คนอะไร... ทำหน้าเอ๋อก็ยังน่ารัก
kamin
say-hi ในทวิตเตอร์ฝากติด #น้องกายหลงฝน ด้วยนะคะ โชคครั้งที่ • 5.2 •• • • ต่อค่ะ 100% • • •
“พี่เรน~ สวัสดีครับ” ผมยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้าไปทักคนที่กำลังยืนหันซ้ายหันขวาอยู่บนบีทีเอส แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นพี่เขา ว่าแต่… พวกพี่ตินาไปไหนนะถึงได้ปล่อยให้คนหลงทางเป็นอาชีพอย่างพี่เรนมายืนหมุนอยู่บนบีทีเอส
“อ่า… กาย” พี่เรนเอียงคอมองผมเหมือนจะนึกว่าผมเป็นใครมาจากไหนพอนึกได้ก็ร้องออกมาก่อนจะเรียกชื่อผม
ผมได้แต่ยิ้มกับท่าทางที่น่าเอ็นดูของพี่เขา “ทำไมอยู่คนเดียวละครับ พวกพี่ตินา พี่ใบหม่อนไปไหนหมดแล้ว”
“วันนี้ไม่มีเรียนพวกนั้นก็เลยไม่ได้มา” พี่เรนต่อ และนั่นก็ทำให้ผมสังเกตว่าพี่เรนไม่ได้อยู่ในชุดนักศึกษา แต่อยู่ในชุดธรรมดาอย่างเสื้อสีเทาแขนยาวแถมยังเอาฮูดมาคลุมหัวเอาไว้อีกต่างหาก กางเกงวอร์มขายาวสีดำ แว่นตาอันกลมใหญ่ๆ ก็ยังอยู่บนหน้า
ถ้าเป็นคนอื่นใส่ผมคงเบ้หน้าเข้าให้พร้อมกับแนะนำให้ไปศึกษาแฟชั่นเสียบ้าง แต่พอเป็นคนนี้ใส่… จะแต่งยังไงก็น่ารักอ่ะ!
“แล้วพี่กำลังจะไปไหนครับ” ผมถามต่อ ไม่ใช่อะไรนะผมกลัวว่าพี่เขาจะไปหลงทางที่ไหนก็แค่นั้นเอง ไม่ได้อยากรู้ ไม่ได้จะตามไปเลย
ก็คิดดูสิ แค่ยืนอยู่บนบีทีเอสผมก็เห็นแววคนหลงทางลอยมาจากพี่เรนแล้วเนี่ย ดีไม่ดีเดี๋ยวได้ขึ้นบีทีเอสผิดฝั่งกันพอดี
“จะไปห้าง พี่จะไปซื้อสีเพิ่มอะ” พี่เรนตอบ
ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะยิ้มออกมา “อย่างนั้นผมไปด้วยได้ไหม ผมก็กำลังจะไปห้างพอดีว่าจะไปดูอุปกรณ์กล้องเสียหน่อย”
สาบานได้เลยว่าผมไม่ได้จะตามหรือเกาะติดพี่เรนนะ ก็แค่เป็นห่วงแล้วอีกอย่างเห็นว่าไปที่เดียวกันไปทางเดียวกันอยู่แล้วไปด้วยกันก็ช่วยโลกประหยัดได้กว่านะ (ได้ข่าวว่าไปบีทีเอส...)
