บทส่งท้าย"มีน อย่าไปเลยนะ
"อานิล ซึ่งดูเปล่งปลั่งมากขึ้นหลังจากแต่งงานเข้าเรือนหแไปแล้วกำลังกระทำสิ่งที่เขาชอบทำทุกครั้งที่ผมจะไปไหนไกล
"โธ่อาครับ ผมต้องไปเรียนนะครับ นี่ก็เลทมาหลายวันแล้ว ถ้าไม่ไปอีกผมจะตามบทเรียนไม่ทันแล้วนะครับ"ผมถอนหายใจ ค่อยๆแงะมือเหนียวหนึบที่กอดเอวของผมไว้ด้วยแรงมหาศาลอย่างเต็มที่
"แง๊! แต่อาไม่อยากให้ไปนี่!
"อานิลกระชับเอวผมแน่นกว่าเดิมจนรู้สึกเหมือนเอวจะหัก ปล่อยก๊อนนน!!
"โธ่ ยังไงอานิลก็มีคุณอินทร์อยู่เป็นเพื่อน ไม่มีผมก็ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว"ผมพยักเพยิดไปทางคุณอินทร์ที่มองอานิลด้วยสายตาขบขันอยู่ด้านหลัง
"แต่อาคิดถึงฝีมือการทำขนมของมีนนี่นา!"
โธ่...ที่แท้ก็ห่วงกิน
ไอ้เราก็นึกว่าห่วงหลานชาย
"งั้นก็บอกให้คุณอินทร์หัดทำขนมสิครับ"ผมกระซิบเบาๆให้แน่ใจว่าคุณอินทร์จะไม่ได้ยิน
"เอ๋?...เออจริงด้วยสิต้องให้อินทร์หัดเอาไว้เผื่อเวลามีนไม่อยู่อีกจะได้มีคนทำขนมให้!!"อานิลลั้นลารีบปล่อยมือจากเอวผมทันทีก่อนจะมองคุณอินทร์สามีตามกฏหมาย(ที่ไม่ใช่ของประเทศไทย)หมาดๆด้วยสายตาแวววาวเป็นประกายอย่างคาดหวัง
อโหสิให้ผมด้วยครับ คุณอินทร์
"งั้นผมไปก่อนนะครับ"ผมโบกมือลาอานิลที่มาส่งผมถึงสนามบิน หันไปมองหน้าตรีที่ยืนอยู่หน้าเกทแล้วจึงรีบสะพายกระเป๋าตามไป
"จ้า!โชคดีน้า
"
หลังจากที่จบงานแต่งงานของอานิลไปได้ ไอ้ไวท์มันก็หายไปเลยครับพร้อมๆกับคนที่ชอบมาสะกดรอยตามผมอยู่เป็นนิจก็หายไปด้วย ท่าทางการเจรจาจะประสบผลที่น่าพึงพอใจ...อย่างน้อยก็สำหรับฝ่ายผม
ตรีมาเล่าให้ฟังว่าหลังจากผมง่วงจนเผลอหลับคาอกมันไปแล้ว การเจรจาก็เริ่มขึ้นพอดี ดูเหมือนว่าพ่อของไวท์จะค่อนข้างกลัวลุงเกลเป็นพิเศษการเจรจาครั้งนี้จึงง่ายยิ่งขึ้นมากเมื่อลุงเกลช่วยออกหน้าให้หลายอย่าง
แถมดูเหมือนพ่อของไวท์จะเจอการกดดันทางด้านธุรกิจจากสองบริษัทยักษ์ใหญ่เข้า จะใครซะอีกล่ะครับ บริษัทของลุงเขยกับอาเขยผมไง :z1:การเจรจาเลิกยุ่งเกี่ยวกันจึงประสบผลออกมาง่ายดาย
หลังจากนั้นผมกับตรีก็อยู่เที่ยวภาคเหนือกันต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ครับ ผมลืมไปสนิทเลยว่ามหาลัยเปิดแล้ว แถมผมยังพลาดการรับน้องและกิจกรรมอื่นๆไปอีกมากมาย
เพราะตรี!เพราะมันคนเดียว!! :angry2:เล่นใช้ลูกอ้อนแบบนั้นใครมันจะปฏิเสธลง!!
"ยังงอนกูอยู่อีกเหรอ"สายตาหมาหงอยของตรีที่ส่งมาทำเอาผมเผลอใจอ่อนแกว่งวูบวาบไปชั่วครู่ แต่ก็นั่นแหละ แปบเดียวเท่านั้นล่ะว้า!ผมปั้นหน้านิ่ง ทำเมิณตรีที่เอี้ยวตัวมาคาดเข็มขัดให้กับผม
"โธ่...กูขอโทษ นา..นะ ก็กูไม่ได้กลับมาเมืองไทยตั้งนานแถมยังเกิดเรื่องขึ้นมามากจนกูอดเที่ยวกับมึง พอมีโอกาสกูเลยรีบๆเที่ยว...ก่อนที่จะไม่มีโอกาสทำอีก"ท้ายประโยคมันพูดเสียงนิ่ง แต่เล่นเอาผมใจแกว่งวูบ
"หมายความว่าไง?"เลยเผลอหลุดจากสงครามเย็นฝ่ายเดียวกระทันหัน
"ก็กูอาจจะตายวันตายพรุ่ง ถ้าไม่รีบทำตอนนี้เมื่อไหร่จะได้ทำอีกล่ะ?"มันสบตาผมด้วยสายตาหวานเชื่อม ท่ามกลางบรรยากาศสั้นกึกๆเมื่อเครื่องบินขึ้น...ช่างโรแมนติกสิ้นดี...
"กูแค่อยากใช้เวลาร่วมกับมึงให้มากๆ ชดเชยเวลาที่เสียไปกับการหลอกตัวเองไปวันๆของกู"สายตามันเจือความเศร้าอย่างล้ำลึกจนผมใจหาย
"กูจะเล่าอะไรให้มึงฟังล่ะกัน"ตรีกุมมือผมไว้อมยิ้มแล้วเล่าช้าๆ"มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเกิดมาในครอบครัวที่มีพร้อมทั้งความอบอุ่นและเงินทอง เขามีเพื่อนสนิทคนหนึ่งซึ่งสนิทกันมาตั้งแต่จำความได้ อยู่บ้านข้างๆกัน"
"เขากับเพื่อนของเขาไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดตัวติดกันขนคนชอบเอ่ยแซว แถมเพื่อนของเขาคนนี้ก็หน้าาหวานร่างกายบอบบางราวกับผู้หญิงจนสมัยเด็กชอบถูกล้อว่าตุ๊ด"
"แต่เพื่อนของเขาคนนี้ก็ทำตัวเข้มแข็งมาตลอดไม่ถือสา ไม่มีเรื่องและก็ไม่ร้องไห้ด้วย แต่เด็กผู้ชายนั้นรู้ดีว่าเพื่อนของเขาคนนี้เปราะบางยิ่งกว่าอะไร เขาเคยได้ยินเพื่อนของเขาคนนี้ร้องไห้อยู่เงียบๆคนเดียวหลายครั้งจากการโดนเพื่อนที่โรงเรียนแกล้ง นั่นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไปด้วย"
"ดังนั้นเด็กชายคนนี้จึงเริ่มออกหน้าตักเตือนเพื่อนๆที่โรงเรียนอย่างลับๆไม่ให้เพื่อนของเขารู้ คนที่ล้อเพื่อนของเขาค่อยๆหายไปทีละคนทีละคนจนในที่สุดก็ไม่มีใครกล้าล้อเพื่อนของเด็กชายอีก..."
"แต่สิ่งที่แลกกลับมากลับกลายเป็นการที่ทำให้เด็กชายไม่มีเพื่อน แต่เขาก็ไม่สนใจเขามีเพื่อนสนิทคนนี้คนเดียวก็พอแล้ว"
"ต่อมา พอเข้ามัธยม เด็กชายเริ่มรู้สึกว่าตัวเองแปลกไป"
"เขารู้สึกว่าเขาชอบมองเพื่อนคนนี้บ่อยๆเมื่อเผลอตัว มันเป็นแบบนี้มาสักพักไม่ว่าเขาจะคบกับใครก็ตาม"
"เขาพยายามคบกับคนนั้นคนนี้เรื่อยๆเพื่อพิสูจน์บางอย่างและพยายามปฏิเสธมัน เขายอมให้คนอื่นนินทาว่าร้ายลับหลังว่าเป็นไอ้โง่ที่โดนผู้หญิงหลอกแถมยังไม่รู้จักจำ"
"เขาพบความจริงที่ว่าไม่ว่าเขาคบกับใครสายตาของเขาก็ยังคงจ้องมองไปที่เพื่อนคนนั้น และทุกครั้งที่เขาทำให้แฟนบอกเลิกแล้วเพื่อนคนนั้นเขามาปลอบใจมันทำให้เขารู้สึกดี ดังนั้นเขาจึงมักแกล้งเสียใจนานๆ"
"แต่แล้วเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อพ่อกับแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุพร้อมพ่อแม่ของเพื่อนคนนี้ทำให้เขาต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศ มันกระทันมากจนเขาไม่ทันได้ลาและบอกความรู้สึกของเขาออกไป"
"เครื่องบินที่เด็กชายนั่งเกิดขัดข้องและตก ในวินาทีที่เขากำลังจะตายเขาได้ภาวนาต่ออะไรก็ตาม ขอให้เขามีชีวิตรอดต่อไปเพื่อที่สักวันหนึ่งจะกลับไปเจอเพื่อนที่เป็นมากกว่าเพื่อน"
"เขาแลกความทรงจำระหว่างเขากับเพื่อนให้มันหายไปชั่วคราวแลกกับการมีชีวิตอีกครั้ง ช่วงเวลาที่ไม่มีความทรงจำนั้นเขารู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองลืมอะไรบางอย่างไป และมักจะชอบนั่งเหม่อบ่อยๆ"
"จนกระทั่งจู่ๆเขาก็ตัดสินใจมาเรียนต่อที่ไทย ไม่นึกว่าแค่วันแรกที่กลับมาจะทำให้เขาได้พบกับคนที่เขาตามหามาตลอด"
"ทันทีที่ความทรงจำไหลกลับมาเข้ามา เขาก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าต่อให้เสียอะไรไปอีกก็ตาม เขาจะไม่ยอมลืมเลือนคนคนนี้ไปอีกแล้ว"
