สายลมกระซิบรัก ตอนพิเศษ 3 ขอบคุณนะ (23-08-2562 หน้า 14)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สายลมกระซิบรัก ตอนพิเศษ 3 ขอบคุณนะ (23-08-2562 หน้า 14)  (อ่าน 79369 ครั้ง)

ออฟไลน์ TheGraosiao

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :L2:

ชอบจังเลย

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เพิ่งเข้ามาอ่าน ขอเม้นตอนก่อนด้วยนะ ตอนม่อนกับพาย ขึ้นไปวัดพระธาตุเขาน้อย
ชอบรายละเอียดที่คนเขียนใส่ใจกับสถานที่ ตอนที่ม่อนพูดถึง พระประธานว่า

“จะมีสักกี่คนที่ถ่ายรูปจากมุมนี้ ที่เห็นในโปสการ์ดหรือทีวีก็เห็นแต่ด้านหลังของท่าน”

เราถึงกับไปค้นในอากู๋เลย เป็นจริงตามนั้น

https://bit.ly/2z9Yd36

 :L2: :L2:

-------------------------------------
สำหรับแสนยากับชลชาติ ตอนที่ติดตามแรกๆ เห็นแสนยา เข้ามากวนๆ มาดห้าว พยายามเข้ามาใกล้ชิด
คอยช่วยเหลือชลชาติทุกอย่าง ดูเหมือนคนคอยปกป้องในขณะที่ชลชาติ นั้นเงียบๆ นิ่งๆ คล้ายม่อน
แต่ๆ ๆ ๆ ๆ ตอนนี้ทำไม แสนยาถึงได้เหมือนสาวน้อย ขี้งอน ขี้น้อยใจ กลับกลายที่ดูแมนๆ เป็นชลชาติไป
แต่จะยังไงก็รักทั้งคู่นะ ที่รักเพื่อนมากๆ รักคนเขียนด้วยน้าา
 :mew1: :mew1:




ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ปอปลาตากลมน่ารักสุดๆ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตอนพิเศษ  ที่ออกมาแล้ว  มันค้างคาอ่ะ

ยังมีตอนพิเศษกว่า ต่ออีกใช่ป่ะ?

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ jaibang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กรีดร้อง เขินมาก ชอบมากผู้ชายนิ่งๆแต่รักแมว fc ฉลามหินค่า :sad4: :hao5:

ออฟไลน์ maplub_oyaya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่ารักกกกก

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนพิเศษ 2


แสนยาเดินมานั่งลงข้าง ๆ นคินทร ถัดไปคือพลตรีนายแพทย์ธรณินและภรรยา ส่วนที่นั่งถัดเข้าไปด้านในก็คือแม่และพี่สาวของพายุพัดที่วันนี้มาให้กำลังใจฉลามหนุ่มถึงขอบสระ ชายหนุ่มกวาดมองบรรยากาศรอบ ๆ พลันสายตาก็หยุดที่หน้าสวยของหญิงสาวผู้หนึ่ง เธอส่งยิ้มให้เขาจึงยิ้มตอบ ขาเรียวงามย่างกรายขึ้นมาตามทางเดินคั่นระหว่างอัฒจันทร์ท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ที่จับจ้อง ในที่สุดเธอก็นั่งลงยังที่นั่งซึ่งอยู่ถัดจากแถวของแสนยาไปไม่ไกล หลังจากนั้นไม่นานการแข่งขันรายการต่าง ๆ ก็เริ่มต้นขึ้น ปีนี้การแข่งขันว่ายน้ำการกุศลดูคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นการจัดงานครั้งที่สอง ซึ่งแฟนกีฬาที่พลาดการเข้าชมในคราวก่อนต่างตั้งหน้าตั้งตารอ ส่งผลให้บัตรเข้าชมจำหน่ายหมดตั้งแต่สัปดาห์แรกที่มีการประชาสัมพันธ์


การแข่งขันดำเนินไปจนกระทั่งถึงรายการสุดท้าย ทันทีที่โฆษกประจำสระประกาศชื่อ “ชลชาติ วรวิวัฒน์” เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นพร้อมด้วยเสียงปรบมือ หลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ไม่คิดว่าจะได้ยินชื่อนี้ในการแข่งขันรายการใด ๆ อีกนับแต่ฉลามหนุ่มผู้นี้ประกาศอำลาสระ หนุ่มศิลปินมองตามร่างสูงที่กำลังก้าวออกมาโบกไม้โบกมือทักทายผู้ชม ทันทีที่เขาถอดเสื้อวอร์มออก เสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาสาว ๆ ก็ดังขึ้น กล้ามแขนเป็นมัดที่ปกติมักถูกปกปิดอย่างมิดชิดด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาว วันนี้กลับเปิดเผยต่อสายตาแฟน ๆ อีกครั้ง เอวสอบเข้านิด ๆ รับกับลำตัวช่วงบนที่กว้างและหนาเป็นลักษณะเด่นของนักกีฬาที่ว่ายท่าผีเสื้อเป็นท่าถนัด เนื่องจากเป็นท่าว่ายที่ต้องอาศัยแรงอย่างมาก ดังนั้นนักกีฬาว่ายท่านี้ได้ดีจะต้องมีทั้งกล้ามเนื้อหัวไหล่ อก ลำตัว หลังและขาที่แข็งแรง และในการสอนว่ายน้ำผู้ฝึกสอนจึงมักสอนท่าดังกล่าวเป็นท่าสุดท้าย


