NOTE : ขออภัยสำหรับคำผิดค่ะ
Chapter 13
ร่างเล็กนอนกอดหมอนข้าง ซุกตัวอยู่กับผ้าห่มอุ่น แสงที่ลอดมาตามขอบของผ้าม่านทำให้ตากลมปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะจับผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง หลบหนีแสงแดดยามเช้าแล้วสานต่อนิทราอันแสนสุขทันที
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’
“ใบไม้”
เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกที่อยู่หน้าห้องทำให้ตากลมต้องปรือขึ้นมาอีกครั้ง คิ้วมนขมวดแน่น แล้วซุกหน้าลงไปใต้หมอนเพื่อหลีกหนีมลพิษทางเสียงยามเช้า ไม่แม่ก็พี่สาวคนใดคนหนึ่งเนี่ยแหละที่มาปลุก ผมต้องหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเสียงรบกวนนั้นยังไม่หยุดเสียที เมื่อคืนกว่าจะนอนหลับลงได้ ขอเวลานอนเพิ่มหน่อยซี
“ใบไม้…ยังไม่ตื่น ว่าแล้วเชียว”
ใบฉัตรที่เปิดประตูห้องน้องชายเข้ามาก็พบว่าน้องชายของตนยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง ดูไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยสักนิดว่าตนมาเรียกให้ตื่นได้พักหนึ่งแล้ว หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะนั่งลงบนเตียง ส่ายหัวกับน้องชายเล็กน้อยแล้วดึงผ้าห่มออก จากประสบการณ์ก็พบว่า คนอย่างใบไม้ไม่ตื่นง่ายๆหรอก ดึงผ้าห่มนี่ยังสกิลต่ำๆอยู่
“นี่...ตื่นได้แล้วนะ” ถึงอย่างนั้นก็ไร้เสียงตอบรับ ร่างเล็กของน้องชายยังนอนนิ่งอยู่เหมือนเดิม
“ถ้าไม่ตื่นตอนนี้ มีหวังขนมของแม่หมดแน่ๆ”
“หืม..อืม...ต้องเหลือซี” ใบฉัตรยิ้มขำ จากคนที่นอนนิ่งอยู่กลับสะดุ้งขึ้นมา ผงกหัวขึ้นมาตอบทั้งที่ยังหลับตาอยู่ได้
“ไม่แน่ ถ้ายังนอนอยู่แบบนี้ วันนี้มีแขกด้วยต้องหมดก่อนเราตื่นแน่ๆ”
ร่างเล็กถึงกับงัดตัวเองลุกขึ้นนั่งทันทีที่โดนคำขู่อีกครั้ง ตาปรือๆมองพี่สาวก่อนจะยู่ปากใส่อย่างขัดใจ ทำไมต้องขู่เรื่องขนมแม่ด้วยเล่า แม่นานๆทีจะทำขนม แล้วขนมของแม่ยังอร่อยมากๆด้วย แล้วพี่ก็ชอบเอาเรื่องนี้มาทั้งล้อทั้งขู่เขาอยู่เสมอเลย
“ไม่เอา พี่ต้องเหลือให้เค้านะ น้า…” คิดได้ดังนั้นใบไม้ก็เข้าไปกอดพี่สาว ก่อนจะถูแก้มกับไหล่บางไปมาอย่างออดอ้อน ใบฉัตรได้แต่ส่ายหัวเบาๆกับลูกอ้อนของน้อง
“ไม่รู้ วันนี้มีแขก เผื่อแขกจะชอบขนมของแม่แล้วอาจจะกินหมดก็ได้”
