Soulmate วิญญาณป่วนรัก
Part 11# Z โมโห (ทำไมวะ!?)
“ต่อมั้ย” ไอ้เอสเอ่ยปากถาม พลางค่อยๆ ไล้ปลายลิ้วที่อยู่ตรงแผ่นหลังของผมลงมาช้าๆ เห็นก่อนนี้กูยอมเข้าหน่อยแถมยังช็อกอยู่ก็เอาใหญ่เลยนะมึง
“ต่อเชี่ยอะไรล่ะ!” ผมผลักที่อกของมันอย่างสุดแรง ก่อนจะลุกขึ้นด้วยท่าทางเซนิดๆ แล้วรีบล้างตัวเอาคราบอะไรต่อมิอะไรออกไปจากตัวให้หมด พอเสร็จก็คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วรีบวิ่งแจ้นออกจากห้องน้ำมาเลย
ทำลงไปได้ยังไง...
นี่กูทำเรื่องแบบนั้นกับไอ้เอสลงไปได้ยางง๊ายยยยยยยยย!
ผมจิกทึ้งผมของตัวเองจนยุ่งเหยิง คือตอนนี้ไม่รู้ว่าผมจะเขิน จะอาย หรือจะโกรธ (ตัวเอง) ดี นี่ถ้าไม่ติดว่ากลัวเจ็บคงจะเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด แต่ไหนๆ เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ผมไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ เพราะงั้นสิ่งที่ผมทำได้ก็มีแต่...หลบหน้าไอ้เอสจนกว่าจะจะถึงพรุ่งนี้ก็แล้วกัน! ก็กูคิดอะไรไม่ออกแล้วอะ!
เมื่อคิดได้แบบนั้นก็รีบกระโจนขึ้นเตียงนอนคลุมโปงทันที ซึ่งผ่านไปไม่กี่วิไอ้เอสมันก็ออกมาจากห้องน้ำ ผมได้ยินเสียงฝีเท้ามันใกล้เข้ามาเลยพยายามนอนให้นิ่งที่สุด แต่หารู้ไม่ว่ามือที่กำลังจับผ้าห่มแม่งสั่นพั่บๆ
“หลับแล้วหรอ”
“เออ! หลับแล้ว!” เชี่ย! อ๊องจริงกู! ถ้ากูหลับแล้วจะตอบมันได้ยังไงวะ!
“หึหึ” หัวเราะแบบนี้มันคงรู้แหละว่าผมยังไม่หลับ แต่ก็ยังดีที่มันไม่ได้มากวนหรือถามอะไรอีก
ผมได้ยินเสียงมันเดินไปนู่นมานี่ ไม่รู้ว่าทำอะไร แต่ในเมื่อผมมองไม่เห็นก็เลยไม่ได้สนใจ แล้วอีกอย่างผมก็ชักง่วงขึ้นมาจริงๆ ซึ่งไม่กี่นาทีหลังจากนั้นผมก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปเลย...
.......................................
..........................
.............
ตื่นมาอีกทีปรากฏว่าตอนนี้เป็นเวลา 10 โมงกว่าเกือบ 11 โมง...
“เชี่ย!” นี่กูนอนไปนานขนาดนี้เลยหรอวะ 1...2...3...4...5...6...7...8...9... 9 ชั่วโมงกว่า! นี่กูนอนหรือซ้อมตายถามจริง!
ซึ่งขณะที่ผมกำลังพูดกับตัวเองอยู่นั้น ไอ้เอสที่ไม่รู้ว่าออกไปไหนมาก็เปิดประตูกลับเข้ามาในห้อง ดวงตาของเราสองคนจ้องมองกันโดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่พูดอะไร
นั่นแหละฮะท่านผู้ชม...เดดแอร์!
