สวัสดีค่ะ
.
ขออนุญาตลงแฟนฟิก ที่เขียนโดยคนเขียนเรื่องนี่แหละ แต่มันคือแฟนฟิก (งงมั้ยคะ?)
.
เอาว่าเนื้อหาในนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อหาหลักของเรื่อง The Opposite. อีกด้านหนึ่งของปากกระบอกปืนเลย เป็นแค่แฟนฟิกเขียนล้อรายมโนขึ้นมาเฉยๆ ค่ะ
.
ย้ำอีกครั้งว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อหาหลักนะคะ
.
----------------------------------
Fan fic (by Author): The Opposite. อีกด้านหนึ่งของปากกระบอกปืน
Wet & Cold. (อัคนีxกิตติ)
ฝนตก...
เสียงหยดน้ำจากฟ้าตกกระแทกกับใบไม้ใบหญ้าแทบจะดังกลบเสียงตะโกน
“กิตติ!”
คนถูกเรียกเบือนหน้ากลับมา แล้วยิ้ม “มีอะไรพี่อัคนี”
“มึงออกมายืนทำอะไรตรงนี้” คนที่มีวัยสูงกว่าตะโกนถาม ก่อนจะวิ่งเข้ามาพร้อมกับร่มคันใหญ่ในมือ แล้วยื่นมันให้คนที่ยืนตากฝนอยู่
“ผมมารอไกรวุฒิ”
คนได้ฟังคำตอบขมวดคิ้วแล้วถอนใจ “ไกรวุฒิมันไปแล้ว...”
“อืม...” กิตติผงกศีรษะ ผมที่เปียกน้ำลู่ลงไปบนศีรษะ “ผมรู้...”
“มึงมายืนตากฝนแบบนี้มันก็ไม่กลับมาหรอก” อัคนีพูดต่อ “ไกรวุฒิมันไม่ได้มีตาที่สาม ถึงจะได้มองเห็นว่ามึงรู้สึกยังไง”
“ก็จริงของพี่” นายพันหนุ่มตอบแล้วถอนใจ ก่อนจะรับร่มจากอีกฝ่ายมา... แล้วหุบมันเสีย
“อ้าว มึงหุบร่มทำไมวะ ฝนตกอยู่นะ” อัคนีที่มียศต่ำกว่าทัก เขารู้จักกับกิตติมานานตั้งแต่ฝ่ายนั้นยังไม่เข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ในฐานะลูกชายของ ‘นาย’ พอกิตติเข้ารับราชการทหาร ก็ได้มาเป็นนายของเขาต่อจากพ่อตัวเองอีกที
“ผมเปียกจนไม่รู้จะเปียกถึงไหนแล้ว จะกางอีกทำไม” ฝ่ายนั้นตอบยิ้มๆ แล้วหันมองคนสูงวัยกว่าที่เริ่มจะเปียกปอนไปตามกัน “พี่ก็เปียกตามผมไป เท่านี้ก็เสมอภาค”
อัคนีถอนหายใจ “มึงนี่ไร้สาระจริง เอาร่มคืนมา” พูดจบก็พยายามฉวยร่มคืนจากฝ่ายนั้น ทั้งที่รู้ว่าคงไม่ได้คืนง่ายๆ
กิตติดึงร่มหนีไปเหน็บไว้ด้านหลัง แล้วหัวเราะ “จะเอาร่มไปทำไมพี่ เปียกกันหมดแล้ว ไม่ต้องกางแล้วล่ะ”
คนฟังถอนหายใจอีกครั้ง “ก็ได้ แล้วมึงจะยืนอยู่ตรงนี้อีกนานมั้ย? ต่อให้ฟ้าผ่ามึงตอนนี้ ไกรวุฒิมันก็ไม่กลับมาหรอก”
“พี่นี่พูดจาทำร้ายจิตใจผมจริง” กิตติว่า “เดี๋ยวผมร้องไห้ทำไง”
“กูดูยังไงมึงก็ไม่มีเค้าจะร้องไห้หรอกกิตติ จะกลับมั้ย? หรือจะยืนให้ฟ้าผ่าตรงนี้เลย”
“ขู่กันไม่เกรงใจเลย” พันเอกหนุ่มว่า “ถ้าฟ้าผ่าผมตอนนี้ รับรองว่าพี่ต้องโดนด้วย”
“....” อัคนีเขม้นตามองฝ่ายนั้น “จะกลับมั้ย?”
