หาเพื่อนนอนสนใจทัก DM ครับ : ตอนพิเศษวันคริสต์มาส [25/12/2019] P.30
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หาเพื่อนนอนสนใจทัก DM ครับ : ตอนพิเศษวันคริสต์มาส [25/12/2019] P.30  (อ่าน 240910 ครั้ง)

ออฟไลน์ Fiasarinya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอพี่พพที่ท่าน่ำทุกวันเลย เมื่อไหร่จะอัพหนอ แงแง

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สงสารพี่สายฟ้าสุดดดด  :laugh:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
สนุกมากครับ. ติดตาม,,,

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: เหนื่อยใจกับพระพาย

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
เหอ เหอ  ปลาพี่พอง 55
 :katai2-1:
 :pig4:

ออฟไลน์ JackXy Wu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-5
บทที่ 20

ใครเพื่อนมึง





เทพท้อกับประชาธิปไตยที่หายไป @LostDemocracy44

ตั้งตัวเป็นพ่อคนอื่น ถามความเห็นเขาหรือยังว่าอยากได้พ่อแบบลุงมั้ย ถุ้ย! เป็นทั้งทหาร นาย ก. เจ้าหน้าที่รัฐ บุคคลสาธารณะ นักแต่งเพลง โอ้โห กูนึกว่าอยู่ในหนังเรื่อง Split มีหลายบุคคลิกในตัวอะไรขนาดนั้นถามก่อน #ใครลูกมึง


“กว่าแบบร่างจะผ่าน แม่ง กูแก้แล้วแก้อีก”

“ก็ผ่านแล้วนี่ไง” ผมปลอบใจตั้มในขณะเดินลงจากตึกคณะ เขาบ่นเรื่องแบบงานมาสักพักแล้ว “เนี่ย ต่อไปก็แกะลงกระเบื้องยางต่อเลย แต่ของตั้มลงรายละเอียดเยอะมาก เราว่าต้องเมื่อยมือแน่ๆ”

“ไม่อยากลงละเอียดแบบนี้หรอก แต่มึงก็เห็นอะเฟน จารย์แกชอบแบบนั้น ถ้ากูไม่ทำ แก้อีกสิบรอบก็ไม่ผ่าน”

“ตั้มเลยประชดใส่ไปเยอะๆ เลยใช่มั้ย?”

“เอ่อ...ก็ใช่” เขาหัวเราะแหะๆ ผมส่ายหัว หลุดยิ้มออกมา “อะ ขำใหญ่ ได้ทีแล้วขำใหญ่ ใช่ซี่ คนที่แบบผ่านตั้งแต่ครั้งแรกคงไม่เข้าใจว่าการแก้งานซ้ำซากเป็นยังไง”

“ตั้มก็เว่อร์ไป” ผมหัวเราะ

“เออ แล้วจะไปไหนต่อมั้ย?” เขาถามตอนเราเดินมาถึงโถงล่างตึกพอดี “ถ้าไม่ได้จะไปไหนกูจะชวนมึงไปนั่งทำงานอะ จะขอยืมไม้แกะด้วย กูยังไม่ได้ซื้อเลย”

“อ่า…” ผมเกาแก้มเบาๆ เผลอก้มหน้าอมยิ้มกับตัวเอง “มีนัดแล้วน่ะตั้ม ขอโทษนะ”

“กับใคร?”

“ก็…”

“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งบอก” ตั้มยกมือห้าม เขาหรี่ตา สีหน้าครุ่นคิด “ให้กูเดา พี่พระพายถูกมั้ย?”

“อื้ม” ผมพยักหน้ารับ

“แหม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มีความเขินอายหน้าแดง มันอะไรยังไง”

“ก็ไม่อะไร”

“กูก็อยากเชื่อนะถ้ามึงไม่เขินจนแทบจะม้วนตัวแบบนี้” ตั้มส่งเสียงจิ๊จ๊ะ เขาหยิกแขนผมเบาๆ “ทำมาเกาะแขนมามุดหน้ากับไหล่กู น่ารักตายแหละไอ้ตัวดี สารภาพมาเลย ปิดบังอะไรเพื่อนมึงไว้ฮึ?”

“ตั้มไม่ไล่บี้เราสิ มันเขินนนน”

“เขินตอนนี้หรือจะให้กูตะโกนถามดังๆ อีกที”

“ตั้มมมมม”

“ขอโทษที ลูกอ้อนมึงใช้ไม่ได้ผลกับทุกคน ถึงพี่พระพายจะแพ้ลูกอ้อนมึงแต่ไม่ใช่กับกู บอกเลยว่าความเสือกยืนหนึ่ง กูเกิดมาเพื่อรู้เรื่องของมึงและมนุษย์ทั่วโลก!”

“ถ้าตั้มตั้งใจมุ่งมั่นกับการเรียนเหมือนที่อยากรู้เรื่องของเราก็คงดีอะ”

“ด่ากูตาใสอีกแล้วไอ้ตัวดี!”

“อย่าตีเรา โอ๊ย! บอกแล้ว ไม่หยิกแก้มเราสิตั้ม!” ผมตีมือเขาที่หยิกแก้มผมแล้วจับยืดออก ตั้มส่งเสียงเหอะ เขาเอนตัวพิงกำแพงหรี่ตาจ้องผม “ก็...แบบว่า เรากับพี่พระพายอะ จะว่าไงดี”

“จะว่าไงก็รีบว่ามั้ย เล่นตัวนัก”

“ก็...คบกันแล้ว” ผมก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาเพื่อน กลัวโดนล้ออะ

“กูว่าแล้ว!” ตั้มตบมือตัวเองดังลั่น “มึงมาเรียนด้วยออร่าสีชมพูเปล่งประกายขนาดนี้ เรดาห์กูดังตั้งแต่เช้า แหมๆๆ ถ้ากูไม่ถามนี่จะบอกมั้ย อุบอิบเก่งนัก”

“ก็ต้องบอกอยู่แล้ว เราแค่ยังหาจังหวะไม่ได้ไง”

“แล้วคบกันตอนไหน”

“วันเสาร์ที่ผ่านมานี้อะ”

“ได้กันยังอะ”

“ตั้ม!” ผมฟาดแขนเขาเต็มแรงจนอีกฝ่ายร้องลั่นลูบแขนตัวเองรัวๆ “น่าเกลียด พูดจาอะไร เห็นเราเป็นคนยังไงเนี่ย!?”

“กูน่ะไม่ได้เห็นมึงเป็นคนแรดหรือไวไฟอะไรเว้ย” เขารีบแก้ตัว “แต่พี่พระพายต่างหาก รายนั้นน่ะร้าย กูกลัวว่ามึงจะโดนเขารวบหัวรวบหางจับกินตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกันต่างหาก”

“พี่พระพายไม่ได้ทำสักหน่อย” ผมอุบอิบเสียงเบา ก็แค่...เกือบรีดพิษใส่ผม

“ก็ดีแล้วมึง เพิ่งคบกันเอง อย่าไปไวไฟนัก รักนวลสงวนตัวไว้ก่อน พี่มันได้ง่ายๆ ก็ทิ้งง่ายๆ นะเว้ย”

“พี่พระพายไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อยตั้ม” ผมอดแก้ตัวแทนไม่ได้

“ก็เผื่อไว้ก่อน อะไรก็ไม่แน่นอนปะ”

“แต่เรา…”

“หนูเฟนนนน”

ผมหันไปตามเสียงเรียก สายตาปะทะเข้ากับร่างสูงโดดเด่นของพี่พระพายที่ยิ้มร่าโบกมือมาให้แต่ไกล ผมยิ้มตอบ แอบยกมือโบกกลับนิดนึง

“ระริกระรี้จังเพื่อนกูเนี่ย”

“เปล่าสักหน่อยตั้ม”

“เออ งั้นกูไปล่ะ” ตั้มโบกมือลา เขามองหน้าผมอยู่สักพักก่อนถอนหายใจ “อย่าลืมล่ะ ที่กูเตือนอะ เป็นห่วงนะเว้ย พี่มันดูร้ายๆ ส่วนมึงก็เด๋อด๋าตาใสแบบนี้อะ”

“อื้อ ขอบใจนะตั้ม”

“เค เจอกันพรุ่งนี้เว้ย” ตั้มเดินแยกไปอีกทางพอดีกับที่พี่พระพายเดินมาถึงผม

“เพื่อนทิ้งเหรอเรา”

“เปล่าสักหน่อย” ผมแก้ต่าง เผลอหดคอตอนพี่พระพายวางมือบนหัวแล้วลูบเบาๆ “ไม่ลูบหัวสิ ผมเรายุ่งหมดแล้วพี่”

“ก็คิดถึงหนู” เขาหยอดพร้อมกับยิ้มตาเป็นประกาย เล่นเอาผมเขินหน้าร้อนก่อนหลบตาเมื่อเขาพูดประโยคต่อมา “คิดถึงแฟนอะครับ”

“พูดอะไรก็ไม่รู้”

“หนูรู้”

“ไม่รู้จริงๆ”

“ถ้าไม่รู้จริงๆ แล้วหน้าแดงทำไม” พี่พระพายก้มหน้าลงมา เขาพยายามจะมองหน้าผมให้ได้ “หนูรู้ว่าพี่พูดอะไรไม่งั้นจะเขินพี่ทำไม เด็กน้อย โกหกไม่เก่งนะเราน่ะ”

“พี่แกล้งเราอะ”

“พอสู้ไม่ได้ก็โวยวาย แฟนใครเนี่ย”

“พี่จะย้ำคำนี้อีกนานมั้ย พี่อยากให้เราเขินตายหรือไง”

“จะย้ำจนกว่าหนูจะเขินแล้วม้วนมาซุกอกพี่นี่แหละครับ” พี่พระพายยิ้มร่า เขากางแขนออก แอ่นอกจนเกือบกระแทกหน้าผม ผมส่ายหัวดิก ก้าวถอยหลังหนีอีกคนทันที

“น่ากลัวอะ”

“พี่เหรอ?”

“นมพี่อะน่ากลัว”

“อะ พูดแบบนี้แสดงว่ากำลังดูหมิ่นนมดุ๊กดิ๊ก” เขาหรี่ตา “เอาเลยมั้ยล่ะ พี่ดุ๊กดิ๊กใส่ตรงนี้เลย”

“ไม่เอา หยุดเลยนะพี่พระพาย! ห้ามทำนมดุ๊กดิ๊กในที่สาธารณะนะ!”

“ล้อเล่นน่า” เขาหัวเราะ จับหัวผมโยกไปมาแล้วก้มหน้าจนสายตาเราอยู่ในระดับเดียวกัน แววตาพี่พระพายฉายประกายขบขันรับกับรอยยิ้มขี้แกล้ง “พี่ไม่ทำหรอก นมดุ๊กดิ๊กอะพี่ให้หนูดูได้คนเดียว”

“เราควรดีใจใช่มั้ย”

“ใช่สิครับ เป็นคนพิเศษเลยน้า”

“พี่อะ บ้าบอ” ผมหลุดหัวเราะออกมาจนได้

“แต่ก็ชอบใช่มั้ยล่ะคนบ้าเนี่ย หัวเราะใหญ่ สดใสกว่าพระอาทิตย์ก็หนูนี่แหละเฟน” พี่พระพายโอบไหล่ผมก่อนเราสองคนจะพากันเดินออกจากใต้ตึก “ว่าแต่เราหอบอะไรมาเยอะแยะเลยเนี่ย?”

“งานอะพี่ ตอนนี้เราเรียนภาพพิมพ์ อุปกรณ์ที่ใช้เรียนเลยเยอะหน่อย”

“อ๋อ ที่ต้องแกะลายแล้วพิมพ์หมึกลงกระดาษอะไรแบบนั้นใช่มั้ย”

“อื้อ เนี่ย วันนี้เราแกะจนเมื่อยมือไปหมด”

“เรื่องเมื่อยมือนี่พี่เข้าใจเลย”

“พี่เคยทำเหรอ” ผมเงยหน้ามองเขา พี่พระพายหันมาสบตา เขายิ้มให้ผม

“เปล่าครับ พี่เคยทำอย่างอื่น เมื่อยมือเหมือนกัน”

“ใช้แรงข้อมือเยอะเหรอพี่?” อย่างงานแกะลายนี่ผมต้องเกร็งข้อมือเวลาแกะพวกลายที่ละเอียดๆ เหมือนกัน เพราะถ้าแกะพลาดแฉลบไปต้องทำใหม่หมดเลย

“ครับ ใช้บ่อย แต่ต่อไปคงไม่ต้องใช้มือแล้วแหละ :)

“หือ?” ผมกะพริบตาปริบ ไม่เข้าใจว่าพี่พระพายจะสื่ออะไร เลยได้แต่เดามั่วๆ “อย่างเมื่อก่อนเขียนรายงานแต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาพิมพ์ในคอมแทนงี้เหรอ?”

