12
แม้จะบอกว่าจะต้องไปตรวจงานแต่ก็ไม่คิดว่าหลังจากที่ไคล์ออกจากโรงพยาบาลได้หนึ่งวันไอ้น้องชายก็กลับมาทำงานทันทีทำให้วันรุ่งขึ้นตารางงานเขาต้องกลายเป็นว่าออกตรวจทันที ขับรถกลับบ้านด้วยความเหนื่อยเพราะไม่คิดว่าไอ้น้องชายจะกลับมาทำงานทันทีแบบนี้ นึกว่าจะได้กลับมานัวเนียธารที่บ้านทุกวัน เกิดเป็นไฮด์นี่เหนื่อยจริงๆ
“ทำไมเหนื่อยจังครับ” ธารถามทันทีเมื่อก้าวขึ้นรถวันนี้ร่างสูงมารับเขาช้ากว่าปกติทั้งๆ ที่บอกว่ากลับเองได้แต่พี่ไฮด์ก็ยอมให้กลับเอง
“พี่ต้องไปตรวจงานพรุ่งนี้” บอกเสียงเศร้าเพราะเขาก็เองก็ยังไม่อยากที่จะทิ้งน้องไป
“ทำไมเร็วจังครับ”
“ไปเร็วก็ดีให้มันเสร็จๆ พี่จะได้ไม่ต้องเดินทางไปไหนอีก” ก็ได้แต่คิดว่าจะไม่มีอะไรมาขัดเพราะลางสังหรผมมันตงิดๆ กับอะไรหลายๆ อย่าง หันไปมองธารก็เห็นว่าใบหน้าหวานหมองลงแต่ก็ยังยิ้มให้แล้วจับมือผมไปวางไว้ที่แก้ม
“ไม่เป็นไรครับยังไงพี่ไฮด์ก็อย่าทำงานหนักมากนะครับธารเป็นห่วง” ให้ตายเถอะพระเจ้าทำไมน้องต้องมาทำท่าน่ารักแบบนี้ตอนที่อยู่บนรถด้วยผมฟัดไม่ถนัด อดทนไว้ไฮด์ อดทนไว้ ได้แต่ท่องให้ตัวเองทนไว้กับสิ่งที่น้องทำตัวน่ารักๆ ใส่ ขับรถกลับบ้านไคล์ที่ตอนนี้ผมยึดเอาบ้านหลังนี้เป็นที่เรียบร้อยไอ้น้องชายตัวดีนั่นเป็นคนอนุญาตให้ผมยึดบ้านหลังนี้เอง แต่ห้องของน้องไคล์ก็ยังปิดอยู่ เราสองคนต่างใช้เวลาช่วงเย็นตามปกติที่เคยทำหลังจากทานมื้อเย็นกันเรียบร้อยเราก็ขึ้นห้องมา เพราะต้องเดินทางพรุ่งนี้ข้าวของทุกอย่างธารเลยดูแลจัดกระเป๋าให้
“ช่วงนี้หน้าหนาวพี่ไฮด์ต้องใส่เสื้อหนาๆ นะครับ ธารเอาเสื้อโค้ทใส่ไปให้สองตัวนะครับ” ผมนั่งมองธารที่กำลังจัดกระเป๋าไปและก็กำชับผมเรื่องอากาศหนาว อ่า ทำไมน้องน่ารักจัง พอจัดกระเป๋าจนเสร็จธารก็ลุกขึ้นมาผมก็คว้าตัวน้องแล้วล้มตัวลงนอน ธารขยับตัวนิดหน่อยแล้วก็นอนนิ่งให้ผมลูบหัวต่ออย่างที่เคยทำเป็นประจำ
“ถ้าไปทำงานธารมานอนค้างบ้านนะ แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย” แม้จะรู้ดีว่าน้องดูแลตัวเองได้แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ธารพยักหน้ากับอกเขาแล้วก็เคลิ้มหลับไป ผมก้มลงมองใบหน้าเนียนที่หลับซุกอกแขนเรียวโอบกอดเอวผมไว้แนบริมฝีปากลงหน้าผากเนียนแล้วค่อยหลับไปพร้อมกัน
+++++++++++++
ร่างบางใต้ผ้าห่มผืนนุ่มพลิกตัวไปมาเมื่อถึงเวลาปกติมือขาวควานหาไออุ่นของร่างหนาแต่ก็เจอเพียงสัมผัสเย็นชืด นัยน์ตากลมโตกระพริบถี่ก่อนที่จะลืมขึ้นเต็มตา ธารลุกขึ้นนั่งกวาดสายตามองดูรอบๆ กระเป๋าเสื้อผ้าที่เขาจัดไว้หายไปแล้วคงจะออกเดินทางแล้วสินะ ร่างบางลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในห้องน้ำผ่านไปพักใหญ่ร่างชาวโปร่งก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบเอวบาง ปกติไม่มีทางที่เขาจะเดินออกมาแบบนี้หรอกนะ เพราะถ้าขืนออกมาทั้งสภาพแบบนี้พี่ไฮด์ได้พุ่งเข้ามาขย่ำแน่ๆ แม้จะรู้ว่าพี่ไฮด์ต้องการให้เกียรติแต่บางครั้งสายตาของพี่ไฮด์ก็บ่งบอกทุกอย่าง เวลาที่พี่ไฮด์เผลอหรือก็คิดว่าเขาไม่เห็น นัยน์ตาสีฟ้าตามปกตินั้นจะมีประกายทองโผล่ออกมาแม้จะไม่เคยเห็นแต่ก็เคยอ่านเจอพี่ไฮด์ต้องอดทนแค่ไหนกัน
ร่างบางใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กคอยเช็ดผมที่ยังเปียกอยู่ ผมเป็นเบต้าเพราะฉะนั้นเรื่อง...อ่า..เรื่องความรู้สึกแบบนั้นผมยังไม่เคยรู้สึกเลยมีเบต้าบางส่วนที่เป็นฝ่ายสนองต่อความต้องการของโอเมก้ามองเรื่องอย่างว่าเป็นแค่เรื่องระบายความใคร่ แต่สำหรับผมแม้จะเกิดเป็นอะไรผมก็อยากมอบให้คนที่รัก มันคงจะดีกว่านี้ถ้าผมเป็นโอเมก้า
“คิดอะไรบ้าๆ นะธาร” สะบัดหัวเบาๆ ไล่ความคิดฟุ้งซ่าน แล้วหันไปแต่งตัวเพื่อออกไปทำงาน ตั้งอาทิตย์หนึ่งที่จะไม่ได้เจอร่างสูง ไม่ได้นอนพร้อมกับอ้อมกอดอุ่นนั่นทำให้ผมไม่ชินจริงๆ หลังจากปิดประตูบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ค่อยปั่นจักรยานไปที่โรงเรียน
“นีออนอย่าแกล้งเพื่อนสิครับ” ผมได้แต่ร้องเสียงอ่อยเมื่อเด็กแสบแห่งห้องคอยแต่จะแกล้งเด็กผู้หญิง จริงๆ ก็ไม่ได้แกล้งอะไรจริงจังเพียงแต่ตอนนี้มันเวลานอนนะสิ ถ้ามัวแต่เล่นคงไม่ได้นอนกันพอดีหลังจากปรามเด็กแสบลงก็เดินไปปิดม่านพอให้แสงสลัวๆ จับเด็กแสบให้นอนลงบนเบาะของตัวเองห่มผ้าให้แล้วก็ตบเบาๆ ที่อก
“หลับได้แล้วเด็กดื้อ”
“อือ ผมยังไม่ง่วง” ตาจะปิดอยู่แล้วยังบอกไม่ง่วง ดื้อจริงๆ แต่พอลูบหัวเบาๆ พร้อมกับฮัมเพลงกล่อมไปด้วยไม่นานก็หลับไป
ถึงแม้พี่ไฮด์จะบอกว่าไม่เป็นไรแต่เป็นผมเองที่คิดอยากจะมีลูก บางครั้งผมก็คิดว่าจะเป็นยังไงนะถ้ามีลูกกับพี่ไฮด์ ลูกจะหน้าตาเป็นแบบไหน ถ้าเป็นอัลฟ่าจะหน้าตาเหมือนพี่ไฮด์ไหม
อ่า
“คิดอะไรของเรานะธาร” พอคิดไปคิดมาก็รู้สึกร้อนที่หน้าขึ้นมาเฉยๆ ไม่ไหวเลยนะธารฟุ้งซ่านไปเองเขินเองก็ได้อีก หลังจากที่ตบตีเรียกสติตัวเองเรียบร้อยก็กลับมาทำงาน พอถึงเวลาเลิกเรียนก็คอยส่งเด็กๆ ให้ผู้ปกครองจนกระทั่งเด็กคนสุดท้ายถูกผู้ปกครองมารับผมก็รีบปิดประตูล็อกห้องดูแลความเรียบร้อยแล้วค่อยกลับบ้าน
