ตอนที่13
พี่ภูมิใจ
กว่าจะมาถึงที่ทำงานพี่ภูมิใจได้พวกผมก็พากันขับหลงอยู่นานเพราะไม่ค่อยชินเส้นทางกันสักเท่าไหร่ สุดท้ายก็ต้องโทรรบกวนให้พี่ภูมิใจมันบอกทาง โดนพี่มันบ่นนิดหน่อยที่มาหาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า ก็จะให้บอกได้ยังไงล่ะครับไอ้เจ้าจอมกับผมตกลงกันไว้ว่าอยากจะมาเซอร์ไพรส์พี่ภูมิใจนี่หว่า
“กูมีเวลาให้แค่ครึ่งชั่วโมง” พี่มันว่าหน้านิ่งๆดูดกาแฟเข้าไปสองสามอึกแล้วมองหน้าผมกับเจ้าจอมสลับกัน “พากันมาหากูถึงนี่มีอะไรกันหรือเปล่า?”
หลังจากถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันพอเป็นพิธีแล้วพี่ภูมิใจก็เข้าเรื่องทันทีโดยไม่รอให้เสียเวลา พวกผมก็ไม่อยากถ่วงให้พี่มันเสียเวลางานมากด้วย ผมเลยสะกิดให้ไอ้เจ้าจอมมันเริ่มพูดเข้าเรื่องที่มาหาพี่มันวันนี้สักที
เจ้าจอมมันหันมามองผม ผมก็พยักหน้าให้มันรีบๆพูด มันจึงเริ่มเข้าเรื่องสักที “ก็..วันจันทร์นี้เป็นวันเกิดพี่ใช่ไหมล่ะ”
“อืม” พี่ภูมิใจรับคำ จ้องมองน้องขายตัวเองนิ่งๆว่ามันจะพูดอะไรต่อไป
“แล้วทีนี้วันจันทร์ผมคงมาหาพี่ไม่ได้เพราะติดเรียน ผมก็เลยมาหาพี่วันนี้แทน” มันเอาถุงที่ถือติดมือขึ้นมายื่นให้พี่ภูมิใจ “ส่วนนี่ของขวัญผมซื้อมาให้ สุขสันต์วันเกิดครับ”
“ให้กู?” คนเป็นพี่ชายถามอย่างไม่เชื่อแต่ก็ยอมยื่นมือไปรับถุงมาถือไว้ก่อนจะมองถุงกับเจ้าจอมสลับกันไปมา เหมือนมองแบบนั้นมันจะรู้อะครับว่าข้างในเป็นอะไร
ส่วนของที่ผมจะให้พี่ภูมิใจก็ขอให้หลังจากพี่มันดูของขวัญของเจ้าจอมเสร็จก็แล้วกัน เดี๋ยวจะขัดอารมณ์ซึ้งๆของสองพี่น้องหมด ขนาดตอนนี้ยังไม่มีโหมดซึ้งๆให้ผมดูเลย
“เปิดดูสิครับ”
เจ้าจอมมันเร่งเร้าให้พี่ชายมันเปิด ดูหน้ามันแล้วก็รู้ว่ามันตื่นเต้นแค่ไหนทว่าก็ยังทำเป็นเก็บอาการเอาไว้ ก็อย่างว่าของชิ้นแรกที่ซื้อให้พี่ชายจะไม่ตื่นเต้นได้ไง แต่ผมเชื่อนะครับว่าพี่ภูมิใจต้องชอบของขวัญชิ้นนี้มากแน่ๆ ไม่ใช่ชอบเพราะว่าเป็นนาฬิกาแต่ชอบเพราะว่าน้องชายของเขาซื้อให้และเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ได้รับจากน้องชายต่างหาก
“ตื่นเต้นอะไร?” พี่ภูมิใจถามเจ้าจอม เขายิ้มขำน้องชายตัวเองที่เหมือนเด็กๆเวลาลุ้นกับอะไรสักอย่าง
“ผมไม่ได้ตื่นเต้นสักหน่อยพี่ก็...” มันปฏิเสธเสมองไปที่แก้วน้ำก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยออกมาอีกครั้ง “ก็ตื่นเต้นนั่นแหละครับ”
พี่ภูมิใจส่ายหน้าให้น้องชาย เขามองน้องตัวเองด้วยแววตาเอ็นดู ผมเองก็อดที่จะเอ็นดูมันไม่ได้เหมือนกันเลยส่งยิ้มไปให้มันที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าดูดน้ำในแก้ว