แม้โฆษกจะประกาศชื่อนักกีฬาคนถัดไป แต่ดวงตาของแสนยาก็มิได้ละจากดวงหน้าสงบสุขุมสักวินาที ซ้ำในหัวยังปรากฏภาพการสนทนาซึ่งเกิดขึ้นระหว่างทางเดินที่จะมาสระว่ายน้ำแห่งนี้


“ถ้าเราชนะการแข่งครั้งนี้ นายต้องตอบคำถามเรา แต่ถ้าเราแพ้เราไม่พูดเรื่องนี้กับนายอีก และเราสองคนก็ไม่ต้องเจอกันอีก เพราะเราไม่อยากคิดไปไกลจากการกระทำของนาย”


เมื่อกรรมการให้สัญญาณ นักกีฬาทั้งหมดก็ก้าวขึ้นบนแท่นอยู่ในท่าเตรียมพร้อม หลังสัญญาณนกหวีด ฉลามหนุ่มทั้งหมดต่างพุ่งลงสู่ผิวน้ำ ทำสตรีมไลน์ผสมดอลฟินคิกแล้วจึงขึ้นท่าผีเสื้อ สองแขนแข็งแกร่งที่วาดขึ้นแล้วตวัดลงผลักไปด้านข้างดูราวกับผีเสื้อสยายปีกส่งผลให้การเคลื่อนไปข้างหน้านั้นรวดเร็วจนน่ากลัว ท่าว่ายนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นท่าว่ายที่ให้ความเร็วรองจากท่าฟรีสไตล์


แสนยานั่งตัวตรง สองมือที่วางอยู่บนหน้าขากำแน่น ดวงตาจ้องเขม็งไปยังร่างกำยำกำลังถีบตัวออกจากขอบสระฝั่งตรงข้าม ชลชาติว่ายตีคู่มากับใครคนหนึ่งตั้งแต่เริ่มออกตัว จนตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทิ้งห่างอีกฝ่ายได้ บรรดากองเชียร์ต่างนั่งกันไม่ติด ลุกขึ้นยืนส่งเสียงให้กำลังใจนักกีฬาขวัญใจ กระทั่งห้าเมตรสุดท้ายก็ยังดูไม่ออกว่าใครขึ้นนำ จนแล้วจนรอดเมื่อถึงเส้นชัยก็ไม่มีใครบอกได้ว่านักกีฬาในช่องว่ายใดที่แตะขอบสระเป็นที่หนึ่ง เสียงพูดคุยวิเคราะห์ผลดังอื้ออึงเป็นระลอก ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังแอลซีดีจอยักษ์ และไม่นานชื่อ “ชลชาติ วรวิวัฒน์” ก็ปรากฏขึ้นในลำดับแรก พลันเสียงปรบมือไชโยโห่ร้องก็ดังกึกก้องจนกลบเสียงประกาศของโฆษก


แสนยาถอนหายใจโล่งอก ดึงสายตากลับมายังร่างงดงามที่กำลังเดินลงจากอัฒจันทร์ ทันทีที่กองทัพนักข่าวเห็น “ตรีฉัตร สิริฉัตร” เข้า จากที่รุมล้อมสัมภาษณ์นักกีฬาที่เพิ่งขึ้นจากน้ำก็เบนความสนใจมาที่อดีตราชินีเจ้าสระผู้นี้แทน หนุ่มศิลปินละสายตาจากภาพตรงหน้า ก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ที่สั่นเตือนว่ามีข้อความซึ่งถูกส่งมาจากใครคนหนึ่ง เจ้าของร่างสูงจึงลุกขึ้น เดินลงจากอัฒจันทร์ย้อนกลับทางเดิมจนในที่สุดก็มาหยุดยังหน้าห้องพักนักกีฬา แต่เมื่อก้าวเข้าไปภายในกลับไม่พบคนที่เรียกเขามาที่นี่


“ปอปลาตากลม” หนุ่มศิลปินกล่าวพลางกวาดตามองไปรอบ ๆ กำลังจะหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง พลันเสียงทุ้มต่ำของใครบางคนก็ดังขึ้นข้างหู


“เราอยู่นี่”


แสนยาสะดุ้งโหยง ทันทีที่หมุนตัวกลับก็พบว่าคนพูดยืนห่างกันไม่ถึงคืบ “ไอ้มีน ตกใจหมด”


ร่างสูงที่ยังคงพราวไปด้วยหยดน้ำหยักยิ้มขัน ๆ ตวัดผ้าขนหนูพาดบ่า คว้าแขนอีกฝ่ายแล้วพาเดินไปด้านใน มือดึงประตูห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เปิดออกจากนั้นจึงจัดการดันร่างคนที่กำลังโวยวายเข้าไปจนแผ่นหลังชิดผนัง


“ทำอะไรวะ”


“จะตอบเราได้หรือยัง”


แสนยาสบตานิ่ง ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังแว่วมาจากด้านนอก


“มีน อยู่ในนี้หรือเปล่า”


