ตอนที่ 17 ขอโทษ
------------
ร่างของใครคนหนึ่งทอดตัวเหยียดยาวบนพื้นหญ้าหนุนแขนตัวเองมองท้องฟ้าที่ไร้เมฆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้สึกตัว“หน้าย่น”เสียงบ่นมาพร้อมสัมผัสขยี้ที่หว่างคิ้วจนคนโดนทำร้ายต้องเหล่มองเซ็งๆ“พี่กรณ์คิดอะไรอยู่” อินทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ชันเข่าเอาไว้ มือยังคงลูบที่หน้าผากอีกฝ่ายคลายความกังวล“เรื่อยเปื่อย..” เขาตอบแล้วหลับตา ในสมองเต็มไปด้วยความกังวลใจเรื่องของพ่อตัวเอง สัมผัสที่หน้าผากทำให้กรณ์ผ่อนคลายเกือบจะหลับ หากต้องเบิกตาโพลงเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งที่แตะที่ริมฝีปากฉาบฉวยแต่ร้อนราวกับไฟอินรีบกระเด้งตัวขึ้นนั่งพร้อมหัวเราะแก้มแดง “ขโมยจูบแรก” กรณ์หัวเราะหึแล้วเหยียดยิ้ม “ไม่ใช่จูบแรกของพี่สักหน่อย”“แต่เป็นครั้งแรกของเราสองคน” อินยังคงยืนยัน ดวงตาคมคายหรี่ลง เขากระชากเด็กดื้อลงบนอกจัดการเหนี่ยวหัวทุยเข้าหาแล้วกดจูบบนเรียวปากนั้นอีกครั้ง บดขยี้ รุกราน จนโดนทุบอั่กๆถึงได้ยอมปล่อย กรณ์หัวเราะชอบใจเพราะอีกฝ่ายแดงเถือกไปทั้งหน้าแถมปากก็แดงเจ่อจนน่าขัน“แบบนี้ต่างหากถึงเป็นจูบแรกของเราสองคน”-----------
เสียงมือถือดังปลุกอย่างทุกวัน มือใหญ่ควานหาไปรอบเตียง หยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะกดปิดโยนไปอีกทาง ดีน พลิกตัวนอนหงาย ดวงตาสีเทาอมเขียวมองเพดานห้องที่ยังคงมืดสลัว ขอบตาคลอไปด้วยน้ำตาก่อนที่มันจะทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วงโลกซึมหายไปกับที่นอน เขาแตะริมฝีปากตัวเองแล้วสบถออกมาเบาๆ
วันนี้เขาต้องไปเจอพี่ศิลป์แล้วห้องสมุดกลางของมหาวิทยาลัยตอนนี้มีนักศึกษามากมายจับจองที่นั่งเพื่ออ่านหนังสือสอบ เด็กหนุ่มปีหนึ่งคณะเศรษฐศาสตร์เองก็เช่นกัน ภามกับเพื่อนๆทั้งกลุ่มเพิ่งจะติวสอบกันเสร็จเมื่อตอนสี่โมงเย็น บางคนมีเรียนแต่หลายคนขอกลับบ้าน มะนาวเองก็มีนัดกินข้าวส่วนทีมก็ขอกลับไปสลบเหลือเขาคนเดียวที่กลับห้องไปก็ไม่มีใครเลยอยู่อ่านหนังสือต่อ
ภามเกาหัวเมื่ออ่านเนื้อหาบางส่วนไม่เข้าใจ แล้วก็นึกได้ว่าอาจารย์เคยแนะนำหนังสือดีๆที่จะช่วยขยายความเข้าใจให้เขาได้ คิดแล้วเขาก็ลุกไปหาบรรณารักษ์เพื่อถามถึงหนังสือเล่มที่ว่า
บรรณารักษ์สาวเคาะแป้นพิมพ์ก๊อกแก๊ก เขม้นมองหน้าจอสักพักก็ส่ายหัวพร้อมหันมายิ้มให้
“หนังสือเล่มนี้มีคนยืมไปแล้วจ้ะ ท่าจะยึดยาวจนสอบเสร็จ”
ภามหน้าม่อย
“ไม่มีเล่มอื่นอีกเหรอครับ” เกาะเคาน์เตอร์ตาละห้อย
หญิงสาวเคาะแป้นอีกแป๊บ คราวนี้เธอยิ้มกว้าง
“มีอีกเล่มจ้ะ แต่อยู่ที่ห้องสมุดคณะบริหาร ลองไปดูสิยังไม่มีประวัติว่าใครยืมไปนะ”
เด็กหนุ่มชะงักไปอึดใจก่อนจะเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
ห้องสมุดคณะบริหารงั้นเหรอ
