Rhyme 5
ตึก! ตึก!
เด็กหนุ่มหอบหายใจถี่รัว เขาใช้เวลาวิ่งขึ้นอาคารเรียนชั้นสี่อย่างรวดเร็วก่อนจะโผล่หน้าเข้าไปในคลาสวิชาทฤษฎีดนตรีตะวันตกได้ทันเวลาก่อนจะถูกอาจารย์ล็อกห้องเสียก่อน เขาเดินตัวลีบไปด้านหลังสุดซึ่งมีเพื่อนสนิทนอนฟุบกับโต๊ะเรียน ค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะวางกระเป๋าเป้ลงข้างตัว ใบบุญนวดขมับเบาๆเพราะรู้สึกมึนหัว เมื่อคืนเขาเผลอนั่งแต่งเพลงจนดึกดื่นรู้ตัวอีกทีก็หลับคาโต๊ะหนังสือจนเผลอตื่นสายอีกแล้ว ยังโชคดีที่เขามาเรียนทัน
ขืนขาดมากไปกว่านี้คะแนนเขาคงจะไม่เหลือ..
“กร อาจารย์สอนถึงไหนแล้ว” เขาหันไปสะกิดเพื่อนที่ยังคงนอนนิ่ง ความหวังเดียวที่เขามีกลับพังทลายลงตรงหน้า จะฝากผีฝากไข้ได้ไหมเนี่ยห้ะ!
“อือ ง่วง”
“ให้มาเรียนไม่ใช่ให้มาหลับ” เขาสะกิดจนกว่ามันจะตื่น หูก็คอยฟังอาจารย์บรรยายไปด้วย ชีทที่เขาหอบหิ้วมาจากบ้านถูกกางออกจนเต็มโต๊ะเรียน ปากกาสีไฮไลท์ถูกรื้อออกมาพร้อมเตรียมจะเรียนเต็มที่ แต่ดูเพื่อนเขาสิยังจะมานอนอีก!
“ก็มันง่วงนี่ เมื่อคืนกว่าจะเลิกตั้งตีสอง”
“อย่ารับงานวันที่มีเรียนเช้าสิ”
“ของีบหน่อยน้าาา”
“เออ” เขากลับไปสนใจอาจารย์ที่กำลังสอน สายตาพลันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผมสั้นซอยสีดำสนิทที่เซ็ทอย่างดีกำลังนั่งเท้าคาง อยู่ข้างหน้าเขาไปอีกสามแถว หัวใจเต้นระรัวขึ้นมารอบ เขามองกรอบหน้าสมบูรณ์แบบอย่างไม่รู้เบื่อ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่เคยไปผับในฐานะไบร์ทอีกเลย เขายอมรับว่ายังไม่อยากเจอ ไม่อยากนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น เขายอมรับว่าตัวเองก็เผลอไผล ยินยอมพร้อมใจ ไม่ใช่ความผิดของธัชธรรม์เลยสักนิด
หัวสมองไม่รักดีดันรื้อความทรงจำที่เกิดขึ้นออกมาได้ไม่รู้จบ ช่วงไหล่หนาที่เขาจิกแน่นจนได้กลิ่นเลือด ความรู้สึกตึงเจ็บราวกับร่างกายจะฉีกออกมาเป็นชิ้นๆยังคงจำฝังใจ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่จ้องมองเขาอย่างหลงใหล ทุกประสาทสัมผัสเขาตื่นตัว แทบจะย้อนกลับไปคืนนั้นอีกครั้ง
ไม่ ไม่ ไม่ ห้ามนึกถึงอีก!
เขาส่ายหัวพรืดก่อนจะก้มหน้าจดตามที่อาจารย์สอน บังคับตัวเองไม่ให้เผลอไปมองธัชธรรม์อีก “นักศึกษาอย่าลืมส่งงานด้วยนะคะ” หลังจากอาจารย์เช็คชื่อเสร็จก็เริ่มทวงถามงาน คราวที่แล้วที่เขาป่วยธัชธรรม์เป็นคนเก็บงานเอาไว้ให้เขา และทำจนเสร็จก่อนจะเอามาให้เขาดูว่าใช้ได้ไหม ใบบุญรู้สึกอิ่มเอมใจข้างในลึกๆ เขาเขินอายตอนชายหนุ่มเข้ามาคุยยิ่งกว่าตอนจูบกันครั้งแรกซะอีก
ให้ตายเถอะ เขานึกบ้าอะไรเนี่ย
“ให้มาเรียน ไม่ใช่ให้มามองผู้ชาย” เสียงกรวีร์ดังอยู่ข้างหู เจ้าตัวปัดผมไม่กี่ทีก็เข้าทรงเหมือนเดิม ผมสีน้ำตาลอ่อนสวยเข้ากับใบหน้าขาวเป็นอย่างดี ดวงตาเรียวรียาวตามประสาคนมีเชื้อจีน จมูกโด่งสวยเข้ารูปกับเครื่องหน้ามันช่างเหมาะเจาะเสียจริง ไม่รู้ว่าชายหนุ่มยอมลดตัวมาเป็นเพื่อนกับคนเฉิ่มเชยอย่างเขาได้ยังไง
“นอนไปเลยไป!”