เมื่อเสียงเดิมยังคงเรียกซ้ำ เจ้าของชื่อจึงจำต้องละสายตาจากคนตรงหน้าแล้วหันไปถาม “ตองมีอะไรหรือเปล่า”


“ตองจะมาแสดงความยินดีกับมีนน่ะ”


“ขอบคุณนะตอง”


“อื้อ” หญิงสาวกล่าวก่อนจะนั่งลงที่ม้านั่งกลางห้อง ทอดตามองนิ้วนางข้างซ้ายที่ปราศจากแหวนแต่งงานแต่ยังคงปรากฏรอยจาง ๆ “นึกถึงตอนนั้นเนอะ เวลามีนแข่งเราก็ไปนั่งเชียร์มีน เวลาที่เราแข่งบ้างมีนก็ลุ้นอยู่ขอบสระไม่ไปไหนเลย”


ชลชาติเบนสายตามายังคนตรงหน้าเมื่อคำว่า “ตอนนั้น” กำลังจะลากเอาความทรงจำในอดีตของเขากลับคืนมาบดบังความรู้สึกในปัจจุบัน หูได้ยินเสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นดังใกล้เข้ามา


“จริง ๆ ตอนนั้นก็ดีเนอะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อแตะมือลงบนประตู “ถ้าตอนนี้...มีนยังไม่มีใครเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม”
แสนยาเลื่อนตาขึ้นสบคนตรงหน้า จู่ ๆ ก็รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกขึ้นมา อยากจะไปให้พ้นจากตรงนี้เพื่อปล่อยให้สองคนได้คุยกัน


ฉลามหนุ่มวางหน้านิ่ง เลื่อนแขนขึ้นพาดข้ามไหล่ของคนที่ความสูงไล่เลี่ยกัน มือยันกับผนังเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะขยับหนี “ตอนนี้เรารู้สึกดีกับคนอื่นไปแล้ว แล้วเราก็กำลังรอคำตอบว่าเขารู้สึกแบบเดียวกันกับเราหรือเปล่า เราขอโทษนะตอง”


สิ้นเสียงชลชาติ ทั้งห้องเงียบสนิท แต่หากเงี่ยหูฟังดี ๆ อาจได้ยินเสียงหัวใจของใครคนหนึ่งเต้นแรงกว่าที่เคย


“ตองเข้าใจแล้ว” หญิงสาวกล่าวเสียงแผ่ว มือเล็กกำแน่น สิ่งที่เขาพูดมิได้ซับซ้อน ซ้ำยังตรงไปตรงมาเสียจนทำให้ตรีฉัตรรู้สึกละอายจนไม่อาจกล่าวถ้อยคำร้องขอใด ๆ ได้อีก ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกของชลชาติในวันที่ถูกบอกเลิกโดยที่ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้ากันนั้นเป็นเช่นไร


เสียงฝีเท้าเงียบลงไปแล้ว หากแต่ดวงตาสองคู่ยังประสานกันนิ่ง ในที่สุดก็เป็นแสนยาที่เสมองไปทางอื่นพร้อมกับถอนหายใจ
“เราพูดความในใจของเราไปหมดแล้ว นายล่ะ...จะตอบได้หรือยังว่าที่ผ่านมานายคิดยังไงกับเรากันแน่”


“เอ่อ...เหอะ ๆ เหอะ ๆๆ” หนุ่มศิลปินหัวเราะเฝื่อน ๆ พลางส่ายหัวเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ต่างจากที่เขาเคยวาดฝันเอาไว้มาก “มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิวะ” แสนยาบ่นกับตัวเอง ยอมรับว่าเคยตั้งใจจะจับฉลามหน้างอคอหักให้อยู่หมัด แต่ฉลามตัวนี้กลับเป็นฝ่ายจ้องจะงับหัวเขาแทน แบบนี้เสียชื่อหนุ่มฮ็อตแห่งคณะศิลปกรรมศาสตร์หมด ปกติเคยแต่เป็นฝ่ายบอกความรู้สึกก่อน เวลาได้เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงอายม้วนหรือเสียอาการแล้วมันชุ่มชื่นหัวใจจนบอกไม่ถูก ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเขาตั้งใจเลิกคิดก้าวล้ำความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนไปตั้งแต่วันที่พบชลชาติกับผู้หญิงคนนั้นที่ร้านกาแฟซ้ำยังถูกอีกฝ่ายไล่เพราะทำตัวน่ารำคาญ แต่ตอนที่เจอกันอีกครั้งที่แกลเลอรีชลชาติก็ดันมาพูดจาแปลก ๆ ทำเอาหัวใจไขว้เขวไปหมด


“ไอ้แสน...ฟังอยู่หรือเปล่าเนี่ย”


เจ้าของชื่อตื่นจะภวังค์เมื่อมือเย็นเฉียบตบเบา ๆ ที่แก้ม


“มาชิงพูดก่อนทำไมวะ” แสนยามุ่นคิ้ว


ชลชาติเลิกคิ้ว “พูดอะไรก่อน”


“ก็ที่อยู่ ๆ มาบอกว่ารู้สึกดีนี่ไง มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ คนอย่างแสนยาไม่เคยปล่อยให้คนที่เราตั้งใจจะจีบมาพูดความในใจก่อนเด็ดขาด”


อาจารย์หนุ่มเปลี่ยนเป็นหัวเราะ “เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ”