ผมพยักพเยิดให้พี่ภูมิใจเปิดของขวัญสักทีก่อนไอ้เด็กนี่มันจะดูดน้ำเสร็จแล้วเปิดฝากินน้ำแข็งต่อ พี่ภูมิใจพยักหน้าก่อนจะก้มลงมองถุงที่ได้รับมาอีกครั้ง
เอาเข้าจริงแล้วผมก็อดลุ้นไปกับเจ้าจอมมันไม่ได้หรอก ถึงจะมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่ายังไงพี่ภูมิใจก็ต้องชอบอยู่แล้วก็เถอะ
เจ้าจอมมองพี่ชายตัวเองที่หยิบกล่องนาฬิกาออกมาวางไว้บนโต๊ะ มันเหลือบมองหน้าพี่ชายตัวเองก่อนจะหันกลับมาสนใจตอนที่มือของพี่ภูมิใจค่อยๆเปิดฝากล่องออกมา
“หืม..นี่ซื้อให้พี่เหรอ” เมื่อกล่องเปิดออกและปรากฏนาฬิกาเรือนสวยอยู่ในนั้นพี่ภูมิใจก็หันมาหาน้องชายแล้วถามด้วยความแปลกใจปะปนกับความดีใจที่ไม่ได้แสดงออกมามากนัก
“อืม ผมไม่รู้ว่าพี่จะชอบหรือเปล่า” มันทำหน้าลังเล
พี่ภูมิใจยิ้มก่อนจะยื่นมือขึ้นลูบหัวน้องชายตัวเอง “ชอบสิ ขอบใจมาก”
“ผมดีใจครับที่พี่ชอบ” เจ้าจอมมันยิ้มออกมาได้ ท่าทางดีใจจนปิดไม่มิดทำเอาผมกับพี่ภูมิใจต้องหัวเราะออกมาพร้อมกัน “ผมลุ้นแทบแย่ว่าพี่จะชอบหรือเปล่า พอได้ยินแบบนี้ก็โล่งอกไปที” มันลูบอกตัวเองป้อยๆ
“กังวลมากล่ะสิ”
“มากครับ เมื่อคืนก็แทบจะนอนไม่หลับเลย” มันเล่าให้พี่ชายตัวเองฟัง “ดีที่ผมได้พี่ยีนส์คุยเป็นเพื่อนสุดท้ายก็หลับจนได้”
อ่า...ใช่ครับ เมื่อคืนเจ้าจอมมันโทรมาหาผม บอกว่านอนไม่หลับเพราะตื่นเต้นเรื่องของขวัญนั่นแหละ ผมก็เลยต้องอยู่คุยเป็นเพื่อนมันจนกว่าเด็กมันจะหลับ เอาจริงๆผมหลับก่อนมันอีก ตื่นมาอีกทีก็เห็นโทรศัพท์โดนตัดสายไปนานแล้ว
“ขนาดเมื่อเช้ามันยังตื่นเต้นไม่หายเลยพี่ บ่นกับผมมาตลอดทาง” ผมได้โอกาสก็เล่าให้พี่ภูมิใจฟังบ้าง “ผมบอกมันว่าพี่ต้องชอบอยู่แล้วแต่มันก็ทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นไม่หายสักที”
พี่ภูมิใจหันกลับไปมองน้องชายตัวเองอีกครั้ง “ขอบใจมากแต่ตอนนี้พี่คงอยู่คุยต่อด้วยไม่ได้ ตอนเย็นอยู่ต่อก่อนสิเอาไว้พี่พาไปเลี้ยงข้าว”
ผมกับเจ้าจอมหันมามองหน้ากัน ผมพยักหน้าให้เจ้าจอมมันตัดสินใจ
“ครับพี่” เจ้าจอมตอบตกลงมันยิ้มให้พี่ชายตัวเอง
ผมที่นึกได้ว่าจะให้ของพี่ภูมิใจก็เอาของขวัญยื่นให้พี่มัน “อันนี้ของผมครับ สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้าครับพี่”
“ขอบใจมึงมาก” พี่ภูมิใจว่าแล้วตบบ่าผมเบาๆ
“ครับ”
“งั้นตอนเย็นเจอกัน” พี่มันล้วงกุญแจออกมาแล้วยื่นให้น้องชายตัวเอง “ส่วนนี่กุญแจห้องพี่ ไปพักกันที่นั่นก่อน คืนนี้ก็นอนนี่แหละ ขับรถกลับดึกๆมันอันตราย”
เมื่อฟังจบเจ้าจอมก็หันมาถามผม “พี่ยีนส์ไม่มีธุระที่ไหนใช่ไหม?”