กิตติยืนมองอีกฝ่ายอยู่พัก สุดท้ายก็พยักหน้า “ก็ได้ พี่เดินนำไปเลย”
“เอาร่มมาให้กูก่อน”
กิตติตอบฝ่ายนั้นด้วยการโยนร่มทิ้งไปในป่าชัฏด้านหลัง แล้วคลี่ยิ้ม “รำคาญร่มว่ะ ไว้ผมค่อยซื้อชดให้แล้วกัน”
คนมาตามถอนหายใจอีกรอบ ก่อนจะนำหน้าไป แต่เดินไปได้สองก้าวก็ต้องหันกลับมา เพราะไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายตามมาด้วย
“กิตติ... ต้องให้กูทำหนังสือเชิญมึงเลยมั้ย?”
“ได้ก็ดีนะ” อีกฝ่ายพูดแล้วหัวเราะ “ไหนล่ะหนังสือเชิญกลับ”
อัคนีถอนหายใจลึก จากนั้นก็เดินจ้ำๆ เข้ามา คว้าแขนฝ่ายนั้นไว้ “โยกโย้อีกกูจะลากตัวมึงกลับล่ะ”
“พี่กล้าลากผมกลับ?”
อัคนีเขม้นมองฝ่ายนั้น “ถ้าอยากลองถูกแบกกลับเพราะโดนต่อยท้องก็ลองโยกโย้อีกทีดูสิ ผู้การ”
กิตติมองหน้าฝ่ายนั้นอึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้ๆ” พูดจบก็เดินลิ่วออกไปทันที คนมาตามถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะเดินตามไป
--------------------------------------
ฝนยังคงตกอยู่ตอนที่ทั้งคู่กลับมาถึงบ้านพัก กิตติโยนกุญแจบ้านให้อัคนีเปิดประตู แล้วเดินตามฝ่ายนั้นเข้าไป
“กิตติ ทำไมมึงไม่รีบไปเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อ?” อัคนีถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้ามาแล้วก็ยืนกอดอกเต๊ะท่าอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน ปล่อยให้น้ำหยดติ๋งๆ ลงบนพื้น
“ขออยู่แบบนี้อีกสักพักไม่ได้เหรอ ผมว่าบรรยากาศออกจะโรแมนติกดี”
คนฟังขมวดคิ้ว “โรแมนติกอะไรมึงวะ มึงอกหักจากไกรวุฒิเลยทำตัวเป็นพระเอกมิวสิกเดินตากฝนหรือไง”
กิตติหัวเราะชอบใจ “ก็ทำนองนั้น พี่ไม่ลองปลอบผมหน่อยล่ะ”
อัคนีทำหน้าเซ็งสนิท “ไปเปลี่ยนเสื้อ”
“สั่งอย่างกับพี่เป็นนายผม พี่ลองมาสลับยศกับผมดูมั้ย?” อีกฝ่ายถามยิ้มๆ คนถูกถามถอนใจอีก
“นายครับ กรุณาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะครับ ผมขอร้อง”
กิตติมองหน้าฝ่ายนั้นเป็นนาน ก่อนจะถอนหายใจออกมาบ้าง “เย็นชาจัง... ผมอยากให้พี่ปลอบจริงๆ นะ”
อัคนีมองดวงตาที่ช้อนมาของฝ่ายนั้นแล้วสั่นศีรษะด้วยความระอาใจ ก่อนจะเดินเข้าไปหา “มาไม้ไหนอีกเนี่ย?”
กิตติยืนเอนหลังพิงผนัง สอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เสื้อยืดสีเขียวขี้ม้าเปียกจนแนบเนื้อ เขาใช้ดวงตาสีดำสนิทจ้องฝ่ายตรงข้าม แล้วยกมือขึ้นเกี่ยวคอเสื้อยืดของฝ่ายนั้น อัคนีคว้ามือเขาเอาไว้
“กูไม่ใช่ตัวแทนไกรวุฒินะ”
“พี่กับมันไม่เหมือนกันสักที่ ผมไม่เคยคิดจะเอามาแทนกันอยู่แล้ว” กิตติตอบยิ้มๆ “อย่าเย็นชาใส่ผมนักเลยน่า เห็นอยู่ว่าผมเสียใจ”
อัคนีแยกเขี้ยวพูด “ท่าทางเสียใจของมึงนี่มันดูยากจังนะ”
อีกฝ่ายหัวเราะในคอ แล้วใช้มืออีกข้างที่ว่างจับใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม “แต่ผมรู้ว่าพี่ดูออก ปลอบผมหน่อยสิ”
อัคนีขมวดคิ้ว ก่อนจะถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ “เบื่อมึงจริงๆ”
พันเอกหนุ่มหัวเราะในคออีกครั้ง ก่อนจะถูกฝ่ายนั้นดึงใบหน้าขึ้นมาจูบ หลังบดริมฝีปากกันอยู่พักใหญ่ กิตติก็อาศัยจังหวะพักหายใจกระซิบบอกฝ่ายนั้น “เสื้อผมเปียก พี่ถอดให้หน่อยสิ”
คนถูกสั่งดึงใบหน้าของเขามาจูบอีกครั้ง ก่อนจะสอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืด แล้วดึงมันออก
“เบาๆ นะ นี่ของหลวง” กิตติพูดพลางหัวเราะ เมื่อฝ่ายนั้นดึงเสื้อพ้นจากศีรษะของเขา อัคนีเค้นเสียงถาม “ของหลวงนี่เสื้อหรือหัวมึง?”
