คนไม่มี ‘สิทธิ’
ตอนที่ 6
‘ไอ้ศร’
‘ไงเพื่อน มีไรวะ’
‘กูกับน้องชีน...คบกันแล้วนะ’
‘เชี่ย! เห้ยดีใจด้วย พี่ดีใจด้วยนะน้องชีน’
‘ขอบคุณครับ’
‘กูก็คิดอยู่ว่าใครวะที่ทำให้มึงเข้าใจกูเรื่องคบผู้ชาย ที่แท้ก็น้องชีนนี่เอง’
‘กูบอกมึงคนแรกเลยนะ’
‘ก็ถ้าคนใกล้ตัวมึงกับน้องที่สุดอย่างกูรู้เรื่องเป็นคนสุดท้าย กูจะถอนตัวจากละครเวทีคณะมึงแน่’
‘ความจริงคือกูกลัวเพื่อนคนอื่นไม่เข้าใจกูด้วย’
‘มึงลืมไปแล้วเหรอว่ามึงไม่ใช่คนแรกในกลุ่มที่มีแฟนเป็นผู้ชาย’
‘เออว่ะ’
‘ให้กูนัดให้ไหมล่ะ จะได้รู้พร้อม ๆ กัน’
‘ชีนว่าไงครับ’
‘น้องชีนไม่ต้องกลัวนะ เพื่อนพี่มันน่ารัก ไม่กัดหรอก’
‘งั้นก็แล้วแต่พี่ฟ้าเลยครับ’“ไม่เจอกันนาน สบายดีไหม” ธรรมศรเป็นฝ่ายชวนคุยก่อนหลังจากได้นั่งในบริเวณสำหรับรอเครื่องดื่มแล้ว
“ไม่เจ็บไม่ไข้ครับพี่”
หน้าตาไม่สดใสแปลกไปจากทุกที นั่นคือสิ่งที่ธรรมศรสังเกตได้ เมื่อก่อนเจอกันกี่ครั้งไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะได้รับพลังงานลบจากรุ่นน้องคนนี้ เจ้าตัวมีแต่ความสดใสให้คนรอบข้างเสมอแม้ในยามที่เจอเรื่องทุกข์ยากก็ตาม
“อืม แล้วเรื่องชีนกับไอ้ฟ้า พี่ถามได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
“เรา...จบกันไปนานแล้วครับ”
“เกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นที่ไอ้ฟ้ารถคว่ำ ชีนยังดูแลมันอย่างดีเลยนี่…” ธรรมศรไม่ทันรอฟังคำตอบจากชิโนรสก็เผยสันนิษฐานของตัวเองออกมาเสียก่อนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างจากการแจ้งข่าวของเพื่อนฝูงไปถึงคนต่างแดนอย่างเขา “...หรือว่าเรื่อง--”
“เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว ขอไม่ลงรายละเอียดได้ไหมครับ” ชิโนรสแทรกตัดบท
ธรรมศรจำต้องหยุดความสงสัยเอาไว้แค่นั้นแล้วพยักหน้ายอมรับ
“รู้แค่ว่าตอนนี้เขาจำ
น้องชีนไม่ได้ และเราอยู่ในฐานะเพื่อนร่วมงานกันก็พอครับ”
“ไม่คิดเหรอว่าเท่าฟ้าควรได้รู้ความจริง อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าชีนไม่ได้อยากทิ้งเขา”
“บางเรื่อง...เขาลืมเสียได้ก็ดีแล้วครับ”
“...”