“อืม ค้างที่นี่สักคืนก็ดีเหมือนกัน อย่างที่พี่มึงว่าขับดึกๆมันอันตราย”
“โอเคครับ งั้นผมกับพี่ยีนส์กลับไปรอพี่ที่ห้องนะครับ”
“ไปถูกใช่ไหม?” หลังจากบอกเส้นทางไปที่พักของพี่ภูมิใจเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็ถามย้ำกับทั้งผมและน้องชายเขาอีกครั้ง
“เดี๋ยวเปิดจีพีเอสเอาครับ ถ้าไปไม่ถูกจริงๆเดี๋ยวโทรหาพี่ก็แล้วกัน” เจ้าจอมตอบ
“โอเค มีอะไรก็โทรมา”
ღ
“พี่ยีนส์หิวหรือเปล่า” เจ้าจอมมันถามขึ้นขณะที่ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาในห้องของพี่ภูมิใจ
ที่พักของพี่ภูมิใจก็เป็นคอนโดธรรมดาทั่วไปมีระบบรักษาความปลอดภัยค่อนข้างดี เห็นเจ้าจอมเล่าว่าคอนโดนี้พ่อกับแม่ซื้อให้เป็นของขวัญที่พี่ภูมิใจมันได้งาน
“นิดหน่อย”
“ไม่รู้ห้องพี่จะมีอะไรให้กินหรือเปล่าแต่เมื่อกี้ตอนขับรถมาผมเห็นว่ามีร้านอาหารอยู่แถวๆนี้ถ้าพี่หิวเดี๋ยวผมพาไป”
ผมมองมันที่เดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆกัน “ขี้เกียจออกไปแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวผมไปซื้อให้”
“ไม่เป็นไร หากินเอาในห้องนี่แหละ หวังว่าพี่มึงคงจะมีอะไรให้กินน่ะนะ” ก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่หรอกนะครับว่าพี่ภูมิใจจะซื้ออะไรไว้ตุนในห้องหรือเปล่า ขนาดสมัยที่พี่มันเรียนยังไม่ค่อยซื้อมาเก็บไว้เลย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสักห่อยังไม่มี
“ผมไปดูให้ครับ” เจ้าจอมมันเสนอเตรียมจะลุกขึ้นแต่ผมเอ่ยรั้งมันไว้ก่อน
“มึงนั่งเถอะ ขับรถมาทั้งวันก็พักก่อนเดี๋ยวกูไปดูเอง”
“อ่า...โอเคครับ”
ผมเดินเข้ามาในโซนครัวภายในห้องพี่ภูมิใจ ในนั้นก็มีพวกอุปกรณ์ทำครัวต่างๆเรียกได้ว่าครบครันก็ได้ แต่เห็นแค่อุปกรณ์จะตัดสินเลยไม่ได้หรอกนะครับว่าจะมีอาหารแน่ๆเพราะงั้นผมเลยต้องเดินไปที่ตู้เย็นแล้วก็พบว่า..
“พี่แม่งไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ”
ผมกวาดสายตามองตู้เย็นที่ว่างเปล่า ดีหน่อยที่มีไข่เหลือให้พวกผมพอประทังชีวิตได้สามฟอง ผมหยิบไข่ทั้งหมดออกมาตั้งไว้ก่อนจะเดินหาข้าวสารหรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก่อนจะเจอข้าวสารอยู่ในตู้ข้างบนจึงจัดการหยิบออกมา
ปัญหาไม่มีอาหารให้กินก็หมดไปแต่ปัญหาใหม่คือผมหุงข้าวไม่เป็น...
สุดท้ายก็เดินออกไปหาไอ้เจ้าจอมแล้วถามมันเหมือนเดิม
“มึงหุงข้าวเป็นไหม?” เจ้าจอมที่กำลังนั่งกดโทรทัศน์หาช่องหันมาทางผม มันนิ่งคิดคำตอบไม่นานก็ได้รับการพยักหน้ามา
“เป็นครับ เดี๋ยวผมทำเอง” มันลุกขึ้นปิดโทรทัศน์
“แล้วไข่ล่ะ ทอดเป็นหรือเปล่า?”
“ไข่เจียวเหรอพี่?”
