เทพายอดแก้วตา
โปรดอย่าโบยบิน
นับสี่ร้อยปีว่ายวน
แสนทุกข์ระทม
อันสิ้นสุดการรอคอย
ห่วงหาและรักมิเสื่อมคลาย
-๒-
ท้าวเวหา
“ เดี๋ยวพี่จะพาออกจากป่านะ เพื่อนเราอยู่ตรงนู้น ” ไอ้พี่นาท... หนุ่มหล่อของคณะพ่วงตำแหน่งพี่ภรรยาในอนาคตว่าพร้อมชี้ไปทางด้านซ้ายของผม มันทำท่าจะเดินนำไปแต่ติดที่ผมจับแขนมันได้ทันก่อน
เฮ้ย! ทำไมมันทำเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นว่ะ หรือ...เมื่อกี้ผมหูเพี้ยนได้ยินผิด...
“ ไอ้พี่นาท เมื่อกี้พี่ว่ายังไงนะ ” ถามเพื่อความมั่นใจ
“ เดี๋ยวพี่จะพาออกจากป่านะ เพื่อนเราอยู่ตรงนู้น ” พูดประโยคเมื่อกี้พร้อมทำถามเดิมแปลกไปคือรอยยิ้ม...กวนเส้นที่เพิ่มมา
เห็นมั้ย มันกวนประสาทแค่ไหน! ผมแหวเสียงดัง “ ไม่สิเว้ย ประโยคก่อนหน้านั่น! ”
“ อ้อ... ”
“ พี่เป็นมังกร ” ชัดแจ๋วเลยครับท่าน... มังกร มังกรไอ้ตัวคล้ายๆจระเข้ผสมตะกวดจิ้งเหลนกิ้งก่าที่บินได้น่ะเหรอ... เกิดมายี่สิบปีเพิ่งเคยได้ยิน...
ผม...ควรตกใจมั้ย หรือในใจผม... เชื่อในเรื่องของมังกร... แล้วทำไมผมต้องใส่ใจอะไรกับเรื่องแบบนี้ด้วยว่ะ!
ผมยืนนิ่งคิดหนักเพื่อทบทวนและเรียบเรียงเรื่องราวประหลาดๆที่เกิดขึ้นในวันนี้... ให้ตอบตามจริงเอาผมเองก็ตกใจนะ แต่แปลก...ที่มันไม่ได้ตกใจมากมายอะไรนัก จนผมยังแปลกใจตัวเองเลย
พวกคุณลองคิดตามนะ...
ตั้งแต่ปีหนึ่งที่ผมเห็นมัน ‘กัมปนาท’ รุ่นพี่ที่มาว๊ากรับน้องพวกผมและท่าทางกวนเส้นของมันที่มักกระตุกต่อมน้ำโหผมบ่อยๆ ไหนจะเป็นพี่ชายของฟ้า ผู้หญิงที่ผมต้องตามาตั้งแต่ในวันสอบสัมภาษณ์... แล้ววันหนึ่งคนที่เรารู้จักกลับ...มี’อะไร’แปลกไปจากคนธรรมดาทั่วไป
อะไรที่ว่า...มันค่อนข้างจะ...มากไปหน่อย...
เกินกว่าคนทั่วไปจะรับได้...
อ้าว... แล้วผมไม่ใช่คนทั่วไปเหรอวะ นับวันนายชลธียิ่งสับสนกับระบบความคิดตัวเอง...
ไอ้ตกใจก็ตกใจ แต่จะให้ผมทำยังไงได้ ตกใจ หวาดกลัวแล้ววิ่งหนีเหรอ คุณนี่ไม่ใช่หนังภาพยนตร์นะที่ผมต้องวิ่งไปป่าวประกาศแล้วให้คนแห่มาจับตัวมันไปทดลองผ่าฉับๆคว้านไส้น่ะ... นี่คือเหตุผลสวยๆ แต่ในความจริง...
ผมก้าวขาไม่ออกครับ... วิ่งไม่ไหว บรรยากาศมันเงียบเกินไปนะ... ไม่ชอบว่ะ
ผมควรพูดอะไรใช่มั้ย
“ คือ... ” ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้สักเท่าไหร่... ปกติก็เป็นคนพูดมากอยู่แล้ว ให้มายืนเงียบๆมองหน้ากันแบบนี้มันพิลึก
“ พี่... ”
ปัดโธ่!
พอผมอ้าปากจะพูด มันก็ยกปากหนักๆของมันจะพูดบ้าง... กวนประสาทชะมัด!
“ ผมก่อน ” ผมเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยกอดอกอย่างถือดีราวกับจะตอกย้ำให้มันรู้ว่าผมต้องการคำอธิบายมากกว่าคำว่า ‘พี่เป็นมังกร’ และต้องการถามมันอีกเยอะ!
