ต่อ
V
V
V
“สวัสดีครับ”
ทุกคนนั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันที่ห้องรับแขกในบ้านของเจ้าจอมที่ตอนนี้พ่อกับแม่รวมถึงผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งก็นั่งอยู่ก่อนแล้ว พ่อกับแม่มองทุกคนอย่างพิจารณาโดยเฉพาะจุลจักรกับอินทัชที่พวกเขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน
“สวัสดี...ได้ข่าวว่าฉันบอกให้แกมาคนเดียวนะเจ้าจอม” พ่อของเจ้าจอมรับไหว้ทุกคนด้วยการพยักหน้ารับรู้ แล้วก็หันมาเอาเรื่องลูกชายของตน
“ดูข้อความดีๆ ก่อนดีไหมครับ...ในข้อความไม่เห็นจะบอกเลยว่าให้มาคนเดียว ผมก็พาพี่ชายกับแฟนมาด้วยไง”
“เจ้าจอม!!” คนเป็นพ่อขึ้นเสียงดุลูกชาย
“คุณอาครับ” รามินทร์ปรามเสียงราบเรียบทำเอาพ่อของเจ้าจอมถึงกับสงบลงแต่ยังคงสีหน้าไม่พอใจอยู่
“คนไหนล่ะแฟน คนที่ขาเดี้ยงหรือว่าคนที่นั่งข้างแก”
“คนไหนพ่อก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่ครับ”
“งั้นอีกคนแกพามาทำไม?”
จอมพลซักไซ้จะเอาคำตอบจากลูกชายให้ได้ แต่คนเป็นภรรยาก็แทรกขึ้นมาก่อน
“วันนี้แม่กับพ่อนัดคนที่จะให้ลูกดูตัวมาด้วย พี่เขาชื่อมาวิน เขาทำงานเป็นผู้จัดการทั่วไปด้านการผลิตของบริษัทชั้นแนวหน้าของประเทศไทยนะเจ้าจอม รู้จักกันไว้สิ” เจนจิราพูดกับลูกชายแนะนำคนที่นั่งข้างเธอโดยไม่สนว่าลูกจะพาแฟนมาด้วยก็ตาม
ถ้าเธอไม่อนุญาตก็อย่าหวังว่าจะได้สมหวัง
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องจอม” มาวินยิ้มทักทายเจ้าจอมไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เจ้าจอมเห็นแบบนั้นก็ไม่อยากจะเสียมารยาทยิ้มกลับไป
“สวัสดีครับ”
“เจอตัวจริงน่ารักกว่าในรูปเยอะเลยนะครับเนี่ย”
“จ้ะ” เจนจิรารับคำยิ้มๆ พอใจที่ลูกชายไม่ได้เอ่ยขัดอะไรด้วย แต่เหมือนว่าเธอจะดีใจได้ไม่นานเพราะเจ้าจอมก็พูดขึ้นมาว่า
“นี่จักรครับ เป็นคนรักของจอมเอง”
“สวัสดีอีกครั้งนะครับคุณพ่อ คุณแม่” จุลจักรไม่ได้ตั้งใจจะกวนประสาทคนอายุมากกว่าแต่อย่างใดหรอกนะ แต่อินทัชบอกให้เขาพูดแบบนี้ เขาก็ต้องทำตามที่มันบอกน่ะสิ
“ใครเป็นพ่อแม่แก” จอมพลสวนกลับมาด้วยความไม่พอใจ มองร่างสูงใหญ่ตั้งแต่หัวจนปลายเท้าด้วยสีหน้าที่เหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัด
อินทัชที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ก็กระตุกยิ้มเย็นพอจะรู้วิธีการรับมือบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เริ่มทำอะไร
“ก็จักรเป็นแฟนของจอมเรียกพ่อกับแม่ก็ถูกแล้วนี่ครับ” เจ้าจอมตอบ
“ฉันไม่ยอมรับไอ้บ้านนอกแบบนี้หรอกนะ” จอมพลพูด
“นี่มันอะไรกันครับคุณน้า” มาวินหันมาถามเจนจิราอย่างเอาเรื่อง ไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เจ้าจอมแสดงกริยาแบบนี้ต่อหน้าเขา
“ใจเย็นๆ นะจ้ะมาวิน น้องเขากำลังโดนหลงผิดน่ะ”
“เหรอครับ” มาวินก็เชื่อคนง่ายเหลือเกิน หันกลับมามองเจ้าจอมด้วยสีหน้าที่ดูเห็นใจแล้วก็มองรามินทร์ อินทัชและจุลจักรอย่างเหยียดๆ แล้วพูด “น้องจอมครับ ฟังคุณพ่อคุณแม่หน่อยนะครับ ท่านหวังดีกับน้องจอมอยู่แล้วล่ะ”
เจ้าจอมเริ่มไม่พอใจผู้ชายคนนี้เสียแล้วสิ รู้จักกันได้แค่ไม่กี่นาทีก็ทำเป็นสอนเขาแล้ว นี่คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหนหรือคิดว่ามีพ่อแม่ของเขาให้ท้ายแล้วจะพูดอะไรก็ได้งั้นเหรอ
ไม่มีทางหรอก!!
