใช่ รึว่ายูว์ชื่อบี้? ภาษาไทยฟังคล้ายๆ กัน ไอแยกม่ายค่อยออก” เมื่ออีกฝ่ายถามซักไซ้ไม่ลดละ เจ้าของชื่อก็ตอบตัดรำคาญพร้อมกับชักสีหน้าและพ่นลมออกจมูก
“เออ! ชื่อบี”
“บี...มาจากอาร้าย บีบอย บียอนด์ รึว่าบีลีฟ?”
“บียอนเซ่มั้ง!!! พูดมากน่ามคานชิบ!”
“อู้ววว ไอไลค์บียอนเซ่”
เบย์ถอนหายใจพรืดอย่างสุดเพลีย แม้จะยังไม่รู้หัวนอนปลายเท้าว่าว่าชายแปลกหน้าคนนี้เป็นใคร แต่ที่ฟันธงได้ล้านเปอร์เซ็นต์คือมันเป็นคนปัญญาอ่อน พูดมาก กวนตีน และขี้เสือก
“คัมมอนเบบี้ นั่งด้วยกาน”
ไม่จำเป็นต้องถามความนยินยอมพร้อมใจ หนุ่มอเมริกันก็ข้ามขั้นด้วยการจับแขนเบย์เข้าไปด้านในร้าน คนถูกลากสะบัดแขนอย่างแรง แต่ก็นั่นแหละ สู้ไปก็เท่านั้น ในเมื่อกระดูกมันคนละเบอร์
“ปล่อยนะเว้ย! ก็พามาร้านเหล้าแล้วไง จะเอาอะไรอีก”
“ไออยากให้ยูว์นั่งด้วย”
เสียงทุ้มแสดงการบีบบังคับมากกว่าอ้อนวอน ทำให้เบย์ยิ่งฉุน เขาเดาว่าไอ้เวรนี่ต้องเป็นหัวหน้าระดับสูงที่ชอบใช้อำนาจข่มขู่ลูกน้องใต้บัญชาเป็นอาจิณแหงๆ เลยลืมตัวเอานิสัยเหี้ยๆ มาใช้กับคนนอกองค์กร แบบนี้ น่าเห็นใจลูกน้องของมันจริงๆ
“ไม่นั่ง!”
“ทำไมใจร้าย ไออุตส่าห์ให้ติดรถมาด้วย”
“ได้ข่าวมึงฉุดกูมาไม่ใช่!”
ภาพคนตัวเล็กเถียงอีกคนที่สูงกว่าคอเป็นเอ็น อาจทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกขำ เพราะมันเหมือนหมาชิวาว่าเห่าใส่หมาลาบาดอร์ไม่มีผิด
รู้ตัวอีกทีก็ตอนถูกเพื่อนร่วมงานเดินเข้ามาสะกิดพร้อมกับชี้นาฬิกาข้อมือ เบย์สะดุ้งโหยงเมื่อเห็นว่าอีกห้านาทีจะถึงเวลาเข้างาน เขาวิ่งแจ้นเข้าห้องสตาฟฟ์หลังร้าน โดยลืมไปว่าการกระทำนี้เท่ากับเปิดเผยให้ชายแปลกหน้ารู้ว่าเขาทำงานที่นี่...
