ตอนที่ 21
“ขอเสียงปรบมือให้กับคู่จิ้นที่ฮอตที่สุดในขณะนี้ น้องโซลและน้องซีนค่า!!”
สิ้นเสียงพิธีกรสาว เสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้น ผมสวัสดีอายๆ วันนี้เรามาเป็นแขกรับเชิญของรายการบันเทิงยามเช้ารายการหนึ่ง ซ้ำยังถ่ายทอดสดด้วย
เป็นครั้งแรกที่ผมเพิ่งเห็นกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าแฟนคลับเต็มๆ ตา ในมือแต่ละคนมีป้ายไฟ ไม่ก็กระดาษที่เขียนชื่อผมกับไอ้โซล
พวกเราตอบคำถามตามที่เธอถาม ส่วนใหญ่เป็นคำถามแบบเดิมๆ คือเรื่องเป็นยังไง เกี่ยวกับอะไร พอหมดคำถามเหล่านั้นก็เริ่มมาที่คำถามส่วนตัวบ้าง
“น้องโซลน้องซีนนี่อยู่มหา’ลัยเดียวกันด้วย เคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าคะ”
“ไม่เคยครับ / เคยครับ”
ผมหันขวับไปมองมัน ขณะที่แฟนคลับส่งเสียงกรี๊ดขึ้นเบาๆ
“ทำไมคำตอบไม่ตรงกันคะ น้องโซลบอกว่าเคยเจอ เอ๊ะ...หรือแอบมองห่างๆ เองหรือเปล่า”
ไอ้คนข้างๆ ยิ้มหวาน ที่ผมตอบว่าไม่เคยก็เพราะจะให้บอกยังไงว่าผมเกือบขับรถชนมันน่ะ
“พี่ซีนบอกแบบนั้นอาจเพราะครั้งแรกที่เราเจอกันไม่น่าประทับใจเท่าไหร่น่ะครับ”
“เจอกันที่ไหน อะไรยังไงคะ”
“เจอที่มหา’ลัยครับ พอดีว่าผมกวนไปหน่อย พี่ซีนเลยไม่ค่อยชอบใจ”
“ไม่เคลียร์เลยนะคะ ขอชัดกว่านี้ให้แฟนคลับหน่อยได้ไหม”
ผมมองไอ้โซลอย่างไม่ไว้ใจ ไอ้นี่ยิ่งแพ้คนยุอยู่ด้วยเลยชิงตอบแทน
“โซลเป็นรุ่นน้องของเพื่อนครับ วันนั้นผมไปหาเพื่อนเลยได้เจอกัน”
“แล้วยังไงต่อคะ” หน้าพิธีกรอยากรู้กว่าแฟนคลับที่นั่งกันด้านล่างเสียอีก
“ก็คุยธรรมดานี่แหละครับ ไม่มีอะไร”
“อย่างนั้นเหรอคะ แต่...” เธอหรี่ตาลง “ทำไมน้องซีนถึงตอบว่าไม่เคยเจอน้องโซลล่ะคะ”
“เอ่อ...” ซวยแล้วไง ผมอึกอัก ก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือ ไอ้โซลเอาแต่กลั้นขำไม่ยอมพูดอะไร ให้มันได้อย่างนี้!
“ว่าไงคะน้องซีน”
“ก็...ตามที่โซลบอกแหละครับ”
“อ่า...ก็ได้ค่ะ เราจะเชื่อที่น้องซีนบอกแล้วกัน” ผมลอบถอนหายใจ ขณะที่เธอมองมาอย่างมีเลศนัย “เรื่องบางเรื่องรู้กันแค่สองคนก็พอเนอะ”
“ค่า!!!” เสียงแฟนคลับข้างล่างตอบกันอย่างพร้อมเพรียง บ้าเอ๊ย...คำตอบของผมเหมือนขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ ทั้งที่จริงเรื่องราวมันก็ไม่เห็นจะมีอะไรสักหน่อย
“เห็นมีฉากที่ต้องถูกเนื้อต้องตัวกันบ่อยมาก มีอึดอัดกันบ้างไหมคะ”
“ไม่เลยครับ”
“ผมก็...ไม่ครับ” ทำไมทุกคนต้องจดจ่อกับคำตอบผมขนาดนั้นด้วย “..เพราะมันเป็นการแสดง”
ไอ้โซลโคลงศีรษะ “ตามนั้นเลยครับ”
“ได้ข่าวมาว่าคิสซีนหลายเทคเลยนะคะ”
“ว๊ายยยยยยยยยย” เสียงผู้คนข้างล่างวี๊ดว๊ายกันใหญ่ ผมเงียบ คำถามนี้ให้ไอ้พระเอกตอบเองแล้วกัน
“ก็นิดหน่อยครับ”
“หมายความว่า...อยากได้มากกว่านี้เหรอคะน้องโซล” คุณพิธีกรนี่ก็ช่างชง ไอ้พระเอกก็ชอบเล่นด้วย ไอ้โซลไม่ได้ตอบแต่แค่แย้มรอยยิ้มที่สื่อความหมายบางอย่าง และนั่นก็เป็นที่มาของเสียงกรีดร้อง...