“ ผมขอถามพี่อีกรอบ... พี่เป็นมังกรจริงๆเหรอ ”
วนมาลูปเดิม... อย่ารำคาญถ้าผมถามอะไรซ้ำๆเดิมๆ เพราะเรื่องนี้มัน...เกินความเชื่อไปแล้ว ขอถามย้ำเพื่อความมั่นใจ... แต่ไอ้พี่นาทมันจะเขมือบผมลงท้องไปก่อนเปล่าวะ
“ จะให้พี่เปลี่ยนเป็นมังกรเต็มตัวเลยก็ได้นะ ” มันก็พาซื่อจริงๆ แค่ตอบมาก็พอแล้วไม่ต้องมาโชว์ตัวประหลาดไปมากกว่านี้หรอก
“ หยุดเลย! ขืนพี่เป็นมังกรจริงๆแล้วกินผมเข้าไปจะทำไง!! ”
ยกมือขึ้นเบรกพี่ท่านเป็นพัลวันทันใด... เห็นปากดีแบบนี้... ผมก็มีดีแต่ปากแหละครับ...
“ พูดแบบนี้... แสดงว่าเชื่อพี่แล้วใช่มั้ย ” ประกายความดีใจเล็กๆปรากฏขึ้นในดวงตาสีแปลกนั้น มันดีใจอะไร
“ เออ เชื่อ ” ผมพยักหน้าอย่างจำยอมเพราะคิดดีๆแล้ว “ เอฟเฟคต์ที่แขนพี่ถึงใช้เทคโนโลยีอีกกี่ปีข้างหน้ามันก็ไม่เนียนหรอก... ”
“ อีกอย่างนะชล ” ไอ้พี่นาทขัดขึ้นก่อนเมื่อนึกอะไรได้...
“ อะไร ”
“ พี่ไม่มีทางกินชลหรอก ” มันว่าพร้อมโปรยยิ้มหวานกว้างกว่าเดิม คำพูดประหลาดมันเผลอทำให้ผมหน้าร้อนฉ่าแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ แต่ผมก็ทำเพียงเบ้ปากใส่มันเท่านั้น
“ แล้วบอกผมทำไม ”
“ ก็อยากบอก ”
“ ทำไมต้องอยากบอก ”
“ อยากให้รู้สึกพิเศษ ”
...ตายสิครับ ถ้าเป็นผู้หญิงนี่คงเผลอไหลไผลตัวละลายเหลวเป็นเนยโดนความร้อนไปแล้ว
แค่รู้ว่ามันเป็นมังกรก็รู้สึกพิเศษกว่าชางบ้านแล้วครับคุณพี่นาท
“ หยุดปากหวานเรี่ยราดได้แล้วไอ้พี่นาท! ” ทนไม่ไหวแล้วครับ ร้อยวันพันปีเจอหน้านับแสนมันก็ไม่เคยแสดงท่าทีเจ้าชู้ปากหวานใส่ผมเลย แล้ววันนี้มันอะไร หัวฟาดพื้นมารึไง
“ เปล่านะ พี่เพิ่งเคยพูดแบบนี้กับชลคนแรก ” พูดแบบนี้กับชลคนแรก
พูดแบบนี้กับชลคนแรก
พูดแบบนี้กับชลคนแรก
ให้ตายสิ... ขนาดพูดกับผมคนแรกยังพาให้ใจสะท้านกระตุกขนาดนี้ ถ้ามันเชี่ยวชาญผมไม่ระเบิดไปแล้วเหรอ
“ หยุด ผมจะอ้วก ” จะอ้วกจริงๆนะ “ ผมว่าเรากลับมาเรื่องของพี่ก่อนเถอะ ”
“ พี่? ”
มันชี้ที่ตัวมันเองแล้วเอียงคอทำหน้ามึนๆใส่ผมประมาณว่า...เรื่องอะไรเหรอ
ผมยักคิ้วกวนอวัยวะเบื้องล่างไปที...
“ ผมว่าพี่ควรอธิบายกับผมเรื่องนี้ ”
“ อธิบายอะไร ” มันทำหน้าเป็นมังกรงง ...ไม่เข้าใจล่ะสิ ก็คล้ายๆหมางง แต่มันดันเป็นมังกรไง
“ ก็ที่พี่เป็นมังกรไง! ”
มันลังเล “ พี่ต้องอธิบายจริงๆเหรอ ”
“ เออดิ! ”
“ มันยาวนะ ”
“ ผมมีเวลา! ” ผมตอบออกไปแทบจะทันที
“ อยากรู้เรื่องพี่ขนาดนั้นเชียว ” หมด... หมดคำถามและความอยากรู้ทั้งหมดทั้งปวงทันที เมื่อมันเห็นผมทำหน้าเอือมๆใส่รอบก่อนจะเริ่มต้นพูดใหม่...
" จะอธิบายมั้ย "
“ พี่ไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังนี่น่า ไม่รู้จะเริ่มยังไง ” ยกมือเกาหลังคออย่างแก้เก้อ
ผมยกนิ้วชี้ตัวเอง “ ผมคนแรกที่รู้ ”
“ อืม มนุษย์คนแรกที่รู้ ”
รู้สึกดีใจแปลกๆ
อยากประกาศให้โลกรู้ชะมัด
อยากจดลงกินเนสบุ๊ค...