“อือ”
“เป็นครับ”
“งั้นมึงทำหน่อยนะ โทษทีว่ะกูทำไม่เป็นเลย”
ผมเกาท้ายทอยตัวเองเก้อเขินขณะเดินตามเจ้าจอมมันไปที่ครัว ก็คิดว่าจะทำอะไรให้มันได้บ้างเพราะเด็กมันก็ขับรถมาเหนื่อยๆไม่อยากให้มันต้องมาเหนื่อยทำอาหารอีกแต่นั่นแหละลืมไปว่าตัวเองก็ไม่ได้เรื่องในการทำอาหารเลยต้องมารบกวนมันอีกแล้ว
“ไม่เป็นไรพี่แค่นี้เองครับ” มันหันมาพูดยิ้มๆ เดินหาอะไรสักพักก็ได้ผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลมาใส่
“กูช่วยตีไข่ให้แล้วกัน”
“ทำได้นะครับ?” มันเลิกคิ้วถาม
“เห็นกูอย่างนี้ก็เซียนตีไข่นะโว้ยย!” ผมเดินไปหยิบไข่กับชามออกมาตั้งไว้ ก่อนจะตอกไข่ให้มันดู
ไข่ลูกแรกแตกไม่ค่อยดีเท่าไหร่แถมยังมีเปลือกตกลงไปในชามอีก ไม่เป็นไรฟองนี้อาจจะพลาดไปแต่ฟองต่อๆไปไม่พลาดแน่นอน
“ผมตอกให้ไหมครับแล้วพี่ค่อยเอาไปตี” มันพูดพลางก็ขำผมไปด้วย ใครจะไปยอมกันล่ะวะ
ผมปฏิเสธก่อนจะหยิบฟองที่สองขึ้นมาตอกให้มันดูว่ากูทำได้
“เชี่ย! เปลือกแม่งตกไปอีกแล้ว” ผมบ่นพลางเอาช้อนมาเขี่ยเปลือกไข่ที่ตกลงไปในชามออก ได้ยินเสียงเจ้าจอมหัวเราะก็หันขวับไปมองมันทันที
“ฟองสุดท้ายผมตอกให้ครับ กลัวจะได้กินไข่เจียวใส่เปลือกไข่ซะก่อน”
“เออ ไม่ทำตกอย่างกูก็ให้มันรู้ไป” เมื่อเขี่ยเปลือกไข่ออกจนหมดจากชามผมก็หลีกทางให้เจ้าจอมมันเอาไข่ฟองสุดท้ายมาตอก
ผมยืนอยู่ข้างๆมันเพื่อมองดูว่าไอ้เด็กนี่มันจะทำเปลือกไข่ตกไปอย่างผมหรือเปล่า ถ้าตกไปจริงๆผมจะได้หัวเราะใส่มันให้สะใจไปเลย
“เรียบร้อยครับ” มันว่าแล้วเอาเปลือกไข่ไปทิ้งในถังขยะ
ผมหยิบชามนั้นออกมาเพ่งมองหาเปลือกไข่ที่มันอาจจะทำตกลงไปตอนมันตอกแต่แม่งไม่มีร่องรอยของเปลือกไข่สักชิ้นแถมไข่ที่มันตอกใส่ชามยังสวยซะจนไม่กล้าว่ามันไปเลย
“เป็นไงครับ?”
ผมสะดุ้งตอนที่มันยื่นหน้าเข้ามาถามใกล้ๆผม “อะ...อะไรเป็นไง ก็แค่ตอกไข่”
ว่าแล้วก็เดินไปหาช้อนเพื่อเอามาตีไข่ พวกเครื่องปรุงมันต้องใส่อะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกันเลยต้องหันไปถามเด็กมันก่อน
“เครื่องปรุงอะ ต้องใส่อะไรบ้าง”
เจ้าจอมมันนิ่งคิดเหมือนมันก็ลืมๆไปเหมือนกันก่อนผมจะเห็นมันมองหาอะไรสักอย่างแล้วเดินไปหยิบซอสแม็กกี้ยื่นให้ผม
“ใส่แค่นี้ก็พอครับ”
“โอเค”
กว่าเราจะได้กินข้าวกันก็ปาไปเกือบชั่วโมงเพราะต้องรอให้ข้าวสุก ส่วนไข่ที่ทอดเสร็จไว้นานแล้วก็เริ่มจะเย็นชืด ดีที่มันยังไม่เหี่ยวไม่งั้นคงไม่น่ากินเท่าไหร่และผมไม่มั่นใจว่าไข่ที่ตัวเองได้ปรุงรสไปเองนั้นจะอร่อยหรือเปล่า
“เป็นไง?” ผมนั่งลุ้นตอนที่เห็นเจ้าจอมมันตักไข่เข้าปากคำแรก ผมมองมันนั่งเคี้ยวหงับๆก่อนจะกำช้อนในมือตัวเองแน่น ลุ้นฉิบหายว่าเด็กมันจะคายทิ้งหรือเปล่า
“ก็...โอเคครับแต่เค็มไปหน่อย”
ผมพยักหน้า ลองตักมากินเองบ้าง “เค็มนิดหน่อยแต่กินกับข้าวก็อร่อย”
“แต่ก็ต้องตักข้าวตามเยอะๆ” เจ้าจอมมันว่าต่อจากผม
“ไอ้เด็กสัด งั้นมึงไม่ต้องแดก”
“โธ่พี่ ผมล้อเล่นน่า” มันโอดครวญตอนที่ผมยึดจานไข่เจียวไม่ให้มันกินต่อ ก็ใครใช้ให้มันพูดแบบนั้นวะครับ ที่มันพูดมาก็แปลว่าไข่เจียวของผมมันเค็มมากๆจนต้องกินข้าวตามไปเยอะๆอะ “แต่ผมเป็นคนทอดนะพี่ ผมก็มีสิทธิ์กินนะครับ”
“ก็กูปรุงอะมึงมีปัญหาอะไร?” อยากจะกินข้าวด้วยกันดีๆสักครั้งแต่แม่งก็เป็นเรื่องยากซะเหลือเกิน ทำไมต้องมาต่อปากต่อคำกันขณะกินข้าวด้วยวะ
“มีมากครับถ้าพี่ไม่ให้ผมกิน”
ผมมองมันที่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า “จะโทรไปฟ้องพี่ภูมิใจหรือไง”
แต่มันกลับส่ายหน้าปฏิเสธสิ่งที่ผมคิด “ผมจะเอารูปนี้ลงแล้วแท็กพี่ในเฟซบุ้กแล้วกัน”
มันชูรูปที่มันว่าให้ผมดูก่อนผมจะตาโตอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้เห็น ไอ้เด็กสัด ไอ้เวร ไอ้ห่าเอ๊ย!