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
ผมก้มหน้าลงอย่างห้ามไม่ได้ ความร้อนที่พุ่งขึ้นมาทำให้ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ระงับอาการในอก แต่นั่นยิ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียงร้องของแฟนคลับดังขึ้น
“พี่ซีนหน้าแดง กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
ผมอยากออกไปจากที่นี่จริงๆ ให้ตาย..
“เอาล่ะค่ะๆ เดี๋ยวค่อยไปฟินในเรื่องเนาะว่าคิสนั้นเป็นยังไง” คุณพิธีกรว่าทั้งที่ยิ้มจนปากจะถึงหูอยู่แล้ว “ใจเย็นค่ะทุกคน ให้น้องซีนพักหายใจก่อนนะคะ”
พิธีกรสาวเปลี่ยนคำถามไปถามเรื่องอื่น ก็ไม่เชิงเรื่องอื่นแต่แค่พักแซวพวกเราเท่านั้นเอง ที่จริงมันเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่เธอจะต้องทำอย่างนั้น ถ้าพวกผมยิ่งตอบให้มีลับลมคมในมากเท่าไหร่ยิ่งดูเหมือนมีอะไรในกอไผ่มากเท่านั้น และนั่นยิ่งจะทำให้กระแสของซีรีส์ดีขึ้น แต่ปล่อยหน้าที่นี้เป็นของไอ้โซลเถอะ เพราะปกติก็ชอบทำตัวให้คนอื่นสงสัยอยู่แล้ว
“อาทิตย์ที่แล้วเริ่มมีซีนกุ๊กกิ๊กกันแล้ว ทุกคนชอบไหมคะ”
“ชอบค่า!!!”
“แล้วของอาทิตย์หน้าจะเป็นยังไงต่อคะ”
“ก็ต้องรอติดตามนะครับ”
“ซีนหวานๆ ยังมีอีกเยอะใช่ไหมคะ”
“ครับ”
“แล้ว...ซีนนี้” เธอผายมือมาทางผม “หวานไหมคะ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
คุณพิธีกรเป็นหนึ่งในแฟนคลับในทวิตเตอร์หรือเปล่าวะ ผมขบริมฝีปากแน่น ต้องไปรายการแบบนี้อีกตั้งหลายรายการ แค่รายการแรกก็เล่นซะขนาดนี้แล้ว ผมจะบ้าตาย
ไอ้โซลหันมามองผมนิดๆ “ก็อยากชิมเหมือนกันครับ”
เอาเข้าไปสิ...
อยากเอามืออุดหูตัวเองจริงๆ
“ทุกคนคะ ดิฉันฟินจนจะเป็นลมแล้วค่ะ”
ผมก็อายจนจะเป็นลมแล้วเหมือนกัน จะหมุนเก้าอี้หนีก็ไม่ได้ กล้องจับว่าเกร็งแล้ว นี่มีสายตาคนนับสิบที่มองมาเหมือนจับผิดยิ่งทำผมประหม่าเข้าไปใหญ่ ตอบอะไรออกไปก็รู้สึกว่าทุกคนไม่เชื่อผมเลยด้วยซ้ำ
“ทุกคนสามารถติดตามทั้งสองคนได้จากช่องทางไหนบ้างคะ”
“ก็มีอินสตาแกรมกับทวิตเตอร์ครับ หลายๆ คนคงรู้อยู่แล้ว”
“อ้อ มีน้องๆ ฝากมาค่ะ ว่าอยากให้น้องซีนอัปเดตโซเชียลบ่อยๆ หน่อยได้ไหมคะ”
“ผมจะพยายามนะครับ” ผมว่ายิ้มๆ แฟนคลับด้านล่างก็ส่งเสียงตอบรับเบาๆ กลับมา
“พี่ติดตามน้องทั้งสองอยู่นะคะ” ไม่บอกก็รู้ครับ...