“คุณจะไปรู้อะไรล่ะครับ”
“เจ้าจอม พูดกับพี่เขาดีๆ หน่อย” จอมพลสั่ง หากแต่เจ้าจอมก็ไม่คิดจะเชื่อฟัง
“ไม่ครับ ทีพ่อแม่ยังพูดจาดูถูกคนที่จอมรักเลย ทำไมจอมต้องพูดดีๆ กับคนที่จอมไม่รู้จักด้วย”
“ที่แกนิสัยเสียแบบนี้คงเป็นเพราะอยู่ในที่ที่มีแต่คนนิสัยแบบนี้สินะ”
“คุณอาจะพูดอะไรก็ให้เกียรติคนที่ส่งเสียให้เจ้าจอมเรียนหน่อยก็ดีนะครับ เพราะผมก็ถือว่าเป็นผู้ปกครองของเจ้าจอม และก็ถือว่าเป็นเจ้านายของคุณอาด้วย” รามินทร์ไม่อยากพูดแบบนี้กับญาติผู้ใหญ่หรอกนะ แต่เขาพาดพิงรามินทร์ก่อนเอง
“อาขอโทษด้วย อาไม่ได้ไม่ถึงรามนะ อาหมายถึงใครบางคนต่างหาก” จอมพลหันไปจ้องหน้าจุลจักรที่ตอนนี้ก็มองหน้าแบบไม่หวั่นเกรงอะไรทั้งนั้น
อินทัชเหมือนถูกลืม...แต่ก็ช่างเถอะยังไม่ถึงเวลาล่ะมั้ง
“หมายถึงผมหรือครับ” จุลจักรถาม
“ก็รู้ตัวนี่”
“พ่อเลิกว่าจักรสักทีเถอะครับ พ่อยังไม่รู้นิสัยที่แท้จริงของจักรเลยก็ว่าเขาเอาว่าเขาเอา กับคุณมาวินอะไรนี่พ่อกับแม่รู้จักดีเหรอครับถึงได้ชอบเข้านักหนา”
“เถียงคำไม่ตกฟากจริงๆ ว่าแต่แกแห่มาทำไมตั้งเยอะแยะ แล้วคนที่ใส่เฝือกนี่ใคร” จอมพลถามมองหน้าอินทัชอย่างต้องการคำตอบ
“สวัสดีครับ ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยก็แล้วกันนะครับ ผมชื่ออินทัช ชยอัมรินทร์ นี่เป็นนามบัตรของผมครับ” ร่างโปร่งตอบแล้วยื่นนามบัตรที่ใช้กับลูกค้าหรือคู่ติดต่อทางธุรกิจให้กับจอมพลไป ด้านพ่อของเจ้าจอมที่ได้ยินชื่อก็คุ้นหูมากพออยู่แล้วพอเอานามบัตรไปดูก็เบิกตาโพลง มองหน้าของอินทัชสลับกับนามบัตรก่อนจะส่งนามบัตรให้กับภรรยาตนเองที่นั่งข้างๆ
อินทัช ชยอัมรินทร์
ประธานกรรมการอัมรินทร์ กรุ๊ป
เจนจิราอ่านแล้วก็ตกใจเหมือนกัน เก็บนามบัตรนั้นเอาไว้อย่างดี สร้างความแปลกใจให้กับมาวินและสร้างความพึงพอใจให้กับเจ้าจอมและจุลจักร
“ผมเป็น ‘เพื่อน’ สนิทของจักรแล้วก็เป็นเจ้านายของจักรด้วย ในวันนี้มาเป็นเถ้าแก่สู่ขอน้องจอมให้กับจักรน่ะครับ วันนี้ก็มาคุยดูว่าทางคุณจอมพลกับคุณเจนจิราจะว่ายังไง แล้วค่อยพูดกันเรื่องสินสอดทองหมั้น” อินทัชพูดไปตามบทบาทหน้าที่ที่ตนได้รับมา
“เอ่อ...ครับ” เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ตัวเองคิดและต้องการสองภรรยาก็มองหน้ากันทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่ไมมีหัวนอนปลายเท้า เป็นแค่คนจนๆ คนหนึ่ง ที่พวกเขาได้สืบหาข้อมูลมา จะเป็นถึงเพื่อนและลูกน้องของนักธุรกิจระดับนี้ไปได้