ภาพใบหน้าของใครบางคนแวบเข้ามาในสมอง จะว่าไปวันสองวันมานี่พี่ดีนดูเงียบกว่าปกติ ไม่แม้แต่จะโผล่มาให้เขาเห็นหน้า ถึงจะยังไลน์ยังโทรมาหาก็เถอะแต่มันผิดปกติจริงๆ
บางทีเขาควรแวะไปดู
ภามกัดริมฝีปากเล็กน้อย มือก็เก็บของลงกระเป๋ารีบออกเดินไปตามใจคิดทันที
ลานกิจกรรมคณะบริหารเต็มไปด้วยนักศึกษาจับกลุ่มกันอ่านหนังสือไม่ต่างกับคณะอื่น ภามยืนมองมือถือลังเลว่าจะโทรหาพี่ดีนดีไหม แต่เขาจำได้ว่าเวลานี้พี่น่าจะมีเรียนอยู่เลยต้องล้มเลิกความคิดเปลี่ยนเป็นส่งไลน์แล้วก้าวขึ้นตึกเองคนเดียว
นี่เป็นครั้งที่สองที่เข้ามาในตึก แต่ภามจำได้ดีว่าห้องสมุดคณะบริหารอยู่ไหน จำได้ดีว่าพี่ดีนพาเดินไปดูอะไร และจำได้ดีว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขาสองคน
จูบแรก..“บ้าชะมัด” พัดแก้มร้อนๆ ของตัวเองแล้วรีบจ้ำงุดๆ ไปยังห้องสมุดที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรก
ห้องเรียนขนาด60ที่นั่งของวิชาธุรกิจระหว่างประเทศตอนนี้มีนักศึกษานั่งจับกลุ่มถกเถียงกันเรื่องวิชาสอบ หน้าห้องแปะป้ายแคนเซิลคลาสเอาไว้ ทำให้บรรดานักศึกษาที่มาเก้อใช้โอกาสนี้หมกตัวในห้องแอร์เพื่ออ่านหนังสือ
ประตูเลื่อนดังครืดพร้อมคนที่เข้ามาใหม่ ในมือเขาถือน้ำปั่นหลายแก้วเพื่อมาเสิร์ฟพวกเพื่อนๆ ถึงที่
“เฮ้ย ดีน” คนๆ นั้นตะโกนข้ามห้อง ทำให้เจ้าของชื่อวางหนังสือเรียนลงแล้วเลิกคิ้วมองคนเรียก
“เมื่อกี้เจอแฟนแกเดินแถวๆห้องสมุดคณะเราว่ะ ก้มหน้าเดินงุดๆ น่ารักเชียว”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ดีนหยิบมือถือขึ้นดูก็พบว่าน้องไลน์มาบอกเรื่องยืมหนังสือที่คณะเขา
“น้องภามใช่ป่ะ อยากเห็นตัวจริงว่ะ ในรูปหน้าตาดีใช่ย่อย” เพื่อนอีกคนหยุดคุยเรื่องเรียนทันที
“คิดถึงขนมน้องเขาจัง วันนี้เอามาหรือเปล่านะ”
“เออ เราก็ชอบน้องเขานะ อยู่ห้องสมุดใช่ไหม” คราวนี้เพื่อนสาวพูดบ้างแถมทำท่าจะลุกไปจริงตามที่เอ่ยปาก
ครืด
แต่เจ้าของตัวจริงกลับยืนขึ้นกวาดตามองด้วยใบหน้านิ่งเฉย คนที่ตั้งใจจะไปหาน้องชะงักกึกทิ้งตัวลงนั่งกันเป็นทิวแถว หลายคนอมยิ้มกับความขี้หวงเกินคาดของประธานชมรมว่ายน้ำผู้ไม่เคยสนใจใคร
ดีนเตรียมจะเดินไปห้องสมุดแต่ก็โดนดึงชายเสื้อไว้ก่อน ทำให้เขาต้องหันมาหาเจ้าของมืออย่างไม่สบอารมณ์
“ถ้าไปห้องสมุดยืมหนังสือวิชาอินเตอร์เทรดมาด้วยล่ะ” วินพูดพลางเอาดินสอวงจุดที่น่าจะออกสอบให้เพื่อนที่นั่งฟังอยู่ เห็นแบบนี้วินท็อปคณะเลยทีเดียว
ดีนพยักหน้าแกนๆ เขาเอาไปแค่มือถือพลางเดินออกจากห้องไม่สนใจเสียงแซวและเสียงโห่ตามหลัง
ชายหนุ่มเดินไปตามทาง ขมวดคิ้วครุ่นคิดถึงเรื่องในฝันเมื่อเช้า ความรู้สึกอุ่นในอกยังหลงเหลือจนเขาอดคิดไม่ได้
เขาควรจะคุยกับพี่ศิลป์หรือควรปล่อยไว้แบบนี้ไม่ต้องขุดคุ้ยมัน? ในความอยากรู้มีความกลัวและในความกลัวนั้นคือความไม่แน่นอน
ถ้ารู้แล้วจะเป็นยังไง? เขากับน้องจะยังรักกันอยู่ไหม?
