Episode 18: กฎมีไว้ให้แหก[2]หลังจากที่จ่ายค่าเหนื่อยให้คริสจนเป็นที่พอใจของอัลฟ่าหนุ่ม คริสก็ช่วยกันหามหัวท้ายศพที่ห่ออยู่ในผ้าปูที่นอนมาโยนทิ้งที่หน้าผา ก่อนที่ศพนั่นจะถูกคลื่นซัดและจมหายไปในน้ำทะเล
ไม่มีใครตามหาได้แน่นอน แม้แต่ซากก็ไม่น่าจะหาเจอ กระแสน้ำเชี่ยว ซ้ำยังลึกเสียขนาดนั้น พวกเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเกมนรกนี้คงไม่ลงทุนไปงมหาหรอก
กำจัดลูก้าไปได้หนึ่งก็เหลือโอเมก้าอีกสองที่จะเป็นรายต่อไป...
เจเรมีเตรียมตัวที่จะไปตามล่าสองคนนั้นต่อ ขณะที่คริสยังคงไม่มั่นใจนักว่าการที่เขาทำตามแผนของเจเรมีจะเป็นเรื่องดีจนต้องปริปากถาม
“นายแน่ใจเหรอที่จะทำแบบนี้”
“เรื่อง?”
“กำจัดโอเมก้าทั้งหมดจนเหลือนายแค่คนเดียวน่ะ แน่ใจหรือไง”
“ทำไม” เจเรมีหยุดเดิน หันไปถามด้วยสีหน้ารำคาญใจที่คริสถามไม่เลิกสักทีก่อนจะได้คำตอบ
“เพราะถ้านายกำจัดโอเมก้าคนอื่นหมด ก็จะเหลือนายเป็นโอเมก้าแค่คนเดียว ถึงตอนนั้นพวกอัลฟ่าก็จะหันมาล่านาย”
“แล้วมันใช่หน้าที่ฉันที่จะต้องรับผิดชอบหรือไง หน้าที่นายต่างหาก ถ้าไม่อยากให้ฉันเป็นของใครก็ปกป้องฉันสิ”
ถูกสวนมาอย่างนั้น คริสก็ปิดปากเงียบ
จริงของเจเรมี เขามีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องเจเรมี มันช่วยไม่ได้ อีกฝ่ายเป็นคู่ครองของเขานี่นะ แม้ว่าเจเรมีจะไม่แสดงออกสักเท่าไหร่ว่ายินดีกับการเป็นโอเมก้าของเขาก็เถอะ
“หรือจะไม่อยากนอนกับฉันแล้ว?” จู่ๆ เจเรมีก็ถาม ทำเอาคริสถึงกับย่นคิ้ว
“ฉันพูดเหรอ”
“ถ้าอยากก็อย่าถามอะไรให้มากความ น่ารำคาญ!”
ถูกขึ้นเสียงใส่จนได้ สิ้นเสียง เจเรมีก็เดินนำลิ่วๆ ไป ปล่อยให้คริสมองตามอย่างระอา
ไม่ได้ระอาเจเรมี... ระอาตัวเขาเองนี่แหละ
จะหลงโอเมก้าคนนั้นมากเกินไปแล้ว!
มากกว่าคำว่าหลงใหลแล้วด้วยกระมัง น่าจะเข้าขั้นที่เรียกว่า ‘มีความรู้สึกพิเศษ’ ด้วย ทุกครั้งที่ได้กอด ได้สัมผัสเจเรมี ความหวงแหนก็เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ จนคริสรู้สึกว่าแค่การครอบครองร่างกายอย่างเดียวมันไม่พอ
เขาต้องการครอบครองจิตใจของอีกฝ่ายด้วย...