“ผมเชื่อว่าเงินเดือนของจักรจะไม่ทำให้น้องจอมต้องลำบากแน่นอนครับ เพราะตอนนี้จักรมีคอนโดอยู่แถว XX เป็นโครงการของ PLEUNG ราคาก็ตกประมาณแปดห้าสิบล้าน” สิ้นคำพูดของอินทัชก็ทำให้จุลจักรรู้ถึงราคาของคอนโดที่ตนอยู่ทันที เขาหันไปมองเพื่อนอย่างตกใจ
ตอนแรกก็คิดอยู่ว่ามันต้องหลักสิบล้านแน่ๆ เพราะทั้งชั้นมีแค่ห้องของเขากับอินทัช ห้าสิบล้านอัพ ชาติไหนจะใช้หมดวะเนี่ย แต่เงินเดือนที่เขาได้ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ ตอนแรกก็แย้งว่ามันเยอะไป แต่อินทัชบอกว่าสมน้ำสมเนื้อกับความสามารถของเขาแล้ว จุลจักรก็เลยไม่คัดค้านอะไร
“เอ่อ...นายคนนี้น่ะเหรอคะ”
“ครับ...คนนี้แหละครับที่มีคอนอยู่หลักห้าสิบล้าน เงินเดือนหลักแสน” แม้ว่าตอนนี้จะได้หลักหมื่นเพราะเป็นแค่พนักงานทดลองงานอยู่ก็ตามแต่ก็เกินห้าหมื่นล่ะนะ
อภิสิทธิ์ของอินทัชมอบให้จุลจักรเป็นพิเศษ
“หลักแสน!!” สองภรรยาอุทานออกมาพร้อมกันเสียงดัง คนที่เธอจะให้ลูกได้แต่งงานด้วยอย่างมาวินเงินเดือนยังแค่ห้าถึงหกหมื่นต้นๆ เท่านั้นเอง แต่จุลจักรได้หลักแสน
หลักแสน...ก็ยังไม่บอกว่าหนึ่ง สอง สามแสนหรืออาจจะมากกว่านี้ก็ได้
จะว่าไปถ้าให้เลือกทางฐานะการเงิน คนที่จะดูแลลูกชายของเขาได้ดีก็น่าจะเป็นจุลจักร และลูกชายของพวกเขาก็รักนายคนนี้ด้วย
ทั้งสบาย ทั้งมีความสุขแน่ๆ
“คุณน้าครับไหนว่าให้ผมมาพบกับน้องจอมไงครับ แล้วนี่มันอะไรกัน บอกว่าน้องจอมไม่มีแฟน อยากฝากฝังให้ผมดูแล แต่น้องเขาก็มีแฟนแล้วนี่ครับ แถมยังรวยกว่าผมด้วย ถ้างั้นผมก็คงจะไม่มีความหมายสำหรับคุณน้าแล้ว ขอตัวเลยก็แล้วกันนะครับ พี่กลับก่อนนะครับน้องจอม” มาวินพูดกับจอมพล เจนจิราด้วยความไม่พอใจเพราะเหมือนโดนหักหน้าต่อหลายๆ คน ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกจากบ้านหลังขนาดกลางนี้ไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะบอกลาเจ้าจอม ร่างเล็กเห็นแบบนั้นก็คิดว่ามาวินไม่ใช่คนนิสัยไม่ดีเท่าไหร่ ยิ้มให้บางๆ แล้วยกมือไหว้
“สวัสดีครับ”
“ครับ...ไม่ต้องห่วงนะครับคุณน้าผมจะเรียนคุณพ่อคุณแม่ใหม่เอง ว่าผมกับน้องจอมเราเข้ากันไม่ค่อยได้ จะไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวเราต้องแตกหักแน่นอนครับ” ยิ้มให้กับเจ้าจอมแล้วทำหน้าเรียบๆ ให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองคน...