“ช่าย เปลี่ยนมาใช้นิ้วแทน สองนิ้วบ้าง สามนิ้วบ้างแล้วแต่ความแน่น”

“อีกแล้วอะ พี่ลากเสียงกับพูดจางงๆ อีกแล้ว” ผมมุ่นคิ้ว ขืนตัวจากแขนพี่พระพายที่โอบไหล่ตัวเอง “ต้องมีลับลมคมในในประโยคแน่ๆ เราดูออก”

“หนูคิดมากไป”

“ยิ่งอยู่กับพี่เรายิ่งต้องคิดมากๆ คิดลึกๆ”

“โห ถึงขั้นคิดลึกๆ เลยเหรอ” พี่พระพายหลุดหัวเราะพรืด เขาเหล่ตามองผม ริมฝีปากกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรื่องคิดลึกพี่ถนัดนะ ให้พี่สอนมั้ย พี่จะสอนให้ ‘ลึกๆ’ เท่าที่หนูอยากรู้เลยครับ”

“ไม่เอา!”

“ทำไมอะ”

“พี่น่ากลัว”

“น่ากลัวก็แฟนหนูนะเฟน”

“เอ๊ะ พี่พระพายนี่…” ผมตั้งท่าจะบ่น แต่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้นมาก่อน หยิบออกมาถึงเห็นว่าฟรองซ์โทรหา ผมเลยหยุดรับสายเขาก่อน “ฮัลโหลฟรองซ์ หือ...อ๋อ ยังๆ แต่เกือบจะออกแล้ว อะไรนะ เอ่อ...เรามีนัดกับพี่พระพายอะฟรองซ์…”

“เฟนไม่ว่างครับ ว๊าย มาทีหลัง จองตัวเฟนไม่ทัน น่าสงสาร”

“พี่พระพาย!” ผมตีเขาโทษฐานแกล้งฟรองซ์จนฝาแฝดผมส่งเสียงโวยวายลั่นทำปวดหูไปหมด “ฮัลโหลฟรองซ์ อื้อ เอาไงอะ...เอาแบบนั้นเหรอ แต่...เฮ้อ ก็ได้ๆ ฟรองซ์หยุดตัดพ้อเราได้แล้ว เดี๋ยวเรารออยู่ที่ลานจอดรถประตูสามนะ มาถูกมั้ย โอเคๆ ถ้าหาไม่เจอก็โทรมานะ อื้ม บาย”

“หนู” พี่พระพายสะกิดไหล่ผมเบาๆ ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์มองเขา อีกฝ่ายทำสีหน้าแปลกๆ “อย่าบอกพี่นะว่าฟรองซ์จะมาหา”

“อ่า...ใช่ครับ” ผมพยักหน้ารับ “ฟรองซ์จะไปด้วยอะพี่”

“แต่เราจะไปเดตกันนะหนู”

“เรารู้ เราพยายามปฏิเสธแล้วแต่เราก็ไม่อยากทิ้งฟรองซ์ไว้” ผมกะพริบตาอ้อนพี่พระพายที่ดูไม่สบอารมณ์นิดหน่อย “เรารู้จักนิสัยฟรองซ์ดี ยอมเขาไปก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยพูดให้อีกทีนึง พี่พระพายไม่โกรธนะ เราโอ๋พี่ก็ได้”

“เปลี่ยนจากโอ๋เป็นอย่างอื่นได้มั้ย”

“พี่อยากได้อะไรอะ”

“อยากได้หนู”

“เดี๋ยวเราฟาดให้สูญพันธุ์เลยนี่!”

“หนู พี่ยังสูญพันธุ์ไม่ได้ ใจเย็น”

“ทำไม!”

“เพราะพี่ยังไม่ได้ขยายพันธุ์!”

“...”

“อยากขยายพันธุ์กับหนูเนี่ย ขอนะคนดี โอ๊ย!”

“ไม่เอางี้สิ” ผมหน้ามุ่ย พยายามตีหน้าดุทั้งที่เริ่มทำตัวไม่ถูกกับสายตาร้ายกาจของคนขี้แกล้ง มองกันขนาดนี้ ถ้าจับผมกินเข้าไปทั้งตัวได้คงไม่รอให้เสียเวลาแน่

“อืม...งั้นเอาเป็น” เขาทำท่าคิด “คืนนี้ขอจุ๊บๆ”

“ก็ให้จุ๊บอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” ผมก้มหน้าหลบสายตากรุ้มกริ่ม

“ขอนอนกอดด้วย”

“ก็กอดกันทุกคืนอยู่แล้ว”

“งั้นเหลืออย่างเดียวแล้ว” พี่พระพายหัวเราะหึๆ “ขอกดได้มั้ยจ๊ะหนูจ๋าาาา”

ป้าบ!

“ตีอีกแล้ว เจ็บนะหนู!” พี่พระพายสูดปากทันทีที่ผมง้างมือฟาดเต็มกลางหลังเขา “ล้อเล่นนิดเดียวเอง มือหนักจังเลยเว้ยตัวก็ปุ๊กปิ๊กแค่นี้”

“ล้อเล่น? แต่ถ้าเราเคลิ้มจากล้อเล่นพี่จะเล่นล่อเราน่ะสิ!”

“ใครสอนคำว่าล่อให้หนูเนี่ย”

“เราซึมซับมาจากพี่นั่นแหละ!”

“ซะงั้น” พี่พระพายหัวเราะอีกครั้ง “โอเค ให้ฟรองซ์มาด้วยก็ได้ พี่ว่าพี่มีแผนล่ะ”

“หือ แผนอะไร?”

“คอยดูแล้วกัน”

คนขี้แกล้งหัวเราะคิกคักในขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ยิกๆ ผมอยากรู้แต่ไม่กล้าชะโงกหน้าดูเดี๋ยวพี่พระพายจะหาว่าไม่มีมารยาท เลยได้แต่ยืนรอเงียบๆ ดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป


“ไหนบอกจะเลี้ยงขนม แล้วนี่ยืนรออะไรอยู่หน้าร้านไม่ทราบครับพี่ครับ”

“ฟรองซ์” ผมสะกิดฝาแฝดตัวเอง “ไม่เอาสิ พูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ”

“เฟนก็เอาแต่เข้าข้างพี่เขา”

“เราเปล่าสักหน่อย” ผมพยายามง้อฟรองซ์ที่เริ่มหน้ามุ่ยอย่างเห็นได้ชัด “ไม่งอนเรานะฟรองซ์ เฟนรักฟรองซ์จะตายอยู่แล้วเนี่ย”

“คนที่มาขัดขวางคนเขาจะเดตกันนี่มีสิทธิ์มางอแงเหรอถามก่อน”

“เฮ้ย พี่จะเอาให้ได้ใช่ปะ!”

“เอาสิ เอาแน่ แต่เอา…” พี่พระพายละสายตาจากฟรองซ์มาที่ผมก่อนคลี่ยิ้มหวานจัด ส่วนฟรองซ์ไม่รู้เป็นอะไร เขารีบเข้ามายืนขวางหน้าผมเอาไว้แล้วชี้หน้าด่าพี่พระพายทันที

“ภัยสังคม!”

“ก็นายถามพี่ว่าจะเอาใช่มั้ย”

“หมายถึงจะมีเรื่องกับผมใช่มั้ย!” ฝาแฝดผมหักนิ้วขยับคอตัวเองดังกร๊อบ ผมไม่เห็นสีหน้าของฟรองซ์ แต่คิดว่าเขาคงกำลังถลึงตาใส่พี่พระพายอยู่แน่ๆ “ไม่ใช่ให้มาทำตัวลามกชีกอใส่เฟน!”

“โอเค งั้นพี่ชีเปลือยใส่เฟนแทน เรื่องเปลือยๆ นี่ของถนัด”

“นี่!”

“เสียงดังอะไรกันวะ” เสียงหนึ่งแทรกขึ้นกลางวง ผมหันมองก่อนพบพี่สายฟ้าเดินตรงมาที่กลุ่มพวกเรา เขาขมวดคิ้ว มองหน้าผมสลับกับฟรองซ์ก่อนหันไปทางพี่พระพาย “กูแทบไม่ต้องพยายามมองหาเลย เดินตามเสียงทะเลาะมาก็เจอแล้ว”

“เออ มึงมาก็ดีแล้ว ครบสักที”

“สรุปเลี้ยงนะ?”

“เออ”

“ว่ะ ลาภปาก” พี่สายฟ้าหัวเราะร่วน เขาเดินนำเข้าไปในร้าน ส่วนผมมองหน้าพี่พระพายอย่างไม่เข้าใจ จนอีกฝ่ายขยิบตาให้แล้วโอบไหล่ผมเดินเข้าไปในร้านท่ามกลางเสียงโวยวายของฟรองซ์ที่พยายามจะแกะแขนพี่เขาออกจากผมให้ได้

“ผมจะนั่งข้างเฟน”

“แต่พี่นั่งข้างเฟนแล้ว” พี่พระพายพยักพเยิดหน้าไปทางเก้าอี้ข้างพี่สายฟ้า “นายก็นั่งข้างสายฟ้ามันไปแล้วกัน”

“แต่…”

“รีบนั่งเถอะน่า จะได้รีบสั่ง ผมก็หิวเป็นนะครับคุณ” พี่สายฟ้าคว้าแขนฟรองซ์จับดึงทีเดียวเขาก็ตัวปลิวลงไปนั่งตุบลงข้างๆ พอดี “เอ้า นั่งกันเรียบร้อยแล้ว น้องครับ ขอเมนูหน่อย” พี่สายฟ้าโบกมือเรียกพนักงาน ส่วนฟรองซ์ยังนั่งหน้าเหวออยู่ พี่พระพายไม่ต้องพูดถึง เขากลั้นขำจนไหล่สั่นอยู่ข้างๆ ผมเนี่ย “ขอบคุณครับ จะสั่งแล้วผมเรียกอีกทีนะ”

“มึงแม่งเพื่อนตายสอพลอ”

“สอฟอ? มึงจะย่อชื่อกูทำไมวะ”

“กูไม่ได้ย่อชื่อ กูด่ามึงสอพลอ”

“อีสัส กูมาช่วยมึงน้า มึงยิงผิดคนแล้วน้า”

“หยอกเว้ย” พี่พระพายหัวเราะ เขารับใบเมนูมาพลิกๆ แล้วจิ้มเลือก “หนูเอาไรครับเฟน อันนี้มั้ย เห็นบ่นอยากกินงุ้งงิ้งๆ อยู่ข้างหูพี่เมื่อคืน”

“ข้างหู!?” ฟรองซ์ตบโต๊ะลั่น เขาจ้องผมตาโต “เฟน?!”

“ช่ายยยย” พี่พระพายลากเสียง เขายิ้ม ส่งเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอ “คือนอนข้างกันไงครับฟรองซ์ มันก็เลี่ยงไม่ได้อะนะที่ต้องใกล้ชิดแนบสนิทกัน โอ๊ย!”

“พี่พระพายเป็นอะไร!?” ผมสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายร้องลั่น

“หึ!” ฟรองซ์แค่นเสียงหัวเราะ มุมปากยกยิ้มสีหน้าสะอกสะใจ ผมเดาได้เลยว่าฟรองซ์ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

“พี่โดนฟรองซ์เตะหน้าแข้ง”

“ผมไม่ได้ตั้งใจเตะนะ ขามันกระตุกไปเองต่างหาก” ฟรองซ์ลอยหน้าลอยตาตอบ ส่วนผมเริ่มปวดหัวจนอยากกุมขมับ

“หนู พี่เจ็บ” พี่พระพายเสียงอ่อนเสียงเศร้า เขาเอนตัวมาทางผม ทิ้งหัวซบไหล่ทำให้ผมไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่ดูจากปฏิกิริยาตอบรับของพี่สายฟ้ากับฟรองซ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามแล้ว...

“นี่กูอยู่ในละครหลังข่าวที่นางร้ายแกล้งร้องไห้ซบไหล่พระเอกแล้วส่งสายตาร้ายกาจใส่กล้องใช่มั้ยวะ”

“มารยาสาไถ!” ฟรองซ์มองเหยียด

“พอๆ ทุกคนเลย” ผมรีบห้ามก่อนเรื่องมันจะวุ่นวายไปมากกว่านี้ “เสียงดัง เราอายโต๊ะอื่น หิวแล้วด้วย เราสั่งขนมมาแล้วกินกันอย่างสงบๆ ไม่ได้เหรอ”

“แต่…”

“ฟรองซ์เราขอ...นะ”

“ฮึ่ย ก็ได้!”