รู้ว่ามันยากเพราะดูจากท่าทางแล้ว เจเรมีไม่น่าจะคิดอะไรอย่างนั้นกับเขา เพียงแค่ใช้เขาเป็นเครื่องมือในการเอาตัวรอดเท่านั้น เรื่องแค่นี้ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าเจเรมียอมทอดกายให้เขาทำไม
แต่ว่า... เขาก็ยังอยากได้มากกว่าร่างกายอยู่ดี
เดินตามหลังเจเรมีพลางคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นาน ก่อนจะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายดังขึ้น
“หิวน้ำ ไปหามาให้หน่อย ฉันจะรอตรงนี้”
จู่ๆ ก็โดนใช้โดยไม่ทันตั้งตัว ทว่าก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร พยักหน้ารับแต่โดยดี
“เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา” ว่าพลางคว้าขวดน้ำแบบพกพาที่เอามาจากห้องพักของผู้คุมติดมือไปด้วย
ความจริงคริสก็ไม่อยากจะทำตามคำสั่งสักเท่าไหร่ด้วยเห็นว่ามันโพล้โพล้ใกล้จะมืดเต็มแก่แล้ว การหาที่ซุกหัวนอนใหม่ในคืนนี้สำคัญกว่าการไปหาน้ำให้เจเรมีดื่มกว่าเยอะ แต่ดูจากท่าทางเหนื่อยอ่อนของอีกฝ่ายก็จำต้องทำตามอย่างไร้ทางเลือก
ที่เจเรมีเหนื่อยล้าขนาดนี้โทษใครไม่ได้เลยนอกจากตัวเขา ดังนั้นจึงยอมทำตามโดยไม่มีเงื่อนไข
คล้อยหลังคริสไปได้ครู่เดียว เจเรมีก็ทรุดตัวลงนั่งบนท่อนไม้ใกล้ๆ เหยียดขายาว เอื้อมมือไปบีบๆ นวดๆ ที่สะโพก พลันถอนหายใจออกมาเมื่อความเจ็บแปลบแล่นพล่านในบริเวณที่ถูกสัมผัส
“ไอ้เวรนั่น...” โทษคริสอย่างเดียวเลยที่ทำให้เขาปวดเมื่อยเนื้อตัวขนาดนี้
ทว่าก่นด่าในใจได้ครู่เดียว เขาก็ต้องเอื้อมมือไปคว้าชะแลงเหล็กที่วางพิงไว้กับท่อนไม้อย่างรวดเร็วเมื่อหูทั้งสองข้างได้ยินเสียงสวบสาบดังขึ้นใกล้ๆ
เป็นเสียงที่เกิดจากการย่ำใบไม้แห้ง แต่ไม่ได้เป็นเสียงที่เกิดจากคนคนเดียว ทว่าหลายคน
กลิ่นไม่ดีแล้ว...
เจเรมีลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ทันที ก่อนที่สายตาจะปะทะเข้ากับผู้เข้าร่วมเกมอีกสามคนที่บังเอิญโผล่มาเจอพอดี
ทั้งสามเองก็ชะงักทันทีที่เห็นเจเรมี ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
โอเมก้าที่ได้ชื่อว่าร้ายกาจที่สุดในเกมนี้!