“มึง...” ผมพูดไม่ออก ส่วนมือก็หมายจะคว้าโทรศัพท์เครื่องนั้นเพื่อเอามาลบรูปของตัวเองที่หลับน้ำลายยืดอยู่บนโซฟาในห้องไอ้เจ้าจอม ผมจำไม่ได้หรอกว่าวันไหนแต่ก็คงเป็นสักวันนั่นแหละที่ผมไปช่วยติวให้มันแล้วเผลอหลับไป ใครจะไปคิดล่ะครับว่าไอ้เด็กจังไรนี่มันจะแอบถ่ายรูปตอนที่ผมหลับไว้
“จะยอมให้ผมกินไข่เจียวได้หรือยังครับ”
มันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง จุดที่มันเอารูปน่าเกลียดๆของผมมาแบล็คเมล์เพื่อแลกกับไข่เจียวเค็มๆ
ผมมองหน้ามันแล้วถอนหายใจก่อนจะวางจานไข่เจียวไว้แล้วตักกินๆไม่สนใจไอ้เจ้าจอมมันอีก ไอ้เด็กห่าแม่ง! อย่าให้ผมเอาคืนมันก็แล้วกัน
“พี่ยีนส์”
จู่ๆมันก็เรียกผมขึ้นขณะที่ผมกำลังเคี้ยวข้าวพลางคิดหาวิธีแก้แค้นไอ้เด็กนี่ไปด้วย คิดอยู่ว่าจะถ่ายรูปหน้ามันยังไงให้ตลกที่สุด เดี๋ยวก่อนเหอะมึงอย่าเผลอแล้วกัน
“อะไร” ผมตอบห้วนสั้นกินข้าวคำสุดท้ายเสร็จก็ยกน้ำขึ้นดื่มตาม
“โกรธผมหรอ?”
ผมเงยหน้ามองมันที่ถามขึ้น คือมันคิดได้ไงว่าผมโกรธ ผมแค่หงุดหงิดนิดหน่อยที่ไปพลาดท่าหลับทำหน้าน่าเกลียดแล้วดันให้มันถ่ายภาพแบบนั้นได้
“เปล่า” ผมตอบสั้นๆทำท่าจะลุกเอาจานไปเก็บ
“พี่โกรธผมจริงๆด้วย”
คิดว่ามันจะเข้าใจที่ผมพูดแล้วแต่มันก็ยังคงคิดไปเองเป็นตุเป็นตะ ผมก็เลยไม่ได้เอาจานไปเก็บสักทีแถมยังต้องมานั่งขบคิดว่ากูไปทำยังไงเด็กมันถึงคิดว่าผมโกรธขนาดนี้วะ
“ก็บอกว่าไม่ได้โกรธไงวะ” มันเงยหน้ามองผมที่ยื่นมือไปดีดหน้าผากมัน “คิดไปเองเก่งจริงๆเลยมึงเนี่ย” ผมส่ายหน้าพลางถอนใจใส่เด็กมันไปด้วย
“จริงนะพี่?”
“เออหรืออยากให้โกรธ?”
“ไม่ครับ พี่ไม่โกรธผมก็ดีแล้ว” มันว่าแล้วยิ้มจนตาปิด “ส่วนรูปผมขอไม่ลบนะ อยากเก็บไว้ดู”
“เหอะ ถึงกูบอกให้ลบมึงก็ไม่ลบหรอกกูรู้ อยากจะเก็บไว้ก็แล้วแต่” ไม่รู้ว่าจะอยากเก็บไว้ดูทำไม อาจจะดูหน้าหล่อๆของผมแล้วมีความสุขมั้งครับ
“ส่วนถ้าพี่อยากถ่ายรูปผมเมื่อไหร่ บอกผมได้ครับเดี๋ยวผมจะทำท่าเผลอๆให้..พี่จะได้ถ่ายเก็บไว้ดูบ้าง”
อยากจะถามมันมากว่าไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าผมต้องการถ่ายรูปมันเก็บไว้ดู ถึงแม้ผมคิดอยากจะถ่ายรูปมันตอนเผลอๆแต่คือเผลอจริงๆแบบน่าเกลียดๆอะไม่ใช่มาทำท่าเก๊กเผลอแต่ยังหล่ออยู่ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วผมจะถ่ายไปทำไมล่ะวะ
“ประสาท..”
