เฮ้ย ! มันไม่ใช่ลูกกู
ตอนที่ 35
“ โอลิเวีย " ผมเรียกเธอก่อนจะลุกขึ้นยืนตาม เอื้อมมือไปจับมือของเธอที่มองมาด้วยความรู้สึกที่กำลังโกรธแบบสุดขีด ผมเอ่ยบอกเธอ " ถ้าเธอจะเอากาลิคไปแล้วคิดว่าสักวันเธอจะต้องทิ้งกาลิคอีก ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันขอร้องละ อย่าเอาเค้าไปเลยนะ ให้เค้าได้อยู่กับเราที่นี่เถอะ เราจะเลี้ยงดูเค้าอย่างดี จะทำให้เค้ามีความสุขมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กาลิคเพิ่งเคยไปเที่ยวทะเลครั้งแรกเองนะ มันเลยมีอีกหลายๆที่ ที่เราอยากจะไปด้วยกันอีก เพราะงั้นฉันขอร้องละ ถ้าเอาเค้าไปแล้ว เธอจะทิ้งเค้าอีกอย่างที่เธอเคยทำ ก็อย่าเอาเค้าไปเลยนะ ฉันขอร้องละโอลิเวีย ฉันขอร้อง อย่าเอาเค้าไปเลยนะ อย่าเอากาลิคไปจากเราเลย "
“ เป็นบ้าอะไรกันไปหมด!! " เธอสะบัดมือผมออก " ไอแค่มาเอาลูกไอคืน! พวกยูก็แค่คืนกาลิคมา เท่านั้นก็จบแล้ว เงินที่ไอให้ไว้พวกยูก็เอาไปสิ ถือเป็นค่าเลี้ยงดูกาลิค ไอไม่ได้ส่งกาลิคมาแค่ตัวไอให้เงินมาด้วย ก็เหมือนมาฝากพวกยูเลี้ยงนั่นแหละ! แล้วทำไมพวกยูต้องมาพูดให้ไอดูแย่ด้วยละ ห๊ะ! ทำไมพวกยูต้องรั้งกาลิคไว้ด้วย! ทำไม!เกิดรักกาลิคขึ้นมาแล้วละสิ คงอยากจะได้เด็กคนนั้นละสิ เห๊อะ! นี่น่ะเหรอ ? คนที่บอกกับไอว่า ไอเห็นกาลิคเป็นแค่สิ่งของพวกยูเองก็ไม่ต่างกันหรอก พวกยูก็เห็นเด็กนั่นเป็นของสิ่งของเหมือนกัน! "
“ เราไม่เคยเห็นกาลิคเป็นสิ่งของ! " ภาพเถียงกลับ " เราเห็นกาลิคเป็นลูกเราคนนึงเป็นคนที่เราต้องดูแล แล้วที่เราต้องมายืนเถียงกับเธอแบบนี้ก็เพราะว่าเรารู้ดีไง ว่าถ้ากาลิคไปอยู่กับเธอ เค้าคงไม่มีความสุขแน่ๆ คนอย่างเธอไม่มีวันเลี้ยงเค้าให้มีความสุขได้หรอก เพราะเธอมันคิดถึงแต่ตัวเองไง "
“ ภาพ..ยูก็กล้านะ ว่าไอ้เห็นแก่ตัว งั้นคนไม่เห็นแก่ตัวแบบยูก็คงมีผลตรวจดีเอ็นเอสินะ ว่ากาลิคเป็นลูกของยู " โอลิเวียถามก่อนจะยิ้มให้เรา " ไหนละ เอาออกมาสิพวกยูไม่ใช่คนที่คิดถึงแต่ตัวเองแบบไอนี่ใช่มั้ย ไหนละ ขอหน่อยผลตรวจ " เธอแบมือออกมาตรงหน้าเรา แต่ผมกับภาพก็ได้แต่เงียบ " ไม่มีใช่มั้ยละ เพราะขนาดพวกยูสองคนเองยังไม่กล้าตรวจดีเอ็นเอเลย คงกลัวว่ากาลิคจะเป็นลูกตัวเอง กลัวว่าตัวเองต้องรับผิดชอบ ต้องแบกรับชีวิตของกาลิค ต้องทิ้งอนาคตที่ดีกลายเป็นพ่อหม้ายลูกติด พวกยูที่คิดแบบนั้นก็คือคนที่เห็นแก่ตัวไม่ใช่เหรอ แล้วยังมีหน้ามาว่าไออีกนะ ทุเรศสิ้นดี ถ้าวันนี้ไอไม่มาที่นี่ ไม่เล่าเรื่องพวกนั้นให้ฟัง ตอนนี้พวกยูก็คงยังไม่รู้หรอกว่ากาลิคเป็นลูกของใคร แล้วก็นะ...ภาพ ยูที่เถียงไอขนาดนี้ถ้าเกิดว่ากาลิคไม่่ใช่ลูกของยูขึ้นมา ยูจะทำยังไงละ..เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ยูก็ไม่มีสิทธิจะมากักขังลูกของไอนะ ” หญิงสาวตรงหน้ายกยิ้มพลางจ้องมองร่างสูงข้างผมที่ก็ได้แต่ทำหน้านิ่งๆ
“ ใครว่าไม่เคยคิด เราวางแผนไว้แล้วว่าจะไปตรวจ หลังจากที่กาลิคมาอยู่ที่นี่ได้ครบสามเดือน “