“โว้ว แจ็คพ็อตพอดีเลยแฮะที่มาเจอหมอนี่ในที่แบบนี้ กำลังตามหาตัวโอเมก้าอยู่พอดี” หนึ่งในนั้นร้องทักขึ้น ก่อนที่อีกสองคนจะพากันผิวปากราวกับได้เจอของดี
“แต่กลิ่นมันทะแม่งๆ ว่ะ มีไอ้หน้าโง่ตัวไหนได้ไปแล้วด้วยแฮะ” อีกคนเปรยขึ้น ทำจมูกฟุดฟิดมาทางเจเรมี
กลิ่นนั่นเป็นกลิ่นของคริส... ก็รู้ๆ กันอยู่ ทว่าใครจะสนกันล่ะ
“จะมีใครครอบครองแล้วก็ช่างหัวมันเถอะ เกมนี้มันต้องแย่งกัน รีบจัดการดีกว่า” อีกคนเสนอ
เจเรมีไม่รู้หรอกว่าทั้งสามคุยเรื่องอะไรกัน แต่พอจะเดาได้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้คิดดีกับเขาอยู่แน่ ซึ่งก็จริงเสียด้วยเมื่อทั้งสามพากันกระจายตัวห้อมล้อมเขาเอาไว้
“เอาล่ะเจเรมี... ชื่อนายใช่ไหม เจเรมี เมอร์ซีน่ะ”
เจเรมีไม่ตอบ กระชับชะแลงเหล็กในมือแน่น ตาจ้องทั้งสามเขม็งอย่างระแวดระวังขณะที่ใครคนนั้นพูดขึ้นมาอีก
“ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร คิดว่านายคงจะเป็นลูกของท่านผู้นำคนนั้น นายคงจะรู้แล้วใช่ไหมว่าพวกฉันมาล้อมนายไว้ทำไม”
ไม่มีคำตอบอีก ก่อนที่จะมีเสียงของใครอีกคนดังตามมา
“เอาเป็นว่าพวกเราไม่อยากทำร้ายนาย มาเข้าร่วมกับพวกเราสิ จะได้รอดไปด้วยกัน”
ฟังแล้วเจเรมีก็แค่นหัวเราะ
รอดไปด้วยกันงั้นเหรอ? โอเมก้าหนึ่งคนกับอัลฟ่าสามคน มันจะรอดไปด้วยกันได้ไง ไอ้สวะพวกนี้ก็คงจะเล่นนอกกฎเหมือนกันสินะ น่าชวนมาร่วมแผนการโกงเกมด้วยเหมือนกัน
เอาแต่หัวเราะ ไม่ยอมพูดอะไรสักที แขกผู้มาเยือนทั้งสามจึงมองหน้ากันคล้ายกับว่าควรเล่นไม้แข็งถ้าคนตรงหน้าไม่ยอม พลันเริ่มเถียงกันว่าใครควรจะได้ครอบครองเจเรมี
การเถียงกันนั้นทำให้เจเรมีรู้ว่าทั้งสามคือกลุ่มคนที่สังหารโอเมก้าคนแรกไป จากความตั้งใจที่จะพูดถึงแผนการของเขาเรื่องการฆ่าโอเมก้าคนอื่นแล้วพากันเอาตัวรอดก็กลายเป็นว่าเขาอยากจะเล่นสนุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ใครจะเป็นคนแรก” เป็นประโยคแรกที่หลุดออกจากริมฝีปากหนา
ทั้งสามหันไปมองหน้าเจเรมีอย่างรวดเร็ว
“ฉันถามว่าใครจะเป็นคนแรก”
เป็นคนแรกเรื่องอะไรคงไม่ต้องให้อธิบาย อัลฟ่าสามคนนั้นเถียงกันอีกนิดหน่อยก่อนจะได้ตัวแทน
“ในฐานะที่ฉันเป็นคนพาพวกนายเดินมาทางนี้ ฉันจะเป็นคนแรก” ว่าพลางแสยะยิ้ม อีกสองคนจำต้องยอมอย่างไม่ยินดีสักเท่าไหร่นัก ทว่าก็คิดไว้ว่าค่อยชิงมาทีหลังก็ยังไม่สายเพราะอย่างไรก็มีแค่อัลฟ่าคนเดียวที่รอดชีวิตอยู่แล้ว ขอแค่ให้ได้ครอบครองโอเมก้าก่อนก็พอ หลังจากนี้ค่อยว่ากัน
“เข้ามาสิ” เจเรมีพยักหน้าเรียก ท่าทางดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดจนอัลฟ่าพวกนั้นไม่ได้ตระหนักถึงความอันตรายเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเจเรมีพ่นประโยคต่อไปออกมา ก็ไม่มีใครฉุกใจคิดสักนิด “อยากให้ฉันอยู่ในท่าไหนดีล่ะ”
คนฟังถึงกับพากันหัวเราะด้วยไม่คิดว่าจะง่ายดายขนาดนี้
ไหนใครบอกว่าเจเรมีเป็นโอเมก้าที่จัดการยากกัน คุยง่ายกว่าโอเมก้าคนก่อนหน้าที่พลั้งมือฆ่าไปเสียอีก
“ขึ้นอยู่กับว่านายถนัดถ่างขาในท่าไหน” ตัวแทนที่ก้าวเข้ามาตามการเรียกของเจเรมีว่าพลางยกมือขึ้นลูบปลายคาง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะแผนการของตนจะดำเนินไปอย่างราบรื่น
หากแต่เขาคิดผิด เพราะทันทีที่ก้าวเข้าหาเจเรมี อีกฝ่ายก็เหยียดยิ้มพราย
“งั้นก็...ท่านี้เป็นไง!”
