[One Short] เวลาไม่เคยพอ
อิฐ x ภัทร
การอยู่ด้วยกันเป็นความสุข
เป็นบางครั้งความไม่ชัดเจน
ก็ทำให้ทุกอย่าง... กลายเป็น
ความทุกข์คุณล่ะคิดเหมือนผมไหม ?
.
.
.
เสียงเพลงดังเบา ผมนอนกลิ้งอ่านหนังสืออย่างไม่ได้ตั้งใจ
"อิฐว่างไหม... ภัทรขอคุยด้วย"
"ได้สิ..." อิฐว่างสำหรับภัทรเสมออยู่แล้ว ผมวางหนังสือในมือลง
"อิฐจะว่าอะไรไหม ถ้าภัทรจะย้ายออก"
"ภัทรหมายความว่ายังไง ?"
"อิฐ… พี่อิงขอเราคบล่ะ เราตอบตกลงไปแล้ว อิฐไม่โกรธใช่ไหม" คนตัวเล็กหน้าแดงน้อย ๆ วินาทีนั้นเหมือนจะทำให้ร่างกายของผมหยุดหายใจได้ แต่ก็ไม่ผมยังไม่ตาย หัวใจของผมยังเต้น เพียงแต่มันเต้นแรงและค่อย ๆ แผ่วลงเป็นปกติ ริมฝีปากของผมกระตุกยิ้มให้แบบเสแสร้งหน่อย ๆ ผมไม่เคยยินดีกับคำพูดของภัทรเลย
ผมไม่ได้ตอบอะไรไป ทั้งที่ควรจะสังเกตลอบอาหารของอีกฝ่ายเมื่อสองสามวันก่อนก็ตามแต่ก็ไม่ได้ทักออกไป ภัทรเก็บของในส่วนของตัวเองจนแทบจะเกลี้ยงคอนโด.... ผมมองไปรอบ ๆ ห้อง ห้องที่เคยเป็นของเรา จะเรียกว่า
เราได้ไหม ในเมื่อมันไม่เคยมีคำนั้น ผมไม่เคยทำอะไรให้ชัดเจนเลยสักครั้ง
ขณะที่อีกฝ่ายตั้งหน้าเก็บข้าวเก็บของ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ภัทรจะอยู่กับผม จะพูดไปมันก็ไม่ได้เรียกว่าวันสุดท้ายสักทีเดียวหรอก เพราะถ้าเขาเก็บทุกอย่างเสร็จแล้วสารถีประจำตัวอย่างพี่อิงคงรีบแล่นขับรถมารับไป ห้องนี้คงจะเหลือเพียงแค่ผม... คนเดียว แม้แต่คำที่เขาอยากได้ยิน ผมก็ไม่เคยพูดมันออกไป เพราะผมคิดว่าเราอยู่ด้วยกัน เพียงแค่การกระทำก็น่าจะเพียงพอแล้ว ทุกอย่างที่ผมทำเพื่อภัทรน่าจะพอ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่
"ดีแล้ว พี่อิงเป็นคนดี" ผมตอบแค่นั้นก่อนจะล้มตัวลงไปบนเตียงที่เย็นชืด
"เดือนหน้าเราจะย้ายออกนะ ขอโทษที่บอกกระทันหันนะอิฐ อิฐไม่ว่าอะไรใช่ไหม" ผมรู้ดีว่าที่ภัทรพูดไม่ได้เป็นความตั้งใจของภัทรเอง ทุกอย่างพี่อิงเป็นคนกำหนด คนที่ดีแสนดีนั่น... คงจะดีแล้วที่ภัทรเลือกที่จะไป คำพูดของผมที่อยากจะเอ่ยว่า '
อย่าไปได้ไหม' ถูกกลืนอยู่ในลำคอ กลืนหายลงไปพร้อมกับความรู้สึกที่มีให้อีกฝ่ายไว้ในอก
"เราไม่เป็นไร" นั่นเป็นคำตอบของผม ก่อนที่ความอึดอัดจะแทนที่เข้ามา... ผมจี้ห้อยคอไว้แน่นของขวัญเพียงหนึ่งเดียวที่ได้จากภัทร แล้วทุกอย่างก็เงียบสงบลงไม่มีคำพูดจากภัทรอีก ผมได้ยินเสียงหายใจที่สม่ำเสมอนั่นก่อนจะหลับตาลง ผมเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง ทุกอย่างมืด นิ่ง สงบ เหมือนกับกลางคืนของทุก ๆ วัน เพียงแต่วันนี้มันไม่เหมือนเดิม
…………………………………………………………..