“ไม่นอนแล้ว กวนมึงสนุกกว่าเยอะ”
“จะดีมาก ถ้ามึงช่วยกูจดที่อาจารย์สอนนะกร”
“กูฟังเอา ไม่จดหรอก”
“เออ กูจะรอดูตอนสอบนะ!” พวกเขาเถียงกันอยู่สองคนเพราะด้านหลังไม่มีใครนั่งอยู่ ส่วนคนอื่นๆที่เริ่มเข้ามาเรียนก็จับกลุ่มกันแล้ว ส่วนเขาอยู่กับมังกรสองคนไม่ได้ไปสุงสิงกับใครมากนัก เรียนเสร็จก็ไปหาข้าวกินที่โรงอาหาร บางครั้งก็ไปหาที่งีบหลับในห้องสมุด ช่วงแรกของการเปิดเทอมเขามีเพียงกิจกรรมในคณะเท่านั้น ทำให้หลังจากเลือกเรียนในช่วงเช้าแล้วเขาจะต้องรออยู่ในมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมในช่วงเย็นซึ่งเป็นกิจกรรมซ้อมร้องเพลงที่รุ่นพี่จะเข้ามาพบปะพูดคุยทำความรู้จักกัน เขาเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้เจอรุ่นพี่คนอื่นๆ
“เขาน่าจะเลือกดาวเดือน”
“มึงว่าใครจะได้”
“พี่ธัชของมึงไง”
“ไม่น่า..” เขานึกจากอุปนิสัยโลกส่วนตัวสูงของพี่ชาย ชายหนุ่มน่าจะปฏิเสธอย่างแน่นอน อีกอย่างธัชธรรม์ก็มีเพื่อนสนิทเป็นถึงรุ่นพี่ปีสามอย่างพี่ฮันเตอร์ ถ้าหากเขาไม่ยอมสักอย่างใครจะทำอะไรได้
“กูลงเลยพันนึง พี่ธัชมึงได้แน่”
“กูว่าคนที่น่าจะได้” เขาจับคางคุร่นคิด “มึงนี่แหละ!” ใบบุญยิ้มอย่างหมายมาด ถึงจะไม่ได้รู้จักใครมากมาย แต่ก็รู้ดีว่ามีคนอยากเข้าหาชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้มากแค่ไหน กรวีร์เป็นถึงนักร้องที่มีผลงานมากมาย ทำไมใครจะไม่อยากรู้จักกันล่ะ!
“ไอ้ ไม่เอาโว๊ย!”
“มาพนันกันไหมล่ะ”
“เออ ใครแพ้เลี้ยงหมูกะทะ!”
“ดีล!”
พวกเขานั่งคุยเล่นกันอยู่ตรงใต้คณะ สลับกันเดินไปซื้อขนมมาแบ่งกันกิน พอนึกถึงแบบนั้นแล้วก็คิดถึงช่วงเรียนมัธยมอยู่เหมือนกัน เพราะเขาและมังกรจะชอบปลีกตัวออกมาแอบกินขนมกันอยู่เสมอ
“ใจคอจะไม่ทักกันเลยหรือครับ” เสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นหู ทำให้เด็กหนุ่มชะงักจากการงับขนมปังแล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง ชายหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดนักศึกษากำลังส่งยิ้มให้เขา ดูจากการแต่งตัวที่เนี้ยบไปทุกกระเบียดนิ้ว เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆก็ขนานนามเรียกพี่ฮันเตอร์ว่าคุณชาย
“พี่ฮัน สวัสดีครับ”
“ดีใจจังเลยที่จำพี่ได้” หิรัญยิ้มหวาน “ถ้าไอ้ธัชมันบอกพี่สักนิดว่าเรามาเรียนด้วย พี่จะได้ช่วยดูแล” ฮันเตอร์เป็นเพื่อนธัชธรรม์มาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นจึงจำเขาได้แม่น เด็กหนุ่มหัวเราะแหะๆ รู้สึกไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้เลย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็โตแล้วดูแลตัวเองได้”
“โตขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยจริง” เขายิ้ม ยังจำภาพเด็กชายตัวเล็กที่ชอบติดตามพี่ชายไปไหนมาไหนได้อยู่เสมอ หิรัญกำลังจะเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมเหมือนอย่างที่ทำตอนเด็กๆ ใบบุญโบกหัวหลบ ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะ เขาเบนสายตาไปมองกรวีร์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขา
“เราสองคนสนิทกันหรือ”
“ไม่ ไม่เลยครับ ผมก็เพิ่งรู้จักกัน.. เนอะมังกร” ใบบุญหันไปยิ้มแห้งให้เพื่อนที่เริ่มจะแสดงอาการว่าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ เขาใช้ศอกกระทุ้งไปเบาๆ อีกฝ่ายทำหน้าเอือมระอาใส่เขาก่อนจะพยักหน้า
“อืม”
“ว่าไงครับน้องกร เรียนเป็นยังไงบ้าง” หิรัญหันไปถามชายหนุ่มที่นั่งหน้าบูด ตอนนี้เขาได้เห็นมังกรชัดๆไม่ใช่ที่เห็นจากจากคลิปในยุทูปหรือบนเวทีเหมือนอย่างเคย เจ้าตัวดูเหมือนเด็กมอปลายมากกว่าเด็กมหาวิทยาลัยเสียอีก ใบหน้าที่ดูไม่สนใจเขากลับยิ่งทำให้เขาอยากจะเข้าใกล้
“ก็ดี”
“ทำไมเมินพี่แบบนั้นละครับ ยังโกรธที่พี่เอาเบอร์เราให้ไอ้ธัชมันหรือ” หิรัญหัวเราะขำตามประสาชายหนุ่มอารมณ์ดี กรวีร์เบะปากใส่โดยที่ชายหนุ่มไม่เห็น เขาไม่อยากจะคุยกับเพื่อนของธัชธรรม์เลยสักคน หมอนี่กล้าเอาเบอร์เขาให้ธัชธรรม์ได้ยังไง หมอนั่นถึงได้โทรมาตามหาไบร์ทอยู่หลายวัน ให้ตายเขาก็ไม่มีวันบอก!
“ผมเบื่อจะคุยกับคุณ! ไอ้ใบบุญ ไปที่อื่น!” กรวีร์ยืนเต็มความสูง เขาดึงข้อมือเพื่อนให้ลุกขึ้น ใบบุญกำลังเค้ยวขนมปังกก็ต้องรีบกลืนก่อนจะหันไปมองรุ่นพี่
“อะ เอ่อ ผมขอตัวก่อนนะครับพี่ฮัน” เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนก่อนจะถูกกึ่งลากกึ่งจูงออกไปอีกทาง ชายหนุ่มยืนกอดอก มองรุ่นน้องที่แสดงอาการไม่พอใจ เขายกยิ้มที่มุมปาก รู้สึกพออกพอใจเหลือเกิน ได้แหย่กรวีร์วันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี
“ทำไมต้องโมโหด้วยเล่า”
“จะให้พูดไหมว่าเกลียดขี้หน้ามันขนาดไหน แล้วต้องมาทำเพลงด้วยกันอีก” กรวีร์บ่นอุบ เขาลากเพื่อนออกมานั่งหลังคณะ “กูน่าจะพามึงออกไปไกลๆ ไม่น่าให้เจอพวกมันเลย”
“ใจเย็นๆก่อน พี่เขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกน่ากร อย่าอคติกับพี่เขานักเลย”
“เข้าข้างกันนัก ก็ไม่ต้องมาคุยกันเลย”
“เปล่าสักหน่อย” ใบบุญเอนหัวไปพิงไหล่ลาดหนาของเพื่อน “ไม่อยากให้กรดูไม่ดีในสายตารุ่นพี่ ยังไงเขาก็เป็นรุ่นพี่เรานะ”
“ก็ได้ ทีหลังจะควบคุมอารมณ์ให้ดีกว่านี้ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณนะกร ขอบคุณที่อยู่ข้างๆกันมาเสมอเลย”
“มึงเป็นเพื่อนกูนะ เลิกงอแงได้แล้ว”
“ก็คนมันซึ้งอะ ถ้ามึงไม่ซึ้งก็ไม่ต้องมาแซว”
“เอ้า ไอ้นี่ ไปหาขนมกินไป” เขาลากมันออกมาจนมันต้องยอมทิ้งขนมในมือ รู้สึกสงสารเลยกะว่าจะพาไปร้านขนมอีกรอบ “เดี๋ยวต้องมาซ้อมร้องเพลงตอนสี่โมง ว่างเยอะขนาดนี้วันหลังกูไม่อยู่รอที่มหาลัยแล้วนะ กลับไปนอนแล้วค่อยมายังทัน”
“จ้ะๆ ไม่ต้องบ่น”