“คิกค้าก”

“พี่พระพายก็เหมือนกัน” ผมหันไปดุคนที่ซบอยู่บนไหล่ แล้วผลักหัวเขาออกไป อีกฝ่ายมองผมหน้ามุ่ย “พี่ก็ชอบแกล้งฟรองซ์ เรารู้นะ”

“แต่หนู…”

“ไม่ต้องมีแต่เลย ไม่งั้นเราหนีกลับจริงๆ ด้วย” ผมกอดอก ตีหน้าดุที่สุดเท่าที่จะทำได้ พี่พระพายกับฟรองซ์มองหน้ากัน ผมเหมือนเห็นกระแสไฟฟ้าปะทุระหว่างพวกเขา จากนั้นทั้งคู่ก็ส่งเสียงเหอะขึ้นมาพร้อมกัน

“ก็ได้!”

“ก็ได้!”

“กูขำตอนนี้จะโดนด่ามั้ยวะ” พี่สายฟ้าพยายามกลั้นยิ้ม เขาหันไปทางฟรองซ์ “หวงแฝดขนาดนั้นเลยเหรอเรา?”

“ถ้าพี่มีแฝดเด๋อด๋าตาใสไม่ทันคนแล้วต้องมารู้จักกับคนแบบเพื่อนพี่ เป็นพี่ พี่จะหวงจะห่วงเขามั้ย?”

“ก็พูดเกินไปปะ พี่ไม่ดีตรงไหน” พี่พระพายพยายามจะกอบกู้ชื่อเสียงตัวเอง

“ทุกตรง โดยเฉพาะตรงที่เป็นภัยสังคม”

“อันนี้กูเห็นด้วยกับฟรองซ์”

“มึงเป็นเพื่อนกูต้องเข้าข้างกูสิวะ”

“ใครเพื่อนมึง ยัดเยียดตัวเองเป็นเพื่อนกูเฉยเลยนะ คราวหลังก่อนคิดว่าใครเป็นเพื่อนถามเขาก่อนนะว่าอยากมีเพื่อนอย่างมึงมั้ย แต่กูบอกให้ว่าทั้งประเทศมี 68 ล้านคนไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนมึงสักคน หึ!”

“เหมือนมึงด่ากูแต่ก็คล้ายแซะใครอีกคน กูเป็นสนามอารมณ์อีกแล้วถูกมั้ย?”

“ถ้าไม่สั่งกันสักทีเราสั่งเลยนะ” ผมพูดจบก็ยกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์ ไม่รู้ว่าใครจะเอาอะไรเพิ่มจากที่คุยกันเมื่อกี้มั้ย แต่ผมไม่ถามซ้ำหรอกนะ มัวแต่ตีกันอยู่นั่นแหละ ลงโทษซะเลย ฮึ!

“ไม่หน้างอสิหนู เดี๋ยวไม่น่ารักนะ”

“เราไม่น่ารักพี่พระพายก็ไม่ต้องมองสิ”

“ห้ามได้ที่ไหน” พี่พระพายหัวเราะ เขาเขี่ยปลายนิ้วกับแก้มผมเบาๆ “เพราะขนาดไม่น่ารักยังน่ารักจนคับโลกได้เลย มันเขี้ยว แฟนใครก็ไม่รู้เนอะ”

“เลี่ยน แหวะ”

“เป็นอีกครั้งที่กูเห็นด้วยกับฟรองซ์” พี่สายฟ้าทำหน้าพะอืดพะอม

“รุมกูกันเข้าไป แหม”

“พี่ก็เลิกหยอดเฟนสักทีสิ ขัดหูขัดตา”

“ขอโทษนะครับน้องฟรองซ์ครับ ไม่ให้พี่หยอดแฟนตัวเองแล้วจะให้พี่ไปหยอดใครครับ ไอ้สายฟ้าเหรอ?”

“ขนลุกไอ้สัส!”

“ก็ไม่ เห็นมะ” พี่พระพายยักไหล่ เขากระตุกยิ้มเมื่อเห็นฟรองซ์หน้าบึ้งฮึดฮัดอยู่คนเดียว แขนยาวยกพาดไหล่ผมแล้วโอบเข้าหาตัว “แต่ก็เข้าใจนะ คนโสดก็จะอิจฉาตาร้อนต่อความรักที่พี่มีให้เฟนแบบนี้แหละ อืมๆ”

“ไม่ได้อิจฉาเลยว้อยพี่!”

“อยากเอาคืนมันมั้ยล่ะ” พี่สายฟ้าหันไปหาฟรองซ์ “ย้ายมาอยู่ไทยถาวรเลยสิ แล้วไปเป็นเมตกับเฟน แค่นี้ไอ้พระพายก็หมาหัวเน่าดีๆ นี่เอง”

“สายฟ้า มึงพวกใครกันแน่เนี่ย”

“พวกมึง แต่ก็หมั่นไส้มึงด้วย จบมั้ย”

“น่าสงสารจังเลย เพื่อนไม่รัก” ฟรองซ์หัวเราะเย้ย พี่พระพายทำท่าจะเถียงกลับแต่ผมตีขาปรามเขาทัน คนตัวใหญ่เลยได้แต่นั่งหน้ามุ่ยจับมือผมไปบีบเล่นแทน “ส่วนเรื่องที่พี่สายฟ้าบอก ความจริงผมก็เคยคิดนะ แต่เห็นรัฐบาลชุดปัจจุบันแล้วเลยคิดว่าอยู่ญี่ปุ่นไปก่อนดีกว่า รอให้ผลัดเปลี่ยนรัฐบาล ประชาธิปไตยกลับมาศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งผมค่อยกลับมาอยู่ไทยก็ได้”

“เชี่ย นี่มันร่างแยกไอ้สายฟ้า!”

พี่พระพายปิดปากอุทานด้วยจริตเดดพูล ส่วนพี่สายฟ้ามองหน้าฟรองซ์ตาเป็นประกาย

“พี่ชอบว่ะ ใจแม่งได้” เขาหัวเราะ “แล้วนี่อยู่ไทยยาวเลยมั้ย จะกลับวันไหน”

“อยู่จนวันเลือกตั้งเลย” ฟรองซ์ตอบ “กลับมาไทยรอบนี้ มาหาเฟนแล้วก็มาเลือกตั้งด้วยนี่แหละ ไม่อยากลงทะเบียนเลือกตั้งนอกประเทศ กลัวบัตรเลือกตั้งหาย ขนาดเพื่อนผมเลือกตั้งนอกเขตลงทะเบียนไว้แล้วแต่กลับไม่มีชื่อเลย”

“แย่เนอะ ประชาธิปไตยหายไปยังไม่พอ บัตรเลือกตั้งใบเล็กๆ หนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงของพวกเรายังจะหายตามไปด้วย ไม่รู้จัดการกันยังไง เฮงซวยว่ะ”

“บ่นไปก็เท่านั้นแหละพี่ บัตรมันหายไปแล้วทำอะไรไม่ได้”

“ใช่มั้ย ทีคนที่ควรจะหายไปอย่างนาย ก. กลับไม่หายไปสักที โคตรสิ้นหวัง”

“กูขอคั่นรายการได้มั้ย ท็อปปิกโต๊ะเรามันสุ่มเสี่ยงมาก”

“พูดเรื่องจริงมึงจะกลัวทำไม”

“โดนเผด็จการกดหัวจนไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเหรอครับคุณพี่”

“สนามอารมณ์ก็คือกูคนเดียวอีกล่ะ” พี่พระพายกลอกตา เขาหันมาส่งเสียงอ้อนผม “หนูดูนะว่าพี่โดนรุมหัวแกล้ง พี่ก็ตัวแค่นี้ หัวเดียวกระเทียมลีบจะไปสู้อะไรเขาได้”

“พี่ก็ไม่ต้องสู้สิ”

“แต่พี่โดนแกล้งนะ”

“งั้นเราปกป้องพี่เองก็ได้” พอผมพูดแบบนั้นพี่พระพายก็ยิ้มตาเป็นประกาย

“โอ๋กันเข้าไป เฟนนะเฟน ฟรองซ์บอกแม่แน่ครับ”

“ฟรองซ์อะ”

“เอ้อ” พี่พระพายพูดแทรกขึ้นมา “เดี๋ยวขอตัวแป๊บ เพิ่งรู้ว่าลืมกระเป๋าสตางค์ไว้บนรถ กูไปเอาแป๊บนึง กินกันไปก่อนเลยถ้าเขามาเสิร์ฟแล้ว”

พูดจบพี่พระพายก็ลุกเดินลิ่วๆ ออกจากร้าน ผมมองตาม อดคิดไม่ได้ว่าพี่เขาลืมกระเป๋าสตางค์จริงๆ หรือน้อยใจที่โดนพี่สายฟ้ากับฟรองซ์รวมหัวกันแกล้ง

“ทำไมชอบแกล้งพี่พระพายกันจังเลยสองคนนี้”

“หมั่นไส้” ฟรองซ์ยักไหล่ “พี่มันมาแย่งเฟนไปจากฟรองซ์นี่ครับ”

“เวลาแกล้งมันแล้วปฏิกิริยามันตลกดี” พี่สายฟ้าพูดต่อจากฟรองซ์ “ถามไอ้รัญสิ รายนั้นก็ชอบแกล้งพระพายมัน”

“สงสารพี่เขาออก” ผมหน้ามุ่ย “พี่พระพายต้องน้อยใจมากๆ แน่เลยพี่สายฟ้า”

“โอ๊ย นี่ก็เด็กดีซะเหลือเกิน หัดปากร้ายเหมือนแฝดเรามั้งเถอะ”

“อ้าว นี่พี่หลอกด่าผมอยู่หรือเปล่า?” ฟรองซ์หันขวับหรี่ตาจ้องหน้าพี่สายฟ้า

“บ้า คิดมาก ผมจะด่าคุณทำไมครับน้องฟรองซ์”

“ไม่รู้ล่ะ พี่เป็นเพื่อนพี่ภัยสังคม บางทีอาจภัยสังคมพอๆ กัน”

“เชื่อเถอะว่าพี่เป็นภัยน้อยกว่าลุงคนนั้น”

“อืม นั่นสินะ…”

ในขณะที่ฟรองซ์กับพี่สายฟ้าคุยกันอยู่โทรศัพท์ผมก็มีสายเรียกเข้า เป็นพี่พระพายนั่นเอง พอกดรับยังไม่ทันได้พูดอะไรฝ่ายนั้นก็รัวมาซะก่อน

“เฟน มาหาพี่ที่รถหน่อย พี่จะเป็นลม”

“หา พี่เป็นอะไร?”

“สัญญาก่อนว่าจะไม่บอกฟรองซ์ ไม่งั้นพี่โดนล้อแน่ แค่นี้พี่ก็น้อยใจจนอยากโดดบ่อปลาสวายวันละร้อยรอบ” น้ำเสียงพี่พระพายตัดพ้อมาก ผมรีบส่งเสียงอื้อรับปากเพราะกลัวเขาน้อยใจไปโดดบ่อปลาสวายจริงๆ ถ้าพี่เขาจมน้ำตายไปแล้วใครจะอยู่ให้ผมชอบอะ ไม่เอานะ “คืองี้หนู ตอนพี่กำลังหากระเป๋าสตางค์อยู่ จู่ๆ ปีเตอร์ตรงลานจอดรถมันก็บินมาเกาะขาพี่ พี่โคตรตกใจรีบสะบัดทิ้งจนเสียหลักหน้าคะมำฟาดกับขอบหลังคารถหัวแตกเลือดไหลซิบๆ ตอนนี้แข้งขาพี่อ่อนแรงนั่งง่อยเป็นผักอยู่ในรถไม่กล้าออกไปไหน หนูมาหาพี่หน่อยได้มั้ยครับ”

“โอเคๆ พี่รออยู่นั่นนะ เดี๋ยวเราไปหา”

“รีบๆ มานะหนู พี่ไข่สั่นหมดแล้ว”

“ไข่?”