“อีกอย่าง ถ้าเขาจำผมไม่ได้ ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องไปฟื้นเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมาบอกว่าใครผิดใครถูกเพื่อให้เกิดความบอบช้ำใจกันอีกหรอกครับ”
ธรรมศรไม่รู้จะพูดอย่างไร ด้วยเพราะยังไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดดี จึงได้แต่ตบบ่าให้กำลังใจเพราะเท่าที่ดู ชิโนรสก็คงเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยทีเดียว
ชิโนรสยิ้มขื่น ยิ่งได้เห็นแหวนเงินกลมเกลี้ยงที่นิ้วนางข้างซ้ายของอีกฝ่ายก็ยิ่งขื่นขมเพราะวันวาน “พี่ศรกับพี่โอมแต่งงานกันแล้วเหรอครับ”
ธรรมศรดึงมือกลับแล้วยกมือขึ้นมองแหวนยิ้ม ๆ “ไม่เชิง แค่ใส่ไว้กันสาว ๆ น่ะ คนมีเจ้าของแล้วก็ควรทำนี่เนอะ เดี๋ยวโอมมันของขึ้นอีก” ประโยคหลังธรรมศรพูดเสียงเบาลงด้วยท่าทีราวกับหวาดกลัวเมื่อพูดถึงคนรักของตัวเองทว่ากลับยิ้มหยอกปิดท้ายให้รู้ว่าแค่แกล้งเท่านั้นไม่ได้มีอะไรน่ากลัวสักนิด
“ดีจังเลยนะครับ”
ธรรมศรยิ้ม รู้ว่าหนุ่มรุ่นน้องหมายถึงอะไร
“ยังไม่ทันได้กาแฟเลย แต่มีคนไลน์ตามซะแล้ว” ธรรมศรว่ายิ้ม ๆ เมื่อเช็คจากหน้าจอสมาร์ทโฟนแล้วพบข้อความของเท่าฟ้า
ชิโนรสไม่ว่าอะไร สองหนุ่มนั่งรออีกครู่หนึ่ง ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเรียกคิวตัวเอง ชิโนรสจึงเอ่ยขึ้นในตอนที่รับแก้วกาแฟมาไว้ในมือแล้วว่า “ผมขอกลับเลยแล้วกันนะครับ”
“เอางั้นเหรอ”
“ครับ ฝากด้วยนะครับ”
เท่าฟ้าจ้องมาที่เขาทันทีที่เยี่ยมหน้าผ่านบานประตู ไม่ต้องถามก็พอรู้ว่าเจ้าตัวจดจ่อกับมันมานานแค่ไหน ไม่ใช่เพิ่งเงยหน้าจากกองเอกสารมามองตอนที่เขาเคาะประตูขออนุญาตแน่
“คุยอะไรกัน”
“ใจคอมึงจะไม่ถามเรื่องกูก่อนเหรอ” ธรรมศรยียวนแสร้งไม่สนใจคำถามของอีกฝ่าย “กูไม่ใช่แค่ลงไปซื้อกาแฟนะ แต่กูคือคนที่เพิ่งเรียนจบกลับมาจากเมืองนอก”
“แล้วเขาไปไหน”
“กลับไปแล้ว” ธรรมศรว่าพลางถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ยิ้มยียวนทีหนึ่งก่อนดูดกาแฟด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับอารมณ์คุกรุ่นของอีกฝ่าย
“กูกับเขา รู้จักกันมาก่อนจริง ๆ เหรอ”
ธรรมศรแสร้งยกข้อมือขึ้นดูเวลา “เจอหน้ากูมาเกือบห้านาทีแล้วยังไม่คิดจะถามเรื่องกูสักคำเลยเหรอ นี่กูจบด็อกเตอร์แล้วนะ ยินดีกับกูก่อนไหม”
เท่าฟ้านิ่งไปหลายอึดใจกว่าจะยอมพูดออกมา “ยินดีด้วย เก่งมากเพื่อน แล้วมึงสบายดีไหม”
ธรรมศรยิ้มรับชัยชนะ แต่แทนที่จะให้คำตอบอย่างที่ร้องขอคำถามมาตลอดกลับเลี่ยงไปพูดอีกเรื่องหนึ่งเสียอย่างนั้น “มึงจำเขาไม่ได้จริง ๆ เหรอวะ”
เท่าฟ้าพิงพนัก นั่งด้วยท่าทีสบายที่ธรรมศรมองอย่างไรก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้ตัวเองอยู่ “กูรู้จักแค่คุณชิโนรส ดีไซน์เนอร์ที่กูร่วมงานด้วย”
“แต่มึงจำกูได้”
“กูก็อาจจะจำใครไม่ได้อีกตั้งหลายคน...แค่กูยังไม่เจอเขาเท่านั้นเอง”
ธรรมศรมองนิ่งทว่าพิจารณาท่าทางอีกฝ่ายอย่างถ้วนถี่
“หรือบางคนกูเจอแล้วแต่เขาไม่พูดและไม่เคยมีใครบอกให้รู้ว่าเรารู้จักกัน”
“น้องชีนไม่บอกมึงเลยเหรอ”
เท่าฟ้าเลิกคิ้ว “น้องชีน?”
ธรรมศรไหวไหล่ “ใช่ น้องชีน ก็กูจำเขาได้ มึงจำไม่ได้ก็เรียก
คุณชิโนรสไปสิ” ชายหนุ่มจงใจเน้นคำเรียกที่บ่งบอกถึงความห่างเหินของอีกฝ่ายให้ชัดขึ้น
เท่าฟ้าไม่สบอารมณ์ แม้จะไม่เจอกันมานานสี่ปีและคนที่อยู่ตรงหน้าอาจไม่ใช่เท่าฟ้าคนเดิมที่เคยรู้จัก แต่ธรรมศรก็มองอกว่าไอ้ท่าทางฟึดฟัดขึ้นจมูกและมือที่เริ่มยกขึ้นมากอดอกคือการแสดงอาการไม่สบอารมณ์
“ตกลงว่าน้องชีนไม่ได้บอกมึงเหรอว่ารู้จักมึง” ธรรมศรแสร้งย้ำคำเรียกอีกครั้ง
เหอะ! น้องชีน
ขัดหูชะมัด!!
“ไม่เคยบอก”
“มึงไม่รู้สึกคุ้นเขาบ้างเลยเหรอ”
“ไม่”
“งั้นก็ไม่ต้องสนใจอะไร” ธรรมศรแกล้งสรุปราวกับไม่มีเรื่องอะไรในอดีตที่น่าสนใจนัก
“แต่กูอยากรู้”
ธรรมศรมองเพื่อนอย่างพิจารณา “เพื่ออะไร”
“เพราะกูอยากรู้ ความทรงจำของกู กูก็ควรมีสิทธิ์ได้รู้ทั้งหมดไม่ใช่เหรอ อีกอย่าง เรารู้จักกันมาก่อนแต่ทำไมตอนเจอหน้าครั้งแรกถึงทักทายเหมือนคนไม่รู้จัก มึงจะไม่ให้กูสงสัยหน่อยเหรอว่าเขากำลังปิดบังเรื่องในอดีตระหว่างกูกับเขาเอาไว้”
ธรรมศรเว้นจังหวะ เลือกใช้คำพูดตามความต้องการของชิโนรสแทนความรู้สึกของตัวเอง “บางเรื่องมึงลืมไปได้ก็ดีแล้ว”
“มึงหมายถึงความสัมพันธ์ของกูกับเขาเมื่อก่อนใช่ไหม”
“มึงกับเขาไม่ได้มีอะไรมากมายหรอก แค่เคยร่วมงานละครเวทีกันเท่านั้น ตอนกลับมาเจอกันอีกมึงจำเขาไม่ได้ เขาก็คงกลัวว่าถ้าทักทายเหมือนรู้จักกันอาจถูกมึงมองว่าปีนเกลียว ทำเป็นรู้จักหวังผลประโยชน์อะไรแบบนั้น...อย่าลืมนะว่ามึงกลับมาจำทุกคนได้ตั้งนานแล้ว แต่อยู่ดี ๆ ก็มีใครไม่รู้มาเนียนบอกว่ารู้จักมึง ขณะที่มึงไม่เคยเห็นเขาในมโนภาพเลย มึงจะโอเคกับเขาเหรอวะ” ตราบใดที่เท่าฟ้ายังไม่ยอมรับว่าจำชิโนรสได้ เขาก็จะไม่พูดอะไรเพื่อเป็นการรื้อฟื้นอย่างที่ชิโนรสต้องการ
เท่าฟ้าพูดไม่ออก
“แล้วทำงานอะไรกันวะ จำเป็นต้องให้เขาย้ายจากหน้าห้องมานั่งในห้องด้วยกันเหรอ” ก่อนเดินเข้ามาธรรมศรได้ถามเรื่องราวของชิโนรสจากเลขาฯ สาวของเพื่อนมาคล่าว ๆ แล้ว และยิ่งได้รู้ก็ยิ่งมั่นใจอะไรบางอย่าง
ธรรมศรไม่รู้ว่าเพื่อนจำคนรักเก่าของตัวเองไม่ได้จริงหรือไม่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่ใจคือเท่าฟ้าคนนี้ชอบชิโนรสอย่างแน่นอน
ก็อก ก็อก ก็อก
เสียงประตูเปิดออกแทบจะทันทีที่เสียงเคาะเงียบลง ธรรมศรหันมองว่าใครกันที่ถือสิทธิ์เข้าห้องนี้ได้โดยไม่ต้องรอให้เจ้าของห้องอนุญาตก่อนและทำให้เขาต้องพลาดคำตอบที่อยากรู้จากเพื่อนรัก
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ พลอยไม่รู้ว่าพี่ฟ้ามีแขก พอดีเลขาฯพี่ไม่อยู่น่ะค่ะ ถ้ายังคุยไม่เสร็จ พลอยลงไปรอข้างล่างนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ เข้ามาเถอะ”
ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ไม่ธรรมดา
“ไอ้ศร นี่พลอย แฟนกู”
นั่นปะไร!
ธรรมศรยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรรับการไหว้ทักทายของเธอขณะสละเก้าอี้ให้เธอได้นั่งแล้วย้ายตัวเองไปยืนพิงขอบโต๊ะข้างเท่าฟ้าแทน โดยไม่ลืมหันไปเลิกคิ้วมองเพื่อนพร้อมคำถามผ่านสายตาว่า ‘แล้วชีนล่ะ”
ทว่าเท่าฟ้ากลับเพิกเฉยแล้วแนะนำธรรมศรให้พลอยรู้จักต่อ “ส่วนนี่ศร เพื่อนสนิทพี่ครับ”
“เพื่อนสนิท? พลอยนึกว่าตัวเองรู้จักเพื่อนสนิทของพี่ฟ้าหมดแล้วนะคะ นี่ยังเหลือคนสนิทของพี่ที่พลอยยังไม่รู้จักอีกไหมคะ” เธอว่าติดตลก
ธรรมศรจุดยิ้มมุมปาก และยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อนสนิท “ไม่มีแล้วครับ”
“น่าดีใจจริง ๆ ที่กูเป็นคนสุดท้าย”
เท่าฟ้าแสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้ากวนประสาทของเพื่อน “พลอยมาหาพี่ถึงนี่มีอะไรรึเปล่าครับ”
“คุณแม่อยากทานข้าวกับพี่ฟ้าน่ะค่ะ พลอยส่งข้อความมาตั้งแต่บ่ายแล้วแต่พี่ไม่อ่านเลยมาหาถึงที่” เท่าฟ้ากระแอมไอเล็กน้อยแก้เก้อเพราะรู้ดีว่าตลอดทั้งบ่ายเขาไม่ได้สนใจอะไรเลยนอกจากคนตัวขาวที่พามาด้วย
“เย็นนี้พี่ไม่ว่างด้วยสิ มีเลี้ยงต้อนรับไอ้ศร”
“เห้ย ไม่เป็นไร มึงไปกับน้องเขาเถอะ เราค่อยนัดกันวันหลังอีกก็ได้”
“ออกมาหาพวกกูบ่อย ๆ นี่ปรึกษาแฟนมึงแล้วเหรอ”
“ถ้ามันบ่นก็แค่ชวนมาด้วย แต่มึงจะปฏิเสธผู้ใหญ่เพราะเพื่อนได้ไงวะ”
“แล้วมึงจะไปยังไง” เท่าฟ้าถามด้วยความเป็นห่วงเพราะเดิมทีนัดกันว่าธรรมศรจะไปพร้อมตน
“กูไปเรียนแค่ไม่กี่ปี ประเทศไทยไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก แค่นี้สบายมาก”
“อือ ฝากแก้ตัวให้กูด้วยแล้วกัน”
“เออ กูไปแล้วนะ พี่ไปนะครับ”
“พลอยขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ”
“อย่ากังวลเลยครับ ไว้เจอกันคราวหน้านะครับ” ธรรมศรบอกลาเธอแล้วยกมือลาเพื่อนอีกครั้งก่อนได้ออกจากห้องไปจริง ๆ
“เราก็ไปกันเลยไหมคะ”
“เอ่อ ขอเวลาสักครู่ได้ไหมครับ”
เธอยิ้ม “ได้สิคะ พลอยลงไปรอร้านกาแฟแล้วกันนะคะ พี่ฟ้าไม่ต้องรีบมากหรอกค่ะ”
เท่าฟ้ายิ้มรับ
ทว่าคล้อยหลังเธอเขาก็ไม่ได้ทำงานที่คั่งค้างอยู่แต่อย่างใด นัยน์ตาดำสนิทเอาแต่เหม่อลอยถึงคนที่หนีกลับไปก่อนโดยที่ไม่ยอมบอกลากันสักคำ
เท่าฟ้าถอนหายใจทิ้งสองสามครั้งก่อนเด้งตัวลุกจากเก้าอี้เตรียมจะออกจากห้อง แต่เพราะเสียงสั่นครืดของเครื่องมือสื่อสารของบางคนบนโต๊ะรับแขกดึงความสนใจไว้จึงต้องเดินเข้าไปดู เห็นรายชื่อคนโทรเข้าแล้วอดไม่ได้ที่จะร้องเหอะด้วยความหมั่นไส้ทั้งที่เจ้าของไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ จากที่ตั้งใจว่าจะรีบลงไปหาหญิงสาวก็เปลี่ยนใจใช้เวลากับของในมือต่ออีกนิดเพราะรูปหน้าจอที่แม้ไม่ชัดนักก็ยังมองออกว่าคือมือของคนสองคนจับกันอยู่โดยมีของสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นขึ้นมาจากรูปคือแหวนแต่งงาน!
ห้าโมงเย็นที่ร้านอาหารบนดาดฟ้าโรงแรมหรูคือสถานที่นัดหมายในวันนี้ ธรรมศรรู้สึกผิดเล็กน้อยที่มาถึงเป็นคนสุดท้ายแต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยตนก็ไม่ต้องรอให้ครบองค์ประชุมเพื่อถามในสิ่งที่อยากรู้มากที่สุดในตอนนี้
“ไงดอกเตอร์เกียรติฯหนึ่ง จะเรียนเก่งไปไหนวะสาส รอพวกกูด้วยครับ” ทัชส่งเสียงทักทายมาเป็นคนแรกก่อนที่ธรรมศรจะทันได้หย่อนก้นลงนั่งเสียอีก
คนที่เพิ่งมาถึงยังไม่ทันได้ทักทายตอบ ใครอีกคนก็แทรกขึ้นมาอีกในตอนที่เขานั่งลงตรงกลางระหว่างกอล์ฟและหนึ่ง “ไอ้โอมไม่มาด้วยเหรอวะ มันยอมปล่อยมึงมาคนเดียวด้วยเหรอ”
ธรรมศรเพิกเฉยต่อคำแซวทั้งเรื่องเรียนและเรื่องคนรักโดยเลือกที่จะพูดในสิ่งที่คาใจตนเองก่อน “พวกมึง...วันนี้กูเจอไอ้ฟ้ากับน้องชีน”
เพียงแค่เกริ่นออกไปทุกคนก็พร้อมใจกันเงียบและหยุดทุกการเคลื่อนไหวจนเขาต้องย้ำอีกครั้ง ก่อนที่กอล์ฟจะเป็นคนได้สติแล้วถามกลับมาเป็นคนแรกว่า “น้องชีนไหน”
“น้องชีน...คณะดีไซน์”
คนฟังพร้อมใจกันกลืนน้ำลายหนืดลงคอ
“แฟนคนที่มันแต่งงานด้วยเมื่อ 6 ปีก่อน”
‘พี่ศรกับพี่โอมแต่งงานกันแล้วเหรอครับ’ครั้งหนึ่งเขาก็เคยแต่งงานกับผู้ชาย...ผู้ชายคนนั้น
แหวนเงินกลมเกลี้ยงต่างขนาดสองวงที่เคยถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างดีตอนนี้กลับมาอยู่ในมือของคนที่เคยสวมใส่มันอีกครั้ง
ทว่าเพียงแค่คนเดียว
และคงไม่มีโอกาสได้ใส่มันอีกแล้ว
แต่เมื่อได้มองมันทีไร ใจเขาก็อดไม่ได้ที่จะหวนนึกไปถึงวันที่ได้สวมใส่มันพร้อมกับคนรัก ชีวิตคู่ที่แสนสุข ทุกภาพทุกท่วงท่าชัดเจนในหัว ทุกอย่างฉายซ้ำเหมือนเดิม รวมถึงภาพในวันที่เขาต้องถอดแหวนออกทั้งน้ำตาและหัวใจที่แตกสลายด้วยเช่นกัน
หยาดน้ำใสกลั่นตัวออกจากตากลิ้งลงบนผิวแก้มโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกด้วยซ้ำ จนกระทั่งเสียงหายใจเริ่มติดขัดเพราะอาการสะอื้นถึงได้รู้ว่าตนได้ร้องไห้ให้กับเรื่องเก่า ๆ อีกแล้ว
ชิโนรสปาดน้ำตาออกอย่างนิ่มนวล เชื่องช้า ทว่าไม่ได้ละเอียดนัก คราบน้ำตาอีกมากมายจึงถูกกำจัดจนหมดในตอนที่สะดุ้งสุดตัวเพราะเสียงเคาะประตูห้องซ้ำในรอบที่สาม
ดีไซน์เนอร์หนุ่มร่างเล็กเก็บแหวนเข้าที่เดิม เช็คความเรียบร้อยของตัวเองอีกนิดก่อนเปิดประตูต้อนรับคนเป็นพี่ที่มายืนหน้าตึงรออยู่นานแล้ว
“ชีน พี่ทั้งไลน์ทั้งโทรหาทำไมไม่รับ รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงมากแค่ไหน” ฮิโรชิห่วงน้องจนแทบบ้า อยากจะทิ้งงานไปหาถึงบริษัทของเท่าฟ้าแต่ก็ทำได้แค่รอเวลาพักกองแล้วโทรหาเท่านั้นเอง ยิ่งเมื่อปลายสายไม่ตอบรับ ใจก็ยิ่งร้อนรนคิดเรื่องของสองคนที่เขาไม่อยากให้อยู่ด้วยกันมากที่สุดไปต่าง ๆ นานา
“ขอโทษครับ ผมไม่รู้สึกเลยว่ามันสั่น...จริงสิ มันไม่ได้อยู่ติดตัวผม อยู่ไหนนะ” ชิโนรสเดินหาไปทั่วห้อง เลิกผ้าห่มยกหมอน ดึงลิ้นชัก หาโทรศัพท์ในทุก ๆ ที่โดยไม่คำนึงว่ามันมีโอกาสจะอยู่ตรงนั้นหรือไม่ ซึ่งนี่เป็นภาพที่ทำให้คนมองรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“ลืมไว้ที่เขา” ฮิโรชิที่ทนดูไม่ไหวรีบบอก ใบหน้าไม่ได้มีความยินดีด้วยสักนิดที่คนน้องได้คำตอบ “ชีน ออกมาเถอะ ไม่รู้ตัวเหรอว่ายิ่งอยู่ใกล้เขา ชีนก็ยิ่งกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนอ่ะ มูฟออนสักทีเถอะ”
เขาไม่รู้ว่าตอนที่ชิโนรสอยู่กับเท่าฟ้าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของคนทั้งคู่ไปถึงไหนแล้ว แต่ถ้าชิโนรสต้องกลับมาอยู่ในสภาพเหมือนคนเลื่อนลอย ตอบสนองราวกับใช้แค่ไขสันหลังและทำตัวร่าเริงฝืด ๆ แบบนี้ เขาก็คิดว่าคงถึงเวลาที่ต้องห้ามอย่างจริงจังเสียที
“คิดมากเกินไปแล้วพี่ชิ เขาจำชีนไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“แต่ชีนจำได้ไง” ฮิโรชิสาวเท้าเข้าไปใกล้คนน้อง “เพราะชีนจำได้ เพราะชีนยังรักเขา ชีนถึงได้พาตัวเองไปอยู่ใกล้เขา อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะว่าวันนี้ชีนดีใจแค่ไหนที่ได้เจอเขา เลิกรักเขาเถอะนะ”
“พี่ชิ” เหมือนเสียงหลงมากกว่าจะต้องการเรียกเจ้าของชื่อ
“อ้อมกอดของเขามันไม่ได้เป็นของชีนแล้ว แต่มันเป็นของคนอื่นที่เหมาะสมกว่านายแล้วชีน หาอ้อมกอดใหม่เถอะนะ ไม่ต้องเป็นพี่ก็ได้ เป็นใครก็ได้ พี่ขอเถอะ”
“พี่ชิ”
น้องน้อยของเขาโผเข้าสวมกอดพร้อมน้ำตาเหมือนในวัยเยาว์ ยามนั้นถูกคนอื่นกลั่นแกล้ง ตัวเล็กแค่นี้สู้อะไรเขาไม่ได้ก็ร้องไห้วิ่งมากอดและให้พี่ช่วย สี่ปีก่อนถูกทำให้แตกสลาย ทนสู้จนหมดหนทางก็ร้องไห้เดินเข้ามาสู่อ้อมกอดเขา มาวันนี้ คงกลายเป็นเขาเองที่ตัดความหวังของน้องจนเจ้าตัวต้องเจ็บปวดอีกครั้ง อกของเขาถึงได้ซับน้ำตาของชิโนรสอยู่อย่างนี้
“พี่กับคุณแม่ลินดาไม่อยากเห็นชีนเจ็บอีกนะ ชีนก็รู้ว่าทำไมชีนกับเขาถึงไม่มีทางลงเอยกันได้อีก เพราะฉะนั้นอย่าเอาใจไปผูกกับเขาอีกเลยนะ”
“ฮึก ชีนรู้” ศีรษะกลมผงกขึ้นลงอยู่ตรงอกของเขา กายเล็กสั่นเทาขึ้นจนต้องกระชับกอดให้แน่นกว่าเดิมเพื่อปกป้องไว้
กอดเอาไว้ก่อนที่ร่างนี้จะกลับมาสู่อ้อมกอดเขาด้วยใจที่แหลกสลายอีกครั้ง
อาหารชั้นเลิศทั้งเมนูแนะนำของร้านและจานโปรดของเพื่อนในกลุ่มวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะแต่ไม่มีใครคิดจะแตะต้องมันเลยสักนิด อย่างมากก็แค่จิบไวน์กันเงียบ ๆ เท่านั้น
“ใครก็ได้ช่วยตอบกูด้วยว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น”
“ก็อย่างที่กูเคยบอกมึง ตอนนั้นน้องชีนแพ้คดี” กอล์ฟเป็นคนเล่า
“แล้วไอ้ฟ้าจำน้องได้รึเปล่า”
เมื่อถึงคำถามนี้ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมาแล้วลงท้ายด้วยการพร้อมใจกันพยักเพยิดหน้าส่งสัญญาณให้กอล์ฟเป็นคนเล่าต่อ “พวกกูรู้แค่ว่า ก่อนมันจะตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลวันนั้น คำแรกที่ออกจากปากคือชีน แต่พอตื่นมาแล้วจำใครไม่ได้เลย แม่มันเลยห้าม ไม่ให้พวกกูพูดถึงน้องให้มันได้ยินอีก ยิ่งพอมันจำทุกคนได้แล้วไม่เคยพูดชื่อนั้นออกมาอีกเลย พวกกูก็เลยไม่แน่ใจว่ามันจำน้องได้ไหม”
“หมายความว่ามีแค่มันที่รู้สินะ”
“แล้วมึงไปเจออะไรมา” ทัชถาม
“ไอ้ฟ้าจ้างชีนมาร่วมโปรเจคด้วย ให้เดาก็คงจะเพิ่งเจอกันไม่นานมานี้แหละ”
“เพราะเรื่องงาน?”
“อาจจะ”
“วงการนี้แม่งแคบจังวะ”
“ถ้าเพิ่งเจอกันจริงกูก็ขอสรุปเลยว่าไอ้ฟ้าจำน้องไม่ได้ ถ้าจำได้มีเหรอที่มันจะไม่วิ่งเต้นไปหาน้องตั้งแต่ตอนนั้น จะรอจนเวลาผ่านมานานขนาดนี้ทำไม” หนึ่งออกความเห็น
“กูสงสารชีนเลยว่ะ อยู่ใกล้กันแบบนี้ คนที่จำได้แม่งเจ็บหนักเลย”
“ก็เอาเรื่องอยู่” คนที่มีโอกาสได้เจอชิโนรสคนเดียวในกลุ่มสรุปออกมาสั้น ๆ ที่ทำเอาทั้งวงสนทนาสลดใจ ไม่มีใครไม่รับรู้ว่าเมื่อก่อนความรักของคนทั้งคู่หอมหวานแค่ไหน และไม่มีใครในที่นี่ไม่ได้เป็นสักขีพยานให้กับความรักของคนทั้งคู่ในวันที่ตกลงใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
‘พี่ฟ้า…’
เจ้าของชื่อนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง รอบกายยังเต็มไปด้วยสารพัดเครื่องมือทางการแพทย์ที่ช่วยยื้อชีวิตเขาเอาไว้ แต่กลับไม่มีการตอบสนอง ไม่มีความรู้สึก ต่างจากคนที่อยู่ข้างกายอย่างเขา
‘พี่ฟ้า’ เขายังคงร้องเรียกคำเดิม ๆ อย่างทุกวัน ทว่าวันนี้เสียงแผ่วจนเกือบจะขาดใจ ‘ตื่นสิครับพี่ฟ้า ตื่นขึ้นมาหาชีนนะ’
‘ชีน พอเถอะ’ ใครสักคนที่อยู่ในห้องนี้ด้วยบอกขณะที่พยายามดึงตัวเขาออกจากร่างคนป่วย
‘พี่ฟ้าตื่นมาบอกทุกคนสิครับว่าเรารักกัน ตื่นมาพูดสิครับว่าเราจะอยู่ด้วยกัน พี่ฟ้า… ฮึก ตื่นมาบอกสิครับว่าชีนมีสิทธิ ฮือ’ เขาไม่อยากร้องไห้ แม้เท่าฟ้าจะยังไม่ตื่นขึ้นมาแต่เขารู้ว่าคนรักไม่ชอบเห็นเขาร้องไห้ แต่วันนี้สุดจะทนแล้วจริง ๆ
‘เราต้องไปกันแล้วนะชีน ไปเถอะ’
สุดท้ายร่างที่อ่อนแรงอย่างเขาก็ไม่อาจต้านทานแรงของอีกคนได้อย่างที่ใจต้องการ สิ่งที่ทำได้คงมีแค่เปล่งเสียงเรียกอย่างโหยหาครั้งสุดท้ายก่อนที่ภาพคนรักบนเตียงผู้ป่วยจะลับตาไป
‘พี่ฟ้า’
“พี่ฟ้า!!”