พอพี่เรนได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับทันที “เอาสิ อย่างน้อยถ้าตินารู้พี่จะได้ไม่โดนดุ พวกตินาชอบดุเวลาพี่ไปไหนมาไหนคนเดียว ก็ไม่ได้หลงทางเก่งขนาดนั้นสักหน่อย” คนน่ารักพูดก่อนจะยู่ปากเหมือนกำลังงอนๆ ตอนที่พูดถึงพี่ตินา
เฮ้อ... เห็นแล้วหัวใจมันกระชุ่มกระชวยมีความสุข
ไปเที่ยวห้างกับพี่เรนสองคน ไปช่วยพี่เรนซื้อสี ชวนพี่เรนไปดูกระเป๋ากล้อง แล้วชวนไปหาอะไรกิน โอ๊ย! นี่มันเดทชัดๆ
คิดแล้วน้องกายชักเขินจะได้ไปเดทกับพี่เรน ><แต่ไม่ได้ๆ เราต้องเก็บอาการจะกระโตกกระตากไม่ได้หรอก ต้องทำเป็นขรึมเข้าไว้ไอ้กาย ทำเป็นขรึมแต่ไอ้เชี่ยเอ๊ย! ปากมันชอบจะยกยิ้มอยู่เลย
“อย่างนั้นเราไปกันดีกว่าเนอะ ปะ!” พี่เรนยิ้มกว้าง ดันแว่นตากลมๆ ให้กลับเข้าที่ก่อนจะเดินนำผมออกไป
หมับ!
“นั่นไปทางแบริ่ง ต้องขึ้นฝั่งนี้ครับ” ผมคว้าข้อมือของพี่เรนเมื่อเจ้าตัวตั้งหน้าตั้งตาเดินจะไปขึ้นบนไดไปรอรถไฟฟ้าแต่ทางที่กำลังจะขึ้นไปน่ะ เป็นทางไปแบริ่ง จะไปสยามมันต้องไปอีกทางสิ
ให้ตายเถอะ... ถ้าปล่อยไปคนเดียวคืนนี้จะกลับถึงหอไหมเนี่ย
“อ้าวเหรอ... แหะๆ เดินผิดทาง”
ผมได้แต่ส่ายหน้าที่บนหน้ายังคงมีรอยยิ้มเมื่อได้เห็นคำแก้ตัวของคนชอบหลงทาง พี่เรนยกมืออีกข้างที่ไม่ได้โดนผมจับขึ้นเกาแก้มตัวเองอย่างจะแก้เก้อ เห็นแล้วอยากจะยื่นมือไปจิ้มแก้มบ้างแหะ คงจะนิ่มน่าดูเลย แต่มือพี่เรนที่ผมจับอยู่ก็นิ่มเหมือนกันอย่างนั้นก็...
ขออนุญาตจับมือนะครับ ไม่ได้จะแต๊ะอั๋งแต่กลัวพี่เรนหลงทางเท่านั้นเอง
พี่เรนก็ดี๊ดี... ไม่ดึงมือออกด้วยแบบนี้ก็สบายน้องกายสิครับ เอ๊ย ไม่ดิ เราไม่ได้จะแต๊ะอั๋งเพราะฉะนั้นคิดแบบนี้ไม่ได้ พี่เรนไม่ดึงมือออกก็คงกลัวจะหลงเหมือนกัน นั่นแหละ คิดแบบนั้นแหละดีแล้ว
ผมให้พี่เรนยืนต่อแถวรอเข้ารถไฟฟ้าอยู่หน้าผม ปล่อยให้พี่เขาเดินเข้าไปในรถก่อนก่อนจะจับไหล่แล้วดันให้เดินเข้าไปยืนริมประตูฝั่งตรงข้าม ให้พี่เรนยืนชิดริมประตูส่วนผมยืนข้างๆ กันคนอื่นมาเบียด สุภาพบุรุษแท้ๆ ไอ้กาย