“หมายถึงใจ ใจสั่นน่ะหนู กลัวมากเลย”

“อ๋อ โอเคพี่”

“ขอบคุณนะครับ เนี่ย สั่นอีกแล้ว”

“หมายถึงไข่เหรอ”

“ใจสิหนู ใจ!” พี่พระพายแก้คำให้ ส่วนผมหลุดหัวเราะ “ตลกเก่งนะเราเดี๋ยวนี้”

“ก็ได้พี่มานั่นแหละ แบร่” ผมกดตัดสายก่อนพี่พระพายจะได้พูดอะไรต่อ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นสายตาสองคู่มองมา ผมเลยรีบส่งยิ้มให้พวกเขา “พี่พระพายหากระเป๋าสตางค์ไม่เจออะ เดี๋ยวเราไปช่วยพี่เขาหาแป๊บนึง ฟรองซ์อยู่กับพี่สายฟ้าไปก่อนนะ”

“ไม่เอา ฟรองซ์ไปด้วย ไม่ไว้ใจ”

“ไม่ไว้ใจเราเหรอ”

“ไม่ไว้ใจพี่พระพายของเฟนต่างหากล่ะครับ”

“อะ พอๆ ฟรองซ์อยู่นี่แหละ ส่วนเฟนก็รีบไปลากคอมันกับกระเป๋าตังค์มา” พี่สายฟ้าคว้าข้อมือฟรองซ์ไว้ เขาพยักพเยิดให้ผมรีบไป ผมพยักหน้ารับ หันไปยิ้มขอโทษฟรองซ์อีกทีนึงก่อนเดินออกจากร้านไปหาพี่พระพายที่ลานจอดรถ

ลืมบอกไปว่าพี่พระพายเปลี่ยนจากขับพี่สายหยุด...หมายถึงเวสป้าคันนั้นเป็นเอารถยนต์จากที่บ้านกลับมาใช้แล้วหลังเลิกใช้ไปเพราะทะเลาะกับคุณพ่อ วันนี้เราเลยได้นั่งรถตากแอร์เย็นๆ กันมาแทน เพราะถ้าให้ฟรองซ์มาซ้อนสามบนเวสป้าก็คงไม่น่าจะไหว

V
V
V

ออฟไลน์ JackXy Wu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-5
- ต่อ -

ไม่นานผมก็เดินมาถึงช่องจอดรถที่พี่พระพายจอดเอาไว้ ผมเห็นเขานั่งอยู่ฝั่งคนขับ ผมเลยเคาะกระจกเรียกเขา พี่พระพายหันมา เขายิ้มให้ ดูๆ แล้วก็ปกติดีนี่นา ไหนเลือดหัวซิบๆ อะ?

คิดยังไม่ตกเสียงปลดล็อกรถก็ดังขึ้น ผมเปิดเข้าไปข้างใน ก่อนโดนพี่พระพายคว้าข้อมือดึงเข้าไปกอดทั้งตัว เขาเอื้อมแขนมาปิดประตูรถให้ผมพร้อมกับล็อกรถเรียบร้อย

อะไรอะ งงแล้วนะ!?

“อยากกอดหนูแน่นๆ แบบนี้มาตั้งนานแน่ะ แต่ไม่มีโอกาสเลย” พูดไปก็ฝังจมูกหอมหัวผมสามสี่ฟอดจนผมต้องออกแรงผลักอกพี่พระพายเพื่อดันตัวเองออกมา

“อะไรเนี่ยพี่ ไหนบอกเราว่าหัวฟาดขอบรถเลือดออกซิบๆ”

“หายแล้วไงครับ” เขายิ้มร่า

“หลอกเรานี่!” ผมตีไหล่พี่พระพายไปทีนึง นอกจากอีกฝ่ายจะไม่เจ็บแล้ว มือก็ยังเกาะเอวผมแน่นกว่าเดิมอีก “ขี้โกหก คนเค้ารีบมาหาเพราะเป็นห่วงนะ นิสัยไม่ดีเลย”

“ถ้าไม่ทำแบบนี้เราจะได้อยู่ด้วยกันสองคนเหรอครับเฟน”

“พี่วางแผนไว้แต่แรก?”

“ครับผม” ดูเขานะคนเรา พยักหน้ายอมรับกันง่ายๆ แบบนี้เลย “ที่พี่เรียกสายฟ้ามาก็เพราะเรื่องนี้แหละ เห็นพี่ตีกันแบบนั้นก็แค่เบี่ยงความสนใจฟรองซ์หรอก”

“ทำไมร้ายกาจแบบนี้เนี่ย”

“ร้ายได้มากกว่านี้อีก” พี่พระพายกระตุกยิ้ม เขายื่นหน้ามาใกล้ผม “ก็อยากอยู่กับแฟนสองคนนี่นา”

“บ้า” ผมหลุบตาก้มหน้าหนี ก่อนโดนคนตัวโตขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่ แถมข้างเดียวยังไม่พอ ฟัดแก้มซ้ายแล้วย้ายไปแก้มขวาตบท้ายด้วยหอมหัวผมไปอีกที “ฮือพี่ พอแล้ว เราเขินนนนน”

เนื้อตัวเราจุดที่โดนจุ๊บโดนหอมคือร้อนไปหมดแล้ว ตัวก็อ่อนปวกเปียกไปหมดเหมือนโดนสูบแรงเลย ฮือ แล้วแบบนี้เราจะสู้กับพี่พระพายได้ยังไงล่ะ!

“ก็หนูน่ารัก แก้มใสๆ นี่ก็นุ่มนิ่ม ให้พี่อดใจไหวเหรอ”

“แต่...แต่แก้มหนูช้ำหมดแล้วพี่พระพาย” ผมพูดเสียงเบา เผลอแทนตัวเองว่าหนูเพราะโดนเรียกแบบนั้นบ่อยๆ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมากเพราะมันทำให้พี่พระพายคลั่งยิ่งกว่าเดิม

“ให้ตายเถอะเฟน อยากให้พี่ตายหรือไง สั่นไปหมดแล้วเนี่ย”

พี่พระพายหน้าแดงไปหมด ขนาดเขาผิวแทนผมยังเห็นว่าหน้าเขาแดงลามไปยันหู ผมหลับตาปี๋ตอนพี่พระพายยื่นหน้ามาหอมแก้มจุ๊บจมูกผม ปากก็พึมพำว่ามันเขี้ยวๆ คือ....มันเขี้ยวผมแล้วต้องงับแก้มผมแบบนี้ด้วยเหรอ

“พี่อย่ากินแก้มเรา”

“งั้นกินอะไรแทนดี” พี่พระพายแกล้งถาม “กินตัวหนูดีมั้ยครับ”

“ไม่เอาาาาา”

“งั้นมาจูบก่อนเร็ว”

“แต่พี่...อื้อ!” ผมห้ามไม่ทัน พี่พระพายประทับริมฝีปากลงมาเร็วกว่าที่คิด ผมหลับตาปี๋ ปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายชักนำ พี่พระพายประคองใบหน้าผมไว้ เขาเกลี่ยปลายนิ้วกับแก้มผม ส่วนมืออีกข้างประคองท้ายทอยให้ผมเงยหน้ารับจูบจากเขา ริมฝีปากผมถูกคนตัวโตรังแก จะเบี่ยงหน้าหนีก็ไม่ได้

พี่พระพายชอบจุ๊บเบาๆ เวลาที่ผมดื้อไม่ยอมเปิดปากให้ พอโดนจุ๊บเข้าซ้ำๆ ก็เผลอตัวเผยอริมฝีปากให้จนได้ แก้มผมร้อนวาบ ถึงหลับตาอยู่ก็รู้ว่าพี่พระพายกำลังยิ้มชิดริมฝีปากผม เราอยู่ใกล้กันจนผมสัมผัสได้ถึงขนาดนี้เลยล่ะ

“พี่ พอ…” ผมดันอกพี่พระพายเบาๆ หอบแฮ่กตอนช้อนตาขึ้นสบกับดวงตาคมกริบวาววับ พี่พระพายเป็นผู้ล่า ส่วนผมเป็นเหยื่อตัวเล็กที่กำลังขอความเมตตาจากเขา “น่ะ...หนูหายใจไม่ทัน ปากจะละลายเป็นไอติมแล้ว”

พี่พระพายหรี่ตาจ้องหน้าผม

“หนูรู้มั้ยว่าสภาพตัวเองตอนนี้เป็นยังไง”

“อะ อะไรพี่ เราไม่รู้”

“ช้อนตามองพี่น้ำตาคลอ แก้มแดงๆ ปากเล็กๆ ขยับมุบมิบอ้อนพี่แต่บอกให้หยุดนี่ไม่ใจร้ายเกินไปเหรอเฟน”

“ฮือ พี่เห็นใจเรานะ” ผมกะพริบตาปริบๆ เลยโดนพี่พระพายเอียงหน้างับแก้มไปทีนึง “อื้อ! บอกว่าอย่ากินแก้มเรา!”

“แก้มใสๆ เวลาเขินมันแดงแปร๊ดน่ากินนี่คะ”

“คะอะไรของพี่ แล้วพี่จะแซวเราอีกนานมั้ยเนี่ย” ผมมุดหน้าซุกกับอกพี่พระพาย เขินจนจะม้วนอยู่แล้วยังยิ้มแกล้งกันอยู่ได้ คนขี้แกล้ง อยากจะโกรธจังเลยแต่ทำไม่ลงเพราะชอบพี่พระพายมากๆ เหมือนกัน

“ก็หนูขี้เขิน พี่อดแกล้งไม่ได้ทุกที”

“ก็เราชอบพี่ ถ้าเราไม่ชอบพี่เราไม่เขินพี่หรอก!”

“พูดมาแบบนี้ยิ่งอยากแกล้งเข้าไปใหญ่” พี่พระพายลูบมือกับเอวผมแล้วบีบเบาๆ “อยากแกล้งให้แดงไปทั้งตัวไม่ใช่แค่ที่แก้มแล้วเนี่ย”

“เรายังเด็กอยู่นะ!”

“แต่ก็โตพอที่จะทำอะไรๆ แบบผู้ใหญ่ได้แล้วน้า”

“เลิกคิดจะล่อลวงเราสักที”

“คิดจะลวงน่ะไม่เคย แต่คิดจะล่อนี่ทุกชั่วขณะลมหายใจเลยจ้ะหนูจ๋า”

“ไม่อยู่กับพี่แล้ว เราจะกลับไปหาฟรองซ์กับพี่สายฟ้า” ผมดันตัวออกจากอกพี่พระพาย แต่ลืมไปว่าพี่พระพายมือเหนียวยิ่งกว่ากาว เขากอดเอวผมไว้แน่น แถมมือไม่อยู่นิ่งลูบเนื้อลูบตัวผมไปมาอยู่นั่นแหละ “พี่อย่าบีบก้นเรา!”

“นุ่มไปทั้งตัวเลยเนอะ”

“พี่!”

“หนูไม่ต้องกลับไปหาสองคนนั้นหรอกครับ” พี่พระพายหอมหัวผมอีกฟอด “เพราะเดี๋ยวเราจะไปหาที่เดตใหม่กันสองคน ส่วนฟรองซ์ปล่อยให้อยู่กับสายฟ้าไปนั่นแหละ”

“แต่…”

“ไม่มีแต่ครับ”

“ฟรองซ์จะโกรธเรานะพี่”

“ฟรองซ์ไม่โกรธเฟนหรอก เพราะฟรองซ์จะด่าพี่แทนฐานลักพาตัวหนู” พี่พระพายหัวเราะร่วน เขาลูบหัวผมไปมา “ว่าไงเรา ไม่อยากอยู่กับพี่เหรอ แต่พี่อยากอยู่กับหนู ไปเดตกับหนู เราเป็นแฟนกันนะครับเฟน พี่ชอบหนูมากๆ ขนาดนี้แล้วนะ รับผิดชอบความรู้สึกพี่ด้วยสิ”

ผมทนมองรอยยิ้มของพี่พระพายไม่ไหวจริงๆ เลยได้แต่หลุบตาลงต่ำ หัวใจเต้นรัวพอๆ กับอุณหภูมิบนใบหน้าเพิ่มขึ้นสูงนั่นแหละ

“งั้น…” ผมกระแอม “ฝากให้พี่สายฟ้าไปส่งฟรองซ์ที่บ้านได้มั้ย”

“พี่บอกมันเรียบร้อย ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”

ผมเม้มริมฝีปาก ช้อนตาขึ้นสบกับพี่พระพาย

“ถ้างั้นก็ได้”

“อะไรก็ได้ครับ”

“เราไปกับพี่พระพายก็ได้”

พอบอกไปแบบนั้นพี่พระพายก็ยิ้มหวาน แววตาเป็นประกายวิบวับ

“น่ารักที่สุดเลยครับคนนี้”


[สายฟ้า]

“จอดตรงนี้ใช่มั้ย” ผมถามคนที่เอาแต่นั่งหน้าบึ้งคิ้วขมวดมาตลอดทาง ฟรองซ์พยักหน้าให้

“ตรงนี้เลย ขอบคุณมากพี่”

“ไม่เป็นไร” ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย อดพูดไม่ได้ “เรื่องพระพายน่ะ มันไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก รู้ว่าห่วงเฟน พี่ก็คอยดูให้อยู่ เห็นแบบนั้นมันก็เป็นสุภาพบุรุษอยู่นะ”

“เพื่อนกันก็แก้ต่างให้กันได้ดิ”

“ตามใจแล้วกัน” ผมยักไหล่ “เอาถุงขนมที่กินหมดแล้วลงไปทิ้งด้วย อย่ามาเนียนทิ้งไว้”

“รู้แล้วน่า”

ฟรองซ์คว้าถุงขนมแล้วลงจากรถไป ผมมองตามจนเห็นเขาเข้าบ้านเรียบร้อยถึงวนรถขับออกจากหมู่บ้าน เลี้ยวแวะปั๊มเติมน้ำมัน ซื้อน้ำซื้อขนมจากร้านสะดวกซื้อในนั้นก่อนกลับจะได้ไม่ต้องแวะเซเว่นหน้าหอ หาที่จอดยากเข้าไปอีก