“นายไม่เข้าใจหรอก เรื่องนี้เราจริงจังนะโว้ย ทำเสียเรื่องหมด”


“ถ้าเราไม่พูดก่อน แล้วนายจะพูดกับเราตอนไหน”


“ก็...คงไม่ได้พูด” แสนยาตอบตามที่คิด “คิดว่านายคงมีคนคุยแล้ว ต่อไปนี้เราก็จะไม่ไปวุ่นวายให้รำคาญอีก”


“นายมันบ้า คิดแต่ละเรื่องไม่เห็นจะเข้าท่าสักเรื่อง ถ้านายเองก็รู้สึกเหมือนกับที่เรารู้สึก ใครจะพูดก่อนพูดหลังมันจะต่างกันยังไง” เห็นหัวคิ้วยิ่งมุ่นหนักจึงลดมือลงแล้วจับต้นคอของอีกฝ่าย “จะขอเราเป็นแฟนก่อนตอนนี้ เราก็ไม่ว่า เราไม่กลัวเสียฟอร์มที่ต้องตอบตกลงหรอก”


“ฝันเหอะมีน” หนุ่มศิลปินกล่าวพร้อมกับปัดมือที่แนบอยู่กับลำคอของตนพลางส่ายหัวยิ้ม ๆ


สุดท้ายสองคนก็ไม่ได้ตกลงว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันในขณะนี้คืออะไร แค่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กันเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว


...


โฟล์คเต่าสีหวานแล่นมาจอดที่หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจังหวัดน่านซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของลานข่วงเมืองในตอนเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์ ชลชาติเปิดประตูลงจากรถ มองไปรอบ ๆ แล้วอดแปลกใจไม่ได้ ทั้งที่ย่านนี้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์และวัดวาอารามสำคัญ ๆ แต่ผู้คนกลับไม่พลุกพล่าน รถราก็บางตา จนแทบไม่น่าเชื่อว่าเมืองนี้จะได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ผู้คนนิยมมา


“เงียบดีจัง คราวก่อนที่เรามาตรงกับงานกีฬาเยาวชนแห่งชาติ คนเยอะมากก็เลยได้แค่เข้าไปไหว้พระที่วัดนั้น” พูดพลางมองเลยขึ้นไปยังวัดที่อยู่ทางขวาของสี่แยก


“วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร” คนที่เดินมาหยุดเอ่ยขึ้น “ถ้าไม่ได้มีเทศกาลอะไร น่านก็จะเงียบสงบแบบนี้แหละ ว่าแต่คราวนี้นายอยากไปไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า”


“เราบอกแล้วไงว่าขอตามมาดูนายทำงานเฉย ๆ”


“ถ้าอย่างนั้นเราพานายไปพิพิธภัณฑ์ก่อน” แสนยาบอกก่อนจะกระชับสายเป้สะพายหลัง “ว่ากันว่าถ้าอยากเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ ความเชื่อ หรือศิลปวัฒนธรรมของชุมชนนั้น ๆ ให้ไปพิพิธภัณฑ์”


“จริงจังก็เป็นเนอะ”


“เราก็จริงจังกับทุกเรื่อง”


“ทุกเรื่องที่ไม่ควรจริงจัง”


“เออ... ถุย! ไปได้แล้ว”


ชลชาติหัวเราะก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปยังลานกว้างแล้วข้ามถนนมุ่งหน้าสู่อาณาบริเวณของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
แต่แทนที่จะตรงไปยังจุดหมายตามที่ได้บอกไว้ แสนยากลับพาชลชาติเดินลัดเลาะสนามกระทั่งมาหยุดที่โคนต้นโพธิ์ต้นใหญ่ซึ่งแผ่กิ่งก้านสาขาอยู่บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์แทน


“ทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะ” อาจารย์หนุ่มเอ่ยขึ้น


“เราจะพานายมาดูวัด”


“ในพิพิธภัณฑ์เนี่ยนะ ไหน ไม่เห็นมีเลย” ชลชาติกล่าวพลางมองไปรอบ ๆ


“นี่ไง” หนุ่มศิลปินบอกพร้อมกับชี้ไปยังสิ่งปลูกสร้างตรงหน้า ซึ่งเป็นวิหารย่อส่วน ก่ออิฐถือปูน


“ดูเหมือนศาลพระภูมิมากกว่า”


“เขาเรียกว่าวัดน้อย เล่ากันว่าเจ้าผู้ครองนครน่านกราบบังคมทูลต่อในหลวงรัชกาลที่ห้าถึงจำนวนวัดในเมืองน่านผิดไปหนึ่งวัด ท่านก็เลยสั่งให้สร้างวัดน้อยนี้ขึ้นที่หน้าหอคำซึ่งก็คืออาคารพิพิธภัณฑ์นี่แหละ เพื่อให้ครบตามจำนวนที่กราบบังคมทูลไป ที่นายเห็นเป็นวิหารศิลปะล้านนา ก่ออิฐถือปูนโดยย่อขนาดให้เล็กลง ข้างในมีประดิษฐานพระพุทธรูปด้วยนะ แล้วก็เชื่อกันว่าวัดน้อยเป็นวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดในประเทศไทยด้วย”


