-7-
อากาศเย็นยามเช้าไม่ทำให้เหงื่อผมแห้งเหือดได้สักนิด กลับกัน มันยิ่งออกมากกว่าเดิม และมากขึ้นเมื่อผมมายืนอยู่หน้าห้องทำงานของเจ้าของ Wonder Land แม้จะเคยเข้าไปแล้วก็ตาม แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ผมยกมือเตรียมจะเคาะห้อง พอดีกับมีคนด้านในเปิดออกมาพอดี
“อ่าว” ดีนตกใจที่เปิดประตูมาเห็นผมยืนกำมือค้างอยู่ “คุณหนึ่งรอคุณอยู่พอดี เข้าไปสิครับ” ไม่มีคำตอบอะไรให้ไปนอกจากรอยยิ้ม ดีนยื่นมือมาตบบ่าผมเบาๆ “บอสของที่นี่ ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่อื่นๆ ไม่ต้องกลัวหรอกครับ”
“คุณอยู่กับเขาตลอดก็พูดได้สิ” ปากไวอีกแล้ว คราวนี้ดีนขำออกมา
“เข้าไปเถอะครับ สู้ๆ”
ผมมองตามหลังคนที่เคยพูดจาหาเรื่องผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจออย่างแปลกใจ คนที่เคยคิดว่านิสัยไม่ดี กลับกลายเป็นคนดีมากๆ ซะอย่างนั้น ดีนลงลิฟต์ไปแล้ว เหลือแค่ผมที่ยืนอยู่หน้าห้อง เอาวะ มาถึงนี่ละ อะไรจะเจอก็ต้องเจอ คนข้างในไม่ใช่ยักษ์ใช่มารสักหน่อย จะไปกลัวทำไม ขืนทำอะไรผมละก็...จะฟ้องพี่ไธม์ให้มาจัดการ
เคาะประตูสองสามทีก่อนจะได้ยินเสียงขานรับ ผมค่อยๆ บิดลูกบิดแล้วผลักบานประตูเข้าไป ห้องทำงานเจ้าของอาบอบนวดยังเย็นช่ำเหมือนเดิม เจ้าของห้องนั่งเป็นประธานอยู่หลังโต๊ะทำงาน ใบหน้าคมเข้มเงยขึ้นมาเมื่อผมเดินเข้าไปหา
“มาสายนะ”
“แค่สองนาทีเอง”
มัวแต่ยืนทำใจหน้าห้องนานไปหน่อย นายจักรพรรดิวางปากกาด้ามแพงลงก่อนเอนหลังไปพิงพนัก ดวงตาดุจเหยี่ยวจ้องผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเคาะเรียกความสนใจไปซะก่อน
“บอสเรียกพิมพ์หรือคะ” สาวเนื้อนมไข่ที่ผมเคยเจอเดินเฉิดฉายเข้ามา ก่อนดวงตาที่กรีดอายไลน์เนอร์จะเลื่อนมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกคน
ผมแต่งตัวไม่ดีตรงไหน เสื้อยืด กางเกงยีนส์เนี่ย
“นี่พนักงานใหม่ ช่วยเทรนด้วย” สิ้นคำสั่ง ผู้หญิงที่เข้ามาใหม่ก็จับผมหมุนซ้ายหมุน
“ฝั่งไหนคะ แล้วตำแหน่งอะไร” รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เมื่อถูกมองกราดไปทั่วตัว “แต่ดูหุ่นแล้วคงไม่ใช่มือนวด”
“เชียร์แขก” นายจักรพรรดิบอกเรียบ “ฝั่งนี้”
“ฝั่งนี้? ได้ค่ะ เดี๋ยวพิมพ์สอนงานให้ รับรองเป๊ะแบบที่บอสชอบเลยค่ะ”
“ดี”
ยืนมองเจ้านายลูกน้องคุยกันครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะถูกดึงให้ออกจากห้อง คนเดินนำพาผมมาที่ห้องๆ หนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะมีตู้ล็อกเกอร์ชิดผนังทั้งสองด้าน
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าทำไมบอสถึงรับนายเข้ามา แถมออกปากให้ฉันฝึกด้วยตัวเอง” ผมถูกเดินวนรอบพร้อมสายตาที่มองสำรวจทุกซอกทุกมุม
“ปกติเขาให้ใครฝึกเหรอครับ” อดที่จะถามไม่ได้
“ก็ฉันนี่แหละ แต่ที่แปลกใจคือบอสเรียกฉันไปคุยก่อน ทั้งที่เวลามีพนักงานใหม่มาก็ผ่านมือฉันทุกคนอยู่แล้ว”
“แล้ว...”