“ฮะๆ” กิตติไม่ตอบคำถาม แต่ใช้สองมือกระชากเสื้อยืดของอีกฝ่ายจนขาด “แต่ของพี่ผมจะเบิกคืนให้แล้วกัน”
อัคนีสั่นศีรษะด้วยความระอาใจ ก่อนจะดึงเสื้อที่ขาดออก “มึงนี่มัน...”
กิตติดึงใบหน้าฝ่ายนั้นมาจูบอีกครั้ง แล้วกระซิบ “พี่อย่าด่าผมบ่อยนักสิ เดี๋ยวผมก็คิดถึงไกรวุฒิแทนหรอก”
อัคนีผลักร่างของอีกฝ่ายแนบกับผนัง แล้วอ้าปากกัดซอกคอฝ่ายนั้น “งั้นมึงก็ช่วยหยุดพูดชื่อมันที”
“หึๆ” พันเอกหัวเราะในคอด้วยความพอใจ พลางจิกมือลงไปบนแผ่นหลังของอีกฝ่าย “ขึ้นอยู่กับพี่ด้วยนะว่าจะทำดีแค่ไหน จะทำให้ผมลืมมันได้รึเปล่า”
“เอาแต่ได้จริงๆ” อัคนีพูด ก่อนจะบดจูบซ้ำ แล้วไล่ขบติ่งหู ต่ำลงไปจนถึงยอดอก อีกฝ่ายสูดหายใจด้วยความซ่านเสียว ไม่นานนัก กางเกงของเขาก็ถูกถอดออก
“เร็วอีกสิ” พันเอกเร่งเร้า เมื่ออีกฝ่ายกอบเอาส่วนไวความรู้สึกของเขาเข้าไปไว้ในปาก แล้วเริ่มขยับ แต่เหมือนจงใจแกล้ง พอได้ยินแบบนั้น อัคนีก็ขยับช้าลงกว่าเดิม แล้วใช้ลิ้นบดเบียดส่วนยอดที่อยู่ในปากแทน ปลายเท้าของกิตติจิกพื้นแน่น เขาขยุ้มมือลงไปบนศีรษะของฝ่ายนั้น หอบหายใจเสียงหนัก
“อื้อ... ดี...”
ร่างสูงใหญ่ไม่ปล่อยให้ฝ่ายนั้นรู้สึกดีจนถึงที่สุด พออีกฝ่ายเริ่มกระตุกเกร็ง เขาก็ถอนริมฝีปากออก แล้วสอดมือเข้าไปใต้หัวเข่า ยกตัวของกิตติขึ้น
“อ๊ะ!” พันเอกอุทาน แล้วตวัดมือโอบรอบคอฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ทันที ก่อนจะสัมผัสได้ถึงส่วนร้อนจัดที่ถูกดุนดันเข้ามาอย่างดุดัน
“อ...” เสียงร้องถูกริมฝีปากอุ่นจัดดูดกลืนลงไปหมด การสอดใส่เป็นไปอย่างรุนแรงแต่ยังไม่ถึงขั้นทารุณ ปลายเท้าของพันเอกจิกงุ้ม สองแขนตวัดรัดร่างของอีกฝ่ายแนบแน่น ฝังรอยจิกเล็บเอาไว้บนแผ่นหลังเป็นทางยาว
หลังกระแทกฝ่ายนั้นซ้ำๆ จนแยกไม่ออกว่าที่เปียกอยู่บนผนังเป็นน้ำฝนหรือหยดเหงื่อ อัคนีก็จัดการอุ้มกิตติไปที่เก้าอี้ยาว แล้วนั่งลงสานต่อจังหวะที่ค้างคาอยู่ ร่างในอ้อมกอดส่งเสียงครางอย่างสาแก่ใจ จากเก้าอี้ขยับไปที่โต๊ะ กิตติพาดร่างของตัวเองลงบนนั้น แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายกระแทกเขาจากด้านหลัง เสียงโต๊ะลั่นดังเอี๊ยดๆ จนน่าตกใจ
แค่นั้นยังห่างจากคำว่าพอใจของพันเอก เขาชวนอีกฝ่ายไปทำกันต่อที่บันได กว่าจะขึ้นไปถึงบนห้อง อัคนีคิดว่าเขาอาจจะหมดแรงตายวันนี้เลยก็ได้
“อย่าเพิ่งไป พี่อัค...” นายพันเอกพูดเสียงสั่น ขณะขึ้นขย่มเขาบนเตียง “พี่ต้องอยู่ปลอบใจผมก่อน”
อัคนีรวมรวมแรงเฮือกสุดท้าย จับพันเอกคว่ำหน้าลงกับหัวเตียง แล้วกระแทกในท่าที่ทำให้อีกฝ่ายถึงจุดได้เร็วที่สุด กิตติครางเสียงพร่า ความจริงแล้วเขาไม่ชอบเลยเวลาถูกคู่นอนเร่งรัดแบบนี้ แต่เพราะการกระแทกของฝ่ายนั้นสร้างความรู้สึกยากจะต้านทานให้เขา ไม่นานนักทุกอย่างก็พุ่งถึงขีดสุด
“กะ...”