“ส่วนใครที่อยากตามไปฟินก็ไปฟอลโล่น้องโซลน้องซีนได้ค่ะ มาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว อยากให้น้องๆ ฝากผลงานกันหน่อย”
ผมพยัดเพยิดให้คนข้างๆ ตอบ “ครับ ฝากติดตามซีรีส์เพื่อนกันมันส์ดีทุกวันเสาร์ด้วยนะครับ เวลาสี่ทุ่มตรง ทางช่อง two ครับ”
“ค่ะ...” พิธีกรสาวชะงักไปนิดนึงเมื่อมีทีมงานเดินเข้ามาบอกอะไรสักอย่าง “อ่า...ทางแอคเคาท์ออฟฟิศเชียลเพิ่งอัปเดตรูปเบื้องหลังกองถ่ายเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว เรายังเหลือเวลากันอีกนิด มาดูไปพร้อมกันดีไหมคะ”
“ดีค่า!!!”
ทำไมผมถึงคิดว่าไม่ดี...
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
นั่นไง...รูปแรกที่โชว์หราอยู่บนจอก็เล่นผมเลย...เป็นรูปผมหลับอยู่ข้างๆ ไอ้โซล ส่วนเหตุผลที่ทุกคนกรีดร้องกันเป็นเพราะว่าผมพิงไหล่มันอยู่
ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นวันไหน แล้วผมไปทำแบบนั้นตอนไหน!
“ยังไงกันคะ”
“ผ...ผมก็จำไม่ได้เหมือนกันครับ”
หน้าคุณพิธีกรยิ้มกริ่ม แต่ก็ไม่ซักไซ้อะไรอีกเพราะเวลาใกล้จะหมด ทีมงานเปิดรูปไปเรื่อยๆ มีรูปเผลอบ้าง ตั้งใจยิ้มให้กล้องบ้าง นอกจากรูปแรกก็เป็นรูปที่กำลังถ่ายทำ อ่านบท ไม่ก็เล่นกันอยู่ แอบโล่งใจที่ไม่มีรูปแบบรูปแรก เพราะบางทีผมก็ไม่รู้ว่าถูกถ่ายไปตอนไหน แล้วตอนนั้นผมทำอะไรอยู่ ได้แต่ขอให้จบรายการเร็วๆ จนกระทั่งรูปสุดท้าย...
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“ยังไง ยังง๊ายยยยยย” คุณพิธีกรแทบจะเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ “ให้น้องซีนตอบค่ะ เพราะน้องโซลตอบไปเยอะแล้ว”
ผมอ้ำอึ้ง จิกกางเกงแน่น รูปที่เห็นในจอคือรูปที่ไอ้โซลคุกเข่าอยู่บนพื้น...เป็นวันที่มันขอผมคบ...
“ทำอะไรกันคะรูปนี้”
“คือ...” มือผมสั่นจนต้องกุมกันไว้ พูดรัวจนลิ้นพันกันและไม่กล้าสบสายตาใครทั้งนั้น “วันนั้นเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ โซลช่วยทำแผลให้ ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ”
อยากกัดปากตัวเองจริงๆ ผมจะหลุดประโยคหลังออกไปทำไมวะ!