กรวีร์พาเขาไปร้านขนม ได้ซาลาเปามาแบ่งกินกันสองคน เขาออกความคิดไปเดินเล่นตามคณะต่างๆ สำรวจดูมหาวิทยาลัย ตัดสินใจนั่งรถรางไปตามเส้นทาง ได้มองสถานที่แปลกตามันก็ช่วยให้เขาผ่อนคลายได้เยอะเหมือนกัน
“จะว่าไปเราก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้วนะ”
“มอห้าที่แอบแม่ไปทะเลด้วยกัน โดนบ่นจนหูชาเลย ไม่เอาด้วยหรอก” กรวีร์ไหวไหล่
“ใครให้มึงป่วยจนไข้ขึ้นเล่า เขาเลยรู้หมดเลย”
“ก็ลงน้ำมันสนุกนี่หว่า”
“ไปไกลๆเลย” เขาทำหน้าบูด ก่อนจะเขยิบหนี คราวนั้นเขาโดนบ่นแถมยังโดนตัดค่าขนมอีก
“ง่า อย่าทิ้งเค้านะตัวเอง”
เสียงหัวเราะครืนดังลั่นจนเขาต้องทุบไหล่ของอีกฝ่ายให้หยุดหัวเราะสักที หลังจากเที่ยวเล่นกันจนพอใจเขากลับมาที่คณะเหมือนเดิม เพื่อนในรุ่นเขากำลังยืนจับกลุ่มรอคอยเวลาที่จะได้เข้าซ้อมร้องเพลง เวลาสี่โมงเย็นคือเวลาเลิกเรียนของรุ่นพี่อีกสักพักก็คงจะได้เริ่มสักที ใบบุญปลดกระเป๋าเป้ลงจากหลัง เอาไปวางกองรวมกับของเพื่อนคนอื่น
“ใบบุญ มึงเอามารวมกับกูนี่”
“อะไร”
“เอามาผูกกับของกูแบบนี้ มันจะได้ไม่หายไง”
“ไม่หายหรอกน่า”
“ไม่ได้ ใบนี้กูซื้อมาแพง”
“ตามใจมึงก็แล้วกัน” เขาขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับมันแล้ว “กูไปนั่งรอตรงนั้นนะ” กรวีร์พยักหน้าเข้าใจก่อนที่เขาจะหมุนตัวไปนั่งตรงม้าหินอ่อน ข้างๆเขาเป็นกลุ่มเพื่อนผู้หญิงหน้าตาสะสวยกำลังพูดคุยกัน เด็กหนุ่มไม่รู้จะทำอะไรก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย
“เห็นว่าพี่ธัชจริงๆแล้วต้องเรียนปี3 แต่ไปเรียนอยู่ต่างประเทศมา” เสียงพูดดังเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆจนเขาต้องเหลือบมอง ผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวจัดกำลังยืนคุยไม่ไกลจากเขานัก
“เป็นเราคงไม่กลับมาแล้วอะ”
“เห็นกลับมาเพราะต้องมาอยู่กับแม่นะ มีแม่คนเดียวเขาก็ต้องกลับมาอยู่กับครอบครัวสิ”
“แต่พี่เขาโคตรหล่ออะ น่าจะได้เป็นเดือนปีเรานะ”
“แต่มังกรก็หล่อ เราชอบฟังเพลงเขามากเลย”
“เราเป็นแฟนคลับเขาตั้งแต่เขาออกเพลงใหม่ๆ เพราะเนอะ” เขานั่งฟังแล้วก็อมยิ้มไปด้วย รู้สึกดีที่เพื่อนมีแฟนคลับแถมยังเป็นเพื่อนในคณะซะด้วย
“มังกรมีแฟนหรือยังนะ”
“ก็ไม่เห็นเขายุ่งอะไรกับใครนะ เห็นมีเพื่อนที่ไปไหนมาไหนบ่อยๆด้วยกันคนหนึ่ง” เขาแอบสะดุ้งเล็กน้อย เพื่อนคนนั้นที่ว่าก็คือเขาแน่นอน
“เราขอไอจีมังกรหน่อย”
“ได้ๆ แปบนะ อุ๊ย นั่นไงมังกรยืนตรงนั้นไง” เขามองไปตามนิ้วที่ชี้ไปของหญิงสาว กรวีร์กำลังมองซ้ายมองขวา คงจะมองหาเขาอยู่แน่ๆ พอสบตากันหมอนั่นก็เดินตรงมาที่เขายืนอยู่ทันที เขาได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดอยู่ข้างๆหู ให้ตายเถอะแฟนคลับหมอนี่มีอยู่ทุกที่จริงๆ
“มานั่งอะไรตรงนี้เนี่ย”
“มันร่มดี” เขาตอบ ก่อนจะเขยิบให้เพื่อนนั่งลงข้างๆ