…………………………………………
………………………..
………..
ผมกับภัทรเราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยประถม มีผมก็ต้องมีภัทร ภัทรเป็นเด็กผู้ชายหน้าตี๋ ตาชั้นเดียว ผิวขาว รูปร่างเล็กไม่มีอะไรที่โดดเด่นเป็นพิเศษยกเว้นรอยยิ้มที่ใคร ๆ เห็นก็ต้องหลงรัก รอยยิ้มของภัทรทำให้โลกหยุดหมุน ด้วยความเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็ก ๆ จะเรียกว่าเพื่อนข้างบ้านก็คงได้ บ้านของเราอยู่ติดกัน ทั้งแม่และญาติพี่น้องต่างก็สนิทกัน
ภัทรเป็นเด็กดื้อ ร่างกายอ่อนแอ ป่วยบ่อย... ด้วยความที่ตัวเล็ก ผิวขาวซีดกว่าเด็กผู้ชายทั่วไป บางครั้งก็ถูกแกล้งบ้างทั้งอย่างจงใจและไม่ได้ตั้งใจ ผลก็ทำให้ผม ไอ้อิฐคนนี้ต้องเป็นองครักษ์พิทักษ์เจ้าชายน้อยของ(ข้าง)บ้าน ครับ.. ภัทรเป็นลูกชายคนเดียว ภัทรต่างจากผมที่ถึก อึด ทน ผมสูงพรวดตั้งแต่เด็ก ๆ และดูเหมือนจะตัวโตกว่าเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน สมัยประถมผมอยู่ต้นแถวสำหรับคนที่สูงที่สุด ในขณะที่ภัทอยู่ท้ายแถวเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดของห้อง เวลาเดินด้วยกันเราเหมือนตอหม้อกับเสาไฟฟ้า หรือ ทางม้าลาย ใคร ๆ ก็ว่าอย่างนั้น
"นี่แผลนี่ได้มาจากไหน" ผมสังเกตร่องรอยที่ถูกทำแผลไว้อย่างดี
"เราหกล้ม"
"ใครผลัก..."
"ไม่มีใครผลักหรอก อิฐอย่าคิดมากน่า" ภัทรก้มหน้างุด อาการไม่สบตาทำให้รู้ว่าโกหก ผมรู้ดีว่าภัทรโกหกไม่เก่งไม่มีสักครั้งที่โกหกแล้วจะจับผิดไม่ได้
"ภัทรไม่มองตาเรา ภัทรกำลังโกหก"
"มันเป็นอุบัติเหตุ อิฐก็รู้นี่นาว่าเราซุ่มซ่าม"
"อย่าให้เราไปถามเองนะภัทรก็รู้ว่าเราโมโหร้าย น้าดาวต้องโกรธมากแน่ ๆ ถ้าภัทรโกหก ภัทรดื้อแบบนี้"
"อิฐพูดเหมือนกับว่าเป็นพี่ชายเรา เราไม่ได้ดื้อ อีกอย่างเราก็อายุเท่ากัน เรารู้ว่าถ้าเราบอกไปอิฐก็ต้องไปต่อยเขา ครั้งก่อนยังโดนพักการเรียนไม่พออีกเหรอไง คราวนี้ถ้าทำอีกนายต้องซ้ำชั้นนะ เราเป็นห่วงนาย" น้ำเสียงบ่งบอกความห่วงใย ภัทรยังคงก้มหน้าขยำเสื้อนักเรียนของผม
"อย่าร้องไห้ เราขอโทษ" ผมลูบศีรษะภัทร อีกฝ่ายยืนแน่นิ่งปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา
"ลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้"