" ครบสามเดือน ? ทำไมต้องครบสามเดือน ? ไม่ใช่เพราะว่าพวกยูหวังว่า แม่ของกาลิคจะมารับกาลิคหรอกเหรอ " เธอหัวเราะออกมาก่อนจะส่ายหน้า " พวกยูน่ะ ก็แค่คนที่ไม่ได้อยากจะมีลูก มีภาระ แต่เพราะเด็กคนนั้น มันเข้ามาแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงเลยต้องเลี้ยงไปด้วยความจำใจไม่ใช่เหรอ แต่พออยู่ด้วยกันไปนานๆพวกยูก็ผูกพันกับกาลิคก็เลยไม่อยากจะให้กาลิคไปไหน ถ้าให้ไอเดาแรกๆ พวกยูเองก็คงพยายามตามหาตัวไอสินะ ว่าไอเป็นใครแล้วก็อยากจะให้มารับกาลิคเร็วๆ " โอลิเวียเงียบไปเธอมองหน้าเราที่กำลังนิ่งมองเธอ " พวกยูก็ไม่ได้ต่างกับไอหรอก พวกยูไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่พวกยูคิด และกำลังด่าไออยู่หรอก "
“ แล้วมันจะแปลกอะไรวะ ถ้าเราคิดแบบนั้น อยู่ๆก็มีเด็กโผล่มาบอกว่าเป็นลูก เธอจะให้เรายิ้มรับมีความสุขตั้งแต่วันแรกที่เรารู้เหรอ เธอคิดว่าการได้รับเด็กสักคนมาเลี้ยง มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ เรายังเรียนหนังสืออยู่ พ่อแม่เราละเราจะบอกเค้ายังไง แล้วเราจะเลี้ยงเค้ายังไง นี่เกิดอะไร เราไปทำใครท้อง เธอคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องคิดอะไรพวกนั้นเลยเหรอ ได้เด็กมาก็เลี้ยงเลยอย่างงั้นเหรอ ? โอลิเวีย นี่ชีวิตจริงนะ ไม่ใช่ซี่รีส์โลกสวยที่เธอคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอไม่ได้ผิดอะไร เธอที่กำลังป้ายความผิดของเธอมาให้คนอื่น ทั้งๆที่ความจริงเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเธอบอกภาพหรืออเล็กซ์สักคำ ว่าเธอท้อง เธอปกปิดความผิดของเธอ คิดแค่ให้เรื่องมันจบพ้นไปวันๆ ไม่ได้คิดถึงจิตใจของกาลิค คิดถึงแต่ตัวเอง "
" คือไม่ว่ายังไง ไอต้องเป็นคนผิดสินะ เพราะเรื่องทุกอย่างมันเริ่มต้นมาจากไอ โอเค ไอผิดก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไง ไอก็ต้องพากาลิคกลับไป ไอมีสิทธิในความเป็นแม่ของเด็กคนนั้น! "
“ แต่ภาพมันก็มีสิทธิในความเป็นพ่อนะ "
“ แล้วทำไมพวกยูต้องมาพูดขัดขวางไออยู่เรื่อยเลยนะ! ยังไงซะ ไอก็จะเอากาลิคกลับไปกับไอให้ได้ พวกยูก็แค่ให้กาลิคมากับไอมันยากนักเหรอ แล้วภาพ ยูเองก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมไง ทุกอย่างมันไม่โอเคเหรอไง ทำไมต้องคิดให้มันวุ่นวายด้วย "
" ฉันเป็นห่วงกาลิค ฉันไม่ไว้ใจเธอ " ภาพบอก อีกคนก็ถอนหายใจ
" งั้นไอก็เป็นห่วงกาลิคเหมือนกัน ในอนาคต ถ้ายูไปมีคนรักใหม่แล้วกาลิคจะทำยังไง กาลิคอาจจะเข้ากับแม่เลี้ยงไม่ได้ก็ได้ แล้วพอยูมีลูกใหม่ ยูก็ต้องรักลูกที่เกิดมาจากคนที่ยูรัก มากกว่ากาลิคอยู่แล้ว แบบนั้นไอก็ห่วงกาลิคเหมือนกันอะ ไอไม่ยอมให้กาลิคอยู่ที่นี่หรอก "
“ ถ้าคิดแบบนั้นก็ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไม่ได้คิดที่จะมีลูกใหม่อยู่แล้ว อีกอย่างเมียฉันท้องไม่ได้ด้วย " คำพูดของร่างสูงชวนให้โอลิเวียขมวดคิ้วงงกับสิ่งที่เธอได้ยิน ปากที่กำลังจะเถียงตอบ แต่ผมก็ขัดขึ้นมาก่อน ไม่อยากจะให้ออกนอกเรื่อง