ก็แน่ล่ะสิ เมื่อคืนพวกผมทำเรื่องอะไรกันล่ะ ถึงจะทำเป็นลืมแต่มันก็ลืมไม่ได้ง่ายๆ หรอกนะ ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง แล้วก็สัมผัสยังตราตรึงอยู่เลยขอบอก
“นี่กะว่าถ้ากลับมามึงยังไม่ตื่น กูจะแจ้งป่อเต็กตึ๊งให้มาเก็บศพแล้ว” ไอ้เอสพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม ท่าทางของมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย กวนตีนหน้าตายเหมือนเดิมทุกประการ
“ไอ้สัส” ถึงจะรู้สึกหมั่นไส้จนยกมือทำท่าจะต่อยมันลับหลัง แต่พอคิดๆ ดูก็ดีแล้วล่ะ บรรยากาศกระอักกระอ่วนจะได้หมดไป คิดซะว่าเรื่องเมื่อคืนมันก็แค่ความฝันเท่านั้นพอ
“แล้วนั่นมึงไปไหนมา” แต่ดูจากเสื้อผ้าแล้วก็การแต่งหน้าทำผม ผมคิดว่ามันน่าจะออกไปทำงานมานะ
“ถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสาร” พูดจบมันก็เดินเอาขวดน้ำมายื่นให้ผม ก็ขวดที่มันพึ่งจะกินไปเมื่อกี้นั่นแหละ
เอาวะ จูบก็จูบมาแล้ว ทำมากกว่านั้นก็เคยแล้วด้วย จะมาคิดมากอะไรกะอีแค่ดื่มน้ำจากขวดเดียวกัน!
“ขอบใจ” แล้วผมก็ยกดื่มอั่กๆ แต่ก็แอบเห็นอยู่ว่าไอ้เอสมันกำลังอมยิ้มนิดๆ ก็ไม่รู้ว่ายิ้มอะไรของมัน แต่ผมก็ขี้เกียจจะสนใจ
“แล้วนี่มีงานต่อมั้ยอะ”
“ต้องไปกองถ่ายบ่ายโมง”
“กูต้องไปด้วยปะ”
“ไม่งั้นกูจะรีบกลับมารับทำไม ไปอาบน้ำได้แล้ว” พูดจบมันก็กระชากผ้าห่มออกไปจากตัวผม แต่พอเห็นว่าร่างกายของผมกำลังเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าเช็ดตัวที่พันเอวเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ จะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่อยู่แล้ว ร่างของมันก็ถึงกับแข็งค้าง ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง
“ไอ้...ไอ้...ไอ้ฟาย! จำไม่ได้รึไงว่ากูไม่มีเสื้อผ้าใส่น่ะไอ้เหี้ย!” ผมโวยวายดังลั่นพร้อมกับปาหมอนใส่มันอย่างแรง จากนั้นก็รีบวิ่งปรู๊ดลงจากเตียงไปที่ห้องน้ำ โดยกำผ้าเช็ดตัวที่กำลังจะหล่นจากเอวเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
เฮ้อออออ เกือบไปแล้ว เกือบได้โชว์อนาคอนด้ากลางวันแสกๆ แล้วมั้ยล่ะ!