ดีนเกร็งมือจนเส้นเลือดขึ้น
ถ้าไม่มีภาม ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีดวงตาที่จ้องมองเขาอย่างเว้าวอน
แค่คิดก็เหมือนโลกถล่มลงมาตรงหน้า
..
..
เขาไม่ยอมเด็ดขาด ไม่มีวัน
ประธานชมรมว่ายน้ำหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องสมุด ปรับอารมณ์ตัวเองก่อนจะเปิดเข้าไป ดวงตาสีเทาอมเขียวกวาดมองไปรอบๆ เขาค่อยๆ เดินหาร่างคุ้นตาแต่ก็ไม่พบเลยลองไลน์หาแต่น้องก็ไม่ได้ตอบกลับ
หรือน้องกลับไปแล้ว?
ดีนเดาะลิ้นหมุนตัวจะออกไปโทรศัพท์แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นหนังสือที่วินฝากมาเสียก่อน เขาเดินไปที่ชั้นหนังสือหยิบมันออกมาและตรงนั้นเขาก็เห็นคนที่มองหาอยู่ฝั่งตรงข้ามของชั้นหนังสือ
ร่างที่เขาตามหาอยู่กำลังก้มหน้าทำอะไรสักอย่าง ดีนมองใบหน้าใสๆ ที่อมยิ้มมองมือถือพลางกดหยุกหยิก แล้วมือถือเขาก็สั่นขึ้นมา
Ph@m: ผมยังอยู่ห้องสมุดครับหัวใจเย็นชืดอบอุ่นขึ้นช้าๆ การกระทำเล็กๆน้อยๆกลับมีค่า
พบเจอกันแค่ไม่กี่เดือน
ตัดสินใจคบกันเพียงไม่นาน
แต่ทุกอย่างมันกลับเติมเต็มความรู้สึก
ดีนมองน้องยืนนิ่งมองมือถือรอคำตอบแต่พอเห็นว่าไม่มีข้อความกลับมาสักทีคิ้วเรียวก็ลู่ลงเล็กน้อยเหมือนผิดหวัง เจ้าตัวพ่นลมหายใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นและสบตาเข้ากับเขาผ่านช่องว่างระหว่างชั้นหนังสือ ต่างคนต่างนิ่งไปอึดใจ
แล้วภามก็ทำตาโต มองมือถือสลับกับใบหน้าเขาแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นก็หันหน้าจอให้ดูเป็นเชิงบอกว่าเพิ่งไลน์หา ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มกว้างพร้อมดวงตาสดใสเป็นประกาย
สลายความกังวลใจของเขาภายในพริบตา
...
รู้แล้วล่ะว่าทำไมถึงกลัว
...