ღ
พี่ภูมิใจกลับมาถึงก็หกโมงกว่าๆขณะที่ผมกับเจ้าจอมก็พึ่งตื่นนอนเหมือนกัน พวกเราตกลงกันว่าจะให้พี่ภูมิใจเป็นคนเลือกร้านแต่ไอ้พี่มันก็บอกว่าไม่ค่อยรู้จักร้านแถวนี้สักเท่าไหร่จึงต้องโทรไปถามคนรู้จักเขาก็แนะนำร้านบรรยากาศดีๆมาให้
“พี่แน่ใจนะว่าไม่หลง?” เจ้าจอมมันหันหน้าไปถามพี่ภูมิใจที่กำลังขับรถ เพราะขับมานานแล้วแต่ยังไม่ถึงร้านสักทีมันก็เลยถามขึ้น
“ไม่รู้”
“อ่าว..”
ผมกับเจ้าจอมส่งเสียงออกมาพร้อมกันด้วยความฉงน คือพี่มึงจะไม่ให้ความมั่นใจกับพวกกูเลยใช่ไหม ตอบมาได้ยังไงว่าไม่รู้ เฮงซวย!
“เออน่า เดี๋ยวกูขับไปรับคนรู้ทางก่อน” พี่มันตอบปัดๆก่อนจะเลี้ยวตรงยูเทิร์นแล้วเข้าไปยังหมู่บ้านจัดสรรที่ผมกับเจ้าจอมก็ต้องหันไปมองหน้ากันก่อนจะส่ายหน้าให้กันไปมา
รถของพี่ภูมิใจหยุดลงที่หน้าบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังหนึ่งก่อนพี่มันจะบีบแตรไปสองครั้ง รอไม่นานคนที่คาดว่าคงจะเป็นเจ้าของบ้านก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เรียกว่าโคตรหงุดหงิดมากๆก็ได้ครับ
“อะไรอีกล่ะคุณ?” ผมได้ยินเสียงของคนๆนั้นเอ่ยถามพี่ภูมิใจตอนที่พี่มันเปิดประตูออกเพื่อลงไปหาเขา
ผมกับเจ้าจอมมองไปข้างนอกอย่างอยากรู้อยากเห็นไปกับบทสนทนาของทั้งสองคนที่ยืนคุยกันอยู่ข้างนอก เห็นพี่ภูมิใจพยักพเยิดเข้ามาในรถก่อนที่คุณคนนั้นจะหันมามองตาม พวกผมจึงยกมือไหว้เนื่องจากกระจกรถของพี่ภูมิใจใสพอสมควร เขารับไหว้พวกผมก่อนจะหันกลับไปคุยกับพี่ภูมิใจต่อ
“มึงรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร?” ผมถามเจ้าจอมถึงผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นที่รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวตัดกับเสื้อยืดและกางเกงวอร์มสีดำ ใบหน้าได้รูปนั้นก็ดูดีจนมองเพลินแถมเวลาทำหน้าหงุดหงิดแล้วก็ยิ่งหน้ามองเข้าไปใหญ่
“ไม่รู้สิครับ” มันโคลงหัวแสดงออกว่ามันก็ไม่รู้จริงๆ
สักพักผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้าบ้านไปส่วนพี่ภูมิใจก็เดินกลับเข้ามานั่งในรถแล้วหันไปหาน้องชายตัวเองอย่างเจ้าจอมที่นั่งข้างๆคนขับ
“จอมไปนั่งข้างหลังไป เดี๋ยวให้เขานั่งข้างหน้าบอกทางพี่”
เจ้าจอมพยักหน้าทำตามที่พี่สั่งโดยไม่อิดออด พอมันย้ายตัวเองมานั่งข้างหลังกับผมเสร็จแล้วมันก็ยื่นหน้าของมันเข้าไปถามพี่ภูมิใจถึงเรื่องที่ทั้งผมและมันสงสัยทันที
“คนนั้นใครครับพี่ภูมิ?”