"ลูกผู้ชายก็ต้องมีเหตุผลไม่ใช่เอะอะใช้แต่กำลังเราไม่ชอบ" ทุกอย่างเงียบผมปล่อยให้ภัทรร้องไห้เงียบ ๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงผิวปากวี๊ดวิ้วของพวกแก๊งซ์แสบต่างห้อง
"สวีทกันใหญ่เลยโว้ยยยยย... พวกตุ๊ดนี่มันเปิดเผยเนอะเดี๋ยวนี้"
"ถ้าพวกกูไม่เดินผ่านมาแถวนี้ คิดว่าต้องมีฉากสวีทอีกสักสองสามฉากว่ะ มึงคิดว่าไงวะคีสซ๊นไง คีสซีน ไอ้ตี๋ภัทรตาตี่นั่นยอมให้มึงเอาแน่ ๆ จูบโชว์หน่อยดิวะอิฐ" ไอ้บีมยังคงพูดต่อผมขยับตัวแต่ภัทรกำชายเสื้อนักเรียนผมแน่น
"อิฐอย่าไปสนใจ" เสียงของอีกฝ่ายเบา
"จูบเลย จูบเลย จูบเลย.... " เสียงร้องประสานดังแก๊งซ์แสบที่นำทีมโดยไอ้บีมร้องดังพร้อมกับหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
"ถ้ามึงไม่หยุดกูจะไปต่อยให้พวกมึงฟันร่วงเดี๋ยวนี้"
"กล้าก็เอา !" ก่อนที่กำปั้นผมจะเคลื่อนตัวไปถึงใบหน้ามัน อ้อมแขนของภัทรก็กอดผมจากด้านหลัง
"หยุดอิฐ... อย่า… อย่าทำแบบนี้ กลับบ้านกัน" ทำผมชะงัก เป็นบุญของไอ้บีมและผองเพื่อนที่ไม่ได้ชิมกำปั้นผมก่อนที่จะแน่นิ่งนอนหยอดน้ำข้าวต้มเข้า รพ. และบุญของผมที่ไม่ได้ซ้ำชั้นเพราะคำพูดของภัทร ภัทรเดินจับจูงมือผมผ่านหน้าพวกนั้น เดินเร็ว หน้างอง้ำ...
"ถ้าเราไม่ห้าม อิฐก็จะมีเรื่องอีกใช่ไหม จำไม่ได้เหรอว่าเราพูดไว้ว่ายังไง"
"อิฐของโทษ สัญญาจะไม่ใช้กำลังแล้ว"
"ถ้าอิฐผิดสัญญาเราจะโกรธมาก" เราเกี่ยวก้อยสัญญากัน ผมจำได้ว่าภัทรยิ้มให้ผมเป็นรอยยิ้มที่ทำให้โลกทั้งใบสว่างไสว หัวใจผมเต้นแรง ณ ตอนนั้นผมเป็นแค่เด็กมัธยมปีที่ห้า ยังคงคิดว่านั่นไม่ใช่ความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะเราก็โตมาด้วยกัน ทำอะไรทุกอย่างร่วมกันเสมอ เป็นเพื่อนสนิทที่รักกันมากเท่านั้นเอง ผมเป็นห่วงภัทรและภัทรเป็นห่วงผมนั่นเป็นเรื่องปกติ... ผมเคยละสายตาจากภัทร ในขณะเดียวกันภัทรก็ไม่เคยมองใครเหมือนกัน เราเป็นที่หนึ่งของกันและกัน
เรากอดกัน จูงมือกลับบ้านด้วยกันทุกวัน... ผมเชื่อว่ามันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป จนกระทั่งเวลาผ่านไป เราสอบเข้ามหาลัยได้ที่เดียวกันแต่คนละคณะ ภัทรเลือกเรียนมนุษย์ศาสตร์ ส่วนผมเรียนวิศวะ... เวลาที่อยู่ด้วยกันของเราน้อยลง แต่อย่างน้อยเวลาที่กลับหอพักมาผมก็ยังเห็นภัทรอยู่ในห้อง ผมยินดีทุกครั้งที่ได้กลับมาที่หอพักเราเป็นรูมเมทของกันและกัน