หลังจากที่สงบสติอารมณ์ได้แล้วก็ได้ฤกษ์อาบน้ำสักที ตอนที่อาบแว้บหนึ่งสมองมันก็ดันคิดเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา เพราะงั้นหน้ามันก็จะร้อนๆ หน่อย แต่ผมก็ตบแก้มดึงสติพยายามไม่คิดอะไร จนกระทั่งอาบเสร็จจะหาเสื้อผ้าใส่ ผมก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่มีชุดเปลี่ยน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“อะไร!” หน้าตื่นเลยสิผมที่จู่ๆ ไอ้เอสก็มาเคาะประตู ถ้ามึงเข้ามากูต่อยไม่ยั้งเลยนะเว่ยบอกไว้ก่อน
“เสื้อผ้า กูซื้อมาให้ แต่ถ้าอยากใส่ผ้าเช็ดตัวไปกองถ่ายก็ตามใจ” ได้ยินแบบนี้แล้วจะรออะไรล่ะ ผม ก็รีบเปิดประตูออกไปหยิบถุงเสื้อผ้าที่ไอ้เอสซื้อมาให้ทันทีน่ะสิ
ในนี้นอกจากจะมีเสื้อผ้าก็ยังมีชั้นใน โรลออน และน้ำหอม มันรู้รสนิยมและไซซ์ของผมจนน่าตกใจ คงไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญหรอกมั้ง ซึ่งพอใส่เสื้อผ้าและทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ
“ขอบใจนะ” ก็พยายามไม่มองตามัน เพราะยังรู้สึกเขินๆ เรื่องเมื่อคืนอยู่
“คิดว่าคงไม่มีเวลากินข้าว กูเลยซื้อนี่มาให้ด้วย” ไอ้เอสมองไปที่แซนด์วิชปูอัดไข่กุ้ง ดูทรงแล้วมันน่าจะจำเรื่องที่เกี่ยวกับผมได้
ว่าแต่ทำไมมันต้องใส่ใจผมขนาดนี้ด้วย?
“ดูแลกูขนาดนี้ ทำยังกะกูเป็นเมี...”
เชี่ยยยยยยยย นี่กูพูดอะไรออกป๊ายยยยยยยยย เมื่อกี้กูจะพูดคำว่าเมียงั้นเรอะ? เมียเนี่ยนะ? ม่ายยยยยยยยย ไม่มีทาง!
“ตายละ! ใกล้จะเที่ยงแล้วหรอเนี่ย! รีบลงไปเช็คเอาท์ดีกว่าเนอะ เดี๋ยวมึงต้องไปกองถ่ายต่ออีก เกิดไปสายมึงจะดูไม่ดี ว่าแต่มีของอะไรให้เก็บมั้ยนะ? อ้อ! นั่นไงเสื้อผ้าที่กูใส่เมื่อวาน เอาไปตากแล้วก็พับซะเรียบร้อยเลย ขอบใจมากนะเพื่อน...เอ้า! แล้วจะนั่งทำอะไรอยู่! รีบลุกขึ้นมาสิ! เดี๋ยวก็ไปกองถ่ายสายหรอก!”
พูดคนเดียวเกินครึ่งนาทีโดยไม่มีหยุดพักหายใจ เกือบตายสิครับกู! เป็นการพูดกลบเกลื่อนเปลี่ยนเรื่องที่เสี่ยงตายฉิบหาย แต่ก็ถือว่าคุ้มล่ะวะ เพราะไอ้เอสที่ทำหน้ายิ้มๆ และกำลังจะพูดอะไรสักอย่างก็ถูกผมขัดจังหวะฉุดให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ซะก่อน
เฮ้อออออออ รอดไปได้อีกครั้ง
หลังจากเช็คอินเรียบร้อยไอ้เอสก็พาผมตรงไปกองถ่ายเลย ถึงจะแปลกใจที่มันบอกจะขับรถเอง แต่ผมก็ไม่ได้ขัด นั่งเป็นคุณชายไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหมาย
เราสองคนมาถึงกองถ่ายก่อนเวลานัดนิดหน่อย ซึ่งก็พอดีเหลือเวลาให้ไอ้เอสได้ไปแต่งตัว ส่วนผมก็ไปช่วยหยิบนั่นหยิบนี่ จนเมื่อไม่มีอะไรทำเพราะไอ้เอสไปเข้าฉาก ผมก็ไปนั่งคุยกับพี่ๆ ทีมงาน ก็ย้ายไปคุยหลายกลุ่มแล้วแต่ว่ากลุ่มไหนจะว่าง หรือถ้ามีใครเรียกใช้ให้ทำอะไรผมก็จะรีบไปช่วยทันที
