สีขาวไม่เดียงสา บ้านสกุลอวี๋ในยามนี้กำลังเต็มไปด้วยบรรยากาศรื่นเริงใจจากงานมงคลของคุณชายใหญ่อวี๋หลางกับกู้เสวี่ย เจ้าสาวจากสำนักเขาไผ่ขาว สำนักธรรมที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงชันทางทิศใต้
ว่ากันว่าการแต่งงานครั้งนี้เกิดจากสวรรค์ลิขิต ที่คุณชายใหญ่ผู้ยอดยุทธ์ถูกโจมตีขณะคุมขบวนสินค้าผ่านเชิงเขาจนบาดเจ็บสาหัสทว่ากลับได้นางฟ้ากู้เสวี่ย หลานสาวเจ้าสำนักเขาไผ่ขาวช่วยเหลือเอาไว้ได้ สุดท้ายความใกล้ชิดก็เกิดเป็นความรัก
คุณชายใหญ่ที่ครองตัวเป็นโสดมานานจนทั้งตระกูลหวั่นใจจึงได้ฤกษ์ตบแต่งเจ้าสาวเสียที
เพราะความที่หลานสาวคนโปรดต้องจากบ้านมาตบแต่งเข้าสกุลอวี๋ ทางสำนักธรรมจึงจัดส่งบ่าวไพร่จำนวนหนึ่งมาด้วยเพื่อคอยรับใช้ช่วยเหลือ หนึ่งในนั้นคือมู่หย่ง ชายหนุ่มรูปร่างกำยำสูงใหญ่ราวกับนักรบทว่าดูไม่ประสีประสาต่อโลกภายนอก
ประจวบกับช่วงนั้นบ่าวคนสนิทของคุณชายเล็กอวี๋ไป๋ได้ขอลาออกไปดูแลพ่อแม่ที่แก่และป่วยหนัก กู้เสวี่ยจึงยกบ่าวคนนี้ให้แก่น้องสามีด้วยเหตุว่า มู่หย่งแม้ไม่ประสาต่อโลกภายนอกแต่มีฝีมือทางด้านต่อยตี น่าจะช่วยคุ้มครองคุณชายเล็กที่รูปร่างโปร่งบางฉลาดหลักแหลมทว่าไม่ประสาทางบู๊ได้
“เราชื่ออวี๋ไป๋ แม้จะไม่ประเสริฐได้เท่าพี่ใหญ่หรือท่านพ่อ แต่เราเป็นนายที่มีคุณธรรมผู้หนึ่ง ภายใต้การดูแลของเราถ้ามีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอะไรก็จงบอก” คุณชายเล็กกล่าวไว้เท่านั้นแล้วจึงรับเอาบ่าวคนใหม่เข้ามาไว้รับใช้ใกล้ชิด
มู่หย่งเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ผิวสีน้ำผึ้ง ด้วยความที่ฝึกยุทธ์แต่เด็กร่างกายจึงขึ้นมัดกล้ามแข็งแกร่งสวยงาม แม้ดวงหน้าไม่หล่อเหลางดงามหมดจดเหมือนคุณชายตระกูลอวี๋ ทว่าดูองอาจมีสเน่ห์เกินบ่าวไพร่ จนเกิดเหตุบ่าวหญิงทะเลาะเบาะแว้งกันเองเรื่องบ่าวคนใหม่ของคุณชายเล็กผู้นี้เนืองๆ
เมื่อเหตุการณ์ทะเลาะกันมาเข้าหูคุณชายมากเข้าอวี๋ไป๋ก็ตัดรำคาญด้วยการให้บ่าวมู่หย่งมาพักอยู่ที่เรือนนกยูงขาวซึ่งเป็นเรืองหลังเล็กของคุณชายอวี๋ไป๋ห่างออกไปจากตัวบ้านใหญ่พอประมาณด้วยกันเสียเลย
เรือนนกยูงขาวเป็นเรือนที่สงบสวยงามและเยือกเย็นเหมือนตัวเจ้าของเรือน ตั้งแต่มาคอยรับใช้คุณชายเล็กผู้ได้ได้หลายเดือน มู่หย่งยังไม่เคยเห็นคุณชายผู้นี้โกรธเคืองหรือแสดงอาการเกรี้ยวกราดให้เห็นสักกระผีก จนอดดิดไม่ได้ว่าจะมีอะไรที่ทำให้ใบหน้านิ่งเย็นนั้นแปรเปลี่ยนได้บ้าง
วันหนึ่งกลางฤดูหนาวมู่หย่งตามคุณชายออกไปตรวจบัญชีที่ร้านอาหารใหญ่กลางเมืองซึ่งเป็นหนึ่งในกิจการของตระกูลอวี๋ก็พลันมีขอทานคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน เสี่ยวเอ้อทั้งหลายพากันไล่ขับอย่างรังเกียจด้วยถ้อยคำดูหมิ่นมากมาย