ในขณะที่ผมกำลังเก็บของเข้ารถ เสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้น เป็นไอ้พระพายเพื่อนรักที่ทักมา

PP : เยกันยังวะ

Thunder : โทษนะ เย เย่อ อะไรของมึง

PP : แยกกันยัง*

PP : นิ้วเบียดไปกดสะเอ แป้น ก. ก็กดไม่ค่อยติด กูเป็นเศร้า

Thunder : เออ เรื่องของแป้นมึง สรุปมีอะไร กูแยกกับฟรองซ์เมื่อกี้

Thunder : แวะเติมน้ำมันอยู่ปั๊มข้างหมู่บ้านเขาเนี่ย

PP : ฟรองซ์โทรมาหาเฟนเมื่อกี้บอกมือถือหาย โทรเข้าไม่มีคนรับ เห็นว่าปิดเสียงไว้

PP : น่าจะตกบนรถมึง ดูให้หน่อยว่าเจอมั้ย

Thunder : เออ แป๊บนึง

ผมอ้อมมาฝั่งข้างคนขับ ตบเบาะหามือถือให้ฟรองซ์ก็ไม่เจอเลยก้มลงมองตรงที่วางเท้าแทน สายตาสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างที่ตกอยู่ในซอกระหว่างแผ่นยางรองพื้นรถกับรถผม พอเลิกแผ่นยางขึ้นมาก็ชัดเลย โทรศัพท์มือถือของฟรองซ์แน่ๆ ผมหยิบมันขึ้นมา อีกมือก็พิมพ์ไลน์ตอบพระพาย

Thunder : เจอแล้ว บอกเฟนให้บอกฟรองซ์ว่าเดี๋ยวเอาไปคืนให้

PP : โอเค

ผมวางโทรศัพท์ฟรองซ์ไว้บนคอนโซลหน้ารถแต่วางผิดมุมไปหน่อยมันเลยลื่นจะตก ผมรีบตะครุบไว้ มือดันเผลอไปโดนปุ่มเปิดหน้าจอ อีกฝ่ายไม่ได้ล็อกรหัสไว้ผมเลยเห็นว่าเขาเปิดค้างไว้หน้าทวิตเตอร์พอดี ตอนที่กำลังจะกดออกเพราะไม่อยากเสียมารยาท สายตาผมก็เหลือบไปเห็นดิสทวิตฯ ที่คุ้นเคยเข้าให้ซะก่อน รู้ตัวอีกทีก็กดดูหน้าโปรไฟล์เขาเข้าให้ซะแล้ว

วินาทีแรกผมตกใจกับสิ่งที่เห็น

วินาทีต่อมาดันเผลอกระตุกยิ้มเข้าให้ซะงั้น


เทพท้อกับประชาธิปไตยที่หายไป @LostDemocracy44

หน้าเหวอเชียว ตกใจเหรอครับคุณ : )


Notice me senpai! @fcpeetepthor

人の携帯を内緒で覗いて、失礼だとまだわからないのですか。笑ってるのはどう言う意味ですか。!!!



------------------------------------------------

มาอัปแล้วค่ะ ฮืออ ขออภัยหายไปนาน งานยุบยับมาก ขอบคุณที่ยังรอกันนะคะ ในส่วนของทวิตน้องฟรองซ์นั้น [แอบดูมือถือคนอื่น ไม่คิดว่ามันเสียมารยาทเหรอ แล้วที่ยิ้มน่ะหมายความว่ายังไง!!!] ขอบคุณที่ปรึกษาด้านภาษาญี่ปุ่นทั้งสองท่านที่เราไปรบกวนด้วยนะคะ

ในส่วนของพี่พระพายนั้น...ก็ยังไม่ได้แอ้มน้องสักที แต่หมายตาไว้แล้ว ยิ่งน้องมาน่ารักใส่ทุกวันๆ แบบนี้ ฮึ่ม เป็นกำลังใจให้พระเอกของเราด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

ปล.พรุ่งนี้อย่าลืมไปเลือกตั้งกันนะคะ

#เพื่อนกล่อมนอน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2019 22:59:07 โดย JackXy Wu »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
อิพพได้แต่ตอดเล็กตอดน้อยไปวันๆ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ mybear_sr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เกลียดนมดุ๊กดิ๊กของพระพายโหวตออกได้มั้ยคะ ฮือออ บอกตรงๆว่าคิดตามแล้วขนลุก55555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ฟอร์งเป็น fc ท่านเทพท้ออออ



น้องเฟนนู๋อย่าใว้ใจ



อิ พพ นักอิพี่มันเป็นคนเลว



หนีปายยยยยยย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เห็นเนื้อคู่พี่สายฟ้ารำไรๆ...คนใกล้ตัว  :hao3:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
คู่รักฟฟ.วันนี้คงจับมือกันพกปากกาน้ำเงินเข้าคูหาเป็นแน่ 5555
อีพี่พพ.หื่นมากไม่ไหวจะน้วยแล้ว
เฟนอันตรายมากๆ ต้องรบกวนตั้มมาเตือนบ่อยๆ

ออฟไลน์ magmild

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่พพ. ตอดเล็กตอดน้อยค่อยๆเก็บ น้องเฟน หนีไม่ทันแล้วลูก 55555555555 น้องฟรองนั้นนนน ไม่รอดเช่นกันค่ะ แฝดคู่นี้หนีภัยสังคมเพื่อนซี้ไม่พ้นแล้วลูกกกกก

Sent from my GT-I8262 using Tapatalk


ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อิพี่เก็บทุกเม็ดเลยค่า ปกป้องน้องเฟนจากพี่พระพายยังไงดี5555 เอ้อพี่สายฟ้ากับน้องฟรองซ์เค้าเจอกันแล้วเคมีมันได้ ๆ น่ารัก

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
พี่พระพายช่างร้ายนัก น้องแก้มช้ำหมดแล้วเนี่ยะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แปลภาษาญี่ปุ่นด้วย เราอยากรู้

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
 :pig4: ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
สงสัยฟ้องจะต้องย้ายมาเป็นการถาวรแล้วหล่ะ,,,

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 สงสัยอีกไม่นานพี่สายฟ้าก็จะไม่โสดแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
รู้ซะแล้วว่าเป็นเอฟซีเทพท้อ 5555555555555
แต่พี่พระพายคือร้ายมาก!!!!!!! น้องอย่ายอม แงงงงงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ JackXy Wu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-5
ทวิตน้องฟรองซ์จากตอนที่แล้วค่ะ ประโยคเดิมเด้อ คำแปลอยู่ในทอล์กตอนที่แล้ว แจ้งไว้ก่อนอ่านเผื่องงกันค่ะ

.

.

.



บทที่ 21

แก้ม (คำนาม.) อวัยวะที่น่าขย้ำให้แดง





Ignore me senpai! @fcpeetepthor

人の携帯を内緒で覗いて、失礼だとまだわからないのか。笑ってるのはどう言う意味?!!!

เทพท้อกับประชาธิปไตยที่หายไป @LostDemocracy44

กำลังตอบกลับถึง @fcpeetepthor

Thai language please : )


ตั้มเคยบอกว่าพี่พระพายเสน่ห์แรง ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยสนใจหรอก แต่พอข่าวผมคบกับพี่พระพายกระจายเป็นวงกว้าง ผมก็รับรู้ถึงสายตาคนรอบตัวที่มองมา บางคนไม่อะไร แต่บางคนน่ากลัวมาก จ้องผมเขม็งจนตัวเกือบหด ฮือ ผมไม่ได้ไปแย่งพี่พระพายมาจากใครนะ

ผมน่ะ...เพิ่งจะมาสังเกตจริงๆ จังๆ แหละว่าคนเข้าหาพี่พระพายเยอะมากเวลาเขาอยู่ที่มอ อย่างหลายวันก่อนเรานัดกินข้าวเที่ยงด้วยกัน ตอนผมเดินไปถึงโต๊ะก็เห็นสาวๆ พากันรุมล้อมรอบโต๊ะ ได้แต่ชะเง้อคอมองไม่กล้าเข้าไปจนพี่พระพายสังเกตเห็นผมแล้วกวักมือส่งเสียงเรียกนั่นแหละวงล้อมพี่สาวคนสวยถึงเปิดออกให้ผมเดินตัวลีบเข้าไปหาพี่พระพาย

แต่กลัวก็ส่วนกลัว หวงก็ส่วนหวง ตอนแรกกลัวใช่ว่าตอนหลังจะไม่หวงนี่ พอผมเจอแบบนั้นบ่อยๆ เข้าก็นึกหมั่นไส้พี่พระพายจริงๆ นะ เสน่ห์แรงแบบนี้ผมก็ลำบากสิ ยิ่งพอปลดวินัยพี่เขาก็ไม่ต้องเก๊กหน้าดุแล้ว คนก็ยิ่งกล้ากว่าเข้าหามากกว่าเดิม

ผมน่ะ ผมน่ะนะ…

หวงพี่พระพายที่สุดเลย ฮึ!

พอหวงเขามากๆ ผมก็ย้อนกลับมาดูตัวเอง อดคิดไม่ได้ว่าพี่พระพายที่ฮอตซะขนาดนั้นกับผมที่ธรรมดาซะขนาดนี้ ถ้าวันนึงเขาเจอคนน่าสนใจกว่าผมจะทำยังไง ในหัวผมฟุ้งซ่าน รู้ตัวอีกทีก็เดินมาถึงตึกบรรณาสารเรียบร้อย วันนี้ผมเลิกช้า พี่พระพายเลยมานั่งทำรายงานรอผมที่ตึกบรรณฯ เรานัดกันเจอกันที่นี่ก่อนกลับหอ

ผมขึ้นลิฟต์ไปชั้นสี่ มองซ้ายขวาหาพี่พระพาย ใช้เวลาไม่นานก็เห็นเขานั่งอยู่ที่โต๊ะมุมด้านในที่ค่อนข้างเงียบสงบและเป็นส่วนตัวกว่าจุดอื่น หนังสือเล่มหนากองเป็นตั้ง พี่พระพายสวมแว่นสายตากรอบใส เขาจะใส่มันเฉพาะตอนทำงาน ตอนนี้ก็เหมือนกัน เพราะเขากำลังจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเขม็งพร้อมรัวนิ้วพิมพ์อย่างคล่องแคล่วโดยไม่ต้องดูแป้น

ผมไม่ได้เดินเข้าไปหาในทันที แต่แอบมองอยู่สักพักหนึ่ง ผมชอบเวลาพี่พระพายกำลังตั้งใจทำงานอย่างมีสมาธิแบบนี้ ใบหน้าเขาดูจริงจัง มันมีเสน่ห์ต่างจากตอนพี่พระพายทำตัวบ้าๆ บอๆ ในเวลาปกติ แต่ถ้าถามว่าผมชอบพี่พระพายเวอร์ชั่นไหนมากกว่า

อืม…

ชอบหมดเลยแหละ

แต่จะไม่ชอบตรงที่เงยหน้าไปยิ้มใจดีให้ใครก็ไม่รู้ที่เดินมาขอนั่งที่โต๊ะด้วยนี่แหละ คือโต๊ะอื่นก็ว่างไง งงอะ ทำไมพี่สาวคนนั้นต้องมานั่งกับพี่พระพาย หรือโต๊ะตรงนั้นฮวงจุ้ยดีเหมาะแก่การอ่านหนังสือเหรอ

ผมพยายามปรับสีหน้าตัวเองไม่ให้มุ่ยไปมากกว่านี้แล้วเดินเข้าไปหาพี่พระพายที่โต๊ะ พอเขาเห็นผมก็ยิ้มกว้างส่งเสียงทักทาย

“อ้าวหนู”

“เราหาพี่ตั้งนาน” ผมนั่งลงข้างเขา รู้สึกได้เลยว่ามีสายตาของพี่ผู้หญิงมองมาแต่ผมทำเป็นไม่สนใจ ยื่นหน้ามองจอโน้ตบุ๊กของพี่พระพาย “โห อะไรเนี่ย ดูยุ่งยากจังเลย”

“วิชาวิจัยครับ” พี่พระพายบอก เขาลูบหัวผม “พี่จะตายแล้วหนู อะไรก็ไม่รู้ปวดหัว อยากได้กำลังใจ”

“อ่า งั้นสู้ๆ นะพี่”

“โห แค่นี้เองเหรอ”

“พี่จะเอาแค่ไหนอะ” ผมเอียงคอถาม ก่อนรีบดักเมื่อเห็นคนเจ้าเล่ห์ยิ้มกรุ้มกริ่มตาพราว “ห้ามแกล้งเรา รู้ทันนะ”

“รู้ทันเก่งจังเลย ไหนใครสอนมาคะ สายฟ้าหรือรัญเอ่ย”