“ฮึ่ยย ก็ได้ ก็ได้ ตื่นแล้วก็ได้” ใบไม้ยู่ปาก สบัดหน้าหนีพี่สาวอย่างงอนๆ ลุกขึ้นมาลากขาเอื่อยๆ เดินไปคว้าผ้าขนหนูเตรียมไปอาบน้ำ
“เร็วๆด้วยนะ แขกรอเรานานแล้ว”
ใบฉัตรว่า ก่อนใบไม้จะหันมามองอย่างสงสัย ใครมา? ทำไมต้องรอเรา? หันไปมองนาฬิกาบนฝาผนัง แล้วตอนนี้ก็พึ่งเก้าโมงกว่าๆเองนะ ถึงมันจะเกือบสิบโมงแล้วก็เถอะ ก็สำหรับผมมันไม่ได้สายนี่ ส่วนใหญ่แขกมาก็ตอนเที่ยงแล้วทั้งนั้น ที่แปลกใจคือแขกของผม หรือว่าเป็นแม๊กซ์กับเอม ต้องใช่แน่ๆ ไอ้พวกนี้ต้องมาแฉเขาถึงบ้านแน่ๆ ไม่ได้ล่ะ ต้องรีบไปก่อนที่พวกนั้นจะเปิดปากแฉเขา
“พี่บอกแขกด้วยนะ ว่าห้ามพูดอะไรทั้งสิ้นจนกว่าผมจะลงไป”
“รู้ด้วยเหรอว่าแขกคนไหน” ใบฉัตรยิ้ม
“รู้สิ แปบเดียว เดี๋ยวผมลงไป” ร่างเล็กของน้องชายผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ แล้วหญิงสาวต้องหันกลับไปมองอีกเมื่อคนที่เข้าห้องน้ำไปแล้วเปิดประตูออกมาอย่างรวดเร็วแล้วพูดเสียงดัง “ต้องเหลือขนมให้ด้วยนะ!” ใบฉัตรส่ายหัวยิ้มๆ จริงๆเลย ยังจะห่วงกินอีกนะเราน่ะ
ผมค่อยๆย่องเดินลงบันไดไปข้างล่างหลังจากที่จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้พวกนั้นจะแฉเขาไปหมดเปลือกรึยัง ชอบให้เขาต้องได้อายอยู่เรื่อย ผมค่อยๆชะโงกหน้าไปที่โต๊ะอาหาร เพราะบางทีอาจจะนั่งเมาท์มอยไปกินขนมของแม่ไปแน่ๆ แต่คิ้วมนก็ขมวดมุ่น เมื่อได้พบกับความว่างเปล่า จะมีแค่ขนมอบสองสามอย่างที่จัดวางอยู่บนจาน ยิ่งกว่าแปลกอีก ขนมของแม่ที่จะถูกปกติจะถูกจัดการอย่างรวดเร็ว วันนี้กลับโดนทิ้งร้างไว้แบบนั้น
“ไปไหนกันนะ ที่ครัวก็ไม่มี” ขาเรียวก้าวออกจากห้องครัวแล้วเดินไปที่สวนหลังบ้านทันที ใบไม้ก็ได้สงสัยอีกครั้งเมื่อสถานที่ประจำของเพื่อนเมื่อมาเยี่ยมเยือนตัวเองอย่างสวนที่ร่มรื่นหลังบ้านก็พบกับความว่างเปล่าอีกจนได้ “ไปไหนกัน”
ใบไม้หันซ้ายทีขวาทีมองไปรอบอีกครั้ง ก็ยังไม่เห็นหรือได้ยินสิ่งมีชีวิตใดเลยแม้แต่น้อย ใบไม้เอียงหัวเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด ถ้าอย่างนั้นก็คงจะเหลืออยู่ที่เดียวแล้วล่ะมั้ง ใบไม้หันหลังกลับเดินไปที่หมายอย่างใจคิด ไม่ลืมที่จะหยิบจานขนมติดมือไปด้วย สงสัยจะดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่นล่ะมั้ง แต่ทำไมเงียบจัง? คิ้วมนขมวดเข้าหากันอีกครั้งเมื่อพบกับความเงียบ ทั้งที่ปกติถ้าสองคนนั้นมาที่บ้าน มีหวังคุยกันบ้านแตกกันไปข้างแน่