"อ้าว… อิฐวันนี้กลับเร็วเชียวนะ" ภัทรกำลังแกะถุงอาหารเทลงชาม ผมชะงักเพราะใครอีกคนที่อยู่ในห้องด้วย
"นี่พี่อิง รุ่นพี่ที่คณะ... ใกล้สอบแล้วเราขอให้พี่เขามาติวให้เราน่ะ ขอโทษที่ไม่ได้บอกอิฐก่อนนะ แต่เดี๋ยวกินเสร็จแล้วพี่อิงก็จะกลับแล้วล่ะ" น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของภัทรเป็นเหมือนปกติ เพียงแต่ผมรู้สึกหงุดหงิดอย่างประหลาด ผมไม่ชอบเสียงของภัทรที่เรียกรุ่นพี่คนนี้เลยสักนิด ห้องของเราแต่มีคนอื่นมาอยู่ด้วย... พี่อิงคนนี้สนิทกับภัทรมาก ? ตั้งแต่เมื่อไหร่ พอโตขึ้นจนถึงตอนนี้เราไม่เคยคุยอะไรด้วยกันจริง ๆ จัง ๆ สักทีหรืออาจจะเป็นเพราะว่าเราต่างก็โตขึ้นไม่จำเป็นต้องพูดระบายอะไรให้ใครฟังเหมือนตอนเด็ก ๆ ที่มีเพียงแค่เราสองคน
"อิฐสินะ... ตัวเล็กพูดถึงนายบ่อย ๆ"
"ครับ" ผมตอบไปแบบนั้น สะดุดนิด ๆ กับวิธีการเรียกภัทรที่ดูเหมือนจะเป็นพิเศษ
"อิฐจะกินเกี้ยวน้ำไหม เราซื้อมาเผื่อ"
"ไม่ล่ะเดี๋ยวเราจะทำงานก่อน ดึก ๆ ค่อยกิน"
"แต่นี่มันจะสามทุ่มแล้วนะ อิฐยังไม่ได้กินอะไรเรารู้ เดี๋ยวก็โรคกระเพาะถามหาต้องเข้าโรงพยาบาลอีกหรอก"
"เข้าก็ดีสิ พยาบาลสาวสวยเยอะแยะมาคอยเอาใจ" เหมือนผมพูดประชดไปแบบนั้น ยิ่งทำให้อีกฝ่ายหน้างอ
"งั้นไม่ต้องกินแล้ว เชิญเข้า รพ. ไปหาพยาบาลสาวสวยให้พอเลยไป" น้ำเสียงงอน ๆ เอ่ยขึ้นจนพี่อิงหัวเราะน้อย ๆ
"สนิทกันจังเลยนะ"
"
แค่เพื่อนสมัยเด็ก ๆ ครับ ชอบว่าคนอื่นดื้อแต่ตัวเองกลับดื้อกว่า" ภัทรว่าแบบนั้น คำพูดเหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่ก็ทำให้ผมคิด... แค่เพื่อน นั่นสิผมก็เป็นแค่เพื่อน ไม่กล้าฟันธงว่าไอ้ที่โมโห ไอ้ที่หงุดหงิดอยู่เนี่ยมันเพราะหวงเพื่อนหรืออะไร
"พี่จะกลับแล้วภัทรเดินลงไปส่งหน่อยสิ"
"เดี๋ยวผมลงไปส่งเอง ภัทรดึกแล้วไปอาบน้ำ ชอบอาบน้ำตอนดึก ๆ ผมไม่แห้งเดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก" ผมหันไปดุคนตัวเล็กกว่าก่อนจะหยิบผ้าขนหนูส่งให้แล้วดุนหลังอีกฝ่ายเข้าห้องน้ำไปโดยไม่สนเสียงโวยวายนั่น
.
.
.