“วิวดีด้วย” หันไปมองเพื่อนที่ทำสายตากรุ้มกริ่มใส่ จนกระทั่งสายตาเลื่อนไปเจอกับใครบางคนที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ พร้อมกับชายหนุ่มอีกคนที่เป็นเพื่อนสนิท ทุกสายตาของคนที่อยู่บริเวณนั้นจับจ้องไปที่ธัชธรรม์เป็นตาเดียว ราวกับถูกดึงดูด
“พี่ฮันกับพี่ธัชอะแก.. มาแล้วๆ”
“แกถ่ายรูปให้หน่อย”
“หล่อมาก พี่ฮันขาวมากอะ”
“มันหล่อตรงไหน ไม่เห็นจะหล่อเลย” กรวีร์เบือนสายตาแล้วหันมาบ่นอุบอิบกับเขา
“พี่ฮันน่ะหรือ คนนี้หล่อมานานแล้ว” เขายืนยันคำพูดอีกคน จนกรวีร์ยู่ปากไม่พอใจ
“ยังจะมาชมมันให้กูได้ยินอีก”
“ฮ่าๆ”
นั่งคุยกันอีกสักพักก็ประกาศเรียกรวมตัวกันที่ลานคณะ เขาเดินเข้าไปรวมกลุ่มก่อนจะฟังรุ่นพี่ชี้แจงรายละเอียดต่างๆ รุ่นพี่ชวนคุยเรื่องเรียนว่าแต่ละเอกจะต้องเรียนอะไรบ้าง เขาและมังกรเลือกเอกร้อง รุ่นพี่บอกว่าจะต้องเก็บชั่วโมงการแสดงให้ครบถึงจะจบหลักสูตรนั่นหมายความว่าเขาจะต้องมีการจัดแสดงดนตรี ฟังแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นทุกคนจึงตั้งใจฟังกันอย่างดี
“พี่อยากให้เราช่วยกันเลือกเพื่อนเรามาประกวดดาวเดือน” รุ่นพี่ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง เดินออกมายืนข้างหน้า มังกรบอกว่าพี่จีนเป็นดาวคณะปีที่แล้ว “ซึ่งเราจะจัดประกวดในงานกีฬาเฟรชชี่ที่จะมีขึ้นในเดือนหน้านะคะ”
“ใครชอบใครคิดว่าคนไหนเหมาะสม สามารถเขียนชื่อลงในกระดาษโหวตมาเลยนนะคะ” พี่จีนยิ้มหวาน “เดี๋ยวนี้เขาทันสมัยแล้ว เดี๋ยวทำเปิดโหวตให้ในกลุ่มไลน์แล้วเราเข้าไปโหวตกันนะคะ อีกสิบนาทีนะ” ทุกคนพยักหน้าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือกัน
“มีใครบ้างคะที่เราอยากจะเสนอ”
“ธัชค่ะ”
“พี่ธัชเลยหรอคะ” พี่จีนยิ้มก่อนจะหันไปซุบซิบกับพิธีกรชายอีกคน “ได้ค่ะพี่ธัชนะคะ มีใครอยากเสนอเพื่อน หรืออยากจะเสนอตัวเองก็ไม่ว่ากันนะคะ”
“มังกรค่ะ”
“น้องมังกร อยู่ไหนคะ ยกมือหน่อยค่ะ โอ้โห แฟนคลับน้องเยอะมากๆเลย” ทุกคนหันมามองชายหนุ่มที่นั่งข้างเขาเป็นตาเดียว ส่วนเขานั่งตัวลีบไม่ได้ออกปากออกเสียงอะไร
“ครับ” กรวีร์ยกมือ ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร เจ้าตัวทำเหมือนเป็นเรื่องปกติมาก ส่วนเขากำลังนิ่งอึ้งอยู่เพราะทันทีที่มังกรยกมือขึ้น เสียงกรี๊ดก็เริ่มดังขึ้นมาทันที
“อยากเสนอใครอีกไหมคะ”
“เมษา?” พี่จีนเริ่มซาวด์เสียงจากคนในห้อง “น้องเมษายกมือหน่อยค่า”
“โอ้โห ปีนี้มีแต่น้องๆที่มีความสามารถจริงๆ” พี่จีนพูดเสียงหวาน ก่อนจะเริ่มลิสต์รายชื่อผู้เข้าร่วมประกวดทีละคน เพื่อให้ทีมงานใส่ชื่อก่อนจะเริ่มโหวต
“พี่ขอน้องผู้หญิงบ้างนะคะ”