“เราไม่ชอบตอนพี่ปะเหลาะเราเลย”

“ทำไมล่ะหืม”

“เราเขิน” ผมก้มหน้าหลบสายตาเขา แอบชำเลืองมองพี่ผู้หญิงคนนั้น เธอทำเป็นจดงานในสมุดแต่ตาก็ลอบมองพวกเราเป็นระยะ

“หนูเขินพี่ก็ดีแล้วไง พี่เป็นแฟนหนูนะ ถ้าไปเขินคนอื่นนี่ไม่ยอมจริงๆ ด้วย”

“ก็ไม่เคยไปเขินคนอื่นสักหน่อย”

ผมก้มหน้าบ่นอุบอิบ ได้ยินเสียงเลื่อนเก้าอี้พร้อมกับพึมพำขอตัว ก่อนพี่ผู้หญิงที่นั่งร่วมโต๊ะกับพวกเราจะเดินจากไป ผมแอบยิ้มกับตัวเอง แต่ก็ต้องร้องโอ๊ยเมื่อแก้มถูกดึงโดยไม่ทันตั้งตัว

“เดี๋ยวนี้ร้ายจังเลย”

“เจ็บๆๆ พี่อย่าดึงแก้มเรา”

“งั้นเปลี่ยนจากดึงเป็นหอมได้มั้ยคะ”

“ฮื่อพี่ ไม่เอา” ผมกระซิบเสียงเบา ดันหน้าเขาออกเลยโดนหอมฝ่ามือไปฟอดใหญ่แทน “อีกอย่างเลิกลงท้ายคะขาสักที เราเป็นผู้ชายนะ พี่จะมาคะขากับเราทำไม”

“น่าเอ็นดูออก ดูเป็นผู้ชายหวานๆ หนูไม่คิดแบบนั้นเหรอ”

“พี่คิดว่าระบบความคิดเราเหมือนของพี่หรือไง”

“เหมือนหนูด่าพี่เลย” พี่พระพายมีสีหน้าครุ่นคิดก่อนยิ้มกว้าง “แต่ช่างเถอะ หนูด่าแสดงว่าหนูรักพี่”

“เรารักพี่ แต่เราไม่ได้ชอบด่าพี่เป็นการแสดงความรักนะ”

“แล้วหนูทำอะไรเป็นการแสดงความรักกับพี่ล่ะหืม?”

“...”

“แล้วอยากรู้มั้ย…” พี่พระพายคลี่ยิ้มจนตาหยีโค้ง สีหน้าเริ่มไม่น่าไว้ใจตอนพูดประโยคถัดมา “ว่าพี่ทำอะไรเป็นการแสดงความรักกับหนู”

“พี่ไม่ทำงานเหรอ” ผมเปลี่ยนเรื่อง “เอาเวลามาแกล้งเราไปทำงานดีกว่า เดี๋ยวก็นอนดึกอีกอะ”

“เป็นห่วง?”

“ก็เป็นแฟน” ผมตอบอุบอิบ “เลยเป็นห่วง”

“ฮึ่ย มันน่านักกกก” พี่พระพายทำท่าจะเข้ามาฟัด ผมเลยทำตาดุใส่ แต่เหมือนจะดุไม่พอเพราะสุดท้ายก็โดนจับมือไปหอมฟอดๆ ซะเสียงดัง

“พี่ พอ!”

“หยอดพี่แล้วก็รับผิดชอบหน่อยสิ”

“เราไม่ได้หยอดดดดด”

“หนูหยอดดด” พี่พระพายเถียง เขาดัดเสียงเล็กเสียงน้อยฟังดูน่าหมั่นไส้ ดวงตาคมกริบใต้กรอบแว่นฉายประกายแวววาว “ไม่งั้นใจพี่จะเต้นตุ๊บๆ อยากฟัคหนูแบบนี้เหรอ”

“ฟัดก็พอ!”

“อุ๊บส์ ขอโทษครับ ลิ้นพี่เบียด”

“ข้ออ้างน่าเกลียดอะ” ผมย่นจมูก ดึงมือออกจากการเกาะกุมของพี่พระพาย คราวนี้เขายอมปล่อยแต่โดยดี “พี่ทำงานสิ เดี๋ยวเรานั่งเป็นเพื่อน”

“กลับไปทำที่หอก็ได้ เดี๋ยวพี่ยืมหนังสือไป”

“มันจะลำบากพี่น่ะสิ” ผมส่ายหน้า มองสบตาพี่พระพาย “พี่ทำที่นี่สะดวกกว่าไม่ใช่เหรอ จะหอบกลับหอให้วุ่นวายทำไม”

“อันที่จริงทำที่นี่ไม่สะดวกนะหนู”

“หือ ยังไง?”

“ก็มันเงียบ คนก็เยอะ ทำที่นี่เสียงดังไม่ได้นะ ห้ามเลอะด้วย”

“เอ้า แล้วพี่จะเสียงดังไปทำไมล่ะ” ผมเกาหัว ไม่เข้าใจ หรือว่าพี่พระพายอยากตะโกนระบายอารมณ์ตอนหงุดหงิดกับงาน แต่ถ้าทำที่นี่มันตะโกนไม่ได้เลยอยากกลับไปทำที่ต้องจะได้เสียงดังได้ตามใจ? ส่วนห้ามเลอะนี่ยังไงนะ อยากทำไปด้วยกินขนมไปด้วยใช่มั้ย แต่ห้องสมุดห้ามกินขนมไง ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ

“เวลาฟินๆ เราเก็บเสียงไม่ได้หรอกหนู”

“หือ?”

“มันจะแบบ ฮึ่มฮั่มๆ โฮกฮาก อื้ออ้า อ๊าส์โดยอัตโนมัติ”

“พี่ เราว่าเราเริ่มไม่เข้าใจแล้ว” ผมส่ายหัวน้อยๆ “แต่ตอนแรกเราว่าเราเข้าใจพี่นะ พี่อยากตะโกนดังๆ เวลาทำงานไม่ได้ดั่งใจใช่มั้ยเลยอยากกลับไปทำที่หอมากกว่า แถมที่นี่เอาของกินเข้ามาไม่ได้ด้วยเดี๋ยวเลอะ กลิ่นนลอยคลุ้ง”

พี่พระพายฟังผมพูดจบก็พ่นหัวเราะออกมาเสียงดังจนต้องยกมือตะครุบปากตัวเองไว้ นานทีเดียวกว่าเขาจะสงบสติอารมณ์มาตอบผมได้

“แบบนั้นเลยหนู แบบนั้นเลย ฮ่าๆ อุ๊บ...งั้นเรากลับห้องกันดีกว่าเนอะ”

“ไม่เอาๆ ทำนี่แหละพี่ เราว่าพี่กลับไปทำที่ห้องคงได้แต่ตะโกนโวยวายสลับกับกินขนมจนงานไม่เสร็จแน่ๆ เรารู้ เราอยู่กับพี่มานานแล้ว” ผมยืนยันหนักแน่น ตีหน้าดุทำเสียงขึงขังให้พี่พระพายรู้ว่าจริงจัง

“ก็เดี๋ยวหนูรอ” พี่พระพายยิ้ม แววตาคล้ายจะเอ็นดูผม

“รอได้”

“ไม่เบื่อเหรอ?”

“ม่ายยย” ผมส่ายหัว ยิ้มให้พี่พระพายสบายใจ “เราจะทำงานเป็นเพื่อนพี่ด้วย ตึกบรรณฯ แอร์เย็น ทำนี่แหละจะได้ประหยัดค่าไฟที่ห้อง”

“เสียดายนิดๆ แต่ก็โอเค พี่ตามใจหนูอยู่แล้ว”

ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก พี่พระพายยิ้ม เขาขยี้หัวผมอีกทีก่อนกลับไปทำงานต่อ ส่วนผมก็หยิบการบ้านที่อาจารย์สั่งขึ้นมาทำ เป็นวิชาทั่วไปที่ไม่ต้องแกะต้องแซะหรือทำอะไรเสียงดังจนรบกวนคนอื่นๆ ที่นี่

แต่ดูเหมือนคนอื่นที่ชอบมารบกวนพวกเราอะ

มีคนแวะมาทักทายพี่พระพายที่โต๊ะทุกๆ สิบนาทีโดยประมาณ พี่พระพายเองก็อัธยาศัยดีเกินไป ยิ่งพอไม่ต้องสวมมาดพี่วินัยแล้วก็เงยหน้าคุยกับเขาไปเรื่อย ผมมองแล้วมองอีกก็ไม่รู้ตัวนะคนเรา เสน่ห์แรงเกินไปมั้ย กลับไปตีหน้าดุเป็นพี่วินัยเหมือนเดิมเลยนะ คนจะได้ไม่ต้องเข้าหาแบบนี้อะ!

“หืม?” พี่พระพายส่งเสียงออกมาเมื่อจู่ๆ ผมก็ขยับเก้าอี้เข้าไปนั่งชิดตัวเขาแล้วแนบแก้มเกยไหล่อีกฝ่าย

“หนาว” ผมตอบสั้นๆ เอียงหน้าช้อนตามองพี่เขา “เราซบพี่ไม่ได้เหรอ”

“ทำไมจะไม่ได้” พี่พระพายหัวเราะ “แค่แปลกใจเฉยๆ ปกติหนูไม่ค่อยมาซุกพี่เวลาเราอยู่ข้างนอกไง”

“ก็วันนี้เราจะซุก”

“ครับๆ ซุกเลยครับ ยังไงพี่ก็กำไร”

“พี่”

“ครับ ว่าไงเอ่ย?”

“เราชวนพี่คุยได้มั้ย” ผมกอดกระเป๋าเป้ตัวเองเอาไว้แน่น ที่ว่าหนาวก็คือหนาวจริง แอร์ตกเต็มๆ หัวเลย “แต่ถ้าชวนคุยแล้วพี่ไม่มีสมาธิทำงานก็ไม่เป็นไร”

“แล้วหนูไม่ทำงานต่อเหรอ”

“ไม่ทำแล้ว ขี้เกียจ” อันที่จริงคือไม่มีสมาธิทำงานเพราะมัวแต่มองคนที่มาทักพี่พระพายแล้วยิ้มหวานให้เขานี่แหละ ฮึ่ย หวงๆๆๆ

“กลายเป็นเด็กขี้เกียจตั้งแต่เมื่อไหร่ฮึเรา?” พี่พระพายเขกหัวผมทีนึง มันไม่ได้เจ็บหรอก แต่ผมดันหลับตาปี๋ซะอย่างนั้น “ชวนคุยได้ครับ ไหน มีอะไรจะคุยกับพี่”

“พี่รู้จักคนเยอะจังเลย”

“พี่เป็นเด็กกิจกรรมไง” เขาตอบในขณะที่หันกลับไปพิมพ์งานต่อ “ช่วงปีหนึ่งปีสองพี่ยังปรับตัวกับวิชาเรียนของคณะตัวเองไม่ได้เลยหันมาทำพวกกิจกรรมปลอบใจตัวเองที่ต้องเรียนคณะที่ไม่ได้ชอบ ไปๆ มาๆ ดันรู้จักคนเยอะไปหมด”

“มิน่า…”

“มิน่าอะไรครับ?”

“เปล่า” ผมส่ายหน้ากับไหล่พี่พระพาย ขยับเข้าซุกเขามากกว่าเดิมเมื่อแอร์ตกกระทบตัวจนเย็นไปหมด แต่แก้มผมกลับอุ่นเมื่อซบอยู่บนไหล่พี่เขา “เราแค่คิดว่าพี่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายจังเลย คนชอบพี่เยอะด้วย”

“เป็นธรรมดาของคนหล่ออะหนู พี่ก็ลำบากใจนิดหน่อย แต่พอคิดว่าเออ ไอ้เรามันก็หล่อเหลาคารมคมคายขนาดนี้ คนจะชอบเยอะก็ไม่แปลก”

“ฮึ ไม่อยากให้พี่หล่อแล้ว”

“หืม อะไรนะหนู”

“เปล่า…”

“ได้ยินนะครับ” พี่พระพายหัวเราะหึๆ ผมหลบตาเขาวูบ ซุกหน้ากับไหล่อีกฝ่ายนิ่งๆ “ไม่อยากให้พี่หล่อเหรอ ทำไมอะ มีแฟนหล่อๆ แบบพี่ไม่ดีเหรอเรา?”

“ไม่ดี”

“ยังไง”

“คนชอบพี่เยอะ”

“คนชอบพี่เยอะแล้วยังไงครับ” พี่พระพายไล่ถามไม่หยุด พอผมไม่ตอบก็จี้ซ้ำ “หรือหนูอยากให้คนอื่นเกลียดพี่ ว้า...ทำไมถึงอยากให้คนอื่นเกลียดพี่ล่ะ แปลกๆ นะเนี่ย”

“พี่พระพายแกล้งเรา” ผมตัดพ้อ ฟังดูก็รู้แล้วว่าพี่พระพายรู้ยังจะมาถามเอากับผมอีก

“พี่แกล้งอะไรหนู”

“...”