เพราะรัก รักจนไม่อยากเสียไป รักจนกลายเป็นกลัวสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น
ภามรีบเดินมาหาพร้อมรอยยิ้มยังไม่จางหาย เด็กน้อยหยุดตรงหน้าอีกฝ่ายที่ยังคงจ้องตัวเองไม่วางตา
“พี่?” เสียงเรียกมาพร้อมสัมผัสที่ต้นแขนเมื่อเห็นพี่นิ่งเฉย “เป็นอะไรครับ” ก่อนจะเขย่งเท้าเอื้อมมือปัดปอยผมให้
ดีนรู้สึกตื้อขึ้นในอก อยากกอดอยากบอกความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจ
...เขาหลงรักภามจริงๆ
“อ้ะ?” ภามอุทานเมื่อร่างทั้งร่างโดนรวบเข้าในอ้อมแขนกว้าง ใบหน้าเริ่มขึ้นสีจัด ถึงจะอยู่ระหว่างชั้นหนังสือลับตาคนแต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่ผ่านไปผ่านมาจะไม่เห็น
“พะ พี่?” ดันอกกว้างเล็กน้อยแต่แทบไม่ขยับเขยื้อน ภามขมวดคิ้วกับอาการแปลกๆของพี่ดีน “พี่โอเคมะ.....” ท้ายเสียงหายไป
พร้อมสัมผัสนุ่มละมุนที่ริมฝีปาก
ไม่ได้เป็นจูบลึกซึ้ง ไม่ได้เป็นจูบแห่งความปรารถนา เป็นเพียงสัมผัสบางเบาของริมฝีปากถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
ดีนผละริมฝีปากออกเล็กน้อย จูบทิ้งท้ายที่แก้มแดงก่ำแล้วกอดให้น้องซุกอกตัวเองเอาไว้
ขอแค่มีคนในอ้อมแขนเท่านั้น
“พี่รักภาม...” ภามสะดุ้งเล็กน้อย เขารีบเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยหัวใจสั่นระรัวและเมื่อสบตากันเขาก็ยิ่งมั่นใจ หนังสือเรียนโดนวางทิ้งไว้ ไม่สนใจอีกแล้วว่าใครจะเห็น สองแขนโอบรอบคนตัวโตจนแน่น ไม่มีคำพูดอะไรอีกเหลือเพียงอ้อมกอดอบอุ่นที่พร้อมจะปกป้องกันและกัน
“...ผมก็รักพี่” ทางเดินของคณะบริหารมีนักศึกษาเดินผ่านไปมามากมาย หลายคนมองเด็กหนุ่มที่หน้าคุ้นตาอยู่ในบอร์ดมหาวิทยาลัยซึ่งตอนนี้เจ้าตัวกำลังเดินเคียงข้างประธานชมรมว่ายน้ำด้วยรอยยิ้มกว้างสดใส ส่วนคนที่หน้าดุเสมอตอนนี้กลับดูละมุนลงจนน่าตกใจ
ดีนพาน้องมาถึงห้องเรียนเมื่อสักครู่ เขาเปิดประตูเข้าไปเรียกให้สายตาเพื่อนร่วมรุ่นหันมามองกันเป็นตาเดียว
“น้องภาม!!” เสียงสาวคนไหนสักคนร้องออกมา จากนั้นสาวๆก็พุ่งเข้าหารุ่นน้องต่างคณะที่แอบอยู่หลังคนตัวโตรุมจับแก้มลูบหัวด้วยความเอ็นดู
“อย่าแกล้งน้อง” ดีนทำเสียงดุแต่ไม่มีใครสนใจ ภามเองก็ส่ายหัวพร้อมหัวเราะไปกับพี่ๆ
“จับมั่ง” เพื่อนชายแถวนั้นลุกขึ้นมาตั้งท่าจะจับแต่คราวนี้มือใหญ่ของดีนกลับตีผัวะลงมาอย่างไม่เกรงใจ
“ดูแต่ตาพอ” เขายักคิ้วให้เพื่อนและนั่นเรียกเสียงหัวเราะขบขันให้ทุกคน
“ขี้หวงสัส” คนโดนตีสะบัดมือด้วยความเจ็บ
“ท่าทางมันจะขี้หึงนะน้องภาม” เสียงแซวระงมยิ่งทำให้ภามแทบจะเอาหน้ามุดหลังพี่ดีนซ่อนแก้มแดงจัด มาคณะนี้ทีไรโดนรุมทุกที
พวกเขาอยู่คุยกันไม่นานดีนก็ขอตัวกลับก่อน เขาพาน้องไปส่งที่รถหน้าคณะเศรษฐศาสตร์ วันนี้ต่างคนต่างมีธุระเลยไม่ได้ออกไปไหนต่อด้วยกัน ชายหนุ่มโบกมือเมื่อน้องเข้าประจำที่คนขับเรียบร้อย ก่อนจะเคลื่อนรถออกไปภามกลับเลื่อนกระจกรถลงแล้วเงยมองตาแป๋ว
ดีนเอียงคอเลิกคิ้วเป็นคำถาม แต่เด็กน้อยของเขากลับยื่นมือออกมาแตะที่แขน