“ขอบใจนะจ้ะมาวิน น้าขอโทษด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ แต่คุณน้าครับ...ถึงคุณน้าจะหวังดีกับน้องจอม แต่อย่าลืมความสุขของน้องจอมด้วยนะครับ พ่อแม่ผมบอกกับผมเสมอว่าเราเลี้ยงลูกมาได้แต่ตัว ชีวิตของลูกก็ให้ลูกเลือกและตัดใจเอาเอง เพราะในวันที่ไม่มีพ่อแม่อยู่แล้วเขาจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง ผมลาล่ะครับ สวัสดีครับ”
มาวินออกไปแล้ว ทิ้งประโยคให้ผู้ใหญ่ที่เคารพได้ฉุกคิด ซึ่งรามินทร์กับเจ้าจอมก็หันมายิ้มให้กันที่เห็นความลังเลของจอมพลและเจนจิรา
“ถ้าฉันอนุญาตให้แต่งกันได้ สินสอดลูกชายฉันเท่าไหร่” เจนจิราถามขึ้น
ยังไงนิสัยกับมุมมองก็ไม่สามารถเปลี่ยนง่ายๆ ได้ภายในวันเดียว แต่ถึงจะได้รักกันเพราะเงิน อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกัน...
พ่อแม่ของเจ้าจอมไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการหน้าตา...จะให้ใครมาดูถูกไม่ได้
“แล้วแต่คุณพ่อคุณแม่จะเรียกเลยครับ”
“ทำงานในอัมรินทร์กรุ๊ป ถ้าเงินเดือนหลักแสนจริงๆ ภายในห้าปี สินสอดฉันขอเป็นเงินสดยี่สิบล้านมากองตรงหน้าในวันหมั้น เดี๋ยววันหมั้นฉันจะหาฤกษ์ให้ แต่ถ้าไม่มียี่สิบล้านมาวันนั้นก็เลิกคบ เลิกเจอกัน ส่วนตอนนี้ฉันฉันจะให้ลูกชายคบกับนายก็ได้” เจนจิรายื่นข้อเสนอเด็ดขาดที่ทำเอาจุลจักรนั่งทำหน้าเครียด ใจเต้นแรงด้วยความกังวลปนดีใจ
ห้าปีต้องหาเงินมาเป็นสินสอดยี่สิบล้าน ยังไม่ท่าทีว่าจะได้เลย แต่ถ้าเขาเรียนตามที่ได้ตกลงกับอินทัชเมื่อคืนก็จะใช้เวลาห้าปี ยังไงก็ยังไม่เห็นว่าจะมีทีท่าจะหาได้เลย
แต่อะไรที่คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันก็เป็นไปได้หมดสำหรับเขา จุลจักรจะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด
“ได้ครับ...ผมตกลง”
“งั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรคัดค้าน จะปล่อยให้คบกันไปก่อนห้าปี” จอมพลเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ยังเรียบนิ่ง เย็นชาอย่างเดิม หากแต่ประโยคที่ว่ายอมให้เราคบกันก็ทำให้เจ้าจอมกับจุลจักรยิ้มออกมาอย่างดีใจ ทั้งสองมองหน้ากันมอบรอยยิ้มให้กัน...