คุณชายอวี๋ไป๋ที่นั่งอยู่ด้านในได้ยินเสียงเอะอะก็รีบออกมาดู
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
“คุณชาย ก็ไอ้ขอทานนี่น่ะสิขอรับเข้ามาก่อกวนในร้าน พวกเราไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป”
อวี๋ไป๋หันมองไปที่ขอทานวัยกลางคนผมเผ้ารุงรังแต่งตัวมอซอซึ่งกำลังโบกไม้โบกมือวุ่น พยายามอธิบายปากคอสั่น
“ข้า ข้าเปล่านะ ข้าแค่จะมาขอซื้อซาลาเปาเท่านั้น คุณชาย คุณชายข้าไม่ได้มาก่อกวนจริงๆ นะขอรับ” นัยน์ตาซื่อๆ คู่นั้นเงยขึ้นสบก่อนจะแบมือออกเห็นเป็นเศษเหรียญจำนวนมากที่รวมเป็นเงินจำนวนหนึ่ง
ทันใดนั้นอวี๋ไป๋ก็ทำในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดนั่นก็คือการก้มหัวโค้งลงให้กับขอทานผู้นั้น “ข้าต้องขออภัยแทนเด็กๆ ในร้านด้วย เด็กๆ อย่าเสียมารยาท คนท่านนี้เป็นลูกค้าร้านเรา ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเจ้าก็ไม่ควรทำเช่นนี้”
“แต่ แต่ว่าเจ้านี่เป็นขอทานนะขอรับ” เสี่ยวเอ้อว่าปากคอสั่น
“แล้วอย่างไร” คุณชายเล็กตวัดสีหน้าเกรี้ยวกราด “ไม่ว่าคนท่านนี้จะเป็นอะไร เขาแค่ใช้เงินที่หามาได้อย่างสุจริตเพื่อซื้อหาในสิ่งที่ต้องการอย่างสุจริต ไม่ถูกต้องตรงไหน”
คราวนี้มู่หยงเบิ่งตามองอย่างประหลาดใจ อา ในที่สุดเขาก็ได้เห็นสีหน้าเกรี้ยวกราดของคุณชาย มันช่าง… งดงามเสียเหลือเกิน
“ข้าต้องขออภัยด้วยกับสิ่งที่เด็กๆ ของข้าได้ทำเสียมารยาทไป” อวี๋ไป๋หันไปประสานมือคารวะขอทานที่ยืนเหลอหลาอีกครั้ง “ไม่ทราบว่าซาลาเปานี้ท่านจะรับประทานเองหรือซื้อไปฝากใครหรือ”
“ข้า.. คือข้า จะซื้อไปฝากเมียข้า นางกำลังท้อง แพ้ท้องหนัก ไม่ยอมกินอะไรมาสองสามวันแล้ว เพ้อแต่จะกินซาลาเปาจากที่นี่ที่เดียว แต่ข้าเพิ่งจะรวบรวมเงินที่ขอทานได้ก็เลย ก็เลย…”
สีหน้าของคุณชายเล็กค่อยละมุนลงอีกครั้ง “เข้าใจแล้ว เด็กๆ จัดซาลาเปาสิบลูกใส่กล่องพร้อมรังนกและกับข้าวอีกสามอย่าง ดูที่ดีต่อคนท้องแล้วให้ท่านอาผู้นี้ ลงบัญชีที่ชื่อข้า”
“คุณชาย !” หลายเสียงประสานรวมเป็นเสียงเดียวกันดังลั่นร้าน ทั้งเสียงตกใจของเสี่ยวเอ้อ เสียงประหลาดใจของขอทาน ไปจนถึงเสียงอุทานอย่างประทับใจของมู่หยง
“ข้าไม่ ข้า…”
“คนท้องจำเป็นต้องกินของดีๆ เพื่อบำรุง ท่านอาผู้นี้อย่าได้เกรงใจ สิ่งที่ท่านทำนั้นเป็นความกล้าหาญอันใหญ่หลวง เพื่อคนที่ท่านรัก ท่านต้องเก็บหอมรอมริบสักเท่าไหร่เพื่อหาเงินมาซื้อซาลาเปานี้ให้นาง ข้ารู้สึกชื่นชมในตัวท่านมาก โปรดรับของนี้จากข้าด้วย แล้วฝากบองนางว่าขอให้คลอดทารกที่แข็งแรงอย่างปลอดภัย ข้าขอยินดีล่วงหน้า”