“ แล้วทำไมเธอถึงอยากจะเอากาลิคกลับไปนักละ เธอบอกว่า เธอมีครอบครัวใหม่แล้ว แบบนั้นมันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าเธอ จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ไปเลย อยู่กับคนรัก แล้วก็มีลูกกับคนที่เธอรัก จะเอากาลิคกลับไปอีกทำไม "
“ มันก็เป็นเหตุผลง่ายๆ ไม่ใช่เหรอ ก็เพราะกาลิคเป็นลูกชายฉันไง " เธอบอก แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันจะไม่ใช่อย่างงั้นเลยสักนิด โอลิเวียไม่ใช่คนที่รักกาลิคขนาดนั้น ทั้งเห้นแก่ตัว คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่รู้แม้กระทั้งการเลี้ยงเด้ก แล้วการที่มารับกาลิคไปแบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่าทำเพราะรักหรอก แต่เหมือนมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ต้องทำไปเพื่อตัวเองมากกว่า
“ ช่วยบอกความจริงได้มั้ย " ผมพยายามถามเธออย่างใจเย็นแต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ใช่คนที่พูดดีๆด้วยแล้วจะเข้าใจ
“ แล้วมันต้องมีความจริงอะไรอีกละ กาลิคเป็นลูกฉัน! ฉันก็เลยจะมาเอาลูกชายฉันคืน! "
“ แต่ก่อนหน้านี้ เธอยังพูดอยู่ตลอดเลยนิว่า ยังไงก็ต้องพากลับไปเพราะบอกคนรักของเธอไว้แล้ว ทำไมเหรอ ? ทำไมต้องทำตามที่คนรักของเธอพูดขนาดนั้น เพราะคนรักของเธออยากจะเห็นกาลิคเหรอ เค้าอยากจะเห็นเด็กที่เป็นลูกของเธอกับผู้ชายคนอื่นจริงๆเหรอ หรือว่าเธอเคยเอาภาพกาลิคให้เค้าดู แล้วเธออธิบายเค้ายังไงเค้าถึงยอมรักกาลิคละ " ผมถามด้วยใจที่ร้อนรน ผมอยากได้คำตอบที่ผมสงสัย ผมอยากมั่นใจว่ากาลิคจะมีความสุขแน่นอนถ้าต้องไปอยู่กับครอบครัวใหม่ " เธอบอกเหตุผลมาสิ ว่าทำไม บอกมาก่อน ว่าเค้าจะรักกาลิคมั้ย จะดูแลกาลิคอย่างดีรึเปล่า แล้วถ้ามีลูกใหม่ จะรักเค้าเหมือนเดิมมั้ย จะไม่รักลูกใหม่มากกว่าเค้าใช่มั้ย จะรักพวกเค้าเท่าๆกันใช่มั้ย "
“ ขม..ยูเป็นอะไรอะ ทำไมต้องถามคำถามไร้สาระแบบนั้นด้วย ยูไม่ใช่พ่อของเด็กด้วยซ้ำ! แต่ยูกลับดูร้อนรนยิ่งกว่าซะภาพอีก " โอลิเวียถามผมก็ผ่อนลมหายใจออกมา
“ ทำไมน่ะเหรอ ? ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไรกับเด็กคนนั้น แต่ทำไมตัวฉันถึงต้องวุ่นวายกับเรื่องนี้นักน่ะเหรอ ? ก็เพราะรักไง ไม่มีคำตอบอื่นหรอก ฉันรักเด็กผู้ชายคนนั้นโอลิเวีย รักอ้อมกอดเล็กๆของเค้าที่ชอบกอดฉันเอาไว้แน่นๆ รักเสียงใสๆที่บอกว่า รักและคิดถึงฉันมากแค่ไหนตอนที่ไปรับเค้าที่โรงเรียน รักหน้าตาแล้วก็รอยยิ้มตอนที่ได้กินไก่ทอดที่เค้าชอบ รักเจ้าของน้ำตาหยดใสๆที่มักงอแงในเรื่องที่น่าปวดหัวตลอดเลย ฉันรักคนที่เอาแต่ร้องไห้คิดถึงฉันตอนที่ฉันไม่อยู่ รักคนที่พอตื่นเช้าขึ้นมาก็จะกอดฉันเป็นคนแรก บอกว่ารักฉันคนแรก ยิ้มให้ฉันเป็นคนแรก ฉันรักทุกอย่างที่เป็นเค้า รักทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวของเรา แม้จะเหนื่อยที่ต้องตื่นเช้า เหนื่อยที่ต้องทำดูแลใครสักคน แต่ฉันก็รักมันมากจนกลายเป็นคนที่มีความสุขกับความเหนื่อยพวกนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรอื่นอีกแล้ว ฉันมีเหตุผลเดียว นั่นคือเพราะรักเค้ามาก ฉันรักเด็กคนนั้นมาก มากจริงๆ " ผมก้มหน้าร้องไห้ออกมาตอนที่คิดถึงทุกอย่างที่บอกเธอออกไป