มนุษย์คนแรกที่หามังกรเจอ วะฮะฮ่า!
“ งั้นพี่ก็ต้องหัดพูด! อธิบาย! ”
ไอ้มังกรมันพึมพำเสียงกระซิบแมลงหวี่ยังแทบไม่ได้ยิน
“ เมื่อก่อนไม่เห็นคิดจะฟังข้าเลย ” “ ว่าไงนะ ” ไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่
“ เปล่า แค่บอกว่าเราเหมือนเด็ก... ช่างถามจริงๆ ”
“ สรุปจะอธิบายมั้ย ไม่งั้นก็กลับ! ”
“ พี่ไม่รู้จะอธิบายยังไง... ชลถามพี่มาเลยก็ได้ พี่จะได้ตอบไปเป็นอย่างๆ ”
ผมมองหน้ามันเล็กน้อย “ ทำไมพี่ถึงเป็น...เอ่อ มังกร ”
สงสัยจริงๆ มันจะเป็นมังกรได้ไง มันต้องมีที่มาที่ไปดิ แบบ...ถูกสาป! เดี๋ยวๆ แบบนั้นมันนิทานเจ้าหญิงไปคงไม่ใช่
“ ไม่รู้ เกิดมาก็เป็นแบบนี้แล้ว ”
ผมถลึงตาใส่มันอย่างหงุดหงิดนอกจากไม่ตอบให้เคลียร์แล้วยังกวนโอ๊ยอีก! ให้มันได้แบบนี้สิ อยากเป็นมังกรย่างมั้ย!
“ เอาจริงๆ! ”
“ ก็พี่ไม่รู้จริงๆ ” มันตอบย้ำ “ เกิดมาก็เป็นแบบนี้แล้ว ”
“ เออ ”
ส่ายหน้าไปมาเพื่อสื่อให้มันรู้ว่าผม...เบื่อ เบื่อที่จะถามมันแล้ว คำถามร้อยแปดพันเก้าที่ผมจะถามมันมลายหายสลายไปกับอากาศอย่างรวดเร็ว
“ ไม่ถามแล้วเหรอ ” ไอ้พี่นาทเลิกคิ้วอย่างงงๆ
“ ขี้เกียจถาม ”
“ แต่พี่อยากให้ชลถามนะ ” แล้วเมื่อไหร่จะเลิกพูดจาหวานๆหว่านเสน่ห์สักที
หยอดได้หยอด
คนนะ ไม่ใช่กระปุกออมสิน
“ ถามไป พี่ก็ตอบกวนตีน ไม่ถงไม่ถามแล้ว ” ผมโบกมือไล่ๆปัดๆตัดรำคาญ...
“ ถามมาเถอะนะ ชล พี่อยากตอบ ”
“ ไม่ ”
“ นะ...”
เงียบ... เงียบอีกแล้ว
มองหน้ามัน
มันมองหน้าผมตอบ และใช้สายตา...อ้อน
เออ ผมยอมแพ้... “ พี่รู้ทางออกป่ามั้ย ”
“ รู้ ” มันพยักหน้าหงึกๆ
“ แล้วรู้ทางกลับไปหอของมหา’ลัยมั้ย ”
“ รู้ ” มันพยักหน้าอีก
“ เออดี เรื่องยาวนักใช่มั้ย งั้นเดี๋ยวจะถามยาวววววเลยครับ ไม่ต้องกลับมันแหละ ”
ผมถอนหายใจเล็กน้อย ถึงป่านี้จะเป็นป่าที่อยู่ติดๆใกล้ๆกับมหา’ลัยก็เถอะ แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เข้ามาลึก...มากๆจนผม เออ...หลง
แค่มันรู้ทางออกทางกลับก็โอเคแหละ ผมขี้เกียจไปหาไอ้อาจารย์บ้าๆแล้ว มานั่งคุยกับตัวประหลาดตรงหน้าดีกว่า...
“ ยืนทำไม นั่งดิ ” ผมหรี่ตามองไอ้พี่นาทเป็นเชิงสั่ง
นี่ก็ถามจริง “ นั่งทำไม ”
“ ยืนคุยมันเมื่อย เข้าใจปะ ” กวนตีนอีกสักรอบด้วยน้ำเสียงและหน้าตา
อยากให้ถามมากนัก
เดี๋ยวจะซักจนหาทางกลับเป็นมังกรไม่ถูกเลยนี่
ผมนั่งจ้องหน้ามันเพื่อคิดเรียบเรียงคำถามในหัว
“ จ้องเหมือนพี่เป็นสัตว์ประหลาดเลยนะ ” คงเพราะเห็นว่าผมเงียบไปนานมันแต่จ้องหน้ามันล่ะมั้งเลยพูดขึ้นก่อน
“ เออ สัตว์ประหลาด ” ผมตอบไปโดยไม่คิดแอบรู้สึกผิดนิดๆพอเห็นหน้าของมันที่ดูนิ่งงันไปเลย...