ขอทานผู้นั้นแทบจะทรุดลงโขกศีรษะกับพื้น ปากพร่ำแต่คำว่าขอบคุณ ดีที่มู่หย่งฉุดแขนขึ้นได้ทัน ใบหน้ากร้าวแกร่งเหลือบมองดวงหน้าขาวหมดจดงดงามดุจหยกเนื้อดีของคุณชายของเขา พลันรอยยิ้มก็จุดขึ้นที่มุมปาก
เย็นนั้นระหว่างที่เดินกลับบ้านมู่หยงแอบเหลือบมองคุณชายอวี๋ไป๋อยู่เงียบๆ ในครั้งแรกที่เขามาทำงานให้กับคุณชายผู้นี้ตามคำสั่งของคุณหนูกู้เสวี่ย เขาก็คิดว่าคุณชายผู้นี้เป็นเพียงเต้าหู้นิ่มๆ ก้อนหนึ่ง ที่นอกจากงดงามนุ่มนิ่มแล้วยังหาประโยชน์อันใดไม่ได้ ทว่าเมื่ออยู่ไปนานๆ เขาก็เริ่มรู้ว่าคุณชายผู้นี้มีอะไรมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก ทั้งสติปัญญาที่เฉียบแหลม ความนิ่งเย็นอันช่วยสยบความร้อนอื่น รวมทั้งความใจดีเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ และการไม่ถือตัวต่อคนชนชั้นต่ำกว่า มองนานๆ มู่หย่งก็เริ่มรู้สึกว่าอะไรบางอย่างภายในอกเริ่มเต้นไม่ถูกจังหวะ มันชักจะดังถี่ๆ แปลกๆ จนเขาต้องยกมือขึ้นกุม
“เป็นอะไรไปหรือมู่หย่ง ไม่สบายหรือ” เห็นบ่าวที่เดินตามหลังทำท่าแปลกๆ อวี๋ไป๋ก็อดสอบถามไม่ได้
“เปล่าขอรับ แค่…”
“เอาเถอะ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงนี่นะ วันนี้เจ้าไปพักที่เรือนใหญ่หนึ่งวันเถอะ ไม่ต้องมาดูแลข้า ข้าอนุญาต” พูดแล้วคุณชายเล็กก็พยักหน้าให้ ไม่ทันให้เขาตอบรับหรือปฏิเสธก็เดินลิ่วเข้าเรือนนกยูงขาวไป
กลางดึกคืนนั้นอวี๋ไป๋อาบน้ำอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะเข้าห้องนอนเมื่อเวลาผ่านไปกลางดึก บนเตียงหลังใหญ่ ร่างโปร่งบางกัดริมฝีปากคล้ายชั่งใจอะไรบางอย่างก่อนจะเอนตัวลงอิงหมอนหมิ่นๆ มือบางยกขึ้นปลดเสื้อคลุมสีขาวตัวบางให้หล่นลงจากไหล่ เม็ดทับทิมสีสวยชูชันท่ามกลางความมืด แสงจันทร์สีเหลืองนวลอาบไล้ลงบนท่อนบนขาวผ่อง ที่นวลเนียนราวกับสลักจากหยก
มือเล็กบางอย่างคนที่ไม่เคยหยิบจับอะไรยกขึ้นเคล้นคลึงตุ่มไตสีสวยบนหน้าอก ดวงหน้าหมดจดแหงนเริ่ดไปทางด้านหลัง จากเพียงนิ้วโป้งที่บดคลึงหยอกเย้า กลายเป็นสองนิ้วที่ช่วยกันเด็ดดึงทับทิมนั้นอย่างกระหาย ความเสียวซ่านแล่นปลาบขึ้นสู่ท้ายทอยจนต้องสูดปาก
อวี๋ไป๋น้ำตาคลอ ใบหน้าอาบย้อมไปด้วยราคะอย่างรุนแรง ไม่มีใครรู้แม้แต่สักคนเดียวว่าคุณชายเล็กของบ้านนี้มักจะเล่นเช่นนี้กับร่างกายตนเองบ่อยๆ เมื่อมีโอกาส แม้แต่อวี๋ไป๋เองก็ไม่เข้าใจว่าตนเองเป็นอะไร รู้เพียงแต่ว่าเมื่อทำเช่นนี้แล้วเหมือนกระแสความสุขจะอาบไปทั่วร่าง