“คงจะเปิดหนังดูกันอยู่มั้ง” ใบไม้สะบัดหัวไปมาเบาๆ ก่อนจะจับขนมในจานใส่ปาก เสียงประตูบานเลื่อนเปิดขึ้นมาทำให้ใบไม้ก็เงยหน้ามองพี่สาวคนรองที่เดินออกมาจากห้องนั่งเล่น พร้อมส่งรอยยิ้มล้อเลียนมาให้เขาอย่างสงสัย
“มีหลักฐานมัดตัวแล้ว ทีมสอบสวนจะส่งสำนวนไปให้อัยการตัดสินแล้วนะจ๊ะ พ่อน้องชาย”
พี่ใบบัวหัวเราะลั่นเมื่อพูดจบ ผมได้แต่ขมวดคิ้วใส่อย่างสงสัย ไม่ต้องแปลกใจนะครับที่บ้านผมจะชอบพูดถึงเรื่องกฏหมายแบบนี้ ในเมื่อพ่อเป็นอัยการ พี่สาวคนโตอย่างพี่ใบฉัตรเป็นทนาย และพี่สาวคนรอง พี่ใบบัวเป็นตำรวจ สายกฏหมายทั้งหลายเป็นใหญ่ในบ้าน ส่วนแม่เป็นเจ้าหน้าที่สาธาณสุขและพี่ใบหม่อนเป็นหมอ แน่นอนว่าขนมในจานที่ผมถืออยู่ ต้องมีธัญพืชที่ดีต่อสุขภาพแน่ๆ ส่วนที่แหวกที่สุดคือพี่ใบตองสถาปนิกของบ้าน
“หลักฐานอะไรกันครับ”
“เข้าไปดูเองสิ แต่...แน่ใจนะว่าจะเข้าไปในสภาพนี้”
พี่ใบบัวหัวเราะเบาๆ สภาพนี้มันสภาพไหนอะ ก็ชุดอยู่บ้าน เสื้อยืดสบายๆ กางเกงบอล แล้วก็สลิปเปอร์หัวสติชสีฟ้า จะแย่หน่อยก็ผมเปียกๆที่น้ำหยดลงบนเสื้อเป็นดวง แล้วก็ผ้าเช็ดผมหนึ่งผืน ผมก้มหัวมองตัวเองเล็กน้อยแล้วเงยหน้าทำหน้าสงสัยใส่พี่สาว นี่ก็เป็นชุดที่ดีพอสำหรับต้อนรับเพื่อนแล้วนะ แต่พี่ใบบัวก็ยังไม่หยุดหัวเราะผม ผมก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ยใส่
“พี่ให้โอกาสคิด จะขึ้นไปเปลี่ยนหรือไปชุดนี้เลย” ผมส่ายหัวใส่ แล้วเดินเลย ตรงไปห้องนั่งเล่นพร้อมไม่สนใจเสียงหัวเราะแผ่วๆของพี่สาว โดยผมก็ได้แต่หันไปค้อนใส่ หัวเราะอะไรกันเล่า ก็ธรรมดา ไม่เห็นมีตรงไหนหน้าเกลียดเลย
“ก็ตามใจนะ อย่ามาคร่ำครวญเสียใจทีหลังแล้วกัน”
พี่ใบบัวพูดจบก็เดินไปทันทีทิ้งให้ผมสงสัยอยู่คนเดียว จะอะไรขนาดนั้นกัน แค่แต่งตัวสบายๆในวันที่เพื่อนมาหานี่มันผิดนักรึไง จะว่าไปเรื่องนี้เริ่มแปลกๆแล้วนะ ขนาดเดินมาอยู่หน้าประตูขนาดนี้เสียงทีวีก็ไม่ได้ยิน จะมีเพียงแต่เสียงที่พูดคุยกันเบาๆเพียงเท่านั้น เพื่อนตัวแสบทั้งสองคนก็เลยจุดที่ต้องมาสงบเสงี่ยมเจียมตัวกับครอบครัวเขาแล้วนะ
