คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต
บทที่ 59
ปราณ
--------
ปราณเป็นคนท้องถิ่นในเมืองตะวันออก แต่ย้ายไปอยู่เมืองหลวงตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อสามปีก่อนเพิ่งจะกลับมาสอนหนังสือในโรงเรียนที่ตระกูลของตนเป็นเจ้าของกิจการ
โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนประจำสตรีที่มีชื่อเสียง ตัวเขาเองในฐานะทายาท ย่อมต้องเรียนรู้ทั้งงานในสายวิชาการและการบริหาร
และเพราะไปเรียนต่างเมืองแต่เล็ก ปราณจึงไม่มีเพื่อนในเมืองตะวันออกมากนัก
ตลอดสามปีที่กลับมาฝึกงานในโรงเรียนประจำดรุณีพิไล ปราณมุ่งมั่นเรียนรู้งาน มิได้สร้างสังคมนอกโรงเรียน จึงมีเพียงเพื่อนครูด้วยกัน จนกระทั่ง...พบรติ
รติผู้นี้เป็นภรรยาของหมอตรัสแห่งร้านยาอหัสกร
เรื่องสถานะนี้ ใครก็ทราบดีเพราะทั้งสองมิได้ปิดบัง รติเองก็ไม่ใช่ภรรยาในเรือน แต่ช่วยกิจการอหัสกรจนรุ่งเรือง
ปราณเคยพบรติแล้วสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่ไปซื้อผงสมุนไพรให้บิดา แล้วรติถามว่าตนเองเป็นใคร ยามนั้นเขาตอบว่าไม่รู้ เจ้าตัวจึงแนะนำตัวเองอย่างแข็งขัน
‘ข้าชื่อรติ อหัสกร เป็นภรรยาของหมอตรัส!’
ยามนั้นเขานึกขันกับท่าทีมุ่งมั่น แต่ก็ถูกชะตากับดวงตาเป็นประกายสดใส ทว่ามิได้ทำความรู้จักมากนัก มาพบครั้งที่สองก็ตอนไปงานเลี้ยงมงคลสมรสที่เรือนคหบดีผู้หนึ่งแทนบิดา แล้วพบรติปรนนิบัติดูแลสามีอย่างดี แม้ไม่ประเจิดประเจ้อ แต่ก็ดูออกถึงความสนิมสนมนั้น
คนเราเมื่อถูกชะตาครั้งที่หนึ่งแล้ว ครั้งที่สองก็ย่อมถูกชะตาเช่นเดิม
และคราวนี้...สร้างความรู้สึกน่าสนใจให้แก่ปราณด้วย
เขาเฝ้ามอง มิได้รุ่มร่าม พบเจอสองครั้ง ล้วนรู้สึกถูกชะตาทั้งสองครั้ง แต่ก็มิได้ผูกสัมพันธ์
จนกระทั่งวันหนึ่ง บิดาผู้เป็นครูใหญ่ของโรงเรียนมาบอกเขาว่า สกุลอหัสกรจะขอเยี่ยมชมโรงเรียนเพราะทายาทผู้หนึ่งของสกุลสนใจเข้าเรียนที่นี่
ปราณสนใจขึ้นมาทันที
เท่าที่เขาทราบ สกุลอหัสกรเป็นสกุลเล็ก ไม่ได้มีญาติพี่น้องมากมายนัก ประกอบด้วยท่านอมราผู้อาวุโส ตรัสและรติสองสามีภรรยา และน้องสาวน้องชายของรติ ท่านอมราอายุมากแล้ว คงไม่ใช่ผู้ที่จะมาเยี่ยมชม ส่วนน้องสาวน้องชายของรติก็อายุยังน้อย ถึงจะเป็นผู้สนใจเข้าเรียนที่นี่ก็ไม่น่าจะมาได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นผู้ที่จะมาก็คงเป็น...ตรัสและรติ