มือขาวละจากยอดอกที่แดงก่ำและบวมเป่งลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของตัวเองอย่างกระหาย ก่อนจะเลื่อนลงสู่เบื้องล่าง แท่งหยกสีขาวผ่องขนาดพอดีที่ตรงปลายแดงก่ำและเยิ้มไปด้วยความปรารถนาบัดนี้กำลังชูชันขึ้นจากระหว่างสาบของชุดที่แบะออก อวี๋ไป๋ชันเข่าขึ้นก่อนจะแบะขาออกในท่าน่าอาย นิ้วเรียวยาวราวแท่งเทียนกอบกุมแท่งหยกนั้นเพียงแผ่วเบาก่อนจะส่งปลายเล็บขยี้ที่ส่วนปลาย ใบหน้าเหยเกเกรี้ยวกราดด้วยความร่านแหงนเริ่ดจนลำคอเป็นเส้นตรง
อุ้งมืออีกข้างช่วยประคองแท่งหยกนั้นก่อนจะค่อยๆ เด็ดดึงขึ้นลงอย่างแผ่วเบาสลับหนักหน่วง เสียงครวญครางหวานหูค่อยๆ หลุดรอดจากริมฝีปาก ก่อนจะดังขึ้นเรื่อยๆ คล้ายคนเจ็บปวดจากการถูกโบยตี
อวี๋ไป๋ยังคงตกอยู่ในห้วงแห่งราคะ ภาพตอนนี้ช่างดูร่านและงดงามราวภาพวาด
ทันใดนั้นประตูห้องบานไม้ที่ไม่ได้ลงกลอนพลันถูกผลักเข้ามาดังผลั่วะ
“คุณชาย เกิดอะไรขึ้นขอรั…” เป็นมู่หยงที่ผลักประตูเข้ามาหน้าตาตื่น ในมือกุมดาบคู่ใจที่พร้อมจะมาฟาดฟันผู้บุกรุกที่ทำร้ายคุณชายของเขา
ทว่าภาพที่ปรากฎต่อสายตาคือคุณชายของเขาที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยนอนเอนกายอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าที่เขาบอกไม่ถูก ทว่ามันช่างสวยงาม ยั่วยวน ชวนให้ขยี้ให้แหลกคามือ !
อวี๋ไป๋ตกใจแทบสิ้นสติ เขาไม่คิดว่ามู่หยงจะโผล่เข้ามาในเวลาแบบนี้ มู่หยงที่คืนนี้น่าจะไปนอนที่เรือนใหญ่ มู่หยงที่ไม่ควรเข้ามาเห็นอะไรเช่นนี้ พลันเลือดพากันวิ่งขึ้นแก้ม ดวงหน้าราวหยกสลักฉาบย้อมไปด้วยความอับอายเหลือประมาณ
ในขณะที่มือขาวกำลังจะชักออก จู่ๆ มู่หยงก็พุ่งตรงเข้ามาคุกเข่าอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณชายบาดเจ็บตรงไหนขอรับ เมื่อกี้ข้าเห็นท่านกุมบาดแผลตรงนี้”
มือใหญ่และสากเอื้อมไปแตะที่แท่งหยกพลางพลิกหารอยบาดแผลอย่างอุกอาจจนคุณชายเล็กหน้าแดงซ่าน เอ่ยอะไรไม่ออกไปหลายคำ
“มันแดง แล้วก็บวมเป่งมาก คุณชายถูกพิษมาใช่หรือไม่” มือนั้นยังไม่หยุดลูบคลำ ความสากบนมือเมื่อเสียดสีกับผิวเนื้ออ่อนทำให้อวี๋ไป๋เสียวซ่านสุดขีดจนขนที่ต้นคอลุกชัน
คุณชายหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกตีศีรษะด้วยของแข็งซ้อนสองทีเมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ก่อนหน้านี้ซ้อใหญ่เคยบอกว่ามู่หยงแม้ต่อยตีเก่งกาจทว่าไม่ประสาเรื่องทางโลก เขาไม่คิดว่าแม้แต่เรื่องเช่นนี้เจ้านี่กลับไม่ประสาด้วย
“คุณชาย ตอบบ่าวหน่อย ตรงนี้ของคุณชายมันร้อนแล้วก็แดงก่ำ จะให้บ่าวช่วยคุณชายอย่างไรดี”
มู่หยงประคองแท่งหยกขาวพลางลูบคลำอย่างเบามือขณะเงยหน้ามองผู้เป็นนายที่กัดฟันกรอด ยิ่งมือสากอย่างคนจับดาบนั้นลูบคลำเท่าไหร่ความเสียวซ่านก็ยิ่งแล่นตามไขสันหลังจนแทบระงับไม่ได้