ในขณะที่รุ่นพี่กำลังพูดคุยอยู่เขาก็เห็นธัชธรรม์ลุกขึ้นออกไปข้างนอก เจ้าตัวใบหน้าซีดเซียวจนเขารู้สึกแปลกใจ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งใบบุญจึงตัดสินใจขอรุ่นพี่ออกไปเข้าห้องน้ำก่อนจะค่อยๆเดินตามชายหนุ่มไป ร่างสูงไปหยุดอยู่ใต้ต้นไม้หลังคณะ เป็นโซนพักผ่อนเงียบสงบที่ไม่ค่อยมีใครเข้ามามากนัก เขาเดินเข้าไปใกล้ธัชธรรม์.. นี่เป็นครั้งแรกที่อยู่ข้างนอกแล้วเขาจะได้ทักธัชธรรม์เหมือนอย่างที่คนอื่นทำบ้าง เหมือนจะรู้สึกตัวว่ามีคนอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มจึงหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาก็แสดงอาการไม่พอใจออกมาทันที
“มีอะไร”
“ปะ เปล่า แค่ออกมาเข้าห้องน้ำ” เขาตอบเสียงแผ่ว ลอบมองชายหนุ่มตรงหน้า “พี่ธัชเป็นอะไรหรือเปล่า ผมเห็นพี่หน้าตาซีดๆ ไม่สบายหรือ”
“อย่ามาทำเหมือนเป็นคนรู้จัก.. กูไม่ชอบ”
“เข้าใจแล้วครับ” เขาพยักหน้ารับคำ รู้สึกปวดหนึบในใจอย่างบอกไม่ถูก แค่ทักก็ยังไม่มีสิทธิ์เลยหรือ..
“ไม่ต้องมามองอย่างนั้น.. ทำไม ไม่พอใจอะไร” ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กกว่าที่ยืนห่อไหล่จนเสียบุคลิก ใบหน้าก้มงุดจนแทบชิดอก ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็รู้สึกขัดหูขัดตาบอกไม่ถูก แวบหนึ่งที่เขารู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นกายแบบนี้..
จะเป็นไปได้ยังไง..
“เปล่า ไม่มีอะไรนี่ครับ”
“สายตามันฟ้อง” ชายหนุ่มแค่นเสียง เขาโยนบุหรี่ในมือทิ้งก่อนจะใช้เท้าขยี้จนมันดับไป “อยากเรียกร้องความถูกต้องให้ตัวเองหรือ”
“ผมเปล่า” เขาส่ายหน้าพรืดพร้อมกับโบกมือไปมา “ผมแค่อยากจะบอกพี่ว่า.. ไม่ว่าพี่จะเกลียดผมด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ผมก็ยังรู้สึกกับพี่เหมือนเดิม”
“เก็บความรักจอมปลอมของมึงเอาไว้คนเดียวเถอะ” เขาขมวดคิ้วแน่น มองเด็กหนุ่มด้วยแววตาไม่เป็นมิตร “กูไม่มีน้องอย่างมึง”
“พี่ธัช”
“....”
“ใบบุญไม่เคยโกรธที่พี่ใจร้ายเลยนะ” เขาละล่ำละลัก ไม่รู้ทำไมเขาถึงอยากบอก บอกทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเก็บอยู่ในใจ เขาอยากจะอยู่ในสายตาของชายหนุ่มสักครั้ง “แค่พี่ธัชอย่าไล่ใบบุญไปเลยได้ไหม”
“กูเกลียดคือเกลียด ไม่เข้าใจที่พูดหรือไง”
“แต่หนู หนู..” เก็บกักคำว่ารักกลืนลงไป รู้ทั้งรู้ว่าพูดออกไปผลลัพ์มันจะเป็นอย่างไร เขาตอนนี้ไม่ใช่ไบร์ทที่ชายหนุ่มหลงใหลนักหนา ไม่ใช่.. เลยสักนิด
“ฟังนะ ไม่มีพี่ธัชคนเดิมอีกต่อไป เลิกหวังลมๆแล้งๆว่ากูจะกลับไปญาติดีกับมึงอีก” เขาใกล้หมดความอดทนเต็มที สะบัดไล่ความคิดที่ฟุ้งซ่านออกไปจากหัว ใบหน้าขาวยิ่งซีดหนักเข้าไปอีกเมื่อถูกเขาตะคอกใส่ “แค่สงสาร.. จำไว้!”
“….” ใบบุญปล่อยให้น้ำตาไหลลงอย่างเงียบงัน สะกดกลั้นอารมณ์เสียใจที่ทะลักทะลายออกมาไม่หยุด กลั้นเสียงสะอึกสะอื้นเอาไว้ในอก เขาก้มหน้าก้มตาเดินกลับไปที่เดิม ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำจนเบลอมองพื้นแทบไม่เห็น เขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้ว ไม่กล้าสู้หน้ากลับไปหาธัชธรรม์อีก
โดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมา..