“เหงาจัง” เมื่อกลับบ้านมาแล้วอยู่คนเดียวก็รู้สึกเหงาหลังจากทานข้าวเงียบๆ ก็ขึ้นห้องทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง ที่ดูเหมือนจะกว้างกว่าเดิมเมื่อไม่มีร่างสูงของพี่ไฮด์นอนอยู่ข้างๆ และผ้าห่มก็ดูไม่อุ่นเหมือนเคย นี่ผมต้องอยู่กับอาการคิดถึงเป็นอาทิตย์จะทนได้ไหมนะ ทั้งๆ ที่เคยอยู่คนเดียว นอนคนเดียว กินคนเดียวแต่ไม่เหงาเท่าตอนนี้ด้วยซ้ำ ทนวนเวียนอยู่แบบนี้สองวันนี้ก็เป็นวันหยุดผมเลยอยู่ที่บ้าน ตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อรดน้ำต้นไม้ และทำความสะอาดบ้าน เล็กๆ น้อยก่อนที่จะทานอาหารแล้วขึ้นไปบนห้อง เพราะรู้สึกแปลกๆ
“อึก..ปวดจัง” อาการปวดท้องน้อยที่ตอนแรกมันแค่เจ็บเบาๆ ตอนเช้าแต่ตอนนี้มันกลับปวดมากจนผมแทบยืนไม่ไหว ทีแรกคิดว่าเพราะกินข้าวไม่ตรงเวลาแต่ตอนนี้มันกลับไม่ใช่ ผมฝืนตัวเองลุกขึ้นลงไปล็อกประตูให้เรียบร้อย เดินกลับขึ้นมาก้าวเข้ามายังไม่พ้นประตูห้องผมก็ต้องทรุดลง
“อึก....อ๊า..เจ็บ..เจ็บปวด” ใบหน้าขาวซีดเต็มไปด้วยเหงื่อร่างบางบิดไปมากับพื้นเพราะอาการปวดท้องไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน พอรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็เย็นแล้วอาการปวดท้องทุเลาลง แต่มันมีอาการใหม่เกิดขึ้นมา
เกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่
ทั่วร่างรู้สึกร้อนผ่าวและเหมือนว่าทำตามสัญชาตญาณลุกขึ้นไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้ารื้อเอาเสื้อผ้าของพี่ไฮด์ออกมาแล้วขดตัวซุกดมกลิ่นของอัลฟ่าที่ทำให้เขาสงบใจลงได้ นี่ผมเป็นอะไรไป ดวงตาสีน้ำตาลคลอไปด้วยน้ำใสผิวกายขาวแดงก่ำแม้อาการร้อนจะลดลงเมื่อได้อยู่ท่ามกลางกลิ่นหอม แต่ทั่วทั้งร่างกลับกรีดร้องปวดร้าวไปหมด เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ร่างกายผมเกิดอะไรขึ้น
“พี่ไฮด์..” เสียงหวานครางเรียกชื่อคนรักเบาๆ ก่อนที่จะหลับลงเพราะอาการเหนื่อย ความคิดสุดท้ายยังคงวนเวียนอยู่กับร่างสูงที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้
++++++++++++++++++
หลังจากที่เจ้าตัวแสบกินอิ่มนอนหลับพี่โนเอลก็ให้พยาบาลพาคีธออกไปนอนที่ห้องเด็ก ส่วนผมก็ต้องเอนตัวลงนอนเพราะเจ็บแผลผ่าคลอดเพราะนั่งนานเกินไป
“พักนะเด็กดี” พี่โนเอลนั่งลงข้างๆ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบผมเหมือนจะกล่อมให้ผมนอนไม่นานผมก็หลับไปเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวด ที่คุณหมอเอามาให้
โนเอลก้มมองร่างเล็กที่ดูเหนื่อยจากการให้นมและการคลอดลูกระหว่างที่น้องหลับท่านยายและแม่ก็กลับเข้ามาอีกรอบ
“น้องนอนแล้วเหรอ”
“ครับคงเพราะปวดแผล” ลูบผมนิ่มเบาๆ แล้วหันไปตอบคุณแม่
“จะหยุดงานอีกสักครึ่งเดือนไหมหึโนเอลจะได้ดูแลน้อง” ท่านยายที่นั่งอยู่บนโซฟาถามขึ้นขณะที่กำลังจัดผลไม้ใส่จาน เขาหันกลับมามองน้องก่อนที่จะหันไปตอบ
“น้องออกจากโรงพยาบาลผมก็จะกลับไปทำงาน” ท่านยายมีสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงพยักหน้ารับเบาๆ ส่วนคุณแม่ก็ไม่พูดอะไรออกมา หลังจากเตรียมของให้ทั้งสองคนก็กลับไป ไคล์ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เย็นแล้ว พอดีกับนางพยาบาลพาคีธมาทานนมอีกครั้ง แม้จะเจ็บแผลแค่ไหนน้องก็ยังลุกขึ้นมาให้นมลูกด้วยตัวเองโดยมีเขาประคองอยู่ด้านหลัง เพียงแค่เห็นรอยยิ้มกว้างของไคล์เวลาให้นมเจ้าตัวแสบผมก็มีความสุขแล้ว
ตลอดสามวันที่อยู่โรงพยาบาลร่างสูงคอยดูแลเขาอย่างดีจนวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ลุงหมอจะเข้ามาตรวจและจะบอกว่าผมกลับบ้านได้หรือยังพอเที่ยงลุงหมอก็เข้ามาตรวจพี่โนเอลนั่งอยู่ข้างๆ พอลุงเปิดชุดเพื่อดูแผลที่ท้องมือหนาก็บีบมือผมแน่นใบหน้าดูเคร่งขรึมจนลุงหมอแอบยิ้ม
“แผลแห้งดีแล้ววันนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
“ขอบคุณครับลุงหมอ” ผมยกมือไหว้พอตรวจเสร็จพี่โนเอลก็รีบดึงเสื้อปิดหน้าท้องผมทันที จะหวงไปถึงไหนกัน
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ลุงจะไปตรวจที่บ้านนะ”
“ครับ” พอลุงหมออนุญาตพี่โนเอลก็โทรไปบอกที่บ้าน
“ผมเดินเองได้นะครับ” อดไม่ได้ที่จะประท้วงร่างสูงที่อุ้มเขาพาไปห้องน้ำแถมยังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีกด้วยพอเสร็จก็อุ้มมานั่งที่รถเข็นเล่นเอาผมไม่ต้องเดินเองเลย ไม่นานคุณแม่กับเหล่าแม่บ้านก็มาช่วยขนของ
“เดี๋ยวแม่อุ้มน้องคีธเอง โนเอลเข็นน้องเถอะ” และขบวนพาเด็กน้อยกลับบ้านก็เคลื่อนไปที่รถ เมื่อถึงบ้านผมก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในห้องของเรา จากที่เคยมีเพียงเตียงกว้างแต่ตอนนี้มีทั้งเปลเด็ก ทั้งเบาะกว้างที่มีคอกเด็กหุ้มหนังที่ดูท่าทางจะนุ่มน่าดูอยู่อีกมุมหนึ่ง
“คุณแม่สั่งทำนะ” พี๋โนเอลก็ดูจะรู้ว่าผมกำลังสงสัยเลยอธิบายให้ฟังหลังจากอุ้มผมไปนอนที่เตียงแล้ว ส่วนน้องคีธยังหลับอุตุอยู่หลังจากที่พี่โนเอลเดินเอาของไปเก็บก็เดินเข้าห้องน้ำพอออกมาผมก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นชุดที่ร่างสูงใส่
“พี่จะออกไปที่บริษัทนะ” ร่างสูงเดินมาใกล้ก้มลงจูบเบาๆ ที่หน้าผากนูนก่อนทีจะเดินออกไปจากห้อง ดวงตากลมโตหม่นลงก่อนที่เจ้าตัวแสบจะร้องขึ้นเรียกความสนใจผมทันทีเพราแผลเริ่มดีขึ้นเลยลุกขึ้นไปอุ้มคีธขึ้นแนบอก
“ว่าไงครับคนเก่ง ไม่ร้องนะ คุณพ่อแค่ไปทำงานครับเดี๋ยวก็กลับมา” ไม่รู้ว่าพูดปลอบใจลูกหรือปลอบใจตัวเอง ลูกชายตัวน้อยก็เหมือนจะเข้าใจทำปากขมุมขมิบดูท่าจะหิว ผมค่อยๆ ปลดเสื้อประคองลูกให้กินนม แม้จะยังเจ็บอยู่บ้าแต่พอเห็นท่าทางมีความสุขของลูกชายผมก็ยิ้มกว้างจนอิ่มผมก็อุ้มคีธพาดบ่าตบหลังเบาๆ จนได้ยินเสียงเรอเบาๆ