“ไม่ ไม่ต้อง เดี๋ยวถ้ามันได้เอาน้ำออกมันก็จะสงบเอง” อวี๋ไป๋หันดวงหน้าแดงก่ำไปทางอื่น
“ทำยังไงถึงจะเอาน้ำออกได้ ต้องใช้ยาอะไร” ดวงหน้าไม่ประสาโลกนั้นทอแววจริงจังจนคุณชายเล็กไม่รู้จะทำอย่างไร
“ไม่ ไม่ต้องใช้ยา ถ้ามันเย็นลงเดี๋ยวมันก็หายเอง” ฝืนความกระดากอายอธิบายหลายประโยคแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจอะไรยากกว่าที่คิด
“แต่คุณชายกำลังทรมาน ให้บ่าวช่วยเถิด ถ้ามันเย็นลงและได้ปล่อยน้ำคุณชายจะหายทรมานใช่หรือไม่”
อวี๋ไป๋จนปัญญาที่จะอธิบาย ในขณะที่คิดว่าจะไล่อีกฝ่ายไปนั้น พลันริมฝีปากเย็นก็ครอบลงมาบนแท่งหยกก่อนจะดูดดึงอย่างแรงจนร่างขาวเสียววาบถึงท้องน้อย
“เจ้า เจ้าทำอะไรน่ะ” นัยน์ตาตระหนกนั้นเบิกกว้างอย่างตกใจสุดขีด
“ที่โรงครัวเวลาใครถูกน้ำร้อนลวกก็จะเอานิ้วเข้าปากเพราะในปากนั้นเย็น บ่าวจะใช้ปากเอาน้ำออกให้คุณชายเอง” มู่หย่งเงยหน้าขึ้นอธิบายอย่างรวบรัดก่อนจะก้มลงไปดูดเลียแท่งหยกนั้นอย่างตั้งใจอีกครั้ง
“เดี๋ยว ต… แต่ว่ามัน อ๊า… มู่หย่ง ตรงนั้น อย่า อ๊า…” ดวงหน้าที่อาบย้อมไปด้วยความเสียวซ่านสะบัดไปมาไม่หยุด เมื่อริมฝีปากนั้นดูดเลียขบเม้มอย่างเอาเป็นเอาตาย ปลายลิ้นเย็นตวัดแหย่ตรงปลายอย่างไม่ได้ตั้งใจ ในขณะที่ฟันคมครูดเบาๆ ที่เนื้ออ่อนชวนให้เสียวกระสันต์
“รู้สึกดีขึ้นไหมขอรับ อดทนอีกนิดนะขอรับคุณชาย”
อวี๋ไป๋เท้าแขนลงกับที่นอน ขาสองข้างแยกออกกว้างในท่าน่าอาย ตรงกลางระหว่างขามีร่างใหญ่ของบ่าวคนสนิทที่กำลังก้มหน้าลงใช้ปากกับส่วนอ่อนไหวของเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ ช่างเป็นภาพที่ชวนให้รู้สึกร่านไปถึงจิตวิญญาณ
แม้จะไม่ประสีประสา ทว่าเมื่อแท่งหยกเข้าปากแล้ว มู่หยงก็แค่ดูดเลียไปตามสัญชาตญาณ แท่งหยกของคุณชายที่อยู่ในปากเขานั้นนุ่มนิ่ม หอมกรุ่น และแดงก่ำอย่างน่าดู มันกระตุ้นให้เขารู้สึกประหลาดบางอย่างในอก หัวใจที่เต้นช้าอย่างคนสุขภาพดีรัวเร็วเป็นจังหวะกลอง ในขณะที่ท้องน้อยก็รู้สึกเสียววูบจนเขาเผลอเม้มปากที่ส่วนปลายแดงก่ำนั้นทีหนึ่ง จู่ๆ คุณชายของเขาก็กรีดร้องลั่น น้ำสีขาวขุ่นก็พุ่งพรวดเข้าสู่ภายในลำคอเขาและมีบางส่วนที่ย้อยมาตรงมุมปากทว่าเขาก็ตวัดลิ้นกินมันเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
“มู่หยง !”
“คุณชาย คุณชายปลอดภัยแล้ว” มู่หยงค่อยๆ ประคองแท่งหยกที่อ่อนตัวลงนั้นลง ก่อนจะเงยหน้ามองสบกับดวงหน้าขาวที่บัดนี้แดงก่ำเจียนระเบิด
“เจ้า เจ้า…”
“อ๊ะ” จู่ๆ มู่หยงก็มีสีหน้าตกใจ “ข้าติดพิษจากคุณชายแล้ว”
“อะไรนะ !”