“อืม...ก็น่าจะจริง ถ้านายไม่บอก เราไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่านี่คือวัด” ชลชาติยิ้ม “มาเที่ยวกับเจ้าถิ่นมันดีอย่างนี้นี่เอง เราเริ่มสนุกแล้ว ไปต่อเถอะ” ว่าแล้วก็โอบไหล่อีกฝ่ายก่อนจะพากันเดินเข้าไปยังอาคารสองชั้นซึ่งจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของชาวเขาเผ่าต่าง ๆ และชนพื้นเมืองภาคเหนือ ภาพถ่าย รวมถึงโบราณวัตถุที่สะท้อนถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในอดีต


ชลชาติก้าวไปหยุดหน้าห้องหนึ่งซึ่งอยู่ที่ชั้นล่างของพิพิธภัณฑ์ เงยหน้าขึ้นอ่านป้ายเหนือกรอบประตูเหล็กบานหนาซึ่งระบุชื่อ “ห้องมั่นคง” ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวนั้นยังแบ่งออกเป็นห้องย่อยกั้นด้วยลูกกรง เห็นแล้วอดคิดไม่ได้ว่าเหตุใดห้องนี้จึงได้ชื่อว่าห้องมั่นคงทั้งที่ดูเหมือนห้องขังมากกว่า


“เหมือนคุกเลย”


“ไม่ใช่คุก แต่เป็นห้องเก็บของที่สำคัญมาก ๆ แล้วก็พวกของมีค่าต่างหาก”


“ตู้เซฟน่ะเหรอ”


“ใช่ ถึงได้เรียกว่าห้องมั่นคงไง”


ชลชาติพยักหน้าเมื่อในที่สุดความสงสัยก็ถูกทำให้กระจ่าง


“นายว่าเราสร้างห้องมั่นคงที่บ้านสักห้องดีไหม เราจะเอาไว้เก็บภาพเขียน น้องแสนดีแล้วก็ขนมต้ม”


“ทำอย่างกับใครจะมาขโมย”


“ก็ไม่แน่นะ เกิดเราตายไป ภาพเขียน ข้าวของเครื่องใช้ของเราอาจจะกลายเป็นของมีค่าที่คนยอมจ่ายเพื่อมีไว้ในครอบครองก็ได้ ถึงตอนนั้นคงแย่งกันแย่ ชื่อของเราจะต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์เหมือนกับฟานก๊อกฮ์ไง”


“เมื่อคืนนอนไม่พอเหรอ ถึงมายืนละเมออยู่ตรงนี้” อาจารย์หนุ่มกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ไปข้างบนกัน”


“เดี๋ยววว ปอปลาตากลม” แสนยาเอ่ยขึ้น “แล้วถ้าเป็นนาย นายจะเก็บอะไรไว้ในห้องมั่นคงบ้าง”


“ไม่ใช่นายก็แล้วกัน” ชลชาติตอบชนิดไม่ต้องคิด หากแต่ใบหน้ายังเย็นชาไม่เท่าน้ำเสียง


หนุ่มศิลปินหัวเราะหึก่อนจะบ่นขมุบขมิบ เดินนำอีกฝ่ายขึ้นไปยังชั้นบน


เมื่อก้าวสู่ห้องโถงขนาดใหญ่ ชลชาติที่เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกก็เดินดิ่งไปยังระเบียงทันที จากตรงนี้มองเห็นอนุสาวรีย์ที่แสนยาบอกว่าเป็นอนุสาวรีย์เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่านซึ่งตั้งอยู่บนสนามหญ้ากว้างใหญ่ ถัดไปคือซุ้มลีลาวดียืนต้นเรียงรายขนานไปกับแนวรั้ว สีเขียวขจีตัดกับสีส้มของหลังคาวิหารและสีทองอร่ามของเจดีย์วัดพระธาตุช้างค้ำที่เป็นฉากหลัง อาจารย์หนุ่มยกโทรศัพท์ขึ้นบันทึก นึกถึงคำพูดของแสนยาที่บอกว่ามาน่านแล้วระวังจะหลงรักจนต้องกลับมาอีกหลาย ๆ หนนั้นไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย ชลชาติเผลอยิ้มกับตัวเอง หันซ้ายหันขวาไม่พบคนที่มาด้วยกันจึงย้อนกลับเข้าไปด้านใน เห็นอีกฝ่ายกำลังยืนอยู่หน้ากรอบกระจกขนาดใหญ่ที่ล้อมผนังด้านหนึ่งเอาไว้จึงสืบเท้าไปหยุดข้างกัน


“นี่อะไรเหรอ” ชลชาติถามในขณะที่ดวงตาจับจ้องไปยังประติมากรรมรูปครุฑแบกรับงาช้างตรงหน้า


“งาช้างดำ เป็นของมงคลคู่บ้านคู่เมืองน่าน” หนุ่มศิลปินอธิบาย “เป็นงาปลี ก็คืองาที่มีความยาวไม่มากแต่วงรอบใหญ่”


“อันนี้นี่เองที่ไอ้พายบอกว่าถ้ามาน่านเมื่อไรต้องแวะมาดูให้ได้” พูดจบก็รีบยกโทรศัพท์ขึ้นเพื่อบันทึกภาพ หูก็ฟังแสนยาเล่าเรื่องต่าง ๆ ไปด้วย ยอมรับว่าปกติเขาไม่ชอบเข้าพิพิธภัณฑ์สักเท่าไร เข้าไปทีไรก็เดินผ่าน ๆ ไม่ได้สนใจว่าของแต่ละชิ้นมีประวัติความมาเช่นไร แต่วันนี้มีคนคอยเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ฟัง ทำให้รู้สึกว่าการเข้าพิพิธภัณฑ์ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป


สองคนใช้เวลาพักใหญ่อยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน จากนั้นจึงมุ่งหน้าสู่วัดภูมินทร์ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน วันนี้แสนยาตั้งใจจะมาเก็บตัวอย่างสีภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถทรงจตุรมุข ชลชาติจึงได้ขอติดตามมาด้วย เมื่อก้าวพ้นธรณีประตู จึงพบว่าภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสี่องค์ หันหน้าออกประตูทั้งสี่ทิศ รอบ ๆ พระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่นอกจากจะแสดงเรื่องราวตามชาดก ยังบอกเล่าถึงวิถีชีวิตและการแต่งกายของผู้คนในสมัยโบราณอีกด้วย   


“นี่ใช่ไหม ภาพจิตรกรรมกระซิบรัก” ชลชาติเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาหยุดข้างประตูด้านหนึ่ง ตรงหน้าคือภาพวาดชายหญิงชาวไทลื้อในอิริยาบถกระซิบสนทนากัน


“ใช่ นี่แหละ” แสนยากล่าวก่อนจะนั่งลง หยิบสมุดสเก็ตช์ ดินสอ พู่กัน และจานสีออกจากเป้ “คนที่วาดเป็นจิตรกรท้องถิ่นเชื้อสายไทลื้อ ชื่อหนานบัวผัน” หนุ่มศิลปินว่าพลางกางสมุดสเก็ตช์วางบนตัก แล้วจรดปลายดินสอดำลงบนกระดาษที่มีความหนาพอสมควร


“คำฮักน้อง กูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาคะลุม จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป ก็เลยเอาไว้ในอกในใจตัวชายปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้ ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา…”


ชลชาติยืนฟังจนเพลินกระทั่งเสียงนั้นเงียบลงจึงได้หันกลับไปมอง เห็นอีกฝ่ายกำลังลากดินสอจนเกิดเป็นโครงร่างตามภาพที่ปรากฏอยู่บนผนัง


“แปลว่าอะไร” อาจารย์หนุ่มถามเมื่อนั่งขัดสมาธิลงข้างกัน


“โทรศัพท์เอาไว้เล่นแต่เกมงูหรือไง หาเอาบ้างสิ” แสนยาพึมพำ ดวงตาไล่ตามที่ปลายดินสอที่ลากตัดกันไปมาเกิดเป็นเส้นพลิ้วไหว เขาสเก็ตช์ภาพปู่ม่านย่าม่านเก็บเป็นที่ระลึก ลงชื่อและวันที่กำกับที่ด้านล่าง จากนั้นจึงเริ่มลงมือเก็บตัวอย่างสี ชายหนุ่มหยิบกล่องพลาสติกใสที่แบ่งเป็นช่อง ๆ ออกจากเป้ ในแต่ละช่องเขาได้เทสีโปสเตอร์ใส่เตรียมไว้ตั้งแต่อยู่ที่กรุงเทพฯ แม้บางสีจะเริ่มแห้งจนจับเป็นก้อน แต่เมื่อผสมน้ำลงไปนิดหน่อยก็ใช้การได้ตามปกติ


หนุ่มศิลปินพลิกสมุดสเก็ตช์ไปยังหน้าว่าง ใช้พู่กันแตะสีผสมในถาดสี่เหลี่ยมซึ่งแบ่งเป็นหลุมให้ได้ตามที่ตาเห็น จากนั้นจึงเดินไปเทียบกับสีจริงบนภาพจิตรกรรมฝาผนัง ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นแถบสีมากมายบนกระดาษ เมื่อได้ค่าสีที่ใกล้เคียงที่สุดเขาก็ใช้ดินสอทำเครื่องหมายเอาไว้ ส่วนชลชาติก็อาสาช่วยบันทึกภาพด้วยกล้องมิเรอร์เลสอีกแรงหนึ่ง


“นายเก็บตัวอย่างสีพวกนี้ไปทำไมกัน” อาจารย์หนุ่มถามพลางกดชัตเตอร์


“เราตั้งใจว่าจะสร้างผลงานศิลปะโดยใช้กลุ่มสีของภาพจิตรกรรมฝาผนังของวัดสำคัญ ๆ ในจังหวัดน่าน วัดภูมินทร์เป็นที่สุดท้ายแล้วละ”


“ทำไมไม่ถ่ายรูปเอา จะได้ไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็ง เร็วกว่าด้วย”


“สีมันเพี้ยน กล้องบางตัวก็เก็บความสวยงามตามที่ตาเห็นไม่ได้หรอกนะ” แสนยาบอกก่อนจะเดินกลับมานั่งวาดภาพคร่าว ๆ และเขียนกำกับว่าแต่ละค่าสีที่ได้นั้นมาส่วนใดของภาพจิตรกรรมฝาผนังบ้าง “นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว ภาพจิตรกรรมฝาผนังพวกนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่บอกเล่าวิถีชีวิตและความเชื่อของคนในอดีตด้วย”


“ปกติเวลาเข้าวัดก็แค่ไหว้พระ ไม่เคยได้ใส่ใจภาพพวกนี้เลย”


“ถ้านายสังเกตดี ๆ บางทีอาจจะได้เห็นอารมณ์ขันของศิลปินที่สอดแทรกไว้ในมุมใดมุมหนึ่งด้วยนะ อย่างที่วัดพระแก้วนั่นก็ิต็มไปหมดเลย ทั้งลิงจูงกระต่าย ยักษ์คาบบุหรี่ กระต่ายกับเต่า หรือพวกกิจกรรมแปลก ๆ ที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่ในเรื่องรามเกียรติ์”


“เอาไว้กลับกรุงเทพฯ แล้วไปดูกัน”


“ไม่เบื่อเหรอ” หนุ่มศิลปินถาม แต่เพราะมัวทำงานจนเพลินจึงไม่ทันได้ฟังว่าอีกฝ่ายตอบคำถามนั้นว่าอย่างไร หรือแม้แต่เสียงชัตเตอร์เงียบไปตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีว่าชลชาติมานั่งลงข้างกันก็ตอนที่ได้ยินเสียง...


“ความรักของน้องนั้น พี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวเหน็บหนาว จะฝากไว้กลางท้องฟ้าอากาศกลางหาว ก็กลัวเมฆหมอกมาปกคลุมรักของพี่ไปเสีย หากเอาไว้ในวังในคุ้ม เจ้าเมืองมาเจอก็จะแย่งความรักของพี่ไป เลยขอฝากเอาไว้ในอกในใจของพี่ จะให้มันร้องไห้รำพี้รำพันถึงน้อง ไม่ว่ายามพี่นอนหลับหรือสะดุ้งตื่น ที่นายพูดเมื่อกี้แปลแบบนี้ใช่ไหม” ชลชาติกล่าวพลางใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือเลื่อนหน้าจอสัมผัสพร้อมกับไล่สายตาไปตามตัวอักษรที่ค้นได้จากโปรแกรมช่วยสืบค้นข้อมูล เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย หัวคิ้วก็ยู่เข้าหากันเล็กน้อย อาจารย์หนุ่มละสายตาจากโทรศัพท์แล้วแกล้งยื่นหน้าเข้าใกล้ “ตอบหรือยัง ทำไมไม่ได้ยินเลย”


“มีน...เอาหน้าไปห่าง ๆ หน่อย” แสนยาไม่พูดเปล่า ใช้ปลายนิ้วดันที่แก้มของอีกฝ่าย กระนั้นชลชาติก็ยังไม่ทิ้งความพยายาม ขยับใกล้เข้าไปอีก


ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วกล่าวเบา ๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน “แบบนี้ไง เราถึงไม่เอาของสำคัญไปฝากไว้ที่ไหน...ถึงที่นั่นจะเป็นห้องมั่นคงก็เถอะ”


คนฟังโคลงหัวแล้วเงยหน้าขึ้นสบตา เห็นแก้มที่กรังไปด้วยสีแล้วอดยิ้มไม่ได้ “เลอะเทอะไปหมดแล้วปอปลาตากลมเอ๊ย” พูดจบก็เลื่อนมือขึ้นแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดคราบนั้นออกให้


“หน้าเราเลอะสี แล้วหน้านายเลอะอะไร ทำไมแดงไปหมดเลย”


แสนยายิ้มหวานก่อนจะดึงมือกลับ แล้วเปลี่ยนเป็นแยกเขี้ยว “ถ้าเหงาปากมากก็ออกไปคุยกับหมาหน้าวัดไป”



ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ


สวัสดีค่ะ
คงต้องขอทิ้งท้ายตอนพิเศษของนิยายเรื่องสายลมกระซิบรักไว้เพียงเท่านี้นะคะ
แล้วพบกันใหม่ค่ะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2018 14:15:18 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
น่ารักนะคู่นี้​  ค่อยๆซึมซับกันไป
นึกถึงเพลงที่เอาร้องแรป​ มาจากที่นี่เอง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หวานแซงคู่หลักไปแล้ว  :-[

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
แอร๊ยยยยย มาทีหลังแต่หวานไม่น้อยหน้านะคะ คนมีความรักก็จะประมาณนี้เนาะ

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
แงงงงงทำไมหวานแซงหน้าคู่หลักไปไกลแล้วอิจฉา

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แหมมีเขินนะแสนยา เจอคำที่มีนบอกว่าไม่เก็บไว้ในห้องมั่นคง คิดแล้วฟินฝุดๆ
ตอนนี้อ่านแล้วเหมือนเดินไปชมเมืองน่านด้วยตัวเองเลย ขอบคุณนะที่มีเรื่องดีๆ มาให้อ่าน
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

คู่ปอปลาตากลม  คนแต่งเขาให้ออกโรงแค่นี้เองเนอะ  อิอิ

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
ปอปลาตากลม น่ารักเนาะ  :mew1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
พลิกบทกันทีเดียว โดนมีนรุก แสนไปไม่เป็นเลย

