พ่อมดพวกนั้นไว้ใจได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้เอาชนะฝันร้ายของตัวเอง ต้องขอบคุณความบังเอิญที่ทำให้พวกเขาได้มาเจอกับผมที่นอนตายอยู่ในมุมมืดของตึกร้าง ผมถึงได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้
จุดที่พี่เกลจะไม่สามารถเอาชนะผมได้อีกต่อไป
พี่เกลเป็นผู้หญิงสวย สวยมาก สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยพบเคยเจอมา เธอมีผมที่ยาวสลวยดุจเส้นไหม ผมมักเผลอมองมันทุกครั้งเวลาที่พี่เป้งยีมันเล่น ผิวพรรณของเธอหมดจด ทำเอาผมอยากกลับบ้านไปอาบน้ำใหม่ทุกครั้งที่ได้เห็น
มันทำให้ผมรู้สึกสกปรก
มันทำให้ผมรู้สึกอิจฉา
เคยมีเพื่อนผมคนนึง (ซึ่งไม่ได้สนิทกันเป็นพิเศษ) บอกกับผมว่า ‘พระเจ้าช่างลำเอียงนัก’ เหมือนพระเจ้าสร้างพี่เกลขึ้นมาจากความรักใคร่ และสร้างคนอื่นขึ้นมาจากความเกลียดชัง ผมเห็นด้วยแค่ครึ่งเดียวกับทฤษฎีพระเจ้าลำเอียงของเพื่อน เพราะผมเชื่อว่ายังมีใครอีกคนที่พระเจ้าท่านทั้งทรงรักและเมตตา
เขามีชื่อว่าพี่เป้ง
เป็นผู้ชายที่ทุกคนหลงรัก
และอยากได้รักจากเขากลับคืนมา
ผมไม่อาจสรรหาคำไหนมาพรรณนาถึงรูปร่างหน้าตาของพี่เขาได้
สิ่งเดียวที่ผมจะสามารถบอกได้คือ ‘ยังไม่เคยมีใครไม่รักพี่เป้ง’ เขาเหมือนเป็นตัวแทนของทั้งความรักและความหวังดีจากทุกคนบนโลก จนบางทีผมยังอดคิดไม่ได้ว่า... พระเจ้าอาจจะไม่ได้แค่สร้างเขา แต่เขานั่นล่ะคือพระเจ้าที่แอบปลอมตัวลงมาปะปนกับมนุษย์บาปหนาอย่างพวกเรา เพื่อให้คนธรรมดาอย่างเราๆ รู้จักที่จะรัก รู้จักที่จะยอมเสียสละทั้งหมดของชีวิตเพื่อทำให้พี่เป้งยิ้มและสุขใจ
ผมเคยใช้เงินเก็บทั้งหมดที่มีซื้อของที่พี่เป้งอยากได้ มอบให้เขาในวันวาเลนไทน์ในฐานะ ’ผู้ไม่ประสงค์เอ่ยนาม’ เพื่อให้เขาได้ยิ้ม เพื่อให้เขาได้ตื่นเต้นดีใจไปกับสิ่งที่ตนชอบ
หรือบางครั้งผมก็อ้อนวอนขอเงินก้อนจากแม่ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส หาซื้อของขวัญชิ้นใหญ่ในฐานะ ’มิสเตอร์ซี’ เพื่อทำให้พี่เขาเชื่อว่าซานต้ามีอยู่จริง มีอยู่เสมอซานต้ารักเขา และก็จะมอบของขวัญสุดพิเศษให้คนดีๆ อย่างพี่เขาตลอดไป
ผมทำอย่างนั้นประจำในอีกหลายๆ ฐานะ โดยที่พี่เขาไม่เคยรู้ และไม่มีวันที่จะได้รู้
ผมถึงได้เห็นด้วยกับทฤษฎีของเพื่อนผมเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น พี่เกลจะเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวบนโลกนี้ได้ยังไงที่ถูกสร้างขึ้นจากความรักของพระเจ้า ในเมื่อโลกใบนี้ยังมีคนที่แสนดีแสนวิเศษอย่างพี่เป้งอยู่อีกคน
กระทั่ง...
“ทุกคน พี่มีเรื่องสำคัญจะบอก”
“อะไรหรอครับพี่เป้ง”
กาลครั้งหนึ่ง ในวันที่ชมรมการแสดงไม่ได้เต็มไปด้วยความตึงเครียด เจ้าชายที่หล่อที่สุดอย่างพี่เป้งคว้ามือของเจ้าหญิงที่สวยที่สุดอย่างพี่เกลให้ลุกขึ้น และประกาศเรื่องที่ทำให้ทุกคนพากันโห่ร้องด้วยความปิติยินดี
“นับจากนี้ เกลเป็นแฟนพี่แล้วนะ : )”
ทุกคนเอ่ยแซวพี่เป้งกับพี่เกลกันอย่างสนุกสนาน พวกเขาช่างน่าอิจฉาด้วยกันทั้งคู่ที่ได้อีกฝ่ายเป็นแฟน แต่ในขณะเดียวกัน...ก็เป็นเรื่องที่ถูกที่ควรที่พวกเราจะเอ่ยชื่นชมความเหมาะสมของคู่รักคู่นี้
ผมบอกได้เลยว่าวันนั้นคือวันที่มีความสุขที่สุดของสมาชิกชมรมเรา
ทุกคนเลยจริงๆ ครับ
ไม่เว้นแม้แต่ผมที่อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุดเพื่อร้องไห้
ใช่... ผมเสียใจ เสียใจมากเหลือเกินที่พระเจ้าลำเอียงจริงดั่งที่เพื่อนของผมว่า พระเจ้าไม่เพียงสร้างพี่เกลขึ้นจากความรัก พระเจ้ายังสร้างคนที่ดีที่สุดอย่างพี่เป้งมาเพื่อประทานพรแด่พี่เกลอีกด้วย
แต่... แล้วใครกันเล่าจะเหมาะสมกับพี่เป้งเท่าพี่เกล?