"ท่าทางหวงนั่นเกินกว่าเพื่อนสนิทหรือเปล่าอิฐ" พี่อิงถามผมตอนที่เรากำลังรอลิฟท์อยู่ ผมหันไปมองรุ่นพี่ของภัทรแบบไม่ชอบใจอยู่หน่อย ๆ ผมไม่ชอบคุยกับคนไม่สนิทถึงแม้เขาจะเป็นรุ่นพี่ที่อาจจะเรียกว่าสนิทมากของภัทรถึงขั้นมีน้ำใจมาติวหนังสือให้ทั้งที่่ช่วงเวลาก่อนสอบแต่ละฝ่ายก็หัวมุนจนแทบระเบิดก็ตาม
"พี่หมายความว่ายังไง พูดให้มันดี ๆ"
"พี่ว่าอิฐดูสนิทกับตัวเล็กเกินไปหน่อย"
"เราเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ บ้านเราอยู่ข้างบ้านกัน ผมเรียนมาด้วยกันกับภัทรตั้งแต่อนุบาลจนถึงตอนนี้ พี่ว่ารู้จักกันตั้งแต่เกิดนี่เรียกว่าสนิทเกินไปหน่อยเหรอ ?" ผมกระแทกเสียงใส่อย่างหงุดหงิดไอ้รุ่นพี่บ้านี่
"พี่หมายถึงอิฐไม่ชอบหน้าพี่เหมือนพี่จะมาแย่งภัทรไปอย่างงั้นแหล่ะ"
"ไม่ใช่ เราเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน พี่อย่าพูดแบบนั้นคนอื่นมาได้ยินภัทรเสียหาย"
"งั้นพี่ต้องขอโทษด้วยนะ ที่เข้าใจผิด แต่ที่ไม่ผิดคือพี่
ถูกใจเพื่อนเรามาก ไม่ต้องไปส่งนะ กลับห้องไปเถอะ... พี่กลับเองได้" พี่อิงพูดแบบนั้นแล้วก็เดินเข้าลิฟท์ไปโบกมือให้ผม ก่อนประตูลิฟท์จะปิดลงไป ผมยืนตัวชาอยู่ตรงนั้นทบทวนความคิดหลายอย่าง... ถูกใจ หมายความว่ายังไง ?
คำพูดนั้นยังวนเวียนไปมา.... ผมทำท่าไม่ใส่ใจ อีกอย่างเราก็ใกล้จะเรียนจบแล้วด้วยคงมีโอกาสเจอพี่อิงอีกไม่บ่อย แต่นั่นอาจจะเป็นความคิดที่ผิด ผมไม่รู้มาก่อนว่าพี่อิงตั้งท่าจีบภัทรตั้งแต่เรียนปีหนึ่งที่นี่แล้ว และเป็นแขกประจำของหอพักมาโดยตลอด ในขณะที่ผมกลับดึกเพราะต้องส่งงานโปรเจ็คหรือไปเมาหัวราน้ำบ้าง แต่อีกฝ่ายอยู่เป็นเพื่อนภัทรคุยเรื่องเดียว ๆ กันที่บางทีผมก็ไม่เข้าใจ จนครั้งหลังสุดหลังจากจบมหาลัย เราก็ตัดสินใจเช่าคอนโดอยู่่ด้วยกันอีกเพราะต่างฝ่ายก็ได้ที่ทำงานที่ไม่ไกลจากคอนโดนี้สักเท่าไหร่
ปีใหม่ปีที่แล้วเพื่อน ๆ ยกโขยงมาเมาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ห้องผม... ผมไม่เคยเห็นภัทรเมาเพราะเวลาผมไปด้วยอีกฝ่ายจะได้ดื่มแต่น้ำอัดลมหรือไม่ก็น้ำเปล่า ผมไม่เคยให้ภัทรแตะต้องแอลกฮอลล์นั่นเป็นความห่วงของผม เพราะเคยเห็นจิบแค่สไปด์ไวท์คูลเลอร์ตัวก็แดงเมาจนต้องไปนั่งเป็นเพื่อนสนิทอยู่ที่คอห่านชักโครกแล้ว
แต่เพราะปีใหม่เพื่อนร่วมรุ่นร่วมแก๊งซ์เยอะ ! ผมเลยไม่ห่วงสักเท่าไหร่แต่ละคนก็เมาเรื้อนได้เต็มที่ วันนั้นผมไม่เห็นพี่อิง ผมดีใจที่ไม่ต้องส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กับคนที่ผมไม่ชอบหน้า... และเป็นครั้งแรกที่ภัทรเมาเรื้อนเสียจนเพื่อน ๆ บอกให้ผมหิ้วภัทรไปนอนเพราะอีกฝ่ายดูท่าไม่ได้สติหนัก ตัวแดงเถือกเพราะฤทธิ์แอลกฮอล์ ปกติภัทรจะตัวเบา แต่วันนี้ตัวหนักเป็นพิเศษดูงอแง เดี๋ยวก็ร้องไห้เดี๋ยวก็หัวเราะ ผมเห็นแล้วก็อยากหัวเราะไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นภัทรทำตัวงี่เง่าพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้
"ภัทรร้อน... ถอดเสื้อให้หน่อย"
"ร้อนอะไรนี่เปิดแอร์จนเย็นไปถึงไส้ติ่งแล้วนะภัทร"
" 25 องศา ร้อนจะตาย อิฐงก... เปิด 30 สิ 25 มันจะไปเย็นได้ยังไง" คนเมางอแง เอากับเขาสิ 25 ร้อนแล้ว 30 ไม่ร้อนตับแตกเลยเหรอยังไง
"เมื่อวานพี่อิงขอภัทรคบด้วย.... อิฐรู้ไหมพี่อิงใจดีมาก แต่อิฐใจดีกว่า" เสียงเมางัวเงียแต่ผมก็ยังได้ยินทุกคำพูด
"ภัทรน่ะ... รักอิฐนะ อิฐรักภัทรบ้างไหม ภัทรรักอิฐ" ดวงตาคู่นั้นมองผมด้วยฤทธิ์แอลกฮอล์เยิ้ม ริมฝีปากแดงคลี่ยิ้มน้อย ๆ ผมยังมีสติดีอยู่
"อิฐชอบภัทรมากเพราะ
เราเป็นเพื่อนกัน"
"อิฐไม่รักภัทร อิฐไม่รักภัทร" เสียงคนเมาร้องไห้สะอึกสะอื้น... ผมไม่เข้าใจความหมายของภัทรมากนัก เจ้าตัวไม่ค่อยพูดหรือบอกว่ารักสักเท่าไหร่เหมือนตอนเด็ก ๆ ภัทรชอบอิฐนะ ภัทรชอบอิฐมากเลย เป็นเพื่อนกันตลอดไปนะ คำสัญญาตอนเด็ก ๆ ผุดขึ้นมาอยู่ในหัวผมเสมอ มโนภาพที่ภัทรยิ้มดีใจกว้างเกี่ยวก้อยสัญญาจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปผุดขึ้นมาชัดเจนราวกับเป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดเมื่อวาน
"อิฐจะเป็นเพื่อนรักของภัทรตลอดไป อิฐไม่ผิดสัญญาหรอก อิฐรักภัทรนะ" ผมกอดอีกฝ่ายที่ดึงดันจะถอดเสื้อตัวเองออกซะให้ได้ ภัทรร้องไห้น้ำตาไหลดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมแขนผม อิฐเกลียดภัทรแล้ว... อิฐเกลียดภัทรแล้ว อิฐไม่รักภัทร ภัทร้องอยู่แบบนั้นพร้อมกับทุบอกผมไปมาก่อนจะสงบนิ่งหลับเป็นตาย
"ภัทร….. รัก อิ…." คำพูดสุดท้ายที่แผ่วเบาของภัทรแทบจับไม่ได้ศัพท์ว่าภัทรพูดอะไร... ผมปล่อยภัทรทิ้งตัวลงบนเตียงใบหน้าขาวแดงระเรื่อ คืนนี้ผมจะปล่อยตัวปล่อยใจเป็นครั้งสุดท้าย
อีกฝ่ายเมาไม่ได้สติจะว่าผมเลวก็ยอม ผมจูบลงบนริมฝีปากนิ่มครอบครองไว้อยู่อย่างนั้น สอดใส่ลิ้นเข้าไปค้นหาความหวานจูบจนหนำใจทั้งที่ภัทรเมาแบบนั้นแต่ก็จูบตอบกลับมาคงเป็นปฎิกิริยาของคนเมา อ้อมแขนเล็ก ๆ รั้งคอผมไว้ผมไซร้ซอกคอขาวทำรอยคีสมาร์คก่อนเลิกเสื้อยืดตัวบางขึ้นจะลิ้มรสตุ่มไตของบนหน้าอกทั้งตั้งชูชันนั่น ภัทรครางส่งเสียงอื้ออึง ผมมองหน้าเขาอีกครั้งก่อนน้ำตาจะไหลออกมาแล้วก็หยุดทุกอย่างลงผมไม่อยากเป็นคนเลวในสายตาภัทร
"
อิฐรักภัทรนะ...."