“จะไปซื้ออะไรเหรอ” ผมที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ สะดุ้งนิดๆ เมื่อได้ยินเสียงพี่เรนพร้อมกับแรงดึงที่แขนเสื้อ
“อ๋อ... ผมจะไปดูกระเป๋ากล้องครับ พี่เรนไปด้วยกันนะเดี๋ยวผมไปซื้อสีเป็นเพื่อนแล้วเดี๋ยวไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วค่อยกลับหอเนอะ” ผมพูด ไม่ถามหรอกครับว่าพี่เขาจะไปไหม หรือจะให้ผมไปด้วยไหม มัดมือชกแบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว
อีกอย่างถ้าหากผมปล่อยพี่เรนไปคนเดียวแล้วพวกพี่ตินามารู้ทีหลังว่ามาด้วยกันแต่ผมปล่อยให้พี่เรนเดินคนเดียวแล้วหลงทางขึ้นมาผมอาจจะไม่มีโอกาสได้เดินเที่ยวกับพี่เรนอีกเลยก็ได้ และอาจจะต้องรอชาติหน้าเลยถึงจะได้เดินเที่ยวกับพี่เขาอีก
พี่เรนที่ดูเหมือนจะตามที่ผมพูดไม่ทันก็ได้แต่พยักหน้ารับ เหมือนคนเอ๋อเลยให้ตายสิ อยากจะบีบแก้มขาวๆ นั้นชะมัดเลย
“พี่เรนสายตาสั้นเหรอครับ” ผมถามพลางยื่นมือไปจับขาแว่นของเขาให้คนถูกถามพยักหน้ารับหงึกหงัก “สั้นเท่าไหร่ครับ สั้นมากเลยเหรอ”
“ก็...สักสี่ร้อยได้ ถ้าไม่ใส่แว่นก็ต้องใกล้มากๆ ถึงจะเห็น”
“แล้วทำไมไม่ใส่คอนแทคเลนส์ละครับ” ผมถาม มือสองข้างถือวิสาสะเอื้อมไปถอดแว่นตากลมๆ ของพี่เรนออก
กึก!
ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นเวลาพี่เรนถอดแว่น แต่ระยะที่เห็นมันห่างกันหลายเมตรแต่ตอนนี้ระยะห่างมันเพียงแค่ไม่กี่คืบ ดวงตากลมโตอย่างกับตากวางที่มองมาทางผมนั้นหรี่ลงไม่ใช่ว่าไม่พอใจแต่เหมือนพยายามหรี่ตาเพื่อที่จะได้เห็นผมชัดๆ
ใบหน้าน่ารักที่ไม่มีแว่นตามาบดบังทำให้ความน่ารักมันเด่นชัดมาก ทั้งจมูกโด่งๆ ริมฝีปากสีแดงแบบไม่ได้แต่งเติมนั่นอีก คนบ้าอะไรทำไมน่ารักขนาดนี้วะ
แล้วถ้าหูผมไม่ฝาดเหมือนจะได้ยินสาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันเบาๆ ตอนที่ผมถอดแว่นพี่เรนออก สงสัยจะกรี๊ดเรื่องหน้าตาพี่เรน
“พี่รู้สึกแปลกๆ อีกอย่างรู้สึกไม่มั่นใจเท่าไหร่”
“เห็นผมชัดไหม” ผมถาม คนตรงหน้าส่ายหน้าไปมาเป็นการตอบ ผมจึงเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกแทบจะชนกันก่อนจะถามอีกรอบ “เห็นผมชัดไหม...”
