ตอนที่ 13 ผิดสัญญา
(1/2)
“ไปทำค่ายกัน” ไอ้ทัศถามผมขึ้นมาหลังจากที่นำข้าวมาวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน พวกเรามากินข้าวกันที่ตึกเรียนรวมครับ
“กูไม่ว่าง”ผมรีบตอบออกไป แค่ทุกวันนี้ผมก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน
แถมยังต้องมาคอยรับมือพี่เนลมันอีก ถ้าต้องไปทำค่ายอีกมีหวังตายแน่ๆ
“กูไม่ได้ถาม แต่กูบังคับ”
“ใช่ มึงต้องไปทำค่ายกับกู ไอ้ซานมันก็รับปากไปแล้ว เหลือมึงคนเดียว” ไอ้เหม่ยเอ่ยสมทบ
พวกมึงก็กดดันกูจังวะ
“ไม่ไปโว้ย เวลากูเป็นเงินเป็นทอง”
“ไม่ได้” ไอ้ทัศและไอ้เหม่ยเอ่ยออกมาพร้อมกัน ทีงี้ล่ะสามัคคีกันจังนะพวกมึง!
“ทำไมบังคับกูวะ”
“ไปเถอะไอ้ภีม ไปทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนมั่ง จะจบอยู่แล้วเนี่ย”จะจบพ่อง มึงพึ่งขึ้นปี 2 พูดเหมือนมึงอยู่ปี 4 อย่างนั้นแหละ จะรีบแก่ไปไหนไอทัศ!
“ใช่ พวกเราไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้ร่วมกันเลยนะ ไปเถอะ”ไอ้เหม่ยทำหน้าอ้อนวอนสุดฤทธิ์
พร้อมเขย่าแขนผมเบาๆ ตอนนี้มันเหมือนลูกแมวขี้อ้อนเลยล่ะครับ ถึงแม้ภายในมันจะเถื่อนก็เถอะ
“ไปเถอะไอ้ภีม กูอยากให้มึงไปด้วย จะได้ครบแก๊ง”
“ไปเถอะนะ”
“ไอ้ซาน ช่วยกูพูดเป่าหูไอ้ภีมมันหน่อยดิวะ” ไอ้ทัศหันไปขอความช่วยเหลือจากไอ้ซานที่นั่งหน้านิ่งกดโทรศัพท์เงียบๆอยู่ข้างผมตั้งแต่เช้าแล้ว
ไอ้ซานมันเงยหน้าจากมือถือขึ้นมามองไอ้ทัศที่ทำหน้าอ้อนวอนแบบไอ้เหม่ยบ้าง มึงอย่าทำหน้าแบบนี้อีกแนะไอ้ทัศ กูขอร้อง! ไอ้เหม่ยมันทำแล้วน่ารักไง แต่มึงมันน่าเกียจ
ไอ้ซานวางมือถือมันลง พร้อมหันหน้ามาหาผม
สีหน้ามันตอนนี้ดูจริงจังมาก
แค่เป่าหูกูไม่เห็นต้องทำหน้าจริงจังขนาดนี้ก็ได้ไหม
“ไอ้ภีม”
“...” ไอ้ซานทำหน้าตาเหมือนยักษ์เลยสัด! กูกลัว
ทำหน้าแบบนี้ผมไม่กล้าแม้จะปฏิเสธมันออกไปเลย
ไปก็ได้เว้ย ความจริงคือกูใจอ่อนตั้งแต่ไอ้เหม่ยทำหน้าแมวใส่แล้ว
“...” มันจ้องหน้าผมนิ่งไม่พูดอะไรออกมา
แต่ผมรู้สึกเหมือนได้รับแรงกดดันมหาศาลที่แผ่ออกจากตัวมันเลยวะ
“มึงเป็นอะไรกับพี่เนล”มันถามเสียงนิ่ง สีหน้ามันดูเครียดมาก
“หือ?” ไม่ได้จะพูดเรื่องค่ายหรอกเหรอ
“กูถามว่ามึงเป็นอะไรกับพี่เนล”
“จะรู้ไปทำไมวะ”
“กูถาม มึงแค่ตอบ”ไอ้ซานเค้นเสียงออกมา เหมือนมันเริ่มไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าเป็นอะไรกับพี่มัน
เพื่อน
รุ่นพี่
คนรู้จัก
หรือ....
เบ๊?
ข้างหลังน้ำหนักเยอะสุด คงเป็นเบ๊มันล่ะมั้ง
“มันเป็นเจ้านายกู” จะบอกว่าเป็นเบ๊ให้มันกดขี่เพื่อถอนบ้านคืนก็กะไรอยู่
“ห๊ะ” ไอ้เหม่ยกับไอ้ทัศอุทานออกมาพร้อมกัน วันนี้พวกมึงชักจะสามัคคีกันเกินไปแล้ว
“ใช่เหรอไอ้ภีม” ไอ้ซานถามคาดคั้น ประหนึ่งไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด
“ก็ใช่สิวะ พี่เนลมันจ้างกูทำงานให้มัน กูกับมันเป็นแค่นายจ้างกับลูกจ้างเท่านั้น”
“กูพึ่งรู้นะ ว่านายจ้างกับลูกจ้างเขาเกือบจูบกันในห้างด้วย”
“ห๊ะ!” ไอ้เหม่ยกับไอ้ทัศอุทานพร้อมกัน พลางหันหน้ามาจ้องผม
“มึงพูดอะไรของมึงวะ”
“เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าล่ะ ไอ้ภีม”
“ไม่จริงโว้ย มึงไปเอามาจากไหน”
“เขาลือกันทั้นโซเซียลแล้ว เรื่องที่มึงกับพี่เนลไปเดินซื้อของด้วยกัน และเกือบจูบกันในห้าง แถมพี่แกก็เดินโอบไหล่มึงด้วย เนี่ยเหรอวะเจ้านายเขาทำกับลูกน้อง?”
“ไม่ใช่โว้ย เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว” สงสัยสองสาวนั่นเอารูปไปปล่อยลงโซเซียลแน่ๆ ไอ้พี่เนลก็อีกคนอยากต่อยให้หน้าคว้ำเลย ชอบนักทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ตอนนี้คือไม่ใช่แค่สองสาวนั่นไง แต่เป็นคนทั้งมหาลัย
โอ้ย ไอ้ภีมอยากตาย
“กูถามจริงเถอะ มึงเป็นอะไรกับพี่เนลกันแน่” ไอ้นี่ก็คาดคั้นกูจัง ก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรกับมัน
มันเป็นแค่เจ้านายกูเท่านั้นโว้ย อย่าให้กูได้พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ
“เป็นเมีย”
“ห๊ะ?” พวกเราอุทานออกมาพร้อมกันทั้งโต๊ะ อึ้งสิครับ อึ้งทั้งโต๊ะ รวมผมด้วย
คนที่ตอบคำถามไอ้ซานเมื่อกี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพี่เนลที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ กับเดอะแก๊งครบทีม
พวกนั้นถือจานข้าวมาคนละจาน พร้อมเดินเอามาวางไว้บนโต๊ะเดียวกับพวกผม
อย่าบอกนะ ว่าจะมานั่งกินข้าวด้วยน่ะ
“กินข้าวด้วยนะ” พี่ฟงที่ดูเหมือนจะมีมารยาทที่สุดเอ่ย
ชัดเจน ไขข้อสงสัยโดยไม่ต้องถามออกไป
“ครับ เชิญครับ”ไอ้ทัศเอ่ย
ผมหันไปจ้องเขม่นใส่มันทันที ไอ้ทัศทำลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผม อยากกระโดดเตะก้านคอให้หักจริงๆ
“พี่พูดอะไรวะ ใครเป็นเมียพี่ พูดให้มีดีๆหน่อย” ผมหันไปโวยวายใส่พี่เนลที่กำลังเดินมาฝั่งผม
“กูพูดความจริง”
“ความจริงเหี้ยอะไร แล้วพี่จะมานั่งแทรกผมทำไมเนี่ย ที่มีตั้งเยอะ อึดอัดโว้ย”
มันเดินมานั่งแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้ซาน ผมพยายามดันมันให้ลุกออกไป แต่มันยังคงนั่งเป็นอนุสาวรีย์อยู่ข้างๆ
ออกไปสิวะ!
“หลีกไป” มันหันไปจ้องหน้าไอ้ซาน เป็นเชิงไล่ ไอ้ซานเห็นอย่างนั้นจึงยอมลุกไปนั่งข้างๆพี่เมฆแทน
มันจะเกินไปแล้ว! มึงมาทีหลัง แล้วยังมีหน้ามาไล่เพื่อนกูอีก
ผมลุกขึ้นถือจานข้าว หวังตามไปนั่งกับไอ้ซาน แต่โดนไอ้พี่เนลมันรั้งแขมผมเอาไว้ก่อน
“จะไปไหน”
“ไปนั่งกับไอ้ซาน”
“กูไม่ให้มึงไป เป็นเมียมันหรือไง ถึงตามมันไปทุกที่น่ะ นั่งลง!”มันสั่งผมเสียงดุ
“ไม่ได้เป็นเมียโว้ย เป็นเพื่อน” ผมตอบมันไปด้วยความเอือมระอา
“เป็นแค่เพื่อนจะตามไปนั่งด้วยทำไม มานั่งกับผัวมึงนี่” ห่าเน้นจังวะ
มันพูดเน้น คำว่าแค่เพื่อนพลางจ้องหน้าไอ้ซานเขม่น ก่อนเบนสายตามามองหน้าผมแล้วพูดคำว่า ผัว ย้ำชัดเจน
พ่อมึงเถอะ!
“พี่มาเป็นผัวผมตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เดี๋ยวก็เป็น”
“ชาติหน้าเถอะ! รอผมเกิดเป็นผู้หญิงก่อนนะ”
“ชาตินี้แหละ ถึงมึงเป็นผู้ชายกูก็เอา” แม่ง กวนตีนกูแล้วไง
“ชาติหน้าพี่ยังไม่มีหวังเลยมั้ง”
“ชาตินี้ เดี๋ยวกูก็ได้มึง ไม่ต้องรอถึงชาติหน้าหรอก” มึงไปเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหน!
“แต่ผมไม่ได้เป็นเกย์”
“เดี๋ยวมึงก็เป็น ลองมาขึ้นเตียงกับกูสักครั้งสองครั้ง รับรองติดใจ”
“เหอะ! พวกที่มีดีแค่หน้าตาแต่เอามาทำพันธุ์ไมได้อย่างมึงน่ะ กูไม่เอามาทำพันธุ์ให้เสียเวลาหรอก”
“มึงรู้ได้ไงว่ากูทำพันธุ์ไมได้ มาลองผสมพันธุ์กับกูไหมล่ะ มึงจะได้รู้ ว่าจริงๆแล้วพันธุ์กูดีขนาดไหน”
เดี๋ยว! ทำไมวกเข้าเรื่องนี้
“ฮิ้วววว หมอภีมว่าไงครับบบ”ไอ้ทัศเอ่ยแซว
“สัด” เดี๋ยวกูมีเรื่องต้องเคลียร์กับมึง แบบแมนๆคุยกันแล้วไอ้พี่เนล
“จะยืนอีกนานไหม นั่งได้แล้ว”พี่เนลสั่งเสียงห้วน
“...” นิ่ง
“กูให้มึงเลือก ว่าจะนั่งลงดีๆ หรือจะนั่งตักกู!”
พรึบ
นั่งลงทันทีด้วยความรวดเร็ว เรื่องอะไรต้องมานั่งตักมันกลางโรงอาหารแบบนี้วะ ไม่ไหวๆ
“ฮ่าๆๆ น่ารักว่ะ” พี่ฟิวที่นั่งมองอยู่หัวเราะร่วน
พี่เนลขมวดคิ้วมุ้ย ก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่เชื่อ “น่ารักตรงไหนวะ”
“น่ารักดิ ขอยืมไปเลี้ยงที่บ้านได้ไหมวะ เชื่อฟังดี อยากได้” พี่ฟิวพูดต่อพลางยื่นมือมาตบไหล่พี่เนลเบาๆ
ผมคนนะ ไม่ใช่สัตว์ มันยืมไปเลี้ยงได้ด้วยหรือไง
“เชื่อฟังห่าไร ดื้อ!! ถ้าอยากได้ก็เอาไปดิ”
“ให้จริง?”
“เอ่อ แต่มึงต้องเป็นศพก่อนนะ”
“อู้หู้ โหดจัง กูกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว” พี่ฟิวเอามือกุมอกเอาไว้ พร้อมทำหน้ากลัวพี่เนลเต็มแก่ พี่ครับไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ ดูก็รู้ว่าพี่ตั้งใจกวนตีมัน
“หึ” พี่เนลเค้นหัวเราะออกมา ก่อนเบนความสนใจมาทางผม
ผมตักข้าวในจานกินโดนไม่สนใจมันที่นั่งเอามือท้าวคางมองอยู่
แต่มาโดนจ้องตอนกินข้าวแบบนี้ ก็อดรู้สึกอึดอัดแปลกๆไม่ได้
เป็นการกินข้าวที่กดดันที่สุดเลยว่ะ
อึดอัด…
จะจ้องอะไรนักหนาวะ
ผมทนแรงกดดันทางสายตาของพี่เนลไม่ไหว จึงถามมันออกไป
“จะมองอะไรนักหนาวะ ไม่กินข้าวหรือไง”
“....” มันไม่ตอบ แต่ส่งสายตาไปที่กุ้งตัวโตๆของผม พร้อมมองกุ้งสลับกับมองหน้าผมไปด้วย
เห้ย! อย่าบอกนะ มึงจะแย่งกุ้งกู!
อุส่าห์เก็บไว้กินทีหลัง มึงจะมาแย่งกูกินแบบนี้ไม่ได้นะ
ผมรีบหันจานข้าวผัดกุ้งหนีมันทันที เป็นการบอกอ้อมๆว่า กูไม่ให้มึงกิน
“กินหน่อย”
“ไม่เอา พี่ก็กินของพี่ไปดิ”
“แต่กูอยากกินกุ้ง”
“แล้วทำไมไม่สั่งมากินตั้งแต่แรกละ”
“ตอนนั้นยังไม่อยาก แต่เห็นมึงกินแล้วอยากขึ้นมาเลย”
“พี่ก็ซื้อใหม่ดิ”
“แต่กูอยากกินของมึง”
มันส่งจานข้าวมาให้ผม ก่อนส่งสายตาเชิงบังคับให้ตักกุ้งใส่จานมัน
แค่กุ้งมึงยังจะแย่งกูกินเนาะ
“…” ผมมองกุ้งในจานตาละห้อย ยังไม่ทันได้กินก็ด่วนจากไปแล้วเหรอไอ้น้อง
ผมตัดกุ้งใส่จานพี่เนลมันแต่โดยดี ไม่อยากมีปัญหากับมัน เดี๋ยวได้เถียงกันยาวไม่ได้กินข้าวกันพอดี อะไรที่ยอมได้ก็ต้องยอมๆมันไป
พอผมตักกุ้งใส่จานมันจนหมด ก็ยื่นจานคืน พี่เนลรับจานไป ก็ยอมตักข้าวกินแต่โดยดี
แต่อ๊ะ! ปลาหมึกในจานมันน่ากินว่ะ
“พี่เนล แลกกัน ผมให้กุ้งพี่แล้ว ขอปลาหมึกให้ผมเถอะ”
“ไม่” มันปฏิเสธเสียงแข็ง
อะไรวะ! ไม่ยุติธรรม
ใช้วิธีเดียวกับมันจะได้ผลไหมวะ ต้องลองแล้วล่ะ
ผมจ้องหน้าพี่เนลมันคืนบ้าง
มันตักข้าวกิน พลางหันมามองผมเป็นพักๆ
อึดอัดล่ะสิมึง ฮ่าๆ
มันหันมามอง ผมก็ส่งสายตาพร้อมทำหน้าแมวเลียนแบบไอ้เหม่ยเผื่อมันจะใจอ่อนลงบ้าง
ดูเหมือนมันจะทนสายตาผมไม่ไหว จึงเอาส้อมจิ้มปลาหมึกในจาน ก่อนส่งมาให้ผม
ผมรีบงับปลาหมึกที่มันยื่นให้กินอย่างเอร็ดอร่อย โดยลืมตัวว่า มีสายตานับสิบคู่จ้องมองอยู่
“อุ้ยๆๆๆ พี่เนลขาน้องฟิวก็อยากกินปลาหมึกค่ะ ป้อนหน่อยสิคะ”
“กูไม่ให้ อยากกินก็ไปซื้อเอง”
“กูจะกินของมึง” พี่ฟิวส่งจานของตัวเองให้ ก่อนส่งสายตาเชิงบังคับเลียนแบบพี่เนลตอนที่แย่งกุ้งผมเมื่อกี้
ฮ่าๆ เหมือนว่ะพี่
“ไม่ให้”
“ทีน้องภีมให้กิน แถมป้อนให้อีก ทีเพื่อนเสือกหวง ความยุติธรรมอยู่ตรงไหววะ” พี่ฟิวบ่นอุบอิบ
“กูจะให้หรือไม่ให้ใคร มันก็สิทธิของกู ปลาหมึกกู”
“งั้นกูขอกินกุ้ง”
“ไม่ให้ กูหวง”
“อะไรวะ กุ้งเป็นของน้องไม่ใช่ของมึงสักหน่อย ยังจะหวงอีก”
“กูไม่ได้หวงกุ้ง กูหวงเจ้าของกุ้ง”
“อู้ยยยยยยย”อุทานกันทั้งโต๊ะเลยครับ พวกที่กินข้าวอยู่เงียบๆ ก็คงอดที่จะแซวไม่ได้
รีบตัดข้าวยัดใส่ปากจนแก้มตุ่ย พยายามเคี้ยวไห้ไว จะได้รีบๆออกไปจากโต๊ะนี้สักที แม่งอยู่ไม่ได้แล้ว โคตรอันตราย
ไอ้พวกแก๊งเห็นผมรีบกิน ก็พยายามถ่วงเวลากินให้ช้าลง โดยเฉพาะไอ้ทัศที่กินช้าเป็นพิเศษ
ไอ้ทัศ บางทีกูก็คิดนะ ว่ามึงไปติดสินบนอะไรรุ่นพี่พวกนี้หรือเปล่า
ผมส่งสายตาไปให้ไอ้ทัศ พร้อมเอามือขึ้นมาทำท่าเชือดคอให้มันดู
เป็นเชิงว่า ถ้าไม่รีบมึงตาย
มันหัวเราะ ‘หึ’ ในลำคอ ก่อนจะลงมือตักข้าวกินต่ออย่างช้าๆ
ผมทนไม่ไหวลุกพลวด เดินหนีไปทันที
อยู่ต่อไม่ได้แล้ว
ไม่วายได้ยินเสียงพี่ฟงพูดงึมงำตามหลังมา “เป็นการแสดงที่มีความจริงซ่อนอยู่”
พี่มันพูดอะไรของมันวะ แต่ก็ช่างมันเถอะ
-----------------------------------------------------------------------------------------------
[Nel Talk]
"จิตใจมึงทำด้วยอะไรวะ แม่ง! กะใช้น้องมันให้คุ้มเลยหรือไง" ไอ้ฟิวโผล่พรวดขึ้นมาหลังจากที่น้องภีมและเพื่อนของมันไปจนหมดแล้ว
"น้องมันต้องมาทนกับคนอย่างมึงไม่พอ ต้องมาเป็นหมากให้มึงใช้เดินตามที่มึงต้องการอีก แค่บ้าน แม่ง! ไม่คุ้มวะ" ไอ้แจ็คเสริม
"กูล่ะสงสารน้องมันจริงๆที่ต้องมารู้จักกับคนอย่างมึง!" ไอ้เมฆที่นั่งเงียบตั้งแต่แรกเอ่ยบ้าง
"เพราะน้องมันเป็นผู้ชายมึงเลยกล้าทำกับน้องมันงี้? โกธรแทนเลยวะ ไม่คิดเลยว่าจะมีเพื่อนเลวแบบนี้" ไอ้ฟิวพูดออกมาอีกครั้ง
“…” ผมก็นั่งเงียบฟังมันบ่นไป ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้พวกเพื่อนมันฟังบางส่วน
"กูอยากรู้จริงๆ ว่าถ้าน้องมันรู้ความจริงขึ้นมา จะเป็นยังไง ถ้าน้องไม่ได้รักไอ้เนลก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้ารักขึ้นมาจริงๆคงเจ็บปวดน่าดู กูเชียร์ให้น้องภีมเอามีดมาแทงไอ้เนลให้ตาย คนแบบนี้แม่ง! ไม่น่ามีชีวิตรอดจนถึงทุกวันนี้ว่ะ"
เอาเข้าไป เชิญมึงด่ากูให้สมใจพวกมึงเลย
ถึงจะรู้สึกผิดกับไอ้เด็กนั่นไปบ้าง แต่..ก็ช่วยไม่ได้ ในชีวิตนี้ไม่มีใครที่ผมจริงจังเท่าม่านฟ้าอีกแล้ว
ในเมื่อเธอให้โอกาสมา ผมต้องรีบคว้าเอาไว้
ถึงแม้โอกาสนี้จะทำร้ายมันไปบ้าง แต่คงไม่เป็นอะไรมากหรอก
ถึงตอนนั้นจริงๆ ค่อยอธิบาย และขอโทษ มันไปก็แล้วกัน
หวังว่ามันจะเข้าใจผม...
"เอาเถอะ ยังไงก็เป็นเรื่องของมึง กูจะไม่ยุ่ง แต่กูจะเตือนมึงไว้ เล่นกับความรู้สึกคนอื่นมากๆระวังมันจะกลับมาทำร้ายตัวมึงเองก็แล้วกัน"
"มึงหมายความว่าไง ไอ้ฟิว"
"ระวังใจมึงไว้เถอะ!"
"มึงจะบอกว่ากูอาจหลวมตัวไปชอบไอ้เด็กนั่นน่ะนะ? เหอะ! ไม่มีวัน"
“มันก็ไม่แน่หรอก กูสัมผัสได้นะ ว่าที่มึงทำๆกับน้อง ถึงแม้มึงจะบอกว่าทำเพื่อหลอกให้น้องมันหลงรักมึง แต่กูรู้ว่ามันยังแฝงความรู้สึกจริงๆของมึงเอาไว้อยู่”
“เพ้อเจ้อไอ้ฟง” ผมเอ่ยบอกไอ้ฟงไป สัมผัสเหี้ยอะไรขอมึง เป็นหมอผีหรือไงวะ
อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปมากกว่าตัวกูเลย
"ระวังขุดหลุมฝังตัวเองนะไอ้เนล ใครจะไปรู้อนาคตได้ล่ะวะ อีกอย่างน้องมันก็น่ารักขนาดนั้น กูรู้ว่ามึงแพ้ทางคนอย่างน้องมัน จะไปหาใครที่ยอมมึงได้อย่างน้องภีมได้จากไหนอีกวะ"
"เหอะ! ยอมกูเหรอ? ตลกแล้วไอ้ฟิว มันดื้อจะตาย สั่งอะไรก็เอาแต่เถียง เนี่ยนะ เชื่อฟัง?"
"แล้วน้องมันยอมทำป่ะ ถึงจะเถียงไปบ้าง แต่น้องมันก็ยอมมึง ความจริงจะไม่ทำก็ได้ ถึงมึงขู่น้องมันยังไง ถ้าคนมันจะไม่ยอมยังไงก็ไม่ยอมอยู่ดี แต่น้องมันก็ยอม"
"มึงไม่รู้อะไร อย่ามาพูดดีกว่าว่ะ"
"ถึงกูจะไม่รู้อะไร แต่กูก็รู้ว่าสิ่งที่มึงกำลังทำอยู่มันไม่สมควร"
"หยุดเถอะ เลิกเล่นกับความรู้สึกคนอื่นสักที ตอนนี้น้องมันไม่ชอบมึงก็ดีแล้ว จะไปทำให้น้องมันชอบทำไมวะ"
"เพื่อตัวกูเอง"
"ยอมแล้ว" พวกเพื่อนพูดออกมาพร้อมกัน
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(ขอย้อนกลับไปเมื่อวาน)
“อ่าว แล้วจานล่ะ” ผมตะโกนตามหลังไอ้ลูกหมา ที่เดินหนีขึ้นไปบนห้องเรียบร้อยแล้ว
อะไรของมันวะ
ผมมองซากอารยธรรมที่มันทิ้งไว้ให้ผมล้างอย่างเหนื่อยใจ
กูไม่ได้จ้างมึงมาเพื่อเพิ่มภาระนะโว้ย
แต่ก็ช่างมันเถอะ เห็นแก่มันที่อุส่าห์ตั้งใจทำข้าวแฉะและไข่เจียวรสชาติหมาไม่แดกมาให้ผมกิน
ตอนแรกไม่คิดจะกินต่อหรอก เห็นมันทำหน้าจ๋อยแล้วอดสงสารไม่ได้ เลยกินเป็นเพื่อนมัน
คำแรกๆก็ฝืนกินอย่างทรมาน แต่หลังๆไม่รู้สึกอะไรแล้ว ลิ้นติดพิษจนไม่รับรู้รสชาติอะไรเลย
ผมเก็บจานของตัวเองซ้อนไว้กับจานของน้องมัน แล้วนำไปล้างที่อ่างล้างจาน
นอกจากจะไม่ล้างให้กูแล้ว มึงยังจะทิ้งจานมึงมาให้กูล้างอีกนะ
พอล้างเสร็จก็นำไปวางไว้ที่ชั้นวาง ก่อนปิดไฟชั้นล่างแล้วเดินขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง
ผมเดินเข้าไปห้องน้ำ จัดการทำธุระส่วนตัวของตัวเองเสร็จสรรพแล้ว พร้อมเช็ดผมที่เปียกหมาดๆเดินออกจากห้องน้ำ
เดินไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงขึ้นมา เปิด Facebook เช็คข่าวสารหน่อยก็แล้วกัน
พอเปิดเข้ามาก็ต้องตกใจกับยอดแจ้งเตือน และข้อความที่เข้ามาไม่หยุดไม่หยอน
เกิดอะไรขึ้นวะ
ผมกดเข้าไปดูในแจ้งเตือนที่มีคนแท็กผมเข้ามา
มันเป็นโพสที่ถูกแชร์มาอีกที จากเพจ xx cute boy
Sipantida Si. ได้แท็กคุณ
พร้อมแคปชั่น ‘ไม่จริงใช่ไหมคะพี่เนล ช่วยมาอธิบายผู้หญิงตาดำๆแบบพันได้รู้ที’
เนื้อหาในรูปมาจากทวิตผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นรูปของผมกับน้องภีมตอนที่อยู่ในห้าง
หืม ถ่ายมุมนี้เหมือนกำลังจะจูบกันเลยว่ะ รู้เลยว่าใครเป็นคนปล่อยรูป คงจะเป็นน้องสองคนที่แอบเดินตามผมมาตั้งแต่ห้างประตูทางเข้าห้างนั่นแหละ
บนรูปมีแคปชั่นว่า ‘น่ารักมากเลยค่ะคู่นี้ ดูลักษณะแล้วน่าจะคบกันมานานแล้วนะคะ พอดีอีฉันไปเจอผัวเมียคู่นี้เดินซื้อของกันในห้างค่ะ เลยแอบตามไปดู อู้หู สวีตกันไม่อายฟ้าอายดินเลย พี่ตัวสูงแลดูหวงเมียจนอีฉันอิจฉามากเวอร์ มีการโอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของ แถมยังดูแลเมียอย่างดี ช่วยถือของที่ซื้อทั้งหมดเอง น่ารักอะไรขนาดนี้ ปล.ในรูปเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ #คู่เกย์ #คู่เกย์หล่อบอกต่อชะนีด้วย #แนะนำคู่เกย์ให้โลกรู้’
ผมนี่กุมขมับเลย ตอนแรกก็เห็นน้องเขาจิ้นแล้วดูเหมือนไอ้เด็กภีมมันจะไม่ชอบ เลยอยากแกล้งมันสักหน่อย แต่ไม่คิดว่าสองสาวนั่นจะมโนได้เป็นเรื่องใหญ่โตได้ขนาดนี้
น้องครับ พี่ไม่ได้ช่วยมันถือของครับ
อยากจะเม้นตอบน้องพันอะไรนั้นไปว่า ‘ไม่ใช่ครับ เข้าใจผิดแล้ว’ แต่ต้องปล่อยไว้ ขืนไปแก้ข่าวม๊ากับป๊ามาเห็นจะลำบากกับผมภายหลัง
ปล่อยไว้แบบนี้แหละ ดีที่สุดแล้ว ถ้าม๊ามาเห็นจะได้รู้ว่าผมกับมันรักกันดี
ผมปิดมือถือ ก่อนจะไปปิดไฟเตรียมนอนหลับ
พอหัวถึงหมอนผมก็หลับไปทันที
---------------------------------------------------------------------------------------
ครืด ~ ครึด ~
ใครมันโทรมารบกวนเวลานอนวะ
ผมตื่นมางัวเงีย เอามือขยี้ตา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงขึ้นมาดู
หน้าจอปรากฎเบอร์ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ทำเอาผมใจสั่น
‘ม่านฟ้า’
ผมรีบกดรับ ก่อนจะได้ยินเสียงหวานๆที่เป็นดังดวงใจของผม
[เนล]
“ครับ ฟ้ามีอะไรหรือเปล่าครับ ถึงโทรมาหาผม..” ผมกรอกเสียงใส่มือถือไป
[ฟ้าต้องมีธุระด้วยหรือไง ถึงจะโทรหาเนลได้]
“เปล่าครับ ฟ้าโทรหาผมได้เสมอถ้าฟ้าต้องการ แต่ที่ผมถามไปอย่างนั้น แค่แปลกใจที่จู่ๆฟ้าก็โทรมาหลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกันมาหลายวัน…”
[ฟ้าขอโทษนะเนล สำหรับเรื่องวันนั้น..]เธอพูดเสียงอ่อน
“ไม่เป็นไรหรอกฟ้า ผมไม่เป็นไร”
[ตอนนี้...เอ่อ...เนลมีคนใหม่แล้วสินะ]
“ผมยังไม่มีสักหน่อย” เธอไปเอาอะไรมาพูดว่าผมมีคนใหม่ ตลอดเวลาที่ผ่านมา หัวใจผมก็รับเธอเข้ามาแค่คนเดียว ยังไม่คิดจะรับคนอื่นมาแทนที่เธอเลย
[แล้วกับเด็กนั่นล่ะ ข่าวเนลกับเด็กคณะฟ้าดังไปทัวโซเซียลเลยนะ] อ๋อ ข่าวลือไร้สาระนั่นน่ะนะ ฟ้าเชื่อไปได้ยังไง
“กับเด็กนั่นผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย แค่แกล้งขำๆเท่านั้น” ผมรีบอธิบายให้เธอฟัง ก่อนที่จะเข้าใจผิดไปมากกวานี้
[จริงเหรอ ฟ้านึกว่าเนลจะเป็นเกย์ไปซะแล้ว]
“55555 ตลกแล้วฟ้า ผมจะเป็นได้ไงล่ะ ผมยังชอบผู้หญิงอยู่”
[ได้ยินแบบนี้ฟ้าค่อยสบายใจหน่อย]
“ที่ฟ้าโทรมาหาผมเพราะฟ้ากังวลเรื่องนี้เหรอครับ”
[อืม...]
“ฟ้าเลิกคิดมากเรื่องนี้ได้เลย มันไม่มีอะไร”
[แต่ฟ้าก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี เรื่องที่ฟ้าได้รับรู้วันนี้ มันทำให้ฟ้าคิดอะไรบางอย่างได้]
“…”
[เนล เอ่อ…] เธออ้ำอึงไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา [ยังรักฟ้าอยู่หรือเปล่า]
“รักสิ”
[แล้วเรื่องที่เนลขอฟ้าคบวันนั้น จะสายเกินไปหรือเปล่า ถ้าฟ้าจะตอบตกลง]
“จริงเหรอฟ้า หูผมไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม”
[อืม…แต่เนลต้องพิสูจน์ให้ฟ้าเห็นก่อนนะ ว่าเนลรักฟ้าคนเดียวจริงๆ]
“ฟ้าจะให้ผมพิสูจน์ยังไง”
[ทำให้เด็กนั่นหลงรักเนล แล้วทิ้งเพื่อฟ้าหน่อย]
“ห๊ะ” ผมอุทานออกมา เพื่ออะไรวะ ให้ผมทิ้งเด็กภีมเพื่อไปหาฟ้ายังพอสมเหตุสมผลมากกว่า ทำให้รักแล้วทิ้งเลย
[ทำได้ไหมเนล] ม่านฟ้าถามย้ำ
“มันก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ทำไมต้องทำให้เด็กภีมมันมารักผมด้วยล่ะ”
[ทำเพื่อฟ้า พิสูจน์ให้ฟ้าเห็นว่าเนลรักฟ้าจริงๆ จะทำหรือไม่ทำก็ได้มันก็แล้วแต่เนล แต่ถ้าเนลไม่ทำฟ้าก็คงคบกับเนลไม่ได้ เพราะเนลไม่สามารถทำให้ฟ้าเชื่อได้ว่าเนลรักฟ้าจริงๆ]
“…” ผมไม่ได้ตอบอะไรเธอออกไป เพราะผมไม่เข้าใจว่าเธอจะให้ผมทำแบบนั้นไปเพืออะไร
เธอเห็นผมเงียบไป จึงพูดออมาอีกครั้ง
[เนลไม่อยากคบกับฟ้าแล้วเหรอ] อยากคบสิ อยากคบมากๆ ผมรอมา 3 ปีแล้วนะ
“อยากสิครับ ไม่ว่าฟ้าจะถามคำนี้อีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า ผมก็ยืนยันคำเดียว ว่าผมยังอยากคบกับฟ้าอยู่”
[งั้นก็ทำเพื่อฟ้าหน่อย ถึงตอนนั้นแล้ว ฟ้าจะยอมคบกับเนล และจะมีแค่เนลคนเดียว ดีไหมคนดี]
“…”
[นะคะเนล]
“ครับ ถ้ามันทำให้เราได้คบกัน ผมจะยอมทำเพื่อเด็กดีของผม”
[น่ารักที่สุดเลย ฟ้ารักเนลนะ] เธอพูดคำที่ผมอยากฟังที่สุดออกมา มันทำให้รู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นี่สินะความรู้สึกขอการถูกคนที่รักบอกรัก
“ผมก็รักฟ้า”ผมเอ่ยบอกความรู้สึกกับเธอไป
ผมยอมทำ เพราะรักฟ้ามาก และอยากได้ฟ้ามาเป็นแฟนตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าอะไรที่ยอมทำแล้วฟ้ายอมมาคบกับผม ก็ยอมทำทั้งนั้น
ยังไงผมก็ไม่ได้ชอบผู้ชายอยู่แล้ว ไม่คิดว่ามันจะเสียหายอะไร
ถ้าจะต้องทำให้ผู้ชายคนหนึ่งเสียใจ เพื่อแลกกับผู้หญิงที่เฝ้ารอมา 3 ปีเต็ม
ผมว่ามันก็คุ้มอยู่นะ
แต่ผมจะไม่ทิ้งมันง่ายๆหรอก จนกว่ามันจะพิสูจน์ตัวเองกับม๊าได้สำเร็จ
ถ้าหลุดพ้นจากม๊าเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นผมจะทิ้งมันอย่างไม่ลังเลเลย
พอวางสายม่านฟ้าไป ผมก็คิดไม่ตกจนนอนไม่หลับ
ทำไมจู่ๆถึงได้รู้สึกหนักใจขึ้นมาได้วะ ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่ผมควรจะตัดสินใจทำได้อย่างไม่ต้องคิดเลยแท้ๆ
เพราะความผูกพันธ์หรืออะไร ที่ทำให้ผมหนักใจที่จะทำกับน้องภีมกันแน่
แต่มันก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นแหละ ที่มีผลต่อการตัดสินใจ
ผมรีบสบัดความรู้สึกนี้ออกไปจากหัว
ไม่อยากคิดให้ปวดหัวจนนอนไม่หลับ จึงเดินไปเคาะห้องไอ้ลูกหมา เพื่อขอให้มันไปหาอะไรอุ่นๆให้ผมกินหน่อย
ตอนแรกมันก็บ่นบ้าง แต่ก็ยอมเอานมขึ้นมาให้ผมดืมอย่างว่าง่าย
แต่พอดืมแล้วก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี เลยไปเคาะห้องน้องมันอีกครั้ง ขอให้มันลงไปดูทีวีเป็นเพื่อนหน่อย
เวลาเหงาๆแบบนี้นั่งดูทีวีคนเดียวยิ่งรู้สึกเหงา ต้องหาเพื่อนไปดูด้วย น้องมันก็ยอมลงมาดูเป็นเพื่อนผมอย่างจำใจ ดูได้สักพักผมก็เผลอหลับไป โชคดีที่น้องมันปลุก ผมก็ขึ้นมานอนในห้องโดยดี แต่พอถึงห้องก็ตื่นเต็มตา
นอนไม่หลับอีกแล้ว เลยเดินไปเคาะห้องน้องมันอีกครั้ง แต่ดูเหมือน้องมันจะรำคาญผมไม่ใช่น้อย เลยพูดออกมาว่าให้เอามันไปนอนด้วยเลยไหม ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นความคิดที่ดีไม่ใช่น้อย จึงให้มันมานอนเป็นเพื่อน
มันบอกกับผมว่า มีวิธีที่จะทำให้ผมนอนหลับได้ ผมก็นึกว่าวิธีอะไร ที่แท้ก็วิธีฉบับลูกหมาของมันนั่นแหละ
มันเอามือมาลูบหัวผมไปมา จนผมรู้สึกเคลิ้มไปกับสำผัสมันไม่ใช่น้อย แต่ก็อดขำกับวิธีการของมันไม่ไหว ทำอย่างกับผมเป็นเด็กๆไปได้
“ยิ้มอะไร” มันถามผมออกมา กูไม่ได้ยิ้มกูกลั้นขำ
“ปัญญาอ่อนวะ” ผมตอบพลางหัวเราะไปพลาง
“เมื่อก่อนแม่ผมเคยทำแบบนี้กับผมตอนที่ผมนอนไม่หลับ”
“มึงเลยมาทำกับกู? มาเป็นแม่กูตั้งแต่ตอนไหน”
“ก็มันเคลิ้มดี หรือพี่ไม่เคลิ้ม?”
“อืม...เคลิ้ม” ผมตอบมันไป ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกดี ผมก็ยอมให้มันลูบหัวไป
สายตาก็มองสำรวจมันไปด้วย แม่ง น่ารัก ทำไมถึงรู้สึกว่ามันน่ารักขึ้นวะ
น่ากลัวว่ะ คิดอะไรของกูเนี่ย
มันลูบหัวผมจนเผลอหลับไปเอง
ผมก็ลงไปอุ้มมันขึ้นมานอนบนเตียงแทน
นั่งมองมันหลับพริ้ม ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว
แล้วอดยิ้มขำไม่ได้
"ตอนแรกกูต้องการแค่ อยากให้แม่กูยกเลิกการแต่งงานของกูกับพิมเท่านั้น เลยจ้างมึงมา"
"แต่ตอนนี้..."
"กูอยากได้เงินล้านหนึ่งจากมึงมากกว่าวะ"
"ถ้าใครตกหลุมรักก่อน เท่ากับคนนั้นแพ้ใช่ไหมล่ะ"
"ซึ่งกูก็ไม่ได้อยากแพ้ด้วย"
"งั้นก็คงต้องขอ ให้มึงเป็นฝ่ายแพ้แล้วล่ะ"
"กูอยากเห็น...ว่าคนอย่างมึง เวลาต้องมาตกหลุมรักกูจะเป็นยังไง"
"กูต้องขอโทษไว้ก่อนล่วงหน้าด้วยนะ..."
"ถ้าหากทำมึงเสียใจ"
“ที่โดนกูหักอก”
คงมีแต่เหตุผลนี้ล่ะมั้งที่ความผิดทั้งหมดจะมาลงที่ตัวผมแค่คนเดียว
จะโกรธ หรือจะเกลียดกูก็ตามใจมึง
แต่ตอนนี้...ต้องหาทางให้มันตกหลุมรักผมก่อนให้ได้
ทำสำเร็จเมื่อไหร่
ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งเมีย เสียแค่มัน
ไม่สิ บ้านอีกหลัง แต่ไม่เป็นไรหรอก ที่ซื้อบ้านหลังนี้มาก็เพราะตั้งใจหนีพิมเท่านั้นแหละ ถ้าหลุดพ้นเมื่อไหร่ บ้านหลังนี้ก็ไม่มีค่าอะไรกับผมอีก
ผมต้องคืนให้มันตามสัญญาอยู่แล้ว