ไร้คุณค่า ไร้ราคาใดๆ
ความรักมักเล่นตลกกับหัวใจ รักคนที่ไม่ควรจะรัก ทำไมมันถึงได้ทรมานแบบนี้..
ใบบุญมองตัวเองในกระจก ใบหน้าขาวซีดเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา จมูกจิ้มลิ้มขึ้นสีแดงก่ำ เขาถอดแว่นตาวางลงข้างก็อกน้ำ ก้มตัวลงรองน้ำใส่ฝ่ามือก่อนจะเช็ดหน้าเบาๆ ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนคลอหน่วยไปน้ำสีใส สูดน้ำมูกก่อนจะล้วงผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับใบหน้าจนแห้ง เขาคิดได้ว่าจะต้องเข้าซ้อมร้องเพลงที่คณะ จึงพาร่างกายอ่อนล้าของตัวเองมาที่หน้าห้องประชุม เด็กหนุ่มคิดใคร่ครวญ เขาออกมานานมากและไม่อยากตอบคำถามว่าเป็นอะไร ใบบุญจึงตัดสินใจนั่งรออยู่ใต้คณะแทน รออยู่ได้เกือบครึ่งชั่วโมง เขาก็เห็นกรวีร์เดินหน้าบึ้งออกมา
กรวีร์เห็นเพื่อนกำลังนั่งเหม่ออยู่ที่ม้าหินอ่อนก็รีบตรงปรี่เข้าไปหา เขาอยากจะบ่นใบบุญเหลือเกินที่ปล่อยให้เขาต้องเผชิญหน้ากับรุ่นพี่อยู่คนเดียว โดยเฉพาะหิรัญเห็นเขาเป็นตุ๊กตาหรือยังไงคิดอยากจะให้ทำอะไรก็ทำ ขัดใจชะมัด!
“ทำไมตามึงบวมๆ ไอ้ใบบุญ”
“อือ อย่ายุ่งน่า ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” เด็กหนุ่มเหลือบมองคนตัวสูงที่มาหยุดยืนตรงหน้า ทันทีที่เห็นกรวีร์เขาก็อยากจะโผเข้าไปกอดจริงๆ
“ไม่ให้ยุ่งได้ยังไง หน้าเละเทะขนาดนี้” ชายหนุ่มล้วงทิชชูออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาย่อตัวเล็กน้อยพยายามใช้ของในมือซับน้ำตาของใบบุญที่ร่วงเผาะออกมาเป็นสายน้ำ “จมูกแดงแปร๊ดเลย”
“อือ อย่ามอง”
“ไม่มองไม่ได้ ร้องไห้ขนาดนี้จะให้กูอยู่ดูเฉยๆหรือไง”
“กูอาย ไม่อยากให้มึงเห็นตอนกูสภาพไม่ดี”
“เห็นมาตั้งเยอะแล้วจะอายอะไร”
“กร ที่นี่ไม่เหมือนที่โรงเรียนเก่าเรานะ”
“ช่างมันสิ กูแคร์ที่ไหน” เขาลูบหัวเด็กขี้แยที่สูดน้ำมูกไม่หยุด ยังจดจำภาพครั้งแรกที่เจอกันได้อยู่เลย ถ้าหากไม่มีใบบุญเขาเองก็คงไม่มาถึงจุดนี้หรอก “เช็ดหน้าเช็ดตาให้ดีแล้วเข้าห้องไปซ้อมร้องเพลงต่อ” แค่คิดว่าจะต้องเจอสายตาที่มองมาด้วยความรังเกียจของธัชธรรม์แล้ว เขาก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ
“มะ ไม่เอา ไม่เข้าแล้วไม่ได้หรือ”
“อย่างอแงน่า”
“นะ กรนะ วันนี้ไม่อยากเข้าไปแล้ว”
“ถ้ากูรู้ว่า ปล่อยให้มึงอยู่กับพี่มึงแล้วจะเป็นแบบนี้ กูจะไม่ยอมให้มันเข้าใกล้มึงแน่ๆ”
“พี่ธัชไม่ผิดหรอก” เขาขบริมฝีปากแน่น “เป็นกูเองแหละ ที่แส่ไม่เข้าเรื่อง”
“มึงจะโทษตัวเองอีกนานไหม” เขาถอนหายใจ “ใบบุญ กูก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องมันเป็นยังไง แต่มึงอย่าลดคุณค่าตัวเองอีกเลย ถือว่ากูขอ”
“กู…”
“เอางี้ ไม่เป็นไร” เขาดันคนตัวเล็กกว่าให้ยืนขึ้น ตบไหล่เพื่อนเบาๆ ใบบุญยืนขึ้นเต็มความสูง เขาสูดจมูกแล้วมองกรวีร์ด้วยความสงสัย “กูจะหาแฟนให้มึงเอง!”