“หัวหน้าพี่เอง”
“พี่ดูสนิทกับเขามากเลย” ผมเอ่ยบ้างพร้อมกับมองดูปฏิกิริยาของพี่ภูมิใจไปด้วยแต่ก็ไม่เห็นอะไรหรอกเพราะพี่มันก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิม
“ก็คงสนิทมั้ง ลองถามเขาดูสิ”
“ใครจะกล้า...” เจ้าจอมมันพึมพำซึ่งผมก็พยักหน้าเห็นด้วยกับมันอีกคน
พวกผมมองคนที่เราพูดถึงเดินออกมาจากบ้านโดยไม่ลืมที่จะหันกลับไปล็อคประตูรั้วให้เรียบร้อย จากนั้นเขาก็เดินหน้ายุ่งเข้ามานั่งในรถแล้วเสียงพี่ภูมิใจก็ดังขึ้นทันใด
“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยคุณ”
เขาคนนั้นหันมามองพวกผมเหมือนพึ่งคิดได้ว่าไม่ได้อยู่กันสองคนกับพี่ภูมิใจ เขาผงกหัวให้พวกผมเป็นเชิงขอโทษ
“โทษทีนะ พี่ชื่อณะเป็นหัวหน้าของภูมิใจน่ะเผื่อจะสงสัยกัน” เขาว่าแล้วส่งยิ้มให้พวกผม ได้ยินเสียงพี่ภูมิใจกระแอมเบาๆสงสัยมีอะไรติดคอ “ออกรถสิคุณจะนั่งนิ่งๆอยู่ในรถแบบนี้จนเช้าหรือไงกัน”
พี่ภูมิใจไม่ได้ตอบแต่ก็ทำตามที่คุณเขาสั่ง
“สวัสดีครับพี่ณะ ผมชื่อเจ้าจอมน้องพี่ภูมิใจครับ ส่วนนี่พี่ยีนส์รุ่นพี่ผมครับ” ผมกับเจ้าจอมยกมือไหว้คนที่โตกว่าอีกครั้ง พี่เขาบอกว่าไม่ต้องไหว้เพราะดูแก่ยังไงชอบกลพร้อมกับเอ่ยแซวนิดหน่อยเรื่องที่เจ้าจอมเป็นน้องพี่ภูมิใจ
“ทำไมน้องชายถึงหล่อกว่าพี่ล่ะ?” พี่ณะว่าแล้วหันไปมองคนขับรถที่ก็หันมามองพี่ณะเช่นกันแต่ไม่ได้ตอบโต้อะไร
“พี่ก็ชมเกินไปครับ” เจ้าจอมมันหัวเราะพร้อมยิ้มเขิน ผมหันไปมองมันแล้วก็อยากจะเอานิ้วดีดหน้าผากกับความเขินอายที่เวอร์ฉิบหาย
“พี่เขาชมมึงตามมารยาทเถอะ” ผมก็อดไม่ได้จริงๆที่จะว่ามัน
“ไม่โดนชมบ้างก็อย่าอิจฉาครับ” มันว่าอย่างยียวนจังหวะที่ไฟบนถนนส่องมาผมก็เห็นมันตีคิ้วใส่ผมอย่างกวนๆ
“เดี๋ยวเถอะมึง” ผมชี้หน้าแล้วผลักหน้าผากมันจนหน้าหงาย เจ้าจอมหัวเราะก่อนจะมากระเซ้าผมบอกว่า
“พี่ก็หล่อเหมือนกันน่า อย่างอนไปเลย...”
ไอ้สันขวานเอ้ย! ใครงอนมึงวะเด็กเวร...
หลังจากตบตีกับไอ้เจ้าจอมมาตลอดทางก็มาถึงร้านอาหารกันสักที ระหว่างทางก็มีพี่ณะคอยห้ามทัพผมกับไอ้เจ้าจอมไม่ให้ตีกันตายก่อนตลอด ส่วนพี่ภูมิใจก็ทำแค่มองกระจกส่องหลังแค่นั้นก็ไม่พูดอะไร
“ร้านบรรยากาศดีอย่างที่พี่ว่าจริงๆด้วย” ผมอดจะชื่นชมไม่ได้จริงๆ ร้านอาหารที่พี่ภูมิใจพาเรามาเป็นร้านอาหารที่ติดริมแม่น้ำเย็นสบาย แถมในร้านยังมีดนตรีสดเล่นให้ฟังอีก
“พี่แนะนำเองแหละ” พี่ณะยืดอกพร้อมรับคำชม พี่ภูมิใจที่นั่งข้างๆปรายตามองแต่ไม่ได้ว่าอะไร
“สุดยอดมากครับ ร้านดีมากจริงๆ” ผมยกนิ้วโป้งให้พี่ณะ เขาก็วิ้งค์ตาส่งมาให้ผมแล้วก็ยิ้มเขินคนเดียวอีก
อะไรวะ...
พี่ณะเป็นคนจัดการสั่งอาหารให้เมื่อถามเสร็จแล้วว่าไม่มีใครแพ้อะไรหรือไม่ชอบอะไร พี่ภูมิใจซึ่งเป็นเจ้าของวันเกิดก็ไม่ได้เอ่ยทักท้วงตอนที่พี่ณะสั่ง มีบ้างบางครั้งที่ยื่นมือไปจิ้มตรงเมนูให้พนักงานเขียน
“แค่นี้แหละครับ” พี่ณะว่าแล้วหันไปมองพี่ภูมิใจ “คุณเอาอะไรเพิ่มไหม?”