“ส่วนนั้นของข้ากำลังพองขยายและร้อนแบบเดียวกับคุณชายเลย”
คราวนี้คุณชายเล็กหน้าแดงสลับซีด อุทานเสียงดัง “เจ้าบ้า”
เขารู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายคงเกิดอารมณ์เข้าให้แล้ว และถ้าปล่อยไว้แบบนี้กว่าจะสงบก็คงทรมานไปทั้งคืน ริมฝีปากบางเม้มหนักหน่วงก่อนจะตัดสินใจลากร่างสูงใหญ่ขึ้นมาบนเตียง
“ถอดชุดออก”
“คุณชาย”
“ข้าสั่งให้ถอดชุดออก”
มู่หย่งปลดสายคาดเอวก่อนจะถอดชุดตามคำสั่ง พลันอวี๋ไป๋ก็แทบหายใจติดขัดเมื่อเห็นกล้ามเนื้อแกร่งได้รูปสวยงามที่ตนเองไม่มี ทั้งบนอก บนแขน บนท้อง และบนขาแกร่งกำยำนั้น พลันเมื่อชุดหลุดลงทั้งหมด มังกรใหญ่สีเข้มก็ดีดผึงขึ้นชี้หน้าจนคุณชายเล็กอุทานลั่นกับขนาดอันมหฬารนั้น
“ทำไมถึงใหญ่ขนาดนี้”
“คุณชาย บ่าวจะหาทางรักษาเอง คุณชายปลอดภัยก็พอแล้ว”
“เจ้าบ้า เจ้าเป็นแบบนี้เพราะข้า ข้าต้องรับผิดชอบ” พูดแล้วดวงหน้างดงามหมดจดก็แดงก่ำ
มือเรียวขาวค่อยๆ ยื่นไปแตะมังกรผงาดนั้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ มันใหญ่และร้อนจัด ทั้งตรงปลายก็มีน้ำเยิ้มอย่างคนมีอารมณ์
“คุณชาย ข้า รู้สึกแปลกๆ” อวี๋ไป๋ช้อนตาขึ้นมอง “มันเหมือนรู้สึกทรมานแต่ก็รู้สึกดี”
ร่างเล็กกว่าหลุดขำออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะก้มลงไปครอบครองมังกรใหญ่นั้นไว้ด้วยริมฝีปาก ดวงหน้านั้นคละเคล้าไปด้วยความเขินอาย ความกลัว ความต้องการ และความร่านราคะ ผสานออกมากลายเป็นความงดงามที่ยั่วยวนชวนให้บดขยี้จนป่นปี้
ลิ้นเล็กตวัดไล้ไปตามความยาวของมังกรนั้น เพราะความใหญ่ขนาดนี้ เช่นไรก็คงไม่สามารถรับเข้าปากได้ทั้งหมด อวี๋ไป๋ไล้เลีย ขบเม้ม ดูดกลืนอย่างที่เคยรู้มาบ้างจนเมื่อยปาก ทว่าอีกฝ่ายก็ทำเพียงแค่สูดปากเบาๆ ไม่มีทีท่าว่าจะถึงฝั่ง
“เจ้าจะอึดเกินไปแล้ว” ดวงหน้าแง่งอนสะบัดเสียง
“คุณชาย ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ถึงไม่สามารถขับพิษได้ข้าก็ยอมตาย มู่หยงได้ช่วยเหลือคุณชายได้ก็ตายตาหลับแล้ว”
อวี๋ไป๋เงยหน้ามองสีหน้าอ่อนโยนของบ่าวคนสนิทที่ทอดมองมาก็ได้แต่กัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิด
“มู่หยง ถ้าข้าทำอะไรไปเจ้าจะโกรธข้าหรือเปล่า”
บ่าวหนุ่มมองหน้าคุณชายอย่างไม่เข้าใจ ทว่าศีรษะก็พลันส่ายในทันที “ไม่ขอรับ ไม่ว่าคุณชายจะทำอะไร ข้ารู้ว่าท่านตัดสินใจดีที่สุดแล้ว”
สิ้นสุดคำพูด อวี๋ไป๋ก็ยันตัวขึ้นประกบปากกับร่างสูงใหญ่ ริมฝีปากอ่อนนุ่มบดเคล้า หยอกล้อ ก่อนจะส่งลิ้นเข้าไปไล่ต้อนภายในปากของอีกฝ่าย ทว่าสัญชาตญาณนักล่าของมู่หยงก็ทำให้เขายึดต้นคอของร่างเล็กเอาไว้ก่อนจะจูบตอบอย่างไม่ประสาทว่าดุดันและเร่าร้อน