ไอ้เหี้ย... เสียงสั่น ตื่นเต้นชิบหาย เห็นทำเป็นนิ่งแกล้งแหย่เขาเล่นแต่ในอกที่อย่างกับมีคนมาตีกลองรัวๆ หัวใจเต้นหนักและแรงมากจริงๆ ครับ
“อ...อือ” พี่เรนตอบเบาๆ ทำไมเหมือนเห็นแก้มขาวๆ นั้นแดงหน่อยๆ นะ
สถานีต่อไป... สยาม... ประตูรถจะเปิดทางด้านขวา Next station… Siam…เสียงประกาศถึงสถานีต่อไปที่เราจะลงดังขึ้นให้ผมชะงักแล้วขยับตัวถอยออกมาพร้อมกับสวมแว่นคืนให้พี่เรน นึกตำหนิตัวเองในใจที่เผลอตัวเข้าไปใกล้ขนาดนั้น ผมกับพี่เรนยังไม่ได้สนิทกันขนาดจะใกล้ชิดกัน
“ขอโทษนะครับเมื่อกี้ที่ผม... ดึงแว่นออก”
“ไม่เป็นไรหรอก” แต่พี่เรนก็ยังคงเป็นพี่เรน ที่ไม่นึกถือโทษโกรธผม พอเห็นแบบนั้นผมก็ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของพี่เรนเอาไว้อีกรอบแล้วพาเดินออกจากรถไฟฟ้าด้วยกัน
“พี่เรนเป็นคนหน้าตาดีนะ รับรองได้เลยว่าถ้าถอดแว่นออกมีคนมาชอบเยอะแน่นอน” ผมหันไปพูดกับคนที่เดินอยู่ข้างๆ
“ฮื่อ... ไม่จริงหรอก หน้าตาดีต้องอย่างกายสิ สาวๆ ติดเยอะแน่เลยสินะ” คนข้างๆ ส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูด เห็นแล้วอยากจะเอื้อมมือไปดึงมากอดแล้วกดจูบจริงๆ น่ารักว่ะ น่ารัก น่ารัก น่ารัก
“ผมอยากโฟกัสที่งานมากกว่าครับ” ผมพูดกลั้วเสียงหัวเราะ ยืมคำพูดที่ดาราเขาชอบใช้กันมาพูด จนพี่เรนเองก็หัวเราะตาม
ก็จริงนะ... อยากโฟกัสที่งานมากกว่า เพราะคนที่รักอะมีอยู่แล้ว เดินข้างๆ กันนี่ไง แต่นั่นก็เป็นประโยคที่ได้แต่คิดในใจ ไม่ได้พูดออกไป
ผมพาพี่เรนไปเลือกซื้อสีก่อนครับ ไอ้เรื่องพวกนี้ผมก็ไม่มีความรู้ความถนัดเลย รู้แต่ว่าเวลาพี่เรนจริงจังกับการเลือกสีมันน่ารักมากก็แค่นั้น ยิ่งตอนที่ถือสีเอาไว้ทั้งสองมือแล้วหันหน้ามองหลอดสีในมือซ้ายสลับมือขวาไปมาเหมือนกับตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาอันไหนดี เห็นแล้วมันน่ารักครับ ผมเลยยืนมองเพลินไม่ได้เดินไปดูอะไร
ตอนม.ปลายก็เคยพาสาวๆ มาซื้อของนะ ตอนนั้นรู้สึกว่าน่าเบื่อมาก (ขอเติมกอไก่อีกล้านตัวเลยครับ) พอตั้งท่าจะเดินไปดูอย่างอื่นคุณเธอก็เรียกผมไว้ละ แล้วก็ชอบหันมาถามว่าอันไหนดีกว่า อันไหนสวยกว่า พอบอกว่าอันนี้ก็บอกว่าอีกอันก็สวยนะ ตัดสินใจไม่ได้ พอบอกให้ซื้อทั้งสองอย่างเลยก็ไม่เอาอีก โอ๊ย โคตรเรื่องมากอะครับ ผิดกับพี่เรน คนนี้นี่หันมาบอกผมไม่รู้กี่รอบแล้วว่าให้ผมไปเดินดูอย่างอื่นก่อนก็ได้ ไม่ต้องมารอ แถมยังมีการสัญญาอีกว่าจะไม่เดินไปไหนจะอยู่แต่ตรงนี้ ฮ่าๆ คนอะไรโคตรน่ารักเลย
แต่ผมก็ไม่รู้จะเดินไปไหน ไม่อยากเอาสายตาไปมองอย่างอื่น อยากมองพี่เรนอย่างเดียว
อั๊ย! เขินอะ พูดเองเขินเอง >//////////////////<