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อ่านแล้วจะไปตามรอยให้ได้เลยค่ะ เหมือนเป็นนิยายที่การท่องเที่ยวไทยเป็ยสปอนเซอร์ กรีดร้องกับบรรยากาศและความโรแมนติก  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Natti

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ละมุน ละมัย งานดีทั้งภาษา ทั้งเดินเรื่อง
บรรยากาศในเรื่องมันให้ความรู้สึกอุ่นๆทั้งเรื่องเลยค่ะ

ฉลามหินเวลาอยู่กับม่อนก็ไม่นิ่งหน้าไม่เข้ม 55 5 ชอบเวลาเขาอยู่ด้วยกัน

ความทุ่มเทในหน้าที่ทั้งนักกีฬา อดีตนักกีฬา ผันตัวมาเป็นโค๊ชให้กำบี้

ความน่ารักของเพื่อนๆ คนรอบข้าง ทุกคนในเรื่องมีความสำคัญหมดเลย

คู่รองก็น่ารัก ชอบความขี้เล่นของแสงยา ตลกเวลาโดนปอปลาตากลมเต๊าะแล้วไปไม่เป็น 55 5

เราเข้าใจความเป็นครอบครัวของม่อนนะ ให้ความเป็นส่วนตัวในเรื่องของลูก เคารพการตัดสินใจ ความสุขของม่อนสำคัญที่สุด และการอยู่ใกล้ๆกัน อยู่ด้วยกันก็เป็นความสุข

รักนิยายเรื่องนี้ อ่านแล้วมันอุ่นๆ อยากไปสัมผัสความเป็นเมืองน่าน

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบภาษา การบรรยายของเรื่องมากกกก ประทับใจจจจจ
อยากจะไปเที่ยวน่านเลยเพราะแค่อ่านก็ตกหลุมรักแล้ว
 :impress2:

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
สนุกมากจริงๆค่ะเรื่องนี้ รู้สึกละมุนฟูฟ่องในมากๆ เราน้ำตาซึมไปหลายตอนมากๆค่ะ

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ดีใจที่ทุกคนชอบค่ะ ขอบคุณมาก ๆ สำหรับทุก ๆ คอมเมนท์นะคะ

ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านแล้วอยากลองไปเที่ยวน่านดูเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ไปน่านรอบหน้า ต้องไปพิพิธภัณฑ์บ้างแล้ว

เขินๆ เนื่อเรื่องอบอุ่นน่ารักมาก ขอบคุณคนเขียนมากๆน้า  :กอด1:

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ละมุนรักมาก ๆ  :impress2:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
        :pig4: :pig4: สวัสดีค่ะคุณ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า  :pig4: :pig4:
เราพึ่งมีโอกาศได้อ่านนิยายเรื่องแรกของคุณ ในเรื่อง สายลมกระซิบรัก
ตั้งแต่อ่านตอนเเรกจนจบตอนพิเศษ เราบอกได้คำเดียวว่ามันละมุนกินใจมากๆเลยๆค่ะ
เราชอบอ่านนิยายแบบนี้มากค่ะ ทุกๆตัวละครมีความสำคัญทุกๆตัวละคร
ทุกๆตัวละครมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันลึกซึ่งมากเลยค่ะ
 ยิ่งเมื่ออ่านตอนพาสตอนเด็กจบเเล้ว9ปีต่อมาทุกๆอย่างก็มาที่พาสของความเป็นผู้ใหญ่
ได้อย่างไม่ตขิดตขวนใจเลยค่ะ
     ในความสัมพัธนธ์ของเพื่อนๆทุกตัวละครล้วนลึกซึ้งมากค่ะคุณบรรยายได้ละมุนมากอ่านไป
ในบางตอนมีน้ำตาซึมได้เลยค่ะ
ทำให้เราคิดถึงเพื่อนๆตอนมัธยมเช่นกัน
เราชอบที่ตัวละครในวัยเด็กยังรักยังผูกพันธ์ต่อเนื่องมาจนถึงวัยผู้ใหญ่
      ในส่วนของความรักของตัวละครที่เป็นพระเอกนายเอก เราว่าถึงความสัมพันธ์
บรรยายได้กินใจมากค่ะทุกความสัมพันธ์ค่อยๆเปิดเผยออกมา
ทั้งที่รักกันตั้งแต่ตอนเด็กแต่พึ่งจะมาตกลงทุกอย่างให้ใจตรงกันได้เมื่อโตๆกันแล้ว
บอกลยตอนที่เค้าใจตรงกันนี้เราดีใจสุดๆค่ะ
ส่วนคู่รองก็ไม่แพ้คู้หลังเลยค่ะเรียกได้ว่ามาน้อยๆแต่น่ารักไปอีกแบบค่ะ
ทำให้คู่พายกับม่อนที่ว่าน่ารักๆมากเเล้วนะค่ะคุ็แสนยากับปอปลาตากลมก็เป็นอีกคู่ที่น่ารักมากเช่านกันค่ะ
       สุดท้ายขอบคุณอีกครั้งนค่ะสำหรับนิยายที่ละมุนในทุกความสัมพันธ์แบบนี้.....จะติดตามผลงานชิ้นอื่นๆต่อไปค่ะ     
                                                           :mew1: :mew1: :mew1:


ออฟไลน์ ืNtop

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 ชอบมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด