Lv.34 ข้อความ
ห้องทำงานที่ปิดสนิทมาตลอดทั้งวันถึงเวลาเปิดออกพร้อมร่างสูงเดินบิดตัวคลายกล้ามเนื้อจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดมองรอบด้านอย่างสงสัย ไร้วี่แววของคนที่มองหา
ที่แรกที่กลไปคือห้องทานอาการประจำแผนก ที่มีวัตแฟนตัวเองเป็นแม่ครัวอยู่ในตอนนี้ น่าแปลก ห้องครัวกับว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่เจ้าแมวสองตัว ของสดยังไม่ถูกเตรียม พอเปิดตู้เย็นดูทุกอย่างยังอยู่ครบ เขาเริ่มใจไม่ดี ปกติวัตไม่เคยทำอาหารช้า แค่พวกผมโผล่หัวจากห้องก็มีข้าวกินแล้ว
หมาป่าหนุ่มไล่ดูที่ ที่วัตน่าจะอยู่ ห้องซักล้างไม่มี ห้องนอนอาจารย์ผมเข้าไปไม่ได้ แต่คิดว่าไม่น่าจะอยู่ ห้องนอนตัวเองก็ไร้วี่แวว ไม่มีกระดาษโน้ตแปะบอกว่าจะไปไหนเหมือนคราวก่อน เขาชะงักเท้าเมื่อพ้นทางเดิน เห็นขุนพลกับนายท่านนั่งชะเง้ออยู่หน้าลิฟท์ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเบิกกว้าง รีบพุ่งกลับห้องทำงานของตัวเอง เปิดเข้าระบบรักษาความปลอดภัยของบริษัท ไล่ดูจากกล้องวงจรปิดในแผนก
ชายผมเงินเดินเข้าห้องทำงานอาจารย์ ก่อนเขาจะออกไปพร้อมกับลากวัตไปด้วย กลจ้องเขม็งดูเลขลิฟท์ พวกเขาลงไปแผนกฝ่ายบุคคลมุ่งหน้าไปทางลานจอดรถ ภาพที่เห็นผ่านกล้องวงจรปิดที่ลานจอดไม่มีวี่แววของใครเลยแม้แต่คนเดียว นั่นหมายความว่ากล้องวงจรปิดถูกแฮคและวัตโดนลักพาตัวไปจากที่นี่
“บ้าเอ๊ย!!”
มือหนาทุบโต๊ะด้วยความโมโห รีบวิ่ งออกจากห้องตัวเองไปห้องอาจารย์ ถือวิสาสะเปิดเข้าไปโดยไม่ขอ ใครหลายคนกำลังปรึกษางานเจ้าตัวไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
“วัตถูกพาตัวไป ลาสเป็นสายให้กับมัน”
กลพูดเสียงกดต่ำอย่างข่มอารมณ์เต็มที่ ดวงตาสีเทาเหมือนน้องชายฉายแววไหววูบ ก่อนหมุนกลับไปดูกล้องวงจรปิดเพื่อยืนยัน ขณะปากออกคำสั่งทุกคน
“ชินแจ้งไปทุกหน่วยที่เราประสานงานด้วย พวกนั้นเริ่มลงมือแล้ว สั่งตำรวจตามรอยรถน่าสงสัย คี ยุ โย พวกนายเร่งหาที่อยู่พวกมันให้เร็วที่สุด กลนายมากับฉัน”
ทุกคนดูตกใจ พอหัวหน้าสั่งงานต่างคนต่างแยกตัวไปทำตามหน้าที่ของตัวเอง หมาป่าหนุ่มแทบอยากอาละวาด อยากจะพุ่งตัวออกจากบรัษิทออกไปตามวัตเดี๋ยวนี้ แต่ทำไม่ได้เพราะผมยังไม่รู้ที่อยู่ของพวกมัน ดูจากระยะเวลาที่วัตหายตัวไปหลายชั่วโมง ป่านนี้คงไปถึงไหนต่อไหน
เจ็บใจนัก ทั้งที่เขาอยู่ใกล้ๆ บอกว่าจะปกป้องสุดท้ายก็ทำไม่ได้ เล็บจิกเข้าเนื้อจากการกำแน่นจนห้อเลือด เสียงกัดฟันกรอดกับลมหายใจหอบหนักผลของอารมณ์รุนแรง วัตจะเป็นยังไงบ้าง
จู่ๆ มีมืออุ่นวางบนศีรษะ เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ใครหลงกลมานักต่อนัก เวลานี้ยังมั่นคงหนักแน่น แม้ว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับคนในครอบครัวก็ตาม