หลังจากยืนมองพี่เรนเลือกสีจนขาแข็งไปสองรอบในที่สุดพี่เขาก็เลือกสีได้สักที ได้มาหลายหลอดเลยครับ แถมยังได้กระดาษ ได้ดินสอ ปากกามาอีกหลายแท่งด้วย พอเดินไปจ่ายเงินเสร็จผมก็เอื้อมมือไปหยิบของมาถือเอาไว้ให้
“พี่ถือเองก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร ผมถือให้ ป่ะ... ไปดูกระเป๋ากล้องของผมกันแล้วเดี๋ยวไปหาอะไรกินกัน” ผมพูดก่อนจะเดินจูงมือพี่เรนไปร้านอุปกรณ์สำหรับกล้อง
อาทิตย์ก่อนมาเจอเข้าสวยโดนใจผมมากแต่วันนั้นงบในกระเป๋าไม่พอครับเลยได้แต่ตัดใจ วันนี้ละได้งบมาพอซื้อละครับก็ได้แต่หวังว่ากระเป๋าใบนั้นจะอยู่รอผมไปซื้อนะ
“พี่เรนรอแปบนึงนะครับ ผมขอซื้อกระเป๋าแปบเดียว” ผมหันไปบอกพี่เรนหลังจากพาพี่เขาเดินเข้ามาในร้านแล้ว พี่เขาพยักหน้ารับหงึกหงักๆ พอเห็นแบบนั้นผมก็เลยเดินไปทักทายกับพี่เจ้าของร้าน สนิทกันครับเพราะทั้งกล้อง เลนส์ อุปกรณ์อื่นๆ ผมก็ซื้อร้านนี้หมด
“พี่บ๊วย กระเป๋าใบนั้นยังอยู่ปะพี่” ผมถามอย่างตื่นเต้นยิ่งพอพี่เขาพยักหน้ารับก็ยิ่งยิ้มกว้างครับ
พี่บ๊วยเดินเข้าไปหลังร้านก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าใบที่ผมหมายตาเอาไว้ ยังอยู่ในถุงพลาสติกอย่างดี โอ๋ลูกพ่อ... รอพ่อมารับกลับบ้านสินะ
มันเป็นกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมเหมือนกับกระเป๋าใส่กล้องโดยทั่วไปนั่นแหละครับ แต่ใบนี้มีความเป็นวินเทจมากกว่า สีกระเป๋าเป็นสีเทาอมเขียวครับ มีสายเหมือนเข็มขัดคาดปิดประเก๋าเอาไว้สีน้ำตาล สายสะพายก็สีน้ำตาลเดียวกัน เห็นแล้วชอบ เห็นแล้วโดนใจเลยครับ
ผมได้แต่ยิ้มร่าพลางสำรวจความเรียบร้อยของกระเป๋าไปด้วยทั้งภายในภายนอก ดูมันอยู่อย่างนั้นแหละแทบจะยกขึ้นมาจูบเสียด้วยซ้ำไป
“โอเคพี่บ๊วย ผมเอาใบนี้แหละ” ผมส่งกระเป๋าคืนให้พี่บ๊วยหลังจากที่ลูบคลำจนเป็นที่พอใจแล้ว เดี๋ยวเอาไว้คืนนี้ค่อยไปนอนลูบคลำใหม่ จะเอาให้หนำใจไปเลยคอยดู!
หลังจากจ่ายเงินค่ากระเป๋า ได้กระเป๋ามาครอบครองแล้วผมก็เดินยิ้มหน้าระรื่นไปหาพี่เรนที่นั่งรออยู่มุมร้าน “พี่เรน เรียบร้อยแล้วครับ รอนานไหมขอโทษทีนะ”
“ไม่นานหรอก กายรอพี่เลือกสีนานกว่าอีก นั่นกระเป๋าที่ว่าเหรอ” พี่เรนบอกก่อนจะเอียงคอมองถุงที่ผมถืออยู่ในมือ
“ครับผม ใช่แล้วละ โชคดีชะมัดที่ยังมีอยู่” ผมยิ้มกว้าง “เราไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะได้กลับหอกัน”
“อ่า... คือว่า...” คนตรงหน้าผมทำหน้าลำบากใจจนผมชักจะใจเสีย พี่เรนยกมือขึ้นเกาแก้มตัวเองก่อนจะพูดต่อ “พี่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเทอาหารไว้ให้หมี... พี่กลัวหมีหิว...”