“อิ่มแล้วเหรอคนเก่ง เดี๋ยวไปนอนคุยกันในเบาะดีกว่าเนาะ” อุ้มคีธเดินข้ามคอกกั้นแล้ววางเจ้าตัวแสบลงแล้วค่อยไปขนเอาหมอนและผ้าห่มผืนเล็กมาให้ห่มให้น้องคีธ ผมนอนคุยกับลูกไม่นานเจ้าตัวเล็กก็หลับไปและผมก็หลับตาม
เหงา
ความรู้สึกของผมตอนนี้เหมือนคนที่กำลังอยู่ในห้องมืดๆ ทั้งมองไม่เห็นและหายใจลำบาก ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรใครอีกคนถึงเปลี่ยนไป แม้จะพยายามเข้าใจแต่ในใจก็อดคิดไม่ได้ ว่าการที่ใครอีกคนเปลี่ยนไปเป็นเพราะตัวเขาหรือว่าเพราะใจอีกคนเปลี่ยนไป
เผาะ
“อึก อะไรครับ แม่ไม่ได้ร้องไห้นะ จุ๊ๆ ไม่ร้องครับไม่ร้อง” ปลอบลูกแต่ก็เหมือนปลอบตัวเองมัวปลอบลูกปล่อยให้แก้มยังเปื้อนคราบน้ำตา ตั้งแต่วันที่ออกจากโรงพยาบาลผ่านมาเกือบอาทิตย์ เขายังไม่เห็นหน้าโนเอลเลยสักครั้ง จริงอยู่แม้จะกลับมาบ้านแต่ตอนเข้านอนผมก็นอนพร้อมลูกเมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่มีไออุ่นอยู่ข้างตัวแล้ว พวกคุณแม่บ้านหรือคุณแม่จะบอกว่าพี่โนเอลงานยุ่งแต่ผมก็อดคิดไม่ได้ ยิ่งเมื่อลูกคลอดออกมาแล้วผมยิ่งอดสงสัยไม่ได้ว่าร่างสูงคงพอใจแล้ว ในหัวมีเพียงเรื่องราวร้ายๆ วนเวียน
“ให้ป้าดูแลคุณหนูให้ก่อนไหมคะ คุณไคล์จะได้ทานข้าว”
“ไม่เป็นไรครับผมจะดูลูกเองผมขออยู่กับลูกสองคนนะครับ” พอผมยืนยันที่จะอยู่คนเดียวป้าแม่บ้านก็ยอมที่จะออกไปเมื่ออยู่กับลูกเพียงสองคนบ่อยครั้งที่ผมร้องไห้
“คีธลูกรัก อึก” หากว่าพี่โนเอลต้องการเพียงลูกแล้วผมมีค่าอะไรกัน เหล่าแม่บ้านที่ยืนอยู่ด้านนอกได้ยินเสียงสะอื้นก็ยิ่งเป็นห่วงแม้จะรายงานนายท่านแล้วแต่ก็เหมือนว่าคุณชายจะไม่รู้เรื่องด้วย อดสงสารโอเมก้าน้อยที่อยู่ในห้องไม่ได้ ร่างกายจะทนไหวเหรอ ยังดีที่คุณหนูเล็กเลี้ยงง่ายตอนนี้ไม่ค่อยตื่นยามกลางคืนแต่ถึงอย่างนั้นร่างกายของคุณไคล์ก็ยังผ่ายผอมลงทุกวัน
“นอนนะครับเด็กดี แม่รักหนูนะครับ” กล่อมลูกน้อยนอนหลับเสร็จก็หันมองรอบๆ ห้องที่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง คิดถึงบ้านจัง จะโทรไปหาพี่ไฮด์ก็ติดต่อไม่ได้เห็นว่าไปดูงาน บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของเขา
ก๊อกๆ
“อ๊ะ เข้ามาเลยครับ” รีบเช็ดหน้าตาให้เรียบร้อยก่อนที่ประตูจะเปิดออกคนที่เข้ามาเป็นคุณแม่
“วันนี้หลานเป็นยังไงบ้างจ๊ะ”
“กินแล้วก็นอนครับ” รอยยิ้มที่ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงเวลานี้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“เหนื่อยไหมลูกมีอะไรก็บอกแม่ได้นะ” ผมส่ายหน้าส่งยิ้มกว้างให้แล้วก้มลงมองลูกชายตัวน้อยที่หลับอยู่
“ลงไปเดินเล่นไหมเดี๋ยวแม่ดูหนูคีธให้” และก็เป็นอีกครั้งที่ผมส่ายหน้าปฏิเสธ คุณแม่ก็ไม่พูดอะไรต่อสักพักก็ลุกออกไปข้างนอก
“เป็นยังไงบ้างคะคุณผู้หญิง” หัวหน้าแม่บ้านรีบปรี่เข้าไปถาม เธอร้อนใจจนต้องไปรบกวนคุณหญิงที่กำลังพักผ่อนอยู่เรือนหลังให้มาดูคุณไคล์ด้วยความเป็นห่วง
“หนูไคล์ไม่ยอมออกมาจ๊ะฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี”
“เรียกคุณหมอดีไหมคะ”
“ดีจ๊ะเดี๋ยวโทรเรียกเลยนะฉันจะเข้าไปอยู่กับหนูไคล์เอง” เพราะไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงแม้จะเป็นโอเมก้าเหมือนกันแต่เธอก็ไม่สามารถเข้าใจความคิดของร่างบางได้ เธอจึงเข้าไปชวนหนูไคล์คุยจนกระทั่งถึงเวลาที่เธอต้องไปพัก ก็จะให้หัวหน้าแม่บ้านเข้ามาอยู่แทน ยังดีที่พอมีคนอยู่ด้วยหนูไคล์ก็ดูเหมือนจะปกติดี
“ทานข้าวเถอะคะคุณไคล์” เธอพยายามคะยั้นคะยอให้ร่างบางทานเข้าไปอีกเมื่อเห็นว่าคุณไคล์ฝืนทานจนเกินครึ่งถึงได้ยกชามออกไป
“เดี๋ยวดิฉันดูคุณหนูให้นะคะ” ไคล์พยักหน้าก่อนที่จะหยิบเสื้อผ้าหายเข้าห้องน้ำ คุณหนูน้อยของบ้านช่างเลี้ยงง่ายเหลือเกินน้อยครั้งที่จะร้องไห้งอแง แนอิ่มก็นอนหลับปุ๋ยช่างน่าเอ็นดูจริงๆ พอไคล์อาบน้ำเสร็จก็กลับมาดูลูก ยิ่งนานวันคีธก็ยิ่งกินมากขึ้นบางครั้งเขาก็ต้องตื่นขึ้นมาตอนดึกเพื่อให้นม
“ผมไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมจะนอนพักพร้อมกับน้องคีธเลย” เพราะเห็นสายตาเป็นห่วงผมเลยรีบยืนยันว่าจะพักทันทีพอกล่อมลูกนอนผมก็หลับตามไปทันทีเพราะความเหนื่อยล้า
ร่างสูงที่หอบสังขารตัวเองกลับมาบ้านก็แทบจะเลยวันใหม่แล้วเมื่อเข้าห้องเดินเข้าไปดูที่คอกกั้นเห็นแม่ลูกกำลังหลับสนิทเลยหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำหลังจากเสร็จธุระขายาวๆ ก็ก้าวข้ามคอกกั้นกดจมูกลงหน้าผากเนียนของลูกชายตัวน้อยแล้วล้มตัวนอนข้างๆ ร่างบางที่หลับสนิท จับข้อมือเล็กขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะสวมสร้อยข้อมือที่สั่งทำซึ่งพออยู่บนข้อมือเล็กแล้วช่างเข้ากันจริงๆ
“ฝันดีนะเด็กดี” ขยับเข้าไปนอนชิดโอบกาวดร่างบางไว้แล้วหลับไปพร้อมกัน
********************************
มาม่าอะไร๊ ไม่มี๊ 5555
สั้นไปก็ขอโทษด้วยนะคะ
น้องธารเราเป็นไรไปน่อ อิๆ
อ่านแล้วเป็นไงอย่าลืมบอกเรานะคะ
ขอบคุณทุกคนกำลังใจค่ะ
Chompoo reangkarn กำลังปรับเปลี่ยนนิสัยตัวเองค่ะฮือออ
JokerGirl พี่ไฮด์เราหื่นไม่ธรรมดาแน่ๆค่ะ
หลานเทียน รอลุ้นนะคะ
PrimYJ ขอบคุณมากๆค่ะ
kawisara ถ้าพี่ได้กิน...น้องคงไม่เหลือกระดูกแน่ๆค่ะ
Billie รอลุ้นไปด้วยกันค่ะ