และนั่น มันทำให้จอมพลกับเจนจิราได้เห็นรอยยิ้มของลูกชาย ที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว...
“ขอบคุณนะครับ” เจ้าจอมกับจุลจักรยกมือไหว้ขอบคุณทั้งรอยยิ้มดีใจแบบเด็กๆ
พวกเขาเห็นรอยยิ้มนั้นใสซื่อเหมือนเด็กๆ พาลทำให้นึกถึงเจ้าจอมตอนเด็กๆ ที่เอาแต่ยิ้ม หัวเราะอย่างมีความสุข เด็กใสซื่อบริสุทธิ์ที่พวกเขาประคบประหงมเลี้ยงดูมาด้วยความรัก ความเอาใจใส่ ตอนนี้มีแต่ความหมางเมินห่างเหิน นั่นมันก็เพราะคนเป็นพ่อแม่เอง ที่อยากให้ลูกทำในสิ่งที่ตนอยากให้ทำ เป็นคนในแบบที่พ่อแม่อยากให้เป็น ไม่ได้สนใจเลยว่า...ลูกชายของพวกเขาจะมีความสุขหรือเปล่า
และเพราะความดันทุรัง ครอบครัวเราจึงไม่มีความสุข
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้นะครับ ภายในห้าปี จักรจะต้องหาเงินค่าสินสอดให้ได้ยี่สิบล้านบาทแล้วอีกห้าปีผมจะให้ผู้ใหญ่มาเป็นเถ้าแก่ให้จักรมัน เราไม่อยากให้โดนว่าผมไม่ให้เกียรติท่านทั้งสองน่ะครับ” อินทัชพูดขึ้นมา มองหน้าสองสามีภรรยาที่กำลังจ้องลูกชายคนเดียวยิ้มกับจุลจักรอย่างมีความสุขอยู่แบบนั้น
ดวงตาของท่านฉายชัดถึงความคำนึงโหยหา แต่ก็เป็นคนปากแข็งมีทิฐิกันทั้งคู่
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่คุณอินทัชก็ให้เกียรติพวกเรามากพออยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะครับ”
“ขอบคุณเช่นเดียวกันนะคะที่เอ็นดูลูกชายของดิฉัน”
“เจ้าจอมเป็นเด็กดี เป็นน่ารัก ผมก็รักและเอ็นดูเจ้าจอมเหมือนน้องชายคนหนึ่งน่ะครับ”
“ทำไมถึงได้รู้จักกับรามกับเจ้าจอมได้ล่ะครับ”
“ผมเจอตอนที่ไปพักที่รีสอร์ทน่ะครับก็เลยรู้จักกัน ส่วนจักรนี่เป็นเหมือนผู้มีพระคุณสำหรับผมมากเลย ถ้าไม่มีมัน ผมเองก็ไม่รู้จะมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้หรือเปล่า”
ถ้าไม่มีจุลจักร อินทัชคงจะเป็นบ้า ประสาทแตกแน่ๆ เพราะอย่างน้อยที่ที่โหดร้ายนั้น เขาก็มีเพื่อนอย่างมันและมีเพื่อนอย่างหมอเงิน รวมทั้งเจ้าจอมอีกด้วย
ส่วนตอนนี้...คนที่ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในหัวใจมันเป็นไอ้บ้าข้างๆ นี้ไปได้
“ขอบคุณ” รามินทร์กระซิบข้างหู จนใบหน้าสวยเบี่ยงออกอย่างต้องการเว้นระยะห่าง