และเบย์ก็พบว่าตนคิดถูก เมื่อกลับออกมาในชุดยูนิฟอร์มแล้วเจอไอ้ขี้ตื๊อคนนั้นนั่งเท้าคางยิ้มแป้นรอที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่ม
“ว้าว เซอร์ไพร้ส์จัง บาร์เทนเดอร์”
“หุบปาก” หัวของเบย์ร้อนไปหมด ทั้งโกรธทั้งอาย
“เฮ้ๆๆ พูดดีๆ สิ ไอเป็นลูกค้านะ”
กูคงจะถูกไล่ออกตั้งแต่วันแรกเพราะลูกค้าอย่างมึงนี่แหละโชคร้ายที่ร้านกำลังเปิด จึงไม่มีลูกค้าคนอื่นนอกจากอเมริกันแมนคนเดียว แปลว่าเบย์ต้องทนเหม็นขี้หน้าชายผู้นี้ไปอีกพักใหญ่ กว่านักท่องราตรีทั้งหลายจะทยอยเข้ามา
“เอาไร” บาร์เทนเดอร์ถามห้วนๆ
“ไรก็ด้าย ขอแรงๆ” ลูกค้าตอบ
“โอเค” เข้าทางกูเลยงี้
บาร์เทนเดอร์โล่งใจนิดหน่อยที่ลูกค้าไม่พูดจากวนส้นอย่างที่คิด พอสั่งเสร็จก็หยิบมือถือขึ้นมาดูแล้วจมอยู่กับมันเงียบๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างเป็นกังวล ดวงตาคมมีแววหม่นเศร้าขณะจ้องหน้าจอแอพลิเคชั่นไลน์ที่เป็นข้อความสีเขียวล้วนๆ บ่งบอกว่าพูดอยู่ฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ หรืออาจจะยังไม่อ่าน
มีปัญหากับแฟนสินะ ก็สมควรแล้ว นิสัยแบบนี้ใครจะทน “ยูว์มีแฟนมั้ย” จู่ๆ ลูกค้าก็เงยหน้าถาม เบย์เลิกคิ้วแปลกใจ มาไม้ไหนของมัน
“ถามทำไม” เบย์ย้อน
“ถ้ายูว์มีแฟน ไอก็อยากรู้ว่ายูว์เคยเจอปัญหาแบบไอไหม”
เบย์ชั่งใจว่าควรจะตอบอย่างไร ถ้าตอบว่า ‘มี’ ก็อาจถูกมันชวนคุยยืดยาว (จริงอยู่ที่งานรองของบาร์เทนเดอร์คือการเป็นที่ปรึกษาปัญหาชีวิตให้แก่ลูกค้า แต่เขาขอยกเว้นไอ้เวรนี่คนหนึ่งละกัน) แต่ถ้าตอบว่า ‘ไม่’ ก็อาจถูกมันจีบ ใครจะรู้ว่ามันมีแฟนจริงหรือไม่จริง มันอาจวางแผนจัดฉากทั้งหมดนี้เพื่อจีบเขาก็ได้ อย่าว่างั้นว่างี้เลย ก็คนมันหน้าตาดีอ่ะ
“ถ้าม่ายอยากตอบก็ไม่เป็นราย” คงเพราะเห็นเบย์ลำบากใจ อีกฝ่ายเลยไม่เซ้าซี้
“อือ” บาร์เทนเดอร์แอบโล่งอก “เอ้านี่”
“มันคือ?”
“แดกๆ ไปเหอะ ไม่ตายหรอก”
ลูกค้ารับเครื่องดื่มในแก้วทรงสูงไปละเลียดชิม พลันแววตาเศร้าๆ ก็มีประกายขึ้นหน่อยหนึ่ง
“โร้ดชาติดี” ลูกค้ายิ้ม “ทำมานานแล้วใช่หมาย?”
“เปล่า วันแรก”
“ว้าว...ยูว์อาร์โซอะเมซิ่ง”
“แน่นอน”
“ม่ายคิดจะถ่อมตัวเลยนะ” ลูกค้าหัวเราะน้อยๆ
ความจริงเมื่อก่อนเบย์เคยทำงานในผับตอนเรียนมหา’ลัยเลยมีความรู้ติดตัวอยู่บ้าง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ผู้จัดการรับเขาเข้าทำงานหรอก เพราะพี่แกให้ผ่านตั้งแต่เห็นหน้าแวบแรกแล้ว ด้วยเหตุที่พี่แกให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์มากกว่ารสชาติ
‘พนักงานหล่อเรียกคนเข้าร้านได้มากกว่าเหล้าอร่อยเป็นไหนๆ’
พี่แกว่ายังงี้...