" เมื่อวานเราไปเที่ยวด้วยกัน กาลิคบอกว่าเค้าชอบทะเลที่มีฉันอยู่ด้วยมากที่สุด แล้วฉันก็บอกเค้าว่าฉันเองก็ชอบทะเลที่มีเค้ามากเหมือนกัน แล้วเด็กคนนั้นก็ถามฉันว่า ฉันรักเค้ามั้ย ตอนนั้นเรายิ้มให้กัน มันเป็นรอยยิ้มที่มีความสุขมากๆ ฉันบอกว่าฉันรักเค้า อาขมรักหัวหอมนะ รักมากที่สุดเลย เรากอดกัน ในตอนนั้นฉันกอดเค้าไว้ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าฉันควรเค้าไว้ให้แน่นมากกว่านั้น แล้วบอกว่ารักเค้าให้มากกว่านี้ บอกกับเค้ามีฉันมีความสุขแค่ไหนที่เค้ามาอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆฉัน ฉันน่าจะหอมแก้มเค้าอึก หรือทำอะไรก็ได้ ที่ทำให้เค้ามีความสุข ฮือๆ ฉันอยากจะให้เด็กคนนั้นยิ้ม และไม่อยากให้เค้าต้องเสียใจอีกแล้ว เพราะฉะนั้นฉันขอร้องเธอละ โอลิเวีย .. ถ้าเธอหรือว่าคนรักของเธอ รักกาลิคไม่ได้อย่างที่ฉันรักแล้วละก็ ได้โปรดอย่าพรากเค้าไปจากเราเลยนะ ได้โปรดให้เค้าได้อยู่กับฉันเถอะ ให้เค้าเป็นลูกภาพ แล้วฉันสัญญาว่าฉันจะดูแลเค้าให้ดีที่สุด อึก..จะรักเค้าให้มากๆ ถ้าเธอเอากาลิคไปแล้วคิดว่าอาจจะทำให้เค้าเสียใจ ร้องไห้ หรืออาจจะทิ้งเค้าอีก ก็อย่าพาเค้าไปเลยนะ ให้เค้าได้อยู่ฉันเถอะ ถือว่าฉันขอร้องละนะ ได้โปรดเถอะ ขอร้องละ ฉันขอร้องเธอจริงๆ อึก อย่าพากาลิคไปเลย อึก อย่าพาเค้าไปเลยนะ ฮือๆ "
" ขม .. " ภาพเดินเข้ามาใกล้มันที่โอบไหล่ผมไว้แน่นก่อนจะดึงเข้าไปกอดไว้ " มึง อย่าร้องไห้ "
" ได้โปรดเถอะ อย่าเอากาลิคไปจากฉันเลย ฉันขอร้อง อึก ฮือๆ "
" พวกยูมันบ้า! บ้าที่สุด บ้า! “ โอลิเวียส่ายหน้าไปมาเธอเดินออกไปที่ประตูห้อง ก่อนจะหันมาบอก " วันนี้ไอจะกลับไปก่อน เพราะดูท่าทางไม่ว่ายังไงพวกยูก็คงไม่ยอม แต่ไม่ว่ายังไง จำไว้! ยังไงซะกาลิคก็ต้องกลับไปกับไอ ต่อให้พวกยูร้องไห้ หรือขอร้องยังไง ไอก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ แล้วคอยดู! ไอเป็นแม่ ต่อให้พวกยูขัดขวางยังไง กาลิคก็ต้องเลือกไอ เพราะไอเป็นแม่ของเค้า! และไอจะทำทุกวิถีทางให้ได้เด็กคนนั้นกลับไป ! "
โครม! เสียงปิดประตูด้วยอารมณ์ดังลั่นจนเราทั้งคู่สะดุ้ง ผมดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดของร่างสูง ผ่อนตัวลงนั่งที่โซฟาถอนหายใจออกมาก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้ น้ำตาที่ไหลไม่หยุดตอนนี้เพราะสมองเอาแต่คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาตลอดตั้งแต่ที่หัวหอมเข้ามาอยู่ที่นี่ มือเล็กๆที่ชอบเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ มันที่ชอบขอให้อุ้ม รอยยิ้มน่ารัก ท่าทางการกินที่มีความสุข หรือแม้แต่เสียงออดอ้อน ทุกอย่างเหล่านั้น ผมคิดถึงและไม่อยากจะเสียไปเลย