“ห่างๆ ไปเลย”
“ทำเป็นรังเกียจ”
จอมพลสังเกตเห็นรามินทร์กับอินทัชที่กำลังกระซิบกระซาบด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนเพื่อนปกติก็ขมวดคิ้วอย่างฉงนใจ หากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไปเพราะจะเป็นการเสียมารยาทต่ออินทัชเอาได้
“คุณอินครับ ผมอยากจะถามอะไรหน่อยได้หรือเปล่าครับ”
“ครับคุณจอมพล”
“ขาคุณอินไปโดนอะไรมาหรือครับ ถึงต้องใส่เฝือก”
“ซุ่มซ่ามน่ะครับคุณอา...ขาก็เลยแพลง”
คนที่ตอบดันไม่ใช่คนที่ถูกโดนถามแต่เป็นคนที่นั่งข้างๆ กับอินทัชต่างหากล่ะ
“อาถามคุณอิน รามจะตอบแทนทำไม”
“ก็ได้คำตอบเหมือนๆ กันนั่นแหละครับ”
“ตามนั้นแหละครับคุณจอมพล ผมซุ่มซ่ามเอง แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีงานจะต้องไปเคลียร์ให้เสร็จ ยังไงขอลาตรงนี้เลยก็แล้วกันนะครับ” อินทัชพูดแล้วยิ้มบางๆ ส่งให้ด้วย
“ครับ...ขอบคุณนะครับที่ให้เกียรติมา เลยไม่มีน้ำท่าต้อนรับเลย คราวหน้าเราจะต้อนรับคุณอินอย่างดีเลยนะครับ ต้องขออภัยด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ สวัสดีครับคุณจอมพล คุณเจนจิรา…ราม ไปได้แล้ว” ประโยคสุดท้ายหันมาสั่งร่างแกร่งที่นั่งข้างๆ รามินทร์ลุกขึ้นเอ่ยปากลาผู้ใหญ่ทั้งสองท่านแล้วพาอินทัชกลับคอนโดไป ทิ้งไว้เพียงเจ้าจอมกับจุลจักรที่ยังคงอยู่ยังไม่กลับไปไหน...
“จะกินอะไรก่อนไหมเจ้าจอม” น้ำเสียงอ่อนโยนของคนเป็นแม่ถามขึ้นมา มันเป็นน้ำเสียงที่เจ้าจอมไม่ได้ยินมันมานานจนตอนนี้ดวงตาร้อนผ่าว น้ำตาจะไหลออกมาด้วยความดีใจ
เจ้าจอมรู้...ว่าแม่กำลังพยายามปรับเข้าหาเขาโดยทิ้งทิฐิที่มีออกไป ส่วนพ่อ เจ้าจอมรู้...ว่ายังไงก็ยากที่จะกลับมาอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อน ก่อนที่จะรู้ว่าเขาเป็นเกย์…แต่ก็รู้สึกได้ในท่าทีที่อ่อนลง
เป็นเพราะเงิน...ที่ทำให้ครอบครัวของเรากำลังประสานรอยร้าวของแก้วเข้าด้วยกัน แม้ว่าแก้วจะไม่เหมือนเดิมก็ก็สามารถทำให้น้ำไม่รั่วไหลได้...
“กินข้าวด้วยกันก่อนไหมลูก” เธอถามย้ำอีกที
“จอมไม่ได้รบกวนเหรอครับ” ถามเสียงสั่น
ทั้งเสียงทั้งประโยคที่ถามมันสะเทือนใจคนเป็นพ่อแม่มากแค่ไหน...เจ้าจอมอาจจะไม่รู้ แต่จอมพลกับเจนจิรารู้...