เนื่องจากผมเป็นคนที่พูดมากและเข้ากับคนง่าย ผมก็เลยพลอยสนิทกับคนง่ายเข้าไปด้วย เพราะงั้นก็เลยมีโอกาสได้ถามพวกพี่ๆ ทีมงานหลายๆ เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของไอ้เอสนั่นแหละ
อย่างแรกที่ถามเลยก็คือ เคยรู้สึกเกลียดหรือหมั่นไส้มั้ยที่มันเป็นคนนิ่งๆ จนคล้ายกลับว่าหยิ่ง ซึ่งคำตอบที่ได้น่ะหรอ? ทุกคนตอบกันเป็นเสียงเดียวกันเลยว่ามากกกกก เล่นเอาผมถึงกับตบเข่าฉาด เพราะว่าผมก็รู้สึกหมั่นไส้มันเหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ
แต่หลังจากที่ได้รู้จักจริงๆ พวกพี่ทุกคนก็ไม่รู้สึกอย่างนั้นกันแล้ว เพราะเข้าใจว่านั่นเป็นบุคลิกของมัน ไม่ได้สร้างปัญหาให้กอง นอกจากนี้ก็ยังรับผิดชอบงานดี ไม่เคยโดด หาย เท หรือเรื่องมาก การแสดงอาจจะไม่ได้ดีอะไรมาก แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องแรก แถมยังขึ้นกล้อง จับแต่งลุคไหนก็ดูดีไปซะหมด
“พี่นั่งยันนอนยันเลยว่า น้องเอสนี่อนาคตไกลแน่นอน ยิ่งตอนนี้มีน้องซีอยู่ข้างๆ ด้วยแล้ว ความสดใสของน้องก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวน้องเอสเปลี่ยนไปด้วย เห็นพี่พูดบ่อยๆ ก็อย่ารำคาญเลยนะ พี่คิดอย่างนั้นจริงๆ” ผมที่ได้ยินอย่างนั้นก็มีแต่จะยิ้มรับ มีผู้ใหญ่เอ็นดูจะมีใครรำคาญได้ลงล่ะจริงมั้ย
ผ่านไปสักพักคิวถ่ายของไอ้เอสก็หมดลง ซึ่งหลังจากที่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็นัดแนะเวลาที่ต้องมาพรุ่งนี้กับทีมงานเสร็จ มันก็เดินมาหาผม
“พรุ่งนี้มีคิวถ่ายกี่โมงอะ”
“ค่ำๆ แต่ตอนเช้าต้องเข้าไปคุยงานที่บริษัท พรุ่งนี้มึงก็พักเถอะ”
“โอเค” ดีเลย ผมจะได้ไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาแต่เช้า จะได้มีเวลาอยู่เมาท์อยู่เล่นเกมกับไอ้พวกเพื่อน..................เวรละ! ผมดันลืมติดต่อพวกมันไปซะสนิท!
คือตื่นมาเห็นโทรศัพท์แบตหมดก็เลยตั้งใจว่าจะมาหายืมสายชาร์จพี่ๆ ทีมงาน แต่ก็มัวแต่เมาท์แล้วก็เดินทำนู่นทำนี่จนลืม ป่านนี้มันจะไม่ห่วงผมฉิบหายวายป่วงไปแล้วเรอะ!
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น หรืออยากไปกับกูด้วย?”
“กูสนใจเรื่องนั้นที่ไหนกันเล่า!” แว้บหนึ่งผมเห็นไอ้เอสมันทำหน้าหงอยๆ แต่ผมคงจะคิดไปเองล่ะมั้ง “ขอยืมมือถือหน่อยดิ กูหายไปทั้งวันทั้งคืนไม่รู้ไอ้พวกเพื่อนกูมันจะเป็นห่วงขนาดไหน”
“ถ้าเรื่องนั้นมึงไม่ต้องห่วงหรอก กูบอกพวกเพื่อนมึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“ถามจริง?”
“อืม”
“เอาเวลาไหนไปบอกวะ”
“ตอนที่มึงนอน”
“โอ้โห นี่...”