“เรียกฉันว่าเจ๊พิมพ์เหมือนคนอื่นๆ ก็แล้วกัน งานของนายก็ไม่ยากอะไรมากหรอกนะ ไม่เหมือนพนักงานอื่นๆ”
“พนักงานอื่นๆ เหรอครับ?”
“ก็พวกหมอนวด เด็กดริ๊ง”
“เขาฝึกกันยังไงเหรอครับ” ถามรัวๆ ด้วยความอยากรู้ ปกติผมเคยเห็นแต่ในละคร ในหนัง ไม่รู้ระบบงานของจริง
“ถ้าความสามารถ คนเรามันก็ต้องฝึกเองบวกกับประสบการณ์ แต่ที่ฉันจะสอนเพิ่มคือจริตที่ทำให้ได้ทิปหนักๆ”
มิน่าล่ะ ความคิดที่แวบเข้ามาในบ้างครั้งของเจ๊พิมพ์แกถึงมีแต่เรื่องอย่างว่า เพราะฝึกเรื่องพวกนี้นี่เอง คงจะเชี่ยวน่าดู สามารถฝึกหมอนวดได้ขนาดนี้
“ว่าแต่ เด็กดริ๊งนี่คือ...” ตั้งแต่มาเหยียบที่นี่ ผมยังไม่เห็นบาร์สำหรับนั่งดริ๊งกินเหล้าเลยสักชั้น มีมากสุดก็ชั้นคาราโอเกะ ที่ดูๆ แล้วก็ไม่น่าจะมีเด็กนั่งดริ๊งคอยให้บริการ
“อยู่ๆ ไปก็รู้เองแหละน่า เดี๋ยวจะเรียกรวมพนักงานก่อนเริ่ม ล็อกเกอร์เปล่าเลขหกสอง ชุดพนักงานอยู่ในนั้นแล้ว เปลี่ยนแล้วเจอกันที่โถงด้านหน้า”
“ครับ”
เจ๊แกร่ายมายาวๆ ก่อนจะเดินเฉิดฉายออกไป เจ้านายลูกน้องเหมือนกันเป๊ะ สั่งๆ แล้วก็ไป ผมยืนหันรีหันขวาง พอดีกับมีผู้ชายตัวผอมบางผิวขาวหน้าตาจิ้มลิ้มจนผมยังมองตาค้าง
“พนักงานใหม่เหรอครับ” คำถามมาพร้อมรอยยิ้มหวาน ผมพยักหน้าลงช้าๆ คล้ายกับถูกสะกด “ยินดีต้อนรับนะครับ”
เลือดเกาดำแทบพุ่งเมื่อคนตรงหน้าถอดเสื้อออกโชว์ผิวขาวเนียน จากที่ได้ยินเรื่องใต้เข็มขัดมาตลอดชีวิตจนอารมณ์เสื่อม ตอนนี้กลับรู้สึกกระชุ่มกระชวยแปลกๆ
ผมยังไม่ตายด้านสินะ
“รีบเปลี่ยนชุดเถอะครับ เดี๋ยวโดนเจ๊พิมพ์ด่าเอานะครับ”
“ขอบคุณครับ” มัวแต่มองคนตรงหน้าจนลืม ผมรีบเปลี่ยนชุดที่อยู่ในตู้ แม้เสื้อจะตัวใหญ่แต่ก็พอใส่ได้ เปลี่ยนเสร็จก็ออกมาด้านนอก เจอคนน่ารักยังยืนอยู่ “ยังไม่ไปเหรอครับ”
“ก็รอคุณนั่นแหละ กลัวหลง”
หน้าตาน่ารักไม่พอ นิสัยยังดีอีกด้วย
เราสองคนเดินออกจากห้องไปพร้อมกันจนมาถึงห้องที่นัดรวม ผมสังเกตเห็นพนักงานที่นี่แต่งตัวไม่เหมือนกัน อย่างผมกับคนข้างๆ ก็สวมเสื้อกั๊กคนละสี
“นายชื่ออะไรเหรอ” ก่อนจะถามเรื่องสงสัย เราก็ต้องผูกมิตรก่อน “เราชื่อกระวานนะ”
“ชื่อน่ารักจัง เราชื่อหอม”
“ชื่อนายน่ารักกว่าเราอีก”
ขนาดชื่อยังเข้ากับรูปร่างและหน้าตา
“ทำไมเสื้อกั๊กนายถึงเป็นสีชมพูล่ะ” ผมมองเสื้อกั๊กสีดำของตัวเองสลับกับอีกคน
“เราอยู่อีกตึกหนึ่งน่ะ ตึกนั้นทุกคนใส่สีชมพูหมด” พยักหน้าลงเมื่อได้รับคำอธิบาย “กระวานไม่อยากไปทำฝั่งนู้นเหรอ ได้เงินเยอะนะ”
“เงินเยอะ?” เออว่ะ ผมลืมถามไปเลยว่าผมได้เงินเดือนเท่าไหร่ “นายได้เงินเดือนๆ ละเท่าไหร่เหรอ” แล้วผมก็ต้องรีบตบปากตัวเองที่เสียมารยาท แต่หอมกลับขำออกมา
“ถามได้เราไม่ถือ” นิสัยก็โคตรน่ารัก “ปกติแล้ว ทุกคนจะได้เท่าๆ กันคือสามหมื่น แต่ถ้าบริการดีก็จะมีทิปติดมือ ขอบอกว่าแขกที่นี่กระเป๋าหนัก ทิปเยอะทุกคน”
ถึงหอมไม่บอกผมก็พอรู้เพราะเจอมากับตัวเมื่อตอนแนะนำหมอนวดให้คราวนั้น ผมกำลังจะอ้าปากถามอีก พอดีกับเจ๊พิมพ์พูดออกไมค์ซะก่อน เลยต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน เรื่องที่พูดก็เป็นเรื่องกฎระเบียบของการทำงาน พร้อมทั้งบอกว่าเมื่อวานใครทำงานไม่ดี ใครโดนลูกค้าคอมเพลน นี่บอกท่ามกลางคนมากมายขนาดนี้เลยเหรอ ไม่คิดว่าคนโดนจะอายบ้างเหรอวะ
“หอมๆ เจ๊พิมพ์เป็นกิ๊กกับนายจักรพรรดิเหรอ” พอถามจบ หอมก็เบิกตาโตตกใจ “ทำไมเหรอ”
“กระวานกล้าเรียกบอสแบบนั้นได้ไง เดี๋ยวก็โดนเรียกไปอบรมหรอก”
“อบรม?” ตีหน้าสงสัยอย่างที่สุด
“ที่นี่นะ ทุกคนไม่มีใครกล้ายุ่งวุ่นวายหรือแม้แต่นินทาบอสเลย”
“สักนิดก็ไม่เหรอ”
“อาจมีบ้าง แต่ก็ต้องที่ลับตาจริงๆ เพราะที่นี่...” หอมมองไปรอบๆ บริเวณจนผมต้องมองตาม “การ์ดที่นี่หูดีมาก แล้วพวกพนักงานเคยคุยกันว่า ต้องมีใครเป็นสายให้บอสสักคน”
ตาโตเมื่อได้รู้ข้อมูลใหม่ แบบนี้ผมคงต้องระวังตัวมากขึ้น ปากยิ่งไวกว่าสมองอยู่
“แล้วสรุปเป็นกิ๊กไหม”
“บอสไม่เคยยุ่งกับพนักงานที่นี่”
“แน่ใจได้ยังไง” ก็ในตู้มีแต่คนเด็ดๆ ทั้งนั้น
“ก็ตั้งแต่เราทำงานที่นี่มา ไม่เคยเห็นบอสตีสนิทกับพนักงานคนไหน ที่เห็นสนิทก็มีดีน เจ๊พิมพ์”
“เขา หมายถึงบอสน่ะ ดุมากเหรอ”
“ก็ไม่ดุหรอกถ้าเราไม่ได้ทำผิด” แล้วหอมก็ยื่นหน้ามาชิดกับผมพลางกระซิบ “เราเคยได้ยินพวกการ์ดคุยกันเรื่องจัดการพนักงานขายความลับด้วย เห็นว่าถูก...” หอมยกนิ้วขึ้นปาดคอตัวเองแทนประโยคสุดท้าย แต่มันก็ทำเอาผมกลืนน้ำลายลำบาก “ที่จริงบอสใจดีนะ มีน้ำใจ ทุกคนที่นี่เลยรักกันมาก”
“หอมก็รักเหรอ” ยิ้มล้อเพื่อนใหม่ที่อายุคงไม่ห่างจากผมมากนัก หอมยิ้มเขินๆ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบ เพราะสิ่งที่ผมได้ยินมันเด่นชัดมากกว่าสีหน้า
เห็นน่ารักแบบนี้ ความคิดร้อนแรงและดุดันใช้ได้เลยนะครับ
มัวแต่คุยกัน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนปิดการประชุม ผมเลยไม่รู้เลยว่าเจ๊พิมพ์แกพูดเรื่องอะไรบ้าง ตอนนี้ทุกคนพากันแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง ผมกำลังจะเดินตามหอมก็ถูกเจ๊พิมพ์ดึงแขนเอาไว้
“ตามฉันมานี่”