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่ต้องเตรียมตัวรับความอับอายแน่ๆ ต้องโดนล้ออีกแน่ๆ ผมยื่นมือไปเลื่อนประตูบานเลื่อนออก สิ่งแรกที่ปะทะตัวคือไอเย็นของเครื่องปรับอากาศ เสียงพูดคุยเบาๆนั่นหยุดไป ผมรับรู้ถึงสายตาของหลายคู่จับจ้องมาจนต้องเงยหน้าขึ้นมอง สิ่งแรกที่พบคือสายตาและรอยยิ้มล้อเลียนจากพี่ๆ เลื่อนไปเจอกับสายตาจับผิดของแม่ และรอยยิ้มบางๆของพ่อ ส่วนแขกที่นั่งหันหลังอยู่ ผมก็รู้สึกคุ้นเคยแผ่นหลังนั้นเหลือเกิน แต่ก่อนที่ผมจะครุ่นคิดอะไรไปมากกว่านั้น คำตอบตรงหน้าก็หันมาหาผมเสียแล้ว
ตากลมๆเบิกกว้างขึ้นทันที เมื่อไดด้สบกับดวงตาคมคายที่คุ้นเคยคู่นั้น ร่างกายนิ่งค้างเหมือนถูกแช่แข็ง มือไม้อ่อนจนพี่ๆต้องรีบเข้ามาดึงจานขนมที่ถืออยู่ไปกอดไปอย่างหวงแหน ไม่...แต่ผมไม่โฟกัสว่าผมโดนแย่งขนมไป ผมโฟกัสถึงคนตรงหน้าต่างหาก! พี่จอมทัพ! ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่!! เสียงของพี่ใบบัวที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้ผมต้องตื่นขึ้นมาจากภวังค์
“นี่ไงหลักฐานมัดตัว”
ใช่ครับ ผมดิ้นไม่หลุดเลยตอนนี้
______________________________________________________
ขายาวก้าวไปตามทางเฉอะแฉะหลังฝนตก สองข้างทางมีต้นไม้ดอกไม้ร่มรื่น แต่ใจและสมองของเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น ตาคมจดจ่ออยู่กัลโทรศัพท์ในมือ ยกขึ้นมาดูก่อนจะก้าวไปตามทางที่สิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ได้ระบุไว้ ที่นี่ห่วงไกลจากบ้านผมและมหาวิทยาลัยมาก ผมได้แต่ขมวดคิ้วสงสัยว่าคนที่ผมนึกถึงจะเป็นยังไงเมื่อเดินทางไปมหาวิทยาลัย เนื่องจากการเดินทางจากบ้านผมที่อยู่ใจกลางมาถึงที่นี่ก็กินเวลาไปเป็นชั่วโมงเห็นจะได้แล้ว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คิ้วคมขมวดเข้าหากันเมื่อรายละเอียดบนหน้าจอหายไปทันทีที่มีคนโทรแทรกเข้ามา ยิ่งพอเห็นรายชื่อก็ระบายลมหายใจออกมาแรงๆทันที นี่เขาควรทำยังไงกับเพื่อนคนนี้ดี ว่าแล้วนิ้วเรียวก็ปัดวางสายใส่อย่างไม่สนใจ ก่อนที่เสียงและแรงสั่นของโทรศัพท์จะเกินขึ้นอีกครั้ง ปากเรียวหยักสบถออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะยกโทรศัพท์แนบหูทันที
“มีธุระอะไร”
/แหม เยือกเย็นจังเลยนะ จอมทัพเพื่อนรัก/ เสียงยียวนกวนประสามของเพื่อนสนิทอย่างเตวินตอบเข้ามาในสายก็ทำให้จอมทัพต้องหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
“ถ้ามึงโทรมาคุยเรื่องไร้สาระก็วางสายไปซะ”
/โลกนี้ช่างลำเอียงเหลือเกิน กับเพื่อนกับพ้องก็พูดซะเย็นชา กับใครบางคนก็ละมุนผิดปกติ ว่าแล้วเชียว ทำไมช่วงนี้ฝนฟ้าคะนองหนักจังเลย ระวังสุขภาพด้วยนะเพื่อน อุ๊ย แต่พี่จอมทัพไม่ต้องเครียดไป พี่จอมทัพมีพยาบาลดี/
“แค่นี้นะ” หลังจากทนเพื่อนพูดพร่ำเพรื่อมานาน จนในที่สุดความอดทนของจอมทัพก็หมดลง หลังจากกรอกเสียงนิ่งๆลงไป นิ้วเรียวยาวก็กดตัดสายทันที
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเดินต่อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง จอมทัพจ้องมองชื่อที่ปรากฏก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วกรอกตาไปมาอย่างรำคาญใจ มันจะโทรอะไรนักหนา โทรมาก็ไม่พูดอะไรที่มันได้สาระ สักแต่จะพูดกวนประสาทคนอื่น นิ้วเรียวกดรับอีกครั้งก่อนจะกรอกเสียงลงไปด้วยความหงุดหงิด
“จะพูดอะไรก็พูดเร็วๆ!!”
/อุ๊ย...หยอกนิดหยอกหน่อยก็ไม่ด้ายย/
“เร็ว!!”
/ครับๆ จะถามว่ามึงคิดดีแล้วนะ/ คำพูดของเพื่อนทำให้ขายาวๆที่กำลังก้าวต้องหยุดชะงัก คิดดีแล้ว? ไม่รู้สิ รู้แค่ว่าต้องมา มาคุยให้รู้เรื่อง ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ ตัวเขาคงแน่ใจตัวเองแล้วมั้ง
“ก็ คิดแล้ว”
/คิดว่าไง? เอาให้มันแน่ๆนะเว้ย/
“ก็...น้องเขาน่ารักดี”
/แล้ว??? น่ารักดีแล้ว?/
“กูก็ชอบอะไรที่มันน่ารัก” สิ่งที่เพื่อนพูดทำให้เตวินขมวดคิ้วมุ่น อะไรของมันวะ น้องน่ารัก แล้วชอบอะไรที่มันน่ารัก? นี่กูก็พึ่งรู้นะเนี่ยว่ามึงชอบอะไรแบ๊วๆ พึ่งมาชอบตอนอายุ 21?
/มึงชอบน้องว่างั้น?/
“กูบอกว่ากูชอบอะไรที่มันน่ารัก แล้วน้องก็น่ารัก” พูดจบเตวินก็กรอกตาแล้วก็กุมขมับอย่างคิดหนัก ชอบน้องก็บอกว่าชอบน้อง มึงจะคิดอะไรให้มันซับซ้อนวะ ถ้าไม่เป็นเพื่อนมันคงไม่เข้าใจความคิดแปลกๆของมันแน่ๆ
/ถ้าเกิดคนอื่นน่ารักแล้วมึงจะชอบไหมวะ?”/ สิ่งที่ตอบกลับมามีแต่ความเงียบ จอมทัพได้แต่ยืนนิ่งๆ ใช้ความคิดกับตัวเองเงียบๆ จะให้ชอบคนอื่นเหรอ? แปลกๆแฮะ ก็น้องน่ารัก ไปเกี่ยวอะไรกับคนอื่น
“คนอื่นไม่เห็นน่ารักเลย น้องน่ารักคนเดียว” คำตอบทำให้เตวินกุมขมับเครียดเข้าไปอีก เออ มึงแม่งสุดๆเลย คนทั้งโลกมึงคงเห็นว่าใบไม้น่ารักอยู่คนเดียว แล้วแต่มึงเลยยย เอาที่มึงสบายใจเลยยยย
/แล้วเอมมาลินไม่น่ารักเหรอ?/
“ก็….น่ารัก” เอ้อ เห็นมะ จะมาบงมาบอกว่าใบไม้น่ารักคนเดียว ทีงี้มาบอกว่าเพื่อนเขาน่ารัก แต่คำพูดต่อมาก็ทำให้เตวินต้องตบกับขมับตัวเองก็ฉาดใหญ่ “แต่ก็ไม่น่ารัก” อะไรของมึงวะ!!
/เอาดีๆดิ เอมน่ารักไหม/
“บอกว่าน่ารัก แต่ก็ไม่น่ารัก” จอมทัพขมวดคิ้วเมื่อเพื่อนไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองพูด เรื่องแค่นี้ก็ไม่เข้าใจ ทำไมต้องให้พูดซ้ำวะ มีอะไรตรงไหนยาก แต่ตอนนี้ในหัวเตวินมีแต่คำว่า อะไรของมึงวะ! จะเอายังไง!! นี่ก็พยายามจะวิเคราะห์ความคิดมันสุดๆแล้วนะ
/น่ารักหรือไม่น่ารัก! แล้วไอ้น่ารักของมึงมันแบบไหน/ จอมทัพเงียบไปเล็กน้อย ก่อนคำตอบจะทำให้เตวินยิ้มออกเพราะเขาได้เข้าใจเพื่อนสักที เข้าใจความคิดประหลาดๆของจอมทัพสักที!
“แบบ….ใบไม้” เตวินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จนเสียงลอดผ่านเข้ามาในโทรศัพท์ ชอบเขาก็ไม่เข้าใจว่าชอบเขา ดันไปเข้าใจอะไรประหลาดๆอีก ต่อจากนี้คงไม่แย่แล้วหรอกมั้ง จอมทัพแค่มีความคิดแปลกๆตามประสามันนั่นแหละ “ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม”
/เออๆ ไม่ต้องไล่กัน แค่นี้แหละ โชคดี/ โชคดีแน่ จอมทัพเพื่อนยากคงไม่ปล่อยให้หลุดมืออีกแล้ว
หลังจากวางสายจากเพื่อนไป จอมทัพก็กลับมาจับจ้องกับแผนที่ในโทรศัพท์ที่เจ้าเด็กตากวางของเตวิน เอ่อ..แม๊กซ์ วาดมาแล้วส่งมาให้ ดูเสร็จก็เงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อพบว่าอีกไม่กี่หลังก็จะถึงแล้ว ขายาวค่อยๆก้าวเดินไปเรื่อย มองซ้ายที ขวาทีเพื่อหาบ้านที่มีลักษณะตามที่แม๊กซ์ระบุไว้ให้
ขายาวหยุดชะงักทันที เมื่อเจอบ้านที่เดินหาอยู่ บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ แต่ไม่ใหญ่มากนัก มีต้นไม้ยืนต้นอยู่หน้าบ้าน ดอกไม้และต้นไม้นานาชนิดทำให้บ้านดูร่มรื่น จอมทัพยกโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีเพื่อโทรหาคนที่มาหา จะอยู่บ้านรึเปล่า? หรือจะไปเที่ยวที่ไหน? แต่ความคิดนั้นหยุดชะงักทันทีเมื่อมีเสียงเรียกดังแทรกขึ้นมา
“พ่อหนุ่ม มีอะไรหรือเปล่า”
จอมทัพเงยหน้ามองชายวัยกลางคนที่ดูภูมิฐาน ที่กำลังส่งรอยยิ้มใจดีมาให้ ไม่ไกลไม่ไกลมีหญิงสาววัยกลางคนอีกคนที่เดินออกมายืนข้างๆชายวัยกลางคนคนนั้น หน้าตาของทั้งสองที่ดูคล้ายๆกับคนที่ตามหาก็ทำให้คิดได้ว่าชายหญิงตรงหน้าคือใคร จอมทัพยกมือเคารพทั้งสองคนทันที ก่อนจะบอกในสิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนต้องขมวดคิ้วสงสัย
“สวัสดีครับ ผมมาหาใบไม้ครับ”
ทั้งสองคนชะงักไปสักพัก เมื่อไม่คุ้นหน้าคุ้นตาผู้ชายคนนี้เลย จะว่าเป็นเพื่อนก็ไม่เคยเห็น เพื่อนสนิทของลูกชายที่มหาวิทยาลัยก็มีแค่สองคน แล้วผู้ชายตรงหน้านี้คือใคร? สักพักพิชิตก็ต้องยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อคิดได้ว่าคือใครกันแน่ เขาเดินมาเปิดประตูแล้วเชื้อเชิญให้จอมทัพเข้ามาในบ้าน
“เข้ามาๆ ไม่รู้ว่าเจ้าลูกชายตื่นหรือยัง ค่อนข้างจะขี้เซาน่ะ” คุณพ่อเข้ามาตบไหล่ตบบ่าจอมทัพเล็กน้อย แล้วก็หัวเราะออกมาเมื่อเล่าถึงลูกชายคนเล็กที่ป่านนี้คงนอนอุตุอยู่บนห้องอยู่เลย
“พี่ชิต งั้นเดี๋ยวนุ่นจะไปตามลูกนะ” คุณแม่หันมายิ้มให้จอมทัพเล็กน้อยก่อนจะขอตัวออกไป
“เป็นเพื่อนกับใบไม้เหรอ พ่อไม่เคยเห็นเลย”
“ผมเป็นรุ่นพี่ครับ”
“อยู่ปีไหนแล้ว เรียนอะไรล่ะเรา” จอมทัพชักจะรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงสายตาประเมินของชายตรงหน้า
“ปีสามครับ เรียนวิศวะเครื่องกล”
“ดีๆ เก่งนะเราน่ะ” คุณพ่อยกมือขึ้นตบไหล่จอมทัพปับๆเสียงดัง ร่างสูงก็ได้แต่กล่าวขอบคุณพ่อของคนตัวเล็ก แต่ก่อนจะเข้าไปในตัวบ้าน จอมทัพก็รั้งแขนชายตรงหน้าต้องหันหน้ามามองงงๆ แต่สายตาจริงจังก็เด็กหนุ่มคนนี้ก็ทำให้เขาต้องตั้งใจฟังในสิ่งที่จะได้รู้
“พอดีผมอยากจะคุยอะไรกับคุณลุงหน่อยครับ”
“เรื่องใบไม้?” จอมทัพก็ต้องชะงักเล้กน้อยเมื่อพ่อของคนตัวเล็กนั้นเหมือนจะรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่อพูดอะไร สายตาใจดีอบอุ่นเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นสายตาจริงจังทันที นั่นทำให้เขาต้องประหม่ามากขึ้น
“ครับ...คุณลุงจะอนุญาตไหมครับ เรื่องผมกับใบไม้” ถึงแม้จะประหม่า แต่ร่างสูงก็พยายามจะกดความรู้สึกนั้นไว้แล้วแสดงความจริงจัง แน่วแน่ออกมา ได้แต่หวังว่าคุณพ่อคงจะไม่หวงลูกมากนัก ถ้าคุณพ่อหวงลูก แล้วคุณแม่จะเหลือเหรอ งานหนักน่ะสิ
“ก็คงต้องแล้วแต่ใบไม้แล้วกันนะ”
TBC____________________________________________________________
Talk : บุกถึงบ้าน คนจริงคนตรงไม่มีโลเลนะคะ
แถมยังคุยกับพ่อเสร็จสรรพ 55555555555555
พี่เขาก็เข้าใจตัวเอง แต่ก็ยังไม่รู้ตัวเองเหมือนเดิม เอ๊ะยังไง?
แบบสายตาพี่มีน้องคนเดียวไรงี้ น่ารักก
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