หน้าคุณพิธีกรเหมือนอยากซักไซ้ต่อแต่เวลาหมดลงแล้ว ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก รายการแรกก็ทำเอาแทบตาย ตื่นเต้นน่ะไม่เท่าไหร่ แต่โดนทุกคนแซวนี่สิ ทั้งๆ ที่ผมพยายามบอกตัวเองว่าพวกเขาก็ชงไปอย่างนั้น ไม่ได้รู้ว่าพวกเราคบกันจริงสักหน่อย แต่สายตาจับผิดของทุกคนทำผมเก็บอาการไม่ได้เลยจริงๆ
จบไปหนึ่งรายการ...ผมอายจนจะเป็นบ้า
@behindsoulscene
หมอนนุ่มๆ คงไม่อุ่นเท่าแขนคนข้างๆ #โซลซีน
@behindsoulscene
ดูรายการย้อนหลังได้ที่นี่ค่ะ ฟินวนไป https://www.youtube.com/watch?v=Sc7TXPO2qjs #โซลซีน
@oohhoo
ทำแผลหรือขอแต่งงาน #โซลซีน
@admiiee
พี่ซีนหน้าแดงทั้งรายการอะ เป็นคนขี้เขินมากๆ แต่ตอนเปิดรูปสุดท้ายโซลหูแดงด้วย...เราว่ามันต้องมีอะไรในรูปนั้น #โซลซีน
@tttt007
หน้าพี่โซลตอนบอกว่าอยากชิมพี่ซีนนี่แบบฟฟกสดฟกฟทดฟฟำสฟฟมากก รู้สึกได้ว่าพูดออกมาจากใจ ฮือออ #โซลซีน
@kungpeuak
สายตาของทั้งสองคน สายตาของคนในกองที่มองมา...ไม่เหมือนทำแผลให้กันเฉยๆ เลยนะ ขอเป็นแฟนก็บอกเหอะ โฮะๆๆๆๆ #โซลซีน
@kewiiz_
มีคนขับรถส่วนตัว แล้วยังจะมีคนทำแผลส่วนตัวอีก โอ้ย ชีวิตดีกว่านี้มีอีกม๊ายยย #โซลซีน
@iammeoww
บอกเจอกันไม่ค่อยประทับใจ แล้วตอนนี้ประทับใจน้องขนาดไหนแล้วคะ ถึงยอมให้เขาไปรับไปส่งเนี่ย #โซลซีนโชคดีที่รูปนั้นถูกถ่ายมากจากที่ไกลๆ ...แต่ก็เห็นพวกผมชัดอยู่ดี ผมชักระแวง ไม่ใช่ว่ามีใครถ่ายวิดีโอไว้หรอกนะ แต่ว่าวันนั้นฝนตกแรงมาก คงไม่ได้ยินเสียงที่คุยกันหรอกใช่ไหม ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจรอบข้างเสียด้วยสิ ยิ่งคิดยิ่งเครียด เข้าใจแล้วว่าเป็นดารามันใช้ชีวิตลำบากยังไง มีคนจับตาดูอยู่ตลอด จะทำอะไรก็ต้องระวัง
ผมมองออกไปตามเส้นทางที่รถเคลื่อนผ่าน เรากำลังมุ่งหน้าไปที่สตูดิโอ ไอ้โซลฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ผมกดออกจากแอปพลิเคชั่นนกสีฟ้า เอาเถอะ อย่างน้อยพวกเธอก็ไม่รู้ว่าผมอยู่คอนโดไอ้โซลน่ะนะ ไม่งั้นในทวิตเตอร์หนักกว่านี้แน่
ไม่ได้ตั้งใจจะปิดนะ...แต่ไม่มีใครถามเองนี่นา
“เสร็จแล้วโทรหาผมนะ”
“อื้ม แต่ถ้ายังไงเดี๋ยวให้ไอ้จั๊มพ์ไปส่งก็ได้”
“ผมอยู่กับพวกมันไม่นานหรอก”
ช่วงสายของวันเสาร์ ไอ้โซลมาส่งผมที่ห้างใหญ่ใจกลางเมือง ส่วนมันไอ้น้องกันโทรมาหาเมื่อคืน โดนเรียกไปรวมกันที่บ้านต่าย ที่จริงผมจะให้มันมากับผมด้วยแล้วเพราะกิ๋งโทรมาอ้อนวอนตั้งนานสองนาน พีมก็สนับสนุนผมเลยใจอ่อน แต่มันมีนัดกับเพื่อนซะก่อนเลยโล่งไป จะให้ผมมานั่งรีรันเรื่องราวที่ผ่านมาโดยมีมันนั่งยิ้มข้างๆ น่ะเหรอ ฝันไปเถอะ!
“เอาล่ะ เริ่มจากอะไรก่อนดีน้า” กิ๋งดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ขนาดโทสต์ตรงหน้ายังเป็นมัทฉะโทสต์ ปกติกิ๋งเคยกินที่ไหน นี่เรียกว่าเอาใจกันสุดๆ
“จะไม่ถามเรื่องถ่ายทำหน่อยเหรอ”
“กำลังจะถามนี่ไง” สาวผมบ๊อบฉีกยิ้ม “ถ่ายฉากจูบเป็นไงมั่งจ๊ะ”
พรวด!
“แค่กๆ!”