“เลิกถามมากสักที กูหิว ไปหาอะไรกินกัน” แล้วมันก็รีบลากผมออกมาเลย ทำเอาผมต้องรีบยกมือไหว้รีบบอกลาพี่ๆ ทีมงานกันยกใหญ่ ซึ่งพอไปถึงรถผมก็พึ่งนึกขึ้นมาได้...
เมื่อวานรถเสียไม่ใช่เรอะ!
“ว่าแต่เมื่อคืนรถเป็นอะไรมึง” ผมถามหลังจากที่เราสองคนเข้ามานั่งในรถแล้ว แน่นอนว่าไอ้เอสก็เป็นคนขับเหมือนขามา สบายล่ะผม
“ไม่รู้สิ แต่เมื่อเช้าลองสตาร์ทดูก็ติด ขับไปทำงานก็ปกติด้วย”
“เอ๊า แบบนี้ก็มีเว่ย แต่ยังไงถ้าว่างมึงก็เอาไปเข้าศูนย์เช็คดูหน่อยแล้วกัน เผื่อจะเจอว่ารถมันเป็นอะไร” ก็ไม่ได้ห่วงความปลอดภัยของมันนักหรอก ผมห่วงตัวผมเองเนี่ย เกิดรถเสียกลางทางแล้วโดนชนหลังก็ตายห่าพอดี
“อืม”
“แล้วนี่มึงอยากกินอะไรอะ”
“ตามใจมึง”
“เลี้ยงด้วยปะ?”
“อืม”
“อื้อหือ ใจดีผิดหูผิดตานะเนี่ย” ผมพูดยิ้มๆ พลางเอาศอกกระทุ้งสีข้างของไอ้เอส คือพอได้ทำนู่นนั่นนี่ ได้คิดอะไรเรื่องอื่น ผมก็เลยลืมเรื่องที่ทำกับมันเมื่อคืนไปโดยปริยาย
“สรุปอยากกินอะไร”
“ชายสี่หมี่เกี๊ยวก็ได้ แถวๆ ปากซอยบ้านมี เด็ดอย่างนี้เลยขอบอก” ผมยิ้มแฉ่งพร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้นทั้งสองข้าง
“อืม”
“เฮ้ออออ มึงนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเอาซะเล้ย ในเวลาแบบนี้มึงต้องถามกูสิว่าบะหมี่หรอที่เด็ด” ไอ้เอสที่ได้ยินผมพูดแบบนี้ก็ทำหน้างง
“ทำไม”
“ถามมาเหอะน่า” มันทำหน้าเหมือนรำคาญ แต่ก็ยอมถามตามที่ผมบอก
“บะหมี่หรอที่เด็ด”
“เปล่า ลูกสาวเจ้าของร้าน ผ่าม!”
“...” เงียบ วังเวงยิ่งกว่าป่าช้าซะอีก
“นี่มึงไม่ตลกเลยหรอวะ” ถามจริง? คนปกตินี่ฮาขี้แตกขี้แตนไปแล้ว ส่วนคนเส้นลึกก็ต้องมียิ้มๆ บ้าง แต่กับไอ้นี่ทำไมแม่งหน้านิ่งจังวะ
“กูเปลี่ยนใจแล้ว จะกินเบอร์เกอร์” แล้วมันก็ตีไฟเลี้ยวรถเข้าไปในแมคโดนัลด์ที่อยู่ข้างหน้าเฉย!
ฮัลโหล! มันเกิดอะไรขึ้น กูไม่เข้าใจ กูผิดอะไร กูพูดจาไม่เข้าหูมึงตรงไหน คือกูงงอะเพื่อน!