ก็เห็นทีจะจริง เพราะพอลูกค้าเริ่มทยอยเข้าร้าน ก็มีคนมานั่งดริ้งค์เพิ่มจนแน่น สาวๆ ในชุดเซ็กซี่สั่งเครื่องดื่มพร้อมกับแนบไลน์ไม่ก็เบอร์โทรในกระดาษให้เบย์เพียบ ผู้ชายก็ส่งสายตากรุ้มกริ่มกะลิ้มกะเหลี่ย มองเหมือนอยากจะเลียตั้งแต่เส้นผมยันส้นเท้า ส่วนนายฝรั่งเทียมก็ถูกเบียดไปอยู่ริมขอบโน่น
จากตอนแรกที่เบย์คิดว่าเป็นตำรวจแฝงตัวมาจับเขา แต่พอเห็นหนุ่มอเมริกันเอาแต่สั่งๆๆ ดื่มๆๆ แก้วแล้วแก้วเล่าไม่สนใจใครก็ทำให้เปลี่ยนความคิด ดื่มหนักอีหรอบนี้อย่าว่าแต่จะจับผู้ร้ายเลย แค่จะบังคับตัวเองยังลำบาก แต่ก็สบายเขาล่ะนะ ไม่ต้องมอมเหล้ามันให้เหนื่อย
นั่งอยู่นานหลายชั่วโมง ดื่มแล้วก็หลับ แล้วก็ดื่ม แล้วก็หลับ กระทั่งนาฬิกาชี้บอกเวลาตีหนึ่ง นักล่าราตรีทยอยกลับเหลืออยู่บางตา ยกเว้นแต่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มที่ไม่มีใครนั่งอีกนอกจากหนุ่มอเมริกัน ถึงตอนนี้เบย์เลิกคิดเรื่องมันจะมาจับเขาโดยสนิทใจไปแล้วเรียบร้อย
แต่ข่าวร้ายก็คือ ยิ่งมันเมามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอารมณ์ฉุนเฉียวมากเท่านั้น
“ยูว์รู้หมาย...แฟนของไอ...มีชู้! เขา...ไม่ร้าก...ไอแล้ววว”
พูดจบก็กระดกขวดซัดเหล้าลงคอแล้วกระแทกก้นขวดลงกับเคาน์เตอร์เสียงดัง
“ไออุตส่าห์...บินจากแอลเลมาหาเค้า...ยอมเบรกเดอะรูลออฟมายแดดดี้ทูซีฮิม! แต่ทำม้ายถึงทำร้ายหัวใจไอด้ายยยย!”
พูดพร่ำรำพันเสร็จก็กระแทกขวดเหล้ากับเคาน์เตอร์เสียงดังกว่าเดิมจนลูกค้าหลายคนที่อยู่ใกล้เริ่มหันมามองเชิงตำหนิ หลายคนส่งสายตาแรงๆ มาใ
ห้เบย์ประมาณว่าควรทำอะไรสักอย่างกับไอ้ตัวการขัดขวางความบันเทิงรายนี้ก่อนที่จะเสียบรรยากาศของส่วนรวม
“ทำม้าย...ไอไม่ดีตรงหนาย...ริช! บิ๊ก! ทอลล์! แอนด์...แฮนด์เซิ่ม! เพอร์เฟคต์ทุกย้าง...ทำไมยูว์ถึงไม่ร้ากไอ... อึกๆๆ”
ชายหนุ่มกรอกเหล้าลงคอจนเกลี้ยงแล้วขว้างขวดลงพื้นจนแตกเศษแก้วกระจาย เบย์เห็นท่าไม่ดีเลยเข้าไปเก็บกวาดก่อนที่ลูกค้าคนอื่นจะเหยียบ อีกทั้งยังยึดขวดเหล้าที่เหลือไปจากหนุ่มเจ้าปัญหาด้วยเพราะกลัวว่าเขาจะคลุ้มคลั่งมากกว่านี้