“ใจเย็นๆ สงบสติอารมณ์หน่อย คนที่จะช่วยวัตได้มีแค่เรา ถ้าเรามัวแต่เลือดขึ้นหน้าจนพลาดอะไรหลายๆ อย่างไป อาจจะเกิดผลเสียกับวัตได้ ตอนนี้ฉันจะพานายเข้าประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทันทีที่เราได้ที่อยู่พวกมันจะเริ่มออกล่า ถึงเวลานั้น ฉันจะให้นายอาละวาดตามใจชอบ”
โทนเสียงสูงต่ำ เหมือนน้ำเย็นทำให้ใจสงบ ชายผิวเข้มเริ่มผ่อนอาการเกร็งจากความเครียด ผ่อนลมหายใจลึกยาว
“ดีมาก... เพราะถ้านายมาทำให้ฉันเสียเรื่อง จนน้องฉันเป็นอัตราย คงรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไร”
น้ำเสียงเหมือนธารน้ำเปลี่ยนเป็นธารน้ำเยือกแข็ง ดวงตาสีเดาคมกร้าวทั้งที่ใบหน้าแย้มยิ้มน้อยๆ อย่างอบอุ่น คนๆ นี้อันตราย ต่อให้เจ้าตัวถือคติไม่พรากชีวิตผู้อื่น แต่กลับมอบสิ่งที่น่ากลัวมากกว่าความตายให้แบบแยบยล
“เอาล่ะ ยังไงนายก็ถือว่าเป็นน้องชายของฉันอีกคน อย่าทำอะไรโง่ๆ ฉันไม่อยากเห็นวัตเสียใจเพราะคนไร้สมอง”
วาจาเหมือนเป็นห่วง ท้ายประโยคกับจิกกัดอย่างร้ายกาจ แผนการต่างๆ มากมายที่คิดจะทำในหัว หายวับไปกับตา กลเริ่มสงบลง อารมณ์ฉุนเฉียวตอนแรกหายไปบางส่วน จริงอย่างที่อาจารย์เตือน คนที่ช่วยวัตได้มีแค่พวกเรา ถ้าเกิดพวกเรายังทำอะไรบ้าๆ คนที่เสี่ยงที่สุดคือวัต
การประชุมถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วน มีหลายหน่วยดูไม่ค่อยพอใจกับการถูกเรียกตัวกระทันหัน บางคนคิดจะไม่มาด้วยซ้ำ ติดที่พวกมีตำแหน่งสูงกว่ามาครบทุกคน หากตนเองไม่มาอาจจะเกิดผลเสียได้ในอนาคต ชายร่างโปร่งเรือนผมสีทองยืนสง่าอยู่เบื้องหน้าทุกคน โดยมีลูกมือเป็นชายหนุ่มผู้มีใบหน้านิ่งเรียบ
จุดประสงค์ของอาชวินที่เรียกประชุมคือ ต้องการกำลังคนเพื่อบุกไปจัดการกับอีกฝ่าย เขาบอกทุกอย่างโดยไม่ปิดบัง ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานทั้งหมดที่สืบมาได้ และเรื่องของน้องชายที่ถูกจับตัวไป มีหลายคนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ กับการเคลื่อนไหวเพียงเพื่อผู้ชายเพียงคนเดียว
ชายผมน้ำเงินเข้มได้แต่กัดฟันแน่น ดวงตาคมจ้องเขม็งไปยังคนพูดแบบไม่กลัวเกรง วินยกมือขึ้นขว้างเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าพวกนั้นยื่นข้อเสนอให้ผมทำงานด้วยแลกกับความปลอดภัยของน้องชาย ผมยินดีที่จะทำ”
แววตา กับน้ำเสียงหนักแน่นเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเขาเอาจริง! ถ้าเกิดคนพวกนั้นได้ตัวชายผู้นี้ไป คนที่จะแย่คือพวกเขาเอง ทุกคนถกเถียงกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง จนกระทั่งได้ข้อสรุปว่าฝ่ายทหารและตำรวจจะส่งคนออกหา ส่วนหน่วยอื่นยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะยืนยันตำแหน่งของเป้าหมายได้ชัดเจน
แม้จะน่าหงุดหงิด แต่ไม่สามารถคัดค้านอะไรได้ ในเมื่อไม่รู้ตำแหน่งจะส่งคนไปจัดการได้ยังไง อีกทั้งยังต้องดูสภาพโดยรอบว่าการลงมือแบบไหนจะปลอดภัยและรัดกุมที่สุด ยังต้องมีการวางแผน จัดกำลังคนให้เหมาะสม หลักๆ คนที่ลงมือปฏิบัติจริงจึงมีเพียงตำรวจ ทหาร และฝ่ายของอาจารย์เท่านั้น