ก็เดินเข้าร้านอย่างงงๆ คนมอง (มาที่ไอ้เอส) ก็ทำหน้างงๆ กินเบอร์เกอร์ก็กินแบบงงๆ ตอนเดินกลับก็เดินกลับแบบงงๆ ขนาดตอนถึงบ้านผมก็ยังทำหน้างงเลยอะคิดดู แต่สิ่งที่ทำให้ผมหายงงก็คือ คำทักทายจากเพื่อนคนไหนสักคนเมื่อผมเดินเข้าไปในบ้าน
“ฮั่นแน่! ได้ข่าวว่าไปเปิดโรงแรมนอนด้วยกัน เสร็จไปกี่น้ำกันล่ะพวกมึง” ถูกถามแบบนี้จากที่งงๆ อยู่ก็ตาเหลือกไปเลยสิ!
ก็รู้อยู่หรอกว่าพวกมันก็แค่แซวเล่นขำๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่คือผมมีชนักติดหลังไง ภาพเมื่อคืนแม่งลอยขึ้นมาเป็นฉากๆ เหงื่อแตกพลั่กไปหมดแล้วเนี่ย
“ไหงทำหน้าแบบนั้นอะมึง ซีเรียสอะไรเฮ้ย” ไอ้เก่งใช้นิ้วจิ้มๆ มาที่ไหล่ของผม ส่วนคนอื่นก็ทำหน้างง แล้วก็พูดว่านั่นดิ
“คือกู...กู...กูเหนื่อย! ขอขึ้นไปนอนก่อนแล้วกัน” แล้วผมก็รีบวิ่งขึ้นห้องไปเลยท่ามกลางความงุนงงของไอ้พวกเพื่อน
ก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะคิดว่าผมเป็นอะไร แต่ขนาดผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เมื่อคืนการที่ผมทำแบบนั้นมันแปลว่าผมเป็นเกย์รึเปล่าวะ?
ไม่ได้การละ อย่างนี้มันต้องพิสูจน์!
นี่เลย พอเสียบสายชาร์จก็จัดการส่องเพจ ‘สมาคมนิยมสาวสวยเซ็กซี่แห่งประเทศไทย’ ก่อนเลย แต่ละคนนี่อื้อหือ คุณแม่รักกันเหลือเกิน มองเพลินแล้วก็ไถนิ้ว (ที่โทรศัพท์) เพลินดิผม หลังจากนั้นก็ตามไปส่องที่เพจ ‘ทาสนม’ คงไม่ต้องบรรยายอะเนอะ แต่ละรูปก็ตามชื่อเพจนั่นแหละ แต่ว่าผมก็ยังไม่พอแค่นี้ เลยตามไปส่องที่เพจ ‘Cup E’ และ ‘Sexy girl’ เพื่อพิสูจน์ความเป็นชายแท้ด้วยอีก
ซึ่งผลที่ได้ก็คือ...
กูแข็ง! แข็งโป๊กครับพี่น้อง! เพราะงั้นกูก็ไม่ได้เป็นเกย์! กูยังมีอารมณ์กับผู้หญิงอยู่!
พอรู้อย่างนี้ก็โล่งอกดิผม เลยนอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไถหน้าฟีดข่าวเฟซบุ๊กไปเรื่อยๆ ส่วนไอ้เรื่องที่มันแข็ง ผมก็ไม่ได้อารมณ์อยากจะเอาออกขนาดนั้น แหงล่ะ ก็พึ่งทำไปเมื่อคืนนี่นา เพราะงั้นผมก็เลยปล่อยมันเอาไว้ ผ่านไปสักหน่อยมันก็กลับสู่สภาพเดิม
เมื่อไถจนไม่มีอะไรจะไถแล้ว ผมก็กะว่าจะวางโทรศัพท์แล้วไปอาบน้ำ แต่ก็มีใครสักคนทักข้อความมาหาผมซะก่อน
แพร...