ผมหรอ?
ไม่มีทาง... ไม่มีทางเลยที่ผมจะเป็นที่รักของพี่เป้ง ในเมื่อ...ผมคือคนที่พระเจ้าเกลียดชังและไม่แม้แต่จะเมตตา...
มันเป็นความเศร้าที่ปนเปไปกับความเข้าใจความจริงของโลก... ความรักของเขาทั้งคู่คือความยุติธรรม มันคือความถูกต้อง และเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นที่สุดเท่าที่สิ่งใดบนโลกจะเคยมี...
ผมยิ้มแย้มไปกับพวกเขาด้วยในวันนั้น
เก็บซ่อนทุกหยดน้ำตาของตัวเองด้วยความหวาดกลัว ถ้าหากผมร้องไห้... ผมก็คงจะหนีไม่พ้นจากสถานะของคนบาปช้า คนที่เป็นตัวแทนของความอิจฉา และพระเจ้าก็คงไม่มีวันที่จะทรงอภัยให้...
ผมบอกตัวเองนับจากนั้นว่า ’เราคงต้องพอแค่นี้’ การส่งของขวัญแห่งความลับให้กับพี่เป้งในฐานะต่างๆ ควรยุติลงได้แล้ว... เพราะเมื่อได้ลองมีคนที่รัก ของขวัญชิ้นไหนๆ ก็คงไร้ความหมาย จึงอยากที่จะขอมอบขอบขวัญคริสต์มาสในปีนี้เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายเพื่อการจากลา...
“บอกมาซิ ใครคือ ’คนที่จะรักพี่ตลอดไป’ มันเป็นใคร!?”
แต่ทุกอย่างกลับผิดคาด
ของขวัญชิ้นสุดท้ายจากผมในฐานะ ’คนที่จะรักพี่ตลอดไป’ ไม่ได้ทำให้พี่เป้งมีความสุขอย่างที่แล้วๆ มา หากแต่กลายเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาระหว่างควากรักของคนทั้งคู่
พี่เกลกลายเป็นปีศาจร้ายนับจากวันนั้น
เธอพยายามออกล่าหาความจริง เล่นงานผู้หญิงทุกคนที่น่าสงสัย...อย่างโหดร้าย...
ผมต้องทนเห็นผู้หญิงคนแล้วคนเล่าถูกตบ ถูกตี ถูกด่าสาดเสียเทเสียเพื่อให้ยอมรับสารภาพ
ในขณะที่ผมได้แต่เงียบ... และปล่อยให้ความรุนแรงนั้นยังคงดำเนินต่อไป...
“พอเถอะเกล”
“ไม่! เกลไม่พอ!!”
“แล้วเกลจะทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน มันไม่ดีเลยนะเกล”
“ก็จนกว่าเกลจะรู้ว่ามันเป็นใครนั่นล่ะ!”
คนที่ทุกข์ที่สุดคือพี่เป้ง ผมแทบจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มบนหน้าเขาอีกเลยนับตั้งแต่พี่เกลพยายามตามล่าหาเจ้าของของขวัญชิ้นนั้น ของขวัญที่ผมควรจะให้ในฐานะ’มิสเตอร์ซี’ แต่กลับนึกอะไรบ้าๆ ที่อยากจะขอบอกลาและบอกรักในครั้งสุดท้าย
การทะเลาะของคนทั้งคู่หยุดชะงักเมื่อหันมาเห็นผมที่บังเอิญเดินผ่านเข้าไปในจังหวะที่ไม่เหมาะไม่ควร
พี่เกลสะบัดหนีไปด้วยอารมณ์ที่ยังคงกรุ่นร้อน ในขณะที่พี่เป้งทิ้งตัวลงนั่งแถวนั้น แล้วหันมายิ้มให้ผมอย่างเหนื่อยใจ
“ขอโทษด้วยนะคริส”
“ครับ?”
“ขอโทษที่ทำให้ทั้งชมรมวุ่นวายแบบนี้”
ผมกำมือแน่น... อยากตะโกนออกไปว่า ’พี่ไม่ผิด!’ เป็นผมเองต่างหากที่ทำให้ทุกคนเจอกับปัญหา!!
“มันไม่ใช่...”
“จะบอกว่าไม่ใช่ความผิดของพี่งั้นหรอ” พี่เป้งยังคงยิ้ม หากแต่น้ำเสียงเหมือนกำลังเยาะเย้ยตัวเอง ”ผิดสิ ทำไมจะไม่ผิดล่ะ อย่างน้อยๆ พี่ก็น่าจะห้ามอะไรเกลได้บ้างแต่นี่...”
“มันเป็นความผิดของผมต่างหาก!”
“...”
“...”
“หมายความว่าไง”
“ผะ...ผมขอตัวก่อนนะครับ!”
นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสมควรพูด ผมรู้ แต่... ผมทนไม่ได้จริงๆ ที่จะเห็นพี่เป้งต้องโทษตัวเองทั้งที่ไม่ได้ทำผิดอะไร
ผมต่างหากที่ผิด
และคนผิดตัวจริงก็สมควรที่จะได้รับโทษสักที
“พี่เกลครับ”
“ว่าไงจ๊ะ”
พี่เกลยิ้มสวยให้ผม เป็นแบบนี้เสมอเวลาที่คุยกับผู้ชาย และพวกเขาก็จะตกหลุมรักเธออย่างไม่มีข้อแม้
“ผม...”
“จ๊ะ?”
“ผมคือ... ‘คนที่จะรักพี่ตลอดไป’ เองครับ”
พี่เกลถึงกับหุบยิ้ม...
เธอทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ผมพูด ก่อนที่ไม่นานจากนั้นจะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังอย่างถึงขีดสุด แล้วก็...
...เดินจากไปโดยไม่พูดไม่จา
ผมงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่สถานการณ์อย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ ภาพที่ผมคิดคือพี่เกลด่าผม ทุบตีผม และทำให้ผมอับอาย
แต่พี่เกลกลับจากไปอย่างเงียบเฉียบ
เงียบ... เหมือนกับทะเลสงบที่ไร้คลื่นลมแรง...
ผมต้องทนอยู่กับความสงบนั้นกระทั่งหลังเลิกเรียน
ในระหว่างที่ผมกำลังเดินผ่านซอยลัดสำหรับตัดผ่านไปยังท่าเรือ จู่ๆ ก็มีมือใหญ่ๆ คว้าปากผมจากทางด้านหลัง และลักพาตัวเข้ามาในตึกร้างที่อยู่ลึกเข้าไปในทางแยกอีกทาง
พวกมันมากันสองคน ตัวสูงใหญ่ ดุดัน และไม่เป็นมิตร
“พะ...พวกพี่ต้องการอะไร!”
“แล้วมึงไปทำอะไรให้ใครเขาโกรธเข้าล่ะ”
หนึ่งในพวกมันพูดเพียงแค่นั้น ก่อนที่จะพากันเข้ามารุมทำร้ายผมอย่างโหดเหี้ยม
ผมได้แต่ดิ้นพล่านให้กับความเจ็บปวดที่ถูกสร้างขึ้นจากหมัดแล้วหมัดเล่า เสื้อนักเรียนสีขาวเต็มเปื้อนไปด้วยเลือดสดๆ จากทุกรอยแผลรอบตัว
มันเจ็บจนชา... เจ็บจนไม่รู้สึก... แต่พวกมันก็ยังคงซ้อมผมอย่างไม่หยุดยั้ง จนผมถามโพล่งออกไปว่า...
“พี่เกล... พี่เกลใช่ไหม...”
พวกมันชะงัก
หันหน้ามองกันเหมือนต้องการจะปรึกษาว่าควรเอาไงดีกับคำตอบของคนที่พวกมันถูกสั่งให้มารุมซ้อม
“ใช่”
และคำตอบก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้
ภาพของผู้หญิงที่สวยที่สุดฉายชัดในสมองของผม ผมกำหมัดแน่น... หัวใจเต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดชัง นี่น่ะหรอ... คนที่พระเจ้าสร้างมาด้วยความรัก นี่น่ะหรอ...คนที่สมควรจะเป็นที่รักของคนทั้งโลก...
น่าตลกสิ้นดี
ตลกทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่ทำให้เธอได้ในทุกสิ่งที่เธอต้องการ ในขณะที่ผมต้องมาทนเจ็บปวดทั้งกายและใจแบบนี้...
พระเจ้าคงเกลียดผมมาก
มากขนาดที่ผมอ้อนวอน... ก็ยังไม่ทรงปรากฏตัวออกมา...
หนึ่งในพวกมันกระชากหัวผมขึ้น ตั้งท่าจะชกผมต่อ ทว่า...
“ไอ้สัด!”
ผมใช้แรงทั้งหมดที่มีสวนกลับไป
มันคือสิ่งที่ผิดพลาด ผมควรปล่อยให้พวกมันซ้อมจนพอใจแล้วจากไป แต่ผมกลับสู้ เลยยิ่งทำให้พวกมันดูจะเลือดขึ้นหน้ามากกว่าเดิม
ไอ้คนที่ถูกผมต่อย จับผมกระแทกหน้าลงกับพื้นปูนที่เต็มไปด้วยรอยเปื้อนสกปรกของสิ่งต่างๆ ที่หาคำบรรยายไม่ได้
ฟันหน้าของผมหักออกมาสองซี่ ผมปวดไปถึงประสาท... แต่พวกมันก็ยังไม่หยุด มันรุมกันซ้อมผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางครั้งก็หิ้วผมขึ้นมาโยนเพื่อแข่งกันว่าใครจะโยนได้ไกลกว่ากัน
ร่างของผมกระแทกกับพื้นไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
กระแทก... จนผมขาดใจตาย...
ทุกอย่างเงียบ
ผมเหมือนคนที่ถูกตัดออกจากการรับรู้ของโลก... มันว่างเปล่า... ดำมืด...และว่างเปล่า...
กระทั่ง...
“ตื่นเถอะสหาย”
“เฮือก!”
ผมถูกปลุกให้ตื่นด้วยชายสามคนที่แสนจะสง่างาม
พวกเขาหน้าตาเหมือนกันราวกับฝาแฝด ผมยังคงหวาดกลัวอยู่ในตอนแรก กระทั่งได้ทำความเข้าใจว่าพวกเขาคือ ’พ่อมด’ และเป็นคนที่ปลุกผมให้ฟื้นขึ้นจากความตาย
มันคือสิ่งมหัศจรรย์สิ่งเดียวที่เกินขึ้นในชีวิตผม ไม่นับรวมกับการได้รักพี่เป้ง... ผมได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ด้วยสายตาของตัวเองจากการพิสูจน์สถานะของพ่อมดทั้งสาม
ผมเชื่อพวกเขาสนิทใจในตอนที่ร่างกายของผมกลับเป็นปกติอีกครั้งราวกับว่าเหตุร้ายไม่เคยเกิดขึ้น น้ำตาจากความปิติไหลรินออกมาพร้อมกับคำขอบคุณมากมายที่อยากให้พวกเขาทั้งสามได้รับรู้
แต่นั่นไม่ใช่จุดสิ้นสุดของทั้งหมดที่ผมต้องเผชิญ
เมื่อพวกเขาพยายามจะอธิบายต่อไปว่า ไม่มีประโยชน์ที่ผมจะอยู่ในร่างๆ นี้ต่อ ผมเหมือนผีดิบเดินได้ที่ลุกขึ้นมาพูดคุยเพียงแต่ชั่วคราว แค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ผมก็จะจากโลกนี้ไปอีกครั้ง
ผมกลัว
กลัวที่จะต้องกลับไปอยู่ในโลกอันมืดมิด โลกที่ผมจะไม่มีชีวิต...
โลกที่ผมจะไม่มีพี่เป้ง...
ผมพยายามอ้อนวอนร้องขอให้พวกเขาช่วย ทำยังไงก็ได้ให้ผมยังมีชีวิตต่อไป
และหลังจากหารือกันอย่างจริงจัง หนึ่งในพ่อมดผู้สง่างามก็ยื่นข้อเสนอที่จำต้องจ่ายด้วยสิ่งที่แพงเกินกว่าจะประเมินค่าได้
“เราช่วยเจ้าได้สหาย”
“จริงหรือท่าน!?”
“ใช่ แต่งานนี้คงจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
“อะ...อะไรหรอครับ?”
“มาเป็นปีศาจรับใช้ของเรา แล้วเราจะให้ในสิ่งที่เจ้าต้องการ”
สิ่งที่ผมต้องการงั้นหรอ?
แล้วถ้าผมอยากที่จะไปอยู่ในร่างใหม่ ร่างที่หมดจดงดงาม และได้รักจากพี่เป้งสักครั้งล่ะ จะได้หรือไม่
“ได้สิ”
อีกฝ่ายตอบรับความต้องการของผมอย่างไม่เว้นจังหวะคิด
“งั้นตกลง”
ผมไม่จำเป็นต้องชั่งใจ
ถ้าเพื่อให้ได้เป็นที่รักของพี่เป้งสักครั้งในชีวิต อะไรผมก็ยอมทั้งนั้น
ต่อให้ในฐานะปีศาจ... ผมก็ยอม...
นั่นคือเหตุผลทั้งหมดที่ทำให้พี่ผมได้มายืนอยู่ตรงนี้
อยู่บนหลุมศพของพี่เกลที่สั่งให้คนมาทำร้ายผมถึงตาย
ผมเป็นคนฆ่าเธอเอง
ผมฝังเธอทั้งเป็นในหลุมที่พวกพ่อมดเป็นคนขุดเอาไว้ให้ พี่เกลต้องทนสูดดินเข้าไปในปอดจนกว่าเธอจะตาย
จริงๆ เธอพยายามที่จะร้องขอชีวิตจากผมแล้ว แต่ผมให้เธอไม่ได้ ผมปล่อยให้เธอนอนดิ้นอยู่ในหลุมเพื่อรอความตายด้วย ’พลังปีศาจ’ ที่ผมเพิ่งจะได้รับมา
แล้วผมก็ไม่ได้แค่ฆ่าเธอนะ
ผมยังลบความทรงจำของเธอออกจากทุกคนบนโลกใบนี้ด้วย พี่เกลจะได้ไม่ใช่แค่คนที่ตายไปจากโลก แต่จะหายไปเหมือนไม่เคยมีอยู่ จะไม่มีใครเศร้าเพราะเธอ ไว้อาลัยให้เธอ แม้แต่พ่อแม่ของเธอ...ก็จะลืมว่าเคยมีลูกสาวที่ชื่อว่าเกล
นั่นทำให้ผมพึงพอใจ
ใช่ ผมไม่ใช่คนดีอีกแล้ว
ผมกลายเป็นปีศาจ
ปีศาจที่เกิดใหม่จากความตาย
และผมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจกฎเกณฑ์ของความผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป
ผมยืนไว้อาลัยให้กับพี่เกลอยู่ประมาณหนึ่งนาที
รู้สึกหงุดตัวเองเหมือนกันที่ตัดสินใจทำแบบนั้น ทั้งที่ก็บอกเองว่าไม่อยากให้ใครไว้อาลัยให้กับเธอ
แต่เอาเถอะ นี่อาจจะเป็นสิ่งดีสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำก็ได้
และมันคงไม่ถึงกับตายด้วย
“ลาล่ะ”
ผมผละมาอย่างรวดเร็วเพื่อไปยังเป้าหมายต่อไป
ไอ้สองคนที่ซ้อมผมน่ะหรอ?
ไม่ นั่นไม่มีค่าคู่ควรพอให้ผมต้องไปจัดการด้วยตัวของผมเอง
ป่านนี้พวกมันคงตายห่าไปแล้วด้วยสัตว์ร้ายที่ผมเพิ่งได้รับมอบหมายให้ดูแล
พวกมันเชื่องมากกับปีศาจอย่างผม
แต่โหดร้ายอย่างมากกับมนุษย์อย่างพวกมัน
ผมเผลอยิ้มออกมาตอนที่จินตนาการถึงซากศพของพวกมันที่ถูกแทะเกลี้ยงจนเหลือแต่กระดูก และคงจะเป็นภาพที่สวยงามมากหากผมได้เห็นมันด้วยตาของตัวผมเอง
“เฮ้ย พอแค่นี้ก่อนเหอะ กูไม่ไหวแล้วว่ะ”
ความคิดของผมถูกรบกวนด้วยเสียงตะโกนของเพื่อนพี่เป้งตอนที่มาถึงสนามหญ้าเทียมหลังโรงเรียน
ผมมักมาที่นี่ประจำเวลาที่พี่เป้งมาเช่าสนามเตะบอลอยู่กับเพื่อนๆ ยืนแอบมองเขาจากที่ไกลๆ... เหมือนกับเงาในความมืดที่ไม่มีใครมองเห็น...
แต่ไม่ใช่สำหรับวันนี้
วันที่ผมหมดจดและงดงาม
“...”
ปฏิกิริยาของทุกคนคือหยุดชะงัก
ทุกคนในสนามหันมามองผมที่เพิ่งจะเดินเข้ามา
ผมไม่ได้สนใจสายตาหื่นกระหายของคนพวกนั้น ทำเพียงแค่เดินไปนั่งบนอัฒจันทร์สำหรับกองเชียร์ ก่อนที่จะค่อยๆ ช้อนสายตากลับขึ้นมาสบกับพี่เป้งแบบพอดิบพอดี
“ใครวะ?”
ใครสักคนเอ่ยถามพี่เป้ง แม้จะอยู่ไกลกันแต่ผมกลับได้ยินชัดเจน คงเป็นเพราะสถานะใหม่ที่เปลี่ยนไป จึงได้ยินสิ่งที่อยู่ไกลเกินกว่าที่ความเป็นมนุษย์จะทำได้
พี่เป้งส่ายหน้า ไม่รู้ว่าผมคือใคร หรือว่าชื่ออะไร
รู้เพียงแค่เขาตกหลุมรักผมเข้าอย่างจัง
และจินตนาการอย่างหื่นกระหายที่จะพาผมขึ้นเตียงในคืนนี้
ผมส่งยิ้มให้พี่เขา จ้องมองเข้าไปในตาอีกฝ่ายให้ลึกขึ้น
ล่อลวงพี่เขา ให้หลงเข้ามาติดกับของตัวผมเอง
“สวัสดีครับ”
แต่เสน่ห์ของผมคงจะมีมากเกินไปนั่นล่ะ
ถึงได้ทำให้พี่ผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาทัก
“น้องชื่อไรครับ”
ตามมาด้วยอีกคน
“น่ารักจังเลย”
และอีกคน
“มีแฟนยังเนี่ย”
จนกลายเป็นกองทัพ
ผมยิ้ม
สูดกลิ่นความนิยมชมชอบของตัวเองด้วยความภูมิใจ มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ผมไม่เคยรับ ไม่ต้องพยายาม ไม่ต้องวิ่งตาม ไม่ต้องเหนื่อย
แค่นั่งเฉยๆ พวกเขาก็พร้อมที่จะเข้ามา
“ผมชื่อคริสครับ”
ผมรักษามารยาทด้วยการบอกชื่อของตัวเองออกไป ก่อนที่จะใช้พลังปีศาจที่มีแหวกคนที่มุงอยู่ให้เปิดทาง
เพื่อที่ว่าพี่เป้งจะได้เดินเข้ามาหาผมได้
“ชื่อเหมือนคนที่พี่รู้จักเลย”
พี่เป้งถามผม คงเพราะได้ยินตอนที่ผมแนะนำตัวออกไป
“หรอครับ”
“ใช่ เป็นรุ่นน้องที่ชมรมน่ะ”
“แล้ว... น่ารักเหมือนผมไหม : )”
ผมแกล้งยั่ว
ขยับตัวอย่างไม่ระวังเพื่อให้ขาของกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่เปิดขึ้นอย่างน่ามอง
“น้องน่ารักกว่าเยอะเลย”
พี่เป้งตอบกลับผมแบบไม่เว้นจังหวะคิด สายตาไล่ลงไปยังช่องว่างระหว่างขากางเกงของผม และกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ
“ขอบคุณครับ : )”
ผมไม่ซีเรียสกับสิ่งที่เขาพูด เพราะผมเองก็ไม่ได้รักคริสคนเก่าเหมือนกัน ผมต้องการร่างนี้ล่ะ ร่างที่จะดึงดูดให้พี่เป้งชอบ ร่างที่สามารถปลุกเร้าอารมณ์พี่เป้ง ร่างที่พี่เป้งจะจดจำฝังอยู่ในจิตไปตลอดกาล
ทุกคนที่รุมล้อมอยู่ตกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ ผมก็ลุกยืนเอาเสียดื้อๆ แล้วเดินออกมาจากวงอย่างไม่คิดที่จะร่ำลา
นี่นะ ถ้าผมไม่ใช้พลังปีศาจที่มีจัดการกับผู้ชายพวกนี้ให้ล่าถอยไป มีหวังคงได้เดินตามมาด้วยความหื่นกระหายกันเป็นโขยงแน่
ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ
คนเดียวที่ผมต้องการคือพี่เป้ง
ผมจึงปล่อยให้เขาเดินตามมา
“จะไปไหนหรอครับ”
“นั่นสิครับ” ผมหมุนตัวกลับมาหาอีกฝ่ายตอนที่เหลือกันอยู่แค่สองคน และทำท่าเหมือนกำลังคิด ”ไปไหนดีนะ ยังไม่อยากกลับบ้านเลย”
“ไปห้องพี่ไหม”
แหม อย่างงี้ล่ะเร็วเชียวนะ : )
“จะดีหรอครับ”
ผมแกล้งทำเป็นอิดออด แต่ที่จริงแล้วคือจงใจจะยกมือขึ้นถูไหล่ของตัวเอง เพื่อเปิดให้พี่เป้งได้เห็นผิวช่วงซอกคอขาวของผมได้เต็มตา
พี่เป้งไม่ได้ตอบอะไร ทำเพียงเดินขึ้นไปคร่อมบนบิ๊กไบค์ของตัวเอง แล้วส่งหมวกกันน็อคที่มีอยู่เพียงใบเดียวให้กับผม
“ก็ได้ครับ”
ผมเองก็เบื่อที่จะเล่นตัวแล้วเหมือนกัน ถึงได้รับหมวกกันน็อคจากอีกฝ่ายมาใส่ ขึ้นซ้อนท้าย และปล่อยให้พี่เป้งพาผมไปยังที่ที่พี่เขาต้องการ
จริงๆ ผมเองก็พอจะรู้ว่าพี่เป้งไม่ได้อยู่บ้านเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ เห็นว่าเป็นเพราะบ้านอยู่ไกลจากโรงเรียนมาก และเพื่อที่จะได้เรียนในโรงเรียนที่เด็กทั่วประเทศต่างแย่งกันเข้า จึงต้องอยู่หอพักเอกชนไปโดยปริยาย
ห้องของพี่เป้งสะอาดกว่าที่ผมคิด
ผู้ชายอยู่ห้องคนเดียวควรที่จะรกกว่านี้สักหน่อย แต่นั่นอาจเป็นเพียงค่านิยมที่คนส่วนใหญ่คิดไปเองเท่านั้น
ตอนแรกผมตั้งใจที่จะหันไปคุยกับอีกฝ่าย อยากชวนคุยอะไรสักอย่าง แต่กลับกลายเป็นว่าหาเสียงของตัวเองไม่เจอ...
เพราะพี่เป้งกำลังถอดเสื้อบอลของตัวเองทิ้ง...
เผยให้เห็นหุ่นที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเกินวัยจนเกือบที่จะลืมหายใจ...
“มองไรอะ พี่เขินนะ”
เสียงแซวของเขาทำให้ผมต้องละสายตาด้วยความเขินอาย รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนหื่นกระหายที่ถูกจับได้ว่าจ้องมองผู้ชายไม่วางตา
“เปล่าสักหน่อย”
“ก็เห็นอยู่ว่ามอง”
พี่เป้งไม่ปล่อยโอกาสให้ผมปฏิเสธข้อกล่าวหานั้น รีบเดินเข้ามาประชิดตัว...จนผมไม่เหลือที่ให้ถอยหนี...
“...”
“...”
ผมอยากที่จะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับคิดไม่ออก สุดท้ายจึงทำได้เพียงแค่หันกลับมาสบตาของอีกฝ่าย ที่แพรวพราวไปด้วยความปรารถนามากมาย
“พี่...ขอนะ”
ใจจริงผมก็อยากที่จะเล่นตัวอยู่เหมือนกัน แต่เวลาที่มีน่าจะเหลือไม่มากนัก จึงต้องพยักหน้า และรับเอาความหื่นกระหายทั้งหมดจากอีกฝ่ายมาไว้ในตัวเอง
พี่เป้งจูบปากผมอย่างบรรจง
ผมรู้ว่าพี่เขาอยากทำแรงกว่านี้ แต่ต้องพยายามรักษาระดับไว้ เพราะก็อยากที่จะทะนุถนอมผมเอาไว้กินอีกนานๆ
แต่ก็อย่างที่บอก
ผมไม่มีเวลาไปมากกว่านี้
จึงยั่วเขาด้วยการขบเม้มริมฝีปากของอีกฝ่าย กระตุ้นให้พี่เป้งจูบผมหนักขึ้น รุนแรงขึ้น จนเลือดในตัวผมเดือนพล่านเหมือนภูเขาไฟที่กำลังรอวันปะทุ
ทุกอย่างต่อเนื่องจากจูบจูบนั้นไปสู่การโยนผมลงบนเตียง ผมแสร้งทำเป็นคลานหนี นั่นยิ่งทำให้พี่เขาต้องการผมมากขึ้น รีบร้อนคว้าเอากางเกงขาสั้นของผมติดมือไปเผยก้นขาวเนียนละเอียดภายใต้กางเกงในสีเดียวกันที่ถือว่าเป็นปราการด้านสุดท้ายของช่วงล่างในเวลานี้
“ยั่วพี่จังเลยนะเรา”
“เปล่าซะหน่อย”
ผมแอ่นสะโพกขึ้นอีกนิดตอนที่หันไปมอง ถือเป็นการกระทำที่สวนทางกับสิ่งที่พูด
“แบบนี้จะไปทนไหวได้ไงวะ”
พี่เป้งไม่อาจที่จะควบคุมความต้องการของตัวเองได้อีก สิ่งที่อยู่ภายใต้กางเกงบอลของเขานูนแข็งจนเจ็บและอยากเต็มที่ที่จะงัดมันออกมา
ผมแกล้งยั่วเพิ่มด้วยการทำท่าจะคลานหนี แต่ผู้ชายที่หล่อที่สุดและเป็นที่รักของพระเจ้ากลับคว้าข้อเท้าของผมไว้ ก่อนที่จะ...จรดลิ้นลงที่ปลายเท้าของผม...
นี่คือสิ่งที่พระเจ้าไม่มีวันให้ผมได้
พี่เป้งโลมเลียตั้งแต่ปลายนิ้วไล่ขึ้นมาตามขาขาวเนียนที่ไร้ขนของผม ก่อนที่จะหยุดและหมกมุ่นกับก้นขาวๆ ที่ผมบรรจงให้เหล้าพ่อมดปั้นแต่งขึ้นมา
ผมกดหน้าลงกับหมอนด้วยความเสียวซ่านที่ได้รับ พี่เขาใช้ลิ้นเก่งอย่างไม่น่าเชื่อ เก่งซะจน...ผมอยากให้พี่เขาอยู่ตรงนั้นไปตลอดกาล
มือที่ว่างอยู่ของพี่เป้งเลิกเสื้อผมจากทางด้านหลังเพื่อให้ถอดออก
ผมรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอเกินกว่าที่จะดิ้นรนต่อสู้ จึงปล่อยให้เขาทำตามใจให้เต็มที่ แม้กระทั่งจะดึงกางเกงในออกไปก็ตาม
“พี่เป้ง!”
ผมพยายามใช้แขนทั้งสองข้างปิดบังตัวเองไว้ด้วยความเขินอาย เมื่อพี่เป้งจับผมที่เปลือยเปล่าทั้งตัวให้หันไปเผชิญหน้า
“ไม่ต้องอายหรอก” แต่พี่เป้งใช้แรงในการดึงมือผมออก ”คริสรู้ไหม ว่าคริสน่ามองไปทุกส่วนเลยนะ”
เสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของพี่เป้งและสายตาที่โลมเลียไปทั่วทำให้ผมร้อนไปทั้งหน้า
“พี่เป้ง...”
พี่เป้งถอดท่อนล่างของตัวเองลง เผยให้เห็นสิ่งที่ผมมักจินตนาการถึงเสมอตอนที่ยังคงมีชีวิตอยู่ และไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นมันกับตา
“พี่เป้ง!”
แล้วกว่าที่จะรู้ตัว สิ่งๆ นี้ก็ฝังเข้ามาในตัวผม ลึก... ราวกับจมหายไป...
ความรู้สึกที่ได้รับทำให้ผมน้ำตาไหล
มันไม่ได้มาจากความเจ็บปวด แต่เป็นความสุขที่สุดที่ชีวิตนี้เคยได้รับมา
การได้เป็นที่ต้องการของพี่เป้ง การที่พี่เป้งเร่งจังหวะความเร็วอย่างหื่นกระหายเพื่อปลดปล่อยอารมณ์เข้ามาล้นทะลักในตัวผม มันคือสิ่งที่คนอย่างผมโหยหามาตลอดหลายปีตั้งแต่ที่เราได้รู้จักกันในวันนั้น
‘น้องครับ มาอยู่ชมรมการแสดงกับพี่ไหม’
‘ผม?’
‘ใช่ น้องนั่นล่ะ’
‘มะ... ไม่ล่ะครับ’
‘ทำไมล่ะ’ พี่เป้งในตอนนั้นถือวิสาสะเปิดผมที่บังตาของผมออก
‘เนี่ย น้องน่ารักจะตาย เป็นนักแสดงได้สบายๆ เลยนะ : )’เขาเป็นคนเดียวบนโลกใบนี้ที่ชมผมด้วยคำๆ นั้น
และวันนี้ ตอนนี้ ในเวลานี้ ผมได้กลายเป็นสิ่งที่พี่เขาต้องการ
“คะ...คริส!”
พี่เป้งกอดผมไว้แน่นตอนที่เราเดินไปสู่ปลายทางของสิ่งที่ทำอยู่ ผมรับรู้ได้ถึงความหลั่งไหลที่ท่วมท้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์มากมาย
ผมรักเขา
รักเขามากขึ้น
และคงจะรักตลอดไป
พี่เป้งก้มลงจูบผมแน่น
เนิบ... และยาวนาน...
ผมดื่มด่ำความรู้สึกทั้งหมดมาไว้ในตัวราวกับปีศาจที่หิวโหย ก่อนที่อีกฝ่ายจะทิ้งตัวลงนอนเคียงข้าง และกอดผมไว้อย่างนั้นตลอดทั้งคืน
“ขอบคุณนะ”
“ครับ?”
“พี่ไม่เคยมีความสุขมากเท่านี้เลย”
พี่เป้งขยับหน้าเขามาจูบที่ใบหูของผม เหมือนต้องการให้แน่ใจว่าสิ่งที่พูดมันจะทะลุผ่านเข้ามา
ซึ่งไม่จำเป็นเลยสักนิด
เพราะต่อให้พี่เป้งพูดเบาๆ
ผมก็จำได้ไม่มีวันลืม
“ผม... รักพี่นะครับ”
“อื้ม” พี่เป้งตอบรับด้วยรอยยิ้ม ”พี่ว่าพี่เองก็ตกหลุมรักเราเข้าแล้วเหมือนกัน : )” ก่อนที่จะหลับตาพริ้มไป
“...”
ผมนอนมองเขาอย่างเงียบเชียบ
พยายามจดจำใบหน้าของคนข้างกายให้ขึ้นใจ
กระทั่งอีกฝ่ายหลับสนิท ผมถึงได้ผละตัวออกมา แต่งกายให้เรียบร้อย และเดินออกมาจากห้องที่ตอนนี้มีพ่อมดชายสามคนยืนรออยู่แล้ว
“เจ้าได้สิ่งที่เจ้าต้องการแล้วใช่ไหมสหาย”
ผมหันกลับมามองพี่เป้งอีกครั้งที่กำลังเปลือยเปล่าหลับใหลอยู่บนเตียง ก่อนที่จะหันกลับมาหาหนึ่งในพ่อมดที่ตั้งคำถามนั้น
“ครับ”
ผมได้ในสิ่งที่ผมต้องการแล้ว
แม้มันจะต้องแลกมาด้วยอะไรมากมาย
แต่ในที่สุดผมก็ได้บอกรักพี่เขา
ได้ใช้เวลาที่แสนวิเศษกับพี่เขา
ได้ฟังคำว่า ‘รัก’ จากปากของพี่เขา...
“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ”
...คำว่ารักที่เป็นของผมเท่านั้น
“ครับ”
ถึงแม้ว่า... ผมจะไม่ได้อยู่ในฐานะของมนุษย์อีกแล้วก็ตาม...
/ THE END /
* * * *
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ
จริงๆ แล้วไอเดียของเรื่องสั้นเรื่องนี้มีอยู่หลายไอเดียมากๆ
ตั้งแต่ปีศาจที่ขอความรักไปจนถึงขั้นดาร์คแบบเต็มไปด้วยความตายกันอย่างเกลื่อนกลาดดาษดา (ทำไมฉันถึงใช้คำได้โบราณเยี่ยงนี้)
ทว่าสุดท้าย... ก็มาลงตัวที่ฉบับนี้
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะชอบไหม
แต่เอาเป็นว่า ถ้าเกิดถูกใจใคร
ผมขอฟีดแบ็คให้กันสักนิด
ไว้เป็นกำลังใจให้ผมยิ้มได้สักหน่อย
นะครับ
นะๆๆๆๆ
/
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขอบคุณครับ
ป.ล. หากอยากพูดคุยกันต่อ รบกวนทุกท่าน #ในฐานะปีศาจร้าย บนทวิตเตอร์นะครับ ผมจะตามไปอ่านจนกว่าจะมีคนพูดถึงเลยครับ ฮ่าๆๆๆ