แล้ววันรุ่งขึ้นภัทรก็ปวดหัวงอแง โวยวายสัญญาและสาบานกับผมว่าจะไม่แตะแอลกฮอล์อีก
.
.
.
"นกขออิฐคบเหรอ" เป็นคำสนทนาในยามบ่ายของวันปีใหม่ที่ทุกอย่างดูสดใส ถ้าไม่ติดอาการแฮงค์เอ้าท์ของเราทั้งคู่
"อือ…ใครบอกเหรอ" ผมยังง่วนอยู่กับขนมปังปิ้งที่ทาแยมส้มแล้วส่งให้คู่สนธนาตัวดี
"นกบอก นกว่าชอบอิฐมานานแล้ว อิฐตอบตกลงไปหรือเปล่า" ทั้งที่งับขนมปังแต่ยังพูดจาเจื้อยแจ้วได้ดี จนขนมปังแทบติดคอ ผมส่งน้ำส้มอย่างที่เจ้าตัวชอบส่งไปให้
"บอกแล้วว่าเวลาเคี้ยวอาหารอย่ามัวแต่พูด" ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถาม
"ขอโทษ… แล้วอิฐตอบตกลงไปหรือเปล่า"
"เปล่า อิฐมีคนที่ชอบแล้ว อิฐไม่อยากให้นกเสียใจ"
"เหรอ... ภัทรรู้จักคนนั้นหรือเปล่า ทำไมอิฐปิดเงียบไม่บอกภัทรเลย"
"ภัทรไม่รู้จักหรอก" แล้วทุกอย่างก็เงียบ ผมได้ยินเสียงนกร้อง... ท้องฟ้ายังคงสว่างไสวราวกับเช้าของวันปีใหม่แต่นี่ก็บ่ายแก่ ๆ แล้ว
"วันนี้ภัทรไปข้างนอกนะอิฐ มีนัดกับพี่อิง"
"อิ่มแล้วเหรอ"
"เปล่า ภัทร
เบื่อแยมส้มแล้ว เดี๋ยวต้องไปกินข้าวกับพี่อิงด้วย ภัทรไปอาบน้ำก่อนนะ"
.
.
.
.
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของภัทร เราไม่ได้คุยกันอีก ช่วงนี้ภัทรงานยุ่งกลับบ้านดึกบ่อย ๆ ขณะที่ผมกลับบ้างไม่กลับบ้าง ผมขี้ขลาดเองไม่กล้าที่จะพูดอะไรให้มันชัดเจนออกไป ผมอยากจะพูดว่า '
คบกันนะ อิฐรักภัทร' แต่ก็เหมือนไม่ใช่วิสัยของผมสักเท่าไหร่ เราเป็นเพื่อนกันมานาน นานจน... ผมอยากให้มันเป็นตลอดกาล
"ไอ้อิฐ! จะกินจนเมาเป็นหมาหรือไงวะ"
"ปล่อยกู" ไอ้น้ำดึงแก้วเหล้าออกจากมือถือเมื่อเห็นท่าว่าออนเดอะร็อกกำลังจะทำให้เพื่อนมันสิ้นฤทธิ์
"แด่กอย่างกับน้ำเปล่า กลุ้มนักเดินไปบอกไอ้ภัทรเลยว่ารัก"
"ก็เขาไม่ได้รักกู บอกไปก็ไม่ได้ทำให้รัก เขากับกูน่ะ.... มันก็แค่เพื่อนร๊าาาาากกกก... "
"สัดนี่! ไม่บอกใครเขาจะรู้วะ มึแต่มึงนี่แหล่ะที่โง่งมโข่งอยู่ในกะลา เป็นกูบอกไปตั้งแต่รู้ตัวแล้ว ไม่ปล่อยโอกาสให้ใครมาทำคะแนนไปง่าย ๆ หรอก น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกล่อน อย่าว่าแต่ใจคนเลยมึงงงงง มึงดีกับภัทรมันเท่าไหร่ ไอ้พี่อิงนั่นแม่งก็โคตรดี... ไม่ต้องเป็นเกย์กูก็อยากได้เป็นแฟนวะ" ไอ้น้ำเริ่มพล่ามอะไรก็ไม่รู้...