อัคนียื่นมือปิดปากของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะจับพลิกตัวกลับมา แล้วบดจูบรุนแรงจนแทบจะเป็นการขบกัด
---------------------------------------------
เช้าวันรุ่งขึ้นอากาศสดใส พอลืมตาตื่นมา อัคนีก็เห็นพันเอกกิตติกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างเขาแล้ว ฝ่ายนั้นกำลังดูโทรศัพท์มือถืออยู่ และหันมาทันทีเมื่อเขาขยับ
“พี่เป็นไงบ้าง”
“แย่...”
“อืม...” อีกฝ่ายส่งเสียงในคอ “ผมก็ลืมไปว่าพี่อายุมากแล้ว”
คนที่เพิ่งตื่นขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด “กูไม่น่าหลวมตัวกับมึงเลย กิตติ”
คนถูกด่าหัวเราะในคอเบาๆ “แต่ผมรู้สึกดีนะ... พี่ก็ไม่ได้แย่อะไร”
อัคนีถอนหายใจ เขามองใบหน้าของฝ่ายนั้น ทำท่าจะอ้าปากพูดอะไร แต่เสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อน
“นายครับ” เพชรเพทายตะโกนเรียก “พี่ไกรวุฒิกลับมาแล้ว”
กิตติลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที อัคนีรีบคว้าของมือของเขาเอาไว้ “กิตติ!”
ฝ่ายนั้นหันมายิ้มให้เขา “ขอโทษนะพี่อัคนี ผมต้องไปแล้ว”
อัคนีเบิ่งตามองฝ่ายนั้นอึดใจ “ต้องให้กูบอกมันมั้ย ว่ามึงยืนตาฝนรอมันทั้งวันเมื่อวาน”
คนถูกถามสั่นศีรษะ “ไม่ต้อง ไม่ใช่เรื่องที่มันต้องรู้หรอก” พูดจบก็บิดข้อมือออก เดินไปหยิบเสื้อผ้าจากตู้มาสวม แล้วออกจากห้องไปทันที อัคนีได้แต่เหม่อมอง ก่อนจะถอนใจเสียงดัง
--------------------------------
(จบ)
***โอ๊ย นาย โอ๊ย อีนายย อยากจะกรีดร้องดังมากมาย ฮ่าๆๆ
.
คือจู่ๆ เราก็อยากเขียนนายในมู้ด "เมีย" ขึ้นมาค่ะ แล้วเลยจัดโหวตหาสามีนายในเพจ... ผู้ชนะเลิศได้แก่พี่อัคนี
.
พอเราลงมือเขียน เราก็พบว่า... โอ๊ย นายนี่ถ้าเป็นนายเอกต้องเป็นราชินีในฮาเร็ม เป็นราชินีผัวทาส หน้าปกต้องมีนายนั่งบนเก้าอี้ ล้อมรอบด้วยผัวทาสที่นั่งอยู่แทบเท้า แค่คิดก็เลือกพระเอกไม่ได้แล้วค่ะ 5555+
.
ขอให้ทุกท่านสนุกสนานกับแฟนฟิกเหนือจริงเป็นที่สุดอันนี้นะคะ
.
ดิฉันชอบหยอดพี่เกรียงกับนาย แต่ดิฉันไม่อวยคู่นี้ค่ะ