"ดูเหมือนเพื่อนเก่าคนนี้จะจำเขาได้เช่นกันนั่นทำให้เขาดีใจมากถึงขนาดไปตัดผมเพื่อให้กลับมาเป็นทรงเดียวกันกับเมื่อสมัยมัธยม"
"เขายิ่งดีใจมากขึ้นไปอีกเมื่อดูเหมือนเพื่อนของเขาคนนี้จะหึงเขากับอเล็กซ์"
"และในที่สุดเขาก็มั่นใจหลังจากนอนกับเพื่อนของเขาในคืนที่เพื่อนของเขาชวนไปดื่ม"
"เขาตัดสินใจจะบอกความรู้สึกของเขาออกไปแต่ก็ดันเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นติดๆกันเสียก่อน เพื่อนที่เขาแอบชอบคนนี้ถูกจับไปโดยใครก็ไม่รู้ แถมญาติของเพื่อนคนนี้ยังไม่เดือดเนื้อร้อนใจอีกต่างหาก นั่นทำให้เขาต้องลงมือเอง"
"ด้วยความช่วยเหลือของคนรู้จักของคนที่เขาทำสัญญาด้วยทำให้เขาช่วยเพื่อนคนนั้นออกมาจนได้"
"เขาดีใจมากและตัดสินใจหมั้นเพื่อนคนนี้ไว้ก่อนด้วยแหวนที่แม่ของเขามอบให้ซึ่งเขาพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา"
"หลังจากนั้นเขาก็พาคู่หมั้นของเขาไปฮันนีมูนล่วงหน้าที่เกาะทางใต้ และได้ขอเป็นแฟนที่นั่นระหว่างค่ำคืนเร่าร้อนของพวกเขาสองคน"
"และตอนนี้เขากำลังง้อแฟนของเขาด้วยเรื่องจริงของความรู้สึกของเขา โดยหวังว่าแฟนจะเข้าใจ"
ผมอึ้งค้างปนอายม้วน ลืมเรื่องสงครามเย็นที่อุสาห์ก่อขึ้นมาไปจนหมด จับจ้องดวงตาหวานเชื่อมที่ส่งมาอย่างเขินอาย
"กูรักมึงมาตั้งนานแล้ว รักมากๆ"มันดึงมือผมขึ้นไปจูบ"กูไม่รู้ชีวิตกูจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนดังนั้นทุกวินาทีที่กูได้อยู่กับมึงจึงมีค่าเสมอ"
"ตรี..."ผมเอ่ยเสียงแผ่วหวิว มอบรอยยิ้มอ่อนหวานที่สุดที่เคยยิ้มให้กับมัน"มีเรื่องหนึ่งที่กูอยากจะขอถ้ามึงทำตามกูจะหายงอน"
"บอกมาเลยมีนกูพร้อมจะทำให้มึงทุกอย่าง"ผมปั้นหน้าเศร้าทำน้ำตาคลอเบ้า
"กูเองก็ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง มีเรื่องหนึ่งที่กูฝันอยากจะทำมานาน..."ผมเลือนหน้าไปกระซิบข้างหูมัน"กู...อยากลองมีเซ็กส์บนเครื่องบินดูสักครั้ง..."
ผมถอยออกมาดูสีหน้าตะลึงค้างของตรีอย่างขบขัน
"ทำให้กูได้ไหม..."
"มีน...มึงขอร้องถูกคน กูเป็นผู้เชี่ยวชาญเลยนะ...เรื่องนอกสถาณที่น่ะ"หลังจากมันหายอึ้งมันก็ส่งสายตาเป็นประกายวาววามมาให้อย่างไม่ปิดบัง
"อา...กูรักถูกคนจริงๆสินะ"ผมยิ้มมันยิ้ม เราสองคนจูงมือกันไปที่ห้องน้ำบนเครื่องบินท่ามกลางสายตาแอร์ที่มองเราแบบแปลกๆ
"ถ้ามึงไม่รักกู...มึงจะเสียใจไปตลอดชีวิตเลยแหละ"
หึ!ไอ้ปากหวานเอ๊ย!
END
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
จบแล้ว
แล้วเรื่องใหม่ก็เข้ามาอีก :sad4:เง้อเหนื่อยชะมัด
เรื่องของอานิลมาแล้วนะค่ะ Dream like!...ก็แค่ฝันแต่ดันเป็นจริง เพิ่งลงบทนำไปสดๆซิงๆวันนี้
เดี๋ยวรออิงอัพเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่องให้จบก่อนแล้วจะลงตอนพิเศษสุดๆให้
ขอคุณที่ติดตามมาตลอดนะค่ะ
The Impossible...เป็นไปไม่ได้ นั่น(เจ้า)นายนะเว้ย!!(เหงาๆก็ไปอ่านกันได้เรื่องของลุงเกลค่ะ)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32517.120