“ไม่ล่ะ”
พี่ณะพยักหน้าแล้วคืนเมนูไปให้พนักงานที่ยืนรออย่างสุภาพ
“รอสักครู่นะครับ”
เมื่อพนักงานเดินไปแล้วพวกผมก็เริ่มเปิดบทสนทนากันขึ้นอีกครั้งเพื่อทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารครึกครื้นสักหน่อย
“แล้วนี่ขับรถกันมาเองเลยเหรอ?” พี่ณะถามผมกับเจ้าจอมที่นั่งข้างๆกัน
“ใช่ครับ” เจ้าจอมมันตอบ “ผมอยากมาเซอร์ไพรส์วันเกิดพี่แต่ดันหลงทางซะก่อนอดเซอร์ไพรส์เลย”
พี่ณะพอได้ยินก็ขำ ดูเป็นผู้ชายที่เส้นตื้นดีครับ พอขำเสร็จเขาก็หันไปหาพี่ภูมิใจอีกครั้ง “วันนี้วันเกิดคุณเหรอ?”
“เปล่า”
“อ้าว?” เขาส่งเสียงไม่เข้าใจแล้วหันมาหาผมกับเจ้าจอมด้วยใบหน้าฉงน ไอ้พี่ภูมิใจแม่งก็ไม่ตอบให้หมดหรอก
“วันเกิดพี่วันจันทร์น่ะครับแต่ผมติดเรียนเลยมาหาพี่ก่อน”
“อ้อ..” เขาพยักหน้าหันไปมองพี่ภูมิใจอีกครั้งแต่ไม่ได้พูดอะไร “แล้วจะกลับกันพรุ่งนี้เลยใช่ไหม?”
คราวนี้เป็นผมที่ตอบบ้าง “ครับ กะว่าจะออกสักสิบโมงหรืออาจจะเที่ยงก็ตามที่พวกผมจะตื่นแหละครับ” ผมว่าอย่างติดตลก เรื่องเวลาเดินทางกลับผมกับเจ้าจอมก็ยังไม่ได้คุยหรือตกลงกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวหรอกแต่เวลาคร่าวๆก็คงจะประมาณนี้แหละ
“เดินทางปลอดภัยนะ พี่บอกล่วงหน้าไว้ก่อนพรุ่งนี้อาจจะไม่ได้เจอกัน”
“ขอบคุณครับ” ผมกับเจ้าจอมบอกขอบคุณพร้อมกัน
จากนั้นบทสนทนาส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องทั่วไปที่ต่างคนต่างนำมาถามซึ่งกันและกันแต่ไม่ได้เกินขอบเขตของคนที่พึ่งรู้จักกัน มีเพียงคนเดียวที่ตอบเพียงอือออเท่านั้นก็คือพี่ภูมิใจ พี่มันทำแค่นั่งนิ่งๆฟังพวกผมพูดตาก็มองนู่นมองนี่ไปเรื่อยแต่ที่คงจะเห็นมองบ่อยๆก็คงเป็นหน้าพี่ณะนั่นแหละ สองคนนี้น่าสงสัยจริงๆ
เรานั่งทานอาหารกันอยู่นานก็ถึงเวลาที่ต้องกลับ พี่ภูมิใจแวะมาส่งพวกผมที่คอนโดของเขาก่อน งงเหมือนกันครับว่าทำไมไม่ไปส่งพี่ณะก่อนแต่พวกผมก็ไม่ได้ถามอะไรทำเพียงแค่ยกมือไหว้พี่ณะจนพี่ณะต้องดุพวกผมอีกรอบว่าห้ามไหว้เพราะไม่อยากแก่
“ไว้เจอกันอีกนะเด็กๆ” ขนาดไม่อยากแก่ยังเรียกพวกผมว่าเด็กๆ เอากับเขาสิครับทำไมถึงได้เป็นคนย้อนแย้งขนาดนี้กัน
เขาโบกมือหยอยๆให้พวกผมจนกระทั่งรถเคลื่อนตัวออกไปผมก็หันไปคุยกับเจ้าจอมทันที
“มึงสงสัยเหมือนกูหรือเปล่าว่าสองคนนั้นดูไม่ใช่เจ้านายลูกน้องธรรมดา”
เด็กมันไหวไหล่ก่อนตอบกวนๆ “ไม่รู้สิครับ ผมไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องคนอื่นสักเท่าไหร่” แล้วมันก็เดินเข้าไปในคอนโดปล่อยให้ผมต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว
ไอ้เด็กเวร...
ღ
จะมาต่อให้เรื่อยๆน้าา อาจจะไม่ได้มาทุกวันแต่จะพยายามเน่อออ ขอบคุณทุกคนที่ยังรอกันอยู่นะคะคิดถึงทุกคนเหมือนกันเด้อออ
#นิติผูกพัน