สองสามีภรรยาไม่น่าส่งผู้ใดผู้หนึ่งมาเพียงลำพัง ดังนั้นปราณจึงเสนอตัวขอเป็นผู้นำทางผู้มาเยือนในวันนั้น
ตามที่คาด ตรัสและรติเป็นตัวแทนของอหัสกรมาเยี่ยมชมโรงเรียน
ปราณได้ทำความรู้จักกับรติสมความตั้งใจ แต่ที่เหนือความตั้งใจคือรติน่าสนใจกว่าที่เขาคิดเอาไว้
รติไม่ใช่ภรรยาผู้เดินตามหลังสามี แต่กลับเป็นคนช่างซักถาม รู้จักสังเกต สงสัยสิ่งใดก็หาใช่เก็บงำเพราะตื่นคนแปลกหน้า
หากจะเรียกว่าตรัสช่างโชคดีที่ได้ภรรยาเช่นนี้...ก็ใช่
หากจะเรียกว่าปราณโชคดีที่ได้พบสหายถูกใจเช่นนี้...ก็ใช่
อาจารย์หนุ่มถูกโฉลกรติเป็นอันมาก รติแวะเวียนมาที่โรงเรียนบ่อยๆเพราะเป็นห่วงน้องสาว ก็พลอยได้พูดคุยกันมากขึ้น หนำซ้ำยังมีน้ำใจ นำผงสมุนไพรบำรุงร่างกายมาฝากด้วย ปราณจึงคิดตอบแทนน้ำใจของอีกฝ่ายเช่นกัน
วันหนึ่งที่ไม่มีการสอนคาบคณิตศาสตร์ ปราณสั่งให้คนจัดตะกร้าผลไม้ให้หนึ่งตะกร้า แล้วหิ้วไปยังร้านยาอหัสกร
ครั้งหนึ่งเคยได้รับผงสมุนไพรบำรุงร่างกายจากรติ จึงคิดตอบแทนด้วยผลไม้รสชาติดี
น้ำใจของสหายก็ย่อมต้องตอบแทนด้วยน้ำใจของสหาย
ปราณไม่ได้คิดว่าสหายผู้นี้มีสามีแล้ว และแม้พวกเขาต่างเป็นชาย แต่สามีของรติก็ใช่จะสบายใจ
---------
ชายหนุ่มสวมแว่นร่างสูงก้าวเท้าลงจากเกวียนเทียมม้าที่หน้าร้านยาอหัสกรในตอนที่พระอาทิตย์ตรงศีรษะพอดี ร้านยาอหัสกรตั้งอยู่ใกล้ลานน้ำพุจึงพลุกพล่าน กระนั้น ในร้านก็ค่อนข้างเงียบ เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าหมอตรัสผู้ตรวจรักษาและรติผู้ขายผงสมุนไพรจะพักรับประทานอาหารเที่ยง หากไม่ใช่ต้องการรักษาเร่งด่วน ก็มักไม่มีคนแวะมาเวลานี้ แต่เรื่องนี้ปราณไม่ทราบ
ตอนที่เขาไปถึง หมอตรัสออกไปแล้ว กระนั้นเขาก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาพบหมอหนุ่มแห่งร้านยา จึงหันไปแจ้งความจำนงกับบ่าวผู้เฝ้าร้านผู้หนึ่ง
“ข้าชื่อปราณ เป็นสหายของท่านรติ ไม่ทราบว่าท่านรติอยู่ไหม”
“วันนี้ท่านรติไม่มาขอรับ”
“ไม่มา? แล้วไปที่ใด ข้าอยากพบเขา”
“เอ? เห็นท่านตรัสว่าไม่สบาย วันนี้พักผ่อนที่เรือนนะขอรับ” บ่าวแสนซื่อเล่าทุกข้อเท็จจริง โชคดีที่ปราณมิใช่คนร้าย หนำซ้ำยังเป็นชายหนุ่มผู้มีวิชาความรู้และมารยาท เมื่อบ่าวที่ร้านยาอหัสกรแจ้งแก่เขาว่ารติอยู่ที่เรือน และเวลานี้เป็นเวลาเที่ยง ย่อมต้องรับประทานอาหารเที่ยง หากมีแขกเช่นเขาแวะเวียนไปเยี่ยมเยียน จะเป็นการสร้างความลำบากในการจัดหาอาหารมาต้อนรับ ดังนั้น อาจารย์หนุ่มแห่งโรงเรียนสตรีจึงลาจากร้านยาอหัสกร แล้วแวะกินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเสียก่อน
เมื่ออิ่มหนำแล้ว เห็นเป็นเวลาสมควรที่จะไปเยี่ยมเยียนผู้อื่น จึงออกจากร้าน มุ่งหน้าไปยังเรือนอหัสกร
ตอนที่ปราณไปถึง ตรัสออกจากเรือนไปพักหนึ่งแล้ว จึงไม่ได้พบกัน
และในเมื่อตรัสไม่อยู่ ผู้ที่ต้องออกมาต้อนรับสมควรจะเป็นรติ แม้รติไม่สบาย แต่เพราะอาจารย์ปราณมาเพื่อนำของกำนัลมามอบให้รติ จะให้ท่านอมราออกมารับหน้าแทนก็กระไร หนำซ้ำ ช่วงบ่ายหลังมื้อเที่ยงเป็นที่รู้กันดีในอหัสกรว่าท่านอมราจะต้องพักผ่อน จึงไม่มีใครรบกวนนางให้ออกมารับแขก
สีหน้าของรติดีขึ้นกว่าเมื่อเช้ามากนัก อย่างน้อยก็เพราะตรัสไม่เมินเฉย หนำซ้ำยังเอาใจใส่อย่างดี สั่งให้คนต้มยาและสมุนไพรสำหรับบำรุงร่างกาย เมื่อตอนกลางวันก็กลับมาดูแล ถามไถ่เรื่องอาหารการกิน รติมองไม่เห็น ย่อมไม่ร่วมโต๊ะกับผู้ใด และอาศัยความเป็นคนป่วยเอาแต่ใจด้วยการขอน้ำแกงเพียงถ้วยหนึ่ง ตรัสยอมตามใจแต่ก็เฝ้าดูเฝ้าประคองให้ดื่มจนหมดถ้วย แม้รติจะมองไม่เห็น แต่ก็รับรู้ว่าตรัสห่วงใยเขาเพียงใด
กระนั้น...อาการตาบอดก็ใช่จะหายปุบปับ
รติยังคงมองไม่เห็น จึงต้องให้บ่าวช่วยพยุงพาออกมาต้อนรับปราณ
แม้ในความเป็นจริง...รติไม่ได้เป็นไข้เพียบหนักจนเดินไม่ไหว แต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นสะโหลสะเหล เพื่อจะได้มีคนช่วยพยุงพาเดินพานั่งได้โดยไม่มีใครสงสัย
ตอนที่ปราณเห็นบ่าวรับใช้พยุงรติเข้ามาในห้องรับรองแขก เขาก็ถึงกับชะงักไปด้วยความตกใจ รติเป็นคนสดใสร่าเริง และดูแข็งแรง ไม่คิดว่าจะไม่สบายจนถึงขั้นต้องให้คนช่วยพยุงเช่นนี้ เขารีบลุกขึ้นก้าวเข้าไปช่วยพยุงแขนอีกข้าง
“ท่านป่วยหนักถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!”
“ไม่หรอกๆ ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก” รติตอบ ค้อมศีรษะไม่เงยมองสหายโดยตรง ท่าทีของเขาช่างสุภาพ แต่นั่นก็เพื่อจะได้ไม่มีใครสังเกตว่าดวงตาของเขา หาได้จับจ้องผู้ใด
...เพราะมองไม่เห็น...
อาจารย์หนุ่มช่วยพยุงพาเดินไปนั่งที่ตั่ง
“เมื่อตอนเที่ยงข้าไปที่ร้านยา เห็นบ่าวที่นั่นบอกว่าท่านไม่สบาย ข้าก็เลยมาที่นี่ ท่าน...กินข้าวกินยาแล้วใช่ไหม”
รติหัวเราะเบา ดูสดใสแต่ก็ไม่ได้หันมองคู่สนทนา
“แน่ซี อหัสกรเป็นร้านยา หากข้าเจ็บป่วยแต่ไม่ได้กินยา เห็นทีคงแย่แล้ว”
ราวกับปราณเพิ่งนึกออก สามีของรติเป็นหมอรักษาโรค ย่อมดูแลภรรยาอย่างดี
“ว่าแต่...ท่านมาหาข้า มีอะไรหรือ หรือว่า...รุจีมีปัญหาใด”
“ไม่ใช่เรื่องรุจีหรอก ข้าแค่นำผลไม้มาฝาก”
รติชะงักไปเล็กน้อย อาการตาบอดทำให้เขาย่อมมองไม่เห็นว่าปราณนำผลไม้ชนิดใดมามอบให้ จำนวนเท่าไร หน้าตารูปลักษณ์ของมันเป็นเช่นไร แต่ก็อาศัยความเฉลียวหาทางรอดตัว
“ขอบคุณท่านมาก ขอให้บ่าวรับแทนข้าได้ไหม ข้า...รู้สึกแขนล้าชอบกล...” พูดแล้วก็บีบนวดแขนตนเองให้ดูว่าร่างกายของเขาช่างอ่อนเปลี้ยเพราะอาการป่วย ไม่อาจรับของฝากจากปราณด้วยมือตนได้
เห็นดังนั้นแล้ว อาจารย์หนุ่มก็ยิ่งห่วงใย
“ข้าจะฝากบ่าวเอาไว้ ท่านควรพักผ่อนให้มาก ข้าไม่รบกวนแล้ว ท่านจะได้พักผ่อน”
รติยิ้มน้อยๆ ปราณนั่งอยู่ข้างเขา เมื่อปราณลุก เขาย่อมรับรู้ จึงขยับลุกตาม เพียงแค่ลุกขึ้นยืน ปราณก็ช่วยพยุงแล้ว
“ท่านไม่ต้องไปส่ง” สหายกล่าว แต่รติกลับส่ายหน้าไปมา โดยที่ยังก้มหน้าต่ำ
“ได้อย่างไรกัน ท่านอุตส่าห์มีน้ำใจมาเยี่ยมข้าถึงนี่ อีกทั้งยังนำของฝากมาให้ ข้าก็ต้องไปส่งให้ถึงหน้าประตูเรือน”
แม้จะมองไม่เห็น แต่น้ำใจของอีกฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องจะมองข้าม รติพอจะมีลู่ทางในการเดินไปส่งสหายผู้นี้ที่หน้าประตูด้วยการให้บ่าวรับใช้พยุงพาไป แต่ปราณจับแขนเขาข้างหนึ่งอยู่แล้ว แม้บ่าวของเรือนอหัสกรจะเข้ามาช่วยจับแขนอีกข้าง แต่อาจารย์หนุ่มก็หาได้ปล่อยไม่
สองคนเดินพยุงคนป่วยไปยังหน้าประตูใหญ่ ฝั่งหนึ่งคือชายหนุ่มผู้สวมแว่นมีฐานะเป็นอาจารย์แห่งโรงเรียนประจำที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองตะวันออก อีกฝั่งคือสาวใช้แห่งเรือนอหัสกร
แต่...ชายหนุ่มที่ก้าวเท้าเดินอาดๆเข้ามาในเรือนกลับมองเห็นเพียงภรรยาของตนถูกประคองโดยชายหนุ่มที่ชื่อปราณ!
“นั่นทำอะไร?!!” เสียงของตรัสดังลั่น ทุกสรรพสิ่งหยุดชะงักแต่เพียงเท่านั้น!
--------
#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต
ธ ม น
THAMON926
--------
ไม่รู้จะตีใครเลยค่ะ น่าตีทั้งรติ ทั้งตรัส ทั้งปราณ
ปราณมาดีแต่คิดน้อยไปหน่อย ส่วนตรัสก็ขี้หึงแล้วยังไม่พูด รติก็มีเรื่องปิดบังอีก ทุกอย่างมาเจอกันในตอนนี้ค่ะ ฮ่าฮ่า
ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านนะคะ
เจอกันวันศุกร์ค่ะ