มันถอนหายใจ “ ทำเป็นไม่เคยเห็นไปได้ ”
“ ก็ไม่เคย ”
“ แน่ใจเหรอว่า ไม่เคย ”น้ำเสียงเรียบๆในคราแรกกลับไม่ใช่ในตอนนี้มันทั้งดังกว่าและใส่อารมณ์มากกว่าจนผมรู้สึกได้...
โกรธ น้อยใจ...น้อยใจบ้าอะไรวะ“ จะไปเคยเห็นได้ยังไงห่ะ เกิดมายี่สิบปีก็เพิ่งจะเจอมังกรเนี่ย ” ผมขึ้นเสียงใส่บ้างกลบรรยากาศแปลกๆ
“ นั่นสินะ ” มันปรับสีหน้าใหม่เหมือนเพิ่งนึกได้ “ งั้น...ชลอยากถามอะไรก็ถามมาเถอะ”
จิ้มข้างแก้มตัวเอง “ ทำไม... สีน้ำเงิน ”
ทำไมไม่เป็นสีอื่น
ในตำนานส่วนใหญ่ก็เป็นสีแดง สีดำ ไม่ใช่เหรอ
“ หน้ากับเกล็ดเหรอ ” มันชี้ที่หน้าและมือเกล็ดสีน้ำเงินเข้ม...“ มันเป็นที่สายพันธุ์ ”
เออเว้ย อันนั้นรู้ แต่ช่วยขยายความให้มนุษย์โง่ๆคนนี้เข้าใจหน่อยได้มั้ย
“ ทำไมเงียบล่ะ ” ไอ้พี่นาทชะโงกหน้าจนแทบชิดเมื่อเห็นเด็กปากมากอย่างผมดูเงียบๆงันๆ
“ ผมถามไป พี่ก็ตอบสั้นๆ ให้ผมมานั่งตรัสรู้เอง ผมก็ไม่รู้จะถามอะไรแล้ว เบื่อที่จะพูดกับคนปากหนัก ” กัดไปอีกนิด
บอกไปตามจริง...
ถามอะไรไป
แม่ง...มันก็ปล่อยให้ค้างๆคาๆ
เข้าใจเองคนเดียว
“ ชล... เชื่อเรื่องของมังกรจริงๆมั้ย ”
“ ตอนแรกก็ไม่เชื่อเท่าไหร่ พอเจอ... ” มองหน้ามันเป็นคำตอบ “ ก็เชื่อ ”
“ มังกรอย่างพวกเรา...มีหลายเผ่าพันธุ์ แบ่งไปตามธาตุและสิ่งที่ต้องปกป้องตามหน้าที่ สีแดงที่หมายถึงธาตุไฟ เสมือนเทพแห่งไฟ ” เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกว่ามันพูดเยอะและทำให้ผมเข้าใจมากขึ้น...
“ งั้นสีน้ำเงิน... ธาตุน้ำเหรอ ” ผมตาโตขึ้นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้น
มันยิ้มแล้วปล่อยให้กำกวม“ ไม่รู้สิ... คิดเอาเอง ”
ดีได้ไม่ถึงสิบวิ กลับมาพูดไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม
เดี๋ยวพ่ออัดหน้าสักรอบเอามั้ย!
“ ชลถามแล้ว พี่ขอถามบ้างนะ ” ไอ้พี่นาทมันเห็นผมเงียบก็เลยพูดขึ้นก่อน
ผมว่าออกไป “ ตามใจ ”
“ ชล ตกใจมากรึเปล่า ” มันลังเลที่จะถามดูจากสายตาที่กลิ้งไปมาอย่างกังวล... “ ที่พี่เป็น...มังกร ”
คำถาม...อือหือ
ไม่ถามผมพรุ่งนี้เลยละครับคุณ... ไอ้พี่นาทมันถามมาพร้อมกับดวงตาสีน้ำเงินสว่างของมันดูกังวลกว่าตอนแรกมาก เป็นใครก็ตกใจทั้งนั้นแหละ คนนะ จะแปลงร่างเป็นมังกรได้ไง นี่มันเรื่องเหนือธรรมชาติเลยนะ! ผมตกใจจนหายตกใจไปนานแล้ว
“ ก็ตกใจ... ” หน้ามันสลดลงจนแทบเหลือหนึ่งนิ้ว “ นิดหน่อย ”
“ ชลโกหก ”
บ๊ะ!
คนอุตส่าห์รักษาน้ำใจแล้วนะเว้ย
“ เออ ผมตกใจมากๆๆๆๆๆ จนจะบ้าแล้ว พอใจยัง! ”
ตะโกนใส่ด้วยความอัดอั้นก่อนจะได้เสียงหัวเราะของมันกลับมา ตลกบ้าอะไรห่ะ! พอโกหกไปก็ทำหน้าเศร้า บอกความจริงไปแล้วหัวเราะ... ไอ้มังกรประสาท...