แพรเป็นเพื่อนของเพื่อนในคณะผมอีกที เคยเจอกัน 2 ครั้ง ครั้งแรกประมาณเดือนที่แล้ว ตอนนั้นเป็นการรวมกลุ่มเฉพาะคนโสดไปเที่ยวด้วยกัน อารมณ์ก็ประมาณนัดบอร์ดอะไรแบบนี้
แพรเป็นคนที่ร่าเริงสดใส ผมที่รู้สึกถูกใจตรงนั้นก็เลยขอเฟซขอไลน์ไว้ติดต่อ ก็คุยกันเรื่อยๆ จนนัดเจอกันอีกทีครั้งที่ 2 ก่อนสอบไฟนอล แต่ก็ในฐานะเพื่อนไม่ได้คบกันหรอก พอไอ้เต้ยเสียผมก็ยุ่งๆ เลยไม่ได้ติดต่อ แต่ก็คิดว่าแพรคงไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เพราะแพรเองก็มีหลายคนที่คุยด้วยอยู่ ก็ธรรมดาของคนน่ารักอะนะ ว่าแต่วันนี้ทักมาเองเลยแฮะ มีอะไรรึเปล่าหว่า
แพร : หวัดดี
ดีครับแพร : ซี
แพร : เห็นออนอยู่เลยลองทัก จำเราได้รึเปล่า
โหย ใครจะลืมคนน่ารักอย่างแพรลง : ซี
แพร : ก็เห็นหายไปนาน นึกว่าลืมเราแล้ว
พอดีเรายุ่งๆ กับงานศพเต้ยน่ะ แพรจำเต้ยได้รึเปล่า : ซี
แพร : จำได้ๆ ง่า...เต้ยเสียแล้วหรอ
อืม : ซี
แพร : เราเสียใจด้วยนะ
ครับ ขอบคุณนะ : ซี
แพร : งี้ซีก็อยู่ช่วงไว้ทุกข์น่ะสิ นี่ว่าจะชวนไปดูหนังด้วยกันสักหน่อย
ได้นะ คือก็ยังคิดถึงมันแหละ แต่ก็ไม่ได้เศร้าขนาดนั้นแล้ว : ซี
แพร : เจอกันพรุ่งนี้เลยมั้ยล่ะ
กี่โมงดี : ซี
แพร : เที่ยงมั้ย จะได้กินข้าวก่อนด้วย
ได้ แล้วเจอกันครับ ฝันดีนะ : ซี
แพร : เจอกันๆ ฝันดีๆ
แต่คืนนั้นผมดันฝันไม่ค่อยดีซะได้ คือการที่ไอ้เต้ยมาเข้าฝันมันก็ดีอยู่หรอก แต่แทนที่จะมาบอกหวย ดันมาห้ามไม่ให้ผมไปเดทกับแพรซะงั้น บอกว่าผมทำไม่ถูกอย่างนั้นอย่างนี้ แถมยังด่าว่าผมโง่อีกต่างหาก คือมันแบบอีหยังวะมาก ผมที่ขี้เกียจฟังมันบ่นมันด่าก็เลยไล่มันออกจากฝันของผมไปซะเลย
ก็พึ่งรู้นี่แหละว่าไล่ผีที่มาเข้าฝันได้เหมือนกัน!
ว่าแต่ก่อนที่จะไล่ คลับคล้ายคลับคลาว่าไอ้เต้ยมันบอกให้ผมไปเดทกับใครแทนหว่า?
แต่ก็ช่างเถอะ ผมจำไม่ได้ อีกอย่างผมก็นัดกับแพรเอาไว้แล้วด้วย จะให้ยกเลิกนัดได้ยังไงกันล่ะ มีแต่จะยิ่งแต่งตัวหล่อๆ แล้วไปรอแพรก่อนเวลานัดต่างหาก
“เหยดดดด แต่งหล่อสัสๆ ขนาดนี้ มีนัดกับสาวหรอสาดดดด” ไอ้เก่งแซวทันทีที่ผมเดินลงบันไดมา
“วี้ดวิ้ว หล่อแท้น้อผู้บ่าว” ส่วนไอ้เสือลูกคู่มันก็ผิวปากแซวผมเช่นกัน
เห็นพวกมันนั่งหน้าสลอนกันขนาดนี้ไม่ใช่ว่าตื่นเช้าหรอกนะ แต่พวกมันยังไม่ได้นอน! เล่นเกมยันหว่างอะไอ้คู่นี้
“ก็นิดนึงอะนะ มีนัดกับสาวน่ารักทั้งที” ผมยักไหล่พร้อมทำหน้าทำตาให้พวกมันหมั่นไส้มากที่สุด “ใครมันจะไปอยู่บ้านเหงาๆ แบบพวกมึง 2 ตัวกันล่ะ”
“ปากคอเราะร้าย เดี๋ยวพ่อแช่งให้เดทล่มเลยสาด”
“เหี้ยละไอ้เก่ง แทนที่จะอวยพรกู”
“พวกกูยังโสด มึงก็ต้องโสดเป็นเพื่อนพวกกูด้วยดิ”
“ตรรกะคนเหี้ยชัดๆ” ผมส่ายหน้าไปมา แต่ว่าก็ไม่ได้ถือสาพวกมันหรอก เพราะผมก็ไม่ได้รู้สึกชอบแพรมากขนาดนั้น ก็แค่ถูกใจ อยากศึกษานิสัยใจคอเผื่อว่าจะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ได้ก็เท่านั้นเอง
“อ้าวไอ้เอส! กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” พอได้ยินเสียงไอ้เก่งพูดแบบนี้ผมก็รีบหันมองไปที่ประตูทันที ซึ่งก็เห็นไอ้เอสยืนอยู่ แถมยังจ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตาด้วย
“เออ นั่นดิ แล้วมึงไปยืนทำอะไรตรงนั้น” คราวนี้ไอ้เสือถาม แต่ไอ้เอสก็ไม่ได้ตอบ สายตาของมันยังจ้องมาที่ผมเช่นเดิม
“จะออกไปไหน” ผมรู้สึกเย็นยะเยือกที่แผ่นหลังยังไงก็ไม่รู้เลยไม่ได้ตอบอะไร ไอ้เก่งที่คงจะคิดว่าผมไม่ได้ยินที่ไอ้เอสถามก็เลยตอบแทนให้ แต่คือมึงไม่ต้องมาทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีตอนนี้ก็ได้โว้ยยยยยยย
“ไอ้ซีมันนัดสาวเอาไว้ เห็นว่าน่ารักซะด้วยแต่ไม่ยอมบอกว่าใคร ท่าทางหวงขนาดนี้สงสัยจะจริงจังว่ะ” พูดจบมันก็หันไปหัวเราะคิกๆ คักๆ กับไอ้เสือ แม่งไม่ได้ดูหน้าของไอ้เอสที่กำลังทำหน้าถมึงทึงแผ่รังสีมาคุออกมาเล้ยยยยยย
ว่าแต่...ทำไมไอ้เอสมันต้องโมโหด้วยอะ?
ส่วนผมก็เหมือนกัน ทำไมต้องรู้สึกกลัวราวกับคนมีความผิดด้วยวะเนี่ย!
2BC
สวัสดีค่า ถึงจะมาช้าแต่ก็มานะคะที่รัก นี่ปั่นนิยายโต้รุ่งไม่หลับไม่นอนกันเลย พรุ่งนี้จะทำงานไหวมั้ยถามใจดู
มาพูดถึงเรื่องตอนนี้กันดีกว่า อ่านจบแล้วมีใครอยากเข้าฝันไปเฉ่งซีเหมือนเต้นบ้าง คือแบบความรู้สึกช้ามาก บางทีก็วงวารเอส เอ๊ะหรือจะสมน้ำหน้าพ่อคนขี้เก๊กดี
ส่วนตอนหน้าก็มาลุ้นกันนะคะว่าเอสจะโกรธเบอร์ไหน จะทำอะไร แล้วซีจะรู้ตัวได้สักทีรึยัง มาเอาใจช่วยคู่เอสซีกันด้วยนะคะ เลิฟๆๆ