“อ่าว ไม่ได้ไปกับหอมเหรอครับ”
“รู้จักหอมด้วยเหรอ นั่นน่ะดาวเด่นตึกนั้นเลยนะ”
ฟังไปก็ไม่รู้ ตึกนั้น ตึกนี้อะไรก็ไม่รู้ ผมเดินตามเจ๊พิมพ์เข้าไปในห้องโถงที่ตอนนี้เปิดบริการแล้ว และก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าทำไมที่นี่ถึงเปิดเช้า ปกติมันต้องเปิดบ่ายๆ ไม่ก็ค่ำไม่ใช่เหรอ
“เจ๊ครับ ทำไมที่นี่ถึงเปิดเช้าล่ะครับ เพิ่งจะเก้าโมงครึ่งเอง” คนถูกผมถามหันมามองก่อนพาผมไปด้านในสุดที่มีห้องกระจก ดูเหมือนจะเป็นห้องทำงานของเจ๊พิมพ์ พอเข้ามานั่ง มุมนี้สามารถมองเห็นเหตุการณ์ด้านนอก แถมยังมีจอทีวีขนาดเล็กนับสิบที่ตอนนี้ภาพบนจอเป็นมุมต่างๆ ภายในโถงนั้น
เห็นแบบนี้แล้ว สายสืบที่หอมว่าคงไม่มีหรอก
“นั่งสิ” ผมนั่งเก้าอี้ตรงข้าม สายตาก็กวาดดูรอบๆ ห้อง “ที่ๆ นี่เปิดเช้า เพราะคลับเป็นธุรกิจครบวงจร ในความคิดของนายหรือคนอื่นๆ อาจคิดว่า อาบอบนวดมีไว้สำหรับผู้ชายเข้ามาหาความสุขทางเพศ ซึ่งนั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ยังมีอีกส่วนที่มีไว้สำหรับนวดคลายเส้นโดยไม่มีการขายบริการ”
“แล้วจะมีคนใช้บริการเหรอครับ”
“มีสิ แถมเยอะด้วย มีทั้งผู้หญิง ผู้ชาย”
“มีผู้หญิงมานวดด้วยเหรอครับ” ตกใจยิ่งกว่าเห็นอุปกรณ์นำเข้าบางอย่างจากญี่ปุ่นที่วางบนหลังตู้ซะอีก
“มีสิ แต่ต้องนัดก่อนล่วงหน้า เพราะพนักงานนวดคลายเส้นของที่นี่เก่งมากแต่มีน้อย” เจ๊พิมพ์ฉีกยิ้มก่อนวางแฟ้มหนาบนโต๊ะ “นี่คือชื่อและประวัติของพนักงานในห้องกระจกทุกคน นายต้องจำให้หมด จำให้ได้ว่า คนไหนมีความสามารถพิเศษอะไร จำไปจนถึงไซส์ชุดชั้นใน”
แทบสำลักน้ำลายเมื่อได้ยิน ผมเบิกตาโตดูแฟ้มหนาๆ บนโต๊ะ “ผมต้องจำหมดแฟ้มนี่เลยเหรอครับ” ว่าหนังสือเรียนหนาแล้วนะ ยังไม่ครึ่งของแฟ้มตรงหน้าผมเลย
“ใช่ ไม่งั้นจะแนะนำให้ลูกค้าได้ยังไง อ่อ ต้องจำหน้าตาให้แม่น เพราะบางคนไปทำหน้าหมอเดียวกัน อย่างกับฝาแฝด” ก็อยากจะขำเสียงฮึดฮัดของเจ๊พิมพ์ แต่มันก็ขำไม่ออก “ให้เวลาแค่สามวันนะ”
“สามวัน?” แทบหงายหลังเมื่อได้ยิน ใครจะไปจำหมดแฟ้มได้
“ทำไม่ได้เหรอ” ท้าทายผมใช่ไหม
“ได้สิ ทำไมผมจะทำไม่ได้” ขอให้ได้อวด ผลจะเป็นยังไงค่อยว่ากัน แต่ผมว่า จำข้อมูลพวกนี้ไปก็ได้ใช้ไม่มากหรอก เพราะสิ่งที่ต้องใช้ มันอยู่กับผมมาทั้งชีวิต
เพิ่งจะเป็นประโยชน์ของมันก็คราวนี้แหละ
ออกจากห้องเจ๊พิมพ์มา ผมก็เดินมานั่งที่เคาน์เตอร์กาแฟ เพิ่งเห็นว่ามีร้านกาแฟเปิดด้วย กลิ่นหอมตลบอบอวลไปหมด พลิกดูข้อมูลของพนักงานนวดแต่ละคน โปรไฟล์บางคนดีจนน่าตกใจ
“ขยันจังนะ...มอคค่าเหมือนเดิม” เสียงทักทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง ดีนยกยิ้มให้พลางหันไปสั่งกาแฟ
“ไม่ได้อยากขยันหรอก แต่มันต้องจำ” ยู่ปากเมื่อข้อมูลในหัวตีกันไปหมด “แล้วคุณ...”
“เรียกผมดีนเฉยๆ ก็ได้”
“ดีนเฉยๆ”
“กวนตีนนะครับ” ด่าผมพลางหัวเราะ “กวนแบบนี้นึกถึงครั้งแรกที่เจอกัน ตอนนั้นถ้าไม่รีบ ผมอาจต่อยคุณไปแล้ว”
“ก็รถผมถูกชน”
“คุณนั่นแหละพุ่งออกมาตัดหน้า”
“มั่ว”
“รถผมมีกล้อง สามารถตรวจสอบได้ถ้าคุณต้องการ”
เถียงไม่ออกเลยทีเดียว ผมส่งเสียงฮึดฮัดเมื่อเถียงไม่ได้ ดีนขำไปจิบกาแฟไป พอดีกับมีสาวหน้าตาจิ้มลิ้มเดินผ่าน แม้ดีนจะเหลือบตามองแค่นิดเดียวเหมือนไม่สนใจ แต่มีบางอย่างที่มันบ่งบอกได้ว่า ดีนสนใจผู้หญิงคนนี้
“สวยเนอะ” หลังจากได้ยินความคิดผมก็ลองถามดู ดีนพยักหน้ารับช้าๆ “พนักงานนวดของที่นี่เหรอ”
“อยู่การเงิน”
“อ๋อ มิน่าล่ะ”
ผมยิ้มล้อจนดีนลุกหนีไป ที่จริงความคิดของดีนก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่อยู่ในที่แห่งนี้ สถานเริงรมที่มีสาวสวยนุ่งน้อย ห่มน้อย แหวกบน แหวกล่างแบบนั้น ใครบ้างจะไม่คิด ร้อยทั้งร้อยในหัวก็มีแต่เรื่องบนเตียงทั้งนั้น ว่าแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มันไม่ง่ายเลยที่จะต้องทนฟังความคิดพวกนี้เป็นพันๆ รอบโดยที่หลีกหนีไม่ได้ แต่ก็ต้องทน ตราบใดที่ยังไม่มีเงินมาใช้ หรือไม่ก็ต้องหาแหวนวงนั้นให้เจอ
“เฮ้อ”
“ถอนหายใจมากๆ ระวังแก่ล่ะ”
เสียงเนือยๆ ดังจากด้านหน้า เจ้าของเสียงยืนปั้นหน้านิ่ง มือล้วงกระเป๋ากางเกงสแลค เพียงแค่นั้น บรรดาสาวๆ ต่างก็หันมามอง
“ถ้าผมแก่ คุณก็แก่หงำเหงือกแล้วล่ะ” สวนกลับทันควัน นายจักรพรรดิยักไหล่ก่อนมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ ผม ดวงตาคมจ้องมองแฟ้มหนาก่อนคิ้วเข้มจะเลิกขึ้น
“จำหมดแล้วเหรอ”
“คนนะไม่ใช่คอมพิวเตอร์จะได้จำหมดในเวลาแค่ไม่กี่นาที”
“ก็เห็นมองที่อื่นไม่สนใจ คิดว่าจำได้หมดแล้วซะอีก”
ผมก็อยากตอบโต้ประโยคนั้นเหมือนกัน แต่บางอย่างมันน่าสนใจมากกว่า อย่างเช่นตอนนี้ที่มีหมอนวดหุ่นดีเดินผ่าน และนายจักรพรรดิก็ยิ้มให้ มันน่าแปลกตรงที่เจ้าของอาบอบนวดไม่มีความคิดใดๆ ลอยมาเข้าหูผม สักประโยคก็ยังไม่มี มันแปลกจนผมสงสัย
“คุณชอบแบบเมื่อกี้ไหม” เมื่อสงสัยก็ต้องลองถามอีก
“เมื่อกี้เหรอ ก็ดีนะ แต่ต้องลดส่วนเกินตรงก้นออกอีกสักหน่อย” ตาโตเมื่อได้ยิน ดูเหมือนเขาจะสังเกตแต่ทำไมไม่มีความคิดหื่นๆ ออกมาล่ะ “ทำไม?”
“ไอ้นั่นของคุณ” ชี้นิ้วไปที่เป้ากางเกงของคนข้างๆ “เสื่อมหรือเปล่า” นายจักรพรรดิก้มมองตามนิ้วผม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตา “ขอโทษที่ผมถามออกไป”
“ของผมก็ปกติดีนะ หรือของคุณเสื่อมล่ะ”
“จะบ้าเหรอ” อยู่ดีๆ ก็หาว่านกเขาผมไม่ขันซะงั้น “ก็ผมแค่...”
ก่อนที่เราจะคุยล้วงลึกมากกว่านี้ ดีนก็เดินเข้ามาขัดซะก่อน
“คุณหนึ่งครับ แขกที่นัดไว้มารอที่ห้องแล้วครับ” คุณหนึ่งของดีนพยักหน้ารับ แต่ก่อนจะลุก ดีนก็รีบเอ่ยปัญหาบางอย่างออกมา “พอดีเขาอยากให้เราจัดคนในสเปคให้ ถ้าเราจัดถูกใจเขาถึงจะตกลงเซ็นต์สัญญา”
“หาคนในสเปคเหรอ” นายจักรพรรดิคิ้วขมวดมุ่นพอๆ กับลูกน้องตัวเอง ดวงตาคมมองไปยังห้องกระจกห้องใหญ่ “เรียกพิมพ์มาซิ”
“ครับ”
พอดีนรับคำเสร็จก็รีบเดินไปหาเจ๊พิมพ์ที่ห้อง ไม่นานเจ๊แกก็เดินเฉิดฉายออกมาด้วยใบหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ผมว่าคงจะรู้เรื่องที่ดีนบอกเมื่อกี้แน่ พอมาถึงแฟ้มที่ผมได้ก็ถูกดึงไป
“พิมพ์ว่ายากนะคะบอส เขาไม่เคยใช้บริการของที่นี่ อีกอย่าง ผู้หญิงที่เขาเคยควงไม่เคยซ้ำแบบกันเลยสักคน” ไม่รู้หรอกว่าเจ๊พิมพ์จะรู้ได้ไง เพราะผมกำลังถูกโจมตีด้วยลีลาบนเตียงของหมอนวดที่เจ๊พิมพ์เปิดดู
ปวดหูมากที่สุด ปวดจนทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้
“เอ่อ ขอโทษนะครับ” พูดจบก็ขยี้หูตัวเองไปมา เอาซะหูอื้อไปหมด “ลองให้ผมช่วยไหม” แล้วสายตาสามคู่ก็หันมาจ้องผมกันหมด
“อย่างนายเนี่ยนะ” เสียงสูงถามมา ผมก็พยักหน้ากลับ “ไม่น่าได้หรอกค่ะบอส งั้นเดี๋ยวพิมพ์...”
“ได้ คุณขึ้นไปกับผม” นายจักรพรรดิขัดทั้งที่เจ๊พิมพ์ยังพูดไม่จบดี “ถ้าทำได้ ฉันจะลดหนี้ให้”
“แหวนคุณอาจไม่หายก็ได้” ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ ผมคิดทบต้นทบดอกแน่คอยดู
เราทั้งสามคนขึ้นลิฟต์ไปยังห้องที่แขกมารอ ส่วนเจ๊พิมพ์แยกไปคัดหาหมอนวดฝีมือดีก่อนจะตามขึ้นไปทีหลัง มาจนถึงห้องประชุมใหญ่ มีโต๊ะยาวตั้งอยู่ ซึ่งตอนนี้แขกที่มานั่งอยู่ท้ายโต๊ะ พอพวกผมมาเขาก็ลุกขึ้นยืน
ผมว่า ผมคุ้นหน้าคนๆ นี้นะ
“ขอโทษที่ผมมาช้า” นายจักรพรรดิเดินเข้าไปหาพร้อมยื่นมือไปจับมือที่ยื่นมารอ “คุณกันสบายดีนะครับ”
“ก็เรื่อยๆ เหมือนเดิมนั่นแหละ คุณล่ะสบายดีไหม” แขกของคลับยิ้มแย้มเป็นกันเอง แต่แววตาที่ผมสังเกตเห็น คนๆ นี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว “เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ก็อย่างที่ผมบอกลูกน้องคุณไป ข้อตกลงที่ผมว่า หากทำได้ ผมก็จะนำทัวร์มาลงที่นี่ ซึ่งคุณก็คงรู้ ว่าลูกทัวร์ผมแต่ละคน กระเป๋าหนักและไม่ธรรมดากันทุกคน” คนพูดทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้พลางยกขาขึ้นไขว่ห้างด้วยท่าทางที่สบาย
“ผมทราบครับ” รับคำไม่จบดี เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น คนเข้ามาคือคนดูแลในส่วนพนักงานอย่างเจ๊พิมพ์ที่พาหมอนวดสาวสวยมายืนเรียงรายเต็มไปหมด “นี่คือหมอนวดฝีมือดีของที่นี่”
แขกของอาบอบนวดเดินเข้ามาพลางหรี่ตาสังเกตสาวสวยหุ่นดี เขาเดินวนไปวนมาทำหน้าเรียบเฉยเดาความคิดแทบไม่ออก แต่นั่นสำหรับคนอื่น
“ผมว่า...”
“ขอโทษครับ” รีบขัดขึ้นก่อนที่แขกคนพิเศษจะพูดจบ “ถ้าผมจะขอเลือกให้กับคุณแทนคุณจักรพรรดิ จะได้ไหมครับ” หลังผมพูดจบ คนที่ผมขัดก็ยกมือลูบคางตัวเองพลางพยักหน้า “งั้นผมขอเวลาสักครู่” ว่าแล้วก็รีบดึงแขนเจ๊พิมพ์ออกจากห้อง แม้คนถูกดึงจะฮึดฮัดแต่ก็ยอมเดินตาม
“อะไรของนายฮะ ไม่รู้เหรอว่านั่นคนสำคัญของที่นี่เลยนะ”
“ผมก็เป็นพนักงานของที่นี่นะ เชื่อผมสิ รับรองไม่มีพลาด” ขยิบตาส่งท้าย กระวานซะอย่างนี่เนอะ
ผมใช้เวลาในการหาสเปคแขกคนพิเศษอยู่ไม่นานก็พาคนๆ นั้นขึ้นไป เพียงแค่ผลักบานประตู สายตาทุกคู่ก็พุ่งเข้ามาหา โดยเฉพาะนายจักรพรรดิที่คิ้วขมวดเป็นปม คงจะเครียดมากล่ะสิ ตอนรอน่ะ ผมเดินจูงมือคนที่ผมเลือกเข้าไปยืนตรงหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากทุกๆ คนในที่นี้
“นี่คุณทำอะไรน่ะ” คุณกันที่นายจักรพรรดิเรียกทำเสียงเข้ม แววตาดูไม่พอใจอย่างมาก “คุณล้อเล่นกับผมเหรอ”
“ผมไม่ได้ล้อเล่น” ว่าแล้วผมก็เดินย้อนกลับไปหาหมอนวดสาวสวยที่ยังยืนอยู่ที่เดิม “คนนี้ คุณไม่ชอบเพราะหน้าอกเล็ก แม้สะโพกจะผายก็เถอะ ส่วนคนนี้ คุณก็ไม่ชอบ เพราะหน้าอกโตเกินไป ส่วนคนสุดท้าย ทุกอย่างเพอเฟกหมด แต่คุณก็ไม่ชอบ ผมพูดถูกไหม”
“แล้วรู้ได้ไงว่าผมชอบแบบไหน” ไม่สนรอยยิ้มเยาะที่ส่งมาให้ “คิดเหรอว่าคนที่คุณพามาผมจะชอบ”
“คุณไม่ต้องบอก ผมก็รู้ว่าคุณชอบ”
“ยังไง”
“เวลาคุณเจอคนที่ชอบ หูคุณจะแดง คุณจะกระพริบตามากกว่าปกติ ซึ่งตอนนี้คุณเป็นอยู่”
“คุณสืบข้อมูลผมเหรอ”
“ผมมีเซ้นส์น่ะ” ขยิบตาส่งให้จนคนตรงหน้าขำออกมา สถานการณ์ตึงเครียดในห้องก็เริ่มดีขึ้นเมื่อมีเสียงหัวเราะ “ผมหวังว่าคุณจะทำตามสัญญานะครับ” ว่าแล้วก็ดันคนที่ผมเลือกให้เข้าไปหาและก็ถูกแขนยาวนั่นตวัดโอบเอวทันที “หอมคือเดือนของที่นี่เลยนะครับ”
“แค่เห็นผมก็รู้” พูดจบก็หันไปมองนายจักรพรรดิที่ยังยืนอึ้งกับสิ่งที่เห็นและได้ยิน “สัญญาของคุณส่งให้เลขาผมได้เลยนะครับ”
“ครับ”
ก่อนที่แขกพิเศษของที่นี่จะควงหอมไป ยังมิวายยื่นมือที่ว่างมาเชยคางผมขึ้น “ที่จริงแบบคุณผมก็ชอบนะ”
“คุณไม่ชอบคนอวบผมรู้” คำว่าอ้วนในหัวเขาผมจะข้ามไป
“เซ้นส์ดีอีกแล้วนะครับ”
แล้วทั้งห้องก็กลับมาเงียบอีกครั้งหลังจากแขกของอาบอบนวดออกไปแล้ว หากไม่มีเสียงปรบมือของเจ๊พิมพ์ดังขึ้นมา ผมก็อาจจะลืมไปว่าห้องนี้มีคนอยู่
“ไม่น่าเชื่อ สุดยอดมาก บราโว่” แล้วเจ๊แกก็มาเดินวนๆ รอบตัวผม “นายทำได้ยังไง มันยอดเยี่ยมมาก นายมีตาวิเศษหรือเปล่าถึงได้รู้ว่าสเปคเขาเป็นแบบหอมน่ะ”
“นั่นสิ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย” ดีนเสริมขึ้นมา “ขนาดผมไปสืบมาแล้วยังไม่ได้เรื่องอะไรเลย” แล้วเสียงปรบมือก็ดังมาอีกรอบ เล่นเอาผมเขิน
“ก็อย่างที่บอก ผมมีเซ้นส์น่ะ”
ต้องบอกว่าโชคดีผสมด้วยส่วนหนึ่ง ตอนแรกผมก็พยายามฟังความคิดที่ได้ยิน เผอิญว่ามีเสียงของความคิดที่ผ่านเข้ามา มันทำให้ผมประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ เริ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ คราวนั้นในหัวเขาไม่ได้มีเรื่องพิศสวาทผู้หญิงในอ้อมแขนในความคิดเลยสักนิด อีกทั้งพอมีสาวสวยๆ มายืนต่อหน้า เขาก็แค่วิจารณ์รูปร่างก็เท่านั้น ผมเลยสรุปเอาเองว่า สเปคที่เขาชอบต้องไม่ใช่ผู้หญิง และที่ผมเลือกหอม ก็เพราะเขาชอบคนขาว หุ่นบาง ซึ่งหอมดูตรงที่สุด รู้สึกภูมิใจที่ตัวเองเก่งขนาดนี้
เพราะมัวแต่ทำตัวยืดเมื่อได้รับคำชมจนลืมสังเกตว่า เจ้าของที่นี่ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ดวงตาคมจ้องมองกลุ่มคนที่หัวเราะกันอย่างสนุกสนานด้วยความคิดที่เดาไม่ออก
บางที เรื่องที่คิดว่าไม่มีอะไร ไม่มีใครสนใจ มันอาจจะนำพาความวุ่นวายเข้ามาในชีวิตโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ก็เป็นได้
...TBC