ใช้เวลาสองวันผลของการอดหลับอดนอนกันทั้งแผนกเริ่มปรากฎขึ้นมา เรารู้ตำแหน่งที่ตั้งคร่าวๆ และจุดน่าสงสัยอีกหลายแห่ง หากส่งคนไปตรวจดูทีละจุดจะทำให้เสียเวลามาก ดังนั้นจึงต้องบีบวงเข้ามาให้แคบมากที่สุดจนเหลือเพียงที่เดียว
จุดนี้อยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคลเป็นผืนป่าทึบกินอาณาบริเวณกว้าง พวกเขาส่งฮอเข้าไปสำรวจยังไม่เจอสิ่งก่อสร้างที่น่าสงสัย มีเพียงป่าและผืนดินเท่านั้น หลายคนคาดเดาไปว่าองค์กรนั้นอาจจะหลบอยู่ใต้เงาไม้และกินพื้นที่ลึกลงไปใต้ดิน
เวลาล่วงเลยเข้าวันที่สี่ ความเครียดเริ่มปกคลุม แม้จะส่งทหารลงพื้นที่ด้วยเท้า ยังไม่พบเบาะแสเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงจะมั่นใจแล้วว่าเป็นที่นี่ก็ตาม
“กลไปพักก่อน เดี๋ยวฉันทำต่อเอง” อัคคีเดินเข้ามาแตะบ่ารุ่นน้องที่ยังไม่ละหน้าจากจอพลาสม่าตั้งแต่เมื่อวาน วันๆ แทบไม่ได้นอนคนพี่ๆ คนอื่นในแผนกเริ่มเป็นห่วง ส่วนหัวหน้าแผนกกับรองหัวหน้าเคร่งเครียดเกินกว่าจะมานั่งใส่ใจได้
“ไม่ครับ” น้ำเสียงราบเรียบตอบทันทีอย่างไร้เยื่อใย คีหันไปมองพี่มะลิกับสองแฝดด้านหลังพลางส่ายหัว คนที่ทำให้รุ่นน้องฟังเชื่อฟังได้คงมีแต่หัวหน้ากับคนที่ถูกลักพาตัวไปเท่านั้น
“อย่าฝืนตัวเองสิ ถ้าเราเป็นอะไรไป จะเอาแรงที่ไหนไปช่วยวัตกัน อย่างน้อยๆ กินอะไรรองท้องหน่อยก็ยังดี”
มะลิเข้ามากล่อมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลสมกับที่เป็นแม่คน กลไม่มแต่จะหันไปมองด้วยซ้ำ
“ผมทานอะไรไม่ลง พวกคุณแยกย้ายไปทำงานเถอะ อย่ามารบกวน” วาจาร้ายกาจสร้างความหนักใจกับพวกรุ่นพี่
“ถ้าวัตอยู่ก็ดีสิ” วาโยพึมพำบ่นแบบไม่เจาะจงใคร เจ้าตัวรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ แต่ละคนเริ่มอ่อนล้า ยังดีมีสลับกันพักผ่อนบ้าง อีกคนที่โหมหนักคือหัวหน้าแผนก แต่ทางนั้นมีชินคอยดูแลจึงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่นัก
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหรี่ลงยามได้ยินชื่อที่จี้จุดได้มากที่สุด เผลอนึกไปถึงเจ้าของชื่อโดยไม่รู้ตัว มือรัวพิมพ์ทำงานหยุดชะงัก ถ้าเป็นวัต คงจะโผล่มาบ่นทุกคนที่ทำงานไม่สนสภาพร่างกาย แล้วทำอาหารอร่อยๆ ไว้เพิ่มพลัง เขาหลับตาถอนหายใจลุกจากเก้าอี้มองหน้าทุกคน
“ผมขอโทษที่พูดไม่คิด เดี๋ยวผมไปหาอะไรทานในครัวเอง ขอบคุณมาก”
กลก้มหน้าน้อยๆ ให้ทุกคน แล้วเดินผ่านไปทางครัว แมวสองตัวดูหงอยซึมเหมือนรับรู้ถึงบรรยากาศอึมครึมที่อบอวลไปทั่วแผนก มือหนาหยิบขนมปังกับนมมาทานแบบง่ายๆ ดวงตาเหม่อมองไปในห้องครัว ขุนพลยกขาหน้าแตะขากางเกงพ่อพลางเงยหน้ามองส่งเสียงค่อยด้วยความเป็นห่วง แมวสีขาวกระโดดขึ้นมานอนอยู่ด้านข้างดูผอมลงไปจากเดิมเล็กน้อย ตั้งแต่วันที่วัตหายไปนายท่านไม่เจริญอาหารเหมือนเคย
“วัต นายอยู่ที่ไหน ทั้งคนทั้งแมวผอมกันไปหมดแล้ว...”