ไม่เพียงแต่เหยียดยิ้ม ชะแลงในมือก็เหวี่ยงออกไปด้วย แท่งเหล็กฟาดเข้าที่ซีกหน้าของอัลฟ่าคนนั้นอย่างจังจนร่างใหญ่ล้มลงไปท่ามกลางความงุนงงของอัลฟ่าอีกสองคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่
ท่าที่ว่าไม่ได้หมายถึงท่าทางในการร่วมเพศ แต่หมายถึงท่าทางในการลงทัณฑ์พวกสวะอัลฟ่าต่างหาก!
เจเรมีไม่ปล่อยให้ใครได้ตั้งตัว ฟาดไปทีหนึ่งแล้วก็พุ่งถลาเข้าไปกระหน่ำฟาดตามเนื้อตัวไม่ยั้งอีกชุดใหญ่ เขาเหมือนกับสัตว์ร้ายที่กำลังบ้าคลั่งอยู่ก็ไม่ปาน ชะแลงเหล็กถูกเหวี่ยงกระแทกบนร่างกายของอัลฟ่าคนนั้นนับครั้งไม่ถ้วนกระทั่งร่างนั้นแน่นิ่งไป
ยัง...ยังไม่ตาย แต่อาการสาหัสในชั่วพริบตา
เจเรมีถอยห่างออกมา ยกชะแลงที่มีคราบเลือดสีแดงสดขึ้นพาดบ่า เชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อยพลันแสยะยิ้ม
“ใครจะเป็นรายต่อไปก็เข้ามา” ว่าจบก็ชูนิ้วกลางด้วยมือข้างที่ว่างขึ้นในระดับสายตา
อัลฟ่าทั้งสองมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่คิดมาก่อนว่าจะมาเจออะไรแบบนี้ ในขณะที่ความเกลียดชังพร่างพรายเข้ามาในใจของเจเรมีจนคับแน่น
คนที่ตัดหน้าฆ่าโอเมก้าก่อนเขา ไม่สมควรมีชีวิตรอดแม้แต่คนเดียว
ถ้าจะแหกกฎ ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามแผนของเขาเท่านั้น!
-----------------------------------
ขุ่นคริสแซ่บเว่อร์ กีสสสส ข่นบ้า ข่นหลงเมีย 555
นี่ถ้ามีลูก ไม่อยากคิดเลยว่าจะหลงทั้งลูกทั้งเมียขนาดไหน
แต่แอบกระซิบบอกไว้ก่อนว่าเจมีจะไม่ท้องจนกว่าจะตอนพิเศษนะคะ เพราะหนูแดงไม่เน้นเรื่องท้องเท่าไหร่ เอาเป็นว่าถ้าใครอยากอ่านตอนนั้น รอติดตามแบบรูปเล่มหรือ Ebook นะ กิกิ (เนียนขายของ)
อันนี้เป็นรายละเอียดการเปิดพรีเซลกับ สนพ.รักคุณ อย่างคร่าวๆ ค่ะ
ที่เหลือรอทาง สนพ.แจ้งอีกทีนะคะ คาดว่ามาสิ้นเดือนนี้หรืออย่างช้าหลังงานหนังสือจ้า
รอกันก่อนนะ
https://www.facebook.com/NooDangzzz/photos/a.162822727106922.46922.122468307809031/1232840493438468/?type=3&theaterป.ล.ฝากฟีดแบ็กเป็นกำลังใจให้กันด้วยจ้า แม้หน่องเจมีจะโดนด่าตลอดทั้งเรื่อง แต่คนเขียนก็อยากได้กำลังใจอยู่นะ 555