“หนูคะ”

“ฮื่อ...ไม่เอาหนูคะ” ผมประท้วง มุดหน้ากับไหล่กว้างไม่ยอมเงยขึ้นมาแม้พี่พระพายพยายามจะเชยคางผมขึ้นให้สบตากันก็ตาม “มันจั๊กจี้”

“ถ้าไม่บอกพี่ดีๆ พี่ก็จะพูดแบบนี้ต่อไปค่ะ”

“พี่พระพายยยยย”

“ทำไมคะ เรียกชื่อพี่ทำไมเอ่ย”

“ฮือออ”

“เร็วค่ะ บอกพี่เร็วว่าหนูเป็นอะไร” น้ำเสียงทุ้มพยายามล่อลวงผม พอๆ กับฝ่ามืออุ่นที่ละจากแป้นพิมพ์มาลูบแก้มผมเบาๆ “ไม่งั้นพี่จูบ”

“...”

“จับจูบกลางตึกบรรณฯ นี่จริงๆ นะคะ”

“ไม่เอาพี่” ผมส่ายหน้าจนผมเผ้ายุ่งเหยิง ได้ยินเสียงหัวเราะของพี่พระพายอยู่เหนือหัว ผมสูดลมหายใจลึก ค่อยๆ เงยหน้าช้อนตาขึ้นมอง พอได้สบตากับเขา ใจผมก็เต้นตุ๊บๆ ด้วยความอายกับสายตารู้ทันนั้น

“ไม่เอาก็บอกมาเร็ว”

“ก็เรา…” ผมหลุบตาลง

“มองตาพี่เวลาพูดด้วยสิเฟน”

“ฮื่อ…”

“หนู...ไม่ดื้อสิคะ”

“อื้อ ก็เรา…” ผมเม้มปาก กลั้นใจสบตากับพี่พระพาย คนขี้แกล้งแววตาเป็นประกายระริก “...เราหวงพี่นี่นา เราไม่อยากให้คนชอบพี่เยอะเพราะเราหวงพี่จนจะบ้าอยู่แล้วเนี่ย!”

“หวงพี่?”

“เราพูดไม่ชัดเหรอ”

“เปล่า พี่แค่อยากฟังอีกรอบ” พี่พระพายว่ากลั้วเสียงหัวเราะ ปลายนิ้วซุกซนเริ่มจิ้มแก้มจิ้มจมูกผมไปทั่ว “ไหนพูดให้พี่ชื่นใจอีกรอบเร็วครับ”

“ไม่เอา…”

“เขินเหรอ”

“พี่พระพายก็รู้ยังจะแกล้งเราอยู่ได้” ผมปัดนิ้วพี่พระพายออกจากใบหน้าตัวเอง แต่เขาก็ยังตามมาจิ้มแก้มบีบจมูกผมเล่นเหมือนเดิมอยู่ดี “อื้อ! พี่จะอะไรนักหนากับหน้าเราเนี่ย”

“ก็น่ารักเองนี่ โทษตัวเองไปเลยอย่ามาโทษพี่”

“มันไม่ใช่ความผิดเราสักหน่อย”

“ความผิดหนูเต็มๆ เลยแหละเฟน” พี่พระพายแตะปลายนิ้วชี้กับจมูกผมแล้วคลึงเบาๆ “ทำไมเป็นคนที่น่ารักน่าเอ็นดูไปหมดทุกส่วนแบบนี้ฮึ? ดูสิ จมูกก็น่ารัก เวลางอนชอบย่นใส่พี่เหมือนลูกแมวเลย ตาก็ใสแป๋ว ขนตาหนูยาวแบบนี้เวลากะพริบปริบๆ อ้อนทีนึงใจพี่เหลวไปกองที่ตาตุ่ม แก้มก็ใสกิ๊ง ตอนเขินพี่นี่แดงแปร๊ดอย่างกับมะเขือเทศสุก เนี่ย หนูน่ารักขนาดนี้ ไม่ให้พี่ชอบวอแวหนูได้ไงไหวล่ะครับเฟน”

พี่พระพายพูดพลางเลื่อนปลายนิ้วไปตามตำแหน่งต่างๆ ปลายนิ้วอุ่นเกลี่ยสลับคลึงเบาๆ เคล้าเสียงชมจนหน้าผมร้อนเห่อไปหมด ไม่รู้เลยว่าตัวเองในสายตาพี่พระพายมันจะอะไรขนาดนั้น ผมว่าผมก็เป็นตัวผมตามปกตินะ พอได้ยินเขาบรรยายมาแบบนี้มันก็รู้สึกเขินแปลกๆ คันยุบยิบในใจ มือไม้พาลไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน

“พูดไม่ทันขาดคำ แก้มแดงอีกแล้ว”

“ฮื่อพี่ ไม่เอา” ผมยกมือดันอกพี่พระพายไว้เมื่อเขาทำท่าจะขยับเข้ามาใกล้ เงยหน้าซ้อนตาส่งเสียงขอร้องออกไป “ไม่กินแก้มเราในนี้นะ คนเยอะ ไม่เอาๆๆ”

“รู้ได้ไงว่าพี่จะกินแก้มหนู” เขาถาม ดวงตาเป็นประกาย

“ก็…”

“พี่จะกินปากหนูต่างหาก”

พี่พระพายฉวยโอกาสตอนผมยังประมวลคำพูดของเขาไม่ออกโอบคอผมขยับเข้าหา ก่อนกดจูบลงมาโดยมีหน้าจอโน้ตบุ๊กบังพวกเราไว้จากสายตาคนอื่น ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที ตอนที่ผมกำลังตกใจก็ถูกขบเม้มริมฝีปาก บดเบียดเคล้าคลอเบาๆ ลมหายใจอุ่นเป่ารดผิวในระยะประชิด หลังจากนั้นแก้มซ้ายขวาก็ถูกจับหอมข้างละฟอด

“พี่!”

“ชู่ว ไม่เสียงดังสิ อยากให้คนหันมามองพวกเราเหรอ”

“พี่อะ!” ผมเม้มริมฝีปากแน่น หดตัวมุดหน้ากับไหล่พี่พระพาย “ขี้แกล้ง นิสัยไม่ดี”

“งั้นหนูก็อย่ามาอ้อน มาซุก มาซบพี่แบบนี้สิเฟน ถึงพี่ไม่ใช่พระอิฐพระปูนแต่พี่ก็แข็งได้นะหนู”

“อะ อะไรแข็ง” ผมเผลอเงยหน้าขึ้นถาม พี่พระพายกระตุกยิ้มดวงตาหยีโค้ง เขากระซิบตอบผมด้วยน้ำเสียงทุ้มที่แหบพร่ากว่าปกติ

“ความเป็นชายครับ”

“...”

“ตอนนี้แก่นกายพี่ร้อนผ่าวน่าดู”

“...”

“อยากจะชูปี้ดับปี้ดู...อ่อก!”

พี่พระพายงอตัวทันทีที่ผมทุบเข้าเต็มท้องเขา คนหื่นเม้มปากแน่น สายตาพี่พระพายฉายประกายตัดพ้อ ผมยังไม่สาแก่ใจเลยอ้าปากงั่มแขนเขาไปอีกทีนึง

“ซี้ดหนู พี่เจ็บๆๆ พอก่อนๆ”

“เจ็บแล้วพี่จำบ้างมั้ย ลามกใส่เราอยู่ได้” ผมยอมหยุดตามที่เขาขอ พี่พระพายเบะปากลูบแขนป้อยๆ เขามองผมตาปรอยส่งเสียงกระซิกกระซี้

“อย่าเรียกลามกสิเฟน ดูไม่ดีเลย”

“แล้วพี่จะให้เราเรียกอะไร”

“เรียกว่ากระหายใคร่สำรวจเรือนร่างของหนูจะดีกว่านะครับ”

“น่าเกลียดกว่าเดิมอีกอะ” ผมย่นจมูก พี่พระพายหัวเราะ เขาดึงตัวผมเข้าไปกอดแล้วโยกซ้ายโยกขวา หน้าผมจมอยู่กับอกเขา ภาวนาให้พี่พระพายไม่กระตุกนมใส่หน้า “พี่ปล่อยเรา อื้อ!”

“มันเขี้ยว อยากจับหนูฟัด”

“นี่ในตึกบรรณฯ นะ!”

“แสดงว่ากลับห้องไปแล้วทำได้?”

“พูดอย่างกับกลับห้องไปแล้วพี่สงบเรียบร้อยไม่กินแก้มเราจนช้ำอย่างนั้นล่ะ” ผมดึงตัวออกจากอ้อมกอดพี่พระพายได้สำเร็จ แม้จะแลกมาด้วยการที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงชี้ฟูจนคนที่เป็นต้นเหตุต้องมาลูบหัวจัดแต่งทรงผมให้ใหม่ก็ตาม

“ก็พูดเกินไป”

“เราพูดจริงทั้งนั้นเลย”

“อะๆ จริงก็จริง” พี่พระพายยอมให้ผมอีกครั้ง คราวนี้เขาหันมาหาผมเต็มตัว ทิ้งงานกับโน้ตบุ๊กไว้ไม่สนใจ ดวงตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อยในขณะที่มุมปากยกยิ้ม “จะว่าไปพี่บอกหนูหรือยังเฟน”

“หือ? บอกเรื่องอะไรเหรอพี่”

“พี่รับงานถ่ายแบบไว้”

“ฮะ?” ผมขมวดคิ้ว “ถ่ายแบบอะไรของพี่”

“ผู้จัดการของพี่พริ้งเขาเสนองานให้พี่น่ะ” พี่พระพายเล่าให้ผมฟัง นิ้วก็ลูบปอยผมผมแล้วเกี่ยวทัดหูให้เรียบร้อย “นายแบบคนเดิมที่วางตัวไว้เขาลื่นตกบันไดกระดูกแขนร้าว ต้องเปลี่ยนตัวกะทันหัน ผู้จัดการของพี่พริ้งเขาเล็งพี่มานานแล้วไงหนู พี่พริ้งก็ขอร้องอีกเสียงเลยตกลงไป”

“อ๋อ…” ผมพยักหน้ารับ เงียบไปนิดนึงจนพี่พระพายแตะคางเชยหน้าผมขึ้น

“เป็นไรหืม เงียบไปเลย”

“เรา…” ผมเม้มปาก จับมือพี่พระพายมาเล่นนิ้วเขาเพื่อหาข้ออ้างหลุบสายตาหนี “ถ้าพี่ถ่ายแบบ ต่อไปคนต้องรู้จักพี่เยอะขึ้นแน่ๆ เลย”

“ก็หล่ออะเนอะช่วยไม่ได้”

“ฮึ!”

“ทำไมครับ” น้ำเสียงเขาเจือแววหยอกล้อ พี่พระพายรู้แล้วแน่ๆ ว่าผมรู้สึกอะไรอยู่

“บอกแล้วไง”

“บอกอีกเร็ว อยากฟัง”

“หวง…” ผมกำนิ้วชี้พี่พระพายแล้วเขย่าแรงๆ “หนูหวงพี่ไง”

“ใจพี่ก็มีอยู่แค่นี้ เฟนเอ๊ย ปรานีพี่บ้าง”

เสียงพี่พระพายสั่นนิดๆ ผมเงยหน้ามองถึงเห็นว่าพี่เขาหน้าแดงแปร๊ดแถมยังทำหน้าแปลกๆ คล้ายจะยิ้มแต่ก็พยายามกลั้นไว้จนจมูกบานไปหมด ผมหลุดหัวเราะออกมาทันที พี่พระพายชอบเสียอาการเวลาผมแทนตัวเองว่าหนู เขาชอบบอกว่าผมน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่รู้ว่าพี่พระพายรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองก็น่ารักมากๆ เหมือนกัน

ก๊อกๆ

เสียงเคาะโต๊ะเบาๆ ทำให้ผมกับพี่พระพายหันไปตามเสียงพร้อมกัน พี่สายฟ้ายืนเอามือเท้าโต๊ะพวกเราไว้ เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“ไม่รู้ว่ามาขัดจังหวะอะไรมั้ย...”