“อืม ลูบไล้ข้าสิ แตะต้องข้า ทำให้เนื้อตัวข้ามีแต่ร่องรอยของเจ้า”
มู่หยงไม่เข้าใจว่าตนเองเข้าใจถูกต้องไหม ทว่าสัญชาตญาณก็พาให้มือใหญ่หยาบกร้านลากไล้ไปทั่วผิวขาวนุ่มลื่นราวทารกนั่น ไม่ว่าจะเลื่อนไปตรงไหนมือใหญ่ก็จับต้องฟอนเฟ้นจนร่างเล็กรู้สึกซ่านสยิว
“ดูดสิ” มือบางกดศีรษะของร่างสูงใหญ่ให้ริมฝีปากมาหยุดอยู่ตรงหน้าอก และมู่หยงก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อมันไล้เลียเม็ดทับทิมแดงก่ำนั่นราวกับคนหิวกระหาย ปลายลิ้นที่หยอกล้อขบกัดทำให้คุณชายของมันเสียวจนตัวสั่น
ระหว่างนั้นอวี๋ไป๋ก็ยกมือแกร่งข้างนึงขึ้นมาแนบหน้าก่อนจะดูดกลืนนิ้วมือสองนิ้วเข้าไปในปากเล็กจนชุ่มน้ำลาย เขานำพานิ้วทั้งสองเลื่อนลงมาจนถึงปากทางป่าท้อสีแดงสด จีบสีสดที่หุบสนิทนั้นบ่งบอกว่ายังไม่เคยมีใครเข้าไปเยือนป่านี้มาก่อน
“เจ้าต้องช่วยข้าเตรียมตัวก่อน สอดนิ้วเจ้าเข้าไปในตัวข้าแล้วขยายช่องทางให้ข้า”
มู่หยงยังคงมัวเมาอยู่กับเม็ดทับทิมทั้งสองข้างนั้น ทว่าก็ได้ยินคำสั่งชัดเจน นิ้วทั้งสองจึงค่อยๆ บุกรุกเข้าไปในป่าท้อนั้นอย่างเชื่องช้าอ่อนโยนก่อนจะค่อยๆ หมุนคว้างขยายช่องทางให้ใหญ่ขึ้นตามคำสั่ง ระหว่างนั้นเมื่อนิ้วไปสะกิดถูกจุดหนึ่งคุณชายของมันก็สะดุ้งขึ้นสุดตัว
“อ๊า…”
“เจ็บหรือขอรับคุณชาย” มันถามอย่างตระหนก ทว่าคุณชายหนุ่มกลับซบใบหน้าลงบนบ่ามัน
“เปล่า ตรงนั้นมัน… มันทำให้ข้ารู้สึกดี”
ไม่รอช้านิ้วมือสากระคายจึงแตะแรงๆ เข้ากับจุดนั้นหลายทีจนคุณชายสะบัดหน้าอยู่กับบ่ามัน
“อ๊า… มู่หยง เจ้าแกล้งข้า”
ใบหน้างดงามบิดเบ้ ทว่าดวงตานั้นวาววับ อวี๋ไป๋ชันตัวปีนขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักของบ่าวมู่หย่งก่อนจะเสียดสีแท่งหยกของตัวเองที่พองนูนขึ้นอีกคราเข้ากับมังกรใหญ่ที่แดงก่ำเจียนระเบิด
“ข้าจะแกล้งเจ้ามั่ง”
อวี๋ไป๋เสียดสีแท่งหยกและบั้นท้ายเข้ากับเนื้อร้อนๆ ของร่างแกร่งอย่างยั่วยวน ริมฝีปากเอี้ยวไปเลาะเล็มช่วงใบหู แนวคาง และซอกคอของอีกฝ่าย ไม่ทันได้รับรู้ว่าเบื้องหลัง สองมือแกร่งเข้ามาช้อนอุ้มเอาบั้นท้ายขาวก่อนจะขยำขยี้เค้นคลึงอย่างเมามัน พลันสองนิ้วที่ถูกถอดถอนออกมาก็ดันกลับเข้าไปใหม่ก่อนจะหมุนคว้างชัดเข้าชักออกอย่างดุดันจนคนถูกกระทำกรีดร้องไม่เป็นภาษา
“อ๊ะ อ๊า… อย่าทำแบบนั้น ข้าเสียว มู่หยง ข้าจะไม่ไหวแล้ว”
พลันนิ้วมือถูกชักออก ก่อนจะเป็นมังกรดุ้นใหญ่ที่ถูกดันเข้าไปแทนที่ในพรวดเดียว อวี๋ไป๋เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง เสียงร้องค้างอยู่ในลำคอ ไม่ทันให้ตั้งตัวมู่หยงก็ผลักคุณชายของมันนอนลงบนเตียงก่อนจะขยับซอยเข้าออกอย่างเชื่องช้าก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรง เสียงร้องของอวี๋ไป๋แปรเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางหวานหูประสานไปกับเสียงเสียดสีเฉอะแฉะที่เต็มไปด้วยราคะ
“มู่หยง มู่หยง เร็วอีก อ๊า…”
“ข้างในของท่านหอมหวานและรัดข้าจนแน่นไปหมด” ร่างแกร่งคำรามอย่างพอใจก่อนจะเพิ่มความเร็วและแรงจนร่างข้างใต้สั่นสะท้าน
ในที่สุดมังกรใหญ่ก็ขยับฝังตัวลึกที่สุด แรงที่สุด ก่อนจะคายน้ำขาวขุ่นฉีดพุ่งเข้าสู่โพรงอุ่นนุ่มภายในในจังหวะเดียวกับที่แท่งหยกคายน้ำรอบที่สองใส่หน้าท้องแกร่ง
“แฮ่ก แฮ่ก มู่หยง เจ้า…” อวี๋ไป๋เงยหน้าขึ้นเตรียมจะพ่นถ้อยความอะไรสักอย่างทว่ามู่หยงรีบฉกริมฝีปากลงมาอย่างรวดเร็วก่อนจะบดเคล้าคลึงร่างเล็กให้หลงเมามายและชักชวนให้กลืนยาบางอย่างลงไปไม่รู้ตัว และเมื่อถอนริมฝีปากออกคุณชายผู้งดงามและหวานล้ำก็หมดฤทธิ์ไปแล้ว
มู่หยงถอนหายใจก่อนจะดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้แนบอกทั้งที่ส่วนล่างยังเชื่อมกันอยู่ ดวงตาคู่คมแกร่งเงยหน้ามองเพดานอย่างไม่มีเค้าคนไม่ประสาโลก
เขาเหลือบมองคนในอ้อมแขนก่อนจะหัวเราะออกมาคำหนึ่ง คุณชายหน้าอ่อนนี่เชื่อจริงๆ ด้วยว่าในโลกนี้จะมีผู้ชายที่ไม่รู้จักเรื่องเพศรสอยู่ เขาอุตส่าห์อดกลั้นมาได้ตั้งนานเช่นนี้ คุณชายเล็กยังยั่วเขาได้อย่างไม่ปรานี แล้วเช่นนี้จะให้เขาปล่อยไปก็บ้าเต็มทน
แม้มู่หยงจะเป็นเพียงหลานไม่รักของเจ้าสำนักเขาไผ่ขาวที่เบื่อสำนักเลยติดตามพี่กู้เสวี่ยมาอยู่ที่บ้านสามีโดยปิดบังฐานะ ทว่าด้วยฝีมือวรยุทธ์และสติปัญญาเช่นเขาหากตั้งใจพุ่งชนอะไรแล้วใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
คราวนี้คุณชายอวี๋ไป๋ทำเกินไปจริงๆ เขาตั้งใจว่าจะแค่ช่วยปลดปล่อยให้คุณชายและทำตัวเป็นคนไม่ประสาโลกต่อไป เพื่อเฝ้ามองคุณชายที่เขาชื่นชมอยู่ห่างๆ แต่คุณชายเล่นยั่วยวนกันเช่นนี้ ตบะแก่กล้าแค่ไหนก็ไม่ต้องกลั้นกันแล้ว
พรุ่งนี้เถอะ เขาจะทำให้คุณชายได้รู้ว่าการมายั่วให้คนอย่างมู่หยงหลงใหลนั้นจะเป็นเช่นไร เขาจะกัดคุณชายผู้นี้ไม่ปล่อย ไม่ว่าอุปสรรคกี่ด่าน เขาก็จะคว้าคุณชายผู้นี้มาคู่ชีวิตให้ได้ !
เจ้าเป็นของข้าแล้ว !
อวี๋ไป๋ เจ้าเป็นของคุณชายมู่หยงแห่งสำนักเขาไผ่ขาวแล้ว !
END
TalK : จบแล้วจริงๆ ค่ะ แต่อาจจะตอนพิเศษนะคะ ^^