มือหนากุมปิดหน้านั่งเงียบๆ กับแมวสองตัว พวกอัคคีที่เดินตามมาดูด้วยความเป็นห่วงรู้สึกสะท้านในใจกับภาพที่เห็น มะลิอ่อนไหวที่สุดถึงกับน้ำตาคลอให้วายุยื่นผ้าเช็ดหน้าส่งให้ เธอพูดขอบคุณโดยไร้เสียง และเฝ้ามองแผ่นหลังเศร้าๆ
อาชวินยังคงคร่ำเคร่งกับการสืบหาน้องชายสุดชีวิตอยู่ในห้อง ในช่วงที่เขาพักตามคำขอร้องของชินที่มีอาการไม่ค่อยต่างกันนัก หน้าจอมากมายถูกเลื่อนหลบ มือโบกไหวกดสั่งไปเรื่อยอย่างใจลอย ในนึกถึงน้องชายลังเลอยู่หลายครั้งว่าจะติดต่อพ่อดีมั้ย แต่พ่อล้างมือจากเรื่องพวกนี้ไปนานแล้วไม่ควรลากมาพัวพันด้วย เขาเลยตัดสินใจลงมือทั้งหมดด้วยตัวเอง
วินเช็คอะไรดูไปเรื่อยเปื่อยจนมาถึงอีเมลล์ มีมากมายหลายฉบับ หลักๆ มีน้องชายที่ขยันส่งมากวนใจเล่น ยิ่งเห็นเหมือนตอกย้ำความอ่อนแอของตัวเองเก่งแค่ไหน กับอิแค่น้องชายคนเดียวยังปกป้องไม่ได้ จนสายตาสะดุดเข้ากับอีเมลล์ฉบับใหม่ล่าสุดที่เขาไม่รู้จัก
อีเมลล์ไร้ชื่อ พอเปิดเข้ามาพบกับข้อมูลมากมาย ที่สำคัญมันเป็นข้อมูลที่ตั้งองค์กรและแผนผังอาคาร! มันไม่ละเอียดถึงขั้นบอกข้อมูลของทุกห้อง แต่มีจุดหลักๆ อย่างใจกลางกับห้องควบคุมเส้นทางสำคัญอยู่ครบ องค์กรอยู่ในป่าที่พวกเขาหาจริงๆ ด้วย
นอกจากข้อมูลเหล่านั้นยังมีข้อความจากผู้ส่ง วินกวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว
‘ฉันขอบอกเลยว่าข้อมูลทุกอย่างที่อยู่ในอีเมลล์นี้คือของจริง พวกมันจับลูกสาวฉันไป ฉันไม่มีทางเลือกต้องขอโทษด้วย นายไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยดูแลน้องชายของนายเอง อีกสามวันเวลาตีสองเป็นช่วงที่การ์ดหลวมที่สุด ฉันจะพานายชายของนายหนีออกจากองค์กรบ้าๆ นี่ ที่เหลือขอให้นายจัดการตามสมควร
ลาส’
“ไอ้หมอนั่นมันเก็บอาการเก่งเป็นบ้า” ชายผมทองบ่นขณะชายอีกคนเดินเข้ามาพร้อมกาแฟสองแก้ว
“มีอะไรรึเปล่า”
“ฉันรู้ตำแหน่งพวกมันแล้ว เรียกทุกคนมา ถึงเวลาโต้กลับสักที”
ข้อมูลทั้งหมดถูกส่งให้กับทหารและตำรวจที่ช่วยในงานครั้งนี้ การประชุมเริ่มต้นอีกครั้งเฉพาะผู้ที่ออกภาคสนาม วางแผนทั้งหมด นัดแนะประสานงานกันระหว่างคนที่ออกไปยังที่หมายกับฝ่ายซัพพอร์ทระยะไกล คนที่ไปลุยคือวิน ชิน กล และอัคคี ส่วนฝาแฝดกับมะลิคอยประสานงานอยู่ที่ฐาน
ทหารทุกนายเตรียมพร้อมกับทุกสถานการณ์ พวกของวินเปลี่ยนชุดกลมกลืนไปกับทหาร สวมเสื้อเกราะกันกระสุน สาเหตุที่วินเลือกกลุ่มนี้เพราะมีศิลปะการป้องกันตัว สามารถเอาตัวรอดได้ยามเกิดเหตุการคับขันระหว่างทำการเจาะระบบเข้าไปภายในอาคาร