“อ๋อ... อย่างนั้นกลับกันก็ได้ครับ พี่เรนจะได้ไปดูแมวพี่ด้วย” ผมตอบไม่ได้ซีเรียสอะไรครับ จะจีบพี่เรนก็ต้องเอาใจใส่ทุกอย่าง รวมไปถึงแมวของพี่เขาด้วย
“อย่างนั้น... ไปซื้อของกินแถวหอแล้วไปกินที่ห้องพี่ไหม”ห๊ะ!!!
อ อะไรนะ เมื่อกี้ผมหูฝาดหรือว่าอะไร พี่เรนชวนเข้าห้อง!!!
“ค ครับ... ว ว่าอะไรนะครับ” เสียงสั่น ติดอ่างขึ้นมาเลยกู ตื่นเต้นไปหน่อย
“ก็ไปซื้อของกินไปกินที่ห้องพี่ไง เราจะได้กินข้าวด้วยแล้วพี่จะได้กลับไปดูหมีด้วยอ่า... ดีไหม...”
อย่าถามเลยครับว่าดีไหม ถ้ามีเวทมนต์หายตัวได้ไอ้กายจะหายตัวกลับหอเดี๋ยวนี้แหละ โอ๊ย ตื่นเต้นดีใจจะได้เข้าห้องพี่เรน หึหึหึ โอกาสมาถึงมึงแล้วไอ้กาย!
เอ่อ... หมายถึงโอกาสได้สำรวจความเป็นอยู่ของพี่เรน ว่าเป็นยังไง ไม่ได้มีอะไรไม่ดีในหัวเลยสักนิ๊ด นิดเดียวก็ไม่มี น้องกายสาบานได้
“โอเคครับ แบบนั้นก็ได้ อย่างนั้นเราไปกันดีกว่าเดี๋ยวหมีรอนานแล้วจะหิว” ไม่ได้อยากจะเข้าห้องพี่เรนเลยจริงๆ ไม่ได้รีบเลยจริงๆ นะ
ผมแค่คว้ามือพี่เรนมาจับแล้วพาเดินตรงไปที่บีทีเอสโดยไม่แวะอะไรอีกเลยแค่นั้นเอง ว่าแต่ทำไมบีทีเอสมันมาช้าจังวะ นี่รอมาหนึ่งนาทีแล้วนะยังไม่มาอีก ไม่ได้ๆ ใช้ไม่ได้เลย ปกติไม่เคยรอนานขนาดนี้เลยนะ ให้ตายสิ
หลังจากใช้เวลาเดินทางโคตรนานครึ่งชั่วโมงกว่าได้ผมกับพี่เรนก็มาถึงหอครับ ในมือเต็มไปด้วยของกินมากมาย ทั้งไก่ทอด หมูย่าง ข้าวผัดหนึ่งกล่อง ข้าวผัดกะเพราหมูสับหนึ่งกล่อง น้ำผลไม้คนละแก้ว ขนมหวานอีกไม่รู้จะกินหมดไหมแต่อยากซื้อครับ เอาไว้ค่อยๆ กินไปทีละอย่างๆ จะได้อยู่ห้องพี่เรนนานๆ เอ๊ย! ไม่ใช่ หมายถึงเอาไว้ค่อยๆ กินไปเดี๋ยวก็หมด
“กายอยู่หอตรงข้ามใช่ไหม” พี่เรนหันมาถามผม
“ใช่ครับ”
“บังเอิญเนอะ แปลกดีพี่อยู่หอนี้มาเป็นปีไม่เคยเจอกาย บทจะเจอก็เจอหลายรอบเลย” พูดไปก็ฉีกยิ้มหวานให้กันอีก
เอาจริงๆ ผมนี่เจอพี่เรนทุกวัน แต่ที่อีกฝ่ายบอกไม่เคยเจอผมเพราะเวลาเดินพี่เขาแทบไม่สนใจมองซ้ายมองขวาเลยด้วยซ้ำก็เลยไม่เห็นผมไง ส่วนตอนนี้เจอบ่อยก็เพราะผมนี่แหละเสนอหน้ามาให้เห็นเอง เห็นหน้าบ่อยๆ จะได้ชิน จะได้จำได้ขึ้นใจว่านี่... แฟนนะครับ อิอิ