“ขัด ไอ้สัสไม่ต้องมาขอโทษ มันสายไปแล้ว”

“กูไม่ได้จะขอโทษ กูแค่เกริ่นตามมารยาท คิดว่ากูแคร์มึงขนาดนั้นเหรอพระพาย” แล้วพี่สายฟ้าก็หันมาทางผม “ไม่ได้ว่าเรานะเฟน พี่ด่ามันคนเดียว”

“เรารู้พี่ แต่ฟรองซ์อะด่าพี่ ไม่รู้เป็นอะไร ตอนนั้นยังเข้ากันอยู่เลย”

“อ๋อ” พี่สายฟ้าหัวเราะ เขายักคิ้วให้ผม “ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่ขอไลน์ฟรองซ์หน่อยสิเฟน”

“อ่า ฟรองซ์จะว่าเรามั้ย…” ผมลังเล

“ไม่ว่าหรอก เดี๋ยวเฟนส่งคอนแทร็กมาในไลน์พี่เลยนะ ขอบคุณครับ” พี่สายฟ้าขยิบตาให้ก่อนหันไปทางพี่พระพาย ผมเลยหมดโอกาสจะปฏิเสธ

“ว่าแต่มึงมาที่โต๊ะกูทำไม ช่วยรัญมันติวบัญชีให้น้องๆ เสร็จแล้วเหรอ”

“ยัง แต่จะมาขอยืมเครื่องคิดเลขหน่อย”

“ของมึงก็มีนี่ ติวมาตั้งนานเพิ่งจะมายืม?”

“ก็มันเพิ่งตายไปเมื่อกี้” พี่สายฟ้าเปลี่ยนมากอดอกเอียงตัวพิงขอบโต๊ะ “สงสัยใช้งานสมบุกสมบันไปหน่อย จะไปใช้ของน้องๆ มันก็ไม่ได้ว่ะ สับมือกันไปมาไม่สะดวก”

“แล้วคิดว่ากูพก?”

“พกปะล่ะ”

“พกดิ”

“เครื่องคิดเลข?”

“เหอะ ถุงยาง”

“เนี่ย มึงก็แบบนี้ไงพระพาย กูชงให้แต่มึงไม่ต้องตบทุกมุกก็ได้”

“กลัวมึงเหงา” พี่พระพายหัวเราะหึๆ เขาล้วงกระเป๋าหยิบเครื่องคิดเลขส่งให้พี่สายฟ้า

“ขอบใจ” อีกฝ่ายยื่นมือมารับก่อนส่งเสียงหึ “ยืมเครื่องคิดเลขมันก็ไม่ได้ยากตรงไหนนี่หว่า แล้วทำไมหน่วยงานนั้นถึงอ้างว่าไม่มีเครื่องคิดเลขอยู่ได้ ขนาดลุงคนนู้นยืมแหวนยืมนาฬิกาที่แพงกว่าเครื่องคิดเลขยังยืมได้เลย โด่”

“พอๆ เลี้ยงข้าวกูด้วย อุตส่าห์ให้ยืม”

“เงินกูจะหมดแล้ว ไม่ได้งอกเพิ่มได้เหมือนบัตรเลือกตั้งนะครับเพื่อน”

“เนี่ยสายฟ้า กูพามึงออกนอกคูหาแต่มึงก็ยังจะวนกลับไปอยู่ได้”

“ก็กูเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ องค์ในตัวกูบอกมา”

“มึงมีองค์ด้วยเหรอ”

“มีสิ อย่าหาว่ากูมูฯ เลย”

“อ้าว กูก็มีองค์”

“องค์ไรวะ ไม่เคยเห็นมึงบอก”

“องคชาติ”

“มึงไปเล่นมุกส้นตีนไกลๆ กูเลยนะพระพายนะ”

“ขำขัน”

“เอ้กอี้เอ้กอะนะ”

“มุกมึงก็ส้นตีนพอๆ กับกูอะเพื่อน” พี่พระพายนวดขมับ เขาโบกมือไล่พี่สายฟ้า “มึงได้เครื่องคิดเลขแล้วก็ไปสักที กูจะทำงานต่อ SPSS กำลังทำกูตาลาย อีกนิดคงต้องหยุดไปนอนให้น้ำเกลือในโรงพยาบาล”

“มึงหยุดไปให้น้ำเกลือได้ แต่มึงจะหยุดทำงานไม่ได้”

“แล้วจะให้กูทำยังไง”

“มึงก็หอบเสากับถุงน้ำเกลือมาทำงานต่อสิวะ เรื่องง่ายๆ คิดไม่ได้เหรอ”

“กูไม่เห็นประโยชน์ที่เราจะฝืนสังขารตัวเองว่ะ”

“เอาหน้ามั้ง แบบให้ดูเป็นคนทุ่มเทกับการงานอะไรเทือกๆ นั้น” พี่สายฟ้ายักไหล่ เขากระตุกยิ้ม “ว่าแต่กู มึงเองก็ชงมาให้กูตบเหมือนกันนั่นแหละ”

“สงสารมึงกว่าจะลำบากหาช่องแซะได้”

“ชีวิตเห็บๆ มันก็จะลำบากหน่อยมึง” พี่สายฟ้าหัวเราะหึๆ ส่วนผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าจู่ๆ เราพูดถึงเห็บกันทำไม หรือใครเลี้ยงหมาเหรอ… “แต่ไม่ลำบากเท่าหน่วยงานที่ต้องเค้นสมองบัญญัติคำใหม่เพื่อเลี่ยงนู่นนี่หรอก อะไรนะ? บัตรเขย่ง กูถามจริง อาจารย์วิชาภาษาไทยกูร้องไห้แล้วเนี่ย บัตรมันมีขาเหรอวะ อยากด่าบัดซบแต่ก็เกรงใจ”

ผมกะพริบตาปริบมองซ้ายทีขวาที เหมือนจะเข้าใจที่พวกพี่ๆ พูดกันแต่ก็ไม่ หันไปหันมาก็ชักเมื่อยคอเลยเผลอเอียงหน้าซบกับไหล่พี่พระพายตามความเคยชิน ส่วนพี่พระพายเองก็โอบหัวผมไว้แล้วลูบเบาๆ ในขณะที่คุยกับพี่สายฟ้าต่อ

ทุกๆ การกระทำมันเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ พี่พระพายคุ้นชินกับสัมผัสของผม ส่วนผมก็คุ้นกับสัมผัสพี่เขา

“ต่อหน้ากูก็ไม่เว้น”

“อิจฉาล่ะสิ”

“ขนลุกมากกว่า” พี่สายฟ้าตอบแล้วหันมาทางผม “ว่าแต่พระพายเลี้ยงดีมากเลยใช่มั้ยเนี่ยเฟน แก้มฟูหมดแล้ว ยิ่งเอ็งเอาแก้มแนบไหล่มันแก้มก็ยิ่งล้น”

“น่ารักจะตาย อย่ามาว่าแฟนกู” พี่พระพายจิ้มแก้มผมทีนึง ส่วนผมขมวดคิ้ว ยกหัวตัวเองออกจากไหล่พี่พระพาย สองมือประกบแก้มเอาไว้ บีบเบาๆ

“พี่สายฟ้าว่าเราอ้วนขึ้นเหรอ?”

“ก็มีน้ำมีนวลขึ้นนะ”

“ดีแล้วหนู เต็มไม้เต็มมือดี”

“หือ เต็มมือ?”

“หมายถึงมีแก้มแล้วน่ารัก เวลาจับแก้มเราแล้วเต็มไม้เต็มมือพี่ดีจ้ะ”

“การแสดงถ้าเฟคมันดูออก” พี่สายฟ้าพูดขึ้นลอยๆ

“กลับโต๊ะมึงไปไป๊”

“เถียงไม่ได้ก็ไล่ ตอบไม่ได้ก็ลุกหนี หึ!”

“กูยังไม่ได้ลุกหนีมึงเลยนะ”

“กูก็ไม่ได้หมายถึงมึงเหมือนกัน” พี่สายฟ้าตีหน้าซื่อ เขาหันมายิ้มให้ผม “เอ็งก็ระวังไว้เฟน พี่บอกให้ว่าเต็มไม้เต็มมือของมันน่ะ…”

“สายฟ้ากูบอกว่าแก้มก็แก้ม”

“แก้มบนหรือแก้มล่างกูถามก่อน”

“มึงไปเลยนะ ไปเลย ชิ่ว!”

“ไปก็ได้”

พี่สายฟ้าโบกมือให้ผมแล้วหมุนตัวเดินหนีไป ผมกะพริบตาปริบ หันมองพี่พระพายอย่างไม่เข้าใจ คนเรามีแก้มแค่สองข้างไม่ใช่เหรอ แล้วแก้มบนแก้มล่างนี่มันยังไง?

“ไม่มีอะไรหรอกหนู มันชอบปั่นไปเรื่อย”

“บางทีเราก็ไม่เข้าใจพวกพี่เลยจริงๆ นะ”

“ไม่เข้าใจก็ดีแล้วครับ”

พี่พระพายยิ้ม เขาลูบหัวผมอีกสองสามทีก่อนขอทำงานต่อ ผมพยักหน้าอนุญาตหงึกๆ ก่อนนั่งกอดกระเป๋าเป้เอียงตัวซุกพี่พระพายหลบลมหนาวของแอร์ ในหัวก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอย่างเรื่องแก้มบนแก้มล่าง แต่คิดให้ตายก็ยังหาคำตอบไม่ได้อยู่ดี

เฮ้อ...


บิ๊กไซซ์ปลงสังขาร @fdhjgjdll24hag

พี่ไม่ได้หลอกนะที่บอกว่าแก้มเต็มไม้เต็มมือน่ะ แต่พี่แค่บอกไม่หมดว่าหมายถึงแก้มก้น…

บิ๊กไซซ์ปลงสังขาร @fdhjgjdll24hag

อะฮึ่ม บ้าเอ๊ย แค่คิดก็อยากจะชูปี้ดับปี้ดูแล้วว่ะ ขาวๆ นุ่มๆ เต็มไม้เต็มมือ ขย้ำแล้วแดงเถือก ฟาดแล้วเป็นรอยมืองี้ ฮื้มมมม ต้องได้แล้วปะ ขนาดนี้กูต้องได้เมียแล้วปะ!?

บิ๊กไซซ์ปลงสังขาร @fdhjgjdll24hag

จินตนาการสำคัญกว่าความจริง เพราะความจริงกูโดนถีบออกทุกครั้งที่เข้าไปนัว /กำหนัด!

บิ๊กไซซ์ปลงสังขาร @fdhjgjdll24hag

*กำหมัด!


เทพท้อกับประชาธิปไตยที่หายไป @LostDemocracyM44

เนื่องจากรายการของลุงข้างบ้านออกอากาศเป็นตอนสุดท้าย (สักทีไอ้สัส!) มาครับ ผมมีของมาแจกแก้บน เครื่องรางมงคลเรียกทรัพย์จากศาลเจ้าญี่ปุ่น รีอย่างเดียวไม่ต้องฟอล สุ่มผู้โชคดีพรุ่งนี้สามทุ่มครับ

Notice me senpai! @fcpeetepthor

กำลังตอบกลับถึง @LostDemocracyM44

ขอฟรีอันนึงแล้วจะหายโมโห



---------------------

*มูฯ ย่อมาจากมูเตลู ความเชื่อในเชิงไสยศาสตร์ เครื่องรางของขลัง ทรงเจ้าอะไรเทือกๆ นั้นค่ะ

**SPSS เป็นโปรแกรมสำหรับกรอกข้อมูลตัวเลขสถิติค่ะ



รอบนี้ลัดคิวมาอัปเร็ว หวังว่าพี่พระพายกับน้องเฟนจะทำให้อมยิ้มได้ในวันที่การเมืองเผ็ดร้อนแบบนี้นะคะ ปกติไม่ค่อยเก็ตการที่เมะพูดคะขากับเคะที่เป็น ผช เหมือนกัน แต่วันนี้เก็ตแล้วค่ะว่ามันงุ้ยมาก ฮือออ ส่วนพี่เขาจะได้งาบน้องตอนไหนนั้น...อะฮึ่ม ใกล้แล้วค่ะ อีกนิดนึง ตอนนี้ก็ให้พี่แกตัดพ้อโชคชะตาไปก่อน ไว้เราจะคืนความสุขให้พี่ พพ. โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาถึงห้าปี อิอิ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

#เพื่อนกล่อมนอน


ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อ่านยังไงก้อฟิน
น้องฟร๊องอย่างอนพี่เขาเลยนะลูกนะ
้องเฟนหนีไม่ทันละ โดนฟัดแน่ๆ อรุ่ม

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
พี่พระพายทำให้เขินได้ตลอดเวลา :impress2:

ออฟไลน์ Fiasarinya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอย รอพี่พพกับหนูเฟนทุกวันเลยยยย
รอจนจะเหี่ยวแบบ...พี่พพแล้ว
อัพแต่ละตอน ขานี่ก้าวรอในคุกแล้วข้างนึง
ไม่เป็นไรค่ะ เราจะก้าวไปพร้อมไรท์ 5555555555555

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เรานึกว่าไรท์จะมาตั้งแต่วันเลือกตั้งซะอีก5555

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เค้ามุ้งมิ้งกันน่าเอ็นดู   :hao7:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เฟนน่ารัก~

ออฟไลน์ mybear_sr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เหม็นความรักกกกกกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด