ผมไม่ใช่เด็กหนุ่มมอปลาย(ว้อยย!)
..เงียบ..รถยุโรปหรูคันเดิมที่ผมคุ้นเคย.. กลิ่นน้ำหอมเดิมๆที่ผมคุ้นเคย..กลิ่นไม้กฤษณา..น้ำหอมราคาแพงลิบที่ผมเคยหลุดปากพูดว่ามันหอมดี.. และตั้วเฮียก็ใช้กลิ่นเดิมๆมาตั้งแต่นั้น.. 5 ปี..
บรรยากาศกดดัน ทว่าคุ้นเคย..
ผมจึงรู้สึกผ่อนคลายกว่าที่คิด..
หลังจากถูกโยนส่งๆเข้ามาในรถ ผมจึงรู้ว่าตั้วเฮียมาคนละคันกับเสี่ยชัย..
ดูเหมือนว่าพวกเขานัดมาเจอกันเฉยๆ..
มีความลับอะไรซ่อนอยู่กับเด็กอันธพาลพวกนั้นกัน..
มันสำคัญอะไรถึงขนาดที่สองคนสำคัญๆถึงต้องมาดู..
"ชื่อ"
ตั้วเฮียพูดลอยๆขึ้นมากลางอากาศ
"วาโย"ผมตอบ ผมรู้ ตั้วเฮียไม่ชอบให้พูดซ้ำสอง
"อายุ.."
"15"
"บ้านอยู่ไหนล่ะเรา.."อยู่ๆตั้วเฮียก็เปลี่ยนน้ำเสียงพูด..อ่อนโยนขึ้น ..
ราวกับเป็นคนละคน..
..อย่าบอกนะว่าพี่แกพึ่งตระหนักได้ว่าไอ้ร่างนี้ของผมมันอายุแค่ 15 น่ะ!
"อยู่แถวพุทธมณฑลครับ.."
"..ตั้วเฮีย"อยู่ๆชายร่างสูงก็พูดขึ้น..
"ห้ะ.."
"เรียกฉันว่าตั้วเฮีย.."
ผมนิ่ง อึ้ง.. ไม่จริงน่า.. ตั้วเฮียไม่ยอมให้คนทั่วๆไปเรียกเขาอย่างนั้น..
ปกติทุกคนจะเรียกเขาว่า 'ท่านชิงหลง'.. ซึ่งเป็นชื่อจริงของเขา..
จะมีก็แต่คนร่วมสายเลือด ลูกน้องคนสนิท.. ..เช่น.. ผม เท่านั้น ที่เรียกเขาว่า 'ตั้วเฮีย' ซึ่งมีความหมายว่า พี่ชายใหญ่..
"ไหนเรียกสิ.."ร่างสูงพูดก่อนจะปราดตามองผมอย่างวางอำนาจ...
ไอ้รัศมีที่แผ่มาข่มคนอื่นตลอดเวลานี้จะผ่านมากี่ปีก็ยังไม่เคยต่าง..
"..ตั้วเฮีย?"ผมพูด..ลังเลเล็กน้อย..
แต่ดูเหมือนมันจะทำให้ชายร่างสูงพึงพอใจอย่างมาก
"ดี..ต่อไปให้เรียกฉันอย่างนี้.. เข้าใจไหม"ผมพยักหน้าเบาๆ
หลังจากนั้นรถทั้งคันก็เต็มไปด้วยความเงียบ..
เงียบสงบ และน่าคิดถึงอย่างประหลาด..รถยนต์หรูคันเดิมเเล่นไปอย่างเงียบเชียบ ด้วยฝีมือลูกน้องคนสนิทคนเดิม.. คนขับรถที่ผมเองก็คุ้นหน้าคุ้นตากับเขาเป็นอย่างดี รถยนต์เเล่นไปในทางที่ผมคุ้นเคย.. สถานที่ที่ตั้วเฮียต้องไปทุกอาทิตย์
เมื่อรถจอดลงข้างหน้าสุสานจีนโบราณอย่างเงียบเชียบ
ชายร่างสูงเดินนำผมลงไปจากรถ
เขาหันกลับมามองผมที่ทุลักทุเลถอดสายนิรภัยให้ตัวเองอย่างน่าสมเพช
สักพักจึงโน้มตัวเข้ามาในรถ.. ปลดสายนิรภัยรถยนต์ให้ผม..
เขาผู้ไม่เคยก้มหัวให้ใคร.."อะ...ขอบคุณ"
ผมพูด ขมวดคิ้ว.. ทั้งสงสัยระคนแปลกใจ
ก็เพราะคิดว่ารู้จักเขาดีกว่าใครๆ.. ผมไม่เคยเห็นมุมเงียบสงบ อ่อนโยน และทรงพลังเช่นนี้ของเขา..
ตั้วเฮียในสายตาของผมนั้น เป็นบุคคลที่น่านับถือ ในเรื่องความแข็งแกร่ง เยือกเย็น และอำมหิตเป็นที่สุด..
ไม่ใช่ตั้วเฮียคนที่จะช่วยเหลือเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ.. ไม่ใช่เลย..
..ผมเข้าใจถูกหรือเปล่านะ..ลงมาสิ"ผมกระโดดลงจากรถ ตามแผ่นหลังกว้างไป..ผมรู้ทิศทางที่เขาจะไปอยู่แล้ว..
สุสานของบรรพบุรุษ..
ที่ที่เขาจะมาทำความเคารพเสมอ..
แต่ครั้งนี้เขากลับเดินออกไปอีกทาง..
สุสานสดใหม่ที่มีดอกไม้สีขาววางไว้ดอกหนึ่ง.. ปลอกลูกกระสุนสีทอง 1 ปลอก..
ตัวอักษรสีทองเรียบง่ายสลักเอาไว้บนแผ่นหินสีเทาดาดๆ...
'มังกร'
ร่างสูงนำดอกไม้สีขาวหนึ่งดอกวางข้างๆดอกเดิม.
ก่อนจะถอยกลับมายืนข้างๆผม..
"ใครเหรอครับ"
"เขาตายเพราะฉัน เพราะฉะนั้น เขาจึงเป็นคนสำคัญ"ผมเม้มริมฝีปากแน่น.. มองหน้าเขา เผลอพูดสิ่งที่คิดออกไป..
"ผมว่าไม่"
ตั้วเฮียหันขวับ..เขามองหน้าผมด้วยแววตาดุดันทว่าสงบนิ่งเหลือเกิน...
..ผมอ่านความรู้สึกคุณไม่ออกหรอก.. ผมไม่เข้าใจ.."ถ้าเขาสำคัญสำหรับคุณจริง คุณจะไม่ปล่อยให้เขาตายเพราะคุณ"ผมพูด เสียงสั่นเล็กน้อย..
"แต่ผมเข้าใจ มันไม่ใช่เรื่องของความสำคัญ .. มันเป็นเรื่องของความจำเป็น"
ผมพูดต่อ..
"อายุ 15 แต่พูดจาเหมือนคน 50"
ร่างสูงพูดก่อนจะใช้ฝ่ามือหนาจับใบหน้าของผมเชิดขึ้น..
ประจันหน้ากับเขา..
"ดูเหมือนนายจะชอบสบตาตั้วเฮียนะ.. ชอบฉันหรือไง เด็กน้อย"
ตั้วเฮียพูดขณะที่ริมฝีปากมีรอยยิ้มเล็กๆ ... ผมส่ายหน้า
"ไม่มีทาง""แต่ฉันชอบเธอ"ผมตาโต ตกใจในสิ่งที่ได้ยิน
"ไม่เคยได้ยินหรือไง มาเฟียน่ะเลี้ยงทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย.."
ผมมองหน้าตั้วเฮีย ทำหน้าแหยๆ...
เขาคิดจะหลอกเด็กหนุ่มอายุคราวลูกจริงๆเหรอวะ?!!
บัดซบ!!"ผมไม่มีปัญหาทางการเงิน ผมไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ"
ตั้วเฮียยิ่งหัวเราะชอบอกชอบใจใหญ่เมื่อเห็นผมทำหน้ามุ่ย..
"แต่ฉันอยากช่วยเหลือนี่.. และฉันไม่อนุญาตให้เธอปฏิเสธ"
โฮ้...ใหญ่เหลือเกินนะตั้วเฮีย.. กับเด็กพึ่งเกิดนี่..."ผมไม่ได้ขายตัว และตอนนี้ก็ยังสบายดี ไม่มีแผนจะไปเป็นเด็กเสี่ยใคร"
ผมพูด กอดอกแน่น..
"เธอมีครอบครัวไหมล่ะ .. พวกเขาสบายดีไหม"
ตั้วเฮียถามยิ้มๆ.. ผมคิดถึงยายแก่ขี้บ่นที่บ้าน.. ก่อนจะกลืนน้ำลายดังเอื้อก..
"อยากให้พวกเขาสบายดีต่อไปใช่ไหม"ตั้วเฮียถามพร้อมกับรอยยิ้ม...
รอยยิ้มที่ผมไม่อาจปฏิเสธได้..................................
"โหหหห ไอ้เชี่ยวาาาา แม่ง ช่วงนี้มีแต่รถหรูมาส่งทุกวันเลยนะโว้ยยย"ไอ้ซิมแซวขึ้นมาระหว่างพักเที่ยง.. ไอ้ไม้ก็ร่วมผสมโรงเฮฮาด้วย..
มีแต่ไอ้เอกที่นั่งนิ่ง..
"เสือกน่า"
"ใครวะๆๆๆ มึงรับยาเหรอออ"
ไอ้ซิมถามก่อนจะพูดประโยคหลังให้เบาขึ้น..
"ไม่ใช่ว้อย.. ลุงกูเอง ลุงแก่ๆโรคจิตน่ะ"
ผมพูดแบบปัดๆไป ยังไงไอ้พวกนี้มันก็โง่อยู่เเล้ว.. พูดอะไรไปมันก็เชื่อหมดแหละ!
"แหม ลุงหรือผัววว"
"พูดอีกกูตบปาก"
ผมพูดก่อนจะกระดิกนิ้วเท้า..
เวลาผ่านมาเกือบสองสัปดาห์.. ไอ้ซิม ไอ้ไม้ มันยอมรับผมในฐานะสมาชิกในกลุ่มเป็นที่เรียบร้อย(ถามกูสักคำว่ากูอยากอยู่ไหม?!) เวลามีพวกอันธพาลแก๊งค์อื่นมาหาเรื่อง พวกมันก็จะเก็บผมไว้เหมือนไข่ในหิน (เนื่องจากหน้าตารูปร่างมึงดูเหมือนเจ้าหญิงที่สุด..พวกแม่งว่างั้น!) แต่ถ้าพวกมันโดนอัดจนน่วมกลับมากันหมด ปราการสุดท้ายของแก๊งค์ก็คือผม... ซึ่งตั้งแต่สู้ตัวต่อตัวกับอันธพาลแก๊งค์อื่นมา.. ผมยังไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง..
"แต่มึงแม่งเก่งจริงว่ะ..กูอยากสมองกระทบกระเทือนแล้วตื่นมาสู้เก่งชิบหายแบบมึงมั่ง"
ผมส่ายหัว ถอนหายใจเมื่อได้ยินไอ้ซิมพูด..
"แต่ตื่นมาโง่ชิบหายเลยนะมึง จากคนฉลาดๆ"
อันนี้ไอ้ไม้พูด.. ผมทำเสียงจิ้จ้ะในลำคอ.. แหมมมม พ่อคุณฉลาดดด สัส!
"ไอ้เอก มึงจำพวกไอ้พจน์ได้ปะ มันถึงกับต้องยอมแพ้ไอ้วาว่ะ.."
ไอ้เอกพยักหน้า ยังคงเงียบเหมือนเดิม..
"มึงเป็นเหี้ยไรวะเอก เงียบชิบหาย"
ไอ้ซิมถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงปนอยากรู้..
"เปล่า กูไม่ได้เป็นไร.."
ไอ้เอกพูดก่อนจะเหลือบมองมาทางผม..
ผมสบตามันกลับ พยักหน้า และไม่พูดอะไรต่อ..
.................................
"รับพวกเราไว้เป็นลูกน้องด้วยเถอะครับ!!!"ผมมองเด็กหนุ่มร่างใหญ่สองคน.. ไอ้พจน์กับไอ้สิงห์.. ที่ยืนก้มหัวให้ผมอยู่ตอนนี้..
"ลูกน้องเหี้ยอะไรของมึง"
"นะครับ!! ลูกพี่วา! พวกเราจะยอมทำทุกอย่างขอแค่เราได้ติดตามลูกพี่ไป ทำเรื่องเหี้ยๆแบบที่ลูกพี่ทำ!"
...ดู..ดูมัน.. ดูมันพูดเข้า!
"เรื่องเหี้ยอะไรวะ.."
"ก็เรื่องที่ลูกพี่สยบแก๊งค์ducking โรงเรียนBได้ด้วยตัวคนเดียว.. เรื่องที่ตีหัวครูพละแล้วพาทั้งคาบโดดวิชานั้น..
เรื่องที่จับลูกน้องมาเฟียเข้ากรง... ไหนจะเรื่องที่หลอกสาวๆโรงเรียนCมาฟันทิ้งเป็นว่าเล่นอีก... ลูกพี่เป็นไอดอลของพวกผมเลยครับ!!"
ด...เดี๋ยวว! ไอ้แก๊งค์Duckingห่าอะไรนั่นก็แค่เด็กเสพยา.. กูแค่โทรเรียกตำรวจมาสลายม็อบพวกแม่งเอง..
ตีหัวครูพละก็เพราะกูกะเเรงไม่ถูก โยนลูกบาสเเรงไปหน่อย ไปโดนหัวครู น็อค คาบนั้นเลยไม่ได้เรียนกันทั้งคาบ..
ลูกน้องมาเฟีย..กูก็วิ่งโร่ไปแจ้งตำรวจ.. ไอ้คนสู้น่ะมันไอ้เอก ไอ้ไม้ ไอ้ซิม .. ไปถามไอ้เหี้ยซิมสิเย็บไปกี่เข็ม!!
ส่วนเรื่องสาวๆโรงเรียนC.. ชีวิตกูสองสัปดาห์นี้ไม่มีสาวไหนนอกจากยายแก่หนังเหี่ยวแม่เมียที่บ้านเลย!!!
มึงเอามาจากไหนกันวะะะะ?!!
"พวกมึงเข้าใจผิดแล้วล่ะ.. กูไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น"
ผมพูด ขยับคอเสื้อให้เข้าที่เข้าทาง
"ผมว่าแล้วลูกพี่ต้องถ่อมตัว! ลูกพี่นี่เท่จริงๆนะครับ!! พวกผมขอติดตามลูกพี่ไปตลอดหลังจากนี้!!!! ถ้าลูกพี่ไม่ให้ พวกผมจะไม่ยอมเงยหน้าจากพื้น!!"
ไอ้หมีควายสองตัวก้มหัวเขกพื้นดังโป๊ก!! ก่อนจะคว่ำศรีษะลงอยู่อย่างงั้น..
"เออ เรื่องมึงล่ะกัน"
สัส อะไรของพวกแม่ง..
ผมคิดในใจอย่างเซ็งๆ และเดินจากไปเพื่อไปเข้าคาบเรียน
เดี๋ยวแม่งก็เลิกไปเองแหละ..พวกเด็กเพี้ยน!.................................
หลังจากเรียนเสร็จ..
ผมก็เห็นฝูงนักเรียนรายล้อมบริเวณลานอาคารอยู่
เมื่อผมเดิมเข้าไปก็เห็นไอ้พจน์ไอ้สิงห์ ยังคงทำท่าเดิมอยู่อย่างนั้น..
โอ้ยไอ้สัส กูล่ะอยากเป็นลม!!"เออออออ"
ผมพูดเสียงยาว
"กูรับๆๆๆๆ ลุกเร็ว อายเค้า พวกเหี้ย!"
ผมพูดก่อนจะกอดอกแล้ว(รีบ)เดินจากไป
โดยมีหมีควายตัวใหญ่วิ่งอย่างดีใจตามมาข้างหลัง..
เอ...ทำไมนับวันเหมือนกูเริ่มจะมีแก๊งค์ของตัวเองแล้วว้า....................................
"วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง วา"ผมมองชายร่างสูงท่าทางภูมิฐานที่นั่งตรงข้ามผมอยู่ในเวลานี้
ตั้งแต่ที่ผมโดนบังคับเลี้ยง(?) ผมก็ต้องมาทานข้าวกับเขา ในภัตตาคารหรูหรา อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
และใช้เวลาร่วมกับเขา ไปสุสาน ไปทำเหี้ยอะไรต่อมิอะไรแล้วแต่ตั้วเฮียจะลากไป อีก 1 วัน
ทั้งหมดนี่แลกกับความปลอดภัยของยายแก่ที่บ้านล้วนๆ!
ไม่รักกันจริงทำไม่ได้นะเนี่ย!!!
"ก็เรื่อยๆอ่ะ ตั้วเฮียล่ะ"
ผมถามกลับแบบตามมารยาท
"แค่ได้เจอกับเราตั้วเฮียก็หายเหนื่อยเเล้ว"อ...ไอ้สัส! ข้าวแทบพุ่งงง!!!
ถ้าเป็นตั้วเฮียในอดีตน่ะเรอะ.. เล้ง! เอ็งไปจัดการคนนู้นคนนี้ บลาๆๆๆๆ
ไม่มีหรอก มารงมาเรา โอ้ยยย กูอยากจะบ้า!
ผมคิดอย่างเซ็งๆ.. ก่อนจะเหลือบมองไปที่ข้อมือของตั้วเฮีย รอยสีแดงจางๆประทับอยู่ตรงนั้น..
"นั่นไปโดนใครขูดมาน่ะ"
"หือม์...สังเกตด้วยเหรอ.. ดีใจจัง"
โอ้ยย โท้ดทีครับ! ไอ้นิสัยมือขวาที่ต้องดูแลความเรียบร้อยให้ตั้วเฮียมันติดมา!
"ผู้หญิงน่ะ.."
"นายหญิง?"ผมหลุดพูดออกมาอย่างลืมตัว..ก่อนจะเบิกตาโตนิดๆ..
"อืม..นายหญิง"
ตั้วเฮียพูดก่อนจะมองผม...
สายตาแหลมคมแบบพญาเหยี่ยวทำให้ผมเสียวสันหลังวาบ..
..เขาจะสังเกตไหมนะ.."วา.."
"อะ..ครับ?"
"ตั้วเฮียมีเรื่องอยากจะขอร้องน่ะ"ผมกลืนน้ำลายดังเอื้อก มองหน้าตั้วเฮีย ก่อนจะกระพริบตาปริบๆ
รอฟังคำขอร้องที่ไม่อาจปฏิเสธได้.