“เก็ทมีแบ็ค...” ลูกค้าจ้องหน้าอย่างไม่พอใจ
“เมาแล้ว พอเถอะ” เบย์จ้องหน้าขรึม
ผู้พันหนุ่มฉุนกึก ลุกจากเก้าอี้ เอามือตบเคาน์เตอร์ดังปึง มองเบย์อย่างดุดัน แต่เบย์ไม่รู้สึกกลัว เพราะพี่อู๋ตอนเมาน่ากลัวกว่านี้อีก
“ไอ’ม โซ เฮิร์ต! ไอ’ล ดริ้งค์!” ชายหนุ่มพูด
“มีตั้งหลายวิธีรักษาการอกหัก ไม่ใช่แค่ดื่มอย่างเดียว” เบย์บอก เป็นจังหวะเดียวกับผู้จัดการเดินผ่านมาพอดี เห็นลูกจ้างกับลูกค้าที่มาพร้อมกันกำลังจ้องหน้ากันด้วยท่าทางไม่ดีเลยเข้ามาถาม
“เกิดอะไรขึ้นบี”
“เขาเมาแล้วโวยวาย แถมขว้างขวดลงพื้นด้วยครับ” เบย์บอก
“ไอ’ม น็อต...เมา!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดัง เสียงเริ่มขาดหาย “รู้ไหมว่าไอเป็นใคร! แด๊ดดี้ไอเป็นใคร!? พวกยูว์อย่ามาทำให้ไอ...โมโห...!”
“เออ แล้วเป็นใครล่ะ นี่ก็อยากจะรู้เหมือนกัน” เบย์เชิดหน้าถาม
“ไอเป็น...!”
ชายหนุ่มอ้าปากค้าง วินาทีนั้นคล้ายจะมีสติขึ้นมานิดหนึ่ง
หัวเด็ดตีนขาดเขาก็จะบอกไม่ได้ว่าเป็นพันเรือตรีพีเทอร์ ณอห์น แฮมิลทัน หัวหน้าหน่วยจู่โจมทางอากาศของกองทัพสหรัฐอเมริกา เพราะถ้าทางการรู้ว่าผู้พันมาเที่ยวร้านเหล้าเมาเละอย่างนี้ มีหวังถูกสั่งเด้งไม่ก็ลงโทษทางวินัยสถานหนักแน่ๆ
“พี่ว่าพาเขากลับเถอะ ท่าทางไม่ไหวแล้วล่ะ” ผู้จัดการบอก
“กลับยังไงล่ะพี่ เขามาช็อปเปอร์ ผมขับไม่เป็น บ้านช่องก็อยู่ไหนไม่รู้”
“งั้นก็พาไปนอนชั้นบนก่อน สร่างเมาเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน”
ผู้จัดการตบบ่าเบย์แล้วเดินไปทางอื่น เพราะแต่ละมุมของร้านก็มีเรื่องให้ต้องเคลียร์เช่นเดียวกัน เบย์มองลูกค้าเจ้าปัญหาที่ฟุบหน้ากับเคาน์เตอร์แล้วถอนหายใจ ก่อนจะพยุงร่างที่ใหญ่กว่าตัวเองพาเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนอย่างทุลักทุเล
เจอเคสหนักตั้งแต่วันแรกเลยกู คิดถูกไหมวะที่มาทำงานร้านเหล้า? ชั้นสองของร้านเป็นห้องพักจำนวนห้าห้องสำหรับลูกค้าที่เมาจนกลับบ้านไม่ได้ เบย์เปิดประตูห้องที่ใกล้บันไดที่สุดแล้วโยนร่างใหญ่ของชายหนุ่มลงบนเตียงอย่างส่งๆ จากนั้นก็หมุนตัวเดินกลับ
แต่...
หมับ! ลูกค้าลุกขึ้นมาคว้าแขนเขาไว้ แล้วดึงลงไปนอนบนเตียง!
“เฮ้ย!!! ปล่อยนะเว้ย!!” เบย์ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ สภาพในตอนนี้คือนอนคว่ำหน้าโดยมีลูกค้าคนนั้นนอนคร่อมอยู่ข้างบน
“หึๆ...ฮ่ะๆๆ” ชายหนุ่มร่างสูงหัวเราะอย่างไม่น่าไว้ใจ ถอดเสื้อตัวเองเขวี้ยงทิ้งบนพื้นอย่างไม่แยแส ตามด้วยถอดเข็มขัดเอามามัดข้อมือพนักงานร้านไว้อย่างหนาแน่น
“เฮ้ย!!! ทำเหี้ยไรของมึง!!!”
“ดาร์ลิ้ง...ยูว์ทำร้ายไอ...ยูว์นอกใจไอ...ไอจาลงโทษยูว์”
เบย์ใจหายวาบ ดิ้นสะบัดขัดขืนเต็มที่ งงสุดขีดว่าคนเมาเอาปัญญาที่ไหนมัดมือคนอื่นได้ แสดงว่ามันคงทำบ่อยจนชินแล้วแหงๆ เหมือนเขาเวลาเข้าห้องน้ำที่บ้าน แม้จะสะลืมสะลือแถมปิดไฟมืดตึ๊ดตื๋อก็ยังเดินไปถูกเป๊ะๆ
เหี้ยมหาเหี้ย เจอมนุษย์ BDSM เข้าแล้วไหมกู!แรงร่านผสานกับความรุ่นร้อนจากเครื่องดื่มหลายขนาน ทำให้ผู้พันสะบัดผ้าทิ้งไปให้พ้นตัวจนเกลี้ยงเหลือแต่ร่างกำยำเปลือยเปล่า เบย์อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ไม่รู้จะอึ้งหุ่นล่ำๆ ลีนๆ เหมือนประติมากรรมเดวิดของมีเกลันเจโล (ในเวอร์ชั่นแท่งใหญ่ไข่ฟูกว่า) หรือจะผวาที่กำลังจะถูกล่วงเกินก่อนดี เขาไม่มีทางจินตนาการออกเลยว่าไอ้แท่งขนาดนั้นจะสามารถเข้าไปอยู่ในร่างของมนุษย์อีกคนได้ยังไง
ถอดของตัวเองเสร็จก็จัดการอีกฝ่ายบ้าง ฉีกเสื้อยืดของเบย์จนขาดและดึงกางเกงทั้งนอกทั้งในทิ้งไปพร้อมกัน ก่อนจะทิ้งตัวลงทับร่างบอบบางแล้วเริ่มต้นกระบวนการเล้าโลมสุดร้อนแรง โดยจูบแผ่นหลัง ไหล่ และลำคออย่างบ้าคลั่งจนเบย์ร้องลั่นด้วยความเจ็บล้วนๆ ไม่มีเสียวผสม สองมือใหญ่หยาบกร้านของนายทหารลูบไล้บั้นท้ายเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ร่างเล็ก ก่อนที่นิ้วมือเรียวยาวจะสอดเข้าไปในประตูหลังเพื่อขยายช่องทาง ทำให้หนุ่มน้อยร้องลั่นอย่างกลั้นไม่อยู่
“โอ๊ยยยยยย”
“ฟัค...ยูว์เป็นรายยย” ถามอย่างมึนงง “โอ้...ไอซี”
เบย์โล่งอกเมื่อนิ้วถูกดึงกลับไป คิดว่ามันอาจเห็นเขาเจ็บเลยเปลี่ยนใจไม่ทำ แต่ก็โล่งได้เพียงสามวินาที เนื่องจากนิ้วถูกสอดเข้ามาใหม่ แถมยังเป็นนิ้วใหญ่กว่าเดิม เขารู้สึกได้ว่ามันเปียกลื่น มันคงทำเหมือนเดนิสทำกับแจ็คในเรื่อง
โบรคแบ็ค เมาธ์เท่น ในตอนคับขัน ไม่มีตัวหล่อลื่นแต่หื่นมาก เลยใช้น้ำลายแทน
“ดาร์ลิ้ง...ม่ายช้อบเหรอ”
“ไอ้...สัส!”
“ดาร์ลิ้ง...ทำไมยูว์ไม่ร้ากไอ”
ระหว่างที่ทำก็ได้ยินชายหนุ่มฝรั่งพร่ำเพ้อถึงดาร์ลิ้งของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเบย์โมโห... เพราะอีดากลิงนั้นแท้ๆ ทำให้กูถูกไอ้เวรนี่ปล้ำ!
ผู้บุกรุกเปิดทางอีกคนจนพร้อมและขัดถูอาวุธของตัวเองจนแข็งขันได้ที่ จากนั้นก็แทงเข้ามาทีเดียวจนสุด ทำเอาคนถูกแทงร้องลั่นสุดเสียงเจียนจะขาดใจตาย ความเจ็บแปลบแล่นปราดไปทั่วทั้งร่างกายยิ่งกว่าสายฟ้าฟาด ในขณะเดียวกันคนข้างบนกลับครางต่ำๆ ในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะขยับร่างเป็นจังหวะเข้าออกช้าๆ
“อาห์...ดาร์ลิ้ง...ยูว์โซกู้ด...ยูว์เป็น...ของไอ”
“อะ...อ๊ะ...โอ๊ย!”
คนตัวเล็กร้องครวญครางด้วยความเจ็บอย่างสาหัส กำผ้าปูที่นอนแน่นจนยับย่น ปวดราดร้าวไปหมดทั้งตัว ยิ่งเวลาผ่านไปคนทำก็ยิ่งเพิ่มความเร็วมากขึ้น บริเวณนั้นทั้งเจ็บและร้อนเหมือนจะหลอมละลาย
เบย์น้ำตาไหลเพราะเจ็บปวดผสมอับอาย เสียใจที่ความบริสุทธิ์ที่รักษามาตั้งยี่สิบสองปีไว้ใช้กับภรรยาในอนาคตจบลงด้วยฝีมือของคนที่เพิ่งเจอกันแค่สองครั้ง...แถมยังเป็นผู้ชาย!
เรื่องนั้นไม่น่าเจ็บใจเท่าไหร่ แต่ถูกทำในชื่อคนอื่นนี่สิที่แค้น!!!
ชายหนุ่มข้างบนโอบกอดร่างของเบย์ไว้แน่น พรมจูบทั่วทั้งแผ่นหลังและซอกคออย่างหนักหน่วง ขณะที่ข้างล่างก็กระแทกกระทั้นแบบดุเดือดดุดันเหมือนรัวกระสุนในสนามรบไม่หยุดหย่อน เช่นเดียวกับที่พร่ำคำว่าดาร์ลิ้งไม่ขาดปาก เป็นอย่างนั้นจนกระทั่งถึงฝั่ง ก็ถอดถอนออกมาถะถั่งบนเรือนร่างบางจนเปรอะเปื้อนไปทั่วเหมือนสัตว์ปล่อยกลิ่นเพื่อสร้างอาณาเขต แล้วนอนคว่ำหน้าหมดแรงหลับไป
เบย์งัดมือออกจากเข็มขัดที่ผนึกข้อมือตนได้สำเร็จ ผลักร่างใหญ่ออกจากตัวอย่างรังเกียจ พอลุกจากเตียงก็ร้องลั่นและล้มลงกับพื้นอย่างหมดท่า เจ็บเหมือนร่างจะฉีกแยกเป็นสองท่อน แต่ก็ฝืนใจกัดฟันลุกขึ้น เขาลากสังขารแสนสั่นสะท้านเข้าห้องน้ำ เปิดฝักบัวราดน้ำแรงๆ ใส่ตัวไม่กลัวผิวช้ำ ชะล้างสิ่งน่ารังเกียจออกไปจนสิ้นกลิ่นคาว แต่เขารู้ดีว่ายังมีส่วนที่เอาออกไม่หมดตกค้างอยู่ข้างใน
เอาฝักบัวสำหรับชักโครกฉีดพร้อมกับเอานิ้วล้วงเข้าไปก็ร้องลั่น เพราะสิ่งที่ติดมือออกมาไม่ใช่ของชายคนนั้น แต่เป็นเลือดสดๆ ของตัวเอง
เบย์น้ำตาไหลด้วยความเจ็บใจและเจ็บตัว ปิดฝักบัวแล้วใส่เสื้อผ้ากลับสู่สภาพเดิมโดยไว เขาต้องรีบไปโรงพยาบาล
แต่ก่อนอื่น เขาต้องเอาคืนมันให้หายแค้น
ออกจากห้องน้ำก็หยิบกางเกงลูกค้าที่ตกพื้นขึ้นมา ล้วงหาของมีค่าในกระเป๋า ยังไงซะเขาจะต้องไม่เสียตัวฟรี อย่างน้อยไอ้เวรนี่ต้องจ่ายค่าตัวให้เขา หนึ่งร้อยดอลลาร์ที่มันให้ครั้งที่แล้วไม่เพียงพอหรอกบอกเลย คราวนี้เขาจะเอามันให้หมดตัว
จริงๆ อยากแจ้งความข้อหาล่วงละเมิดอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าเขาเองมีความผิดที่ใหญ่กว่ามัน
ล้วงไปล้วงมาก็ต้องผิดหวังอย่างแรงเมื่อพบว่าในกระเป๋าของคนเมามีเงินแค่สามสิบบาท...แถมเป็นเหรียญล้วนๆ!
เบย์ค้นกระเป๋าเสื้อกับแจ็คเก็ตของมันทุกซอกทุกมุม รวมทั้งก้มหาตามพื้นและใต้เตียงเผื่อว่ามันจะทำเงินตกพื้น แต่ก็ไม่เจอ... สรุปว่าทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่นี้จริงๆ
“ไอ้เหี้ย!”
เบย์พลิกร่างใหญ่ให้นอนหงายแล้วซัดหมัดสุดแรงเกิดใส่หน้าหล่อเหลาหนึ่งทีจนเกิดรอยแดงช้ำ แต่เจ้าตัวก็ไม่ตื่น
คนเจ็บกำเงินพร้อมกับมองหน้าผู้ร้ายอย่างเคียดแค้น ทว่าก็รู้ดีว่าทำอะไรมันไม่ได้ สุดท้ายเลยกัดฟันเดินออกจากห้องไปเงียบๆ
แม่งขับช็อปเปอร์อย่างเท่ โม้ว่ามาจากแอลเออย่างนั้นอย่างนี้ นึกว่าจะรวย ที่ไหนได้แค่เงินจ่ายค่าเหล้ายังไม่มี!
แต่ก็ยังดี...อุตส่าห์เหลือสามสิบบาทให้กูรักษาทุกโรค นรกเอ๊ย!!! ////
ขอโทษที่มาต่อช้านะคะ พรุ่งนี้จะอัพอีกตอนให้เลยจ้า
ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ
เห็นคุณนักอ่านท่านนึงคอมเม้นเรื่องคู่รอง
คือคู่รอง (พล็อตรอง) ทุกคู่ มันเชื่อมโยงกับคู่หลัก-พล็อตหลักหมดเลย ทุกคนทุกคู่มีความเกี่ยวข้องกัน จะตัดทิ้งก็ไม่ได้
แต่จะพยายามไม่ให้เยอะเกินไปละกันนะคะ 555