ระหว่างรอเวลาอาจารย์ทวนแผนการอีกครั้งในฐานชั่วคราวกับหัวหน้าฝั่งทหาร จู่ๆ เกิดเสียงระเบิดขึ้น ทหารที่มีหน้าที่เฝ้าดูรีบเข้ามาแจ้งอย่างรวดเร็ว
“เราเห็นคนออกมาทางประตูหน้าครับ ตอนนี้กำลังเกิดการปะทะ!!”
“รีบส่งคนเข้าไปช่วยเร็วเข้า ระวังด้วยอย่าให้พวกนั้นรู้ตัว...” ยังไม่ทันจะสั่งการต่อ ทหารอีกนายวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“พวกมันรู้ตัวแล้วครับ หน่วยหนึ่งกับหน่วยสามกำลังปะทะกับฝ่ายตรงข้าม กำลังของทางนั้นมีไม่มากสามารถต้านเข้าไปได้ครับ!”
“แย่แน่ ถ้ารุจรู้ตัวแล้วแบบนี้คงรีบลงมือโดยไม่สนผลลัพธ์ เราต้องรีบบุกเข้าไปเดี๋ยวนี้ก่อนที่ทางนั้นจะทำสำเร็จ!”
ชายผมทองพูดเสียงเครียดออกวิ่งไปพร้อมกับคนอื่นๆ ผู้บัญชาการสั่งให้ทหารคอยคุ้มกันพวกเขาเข้าสู่อาคาร กลวิ่งนำหน้าดูร้อนใจกว่าใคร ระหว่างทางพบกับชายคุ้นตานอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น วินเข้าไปหาโดยไม่ลังเล มีทหารรีบเข้ามาปฐมพยาบาลเบื้องต้น เรือนผมสีเงินคลุกฝุ่นดินจนกลายเป็นสีหม่น
คนที่ควรจะสลบถูกความเจ็บทำให้ได้สติ มือเปื้อนเลือดจับแขนชายผมทองแน่น ดวงตาจ้องเขม็งแม้จะไร้เรี่ยวแรงจากบาดแผล
“ช่วยคาเรนด้วย...”
“เออ ฉันต้องช่วยอยู่แล้ว คนเจ็บอย่าซ่า ผมฝากเขาด้วยนะครับ” วินจับมือข้างนั้นพลางกำแน่นราวกับจะสัญญา ก่อนหันไปฝากกับหน่วยพยาบาลและรีบวิ่งตามหลังเจ้าหมาป่าที่พุ่งตัวเข้าอาคารไปแล้ว ไม่แม้แต่จะชายตาแลคนที่บาดเจ็บเจียนตายอยู่ด้านนอก
ด้านกลกับอัคคีที่ล่วงหน้าเข้ามาก่อนพร้อมทหารอีกกลุ่มกำลังปะทะกับพวกการ์ดขององค์กรจนไม่เคลื่อนที่ไปไหน แม้จะร้อนใจแต่เขาต้องตั้งสติเพื่อตัวเองและวัต ระหว่างให้ทหารช่วยยิงคุ้มกัน เขากับอัคคีดึงสายจากคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่มีรูปร่างเหมือนนาฬิกาบนข้อมือเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัย ภายในอาคารโดยตรงเพื่อควบคุมให้เปิดประตูจากส่วนที่พักเข้าไปตรงใจกลาง
เรียกจอพลาสม่าขึ้นกำลังพิมพ์สั่งการหน้าจอกับขาดๆ หายๆ เหมือนถูกแทรกแซง อัคคีรีบดึงสายออกทันที ต่างจากกลฝืนพยายามกดสั่งการ ไม่ถึงหนึ่งนาทีหน้าจอกลับมาเป็นปกติ แต่สิ่งที่แสดงไม่ใช่หน้าจอแบบที่ควรเป็น มันกลายเป็นหน้าจอว่างเปล่า มีข้อความปรากฎออกมา
|ฉันจะเปิดประตูให้|
|เชื่อใจฉัน รีบมาช่วยสองคนนั้น|
