08
[/b]
แสงสว่างจากจากทัชสกรีนดับลง ผมเลิกสนใจโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างกาย ก่อนจะค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา มันไม่ใช่ยิ้มที่บ่งบอกถึงว่าผมมีความสุข แต่มันเป็นยิ้มที่ฝืนยิ้มมันออกมาเพื่อความสบายใจของตนเอง
ยิ้มออกมาเพื่อบอกกับตัวเอง ว่า . .. อย่างน้อยพี่เอ็มก็ให้โอกาสกับผม
แหมว่าโอกาสที่พี่เอ็มยื่นมาให้นั้น ..อาจจะต้องแลกกับความรู้สึกทั้งหมดของผม แลกกับความสัมพันธ์ที่เคยยืดยาว ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ผมจะต้องเสียไป
ผมแค่หวังว่า .. .. สิ่งที่ผมกำลังจะทำต่อไปนี้มันจะมีค่าในสายตาของพี่เขาบ้าง ขอแค่สักครั้ง ให้พี่เอ็มจดจำสิ่งที่ผมทำ
สุดท้ายแล้วผลจะออกมาเป็นแบบไหน ผมเองก็จะยอมรับมัน
แม้ว่าโอกาสที่พี่เอ็มยื่นให้ครั้งนี้ อาจจะไม่ได้จบที่เราสองคนเป็นคนรัก แต่ก็ดีที่อย่างน้อย ผมได้บอกสิ่งที่ผมคิด ผมรู้สึกออกไป ผมจะได้ไม่มานั่งเสียใจว่าทำไมเราไม่บอกพี่เขาไปตั้งแต่แรก
บทสนทนาระหว่างพี่เอ็มกับผมถูกเปิดอ่านอีกครั้ง ด้วยฝีมือของคนข้างกาย ตอนนี้ผมนอนแผ่อยู่กลางเตียงโดยมีรูมเมทที่คอยเป็นห่วงความรู้สึกผมนั้นนั่งอยู่ข้างๆ
ความรู้สึกของผมในตอนนี้มันปนเปไปกันหมด อยากจะพูดออกมาว่าเสียใจ ที่ผมทำลายความสัมพันธ์แบบพี่น้องลงไป เสียใจที่ว่าการเริ่มต้นคุยระหว่างผมกับพี่เอ็มดูอึดอัด และพี่เขาเอง . .. ก็ได้ให้โอกาสกับคนอื่นไปด้วยเหมือนกัน
การที่จะไปเรียกร้องอะไร ตัวผมเองนั้นอาจไม่มีสิทธิ์ แค่ได้อยู่ในฐานะผู้ชายคนนึงที่รักที่ชอบเขา และเขาให้โอกาสก็ถือว่าดีสำหรับผมมากพอแล้ว
“
จะทางไหนผมก็เจ็บ ไม่มีทางไหนที่ผมจะยืนอยู่แล้วรู้สึกดีไปตลอดหรอกครับ ”
ประโยคหนึ่งที่ผมส่งไปให้พี่เขา ผมรู้สึกจริงๆว่า ไม่ว่าจะทางไหนผมก็ต้องเจ็บอยู่ดี ไม่ว่าผมจะเลือกแบบไหนยืนอยู่ที่ใด ก็ต้องเจ็บและเสียใจ ถ้าให้ผมเป็นได้แค่พี่น้อง
ผมก็คงได้แต่เฝ้ามองและคอยห่วงอยู่ไกลๆ เมื่อพี่เอ็มนั้นมีคนรัก ผมไม่อยากเป็นแบบที่ผ่านมา ได้แต่คอยเป็นห่วง ใส่ใจ ดูแล แต่ไม่ได้อยู่ในสายตา
“
พี่คิดว่าผมจะชอบผู้ชายทุกคนในโลกเลยรึไง ”
ผมแค่เป็นผู้ชายคนนึงที่ชอบพี่เอ็ม เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ผมรู้สึกแบบนี้ ผมไม่ได้ชอบผู้ชายคนไหนก็ได้ ไม่ใช่ผู้ชายทุกๆคนที่ผมนั้นจะสนใจ และรู้สึกแบบนี้
“
ผมก็คนว่ะพี่ ผมเจ็บเป็น จะให้มาเป็นแค่พี่น้องผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ พี่คิดว่าผมอยากจะรู้สึกแบบนี้รึไงถ้าความรู้สึกมันห้ามกันได้ เฟรน ทำไปนานแล้วพี่เอ็ม ไม่ปล่อยให้มันยาวนานขนาดนี้หรอกว่ะ ”
ใช่ .. ถ้าความรู้สึกมันห้ามกันได้ ผมเองก็ไม่อยากจะรู้สึกแบบนี้กับพี่เขาหรอกครับ ไม่อยากจะทำลายความรู้สึกดีๆก่อนหน้านี้ที่มีให้กัน ไม่อยากให้สายตาของพี่เอ็มที่มองมาหาผมนั้นเปลี่ยนไป
และสิ่งที่ผมได้กลับมาในการที่ตัวเองนั้นเสี่ยงไปกับความรู้สึกครั้งนี้คือ
“
โอเค ได้ ”
“
จะคุยก็คุย พี่ไม่ว่าอะไร ถือซะว่าทำตามใจเราล่ะกัน คิดว่าจะยื้อให้พี่คุยกับเราได้ก็คุยไป ”
“
แต่พี่จะบอกอีกอย่างว่า ”
“
พี่ไม่ได้คุยกับเฟรนแค่คนเดียว ”
“
เข้าใจใช่มั้ยว่าพี่หมายความว่าอะไร ”
ข้อความสุดท้ายของบทสนทนาที่จบไป ผมเข้าใจดีว่าพี่เอ็มหมายความว่าอะไร
เขาไม่ได้ให้โอกาสกับผมเพียงแค่คนเดียว เขาก็ยังคงคุยกับคนอื่นอยู่ด้วยเหมือนกัน เพียงแค่พี่เอ็มนั้นเพิ่มตัวเลือกในชีวิตอย่างผมเข้าไปรวมอยู่ด้วย
ความรู้สึกที่ตีกันปนเป มันจะสุขก็สุขไม่ได้ ความรู้สึกในตอนนี้มันจุก ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่า ที่ผมรู้สึกนั้นคืออะไร
คิดว่าจะยื้อให้พี่คุยกับเราได้ก็คุยไป ประโยคนึงที่พี่เอ็มพิมพ์มา ดูท้าทายในความรู้สึกผม ผมเองก็จะดื้อดึงไปจนกว่าพี่เอ็มหรือไม่ก็ตัวเองนั้นที่จะขอหยุดความสัมพันธ์แบบนี้ ผมจะฝืน ไปจนกว่าจะมีใครขอให้หยุด ในเมื่อผมเองนั้นตัดความสัมพันธ์แบบพี่น้องไปแล้ว
ผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ผมจะไม่ยอมเป็นเงาเหมือนแต่ก่อน ผมจะไม่ยอมอยู่แบบคนใกล้ตัว ใกล้จนพี่เอ็มละเลยไป
และสิ่งที่ผมพิมพ์กลับไปคือคำว่า “ ครับ ” เพียงเท่านี้
มันดูอึดอัดแปลกๆ โหว่งๆ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าถ้าเกิดวันพรุ่งนี้ หรือวันนี้เกิดบังเอิญเจอพี่เอ็มขึ้นมา ผมจะทำหน้ายังไง ควรจะรู้สึกแบบไหน ผมกังวลไปหมดทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องที่พี่เขานั้นก็มีคนอื่นคุยอยู่ด้วย
ผมจะสู้เขาได้มั้ย คนที่คุยด้วยจะเป็นคนแบบไหน จะตรงตามที่พี่เอ็มชอบหรือเปล่า เธอคนนั้นอาจจะเป็นผู้หญิงที่น่ารักนิสัยดีก็เป็นได้ ซึ่งแตกต่างกับ
ผมที่เป็นผู้ชาย
แค่คำว่าผู้ชาย
ก็ยากเกินที่จะเอาชนะใครต่อใครเขา “
ไม่ว่าวันนี้จะเจ็บ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร มึงสัญญากับกูได้มั้ยเฟรน ว่ามึงจะไม่ดื้อพยายามจนเกินตัวมากเกินไป ” เสียงเข้มนิ่งๆ ของรูมเมทเอ่ยดังขึ้น มันยกมือขึ้นมาลูบศีรษะผมเบาๆ
กิ๊ก .. เป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุดเลยครับ ดูเหมือนมันจะคอยห้ามคอยบ่นว่า .. แต่ก็เป็นมันอีกนี่แหละที่เป็นห่วงผมอยู่ตลอดเวลา
ผมขยับตัวหันหน้าเข้าหามันแล้วพูดขึ้นมาเบาๆ
“ กูไม่รู้ ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไงหรอกมึง บางทีอีกอาทิตย์ สองอาทิตย์.. กูอาจจะไม่ไหวก็ได้ที่อยู่ในสถานะแบบนี้ ”
ผมสบตากับรูมเมทตัวเองแล้วพูดขึ้นต่อ
“ กูจะพยายาม . . จนกว่ากูจะเหนื่อย กูจะไม่ทำอะไรเกินตัว กิ๊ก กูสัญญา ” ผมยกมือขึ้นจับมือบางที่ลูบศีรษะผมอยู่เป็นเชิงบอกให้อีกคนนั้นเชื่อว่าผมจะทำแบบนี้จริงๆ ตามที่ผมพูด
“
กูอยู่ข้างมึงเสมอนะเว้ยเฟรน ” สิ้นเสียงที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา ผมหลับตาลงละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ ทิ้งอารมณ์ ทิ้งความรู้สึกแย่ๆที่เกิดขึ้นมา
ผมอยากทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง .. แล้วขอให้วันพรุ่งนี้เป็นวันที่ดีของผม
ตอนเช้าผมรีบตื่นไปเรียน เพราะวันนี้มีคลาสเรียนรวม แถมอาจาร์ยยังโหดถึงขั้นถ้าคนมาสายก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาเรียน เพราะอาจาร์ยสั่งปิดประตูหน้าและหลัง
ตลอดคาบเรียนในช่วงเช้านั้น ผมพยายามตั้งใจเรียนแต่ก็ไม่เกิดผล เพราะว่าในหัวของผมนั้นยังคงมีแต่เรื่องราวของเมื่อวานไหลกลับมาไม่หยุด เหมือนมันถูกสั่งให้รีเพลย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่แบบนั้น จนกระทั่งจบคาบ
ยอมรับเลยว่าวันนี้เรียนไม่รู้เรื่องจริงๆเลยต้องไปขอชีทที่เพื่อนในคลาสจดไว้มาลอก ปกติผมก็มีเพื่อนนะครับ แต่ว่าวันนี้เพื่อนสนิทที่เรียนอยู่คณะเดียวกันนั้นไม่มา สงสัยจะตื่นสายเพราะเมื่อคืนกว่าไอ้ทอยมันจะกลับจากร้านคงดึกน่าดู
ทอย คือเพื่อนสนิทผมอีกคนที่เรียนอยู่คณะเดียวกันครับ มันมีวงดนตรีของมันด้วยที่ตื่นสายก็คงไปเล่นดนตรีดึก ผมกับทอยไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ บางครั้งมันก็เคยไปนอนห้องผมเหมือนกัน อีกอย่างก็คือ ทอยกับไอ้กิ๊กมันจะเข้าขากันได้ดีตลอด ไปไหนไปกัน มันสองคนชอบไปนั่งร้านเหล้าด้วยกันบ่อยๆครับ ฮ่าๆ
ผมเดินออกจากห้องเรียนในใจคิดว่ากะจะไปหาอะไรกินแถวหอ เพราะว่าช่วงบ่ายไม่มีเรียนต่อแล้วแต่เสียงการแจ้งเตือนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเรียกความคิดของผมให้หยุดลง
ผมกดปลดล็อคหน้าจอ การแจ้งเตือนโปรแกรมแชทที่แสนคุ้นเคยเด้งขึ้นมาหน้าจอ หน้าจอทัชสกรีนแสดงประโยคหนึ่งประโยคของผู้ที่ส่งมา
ไลน์ : พี่เอ็ม / เจอกันโรงอาหารกลาง พี่รออยู่ สายตาของผมยังจ้องกับข้อความนั้นอย่างสงสัย รอกินข้าวเหรอว่ะ เพื่ออะไร ผมเก็บสิ่งที่สงสัยนั้นไว้แล้วรีบเดินไปที่โรงอาหารกลาง
พี่เอ็ม .. . กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ สองขาของผมพาตัวเองมาหยุดอยู่ภายในโรงอาหารกลาง สายตากวาดมองหาร่างสูงที่คุ้นเคยก็พบว่าพี่เอ็มนั้นนั่งอยู่โต๊ะริมสุด ผมเดินเข้าไปหาเขาที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ . .. มีอะไรรึเปล่า พี่ ” เมื่อผมนั่งลงกับโต๊ะแล้วก็ถามเขาทันทีผมไม่กล้าที่จะมองใบหน้าของพี่เอ็มได้แต่เสมองไปทางอื่น พึ่งสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะไม้มีจานข้าวอยู่สามจาน
ผมกำลังจะเอ่ยถามต่ออีกครั้งแต่ก็ต้องหยุดการกระทำนั้นลงเพราะเห็นว่าตอนนี้มีผู้หญิงอีกคนกำลังนั่งลงข้างๆพี่เขา ผมได้แต่ไล่สายตามองผู้หญิงคนนี้ที่นั่งลงตรงกันข้ามกับผม
เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักคนนึงเลยทีเดียว ผมสังเกตเห็นว่าเธอไม่ได้ใส่ชุดนิสิตแต่เธอนั้นสวมเสื้อชอปอยู่และมีอักษรโรมันที่บ่งบอกว่าเธอนั้นอยู่ปีไหน
ซึ่งเหมือนกันกับเสื้อที่พี่เอ็มใส่อยู่ ผมได้แต่มองหน้าเธอกับพี่เอ็มสลับไปมา
จนเหมือนเธอคนนี้จะสงสัยว่าผมนั้นเป็นใครเลยเอ่ยปากถามขึ้นมา
“ นี่ใครเหรอเอ็ม ? ” เสียงใสๆที่น่าฟังเมื่อออกมาจากปากเธอคนนี้แล้วช่างน่าฟังจริง ผมได้แต่มองหน้าเธอคนนี้อย่างลังเล . .. คนๆนี้ คือคนที่พี่เอ็มก็ให้โอกาสด้วยใช่หรือเปล่า
“
รุ่นน้องน่ะ ชื่อเฟรน พามาให้ข้าวรู้จักไง ” เสียงนุ่มติดหูที่ผมไม่ได้ยินมาหลายอาทิตย์นั้น ตอบกลับคำถามของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกาย ก่อนที่พี่เอ็มจะส่งยิ้มน้อยๆให้เธอ
ผมว่า ..
“
นี้ไงเฟรน คนที่พี่คุยๆอยู่ น่ารักมั้ย ” พี่เอ็มมองหน้าผมแล้วพูดประโยคนี้ขึ้นมา
เขาจงใจเน้นน้ำเสียงคำว่า คุยๆอยู่ อย่างชัดเจน เหอะ ถึงกับพามาเปิดตัวกับผมเลยเหรอว่ะ
ผมขมวดคิ้วมองร่างสูงที่ยังคงส่งยิ้มให้หญิงสาวที่อยู่ข้างกายไม่ห่าง
ผมอยากจะถามจริงๆ ว่า พี่ทำแบบนี้ทำไม . ..“ ข้าวไม่เคยเห็นน้องคนนี้เลยอ่า พี่ชื่อข้าวปุ้นนะ จะเรียกว่าข้าวเฉยๆก็ได้ ” พี่ข้าวแนะนำตัวกับผมแล้วส่งยิ้มที่ดูแล้วจริงใจให้มากับผม
“ ครับพี่ข้าว
พี่ข้าว . .. คุยอยู่กับพี่เอ็มจริงๆเหรอครับ ” ผมได้แต่มองหน้าเธอแล้วส่งเสียงถามย้ำไปอีกรอบว่ามันคือเรื่องจริง
เรื่องจริงที่พี่เอ็มเรียกผมให้มาเจอพี่ข้าวและได้รู้จักพี่เขาในฐานะคนที่คุยๆกันอยู่ของเขา
“ น้องถามแบบนี้พี่ก็เขินแย่สิ เอ็มไปบอกน้องเหรอ ข้าวเขินนะ ”
“
เอ็มคิดว่าน้องมันน่าจะควรรู้นี่คะ ว่าพี่ตัวเองกำลังคุยกับใครอยู่ ”
บทสนทนาในตอนนี้เหมือนจะมีแค่พี่เขาทั้งสองคน การเรียกแทนตัวเองว่าเอ็มเฉยๆนั้น ดูเหมือนคนรักที่ใช้ชื่อตัวเองแทนกันล่ะกัน แล้วคำว่า คะ ที่พี่เอ็มพูดลงท้ายนั้นช่างเพราะจริงๆ ถ้าคนฟังคือคนรัก การใช้คำพูดแบบนี้ช่างดูน่ารักและเหมาะสมกับพี่เขาทั้งสองคน
คะ .. คะงั้นเหรอว่ะ เหอะ.. .. ช่างดูเป็นคนที่สุภาพและนิสัยดีอะไรขนาดนี้ คำพูดเพราะๆ สายตาที่มองหากัน รอยยิ้มที่ค่อยส่งให้ตลอดเวลานั้นมันอะไรกัน
ที่เรียกมา .. เพราะให้มาดูเรื่องแบบนี้งั้นเหรอ
ผมมือขึ้นมาประสานใต้คางก่อนจะแค่นยิ้มออกมาเงียบๆ แล้วมองร่างสูงโปร่งที่คอยพูดต่อบทสนทนาเรื่อยๆ
“ หึ .. . ผมกลับได้รึยังครับ ”
การที่เขาเรียกผมมาเจออะไรแบบนี้ มันจุกๆว่ะครับ มานั่งมองคนที่ตัวเองรักส่งสายตาหวานๆให้คนอื่น คอยพูดจาเพราะๆ ส่งยิ้มให้แบบนี้มัน . ..
“
เดี๋ยวก่อนซิเฟรน พี่เรียกเรามากินข้าวนะ นี่พี่ก็ซื้อข้าวไว้ให้เราแล้ว ” พี่เอ็มดันจานข้าวมาให้ผม ก่อนที่พี่ทั้งสองคนนั้นจะเริ่มตักข้าวกิน บทสนทนาระหว่างเขาสองคนเริ่มปะติดปะต่อขึ้นอีกครั้ง
ผมก้มลงมองจานข้าวของตัวเองแล้วยิ้มออกมาหน่อยๆ
เขาจำได้ว่าผมชอบกินอะไร แต่ผมไม่ได้ยิ้มออกมาเพราะความสุขหรืออะไร แค่ปลอบใจตัวเองเท่านั้น
ความรู้สึกของผม .. ตอนนี้มันย่ำแย่ชะมัด
เหมือนโดนตบหัวแล้วลูบหลัง . .. เขาจำได้ว่าผมชอบอะไร เขาทำเหมือนใส่ใจแต่มันไม่ใช่เลย .. ทั้งที่เขาเองนั้นก็พาคนของเขามากินข้าวด้วยแล้วยังแนะนำตัวกับผมเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เหมือนเรื่องเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตของพี่เอ็ม โดนเขาฉีกความรู้สึกของผมออกทีละนิดๆ อย่างช้าๆ เขาทำให้ผมรู้ว่า ..
เขาจำเรื่องของผมได้ .. เขาก็อาจจะจำและทำตัวน่ารักนิสัยดี คอยดูแลกับคนอื่นได้เหมือนกัน รอยยิ้มที่ดูสดใสแบบที่ผมไม่เคยจะได้เห็นเวลาอยู่ด้วยกัน หรือสายตาที่คอยจ้องมองแบบนี้ .. ผมไม่มีโอกาสที่จะได้มอง น้ำเสียงที่ฟังแล้วดูออดอ้อนผมก็ไม่เคยได้ยิน ..
ผมจะทนอยู่กับสิ่งเหล่านี้ไปได้อีกนานแค่ไหน .. แค่เพียงวันเดียว . .. ผมก็รู้สึกแย่เอาซะแล้ว
ทั้งๆที่ผมคิดเอาไว้ว่า มันอาจจะไม่เป็นไร .. ผมก็อยู่ในส่วนของผม ผมไม่อยากจะสนใจเรื่องคนของพี่เอ็มมากนัก แต่พอได้มาเห็นแบบนี้แล้ว ..
ผมอาจจะแพ้
เพราะพี่เอ็มนั้นดูใส่ใจผู้หญิงคนนี้ซะเหลือเกิน . .. สองขาของผมพาตัวเองลุกออกจากโต๊ะและรีบเดินออกจากโรงอาหาร .. . อยากเดินหนีออกมาให้ห่างจากคนสองคนนั้น ไม่อยากจะรับรู้ว่าเขาสองคนดีต่อกันแค่ไหน
ผมอยากให้วันนี้จบลงเพียงเท่านี้จริงๆ
เนื้อเรื่องบางตอนในชีวิตผมตอนนี้ .. มันช่างดูวุ่นวายจริงๆ ตั้งแต่ที่ผมเดินก้าวข้ามเส้นคู่ขนานนั้นไปหาพี่เอ็ม .. ร่างกายของผมช่างดูอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จริงๆ ความรู้สึกที่มีอยู่มันสุขไม่ถึงกับคนอื่นๆที่เรียกว่าความสุขได้เลย .. และทุกข์ที่เหมือนจะไม่รุนแรงมากนักแต่มันช่างยาวนาน ในความรู้สึกของผม
“
ว่าไงเด็กเตี้ย ทำไมทำหน้าเศร้าแบบนี้หืม ? ”
===========================================================
มาแล้วน้าาาาาาาาาาา พน.มีสอบ แต่มาแต่งต่อให้แล้วนะ เนื้อเรื่องหลังจากนี้ต่อไปจะเป็นอย่างไรเรามาลุ้นกันดีกว่าเนาะ
เกือบทุกๆตอนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะตอนไหนก็จะไม่มีตอนไหนที่เจ็บแบบสุดๆเลยสักครั้ง ตัวคนเขียนเองก็จะพาทุกคนหน่วงไปพร้อมๆกันอิอิ
หน่วงแบบเนิบๆมาตลอดเลย แล้วตอนนี้มีประโยคจากตัวละครใหม่มาด้วยๆ 55555 ตัวละครตัวนี้สำคัญนะค้าบบบ รอติดตามกันเลย
ฝากเอาใจช่วยน้องเฟรนและใครจะด่าพี่เอ็มก็ตามสบายนะค้าาา
ฝากติดตามเรื่องนี้ด้วยนะคะ เป็นเรื่องแรกที่ตัวคนเขียนเองเขียนมาได้ไกลขนาดนี้
ขอบคุณทุกๆคนมาเลยนะที่เข้ามาอ่านและคอยติชมอยู่ตลอด ขอบคุณนะคะ