“ ภาพ เราจะทำยังไงดีวะ " หันไปมองอีกคนที่นั่งลงข้างๆก่อนจะเอื้อมมือมากอดไหล่ผมไว้ มันลูบปลอบๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา " กูไม่อยากจะให้หัวหอมไปกับมันเลย มึงก็ดูรู้ใช่มั้ย ว่ามันก็เหมือนคนเห่อของเล่นใหม่น่ั่นแหละ ท่าทางดูสนุกสนานไร้ความรับผิดชอบแบบนั้น ต่อไปถ้ามีลูกกับผัวใหม่ขึ้นมา ไอ้หัวหอมคงกลายเป็นหมาหัวเน่าแน่นอน "
ผมคิดถึงสภาพเด็กที่ถูกทำร้ายจากพ่อเลี้ยง คิดถึงข่่าวที่เคยเห็นตามทีวีที่แม่แท้ๆของตัวเองเข้าข้างพ่อเลี้ยงรวมหัวกันทำร้ายเด็ก ข่าวพวกนั้นที่เข้ามาในหัวของผมต่อเนื่องราวกับภาพหลอน ทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อเลี้ยงมันเป็นคนยังไง อาจจะเป็นคนดีแบบที่โอลิเวียบอก แต่ผมก็ทำใจเชื่อแม่ใจร้ายที่ทิ้งลูกแท้ของตัวเองไปเอาผู้ชายคนใหม่ไม่ได้จริงๆ เธอดูหลง จนไม่ต้องหวังเลยว่าเธอจะรักหรือปกป้องกาลิคถ้าเกิดว่ามันทำอะไรผิด แล้วโดนผู้ชายคนนั้นทำร้ายขึ้นมา หนำซ้ำคงจะช่วยกันรุมตบตีด้วยซ้ำไป
“ กูจะพากาลิคไปตรวจดีเอ็นเอนะ เราจะย้ายไปอยู่บ้านพ่อแม่กูในระหว่างที่รอผลตรวจว่ามันเป็นลูกกูจริงๆรึเปล่า "
“ แล้วถ้าระหว่างนี้ โอลิเวียไปแจ้งตำรวจละ ถ้าผลตรวจออกมาว่าไม่ใช่ลูกมึง มึงจะมีความผิดโทษฐานกักขังเด็กนะ "
“ ไม่ต้องถ้าหรอก มันคงไปแจ้งตำรวจแน่ๆนั่นแหละ " ใบหน้าคมคมมองลงต่ำด้วยสายตาที่ทั้งเครียดและกังวล
“ แล้วแบบนั้นมึงจะทำยังไง จะเสี่ยงเหรอ "
“ ใช่! ก็มันเป็นทางเดียวที่ทำได้แล้วในตอนนี้ " ภาพบอก " เพราะถ้ากาลิคเป็นลูกกู กูไม่กลัวหรอก กูมีหลักฐานงัดกับมันอยู่แล้ว อีกอย่างพ่อแม่กูก็คงไม่ยอมแน่นอน ยังไงเค้าก็ต้องหาทนายฝีมือดีๆมาให้สู้คดีนั่นแหละ แต่กูไม่คิดว่าคนอย่างโอลิเวียจะยอมเข้ามาอยู่ในวังวนที่มันวุ่นวายเพราะกาลิคหรอก มันคงอยากจะนอนกกผัวมันมากกว่า แต่แค่ตอนนี้ที่มันอยากจะเอากาลิคกลับไปจนตัวสั่น คงเพราะกาลิคอาจจะเป็นตัวยืนยันคำพูดของมันที่โกหกกับผัวมันไว้ก็ได้ เพราะกูไม่คิดหรอกว่ามัน จะยอมรับกับผัวตัวเองจริงๆ ว่า กาลิคเป็นลูก "
“ หมายความว่าไงวะ "
“ ถ้ามันรักกาลิคจริงๆ ก่อนอื่นก็คงต้องบอก คนรักใหม่ไปตั้งแต่แรกว่ามีลูกติดอยู่แล้ว แต่นี่ตั้งใจจะไม่บอก กูถามจริงๆเถอะ ถ้ามึงมีแฟน รักกันมาดีๆ อยู่ๆแฟนมาบอกว่า มีลูกติดมึงจะช็อคมั้ย "
“ ก็คงช็อค แล้วก็โกรธมากๆด้วยว่าทำไมถึงเพิ่งมาบอกตอนนี้ แต่ถ้าถามว่าโกรธแล้วจะเลิกมั้ย มันก็ต้องดูก่อนว่ารักมากแค่ไหน แล้วก็ต้องดูด้วยว่า มีเหตุผลอะไรที่หลอกกัน "
“ แล้วถ้าบอกว่าเป็นหลานละ พ่อแม่เค้าตายหมด ไม่มีคนเลี้ยงเลยจะเอามาเลี้ยง "
“ ก็คงไม่โกรธ ถ้ากูมีเงินกูก็คงโอเค.. " ผมหันไปมองร่างสูงหันมามองผม " มึงกำลังจะบอกว่า โอลิเวียอาจจะโกหกสามีว่า กาลิคเป็นแค่หลานเหรอ "
“ อื้ม แต่มันก็เป็นแค่การเดาสุ่มของกูนะ " ภาพบอก " โอลิเวียดูรักผู้ชายคนนั้นมาก คำพูดเวลาที่มันพูดถึงเค้า ทำให้กูรู้สึกแบบนั้นแล้วคนที่เรารักมากเราก็คงไม่อยากจะทำให้เค้าผิดหวังหรอกจริงมั้ยละ แบบนั้นมันจะกล้าบอกเรื่องกาลิคเหรอวะ ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ เรื่องที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นเสียใจ มันไม่มีทางกล้าบอกหรอก "
