ตอนพิเศษนี้เขียนขึ้นเพิ่มเติมจากตอนที่ 7
ตอนนั้นแฟรงค์รู้สึกว่าตัวเองรุกคืบนัทมากไป ก็เลยอยากปรับตัวใหม่
ลองมาอ่านช่วงเวลาดีๆ ในหนึ่งวันของสองคนดูครับ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
ตอนพิเศษ 1 ✢ หนึ่งวันของพี่แฟรงค์กับน้องนัท วันนี้เป็นวันหยุดของนัท ผมก็เลยต้องทำงานคนเดียว แต่ก็นัดสอนเล่นฟลายบอร์ดกับนัทตอนสิบโมงเอาไว้ ถ้ามีเวลาว่าจะสอนตกปลาให้ด้วย ก่อนหน้านี้เฮนนิ่งว่าจะสอนให้แต่นัทก็ปฏิเสธ ตั้งแต่เห็นผมเล่นแบบผาดโผนให้ลูกค้าดูเมื่อไม่กี่วันก่อน นัทก็คอยรบเร้าให้ผมช่วยสอนจนกระทั่งสบโอกาสวันนี้
พอใกล้ถึงเวลา ผมก็เร่งเคลียร์งานบนโต๊ะที่ค้างไว้อีกนิดหน่อยให้เสร็จ เหลือเพียงจดหมายสองสามฉบับและเอกสารด้านการเงินที่ต้องเซ็นอีกนิดหน่อย ผมแค่ตรวจดูความเรียบร้อยก็เซ็นได้แล้ว จากนั้นช่วงบ่ายๆ ก็จะมีเวลาไปดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่
"พี่แฟรงค์ เสร็จหรือยัง"
น้ำเสียงเร่งเร้าทำให้มือที่กำลังเซ็นอยู่หยุดชะงัก นัทโผล่หน้าเข้ามาตรงประตู ยิ้มเผล่ ดูเหมือนจะตื่นเต้นมากทีเดียว ปิดประตูแล้วก็เดินลิ่วมาหาผมที่โต๊ะ ผมส่งยิ้มให้อย่างเอ็นดู ใครๆ ก็คงเดาออกว่าผมรักน้องคนนี้มากแค่ไหนจากแววตาของผม
"เตรียมพร้อมขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยน้องพี่"
ผมขำเบาๆ จ้องดูร่างในชุดกางเกงขาสั้นแนบเนื้อสีดำกับเสื้อแขนกุดสีเดียวกันที่เพิ่งซื้อมา ก่อนหน้านั้นก็เล่นใส่กางเกงขาสั้นธรรมดาๆ แต่จู่ๆ ก็เกิดอยากมีชุดเล่นน้ำให้เป็นเรื่องเป็นราว นัทจึงขอให้ผมพาไปซื้อที่เซ็นทรัลรามอินทราเมื่อวานหลังเลิกงาน
"พี่แฟรงค์ยังไม่เสร็จอีกเหรอ" นัททำท่ากังวล คงกลัวว่าผมจะช้าจนได้
"ยังเลย พี่ขอเวลาอีกสิบนาทีละกัน นัทนั่งรอพี่ก่อน"
"เร็วๆ นะ" นัทกำชับ
"คร้าบบบ คุณธนวรรธน์ โฆษะนาม" ผมหยอกเล่นด้วยการเรียกชื่อจริง
"ถ้าช้ากว่าสิบนาทีนะ ผมจะโกรธคุณวศินภัทร์ ชลาสัยไปสามวันเลย" นัทคาดโทษด้วยการเลียนแบบผมบ้าง
"พี่จะรีบเต็มที่เลยครับ เดี่ยวน้องนัทโกรธพี่สามวัน พี่ต้องตรอมใจตายแน่ๆ" ผมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ได้หยอกเล่นกับนัทแล้วก็รู้สึกสดชื่น มีแรงทำงานอีกเยอะเลย
พอครบสิบนาที ผมก็ไปเปลี่ยนชุดบ้าง ไม่ได้ซื้อมาใหม่เหมือนนัทหรอกเพราะผมมีเตรียมไว้พร้อมอยู่แล้ว พอเรียบร้อยแล้วเราก็เดินไปที่บ่อตกปลาด้วยกัน นัทเดินเร็วจนเหมือนวิ่ง แถมยังคอยหันมาเร่งผมให้เดินตามไวๆ เสียอีก ผมก็เลยต้องเร่งฝีเท้าตามคนตื่นเต้นไป
พอมาถึงจุดเล่นฟลายบอร์ดแล้ว ผมกับนัทก็ขึ้นไปบนเจ๊ตสกีที่ต่อฟลายบอร์ดไว้ พอสวมเสื้อชูชีพแล้วนัทก็เป็นคนขับเจ็ตสกีออกไปจนถึงกลางน้ำ ผมสวมหมวกกันน็อกเพื่อป้องกันการกระแทก ปิดท้ายด้วยการสวมฟลายบอร์ดเข้าที่เท้าทั้งสองข้าง แล้วจึงค่อยๆ หย่อนตัวลงไปในน้ำ น้ำที่นี่ไม่ลึกมาก พอเขย่งขาลอยคอได้อย่างสบายๆ
"พี่แฟรงค์พร้อมยัง" นัทหันมาเร่ง ตั้งท่าเร่งเครื่องไว้พร้อม คงอยากเล่นเต็มแก่
"พร้อมแล้วคร้าบบบ"
นัทเร่งเครื่องเพื่อสูบน้ำเข้าไปในท่อที่ต่อกับฟลายบอร์ด พอแรงดันน้ำเพิ่มขึ้น ตัวผมก็ค่อยๆ ลอยสูงขึ้น จนกระทั่งโผล่เหนือผิวน้ำขึ้นมาทั้งตัว ผมเล่นมานานแล้วจึงทรงตัวได้สบายมาก
"สูงกว่านี้อีก"
ผมตะโกนแข่งกับเสียงของเครื่องยนต์ ความสูงเพียงหนึ่งเมตรยังไม่พอให้เล่นแบบผาดโผนได้ นัทจึงเร่งเครื่องอีกนิด แรงดันน้ำที่มากขึ้นค่อยๆ ดันตัวผมขึ้นไปจนอยู่เหนือผิวน้ำประมาณสองเมตร นี่แหละระดับที่ผมต้องการ ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองมีอภินิหาริย์จนเหาะเหินเดินอากาศได้ยังไงยังงั้น
"คอยดูดีๆ นะ"
ผมตะโกนบอก ถึงไม่บอกนัทก็คอยจ้องดูไม่คลาดสายตาอยู่แล้ว พอจัดท่าดีแล้วผมก็กระโดดตีลังกาหนึ่งรอบเรียกน้ำย่อยก่อน แล้วก็ได้ยินเสียงนัทตะโกนแว่วมา
"พี่แฟรงค์สุดยอด!"