“สองสามวันมานี้พี่ดูเครียด โอเคหรือเปล่ามีอะไรให้ผมช่วยไหม”
“...” ดวงตาสีเทาอมเขียวมองคนถามอ่อนโยน เขาจับมือน้องขึ้นจูบกลางอุ้งมือแล้วแนบไว้ที่แก้มตัวเอง หลับตาลงซึมซับความอ่อนโยนนี้เอาไว้
“ชาร์จพลังแล้วครับ”
เขาคงใช้ความโชคดีทั้งชีวิต ถึงได้น้องมาไว้ในมือ
ภามแก้มร้อนอีกครั้ง รีบพยักหน้า รอจนพี่ยอมปล่อยมือถึงได้ขับรถออกไปด้วยใจสั่นไหว เมื่อรถพ้นรั้วมหาวิทยาลัยได้ไม่เท่าไหร่คนขี้อายก็ทนไม่ไหว ยกมือข้างนั้นขึ้นมาแล้วจูบซ้ำลงไปที่กลางฝ่ามือ
ดีนกลับมาที่รถตัวเอง พอขึ้นรถได้ก็โยนหนังสือและชีทไว้ที่เบาะข้างคนขับ ดวงตาสีสวยมองตรงไปข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า คิ้วเข้มมุ่นเข้าหากันก่อนจะเริ่มขยับตัวสตาร์ทรถ มุ่งหน้าสู่ร้านของรุ่นพี่ตามที่นัดเอาไว้
ร้าน Forever Tea ตอนหนึ่งทุ่มยังคงคึกคัก ศรณ์เงยหน้าขึ้นจากเคาน์เตอร์เมื่อเห็นเพื่อนสมัยเด็กเดินเข้ามา เขาพยักพเยิดหน้าให้ไปชั้นสองที่ตอนนี้ปิดให้บริการ
ชั้นสองปิดไฟมืดแต่พอเดินพ้นขึ้นบันไดเขาก็เห็นแสงจากภายนอกส่องผ่านกระจกบานโต พี่ศิลป์นั่งเท้าคางมองออกไปนอกกระจกเบื้องหน้าบนโต๊ะมีซองเอกสารสีน้ำตาลวางเอาไว้ มืออีกข้างเคาะนิ้วกับโต๊ะเป็นจังหวะเบาๆเพื่อลดอาการอยากบุหรี่
“พี่สูบมากไปแล้ว”
ดีนทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม ดวงตาจับจ้องซองตรงหน้าไม่วางตา
“พยายามลดอยู่ ศรณ์ก็บ่นเหมือนกัน” เจ้าของผมหยักศกสีดำเสยผมหงุดหงิด เขาขยับแว่นเล็กน้อยแล้วหยิบซองเอกสารขึ้นมา
“ถามได้ไหมดีน”
“ครับ?” ดีนไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองกำมือแน่นแค่ไหน
“ทำไมถึงตามหาสองคนนี้” ศิลป์หยิบเอกสารออกมา ในนั้นมีรูปถ่ายปนอยู่ด้วย
ดวงตาสีเทาอมเขียวมองของในมืออีกฝ่าย สองมือที่กำเอาไว้แทบจิกเข้าเนื้อด้วยความกังวลใจ ดีนหายใจลึกๆ อยู่หลายครั้งก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังรุ่นพี่
“ผมฝัน..” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นบางเบา
“ที่ฝันถึงใครสักคนใช่ไหม ศรณ์เคยพูดถึง” ศิลป์จ้องมองรุ่นน้องกลับ
ดีนพยักหน้า ชะงักมือเมื่อรู้สึกเจ็บ เขาเปลี่ยนเป็นประสานมือไว้บนโต๊ะแล้วเริ่มเล่าให้อีกคนฟัง
“ผมฝันมานานมาก ฝันถึงใครบางคนและผมก็ตามหาเขามาตลอด แล้วผมก็เจอ..” บีบมือตัวเองแรงขึ้น “ตั้งแต่นั้นมาความฝันมันรุนแรงขึ้น ละเอียดขึ้น กินเวลามากขึ้น แล้วผมกับคนคนนั้นก็พบว่าคนในฝันพวกเราชื่อกรณ์กับอิน”
ศิลป์ก้มลงมองรูปถ่ายพลางขมวดคิ้ว ไม่อยากคาดเดาเอาเสียเลยว่าอีกคนนั้นคือใคร
“สิ่งที่ผมค่อนข้างมั่นใจคือ..” เขายกมือตัวเองทำท่าเหนี่ยวปืนข้างขมับ “หนึ่งในสองคนนั้นยิงตัวตาย”
คนนั่งฟังขยับแว่นสายตา กัดริมฝีปากเล็กน้อยรู้สึกหนาวเยือกกับสิ่งที่ได้รู้
“จนครั้งล่าสุดผมเริ่มแน่ใจ” ยื่นมือออกไปที่รุ่นพี่ “ว่าผมคือกรณ์..ที่ยิงตัวตายคนนั้น” เขาจ้องมองไปยังเอกสารในมืออีกฝ่ายที่ตอนนี้มันสั่นจนเห็นได้ชัด “ผม...ขอดูรูปได้ไหม”
ศิลป์ถอนใจหนัก เขาวางรูปบนมือรุ่นน้องปล่อยให้อีกฝ่ายจมกับความทรงจำ
(ต่อรีพลายถัดไป)