“ ชล... อยู่กับพี่ ”
“ ... ”
“ ขอร้อง อย่าโกหกกัน ”
ผมเงียบ... รู้สึกเหมือนมีรอยรั่วในหัวกับคำพูดนั้น
คำพูดนั้น...มันแปลกๆ เหมือนจะ...เคยได้ยิน
ช่างมันเถอะ
“ ทำเหมือนผมจะอยู่กับพี่งั้นแหละ ไม่รู้รึไงเกลียด ” ผมว่าไป
มันยิ้ม “ รู้นานแล้ว ”
เกลียดแล้วยิ้มเนี่ยนะ... มังกรตัวนี้มันประสาทจริงๆ “ ถ้าไม่ถามพี่แล้ว พี่จะถามต่อนะ ”
ผมขมวดคิ้วงงๆ “ ให้สลับกันถามว่างั้น ”
“ จะได้แฟร์ๆไง ”
“ ตอนนี้พี่อายุเท่าไหร่ ”
“ ยี่สิบเอ็ด ...ถ้านับตามอายุของโลกมนุษย์นะ ” ไอ้พี่นาททำหน้าครุ่นคิดยกมือขึ้นนับเลขกันเลยทีเดียว สังเกตดีๆบนหน้าเฮียแกรอยแต้มสีหน้าเงินเริ่มหายไปแล้ว... เหลือแต่มือมันที่ยังเป็นเกล็ดแข็งๆอยู่
“ เอาอายุจริงสิครับคุณ! ”
“ ก็...ห้าร้อยยี่สิบสองปี ” ผมว่า...เรามาอยู่ในจุดที่อึ้ง ตะลึงจนจุกพูดอะไรไม่ออกแล้วล่ะ... รูปร่างภายนอกคือชายหนุ่มร่างสูงสวมชุดนักศึกษาใบหน้าอ่อนเยาว์วัยยี่สิบเอ็ด... แล้วจะให้ผมเชื่อเหรอ...
ว่า...คนตรงหน้าอายุตั้งห้าร้อยกว่าปีแล้ว
แต่...มันเป็นมังกร ผมลืม...
“ ทำไมไม่แก่ ” เด็กขี้สงสัยก็ต้องถามดิ
มันหัวเราะ “ เกินหนึ่งคำถามแล้วนะ ”
ผมชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะทำเสียงจิ๊ในลำคออย่างนึกขัดใจ “ เออ ถามผมมาดิ ”
“ แล้วชล...”
มันเม้มปากด้วยสีหน้าแปลกๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มหน้าระรื่นกวนประสาทผมแทน...
“ ...รังเกียจพี่มั้ย ” รังเกียจมั้ยงั้นเหรอ...
ถ้ามันถามว่าเกลียดอะไรมันบ้าง ผมนี่ต้องตั้งโต๊ะแถลงการณ์เลยว่านายชลธีเกลียดคุณม๊ากมากแค่ไหน... ถ้าเจอคำถามนี้ต่อให้ว่างสามวันก็ยังสาธยายไม่หมด แต่...ถ้าถามว่า...รังเกียจมั้ยนี่...ก็คงมีคำตอบเดียวแหละ...
ไม่ “ ก็...ฮึ ” ขอฟอร์มหน่อย
“ ...หมายถึง...ไม่รังเกียจที่พี่เป็นมังกรใช่มั้ย ”
รู้ว่าผมฟอร์มจัดแล้วยังจะถามให้ผมอายอีกนะ...
“ ไว้พี่เป็นไส้เดือนแมลงสาบก่อนแล้วกัน ผมถึงจะรังเกียจ ”
ทำไมผมต้องแพ้มันตลอดว่ะ
ทำไมต้องมาขยายความตลอดให้ตัวเองเสียฟอร์ม...
“ ผมถามต่อได้ยัง ”
“ อื้อ! ” คราวนี้มันยิ้มกว้างตาปิดให้ผมเลยทีเดียว... ที่พวกผู้หญิงชอบพูดกันว่าหมอนี่มันยิ้มสวย... คงจริงสินะ...
เฮ้ย! คิดอะไรของมึงอยู่เนี่ยชลธี!
“ คำถามเมื่อกี้ ทำไมไม่แก่ ” ยังคาใจ
แม่ง...อยากรู้เผื่อผมจะได้อายุยืนยาวหล่อลากแบบมัน
“ ก็ร่างนี้ไม่ใช่ร่างจริงของพี่ไง ” ...ผมว่ามันค่อนข้างจะเหนือธรรมชาติหนักเข้าไปแล้วสิ มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมเคยอ่านนะมันเป็นเรื่องเล่าคล้ายๆกับสิ่งที่ไอ้พี่นาทว่าแหละ... ทำไมรู้สึกมันชักประหลาดขึ้นทุกคำตอบ
ผมควรหยุดถามมั้ย
“ แล้วร่างจริงพี่เป็นยังไง ”
ยังอยากรู้อ่ะครับ
" เกินหนึ่งคำถามนะ ฮ่าๆๆ " ไอ้พี่นาทมันหัวเราะแต่ก็ไม่ว่าอะไรทำหน้าเลิกคิ้วข้างหนึ่งก่อนจะยกมือลูบคางทำท่านึกคิด... กวนทรีนนะมึง...
“ ก็... หล่อกว่านี้เยอะ ” จบครับ จบการสนทนาเท่านั้น กลับบ้าน แยกย้าย!! ผมลุกขึ้นยืนพรวดพราดทำเอาไอ้พี่นาทตกใจลุกขึ้นตามผมทันที
“ เฮ้ย พี่ล้อเล่น นั่งก่อนๆ ถามต่อๆ ”
ผมเงยหน้ามองมัน “ ผมถามอีกคำถามแล้วกัน เบื่อจะคุยกับมังกรหลงตัวเองแล้ว ”
“ หลายๆคำถามก็ได้ ” มันว่าเสียงอ่อย
“ เก็บไว้ถามวันอื่นแล้วกัน ”
“ ...งั้นต่อจากนี้เราจะได้เจอกันบ่อยๆเหรอ ” ผมว่า...ผมพลาดครั้งใหญ่เลย อยากจะตีปากตัวเองสุดๆ เพราะไอ้ความอยากรู้เรื่องของมันแท้ๆ เลยพลั้งปากออกไป โธ่...จะมีใครอีกนอกจากผมที่จะเจอมังกร เห็นมั้ย ไม่มี! เพราะงั้นผม นายชลธีจะเป็นผู้สืบค้นผ่าคว้านตับไตมาพิสูจน์เอง... อ่า...ผมว่าแค่ถามก็พอมั้ง ผมยังไม่อยากเป็นฆาตกรฆ่ามังกร
“ ไม่รู้เว้ย ” ชลธีจะไม่ยอมเผยไต๋อีกแน่ๆ “ จะให้ถามมั้ย! ”
“ ก็ถามมาสิ ”
ยิ้มอีกแหละ ไอ้ยิ้มที่เหมือนชนะผมตลอดเวลานี่...
แม่งโคตรน่าหงุดหงิด
“ ทำไม...ถึงเกล็ดขึ้นตอนหายใจ ” ผมถามในประเด็นที่ผมสงสัย... ผมเรียนสายวิทย์คณิตมาตั้งแต่มัธยมต้นนะ โดนฟูกฟักให้คิดสงสัยสังเกตตั้งสมมติฐานหาคำตอบ ตอนที่มันเกล็ดลามถึงต้นแขนตอนนั้นมันสูดลมหายใจเข้าปอดไปเต็มๆ... เห็นเปล่า ผมช่างสังเกต!
“ อ้อ... ”
“ เพราะเราอยู่ในเขตป่าอาถรรพ์ ” บทสนทนาเริ่มเข้ามาถึงในจุดยากอีกรอบ จุดที่ผมงงและไปไม่ถูก... มองรอบตัวที่เป็นป่าและป่า กลืนน้ำลายแทบไม่ทัน ที่นี่...คือป่าอาถรรพ์อย่างที่อาจารย์ศักดิ์ชัยบอกจริงๆนะเหรอ...
“ แล้ว...มันเกี่ยวอะไรกับพี่ ”
“ เกี่ยวสิ... เกี่ยวมากด้วย ”
มันจ้องลึกสบตาผมนิ่งแววตามันจริงจังแล้วสื่อบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจนัก...
“ ถ้าเป็นคนของป่าอาถรรพ์... หากเหยียบย่างเขามาในนี้ จะกลับร่างเดิมได้หากเราตั้งใจ ”
มือหยาบกร้านแข็งทื่อยกขึ้นลูบข้างแก้มผมเบาๆ
มันเจ็บ... แต่ทำไมมันอุ่น... จนไม่อยากให้มันผละออกจากใบหน้าเลย ไอ้พี่นาท... ตั้งใจให้ผมเห็น
ทำไม...ต้องผม
“ ...ทั้งๆที่นี่สำคัญ ...ทำไมถึงจำไม่ได้สักที ” มันเอ่ยเสียงแผ่วเป็นอีกครั้งที่ผมไม่ได้ยิน วงคิ้วของผมขมวดเข้าหากันอย่างงงๆ รู้สึกตัวอีกทีก็กระเด้งตัวลุกหลบมือหยาบๆของไอ้พี่นาทแล้ว
“ กลับกันเถอะ เริ่มเย็นแล้ว ”
ไอ้พี่นาทมันยิ้มเหมือนกับเมื่อครู่ไม่เคยได้แตะหน้าผม ส่วนผมเองก็ได้แต่เม้มปากแน่นอย่างสับสน ไอ้เมื่อกี้มันอะไรวะ ทำไมไม่ปัดมือออก... เว้ย! ไม่เข้าใจมันเลยจริงๆ
ผมเงียบไม่ได้ตอบรับอะไร
มันก็มองหน้าผมแล้วยิ้ม...เหนื่อยๆ
ค่อยๆหันหลังเตรียมเดินนำเพื่อพาผมออกจากป่า
ผมมองแผ่นหลังนั่นแล้วเลื่อนไปมองแขน...
ยังเป็นเกล็ดอยู่...“ แล้วจะไปสภาพนี้ ” ผมถามขึ้นท่ามกลางความเงียบของเรา
มันมองแขนตัวเองเล็กน้อย “ อีกพักใหญ่ๆก็กลับเป็นปกติ ไม่ต้องห่วงหรอก ”
ใครห่วงกัน! ไอ้พี่นาทดูจะไม่ใส่ใจนักยิ้มให้ผมราวกับจะบอกว่า...มันไม่มีอะไรหรอก เหอะ... อวดดีชะมัดไอ้มังกือ กิ้งกือเอ๊ย
ตุบ... “ ใส่ซะ ”
เสื้อคลุมสีดำของผมถูกโยนใส่หัวมัน...
ผมเบือนหน้าหนีสายตาและรอยยิ้มของมันที่ส่งกลับมา... ก็แค่...คิดว่าถ้าคนอื่นมาเห็นเข้า มันจะถูกเอาไปผ่าทดลองก็แค่นั้น เห็นแบบนี้ผมก็คนดีนะ!
“ ขอบคุณ ”
เสียงแผ่วของมันเอ่ยออกมาก่อนจะใส่เสื้อคลุมของผม... ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มหวานๆมาให้
ผมพยักหน้าให้มันแบบส่งๆไป
จากนั้นเราก็เงียบกันทั้งคู่... เบือนหน้าไปคนละทาง...
ปล่อยให้สายลมอ่อนๆพัดพาความรู้แปลกในอกออกไปอย่างช้า...
รู้สึกเหมือนหัวใจมันแกว่งแปลกๆกับรอยยิ้มเมื่อกี้...
กลับไปหอ ผมคงต้องหาจิตแพทย์สักรอบก็น่าจะดี...
หรือ...จะไปหาหมอหัวใจดี...
รู้สึกเหมือนมันเต้นแปลกไปจังหวะหนึ่ง
**************************************************
ตอนนี้...
ผม...
ออกจากป่ามาได้แล้วครับ!!
อยากจะเต้นระบำรอบมหา’ลัยจริงๆ ต้องขอบคุณไอ้พี่นาทจริงๆที่มันมาเจอตอนผมหลงป่าพอดี พอออกจากป่าได้สัญญาณโทรศัพท์ก็กลับมาพร้อมข้อความนับครึ่งร้อยสายที่ไม่ได้รับเกือบๆยี่สิบสาย ดูผ่านๆแล้วส่วนใหญ่ก็เป็นไอ้นนท์นั้นแหละ แล้วก็มีเพื่อนในคณะที่สนิทกันอีกสามสี่คน ผมส่งข้อความไปหาไอ้นนท์บอกว่าออกจะป่าแล้ว ไม่ต้องห่วงก่อนจะปิดเครื่องหนี...
ยังไม่พร้อมโดนมันซักครับ...
“ กินอะไรก่อนกลับหอมั้ย ”
เสียงหล่อดังขึ้น อย่าถามว่าเสียงใครก็เสียงไอ้มังกรที่ผมบังเอิญไปตกเก็บมาได้ในป่าไงครับ ไอ้พี่กัมปนาทไง... ตอนนี้มือของมันเริ่มกลับเป็นมือคนปกติแล้ว แต่ตรงต้นแขนมันยังมีเกล็ดอยู่ เสื้อผมเลยโดนยึดไปโดยปริยาย...
“ เลี้ยงปะ ”
หันมายักคิ้วก่อนตอบ “ ก็ได้นะ ”
“ งั้นไป ”
ของฟรี มีหรือนายชลธีจะพลาด
ลาภปากสิครับคุณ
“ แล้วปกติมังกรกินอะไร ”
ผมถามมันขณะที่เรากำลังเดินผ่านร้านข้าวน่ากินมามากมายแล้ว...
มองไปรอบๆเพื่อหาร้าน “ ก็กินเหมือนมนุษย์ปกติแหละ ”
“ จริงอ่ะ ” เด็กช่างสงสัยเช่นผมก็ยังคงถามต่อ
“ พี่ไม่หลอกเด็กหรอกครับ ”
ผมชักสีหน้ากับคำว่าเด็กของมัน คิดว่าตัวเองผู้ใหญ่มากรึไงถึงได้ทำท่าทางดุผมเหมือนผมเป็นเด็กน้อย เฮ้ย แต่มันก็อายุตั้งห้าร้อยกว่าแล้วนี่หว่า ลืมเลย มังกรแก่
ร่างจริงมันคงเป็นตาแก่ถือไม้เท้าแน่ๆ...
“ สั่งเลย ”
เสียงไอ้พี่นาทว่าขึ้นเมื่อเราเข้ามานั่งในร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางร้านหนึ่งหลังจากเดินมาเป็นชั่วโมงกว่าจะหาร้านถูกใจเจอ
“ ผมเอาเล็กต้มยำสองแล้วกัน ” ผมว่าไปเหมือนจะขออนุญาตมัน เพราะมันคือคนจ่ายตังค์ เราต้องให้เกียรติสิครับ นี่มารยาทงามดังชายไทยสมัยก่อนเลย
“ พี่เอาบะหมี่ต้มยำพิเศษเส้น สิบชามแล้วกันนะ ” มันหันไปบอกกันเด็กในร้านที่ยืนจดอยู่ เด็กสาวทำตาโตกับจำนวนชามไม่ต่างจากผม
“ กินหรือยัด ” ถามไปหลังจากเด็กพนักงานเดินออกไป
“ ปกติพี่ก็กินเยอะแบบนี้แหละ ”
“ นั้นสิ มังกรก็ต้องกินเยอะ ” ผมพึมพำราวกับคุยกับตัวเองก่อนจะเขี่ยๆก้อนน้ำแข็งในแก้วน้ำเล่นระหว่างรอเล็กต้มยำของตัวเอง
อืม... มังกรงั้นเหรอ
ทำไมผมต้องเป็นคนเจอด้วยวะ ยิ่งไอ้อาจารย์ศักดิ์ชัยนั่นก็พูดกรอกหูก่อนหน้าผมจะเจอกับมังกรประมาณชั่วโมง เหมือนว่าแกจะรู้เลยว่าผมจะเป็นคนเจอ... ผมว่าเรื่องนี้มันแปลกๆนะ
อืม จะว่าไป...เหมือนผมลืมถามเรื่องสำคัญไปนะ...
“ ไอ้พี่นาท ”
“ หือ? อะไรครับ ” มันช้อนตาอ้อนๆของมันขึ้นมาสบตาผม...
“ ถ้าพี่เป็นมังกร ”
“ แล้วฟ้าล่ะ เธอเป็นมังกรรึเปล่า ” ใช่ ฟ้าเป็นน้องของไอ้พี่นาท แสดงว่า...ฟ้าของผมก็ต้องเป็นมังกร... ไม่จริงน่า บอกทีดิว่ามันไม่จริง ผมแอบชอบมังกรชอบมาเป็นปีๆเลยเหรอวะ
ไอ้พี่มังกือมันมองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าเบาๆพลางระบายยิ้มไปด้วย...
“ ไม่ใช่...”
อะไรนะ...
“ ฟ้าไม่ใช่มังกร ”
ทำไม
“ ฟ้าเป็นมนุษย์ธรรมดา ”
ก็เป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ...
“ อีกเรื่อง... พี่กับฟ้าไม่ใช่พี่น้องกัน ” เหมือนกับว่ามันอ่านใจผมได้ยังไงยังงั้น มันตอบมาตรงกับที่ผมกำลังตั้งถามในหัวทุกอย่าง... ผมนั่งอึ้งและสับสนกับสิ่งที่ได้ยิน มันเรื่องอะไรกันวะ
“ ไม่ใช่พี่น้อง... ได้ไง ก็ไหน ” ผมไม่สามารถเรียบเรียงคำพูดได้เลยจริงๆ ใครๆก็รู้ว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน
“ ชล... เชื่อเรื่องเวทมนตร์มั้ย ” ไอ้พี่นาทมันยืดตัวนั่งดีๆก่อนจะโน้มมาเท้าคางกับโต๊ะให้ระยะการคุยของเราสั้นลงเพราะคนในร้านเริ่มเยอะขึ้นเหมือนกับมันกำลังกลัวว่าใครจะมาได้ยิน...
“ มังกร... สามารถใช้เวทมนตร์ได้ ”
ผมว่า...ผมควรไปนอนแล้วนะ มันเยอะเกินไปที่ผมจะรับไหวแล้ว... มังกร ป่าอาถรรพ์ เวทมนตร์... นี่มันลึกลับเกินไปแล้วนะ
“ แค่ลบและสร้างความคิดความทรงจำ สอดแทรกใหม่เข้าไป มันไม่ใช่เรื่องยาก ”
บะหมี่ต้มยำของไอ้พี่นาทสามชามแรกถูกวางบนโต๊ะ มันหยิบตะเกียบขึ้นมาก่อนจะเริ่มคีบเข้าปากช้าๆ...
“ อันที่จริง... มีคำถามหนึ่งที่พี่อยากให้ชลถามพี่ ”
อยากให้ผมถามงั้นเหรอ...
หลังจากมันกลืนเส้นบะหมี่ของมันไปเรียบร้อยแล้ว เล็กต้มยำของผมก็ถูกวางบนโต๊ะ มันรอให้เด็กพนักงานร้านเดินออกไปก่อนแล้วค่อยพูด...
“ พี่อยากให้ชลถาม... ”
“ ทำไมต้องเป็นชล ทำไมพี่ถึงอยากให้รู้ชลรู้ว่าพี่เป็นมังกร ” นั่น...เป็นคำถามที่ผมอยากถามที่สุด
แต่ผมไม่แน่ใจกับคำตอบของมัน
ผมกลัวว่า...คำตอบของมันจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผม
TBC************************************
ขอบคุณนะคะ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