ทีแรกกลคิดจะกดปิดข้อความพวกนั้นทิ้งเพื่อเปิดเครื่องใหม่ ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เขาเลือกที่จะลองเชื่อดู ทันใดนั้น ประตูระหว่างกลกับพวกการ์ดถูกปิดลงพร้อมประตูเข้าสู่ด้านในเปิดออกโดยไม่มีใครสั่งการ
|ฉันมองนายผ่านกล้องวงจร ล่อพวกมัน จะขังให้|
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” อัคคีอ่านข้อความนั้นพูดขึ้นอย่างสับสน กลดึงสายเชื่อมออก ข้อความยังคงอยู่ดูท่าจะเชื่อมต่อกับระบบของที่นี่เรียบร้อยแล้ว อัคคีบอกทุกคนวิ่งไปตามทางที่ประตูเปิดออก บางครั้งหลอกล่อให้พวกการ์ดโดนกั้นให้อยู่ห่างจากพวกเขาด้วยบานประตู
คนที่ตัดระบบรักษาความปลอดภัยเปิดประตูให้เขาพวกและช่วยกันศัตรูคือใครกัน...
กลไล่ความคิดนั้นทิ้ง ขอแค่อีกฝ่ายไม่มาขัดขวาง จะช่วยหรืออยู่เฉยก็ได้ทั้งนั้น สิ่งที่เขาต้องการเพียงอย่างเดียวตอนนี้คือ จะต้องช่วยวัตออกมาให้ได้!
“เดี๋ยวกล เราต้องรอหัวหน้าก่อนเข้าไปด้านใน”
อัคคีจับบ่ารุ่นน้องขณะที่กำลังวิ่งจนมาถึงประตูบานสุดท้าย กั้นระหว่างเขากับใจกลางของอาคารแห่งนี้ กลปัดมืออีกฝ่ายออกจากไหล่ เดินนำหน้าไปแบบไม่กลัวเกรง ทันทีที่ประตูเปิด เสียงของความวุ่นวายดังออกมา ไฟในห้องหลักถูกดับลงทั้งที่เครื่องทุกชิ้นยังใช้งานได้ตามปกติ
พวกนักวิจัยพอเห็นทหารรีบหนีเอาตัวรอดออกไปทางประตูจนหมด เหลือเพียงรุจที่ยังคงยืนอยู่ข้างเครื่องแคปซูลกับการ์ดส่วนตัวสองคน หนึ่งคนจ่อปืนมาทางกล อีกคนจ่อบนขยับเด็กผู้หญิงตัวเองที่ยังคงร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้ม มีเสียงอู้อี้ดังจากมือที่ปิดปาก ราวกับจะพยายามบอกอะไรบางอย่าง ดวงตากลมโตมองไปทางแคปซูล
เท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้กลรู้ว่าบุคคลที่เขาตามหาแต่ไม่ยืนอยู่ภายในห้องนั่นอยู่ที่ไหน
“นายมันดื้อด้านชะมัด ยอมให้ควบคุมดีๆ ก็จบ ยังจะไปพาตัวกวนมาอีกนะ”
มือเรียวถือปืนลูบไปบนแคปซูล ก่อนจะหันมาทางผู้บุกรุกด้วยรอยยิ้ม ไฟในห้องสว่างขึ้นจากการป้อนข้อมูลสั่งการโดยตรง
|เร็วเข้า|
กลอ่านข้อความเตือนพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง พูดขณะดวงตายังจ้องเขม็งไปทางแคปซูล
“จัดการสองตัว ผมจะจัดการอีกคนเอง”
น้ำเสียงข่มความโกรธดูน่ากลัว ขนาดอัคคียังเผลอถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ฝ่ายทหารจ่อปืนคุมเชิง มีบางคนลอบไปด้านหลัง อาศัยเครื่องมากมายภายในห้องเป็นที่หลบ
พรึบ!