“เดี๋ยวนี้สกปรกใหญ่แล้วนะมึง” ไอ้จั๊มพ์เบ้หน้า น้ำที่ผมพ่นโดนมันเต็มๆ ก็ตรงหน้าผมคือกิ๋งกับพีม จะให้พ่นใส่ได้ไงเล่า
“ก็ดูคำถาม” ว่าพลางใช้หลังมือเช็ดปาก “ไหนว่าจะถามเรื่องเรากับเด็กนั่น”
“เอ๊ะ ซีนจะเอายังไงกันแน่”
ขอเลือกกลับห้องไอ้โซลได้ไหม ไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว ผมไม่เคยมีแฟนมาก่อน เคยอย่างมากที่สุดคือจีบพีมแล้วยังเหลวเป๋วไม่เป็นท่า ที่จริงเรื่องพวกนี้ผมไม่ค่อยสนใจด้วยซ้ำ พอเจอเข้ากับตัวก็เลยไปไม่เป็น อีกอย่างผมรู้ว่าตัวเองค่อนข้างขี้อาย จะให้มานั่งเล่าเรื่องที่กิ๋งอยากรู้แบบละเอียดยิบน่ะผมทำไม่ได้หรอก
แต่หน้าตาคาดคั้นของกิ๋งทำให้ผมต้องตอบปัดๆ ไป
“อืมๆ ก็คบกัน”
“แล้วที่จั๊มพ์เล่าคราวนั้นว่ามาหาถึงคณะเพราะเป็นห่วงที่ซีนอ่านหนังสือดึกน่ะ จีบตั้งแต่ตอนนั้นใช่ไหมๆ บอกแล้วว่ามันแปลก เพิ่งรู้จักจะมาห่วงอะไรขนาดนั้น”
“ก็...มั้ง”
“แล้วที่ไปซ้อมที่คอนโดน่ะ น้องทำอะไรมั่ง”
“ไม่เห็นทำอะไรนะ”
“ที่กองถ่ายล่ะ”
“ก็ต่างคนต่างทำงาน เหนื่อยจะตาย”
“แล้วไปรักกันได้ยังไงยะ!”
ผมหลุดขำ กิ๋งมามองตาเขียว “กวนขึ้นนะซีน”
“ถ้าน้องโซลมานั่งตรงนี้ซีนจะกวนแบบนี้ไหมนะ” พีมว่าขึ้นลอยๆ แต่ทำให้ผมหันหลังขวับ เห็นผู้ชายกลุ่มใหญ่กำลังเดินเข้ามาในร้านนี้...เฮ้ย ไหนบอกไปบ้านต่ายกันไง แต่พอมองดีๆ ก็ไม่มีใครคุ้นหน้าสักคนจนกระทั่งคนสุดท้าย ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ตกใจแทบแย่ พอหันหน้ากลับมาก็เห็นพีมยิ้มล้อ
“ฮั่นแน่...”
ผมเลิกคิ้ว พยัดเพยิดหน้าไปข้างหลัง “..กลุ่มนั้นเสียงดังเนอะ”
“อื้ม เราก็ว่างั้น” อีกคนพยักหน้าเห็นด้วย อย่าว่าแต่ผมเลยพีมก็กวนขึ้นเห็นๆ
“ขอตั้งแต่เริ่มจีบ” เจ้าแม่ของวงการนี้วกเข้าเรื่องอีกครั้ง
“ไม่รู้”
“ได้ไง!”
“ก็ไม่รู้จริงๆ” ผมเกาหัว “อืม...มันก็ดูแล”
“ยังไง”
“ไปรับไปส่ง”
“อะไรอีก”
“เป็นห่วงนู่นนี่”
“แบบไหน”
“ก็ตอนเรารถชน...” แอบเหลือบมองคนข้างๆ นิดนึง กลัวมันด่าอีกรอบ “วันนั้นโซลขับรถตามมา”
“อ...” กิ๋งตาโตก่อนจะหุบปากลงซบหน้าลงกับโต๊ะ พอเงยขึ้นมาก็เห็นหน้าแดงก่ำ เหมือนอยากจะกรี๊ดแล้วกรี๊ดไม่ได้
“น้องต้องดีขนาดไหนอะซีน!!”
“เบากิ๋งเบา”
“แล้วไงต่อๆๆ”
“ก็เลยให้มันไปรับไปส่ง แต่เห็นว่ามันเหนื่อยเกินไปเลยไปค้างกับมัน...แค่นั้นเอง” ผมว่าพลางเขี่ยไอศกรีมรสชาเขียวที่ละลายหมดแล้ว “แล้วนั่นจดอะไรน่ะ”
อีกคนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ทำหน้าตาเคร่งเครียด “ขอดีเทลกว่านี้ได้ไหม เราจะเอาไปแต่งนิยาย”
“ฮะ?”