ชิโนรสหอบแฮ่ก จังหวะการเต้นของหัวใจและเม็ดเหงื่อมากมายบนใบหน้าและลำคอราวกับคนที่ไม่ออกกำลังกายเลยอย่างเขาเพิ่งผ่านการวิ่งทางไกลสิบกิโลเมตร
ชายหนุ่มยกมือทาบอกตรงตำแหน่งหัวใจราวกับจะช่วยให้มันสงบได้เร็วขึ้น ทว่าสิ่งที่ไม่ทันได้สังเกตคือหยาดน้ำตาตรงหางตาและรอยชื้นบนปลอกหมอน
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ฝันแบบนี้ อาจจะหายสนิทไปราว ๆ หนึ่งปีเห็นจะได้ คงเป็นเพราะหยิบแหวนออกมาดูเมื่อตอนเย็นถึงได้กลับมาฝันแบบนี้อีก ชิโชรสยิ้มบาง อย่างน้อยครั้งนี้ก็ไม่มีอาการปวดแน่นหน้าอกราวกับจะหายใจไม่ออกอีกแล้ว คงเป็นสัญญาณที่ดีของการจากลาในครั้งนี้ซึ่งคงไม่เจ็บหนักเท่าครั้งก่อน เพราะถึงอย่างไรเขาก็ต้องถอยออกมา ไม่มีทางที่รั้นต่อไปแล้วจะได้สุขสมหวัง
ไม่มีทาง...
...เพราะว่าเขาแพ้แล้ว
กำลังรออยู่เลย…
แทบไม่ต้องรอให้ถึงครึ่งวันเช้าเท่าฟ้าก็ได้เห็นหน้าของชิโนรสที่บุกมาหาถึงห้องทำงานของเขา มุมปากได้รูปยกยิ้มเล็กน้อยก่อนเอ่ยทักทาย “ดีจัง ได้เจอคุณตั้งแต่เช้าเลย”
“ผมมาเอาโทรศัพท์คืนครับ เมื่อวานลืมไว้ที่นี่”
“เหรอ ผมไม่เห็นรู้เลย”
“นั่นไงครับ” ชิโนรสไม่ได้ชี้ให้ดู แต่เขาย่างสามขุมเข้าไปหามันทันที
แบตหมด
หมดได้อย่างไรกัน แบตโทรศัพท์ก็ไม่ได้เสื่อม เมื่อวานก็แทบไม่ได้กดเล่นเลยด้วยซ้ำ วางทิ้งไว้ทั้งคืนอย่างน้อย ๆ ก็น่าจะเหลือยี่สิบเปอร์เซ็นไม่ใช่หรือ
“น้องชีน”ชิโนรสเผลอทำโทรศัพท์หลุดมือตกลงบนโต๊ะเมื่อได้ยินคำที่อีกฝ่ายใช้เรียกตน
“ผมเคยเรียกคุณแบบนี้ใช่ไหม”
เจ้าของชื่อดึงสติแล้วหันกลับมาเผชิญหน้าด้วย “ทำไมถึงคิดแบบนั้น”
“เพื่อนผมบอกว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน และไอ้ศรเรียกคุณแบบนี้ ผมเลยคิดว่าตอนนั้นผมก็น่าจะเรียกคุณว่าน้องชีนด้วยเหมือนกัน”
“ไม่ใช่ครับ คุณเรียกผมว่าชิโนรส เด็กดีไซน์”
เท่าฟ้าหลุดขำ “เรียกซะห่างเหินขนาดนั้นเชียว”
“เราก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากนี่ครับ”
ใบหน้าหล่อเรียบตึงขึ้น “แล้วตอนนั้นผมชอบคุณเหมือนที่รู้สึกตอนนี้รึเปล่า”
“...”
“แล้วตอนนั้นคุณชอบผมไหม”
“ไม่ชอบ…” คราวนี้ชิโนรสตอบทันควัน
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ ผมจะทำให้คุณชอบผมให้ได้”
“อย่าพยายามเลยครับ จะตอนนั้นหรือตอนนี้ ผมไม่มีทาง…” ...กลับไป “...รู้สึกแบบนั้นกับคุณ”
“...”
“ขอตัวกลับก่อนนะครับ”
เท่าฟ้าใช้เวลาพอสมควรในการชั่งใจก่อนจะตัดสินใจถามออกไปแต่ก็ยังไม่นานจนอีกฝ่ายเดินออกจากห้องนี้ไป
“ใช่คุณรึเปล่า...
คนที่ติดอยู่ในความทรงจำของผม”
ชิโนรสพบว่าตัวเองคิดผิดที่หันกลับไปหาเจ้าของห้อง เพราะตอนนี้สายตาของเท่าฟ้าเปลี่ยนไปจากเดิม ไม่มีความว่างเปล่าหรือแพรวพราวเจ้าชู้ใส่อีกแล้ว แต่มันคือสายตาของความอ้อนวอนที่แฝงความตัดพ้อจนชิโนรสเริ่มไม่แน่ใจว่าตนกำลังคุยอยู่กับคุณเท่าฟ้าหรือพี่ฟ้ากันแน่!!
TBC.
-----------------------------------------------
#ฟ้าชีนไม่มีสิทธิ
ด้วยรักและขอบคุณ
ธัญญ์