“พรหมลิขิตทำให้เรามาเจอกันมั้งครับ” หยอดสักหน่อย เพราะผมตั้งใจจะจีบพี่เขาอย่างจริงจังละครับ ยังจีบมาเป็นแฟนไม่ได้ก็จีบมาเป็นนายแบบให้ได้ก่อนก็ได้อะ
แต่เหมือนคนโดนหยอดจะไม่เขินครับ มีการหัวเราะสดใสแล้วยิ้มให้อีก เออ! ดีจ้ะ “นั่นสิ สงสัยจะใช่เนอะ”
“แบบนี้ก็แสดงว่าเราเป็นเนื้อคู่กันสินะครับ” หยอดดีรอบ น้ำหล่นลงหินทุกวันมันยังกร่อน นับประสาอะไรกับใจคนที่โดนหยอดทุกวันละครับ
“แย่หน่อยนะกายมีเนื้อคู่อย่างพี่” จ้ะ หัวเราะสนุกเลยจ้ะ นี่หยอดอยู่นะ นี่กำลังจีบอยู่นะ
เฮ้อ... ดูท่าสิ่งที่ยากกว่าการผ่านด่านพี่ตินา คือทำให้หัวใจของพี่เรนหวั่นไหวนี่ละนะ
แต่ยังไงก็ไม่ยอมแพ้หรอกน่า ตื๊อเท่านั้นที่จะครองโลก และกายเท่านั้นที่จะครองพี่เรน![color=#2a7286************************************************
เจอกันตอนเย็นอีกแล้ว เอาน้องกายร้อนๆ มาเสิร์ฟค่ะ เพิ่งปั่นจบตอนเลยทีเดียว ฮ่า... หยุดยาวนี่แทบไม่ได้แตะนิยายเลยค่ะ เพิ่งมาแต่งเอาตอนบ่ายแล้วเสร็จเอาตอนนี้นี่แหละ เอิ้กอ้าก
ตอนนี้นี่... พูดไม่ถูกเลยทีเดียว บทจะหมั่นไส้ก็หมั่นไส้แหม... ไปจับมือพี่เขา ไปถอดแว่นพี่เขา ไปมองหน้าพี่เขาใกล้ๆ หมั่นไส้ค่ะหมั่นไส้ แต่บทจะน่าสงสารก็น่าสงสาร หยอดอะไรพี่ไปพี่ไม่รับรู้เลยจ้า กำแพงที่หนายิ่งกว่าองครักษ์ประจำตัวเจ้าหญิงก็ตัวเจ้าหญิงเองนี่แหละที่ซื่อเสียจนไม่รู้ว่าน้องเขาจีบนะ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวน้องกายจะรุกละค่ะ! อ่า... หมายถึงรุกจีบนะ ไอ้รุกอีกแบบถ้ามีโอกาสน้องมันไม่ปล่อยไว้แน่ 5555555555555555555555
ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ
ปล. อ่านแล้วไม่เมนต์ เดี๋ยวฟางไม่อัพให้อ่านนะคะ ^^
อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ
https://www.facebook.com/fgc32yaoiสำหรับทวิตเตอร์ค่ะ
https://twitter.com/Fangiily_GCเข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ[/color]