“ไอ้บ้า ไม่เอา!”
“มึงต้องทำให้เขาเสียดาย ที่เขาไม่เลือกมึง”
“ไม่นะ ไม่เอาแบบนั้น” เขาดึงแขนกรวีร์เอาไว้ก่อนจะส่ายหน้าพรืด ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาเพื่อนสนิทที่มองมา “พี่ธัชเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
“ใครวะ” กรวีร์เกาหัวแกรก คนอย่างธัชธรรม์ถึงจะมีข่าวกับผู้หญิงไปทั่วแต่เขาก็ไม่เคยเห็นจะคบใครเป็นจริงเป็นจังสักที ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มกลับไทยมายิ่งไม่มีข่าวหลุดรอดออกมาเลยสักนิด
เดี๋ยวนะ..
“อือ” เขาหลุบตามองพื้น “พี่ธัชชอบไบร์ท”
“นั่นไง นั่นนนไง!” เขาเบิกตาโพลง จับไหล่เพื่อนแล้วเขย่าไปมา “มึงก็คือบะ..”
“ห้ามพูดนะ!” เด็กหนุ่มตะครุบริมฝีปากเพื่อนไว้แน่น เกือบไปแล้วไงล่ะ!
“อื้ออออออออ อ่อยอ่อน(ปล่อยก่อน)” กรวีร์ยกมือยอมแพ้ บทจะแรงเยอะขึ้นมาเขาก็สู้ใบบุญไม่ได้จริงๆ เด็กหนุ่มส่งสายตาห้ามปรามก่อนจะลดมือลง คนตัวโตกว่าบ่นอุบ “เจ็บหน้าไปหมดแล้วเนี่ย”
“ใครใช้ให้พูดเสียงดังเล่า”
“ก็คนมันตกใจนี่หว่า ใครจะไปคิดว่าไอ้ เอ๊ย พี่ชายมึงจะติดใจน้องไบร์ทได้”
“ไบร์ทก็คือไบร์ท กูก็คือกู”
“ไม่ใช่แล้ว มึงคิดอย่างนี้ไม่ได้” เขาเห็นใบหน้างอง้ำแล้วก็คิดไล่เรียงว่าเกิดอะไรขึ้น นี่คงจะนอยธัชธรรม์มาอีกแล้วสิท่า “มึงก็คือมึง ไบร์ทก็คือมึง มึงก็คือไบร์ท.. กูสรุปให้นะ คือพี่ธัชชอบมึง”
“แต่เขาไม่รู้ว่ากู…” ได้ยินอย่างนั้นก็เหมือนหัวใจถูกบีบรัด ธัชธรรม์ชอบไบร์ทจริงๆ แต่กับเขามันไม่ใช่เลย “กูไม่ใช่คนที่เขาจะมารักได้เลย.. ฮึก” มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาเป็นคนที่ธัชธรรม์เกลียดยิ่งกว่าอะไรดี
“ไม่เอา ไม่ร้อง”
“ฮึก ฮือ”
“ไป กลับบ้าน เดี๋ยวกูไปส่ง”
“พี่เขาปล่อยแล้วหรือ”
“ปล่อยไม่ปล่อยไม่รู้แหละ ไปกลับบ้าน” กรวีร์จับไหล่เขาเอาไว้ “คืนนี้มึงไปนอนบ้านกูก็แล้วกัน”
“อะ อืม” เขารีบซุกเข้าหากรวีร์ทันทีเมื่อเห็นสายตาคมกริบของคนที่กำลังเดินผ่านมาทางนี้ ชายหนุ่มรู้สึกตกนิดหน่อยแต่ไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่กระซิบกระซาบกันอยู่สองคน “มึง กูไม่อยากเจอเขา”
“งั้นมึงก็กอดกูไว้แบบนี้แหละ” เขาโอบใบบุญเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะพาเดินไปที่รถยนต์ ท่ามกลางสายตาของคนในคณะที่กำลังแอบมอง บางคนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปยืนซุบซิบกันเสียงดัง
ธัชธรรม์กัดฟันกรอดมองแผ่นหลังบอบบางที่ถูกตะกรองกอดผ่านหน้าเขาไป เด็กหนุ่มเผลอสบตากับเขาชั่วครู่ก็เบือนหน้าหนี ชายหนุ่มร้องเหอะก่อนจะขมวดคิ้ว ต่อหน้าเขาทำเป็นระริกระรี้อยากให้เขาสนใจ พอมีคนอื่นเข้ามาใหม่ก็รีบจับเอาไว้สินะ
สำออยสิ้นดี!
(ต่อด้านล่าง)