ตอนพิเศษ [พาร์ตของกันต์]
แรงบันดาลใจของผม
ผมชื่อกันต์ครับและผมรักการร้องเพลงมาก
ช่วงอายุ 14-15 ปีของผมคือช่วงเวลาที่ผมรู้สึกเหมือนผมไม่ใช่เด็กวัยรุ่น ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวของผมเองเป็นผู้ใหญ่ที่จะต้องตัดสินใจว่าควรเอาอย่างไรกับชีวิต ช่วงเวลานั้นผมคิดไม่ตกเลยจริงๆ ว่าผมควรจะเอายังไง ผมรักการร้องเพลง ในขณะที่พ่อของผมนั้นสนับสนุนให้ผมเรียนต่อไปไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิทย์หรือทางด้านศิลป์ก็ตาม
การร้องเพลงไม่เคยทำให้ใครได้ดิบได้ดีหรอก ถึงแม้จะได้ดิบได้ดีไปแล้ว สักวันก็อาจจะถูกลืม นี่คือคำพูดของคนเป็นพ่อที่ทิ้งไว้ให้กับลูกชายที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น
ตอนนั้นผมสับสนมากๆ เลยครับ ในแต่ละวันที่ผมนั่งดีดกีตาร์ร้องเพลงอยู่ในห้อง ผมเอาแต่คิดว่าทางนี้มันจะดีกับผมจริงมั้ย ผมอาจจะไม่ดัง ผมอาจจะทำได้แค่เป็นนักร้องตามร้านต่างๆ ผมอาจจะไม่มีวันเจริญรุ่งเรืองได้ถ้าหากผมมีดีแค่เสียงและไม่มีอะไรอย่างอื่นดีเลย
ทางเดียวที่จะให้คำตอบผมได้ นั่นก็คือ...การร้องเพลงเปิดหมวก
ผมเสาะหาทุกที่ในกรุงเทพฯ ที่ผมจะสามารถร้องเพลงเปิดหมวกได้ มีไม่กี่ที่ที่ผมทำได้ และส่วนใหญ่เมื่อผมไปร้องก็จะมีแต่สาวๆ ที่เข้ามากรีดร้องกับหน้าตาของผม ไม่มีสาวๆ คนไหนหรือใครก็ตามที่ตั้งใจฟังเสียงของผมจริงๆ หรือว่ายืนฟังอยู่นานมากกว่า 2 นาที ไม่มีเลยจริงๆ
ตอนนั้นนั่นเองที่ผมเริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า...ผมชอบร้องเพลง แต่ผมอาจจะร้องได้ไม่ดีพอ
ในวันสุดท้ายที่ผมตัดสินใจที่จะลองร้องเพลงเปิดหมวกดูเป็นครั้งสุดท้ายในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่อนุญาตให้มีคนมาร้องเพลงเปิดหมวกได้ ผมยืนดีดกีต้าร์ร้องเพลงไปด้วย ตอนนั้นผมใส่หมวกปกปิดใบหน้าเพื่อกันเวลาสาวๆ มากรี๊ดหน้าตามิใช่เสียงของผม ช่วงเวลาที่ผมร้องเพลงอยู่นั้น มีแต่คนผ่านไปผ่านมา แม้จะมีคนมองอย่างสนใจแต่ก็ไม่มีใครมาให้ตังค์ผมหรือยืนฟังผมนานเกินกว่า 2 นาทีสักที
จนกระทั่ง...
“เชี่ยทิต เหยดแม่ง โคตรเท่”
เสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นมองโดยมือยังดีดกีต้าร์และปากก็ยังร้องเพลงไปด้วย เขาคนนั้นมีใบหน้าจิ้มลิ้มและน่าจะแก่กว่าผมไม่เกิน 4 ปีแถมยังอยู่ในชุดนักเรียนม.ปลาย โรงเรียนที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาดีเพราะเคยต้องแข่งฟุตบอลในงานประเพณีด้วยบ่อยๆ
แต่เขาคนนั้นน่ะสิที่ผมไม่คุ้นเลย...
“แม่กูมารับแล้วเนี่ย เร็วๆ เลย เดี๋ยวสาย” คนที่ตัวสูงกว่าพูดกับเขาคนนั้นแบบนั้น
“อย่าเพิ่ง ลองฟังดู เพราะดีออก”
หัวใจผมเต้นแรงกับท่าทีกระตือรือร้นนั้น เขาเข้ามาในช่วงเวลาที่จิตใจของผมกำลังห่อเหี่ยวและต้องการน้ำมาหล่อเลี้ยงให้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง ดวงตาสดใส พร้อมใบหน้าที่สนอกสนใจยามที่ผมร้องเพลง มันทำให้ผมรู้สึกแปลกข้างในหัวใจไปหมด
“ทำไงดี ตังค์เหลือร้อยหนึ่ง” เขาคนนั้นบ่นอุบกับเพื่อน “มีแต่แบงก์ร้อย ยืมตังค์มึงก่อนได้มั้ย”
“ถ้ากูมีกูจะโทรเรียกให้แม่มารับมั้ยล่ะไอ้เชี่ยเกล้า”
เกล้า...อืม...ผมรู้จักชื่อของเขาแล้ว
“แล้วทำไงดี กูอยากให้เขาว่ะ ดูดิ ไม่มีใครมาให้เขาเลย ร้องเพลงเพราะออกอย่างนี้”
ผมก้มหน้าก้มตาซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเองเอาไว้ มองลงไปที่หมวกของตัวเองที่วางอยู่ข้างหน้า เห็นเหรียญ 5 บาทซึ่งเป็นเงินของผมเองและผมก็วางมันเอาไว้แก้ความว่างเปล่าของหมวกผม
ผมคิดว่าเขาคงจะไม่ให้ผมแล้ว...แต่เปล่าเลยครับ ร่างเล็กๆ นั้นเดินเข้ามาให้ผมพร้อมๆ กับพูดกับผมว่า “สุดยอดไปเลย ร้องเพราะมาก แต่ขอทอนเงินหน่อยนะน้อง เดี๋ยวจะไม่มีตังค์ติดตัว”
เขาวางแบงก์ร้อยลงไปในหมวก และก็หยิบเงิน 5 บาทของผมไป จากนั้นเขาก็เดินเคียงข้างไปกับเพื่อนของเขา โดยหันหลังกลับมามองผมอีกรอบ ผมรีบก้มหน้าเอาหมวกมาปิดใบหน้าแทบไม่ทัน
เกล้ามาในยามที่ผมเตรียมถอดใจเรื่องการเป็นนักร้อง
เกล้ามาในยามที่ผมต้องการกำลังใจชิ้นดี
เกล้ามาในยามที่ผมต้องการแรงบันดาลใจเอาไว้เพื่อที่จะยึดเหนี่ยวจิตใจของตัวเอง
เขาคือแรงบันดาลใจของผม
วันถัดมาผมมาดักรอเขาที่หน้าโรงเรียนของเขา โดยไม่ลืมที่จะถอดเข็มตราโรงเรียนของตัวเองเก็บไว้เพื่อกันการมีเรื่อง สาวๆ ที่อยู่โรงเรียนในละแวกเดียวกันกับโรงเรียนเกล้ามองผมอย่างสนอกสนใจ แต่ผมไม่สนใจอะไรในตัวพวกหล่อนเลย
ไม่นานนักเขาก็เดินมา เกล้าอยู่ท่ามกลางหมู่เพื่อนที่ส่องแสงเปล่งประกาย แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจเพื่อนของเขามากกว่าเขา แต่สายตาที่ผมมีกลับจ้องมองไปที่เขา
หลังจากนั้นแทบทุกวัน ผมจะไปดักรอเจอเขาที่โรงเรียน...ในที่สุดเพื่อนผมอย่างไอ้เต๊บ ไอ้บอลหรือที่ทุกคนรู้จักกันในนามของสิบสาม ก็พากันรู้เรื่องว่าผมแอบชอบเด็กม.6 โรงเรียนกางเกงน้ำเงินที่เป็นศัตรูในยามที่มีการแข่งขันฟุตบอลประเพณี
“เขาชื่อเกล้า มีแฟนแล้วชื่อจุ๊บจิ๊บ” ไอ้เต๊บบอก จุ๊บจิ๊บคือแฟนที่อาจจะไม่ใช่คนแรกของเกล้า
“อืม”
“แล้วมึงจะเอายังไง”
“เอายังไงล่ะ” ผมยักไหล่ตอบไปในตอนนั้น “ก็กูชอบเขา...”
เพื่อนผมมันหาว่าผมบ้า หลายเดือนถัดมาก่อนที่เกล้าจะจบไปจากโรงเรียนนี้เขาเปลี่ยนแฟนไปอีกสองคน คือดาวกับยี่หวา ตอนที่เขาเปลี่ยนแฟนผมก็ได้แต่ยืนแอบมองเขาด้วยแววตาละห้อยเพราะผมทำอะไรไม่ได้ ขืนเข้าไปจีบตอนนี้มีหวังแดกแห้วแน่ๆ เพราะเขาไม่ได้สนใจผู้ชายด้วยกัน
ฉะนั้นผมจึงรอต่อไป...
เกล้าสอบติดคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ส่วนผมสอบติดเอกวอยซ์ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ตอนที่ผมเข้าปีหนึ่ง เกล้าก็เริ่มเรียนปีสี่แล้ว ไอ้เต๊บมักจะคาบข่าวมาบอกผมเสมอว่่าเกล้าคบใครอยู่และคบคนนั้นได้นานแค่ไหน
ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงทั้งนั้น...
ในช่วงเวลาที่ผมรอเกล้า ผมยอมรับว่าผมเองก็มีทำตัวเสเพลไปเรื่อย นอกจากผมจะเรียนเอกวอยซ์แล้วผมยังรับจ๊อบเป็นนักร้องตามที่ต่างๆ เพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง การมีอะไรกับผู้หญิงหลายครั้งเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ หลายครั้งที่เกิดจากที่อีกฝ่ายเสนอ หลายครั้งเกิดจากการที่ผมเมาสุรา และก็หลายครั้งซึ่งผมขอบอกว่าเป็นส่วนใหญ่เกิดจากการที่ผมผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่ายามที่ไอ้เต๊บมันมาส่งข่าวและพอผมตั้งใจจะเข้าไปจีบเขาทีไร เกล้าก็มีคนใหม่เข้ามาเสียบแทบจะทุกที
ผมรอแล้วรอเล่า บางครั้งก็แอบไปยังมหา’ลัยของเขาเพื่อที่จะไปมองดูเขารับส่งผู้หญิงคนอื่น...ผมถามใจตัวเองว่าแรงบันดาลใจของผมคนนี้บางทีอาจจะเกิดมาเพื่อเป็นแค่แรงบันดาลใจของผม ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่ใจผมน่ะสิครับ มีเขาคนเดียวมานานเท่าไหร่แล้ว ผมยอมรับว่าผมอินในตัวเขามาก ผมไม่ได้คิดถึงคนอื่นเลยนอกจากเขา
อาจจะไม่ใช่แค่เพราะเขาหย่อนแบงก์ร้อยลงไปในหมวกของผม แต่เมื่อผมยิ่งตามดูเขา ผมก็ยิ่งหลงเสน่ห์ของเขา เขาเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าเด็กตลอดกาล อีกทั้งยังชอบทำหน้าดุทั้งๆ ที่ดูไม่ดุเลย
ในที่สุดเขาก็เรียนจบ หลังจากนั้นอยู่นานเป็นปีที่ผมไม่ได้รู้ข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับตัวเขา เขาก็เตรียมจะเปิดร้านบาร์ที่เป็นร้านอาหารด้วย เต๊บที่ไม่อยากเรียนต่อเอ่ยปากบอกกับผมทันทีว่าจะไปสมัครเป็นลูกน้องเกล้่าเพื่อหาข้อมูลให้ผม มันบอกว่ามันชอบเป็นเด็กเสิร์ฟมากกว่าเป็นนักดนตรี (มันเรียนกลองชุดครับแต่แล้วก็เลิกเรียนไป) มันจึงเข้าไปทำงานที่ร้านของเกล้าและก็กลายเป็นลูกน้องคนแรกของเกล้าด้วยการได้เบอร์หนึ่งติดตัวมา
ตอนนั้นผมทั้งเรียนและก็ทำงานไปด้วยพลางคิดว่าควรจะเดินหน้าสานต่อความสัมพันธ์กับเกล้าสักที และในช่วงเวลาที่ผมเพิ่งเรียนจบและก็กำลังคิดอยู่ว่าจะเอายังไงกับอนาคตของตัวเองดี
ไอ้เชี่ยเต๊บก็โทรมา...
หลังจากวันนั้นผมเลิกทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ผมลบเบอร์โทรศัพท์ของผู้หญิงทุกคนที่เคยคุย ผมลบแชทของผู้หญิงทุกคนที่ผมคุยด้วย เพื่อที่ผมจะได้จีบเกล้าและได้ทำหน้าที่ของผมที่หัวใจผมต้องการสักที...
ใครจะรู้ว่าเรื่องผู้หญิงของผมจะทำให้เกล้าสับสนและก็คิดหนักตอนที่ผมขอเป็นแฟนเมื่อคืนก่อน
หากผมทำได้ผมอยากย้อนเวลากลับไป...ผมจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนไหนเลย
ผมจะจีบเขาตั้งแต่ที่รู้ว่าเขาโสด และก็จะไม่รอให้ผู้หญิงคนไหนกลายมาเป็นแฟนของเขาคนต่อไป...
ในเมื่อผมย้อนเวลากลับไปไม่ได้ ผมก็ได้แต่ภาวนาขอให้เกล้าให้โอกาสผม
ให้โอกาสผมได้พิสูจน์คำพูดที่ผมเขียนลงไปในใบสมัครเองว่าคติประจำใจของผมก็คือรักเดียวใจเดียว
รักเกล้าคนเดียว...
TBC*
สั้นๆ เพื่อให้ติดตามต่อ...
เกล้าจะให้โอกาสน้องมั้ย
คนอ่านจะให้โอกาสน้องมั้ยคะ
หามถามคนเขียน คนเขียนให้ค่ะ คนเขียนแพ้คนหล่อ... #เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้