“ ก็จริงของมึงนะ " ผ่อนลมหายใจหนักใจออกมาอีกครั้ง ยิ่งพูดก็ยิ่งชวนให้หนักใจ
" ตอนนี้กูอยากให้ผลตรวจดีเอ็นเอออกมา แล้วบอกว่ากาลิคเป็นลูกของกู เพราะถ้ามันเป็นลูกกู ทุกอย่างจะง่ายขึ้น กูมีสิทธิในการเลี้ยงดูมันเหมือนกัน แต่ถ้าผลมันออกมาว่าไม่ใช่ นั่นก็คงยากมากๆที่จะทำให้มันอยู่กับเรา " มือหนากุมเข้าหากันมันบีบมือตัวเองแน่น ภาพเองก็คงเครียดไม่ต่างจากผมหรอก แต่มันแค่ไม่ใช่คนที่ร้องไห้ออกมาง่ายๆแบบที่ผมทำก็เท่านั้น " ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้วะ น่าตลกนะมึงว่ามั้ย "
" หื้ม ? ยังไง "
“ ก็ตลกตรงที่ว่า ตอนที่เราเจอกาลิคครั้งแรกทั้งกู ทั้งมึงก็เอาแต่นั่งเถียงกันว่า มันเป็นลูกใคร กูที่เคยเถียงหัวชนฝาว่ามันไม่ใช่ลูก แถมยังเอามันไปทิ้งไม่ใยดี แต่ตอนนี้กูคงนั้น กลับมานั่งอ้อนวอนขอให้ผลตรวจออกมาว่า กาลิคเป็นลูกของกู "
“ งั้นกูก็ตลกตัวเองเหมือนกัน " ผมเอ่ยบอก " ทั้งๆที่มันไม่ใช่ลูกกู แต่กูกลับเป็นห่วงมันเหมือนมันเป็นลูกของกู กูร้องไห้ คร่ำครวญ ทั้งๆที่กูควรสบายใจที่มันไม่ใช่ลูกกูแท้ๆ แต่ตอนนี้กูกลับคิดว่า ให้มันเป็นลูกกูยังดีซะกว่า กูจะได้ช่วยอะไรมันได้ "
“ เพราะอะไรกันวะ "
“ เพราะตอนที่เราอยู่ด้วยกัน มันมีความสุขมากๆเลยละมั้ง เราก็เลยไม่อยากจะเสียมันไป " หันไปยิ้มจางๆให้มัน ไอ้ภาพที่หันมองผม มันเหมือนมีอะไรสักอย่างจะบอกแต่ยังไม่ทันจะเอ่ยอะไรออกมา เสียงเปิดประตูห้องนอนก็ดังขึ้นมาก่อน
แกร๊ก..
เราหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน ไอ้ตัวเล็กที่เพิ่งตื่นขยี้ตาตัวเองไปมาพร้อมกับลากตุ๊กตาหมีตัวโปรดของมันเดินเข้ามาหาผม แทรกตัวเข้ามายืนที่ระหว่างขามันเอียงซบลงที่อก
“ อาขม กาลิคตื่นแล้ว "
“ ตื่นแล้วเหรอ " ผมก้มลงถามมันก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวมันเบาๆ หอมแก้มใสๆไปเต็มฟอด อีกคนก็ยิ้มหวาน
“ อาขม อาขมรู้มั้ย ตอนที่กาลิคหลับอยู่น่ะนะ กาลิคเห็นหม่ามี๊ด้วยแหละ " ทุกอย่างเงียบ สีหน้าที่กำลังยิ้มของผมเปลี่ยนไปทันที " กาลิคเห็นหม่ามี๊มาอุ้มกาลิค "
“ ฝันรึเปล่า " ภาพหันมาบอกมัน เอียงคนก็เอียงหน้างง “ ฝันน่ะ คือเรื่องที่ไม่จริง มันจะเกิดขึ้นตอนเราหลับเท่านั้น "
“ จริงเหรออออ อาขม งั้นหม่ามี๊ก็ไม่ได้มาหากาลิคจริงๆน่ะสิ "
“ แล้วถ้าหม่ามี๊มา กาลิคจะดีใจมั้ย คิดถึงหม่ามี๊รึเปล่า " ไม่ได้ตอบคำถามมัน แต่กลับเลือกที่จะถามคำถามอื่นแทน หัวหอมยิ้มมันเอื้อมมือมากอดคอผมไว้
“ ก็..คิดถึงนะ "
“ เหรอ แล้วหม่ามี๊น่ะ เป็นคนยังไงเหรอ ใจดีมั้ย " ผมถามต่ออีกคนก็เงยหน้าทำท่าคิด
“ หม่ามี๊ไม่ใจดี หม่ามี๊ดุนะ หม่ามี๊จะตีแบบนี้ๆ แล้วก็เขย่าแบบนี้ด้วย " หัวหอมเอื้อมมือมาตีผมเหมือนเวลาที่แม่มันตีมัน ก่อนมือเล็กๆนั่นจะกำเสื้อของผมแล้วโยกไปมา เหมือนกำลังทำให้ดูว่าตอนโดนเขย่าเป็นยังไง " แล้วหม่ามี๊ก็จะพูดว่า กาลิคซน ซนเหรอ นี่แหน่ะ นี่แหน่ะ อย่าซนนะ อย่าซนนะ แต่ว่า กาลิคก็ไม่ได้ซนนะอาขม " มันโบกมือไปมาปฎิเสธกับผมที่ก็พยักหน้ารับ
" อาขมรู้ ว่ากาลิคไม่ได้ซนหรอก "
" ตอนนั้นนะ กาลิคหิว แต่ไม่มีอะไรกินเลย หม่ามี๊ก็มีนมอยู่ แต่นมมันหนักมากเลย กาลิคก็เลยทำหก แล้วหม่ามี๊ก็โกรธใหญ่เลย หม่ามี๊ตีกาลิค ตีแรงๆเลย ตีตรงนี้ แล้วก็ตีตรงนี้ " จับแขนตัวเองแล้วก็ขาตัวเอง บอกเล่าเรื่องราวเจ็บปวดพวกนั้นให้ผมฟัง
“ แบบนั้นไม่ดีเลยนะ แค่จะกินนมเองก็หัวหอมยังเด็กไม่แปลกหรอกที่จะยกแล้วมันหกน่ะ " ลูบหัวมันปลอบๆ ผมยิ้ม " ลืมมันซะเถอะนะ ถ้าคิดแล้วเจ็บปวดก็อย่าไปจำมันเลย จำเรื่องที่มีความสุขดีกว่า "
“ แล้วก็นะอาขม หม่ามี๊น่ะ จะไม่ให้กาลิคเรียกหม่ามี๊ว่า หม่ามี๊เวลาที่ออกไปข้างนอกนะ หม่ามี๊บอกว่าให้เรียกว่าโอลิเวียเฉยๆ ถ้าเกิดว่ากาลิคเรียก หม่ามี๊ก็จะโกรธแล้วตีแรงๆเลย หม่ามี๊บอกว่า ห้ามให้คนอื่นรู้ว่าหม่ามี๊เป็นหม่ามี๊ของกาลิค หม่ามี๊บอกว่า มันน่าอายแหละ "
“ เหรอ " ผมกัดฟันกลั้นน้ำตาที่กำลังไหลออกมา ฝืนพยักหน้ารับอีกคนไป อุ้มเจ้าตัวเล็กที่กำลังยืนอยู่ระหว่างขาขึ้นมานั่งบนตัก ผมที่กอดมันไว้ ใบหน้าน่ารักนั่นก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ แล้วอาขมคิดว่า มันน่าอายมั้ย น่าอายรึเปล่าที่มีกาลิคอยู่ตรงนี้ "
“ ไม่นิ ไม่เลย " ผมส่ายหน้าไปมา แล้วน้ำตานั่น..ในที่สุดก็ไหลออกมา ผมไม่รู้จะตอบอะไรเป็นครั้งแรกที่เอาแต่กอดมันไว้แน่นแล้วร้องไห้อยู่แบบนี้ ผมสงสารมัน สงสารมันจนพูดอะไรไม่ออก ทั้งๆที่ตลอดมาไม่ได้เป็นที่ต้องการแต่มันก็ยังรักผู้หญิงคนนั้น ยังบอกว่าคิดถึงผู้หญิงคนนั้น ทั้งๆที่โดนรังเกียจแบบนั้น แต่มันก็ยังยิ้มตอนที่พูดถึงเค้าด้วยความใจดี หัวใจที่บริสุทธิ์ของมัน ไม่ได้คิดอะไรที่ซับซ้อนเหมือนเรา เด็กคนนี้ คิดแค่ว่า เธอคนนั้นเป็นแม่ แม่ที่ต้องรักมัน อย่างที่แม่ของคนอื่นๆเป็น
“ อาขม อาขมกอดกาลิคแน่นเลย “
" เพราะว่าอาขมรักหัวหอมมากๆเลย " ผมบอกก่อนจะยิ้มให้มัน " อาขมไม่อายหรอกนะ อาขมมีความสุขมากซะอีก ที่มีหัวหอมอยู่ตรงนี้ ไม่เคยอายเลย ไม่เคย "
“ อาขม กาลิครักอาขมมากที่สุดเหมือนกันนะ รักเท่านี้เลยยยย " สองมือเล็กกางออกกว้างบอกปริมานความรักที่มีให้ผม ก่อนจะดึงตัวเองเข้ามากอดผมไว้แน่น ใบหน้าน่ารักที่ซบลงบนไหล่ ผมเองก็ก็ได้แต่ซบลงบนไหล่ของมันเช่นกัน
“ อาขมก็รักหัวหอมมากที่สุดเหมือนกัน " น้ำตาของผมไหลออกมาอีกครั้ง ทั้งๆที่พยายามจะไม่ร้องไห้ให้มันเห็นแต่สุดท้ายก็ต้องร้องไห้ออกมาอยู่ดี พอคิดว่ามันต้องไปอยู่กับแม่มัน แม่มันที่ยังไม่อยากจะให้มันเรียกว่าแม่ต่อหน้าคนอื่น แม่มันที่คอยแต่ตีมันเวลามันซน แล้วมันที่ต้องเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำแบบนั้น
“ อาขม อาขมร้องไห้ทำไม " เด็กน้อยผละตัวออกห่างผมก่อนจะเอียงหน้าถาม " ไม่เอาไม่ร้องไห้นะ โอ๋ๆ โอ๋นะ " มือที่เอื้อมมือเช็ดน้ำตาให้ผม แต่น้ำตานั่นก็ไม่หยุดไหลออกมาเลย ตอนนี้ผมที่กำลังร้องไห้อยู่มันเป็นคนปลอบผมแล้วเช็ดน้ำตาให้ แล้วถ้ามันกลับไปอยู่กับแม่มันละใครจะเป็นคนเช็ดน้ำตาให้มัน ใครจะเป็นคนปลอบมัน เค้าจะเล่านิทานให้มันฟังมั้ย จะคอยตอบคำถามเรื่องที่มันสงสัยได้รึเปล่า จะพาไปเที่ยวในที่สวยๆ จะคอยเล่นกับมันอย่างที่ผมทำมั้ย แล้วหัวหอมจะมีความสุขรึเปล่า " อาขมอย่าร้องไห้ อาขมร้องไห้ทำไม "
" ขอโทษนะ อาขมแค่ดีใจน่ะ ที่หัวหอมบอกว่ารักอาขมที่สุด " ผมบอกก่อนจะสูดน้ำมูกเข้าไป " ร้องไห้เพราะดีใจมากๆเลย "
" ร้องไห้เพราะดีใจก็ได้เหรอ "
" ได้สิ " ผมบอก
" แล้วต้องรอโตรึเปล่า ถึงจะร้องไห้ตอนดีใจได้ "
" ตอนนี้ก็ทำได้แต่ว่าเด็กเค้าไม่ทำกันหรอก เวลาเด็กดีใจทำไงกันละ "
" จะเย้ๆ แบบนี้ " มันชูมือไปมาก่อนจะก้มลงกอดผมอีกครั้ง ผมที่ถอนหายใจออกมาแล้วกอดมันไว้แน่น
" หิวรึยัง " ไอ้ภาพหันมาถามเราด้วยสายตาแดงๆมันที่ก็คงร้องไห้ไม่ต่างอะไรจากผม หัวหอมพยักหน้ารับ
" กาลิค หิวแล้ว "
" งั้นไปกินข้าวที่บ้านคุณปู่คุณย่ากันนะ " ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนเจ้าตัวเล็กจะคว้ามือของร่างสูงแล้วจับไว้
" เราจะไปหาคุณปู่คุณย่ากันเหรอ อาภาพ "
" ใช่แล้ว อยากไปมั้ยละ "
" อยากกกก กาลิคอยากไปหาคุณปู่คุณย่า อยากไปกินของอร่อยๆด้วย เย้ๆ " เด็กน้อยดึงตัวเองออกจากตัวผม มันกระโดดไปมา ผมก็ลุกขึ้นยืน
" งั้นกูไปจัดชุดให้มันนะ " ผมบอกภาพ ก่อนจะเอ่ยถามมัน " แล้วเราจะให้มันไปโรงเรียนมั้ย กูจะได้จัดชุดถูก "
" ลองไปปรึกษาพ่อกับแม่กูก่อนแล้วกันว่าจะทำไง เอาไปสักชุดก็ได้ เผื่อมันต้องไป "
" อื้ม โอเค "
" อาภาพๆ เราจะไปนอนที่บ้านคุณปู่คุณย่ากันเหรอ "
" ใช่แล้ว " ภาพบอกก่อนจะย่อตัวลงหน้าเจ้าตัวเล็กที่ยิ้มกว้าง มือหนาเอื้อมมือไปจับมือของอีกคน มันยิ้ม " กาลิค กาลิครักอาภาพมั้ย "
" รัก ! " หัวหอมบอกก่อนจะดึงตัวเองเข้าไปกอดภาพ " กาลิครักอาภาพ "
" อาภาพก็รักกาลิคนะ " ภาพบอกก่อนจะดึงอีกคนมาเผชิญหน้า " เพราะงั้นอาภาพมีอะไรจะบอกกาลิคอย่างนึง "
“ อะไรเหรออาภาพ "
“ ถ้ากาลิคมีความสุขที่จะอยู่กับใคร ให้เลือกอยู่กับคนนั้นนะ ถ้าวันนึงหม่ามี๊มารับ กาลิคต้องคิดให้ดีนะว่าอยากจะอยู่กับใคร อยู่กับใครแล้วมีความสุข มีความสุขไปทุกๆวัน ถ้าอยากจะอยู่กับอาขมอาภาพก็อยู่ แต่ถ้าอยากจะอยู่กับหม่ามี๊ก็ไปอยู่กับหม่ามี๊นะ "
" แล้วทำไมต้องเลือกด้วยละ ไม่เลือกได้มั้ย " หัวหอมเอียงหน้าถาม ภาพก็ยิ้ม
" ไม่ได้หรอก ต้องเลือกนะ ขนาดเวลาไปซื้อขนมกับอาขม อาขมยังให้เลือกแค่กล่องเดียวเลยจริงมั้ยละ " ท่าทางที่ดูงงๆของไอ้ตัวเล็ก มันคงไม่เข้าใจหรอกว่าภาพต้องการจะสื่ออะไรถึงมัน อายุมันแค่นี้ ถ้ามันเจอแม่มันจริงๆ มันก็ต้องอยากจะกลับไปอยู่กับแม่มันอยู่แล้ว ไม่ว่าแม่มันจะเป็นยังไง สำหรับเด็กแม่ก็คือแม่ ยังไงก็รัก คิดถึง แล้วก็อยากจะอยู่ด้วยอยู่แล้ว
" หัวหอมมาช่วยอาขมจัดกระเป๋ากันดีกว่านะ "
" อื้ม ก็ได้ " เด็กน้อยขานรับ มันวิ่งเข้าไปในห้อง ผมก็หันไปบอกภาพ
" เราให้มันเลือกไม่ได้หรอกมึง มันตัวแค่นี้ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้หรอก มันต้องเราเท่านั้นที่จะต้องเป็นคนตัดสินใจ แล้วทำทุกอย่างเพื่อมันให้มันออกมาดีที่สุด "
................................................