ผมทรงตัวได้แล้วก็กระโดดตีลังกาอีก คราวนี้เพิ่มเป็นสองรอบติดกัน นัทยิ่งตื่นเต้นใหญ่ ส่งเสียงร้องตื่นเต้นแข่งกับเครื่องยนต์จนฟังไม่ได้ศัพท์ ผมเปลี่ยนเป็นตีลังกากลับหลังสามรอบติดกัน นัทถึงกับเป่าปากและส่งเสียงไม่หยุด จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นท่ากระโดดหมุนตัว สลับกับตีลังกาหน้าหลัง ผาดโผนถูกใจนัทสุดๆ กว่าจะเล่นได้อย่างนี้ผมต้องฝึกอยู่นานเลย
ผมเล่นอยู่สักพักก็บอกให้นัทค่อยๆ ลดแรงดันของน้ำลง ร่างของผมจึงค่อยๆ ตกลงสู่ผิวน้ำแล้วจมลงไปลอยคอด้วยแรงพยุงของเสื้อชูชีพ ผมเคลื่อนตัวเข้าหาเจ็ตสกี จับยึดได้แล้วก็ขึ้นจากน้ำไปนั่งบนนั้น นัทดับเครื่องแล้วก็หันมาคุยด้วย
"พี่แฟรงค์สุดยอดเลย น่าจะลองไปแข่งเล่นฟลายบอร์ดดู เค้ามีแข่งหรือเปล่า นัทว่าพี่แฟรงค์ต้องได้ที่หนึ่งแน่ๆ"
"ไม่ขนาดนั้นหรอก มา นัทเอานี่ไปใส่"
ผมบอกพลางส่งฟลายบอร์ดที่ถอดออกมาให้นัทไป
"ตื่นเต้นจัง คราวที่แล้วที่เล่นกับเฮนนิ่ง นัททรงตัวไม่ค่อยได้เลย ตกน้ำตั้งหลายรอบ"
นัทค่อยๆ นั่งลง ผมช่วยใส่ฟลายบอร์ดและล็อกกับข้อเท้าให้ เสร็จแล้วก็ส่งหมวกกันน็อกให้นัทไปสวมบ้าง ส่วนเสื้อชูชีพนัทใส่ไว้อยู่แล้ว
"นัทอย่าเพิ่งตีลังกานะ ฝึกทรงตัวให้เป็นก่อน แรกๆ นัทจะรู้สึกไม่มั่นคง กลัวตก แต่นัทไม่ต้องกลัว ทำตัวสบายๆ เหมือนเรากำลังเดินเล่น พอทรงตัวได้ดีแล้วนัทลองแกว่งแขนพร้อมกันสองข้าง ทำท่าเหมือนจะกระโดดนั่นแหละ แล้วนัทก็ลองย่อตัวลง ยืนขึ้น ทำสลับกันเร็วขึ้นๆ มันจะช่วยฝึกเรื่องการทรงตัวได้ พอมั่นใจแล้วค่อยลองกระโดด ไม่ต้องกลัวนะ ถึงนัทจะกระโดดไม่ครบรอบก็แค่ตกน้ำเฉยๆ ไม่อันตรายหรอก..."
ผมอธิบายวิธีการเล่นให้นัทฟังอย่างละเอียด เจ้าตัวนั่งฟังตาแป๋ว ฟังไปก็ยิ้มไป ผมอดเอ็นดูไม่ได้จนต้องเคาะหมวกกันน็อกที่นัทสวมไว้เป็นเชิงหยอกเล่น นัทก็เลยแกล้งชกที่ท้องผมเบาๆ บ้าง ผมรีบหลบจนเกือบตกน้ำแน่ะ แต่ก็หัวเราะสนุก
นัทหย่อนตัวลงไปในน้ำแล้ว ผมเร่งเครื่องปล่อยน้ำเข้าไปที่ฟลายบอร์ด ตัวของนัทค่อยๆ ลอยสูงขึ้นๆ จนอยู่เหนือผิวน้ำเกือบๆ สองเมตร แล้วก็พยายามทำตามที่ผมบอกเพื่อฝึกทรงตัว ตั้งแต่แกว่งแขนสองข้างและย่อตัวขึ้นลง ตั้งท่าจะกระโดดอยู่หลายหนแต่ก็ยังไม่กล้า ผมต้องคอยส่งเสียงให้กำลังใจบ่อยๆ
"นัททำได้ น้องพี่เก่งอยู่แล้ว"
"นัทกลัวง่ะ" พูดพลางทำหน้าแหย
ถึงแม้จะยังไม่ได้กระโดด แต่การลอยไปลอยมาในอากาศก็สนุกแล้ว ผมลดแรงดันน้ำลงให้ตัวของนัทค่อยๆ ลอยลงต่ำ จากนั้นก็เพิ่มแรงดันน้ำให้ลอยสูงขึ้น สลับไปสลับมา เจ้าตัวถึงกับหน้าเหวอ ร้องเสียงหลง แต่สุดท้ายก็สนุกไปด้วย
แล้วจู่ๆ นัทก็เกิดใจกล้าตีลังกาขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แถมยังโชคดีที่ตีลังกาได้ครบรอบและสามารถยืนทรงตัวได้เหมือนเดิมด้วย
"นัทสุดยอด"
ผมตะโกนชม เจ้าตัวยิ้มและหัวเราะร่า พอทำได้แล้วก็เลยตีลังกาใหญ่เลยคราวนี้ เสียงร้องตะโกนสนุกดังไปทั่วบริเวณจนพนักงานที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องหยุดดู
ผมนึกสนุกอยากแกล้งขึ้นมาบ้าง พอนัทตีลังกาอีกรอบผมก็ปล่อยคันเร่ง พอไม่มีน้ำสูบเข้าไปฟลายบอร์ดก็เลยพานัทหล่นตูมลงไปในน้ำ คราวนี้เจ้าตัวก็เลยโวยวายใหญ่
"พี่แฟรงค์ง่ะ แกล้งนัทเหรอ ทำไมทำแบบเนี้ย ฮือ"
นัทรีบลอยตัวเข้ามาที่เจ็ตสกีที่หยุดนิ่งแล้วก็พยายามโคลงตัวเครื่อง แต่ผมจับแฮนด์มันไว้จึงไม่ตกลงไปง่ายๆ นัทก็เลยพยายามจะจับขาผมดึงลงไปในน้ำแทน ผมก็กระโดดหลบ พอจับเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ นัทก็เลยปีนขึ้นมาบนเจ็ตสกี ผมยึดแฮนด์ไว้แน่นเพราะรู้ว่านัทอาจจะขึ้นมาผลักหรือดึงผมตกน้ำแน่ๆ ที่ไหนได้ นัทเอามือจี้เอวผม พอผมจั๊กกะจี้และปล่อยมือแล้วนัทก็กอดผมทั้งตัวแล้วดึงผมลงไปในน้ำด้วยกัน
"นึกว่าจะหนีพ้นเหรอ" นัทหัวเราะชอบใจ
ผมเอามือลูบน้ำออกจากหน้า นัทก็เลยแกล้งผมอีกรอบด้วยการตีน้ำใส่
"นี่แน่ะๆๆ เป็นพี่ทำไมชอบแกล้งน้อง เมื่อกี้แกล้งนัททำไม"
ผมเอามือป้องหน้าเป็นพัลวัน นัทก็ยิ่งตีน้ำใส่ใหญ่
"ยอมมั้ยๆ"
"ยอมแล้วๆ พี่ยอมแล้ว"
ผมยอมยกธงขาว นัทก็เลยหยุด แล้วต่างคนก็ต่างหัวเราะ
"วันหลังนัทจะแกล้งพี่แฟรงค์มั่ง คอยดูละกัน ฝากไว้ก่อน"
"ต้องรีบมาเอาคืนนะ เดี๋ยวเน่า"
นัทตีน้ำใส่ผมหนึ่งทีแล้วก็หัวเราะ ผมเกือบหลบไม่ทันแน่ะ จากนั้นเราจึงขึ้นไปบนเจ็ตสกีด้วยกัน พอนัททำท่าจะถอดฟลายบอร์ดออก ผมก็รีบเข้าไปช่วย
"ไม่เป็นไร นัทถอดเองก็ได้"
"ให้พี่ช่วยดีกว่า ถอดไม่เป็นเดี๋ยวขาก็เป็นแผลหรอก"
นัทก็เลยอยู่เฉยๆ ยอมให้ผมทำให้
"ถึงพี่จะแกล้งนัท แต่พี่ก็รักน้องของพี่นะ รักดอกจึงหยอกเล่น" ผมสัพยอกในขณะที่แก้ตัวล็อกออกจากข้อเท้าให้นัท
"แหม...แกล้งเค้าแล้วก็พูดได้ดิ" นัทว่าไม่จริงจังนัก
ถอดฟลายบอร์ดให้นัทแล้วผมก็ถอดท่อน้ำและเก็บฟลายบอร์ดใส่ไว้ในที่เก็บบนเจ็ตสกี กำลังจะหันกลับไปขับเจ็ตสกีซะหน่อย นัทก็เอาคืนด้วยการผลักผมกระเด็นตกน้ำ แล้วก็ขับเจ็ตสกีออกไปอย่างเร็ว ทิ้งให้ผมลอยคออยู่ในน้ำคนเดียว เจ้าตัวหัวเราะร่าด้วยความสะใจ
"สมน้ำหน้า แกล้งคนอื่นดีนัก เป็นไงล่ะ ว่ายน้ำกลับเองละกันนะ" นัทหันมาทำหน้าทะเล้นใส่
ผมเอามือลูบหน้าตัวเองเพื่อรีดน้ำออกไป เห็นนัทหัวเราะแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข แม้ว่าจะโดนเอาคืนก็เถอะ แต่ไม่นานนักนัทก็ขับเจ็ตสกีวนกลับมาหา
"ดึงพี่ขึ้นไปหน่อยสิ" ผมบอกพลางยื่นมือขึ้นไปหา
"เรื่อง พี่แฟรงค์ขึ้นเองก็ได้นี่" นัทเถียง
"เดี๋ยวนัทแกล้งพี่อีกไง"
"ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเกิดพี่แฟรงค์แกล้งดึงนัทตกน้ำล่ะ"
"นัทก็จับแฮนด์ไว้ดิ"
นัททำท่าลังเล แต่สักพักก็ยอมยื่นมือลงมาช่วยดึงผมขึ้นไปแต่โดยดี ผมปีนขึ้นไปบนเจ็ตสกีได้แล้วก็แกล้งทำหน้ามีเลศนัย
"แน่ะ จะแกล้งอะไรอีกล่ะ" นัททำหน้าระแวงจนผมอดขำไม่ได้
"เปล่า ขี่เจ็ตสกีเล่นกันมั้ย เดี๋ยวพี่ขี่เอง"
นัทค่อยๆ คลายสีหน้าหวาดระแวงลง จากนั้นก็ยิ้มและพยักหน้าอย่างตื่นเต้น "โอเค กำลังอยากเล่นพอดีเลย"
ผมให้นัทเขยิบไปนั่งซ้อนท้ายข้างหลัง ส่วนตัวผมนั่งตรงส่วนหน้าของเบาะ พอพร้อมแล้วก็ขับเจ็ตสกีแล่นถลาออกไป ผมจัดเต็มเลยคราวนี้ จะได้รู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร ลีลาผาดโผนฉวัดเฉวียนทำให้นัทหวาดเสียวใหญ่ กอดเอวผมซะแน่น ผมก็ยิ่งได้ใจ เล่นโชว์ยังกะหนุ่มเล่นโชว์สาวเลย
หลังจากที่เล่นกันจนหนำใจแล้วผมกับนัทก็ขึ้นจากน้ำ สิบเอ็ดโมงเศษๆ ลูกค้าเริ่มเข้ามาบ้างแล้ว ผมมีคนคอยดูแลตรงส่วนบ่อตกปลาอยู่จึงไม่ต้องกังวลเรื่องดูแลลูกค้า แต่ก็มักจะแวะไปทักทายและบริการลูกค้าด้วยตัวเองบ่อยๆ โดยเฉพาะขาประจำ
"วันนี้นัทจะไปไหนมั้ย"
"ไม่ได้ไป ว่าจะช่วยพี่แฟรงค์ดูแลลูกค้า"
"ไม่ดีหรอกนัท วันนี้วันหยุดของนัทนะ พักผ่อนเหอะ" ผมแย้งอย่างเกรงใจ
"ไม่เป็นไร นัทอยากช่วยพี่แฟรงค์ ขี้เกียจนอนเฉยๆ แล้วก็ไม่อยากออกไปข้างนอกด้วย นัทไม่รู้จักแถวนี้น่ะ ถ้าจะไปในเมืองก็ไกลอีก นัทขี้เกียจขับรถไกลๆ ทำงานช่วยพี่แฟรงค์ดีกว่า เผื่อว่าจะได้กินไอติมอร่อยๆ อีก"
"เห็นแก่กินนะเรา"
ผมพูดหยอกและหัวเราะอย่างเอ็นดู
"ไปกินข้าวเย็นที่บ้านพี่มั้ยเย็นนี้ เดี๋ยวพี่จะโทรบอกที่บ้านให้ซื้อฮาเกนดาสเตรียมไว้ให้"
"จริงเหรอ รักพี่แฟรงค์ที่สุดในโลกเลย"
นัทกระโดดกอดคอขี่หลังผมอย่างดีใจ ประโยคที่นัทพูดเมื่อกี้ทำหัวใจผมพองโตจนยิ้มแทบไม่หุบ นึกเสียดายสิบสามปีที่เราจากกันไป ถ้าเรายังเจอกันอยู่ คงมีช่วงเวลาดีๆ อย่างนี้เกิดขึ้นจนนับไม่ถ้วน เราคงสนิทสนมแน่นแฟ้นกันยิ่งกว่านี้ เผลอๆ ความรู้สึกพิเศษที่ก่อตัวขึ้นอาจพาเราเดินทางไปไกลด้วยกันถึงไหนต่อไหนแล้วก็ได้
"ลุงยังจำวันนั้นได้ดีเลย แฟรงค์เค้าขี่จักรยานกลับมาบ้าน ร้องห่มร้องไห้มาด้วย ลุงกับป้าตกใจกันใหญ่นึกว่าแฟรงค์เป็นอะไร แล้วแฟรงค์ก็มาขอให้พ่อช่วยพูดกับน้านวลให้หน่อย น้านวลไม่ยอมพานัทไปโรงบาลเลย แฟรงค์กลัวนัทเป็นไข้เลือดออก เค้าไม่อยากให้นัทตาย แต่น้านวลก็เถียงว่านัทเป็นแค่ไข้หวัดเอง กินยาก็หายแล้ว ลุงกับป้าก็เลยพากันขับรถไปที่บ้านน้านวล คุยอยู่ตั้งนานน้านวลถึงได้ยอมให้พานัทไปหาหมอ ดีนะที่ไปทัน ไม่งั้นแย่เลย"
ผมนั่งฟังพ่อเล่าเรื่องเก่าของผมตอนนั้นแล้วก็ยิ้ม นึกขำตัวเองเหมือนกันเพราะบอกน้านวลเท่าไหร่แกก็ไม่ฟัง สุดท้ายไม่รู้จะทำยังไงก็เลยร้องไห้ไปขอให้พ่อช่วยไปพูดให้ ถ้าไม่ทำอย่างนั้น วันนี้นัทก็อาจจะไม่ได้มานั่งอยู่ข้างๆ ผมแล้ว
"จริงเหรอครับลุง นัทไม่รู้เรื่องเลยว่าแม่ไม่ยอมพาไปโรงบาล"
นัทหันมามองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ คงคิดไม่ถึงว่าผมจะยอมทำถึงขนาดนั้น
"ตอนนั้นนัทกินยาแล้วก็นอนหลับอยู่ไงลูก ลุงกับป้ากล่อมน้านวลอยู่นานมาก แกก็ดื้อจริงๆ"
แม่ของผมบอกพลางหัวเราะ เรื่องวันนั้นทำให้ที่บ้านผมรู้เลยว่าบทน้านวลจะดื้อขึ้นมา แกก็ดื้อไม่ใช่เล่นเหมือนกัน แต่ความดื้อของแกก็เป็นประโยชน์ ไม่อย่างนั้นแกคงไม่สามารถกัดฟันเลี้ยงลูกสองคนโดยลำพังได้ แถมตอนนี้ยังมีร้านขนมจีนเส้นสดใหญ่โตอีกต่างหาก
"ขอบคุณลุงกับป้ามากนะครับ ถ้าไม่ได้ลุงกับป้าช่วยพาไปโรงบาล วันนั้นนัทคงแย่แน่เลย" นัทมองพ่อกับแม่ผมด้วยสีหน้าซาบซึ้ง แล้วก็หันมามองผมอีกครั้งด้วยแววตาเช่นเดียวกัน
"ขอบคุณพี่แฟรงค์ด้วย"
ผมยิ้มบางๆ แล้วเอามือตบไหล่นัทเบาๆ สองสามที มีบางอย่างที่ผมอยากพูด แต่คงไม่เหมาะที่จะพูดบนโต๊ะอาหารที่มีพ่อกับแม่นั่งอยู่ด้วย
"มัวแต่ชวนคุย กินข้าวเยอะๆ เลยลูก นานๆ ทีจะได้มากินข้าวด้วยกัน ไม่รู้ว่าจะต้องเลี้ยงข้าวนัทอีกกี่มื้อถึงจะพอค่าขนมจีนที่น้านวลให้มากินบ่อยๆ ตั้งหลายปี"
แม่ผมพูดติดตลก เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
"ลุงให้คนไปซื้อไอศครีมที่นัทชอบมาไว้ให้แล้วนะลูก กินข้าวเสร็จเดี๋ยวให้เค้าเอามาให้"
"ขอบคุณครับลุง"
นัทหันไปขอบคุณพ่อผมแล้วก็กินข้าวต่อ ผมแอบใช้ข้อศอกสะกิดนัทเบาๆ วางส้อมลง เลื่อนมือลงต่ำกว่าระดับขอบโต๊ะแล้วก็ชี้นิ้วเข้าหาตัวผมเองให้นัทดู
นัทเห็นแล้วก็ขำเบาๆ ผมแค่แอบทวงว่าคนที่บอกให้ซื้อไอศครีมของโปรดนัทตัวจริงเป็นผมต่างหาก ดูเหมือนพ่อกับแม่ผมจะมองมาด้วยความสงสัยด้วยว่าเราแอบทำอะไรกัน แต่ท่านก็ไม่ได้ถาม
กินข้าวไปสักพัก จู่ๆ นัทก็พูดเรื่องทริปที่เขาค้อขึ้นมาเสียอย่างนั้น
"ลุงรู้หรือยังครับว่าเราจะไปจัดรีทรีทที่เขาค้อกัน ตอนนี้ผมกำลังหาข้อมูลอยู่ครับว่าจะไปพักที่ไหน แล้วก็จะไปเที่ยวที่ไหน มีเยอะจนเลือกไม่ถูกเลยครับ"
ผมกับแม่สะดุ้งแล้วก็หันมาสบตากัน จะไปว่านัทก็ไม่ได้เพราะไม่รู้เรื่องด้วย บรรยากาศที่มีแต่เสียงหัวเราะอย่างคนกันเองเงียบลงทันทีจนแขกที่มาเยือนคงเริ่มรู้สึกได้
"อ้อ...แล้วจะไปกันเมื่อไหร่ล่ะ"
พ่อผมถามกลับโดยไม่แสดงอาการขุ่นเคืองใจใดๆ ให้เห็น ยิ่งทำให้ผมกับแม่แปลกใจเข้าไปใหญ่
"น่าจะประมาณอาทิตย์ที่หนึ่งหรือสองของเดือนธันวาครับ"
"ก็ดีนะ แฟรงค์ไม่ได้กลับไปนานแล้วนี่" พ่อพูดแล้วก็หันมามองทางผม
"ครับ" ผมรับคำ แต่ก็ชักทำตัวไม่ถูก
"อืม...จริงด้วย ผมก็ลืมถามพี่แฟรงค์เหมือนกันว่าทำไมไม่กลับไปเลย เพชรบูรณ์ก็อยู่แค่นี้เอง"
ผมกับแม่มองหน้ากันอีกรอบ รู้ดีว่าคงปล่อยให้สนทนาเรื่องนี้นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว
"อ๋อ...แฟรงค์เค้ายุ่งๆ น่ะลูก ปิดเทอมแล้วเค้าก็ไปทำกิจกรรมเยอะแยะไปหมด แคมป์อะไรๆ ก็ไปหมด ไหนจะมาฝึกงานที่รีสอร์ทอีก ว่าจะไปๆ อยู่หลายรอบแต่ก็ไม่ได้ไปซะที จนป่านนี้"
แม่ของผมรีบพูดแทรกขึ้นมากลบเกลื่อนบรรยากาศที่ส่อแววว่าจะกร่อย สงสัยผมคงต้องเล่าอะไรบางอย่างให้นัทฟังบ้างแล้วล่ะ คำถามของนัทเมื่อกี้นี้ คนในบ้านไม่มีใครกล้าพูดให้พ่อผมได้ยินด้วยซ้ำ
"อ๋อ...เหรอครับ" นัทรับคำด้วยสีหน้าแปลกใจ แต่คงเห็นว่าบรรยากาศเริ่มแปลกไปก็เลยเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
พอกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว ผมก็พานัทมานั่งเล่นที่ริมสระน้ำ ถือถุงไอติมฮาเกนดาสสามถ้วยเล็กมาให้นัทด้วย มีรสบลูเบอรี่ ช็อกชิพและถั่ววอลนัท คงไม่ต้องถามว่านัทจะกินหมดหรือเปล่า เจ้าตัวตั้งใจโซ้ยคนเดียวสามถ้วยเลย กินไปเอาขาตีน้ำเล่นไปอย่างมีความสุข ผมก็เอาขาตีน้ำเล่นด้วย แล้วก็นั่งมองคนกินไอศครีมอย่างเอร็ดอร่อยตาปริบๆ
"พี่ขอแบ่งกินด้วยได้เปล่า"
ผมแกล้งแหย่เล่น นัทรีบส่ายหัวดิก
"ไม่ง่ะ พี่แฟรงค์ไม่ชอบกินไอติมนี่"
"รู้ได้ไงว่าไม่ชอบ"
"ก็ตอนเด็กๆ ไม่เห็นพี่แฟรงค์กินนี่"
"ก็พี่ซื้อให้นัทกินคนเดียวไง ตอนนั้นพี่มีตังไม่เยอะ ซื้อได้แท่งเดียวเอง ก็เลยให้นัทกิน" เวลาซื้อไอศครีมให้นัท ผมจะซื้อที่ดีๆ หน่อย ก็เลยซื้อได้แค่แท่งเดียว
นัทยู่หน้า หยุดกินไอศครีม มองหน้าผมแล้วก็ลังเลว่าจะแบ่งผมดีหรือเปล่า
"ก็ได้ แต่ว่ากินอันนี้นะ"
นัทหมายถึงไอศครีมที่นัทกำลังกินอยู่จนเกือบหมดแล้ว
"เอามาดิ"
นัทชะงักเล็กน้อย คงไม่คิดว่าผมจะกล้ากิน แต่สุดท้ายก็จำใจส่งให้ผมมา
"แต่นัทกินแล้วนะ กล้ากินน้ำลายนัทเหรอ"
ผมรับไอศครีมรสบลูเบอรี่มาอย่างขำๆ นัทคงเสียดายน่าดู
"พี่เคยรังเกียจนัทที่ไหนล่ะ"
นัทชะงักและมีท่าทางแปลกใจ แต่ไม่นานนักก็หันไปหยิบไอศครีมถ้วยใหม่รสวอลนัทขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่สนใจอันที่ให้ผมมาแล้ว
"รสนี้ก็อร่อยนะเนี่ย"
เห็นนัทกินไปพูดงึมงำๆ ไปผมก็เลยขำ แล้วก็ตักไอศครีมกินบ้าง
"โห...อร่อยมากเลย"
นัทหันมาหัวเราะที่ผมลากเสียงยาว ผมว่ายี่ห้อนี้อร่อยใช้ได้เลย รสชาติหวานมันกำลังดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป เนื้อไอศครีมเนียนนุ่มลิ้น ให้สัมผัสที่แสนวิเศษ แถมกลิ่นยังหอมอ่อนๆ ด้วย ผมรู้แล้วว่าทำไมนัทถึงชอบยี่ห้อนี้มากเป็นพิเศษ
"อ้าว พี่แฟรงค์ไม่เคยกินยี่ห้อนี้เหรอ" นัทหยุดกินแล้วหันมาถาม
"ไม่เคยกินเลย เพิ่งกินวันนี้แหละ"
"แล้วพี่แฟรงค์ไม่เคยซื้อให้เพียวกินเลยเหรอ"
ผมสะดุ้งเล็กน้อย น่าแปลกที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเมื่อได้ยินชื่อแฟนของตัวเองเวลาอยู่กับนัท
"อ๋อ...พี่ไม่เคยซื้อยี่ห้อนี้ให้เค้ากินเลย ซื้อให้นัทกินเป็นคนแรกเลยนะเนี่ย เห็นมั้ยว่านัทเป็นคนพิเศษของพี่ขนาดไหน"
นัททำหน้าเศร้า "เหรอ...ต่อไปพี่แฟรงค์ต้องซื้อยี่ห้อนี้ให้เพียวกินมั่งนะ เดี๋ยวเพียวน้อยใจ"
ผมพยักหน้าตกลง พลันก็นึกถึงคนที่ไปแข่งวอลเลย์บอลต่างประเทศตอนนี้ รู้สึกสะท้อนใจที่ผมรู้สึกกับเธอไม่เหมือนเดิมเลย
"เพียวต้องชอบแน่ๆ เชื่อนัทดิ"
นัทกินไอศครีมต่ออย่างเอร็ดอร่อย ส่วนผมก็ตักไอศครีมที่เหลือเพียงน้อยนิดกิน ไม่กี่คำก็หมด ไม่รู้ว่านัทนึกครึ้มยังไง ส่งไอศครีมที่เหลือๆ ให้ผมกินทุกรสเลย พอผมปฏิเสธก็ไม่ยอม ก็เลยต้องกินไอศครีมที่เหลือก้นถ้วยเป็นเพื่อน ใจจริงก็อยากจะซื้อถ้วยใหญ่กว่านี้มาให้ แต่ร้านแถวๆ นี้มีแต่ถ้วยเล็กๆ และมีแค่สามรสให้เลือก
กินไอศครีมหมดแล้วผมกับนัทก็นอนคุยกันอย่างสบายอารมณ์ เอาขาแช่น้ำไปด้วย ตีเล่นบ้างตามแต่จะนึกได้
"พี่แฟรงค์มีความฝันมั้ย"
ผมพลิกหน้าไปมองนัทแล้วก็ยิ้ม "มีสิ มีเยอะเลย"
"อะไรมั่งล่ะ"
"ความฝันแรกนะ พี่เคยฝันว่าอยากเจอนัทอีก ตอนไปทำบุญที่วัดก็เคยอธิษฐานขอให้เจอนัทอีกครั้งบ่อยๆ บ่อยจนลืมไปเลย"
ผมพูดติดตลกแล้วก็พูดสืบไป
"โชคดีนะที่ความฝันนี้เป็นจริงแล้ว ถือว่าเป็นความฝันแรกของพี่ที่เป็นจริงเลยล่ะ"
"เหรอ แล้วอย่างอื่นล่ะ"
"อืม...อยากมีรีสอร์ทบนภูเขา แล้วก็มีไร่...อืม...ไร่สตรอเบอรี่ก็ได้ อยากกลับไปอยู่กับธรรมชาติอีก"
"เหมือนที่เขาค้อเหรอ"
"อืม...ประมาณนั้นแหละ" ผมพลิกหน้ากลับมาตามเดิม
"พี่แฟรงค์ก็ชวนลุงกลับไปทำรีสอร์ที่เขาค้อดิ ภูทับเบิกก็ได้ เคยทำแล้วไม่น่าจะยากนะ"
ผมได้แต่ยิ้มและแค่นหัวเราะ ตั้งแต่มีปัญหาความยัดแย้งกับคนในพื้นที่บางคน จนทำให้ธุรกิจรีสอร์ทมีปัญหาคราวนั้น พ่อผมก็ไม่เคยกลับไปเหยียบที่นั่นอีกเลย ลูกๆ ก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย
"เอาไว้เก็บตังให้ได้เยอะๆ ก่อนละกัน" ผมแบ่งรับแบ่งสู้
"แล้วมีความฝันอย่างอื่นอีกมั้ย นัทจะได้เล่าของนัทมั่ง ไม่มีความฝันกับเพียวมั่งเหรอ"
คำถามของนัทเล่นเอาผมสะดุ้งอีกแล้ว ผมพลิกหน้าไปมองนัทแล้วก็ยิ้มเจื่อนๆ
"ไม่มี"
"เหรอ แปลกจัง แล้วมีความฝันอะไรอีกล่ะ"
"อยากไปเล่นเจ็ตสกีบนดาวอังคารมั้ง" บอกแล้วก็ขำ
"มันมีน้ำที่ไหนล่ะ"
"ก็ไม่แน่ มันอาจจะมีก็ได้ อ้อ...พี่อยากฟังความฝันของนัทมั่ง ของพี่หมดแล้ว"
นัทนอนนิ่ง ทำท่าครุ่นคิด
"อืม...อันแรกก็เหมือนพี่แฟรงค์นั่นแหละ นัทอยากเจอพี่แฟรงค์ ก็ได้เจอแล้ว ไม่ต้องฝันละ"
ผมเอื้อมมือไปลูบผมนัทเบาๆ ได้ยินเรื่องนี้ทีไรก็อดรู้สึกผิดไม่ได้
"มีอย่างอื่นอีกมั้ย"
"อืม...อยากพาแม่กับพี่นิวไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ว่า...ใช้เงินของนัทเองนะ ถ้าใช้เงินแม่ แม่ไม่ไปหรอก นัทชวนหลายทีแล้วก็ไม่ยอมไป กลัวปิดร้านบ่อยๆ แล้วเสียลูกค้า แต่ถ้านัทออกเงินให้ แม่ก็น่าจะไปนะ แม่ชอบเอารูปสวิสเซอร์แลนด์มาติดที่บ้านตอนเด็กๆ เดี๋ยวนัทจะต้องพาแม่ไปให้ได้"
"ให้พี่ไปด้วยได้เปล่า" ผมถามเล่นๆ
"ได้สิ พี่แฟรงค์ไปด้วยคงสนุกมากเลยล่ะ"
"แล้วฝันอะไรอีก"
คราวนี้นัทเงียบไปเลย ไม่รู้ว่าความฝันอะไรถึงทำให้หน้าเครียดได้
"อืม...ไม่เล่าได้มั้ย นัทไม่อยากพูดถึงความฝันอันนี้เลย"
ผมลุกขึ้นนั่งแล้วก็หันไปมองนัทที่ทำหน้าเศร้า
"ทำไมเหรอ"
"ก็..." นัททำท่าลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมบอกตรงๆ "มันเกี่ยวกับต้องตา"
"อ้อ..."
ผมครางเบาๆ เกือบลืมผู้หญิงคนนี้ที่ผมเคยเจอแค่ครั้งเดียวไปเลย ไม่รู้ว่าป่านนี้นัทจะพอทำใจได้แล้วหรือยัง นึกถึงใบหน้าเย็นชาของเธอตอนที่โยนคีย์การ์ดลงบนพื้นห้องแล้วก็น่าเสียใจแทน ไหนจะเรื่องร้ายๆ หลายเรื่องที่เธอทำให้น้องของผมเจ็บปวดอีกล่ะ ผมจับมือนัทและบีบให้กำลังใจเบาๆ สื่อความเห็นใจผ่านแววตาออกไป
"เข้มแข็งนะ"
นัทลุกขึ้นนั่งแล้วก็กอดผมไว้ แค่นี้ผมก็พอจะเดาได้แล้วว่านัทยังคงไม่หายเจ็บดี ผมลูบหลังนัทเบาๆ แล้วก็ปล่อย เห็นตาเศร้าๆ เหมือนจะร้องไห้แล้วก็สงสาร
"พี่ไม่รู้ว่านัทฝันอะไรกับต้องตาไว้ แต่ถ้าพี่รับช่วงความฝันต่อได้ พี่ก็ยินดีที่จะช่วยทำให้ฝันของนัทเป็นจริง ถ้าไม่ได้...นัทพอจะมีความฝันอะไรซักอย่างกับพี่มั่งมั้ย พี่ว่าดีนะที่เราจะมีความฝันของเราสองคนด้วยกัน"
นัทมองผมอย่างครุ่นคิด แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่แทบมองไม่เห็นอะไรเพราะแสงไฟบดบัง สักพักก็ก้มหน้าลงมาตามเดิม
"มันเป็นไปไม่ได้หรอก พี่แฟรงค์อย่าถามนัทเลย"
ดูเหมือนนัทจะเศร้ายิ่งกว่าเดิม ผมก็เลยรู้ตัวว่าควรจะหาทางลงแล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นได้แล้ว
"โอเค...เอาไว้นัทพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกพี่ละกัน นัทรู้เอาไว้นะ ถ้าวันไหนที่พี่รู้ว่านัทกับพี่ มีความฝันอย่างน้อยหนึ่งอย่างด้วยกัน พี่จะจับมือพานัทไปให้ถึงความฝันของเราให้ได้"
นัทมองผมแล้วยิ้มเจือเศร้า ผมจึงส่งยิ้มตอบกลับไปให้กำลังใจน้องรัก
"ไม่เบื่อเหรอ อยู่กับพี่ทั้งวันเลยวันนี้" ผมถามเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการสนทนา
นัทย่นคิ้ว "ทำไมต้องเบื่อล่ะ นัทชอบอยู่กับพี่แฟรงค์จำไม่ได้เหรอ หรือว่าพี่แฟรงค์เบื่อนัทแล้ว"
"เปล่าๆๆๆ" ผมปฏิเสธเป็นพัลวัน "พี่ไม่เบื่อนัทหรอก พี่ก็ชอบอยู่กับนัทเหมือนกัน"
นัทยิ้มดีใจ แล้วก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ "พี่แฟรงค์ยังไม่ได้สอนนัทตกปลาเลย"
โดนทวงอีกแล้ว เมื่อกลางวันผมก็ว่าจะสอนนั่นแหละ แต่ลูกค้ามาเยอะจนผมปลีกตัวไม่ได้เลย นัทเองยังต้องช่วยดูแลลูกค้าให้บางส่วน
"พรุ่งนี้ได้มั้ย สิบโมง เวลาเดิม ก่อนลูกค้ามา"
"เฮนนิ่งเค้านัดแข่งเจ็ตสกีกับนัทไว้น่ะ"
ผมนิ่วหน้า "เหรอ งั้นวันมะรืนได้มั้ย"
"เอางี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้นัทจะบอกเฮนนิ่งว่าเลื่อนไปเล่นตอนบ่ายๆ ดีกว่า ตอนเช้านัทจะได้เรียนตกปลากับพี่แฟรงค์ แล้วก็เอามาทำอาหารกิน นัทอยากกินต้มยำปลานิล เนื้อปลาสดๆ ยัมมี่ๆ"
นัททำท่าซี๊ดปาก ผมหัวเราะแล้วก็พยักหน้าเห็นดีด้วย นัทกลับมายิ้มสดใสแล้ว คงอารมณ์ดีขึ้น ผมเอื้อมมือไปลูบผมน้องที่แสนรักอีกครั้งเบาๆ นัทหันมายิ้ม แต่ก็ดูเขินๆ อยู่ในที
นัทจะรู้หรือเปล่า สัมผัสอย่างนี้ แววตาอย่างนี้ ความรู้สึกอย่างนี้ พี่มีให้นัทคนเดียวเท่านั้น หวังว่าวันหนึ่งเราสองคนจะมีความฝันอย่างน้อยหนึ่งอย่างร่วมกัน ขอให้พี่รู้เท่านั้น พี่จะทุ่มเทสุดชีวิตที่จะทำให้ความฝันของเราสองคนเป็นจริงให้ได้
กระนั้น...แม้ว่านัทจะไม่มีความฝันร่วมกันกับผม ผมก็มีความฝันหนึ่งอย่างที่อยากทำร่วมกับนัท!
- จบตอนพิเศษ 1 -