[19] 100%
ไร้หลักฐาน
เสิ่นหยวนมองใบหน้าที่เกือบจะชิดตนด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ผงะร่างถอยห่างพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ด้านหน้าอย่างคาดโทษ
“เจ้า...เจ้า ข้าจะบอกเจ้าให้นะเมิ่งอวิ๋น ข้าชื่นชอบสตรีไม่มีทางเปลี่ยนใจมาเป็นเช่นเดียวกับเจ้าแน่” น้ำเสียงของเสิ่นหยวนดังลั่นไปทั่วทั้งจวน ทว่าเมิ่งอวิ๋นกลับไม่เข้าใจในสิ่งที่เสิ่นหยวนพยายามบอกสักนิด เขาเองก็ชอบสตรี...เหตุใดจึงกล่าวว่าไม่เป็นเช่นเดียวกับเขา? ความงุนงงทำให้ใบหน้างามพริ้มพรายเอียงศีรษะไปด้านข้าง มองเสิ่นหยวนด้วยความฉงนสนเท่ห์
“เจ้าพูดอะไร?”
“เจ้า เจ้า เจ้ามัน...”
“ข้ามัน?”
“เจ้ามันปีศาจจิ้งจอก!”
“หา?” ถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจจิ้งจอกเช่นนี้เมิ่งอวิ๋นยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปอีก สรุปแล้วเขาทำอะไรให้อีกฝ่ายกัน ทำไมเสิ่นหยวนผู้นี้จึงกล่าวคำแปลกประหลาดออกมาทำให้เข้าไม่เข้าใจสักคำ ครั้งจะหันไปมองเสี่ยวหลงก็เห็นเพียงว่าเสี่ยวหลงนั้นซบใบหน้าลงกับฝ่ามือตนเอง ส่วนเสี่ยวฉีนวดขมับของตนราวกับกลัดกลุ้ม ไม่มีผู้ใดไขความกระจ่างให้แก่เขาได้สักคนเดียว
“เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน!” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ ยิ่งไม่เข้าใจเท่าไรอารมณ์ของเขาก็ยิ่งคุกรุ่นเท่านั้น
“เจ้าคือปีศาจจิ้งจอกแน่ๆ ปีศาจจิ้งจอกมักจะใช้รูปโฉมล่อลวงผู้คน ข้าไม่มีวันหลงกลเจ้าหรอก ไม่มีวัน!!”
“อะ อ้าว” เสิ่นหยวนกล่าวจบก็สะบัดร่างหนีหายไปจากจวนทันตา ทิ้งให้เหล่าทหารทั้งหลายต่างพากันมองหน้ากันเอง ก่อนจะตัดสินใจล่าถอยออกไปจากจวนสกุลเมิ่ง เมิ่งอวิ๋นที่ยังไม่อาจเข้าใจความหมายของเรื่องทั้งหมด จึงทำได้เพียงทำหน้าตาสงสัยอยู่ที่เดิม
“นี่มีแต่ข้าหรือเปล่าที่ไม่เข้าใจคุณชายเสิ่น?” เสี่ยวหลงทนมองไม่ไหวจึงเดินออกมาหาคุณชายของตน ใบหน้านี้ช่าง...นำพาแต่ความยุ่งยากมาให้ผู้เป็นนายของตนจริง ๆ จะอธิบายออกไปอย่างไรเล่าว่าคุณชายเมื่อครู่ถูกความงดงามนี้ล่อลวงไปเสียแล้ว
“นายน้อย กลับเข้าห้องเถิดขอรับ”
อย่าให้มีใครต้องหลงใหลใบหน้างดงามของท่านอีกเลย เพียงเท่านี้ก็วุ่นวายพอแล้ว
“แต่ข้ายังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะ เมื่อครู่ข้าเพียงต้องการขู่เขาเท่านั้น”
“ขอรับ ๆ บ่าวเข้าใจดี” เมิ่งอวิ๋นเพียรคิดใคร่ครวญดูอีกครั้งก่อนจะยกกำปั้นขึ้นมาทุบลงบนฝ่ามืออีกข้างของตน
“ข้ารู้แล้ว! คุณชายเสิ่นจะต้องหวาดกลัวจนวิ่งหนีไปแน่ ดีนัก! ต่อไปจะได้ไม่ต้องมากล่าวหาพี่ใหญ่ของข้าอีก”
เสี่ยวหลงได้แต่ยกมือขึ้นปิดใบหน้าของตนเองเอาไว้เท่านั้น เพราะไม่กล้าจะมองใบหน้าอันเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของผู้เป็นนายตน จะมีสักกี่คนที่คิดได้เช่นนี้กัน เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าคุณชายเสิ่นผู้นั้นถูกใบหน้าของนายน้อยของตนล่อลวงจนต้องรีบหนีไป หากแต่คนล่อลวงเช่นนายน้อยของตนกลับไม่ได้รู้สึกเลยแม้แต่น้อยว่าตนเองทำสิ่งใดลงไป เสี่ยวหลงเหลือบมองนายของตนเองครู่หนึ่ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายไร้ความกังวลราวกับเด็กไร้เดียงสาก็ได้แต่ถอนหายใจ แม้แต่เสี่ยวฉีเองก็ไม่ต่างกัน
เมิ่งอวิ๋นในอารมณ์อันแสนสุขเดินกลับเข้าจวนด้วยท่าทางที่ไร้ความกังวล ใบหน้าเปื้อนยิ้มราวกับโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดให้ต้องห่วงหรือพะวงอีกต่อไปแล้ว เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง คิดจะกลับไปที่ห้องของตนเอง แต่ก็ชะงักเท้าลงเสียก่อนแล้วหันมามองบ่าวข้างกายทั้งสอง
“จะว่าไปเสียงดังขนาดนี้เหตุใดข้าไม่เห็นท่าพ่อท่านแม่ออกมาเลย” เสิ่นหยวนผู้นั้นนับว่ามาไม่เบาเลย เข้าออกจวนด้วยท่าทางคุกคามทำเสียงดังคล้ายกลัวว่าชาวประชาจะไม่รู้ ว่าจวนสกุลเมิ่งกำลังมีเรื่องให้ได้เล่าลือกันออกไป
“นายท่านและฮูหยินออกไปตรวจร้านจื่อเค่อตั้งแต่เช้าแล้วขอรับ” เมิ่งอวิ๋นเลิกคิ้วขึ้น
“ออกไปตั้งแต่เมื่อใด?”
“ก่อนคุณชายเสิ่นจะมาไม่นานขอรับ นายน้อยมีอะไรแปลกหรือขอรับ?” เมิ่งอวิ๋นคิดวนไปวนมาซ้ำ ๆ ก็ยังไม่อาจหาคำว่าแปลกมาอธิบายได้
นั่นสิ มีอะไรที่แปลกหรือเปล่านะ
“นายน้อย บ่าวคิดว่าคุณชายเสิ่นคงหวังเพียงมาก่อกวนจวนสกุลเมิ่ง และกลั่นแกล้งนายน้อยเท่านั้นขอรับ มิได้คิดการใหญ่ใด ๆ ให้ต้องกังวล” เมื่อเสี่ยวฉีพูดมาเช่นนั้นเมิ่งอวิ๋นก็พอจะคลายหัวคิ้วลงไปได้บ้าง
“เจ้าว่าเป็นเช่นนั้นหรือ?”
“ขอรับ ดูจากท่าทีวันนี้คงคิดจะมาก่อความวุ่นวายให้สกุลเมิ่งอับอาย แต่คุณชายเสิ่นคงคาดไม่ถึงว่านายน้อยจะมากความสามารถเช่นนี้”
ความสามารถที่ใช้ใบหน้างดงามหลอกล่อจนอีกฝ่ายต้องถอยไปเองอย่างไม่เต็มใจ ก็นับเป็นความสามารถอย่างหนึ่งเช่นกันกระมัง เสี่ยวฉีได้แต่คิดทว่าไม่กล้าเอ่ยออกไปแม้ครึ่งคำ
เมิ่งอวิ๋นที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยืดอก หัวเราะเริงร่าอย่างภูมิใจแล้วตบที่แผ่นอกของตนเองไม่เบามือนัก เสียงหวานดังกังวานให้ความรู้สึกคล้ายสายลมอ่อนพัดพามาให้คล้ายความร้อน ทั้งเสี่ยวหลงและเสี่ยวฉีต่างก็ก้มใบหน้าลงต่ำ อดยิ้มมุมปากตามไม่ได้
นายน้อยที่เป็นเช่นนี้ดีนักในสายตาของเสี่ยวหลง เพราะเสียงหัวเราะที่น้อยครั้งเขาจะได้ยิน ทำให้หัวใจดวงเล็ก ๆ ของบ่าวรับใช้อย่างเขาอิ่มเอมไปหมดทั้งหัวใจ
เสียงหัวเราะยังไม่เงียบลง มันยังคงดังไปตลอดทางจวบจนเมิ่งอวิ๋นกลับเข้าห้องของตนไปแล้ว เสียงหัวเราะจึงได้เงียบลง
ในวันนี้เองที่ทุกคนได้รู้แล้วว่า บุรุษตัดแขนเสื้อหรือบุตรชายคนเล็กของสกุลเมิ่งนั้น หาได้รังแกได้ง่ายไม่ ทั้งฝีปากและคารมทุกสิ่งล้วนแต่เยี่ยมยอดทั้งนั้น หากใครกล่าวว่าเขาไร้ความสามารถ เอาแต่ไล่ตามบุรุษก็นับว่าไร้ตาเสียแล้ว ทว่าคำกล่าวเหล่านี้...มีเพียงเมิ่งอวิ๋นเท่านั้นที่ไม่รู้
ทางด้านเมิ่งหยวนที่ได้ยินเสียงร่ำลือมาจากเหล่าชาวบ้านก็รีบตรงกลับจวนอย่างรวดเร็ว ในใจของเมิ่งหยวนทั้งกังวลและร้อนใจอย่างหนัก ไม่ต่างจากอู๋ชิวอิ่งที่ทั้งร้อนใจจนอยากจะหายตัวไปพบบุตรชายที่จวนในตอนนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าบุตรชายของนางยังสบายดี มิได้เสียใจหรือเศร้าโศกใด ๆ
เมื่อมาถึงจวนเมิ่งหยวนก็รีบตรงไปหาบุตรชายแทบจะทันที โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าอู๋ชิวอิ่งจะตามมาด้วยหรือไม่ แต่อู๋ชิวอิ่งมีหรือจะปล่อยความกังวลในครั้งนี้ไป นางย่อมรู้ดีว่าสามีของนางกำลังไปที่ใด และนางย่อมต้องตามไปอย่างแน่นอน หากมีสิ่งใดกระทบใจของบุตรชาย นางจะได้เอ่ยปลอบได้ทันเวลา เพียงไม่นานทั้งสองก็เดินมาพบกับบุตรชายของตนที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจใด ๆ กับเรื่องร้ายแรงนี้
“เสี่ยวอวิ๋นของแม่!” เสียงเรียกของมารดาเรียกให้เมิ่งอวิ๋นหันหน้าไปพบกับบิดาและมารดา ทันทีที่ได้เห็นเมิ่งอวิ๋นก็ยิ้มออกมาอย่างน่าเอ็นดู ใจคนแม่เป็นมีหรือจะไม่อ่อนลง ยิ่งมองสำรวจแล้วว่าบุตรชายมิได้รับบาดเจ็บหรือมีสิ่งใดกระทบกระเทือนจิตใจ นางก็ยิ่งวางใจได้หลายส่วน
“ท่านพ่อท่านแม่ กลับมาแล้วหรือขอรับ” เมิ่งหยวนมองบุตรชายคนเล็กด้วยแววตาคมกริบ จับจ้องใบหน้าของเมิ่งอวิ๋นไม่วางตาราวกับต้องการจะมองให้เห็นถึงภายในจิตใจ คนถูกมองอย่างเมิ่งอวิ๋นเองยังอดเย็นวาบไม่ได้ เพียงแต่ตนต้องข่มใจเอไว้มิให้แสดงสิ่งใดออกมา
“เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง แม่ได้ยินว่า...”
“เมิ่งอวิ๋นเจ้ามีปัญหากับคนของทางการงั้นรึ” ยังไม่ทันที่อู๋ชิวอิ่งจะทันได้กล่าวจบ น้ำเสียงเข้มที่แฝงความดุดันเอาไว้ก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน เมิ่งอวิ๋นนึกอยู่แล้วว่าเรื่องราวคงเล่าลือไปไกลเป็นแน่ ทว่าไม่คิดเลยว่าจะเร็วปานนี้
“ว่าอย่างไร ข้าถามเจ้าอยู่!” เมิ่งอวิ๋นถอนหายใจ ก่อนจะยอมรับออกมาอย่างไม่มีความรู้สึกผิดใด ๆ ทั้งสิ้น
“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ขอรับท่านพ่อ”
คำตอบของเมิ่งอวิ๋นนั้นทำให้เมิ่งหยวนโกรธเสียจนอยากจะสั่งลงโทษบุตรชายคนนี้เสีย มีที่ไหนรนหาที่ด้วยการหาเรื่องกับคนของทางการ เช่นนี้มิเท่ากับหาเรื่องเดือดร้อนให้ตนเองหรอกหรือ? ผู้ใดเขาต่างก็รู้ว่าขุนนางและเหล่าผู้มีอำนาจนั้น ไม่ควรสักนิดที่จะมีปัญหาด้วยเพราะหากถูกหมายหัวเอาไว้แล้วละก็ คงไม่พ้นหนทางข้างหน้าถูกคนเหล่านี้ขัดขวางหาทางเอาคืนอย่างแน่นอน
คิดถึงตรงนี้แล้วเมิ่งหยวนทั้งโกรธทั้งเครียดเสียเหลือเกิน
“เจ้า! เจ้านี่ช่าง!” เมิ่งอวิ๋นมองนิ้วมือของบิดาที่ชี้มาตรงหน้าของตนอย่างมั่นคง แววตาไร้ความหวาดกลัวแม้แต่น้อย มีเพียงความหยิ่งผยองถือดีอันเป็นนิสัยของเมิ่งอวิ๋นเท่านั้น
“หากข้าถอยให้พวกเขา มิเท่ากับปล่อยให้พวกเขารังแกหรือขอรับท่านพ่อ?”
ถึงแม้จะไม่ได้คิดจะให้ใครรังแก แต่การที่เมิ่งอวิ๋นมุทะลุไม่ยอมถอยแม้สักก้าว เป็นเช่นนี้แล้วมิเท่ากับชักปัญหาเข้ามาในจวนเสียมากกว่าหรือ เมิ่งอวิ๋นนั้นไม่ได้เข้าใจความคิดของเมิ่งหยวนผู้เป็นบิดาแม้แต่น้อย หากแต่เขายังคงยึดมั่นในความคิดตน ในเมื่อตนไร้ความผิด สกุลเมิ่งมิได้ทำสิ่งใดขัดต่อบ้านเมืองหรือผู้ใดให้เดือดร้อน แล้วเหตุใดเขาจะต้องถอยด้วยเล่า นั่นเขาไม่มีวันยอมทำ!
เมิ่งอวิ๋นเชิดใบหน้าขึ้นอย่างถือดี กล่าวบอกบิดาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลทว่าไม่อ่อนแอแม้แต่น้อย “ท่านพ่อคงไม่ทราบว่าพวกเขามากันด้วยเรื่องอันใด”
“จะเรื่องใดก็มิใช่เหตุผลที่สมควรให้เจ้า…”
“เช่นนั้นเรื่องของพี่ใหญ่ก็ไม่สมควรหรือขอรับ?” เมิ่งอวิ๋นยิ่งคิดก็ยิ่งไม่ชอบใจนัก เป็นเช่นนี้มาแต่โบราณกาล ไม่ว่ายุคสมัยใดผู้มีอำนาจก็ย่อมใหญ่เสียจนคับฟ้า ทว่าในกาลข้างหน้าอำนาจเงินเองก็สูงส่งไม่แพ้กัน หากสกุลเมิ่งในยามนี้อยู่ในยุคสมัยที่เขาจากมา คงไม่ต้องเกรงกลัวทางการเหล่านั้นหรอก
“การที่คนของทางการบุกเข้ามารื้อค้นจวน เพียงเพราะคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไร้ซึ่งหลักฐานที่บ่งบอกว่าพี่ใหญ่ทำผิด”
“...”
“เช่นนี้แล้วข้าควรยอมปล่อยให้พวกเขาเข้ามารื้อค้นจวนของเราหรือขอรับท่านพ่อ”
“...”
“หากว่าข้ายอมถอยจึงจะถือว่าถูกต้องหรือขอรับ?”
“...”
“หากวันนี้คนที่ยืนรับหน้าคนของทางการเป็นท่านพ่อ ท่านพ่อจะปล่อยให้เขาเข้ามาใช่หรือไม่”
“...”
“แม้ว่าคนที่ถูกตราหน้าว่ากระทำผิดจะเป็นบุตรชายของท่านก็ตาม ท่านก็จะปล่อยให้พวกเขาทำเพียงเพราะเกรงกลัวอำนาจของพวกหรือขอรับ?”
“เสี่ยวอวิ๋น เจ้ากล่าวเช่นนี้กับบิดาของเจ้าได้อย่างไร รีบขอโทษท่านพ่อของเจ้าเร็วเข้า!”
“ข้าพูดผิดหรือท่านแม่ ในเมื่อท่านพ่อโกรธเพียงเพราะข้าไม่ยอมถอย โดยไม่สนใจสักนิดว่าต้นเหตุคือสิ่งใด ข้าเพียงถามกลับไปเท่านั้น”
“เสี่ยวอวิ๋น...”
“ท่านแม่...หากข้าผิดที่ปกป้องชีวิตของพี่ใหญ่ ปกป้องพี่น้องของข้า เช่นนั้นข้าก็คงผิดจริงขอรับ แต่ข้าไม่เสียใจแม้แต่น้อย เพราะสำหรับข้าแล้ว สิ่งที่ข้าทำไปนั้นถูกต้องที่สุด แม้จะผิดในสายตาของผู้ใดก็ตาม”
เมิ่งอวิ๋นกลืนความรู้สึกผิดในแกเอาไว้ ด้วยรู้ดีว่าไม่ควรทำกิริยาเช่นนี้กับบิดามารดาของเมิ่งอวิ๋น ทว่าเขาก็ไม่อาจมองความอยุติธรรมที่มีต่อพี่ชายของเมิ่งอวิ๋นได้ คนเหล่านั้นบุกมายังจวนสกุลเมิ่งอย่างไม่มีความเกรงใจ เอิกเกริกเสียจนคนทั่วเมืองต่างก็เล่าขานเรื่องราวในวันนี้ไปทั่ว ทั้งยังกล่าวหาความผิดต่อพี่ชายของเขาร้ายแรงเช่นนี้ เขาจะทนนิ่งเฉย หดหัวเกรงกลัวในอำนาจได้อย่างไร
ย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน!
“หากท่านพ่ออยากลงโทษข้าก็ทำเถิดขอรับ ข้าจะยินยอมให้ท่านลงโทษแต่โดยดี” แม้จะถูกลงโทษก็ไม่เป็นไร ในตอนนี้เขาเชื่อว่าทำถูกต้องแล้ว ความผิดที่ไร้หลักฐานนั้นคือการใส่ร้าย และการใส่ร้ายในครั้งนี้...เขาไม่ยอมรับ!
“ในสายตาของเจ้า ข้าเป็นพ่อที่ไร้ความสามารถหรือ? เป็นบิดาที่ขี้ขลาดตาขาวปล่อยบุตรชายของข้าให้ตายเพียงเพราะความกลัวหรือ? เจ้ามองพ่อเช่นนั้นหรือเมิ่งอวิ๋น”
เมิ่งอวิ๋นมองความปวดร้าวในแววตาของเมิ่งหยวนออก หัวใจของเขากระตุกวูบกับคำถามนั้นจึงได้แต่นิ่งเงียบ ทบทวนในคำพูดของตนเมื่อครู่อีกครั้ง ทว่าท่าทีก่อนนี้ของท่านพ่อมิใช่ว่าต้องการให้เขาถอยหรอกหรือ
“แต่ท่านพ่อบอกให้ข้าถอย ท่านพ่อโกรธที่ข้ามีปัญหากับคนของทางการมิใช่หรือขอรับ” เมิ่งหยวนสูดลมหายใจเข้าแล้วหลับตาลงซ่อนความรู้สึกเอาไว้ภายใน ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งด้วยแววตาที่ไร้ความรู้สึก
“ใช่ ข้ายอมรับว่าโกรธที่เจ้าไม่ยอมถอย นั่นเพราะพ่อเป็นห่วงเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าอำนาจในมือพวกเขาทำเช่นไรกับเจ้าได้บ้าง”
“ทราบขอรับ”
“เช่นนั้นแล้วเจ้าจะมิให้พ่อโมโหหรือ? เจ้าจะให้พ่อยิ้มรับที่เจ้าเอาตัวเข้าไปปะทะคมดาบหรืออย่างไร ในสายตาเจ้าแล้ว พ่อควรจะหัวเราะใช่หรือไม่!”
“ท่านพี่ใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ เสี่ยวอวิ๋นยังเด็กย่อมไม่รู้ความ อย่าโกรธเคืองลูกเลยนะเจ้าคะ” เมิ่งอวิ๋นหน้าชา สมองกลั่นกรองความหมายของคำพูดของผู้เป็นบิดาอีกครั้งอยู่เงียบ ๆ ในขณะที่อู๋ชิวอิ่งพยายามอย่างสุดความสามารถให้สามีของตนอภัยในความเยาว์วัยของบุตรชายของนาง
“ท่านพ่อ ข้า ข้ามิได้ ข้าขอโทษขอรับ” เมิ่งอวิ๋นทิ้งตัวลงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า นัยน์ตาแดงก่ำคล้ายคนจะร่ำไห้ มองดูแล้วให้ความรู้สึกน่าสงสารเหลือเกิน
“ลุกขึ้น ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว” เมิ่งหยวนโบกมือเอ่ยปากสั่งให้บุตรชายของตนลุกขึ้นเท่านั้น มิได้ว่ากล่าวใด ๆ เขาเป็นพ่อ ย่อมรู้ดีว่าเมิ่งอวิ๋นนั้นร่างกายไม่แข็งแรงมากนัก ปล่อยให้คุกเข่านาน ๆ อาจจะทำให้ล้มป่วยอีกก็เป็นได้ แม้ในใจจะยังคงมีความน้อยใจอยู่ แต่ก็ไม่อาจใจแข็งโกรธบุตรชายคนนี้ได้นาน ทำได้เพียงแหงนหน้ามองฟ้าพร้อมกับถอนหายใจออกมา
“รองเสนาบดีเยี่ยกล่าวหาว่าพี่ใหญ่ลักพาตัวคุณหนูเยี่ยหนิงหลันไป ทางการบุกเข้ามารื้อค้น หวังจับพี่ใหญ่ไปลงโทษ ข้าจึงทนไม่ได้ที่พี่ใหญ่ถูกใส่ความเช่นนั้น” เมิ่งอวิ๋นนึกแล้วก็เจ็บแค้นใจ แม้ว่าเขาจะถูกใจเยี่ยหนิงหลันผู้ที่เขาหมายตาอยากจะได้มาเป็นพี่สะใภ้ ทว่าบิดาของคุณหนูเยี่ยผู้นี้กลับกล่าวหาพี่ชายเขา หมายให้ตายเช่นนี้แล้ว เขาไม่รู้ว่าตนเองควรจะรู้สึกเช่นไรดี
“เอ๊ะ แต่พี่เจ้าเดินทางไปเมืองเอ้อหูมิใช่หรือ?” อู๋ชิวอิ่งไม่เข้าใจ บุตรชายคนโตของนางเดินทางไปเมืองเอ้อหู เหตุใดจึงถูกกล่าวหาว่าลักพาตัวคุณหนูสกุลเยี่ยได้เล่า
“เพราะพี่ใหญ่ไปเมืองเอ้อหู ข้าจึงไม่ยอมให้พวกเขาเข้ามา กล่าวหาพี่ใหญ่ทั้งที่ไร้หลักฐาน เช่นนี้เท่ากับใส่ความสกุลเมิ่งของเรา ข้าจะทนได้อย่างไร” เมิ่งอวิ๋นคิดแล้วก็นึกโกรธเคืองยิ่งนัก ไม่เข้าใจเลยว่าด้วยเหตุใดรองเสนาบดีเยี่ยจึงได้ใส่ความพี่ใหญ่ด้วย
“ก่อนนี้แม่เคยให้แม่สื่อติดต่อไปที่สกุลเยี่ย แต่ไม่คิดเลยว่ารองเสนาบดีเยี่ยจะไม่ไว้หน้าเราแม้แต่น้อย ซ้ำยังหัวเราะที่สกุลเมิ่งเราไปสู่ขอบุตรสาวของเขาอีก” เดิมทีเรื่องนี้นับว่าน่าขายหน้านัก นางเองก็ไม่อยากจะเล่าให้ผู้ใดฟัง แต่เพราะเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่มีสิ่งใดแย่ไปกว่านี้
“พ่อเองก็ได้ยินมาว่า รองเสนาบดีเยี่ยคิดจะให้บุตรสาวคนโตแต่งเป็นฮูหยินรองของขุนนางผู้หนึ่ง ทว่าไม่ได้ฟังชัดเจนนัก รู้เพียงว่าอายุของขุนนางผู้นั้นไม่น้อยไปกว่าบิดาของนางเลย”
เมิ่งหยวนคิดแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว เรื่องนี้ดูจะไม่ง่ายเสียแล้ว อย่างไรคนก็ไม่อยู่ที่จวน อีกฝ่ายเองก็ไร้ซึ่งหลักฐาน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงได้แต่ต้องรอ รอให้บุตรชายของเขาติดต่อมา จะได้สอบถามได้ชัดเจน
“หากเป็นเช่นนั้นก็คือการบังคับแต่งงานใช่หรือไหมขอรับท่านพ่อ”
“จะเรียกว่าเช่นนั้นก็ไม่ถูกนัก เดิมทีการแต่งงานของบุตรย่อมเป็นพ่อแม่จัดการ แต่ถ้าหมายถึงจิตใจของคุณหนูเยี่ยก็คงใช่” เมิ่งอวิ๋นนึกถึงรอยยิ้มของนางก็ให้ความรู้สึกหดหู่ใจนัก เป็นเช่นนี้แล้วเขาคิดว่าคุณหนูเยี่ยคงไม่ปรารถนาจะแต่งงานกับขุนนางผู้นั้น จึงได้หนีออกจากจวน แต่ผู้หญิงคนเดียวทำเช่นนี้นับว่าอันตรายมาก
“ข้าสงสารนางเหลือเกินท่านพ่อ ข้าปรารถนาอยากได้นางมาเป็นพี่สะใภ้เหลือเกิน”
“หากมีวาสนา พี่ชายเจ้ากับนางคงจะสมหวัง” แต่จากที่มองแล้ว ไม่ว่ายังไงก็คงจะยากนัก บุตรชายคนโตของเขาเองก็รักคุณหนูผู้นี้เหลือเกินเสียด้วย หากรู้เข้าคง...
ทั้งสามต่างจมอยู่กับความคิด คาดหวังเพียงขอให้จบลงในเร็ววัน มิฉะนั้นคงมีคนทุกข์ใจมากกว่าสองเป็นแน่
TBC
ผัวอยู่ตอนเดียวตอนนี้กลับมานุ่มนิ่มอีกแล้วนะอวิ๋นน้อย! โอ้ย! หนูจะตกผู้ชายเพิ่มไม่ได้แล้วนะคะลูก แม่ไม่ได้วางเรื่องให้มันฮาเร็ม อย่าสอยผู้ชายในเรื่องแบบนี้สิคะ /ดมยาดม
เนื่องจากตอนนี้ค่อนข้างจะสั้นแมวจึงลงรวดเดียวไปเลยไม่มีการแบ่งพาร์ทนะคะ และจะมาอัพอีกครั้งในอาทิตย์หน้า อาทิตย์นี้ก็ขอให้ทุกคนมีความสุขมาก ๆ นะคะ 新正如意 新年发财 ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ค่ะทุกคนเมิ่งอวิ๋น