“ตอนขอคบล่ะ”
“ก็แค่ขอ ไม่มีอะไรพิเศษ” เพื่อนทั้งสามมองมาแบบไม่เชื่อ “จริงๆ เราไม่ได้โกหก”
“ที่ไหน”
คำถามนั้นทำเอาผมหลบสายตา ก่อนตอบออกไปเสียงเบา “...กองถ่าย”
กิ๋งมีอาการกลั้นกรี๊ดอีกรอบ ครั้งนี้แทบจะเอาเล็บยาวๆ ขูดกับโต๊ะ “อย่าบอกนะว่า...รูปตอนทำแผล!?”
“ร...รู้ได้ไง”
“ฮะ!?!?” ไม่ใช่แค่กิ๋ง แต่ทั้งพีมและไอ้จั๊มพ์ร้องขึ้นมาพร้อมกันจนคนทั้งร้านหันมามอง ผมรีบใช้นิ้วแตะปากเพื่อบอกให้เงียบเสียง อยู่กันตรงมุมอับก็จริงแต่ใช่ว่าไม่เป็นที่สนใจ เพราะผมเห็นบางคนยกกล้องขึ้นมาถ่ายด้วย
“behind the scene สุดๆ!!” กิ๋งเหมือนจะเป็นลมลงตรงนี้ “ถ้าแฟนคลับรู้นี่หวีดจนวูบอะบอกเลย”
“เราว่าโรแมนติก มาเล่นเรื่องนี้เลยได้เจอกันแล้วก็รักกัน ทุกคนในกองก็เหมือนเป็นพยานรักของโซลกับซีน”
“ในทวิตเตอร์พวกแฟนคลับมึงเขาก็พูดถูกกันอะดิ” ไอ้จั๊มพ์ว่าพลางเลื่อนๆ ดูในแท็กนั้น “ก็ไม่ใช่เขารู้หรอกเหรอวะ”
“ไม่รู้” คนหัวอกเดียวกันกับเหล่าแฟนคลับตอบแทน “ก็ชงไปงั้นแหละ ไม่ได้รู้ความจริงอะไรหรอก แต่พระเจ้าเถอะ ใครชิปโซลซีนคือนิพพานแล้วค่ะตอนนี้”
“อ๋อ กลายเป็นคู่จริงขึ้นมางี้เหรอ” ไอ้จั๊มพ์วางโทรศัพท์ลงอย่างเดิม ทั้งโต๊ะมีกิ๋งที่ดูจะมีความสุขจนตัวลอย กับพีมที่มองมายิ้มๆ
“ใช่แล้ว สนใจเป็นอีกสักคู่ไหมจ๊ะ”
“ไม่ล่ะ เราเกรงใจ”
กิ๋งยู่หน้า หันมาทางผมอย่างเดิม
“ซีนก็ตอบตกลง?”
“ก็...อือ”
“ทำไม”
“อะไรทำไม”
“ไปชอบน้องตอนไหน”
“อันนี้ก็...ไม่รู้”
“อย่าเอาอะไรจากมันเลย รู้ตัวว่าไอ้โซลชอบก็ดีเท่าไหร่แล้ว” เพื่อนข้างตัวว่าหน่ายๆ “กิ๋งก็รู้ว่าเพื่อนตัวเองเป็นยังไง”
“ก็รู้แหละ แต่อยากให้พูดออกมาบ้างนี่นา” หัวเราะคิกคัก “เป็นครั้งแรกที่เห็นซีนมีอาการแบบนี้”
“จับไว้ให้มั่นเลยนะน้องโซลเนี่ย” ผมไม่คิดว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากพีม...
“ใช่! น้องเขาทุ่มเท่าไหร่ซีนรู้ไหม”
“แล้วกิ๋งรู้เหรอ”
“ไม่รู้!” อีกฝ่ายหน้าบึ้ง “ตามจีบคนอย่างซีน จากที่เราเดาเลยนะ ถ้าไม่พูดตรงๆ ซีนคงไม่คิดเข้าข้างตัวเองว่าคนอื่นมาชอบหรอกใช่ไหม”
ตอนแรกก็ใช่ แต่หลังๆ ก็แอบคิดนิดนึง...ก็ดูการกระทำมันสิ
“เกิดเป็นน้องโซลนี่เหนื่อยแย่”
“ทำไมเรารู้สึกผิดแปลกๆ”
“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก” สาวผมบ๊อบเงยหน้าขึ้นมาจากถูหน้าไปกับโต๊ะ “ให้น้องโซลเจอของยากน่ะดีแล้ว คิกๆ”
ต่อด้านล่างค่ะ