“พ่อกับแม่...กล้านั่งร่วมโต๊ะกับคนน่ารังเกียจ เป็นตัวสกปรกคนนี้ด้วยเหรอครับ”
เจ้าจอมถามกลับด้วยคำครหาด่าทอที่ผู้เป็นพ่อกับแม่เคยว่าตนเอาไว้ จุลจักรทำได้แค่บีบมือคนรักเอาไว้ให้แน่นส่งกำลังใจผ่านสัมผัสที่อบอุ่นนี้ บอกกับคนรักว่ายังมีเขาอยู่ และจะไม่มีวันทิ้งไปไหน
แต่แล้วเจ้าจอมกับจุลจักรก็ไปนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารโดยที่มื้อนี้แม่ของเจ้าจอมเป็นคนทำมาให้ลูกชาย เจ้าจอมที่เห็นว่าแม่ทำของโปรดมาให้ก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ตักอาหารตรงหน้ารับประทานทั้งที่น้ำตาไหลอยู่ทั้งอย่างนั้น คนเป็นพ่อหันหน้าหนีไม่มองภาพของลูกชายที่กำลังร้องไห้ ส่วนคนเป็นแม่ก็นั่งร้องไห้มองลูกชายที่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารฝีมือเธออย่างเอร็ดอร่อยแม้ว่าจะเต็มไปด้วยน้ำตาที่ใบหน้านั้นก็ตาม
“ฮึก...” เสียงสะอื้นของหญิงสาวและเจ้าจอมดังเป็นระยะ พอกินข้าวเสร็จแล้ว เจ้าจอมก็นั่งร้องไห้มองจานที่เกลี้ยงเกลาเหมือนไม่เคยใช้อย่างนั้นไม่ลุกไปไหน
พวกเขาไม่อยากให้ลูกชายลำบาก...เพราะรักมาก จึงไม่อาจทนเห็นลูกชายต้องตกระกำลำบาก แต่ในเมื่อจุลจักรในตอนนี้สามารถที่จะดูแลลูกชายของพวกเขาไม่ให้ลำบากได้ มันก็ไม่มีอะไรที่จอมพลกับเจนจิราจะต้องคัดค้านอีกต่อไป
อยากให้ลูกได้รู้...ว่าต่อให้พ่อกับแม่ใจร้ายแค่ไหน แต่ก็รัก...
รักมากกว่าชีวิตของตัวเองเสียอีก
“ไม่มีพ่อแม่ที่ไหน ไม่รักลูกของตัวเองหรอกนะ...”
และประโยคสุดท้ายแสนสั่นเครือที่ออกมาจากหัวหน้าครอบครัวก็ยิ่งทำให้เจ้าจอมปล่อยโฮร้องไห้เสียงดังออกมาอย่างไม่อายใคร หันไปซบไหล่คนรักเพื่อเช็ดน้ำตาของตัวเอง จุลจักรก็ลูบไหล่สั่นเทาของร่างเล็ก สลับกับมองพ่อแม่ของเจ้าจอมไปด้วย...
สายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ความหวังดีและอยากขอโทษ...
แม้วันนี้จะยังไม่สามารถเป็นเหมือนเดิมได้ แต่จุลจักรเชื่อว่าสักวันความสัมพันธ์ของทั้งสามคนจะประสานต่อกันติดในที่สุด ยังซะ...สายสัมพันธุ์ทางสายเลือดก็ไม่มีวันตัดขาดได้
“ฝากดูแลหัวใจของเราด้วย”
100%
มาแล้วจ้า นานเลย 5555 เป็นเพียงจินตนาการของยูกิน้า ข้อมูลอะไรผิดพลาด เวอร์วังเกินจริง ขออภัยด้วยจ้า
ที่ผ่านมา ชีวิตวุ่นวายกับสัมมนามาก แต่ก็ผ่านพ้นไปแล้วด้วยดีไม่ต้องซ่อมด้วย เย้ๆ ส่วน อาทิตย์นี้ก็สอบไฟนอลค่า ตั้งแต่เสาร์นี้ก็จะปิดเทอมแรกแล้ว ซึ่งปิดแป๊บเดียวก็เริ่มเทอมสองซึ่งเจอวิจัย ฉะนั้น บอกเอาไว้ก่อนล่วงหน้าว่าคงหายไปอีก ^_^
มีอะไรก็ไปพูดคุย สอบถาม ติดตามข่าวสารที่แฟนเพจได้เลยนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/