"ภัทรมันก็รักมึงแหล่ะ สัดนี่! ฟังกูอยู่ป่ะเนี่ย... ถ้ามันไม่รักมึงมันคงไม่..."
"ไม่เชี่ยไร..."
"ช่างเหอะ บอกมันไปซะว่ารักมัน ก่อนที่จะมีใครคาบไปแด่กแล้วต้องมานั่งร้องไห้ให้กูปลอบ"
"กูไม่อยากเป็นคนเลว... ภัทรไม่ได้รักกูหรอก ถ้ากูบอกไปมันคงเลิกคบกับกู"
"ไอ้โง่บัดซบเอ๊ยยยยยย...." ผมโดนไอ้น้ำตบกระบาล หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่ากลับมาถึงคอนโดได้ยังไง เราสองคนหลบหน้าหลบตากันตั้งแต่หลังวันปีใหม่ ภัทรทำท่าแปลก ๆ ตั้งแต่วันที่ออกไปกับพี่อิง ถามคำตอบคำ ผมเหนื่อยที่จะซักไซร้ไล่เรียง หลัง ๆ มานี่บางทีภัทรก็ประชดมากขึ้น
.
.
.
"อิฐไม่ใช่พ่อภัทรไม่ต้องมาบ่น ภัทรไม่อยากฟัง ทีอิฐออกไปดึก ๆ ดื่น ๆ ภัทรไม่เห็นว่าสักคำเลยนะ"
"แต่ภัทรกลับดึกอิฐเป็นห่วง"
"อิฐห่วงทำไม ภัทรก็เหมือนอิฐเป็นผู้ชายเหมือนกัน ภัทรโตแล้ว อิฐเลิกห่วงเถอะไปห่วงคนนั้นของอิฐเถอะ"
"ดื้อว่ะ!"
"ภัทรไม่ได้ดื้อ ภัทรเบื่อ... โน่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้อิฐเป็นใครเป็น
แค่เพื่อนสนิทอย่ามาทำตัวเป็นพ่อกับแม่นะ ภัทรไม่ชอบ"
"ใช่สิ! อิฐไม่ใช่พี่อิงคนดีของภัทรนิ"
"รู้ตัวก็ดีแล้ว"
.
.
.
เราทะเลาะกันในคืนนั้นต่างฝ่ายต่างไม่ได้พูดอะไรอีก จนถึงตอนนี้ ผมนั่งฟังเพลงอยู่เพลงที่ทำให้ผมสะดุดใจ
"อิฐว่างไหม... ภัทรขอคุยด้วยหน่อย"
"ได้สิ..." อิฐว่างสำหรับภัทรเสมออยู่แล้ว ผมวางหนังสือในมือลง
"อิฐจะว่าอะไรไหม ถ้าภัทรจะย้ายออก"
"ภัทรหมายความว่ายังไง ?"
"อิฐ… พี่อิงขอเราคบล่ะ เราตอบตกลงไปแล้ว อิฐไม่โกรธใช่ไหม"
"ดีแล้ว พี่อิงเป็นคนดี" ผมกำลังหลอกตัวเองอยู่ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มที่สุด... เพลงยังคงดัง
เรายังอยู่ด้วยกันอีกนานแสนนาน
ฉันเชื่อตัวเองเช่นนั้น ถึงได้ปล่อยวันเวลาไปไกล
ควรจะบอกบางคำก็ทำลืมไป
คิดว่าเหลือเวลาเท่าไรก็พอพูดมัน
กว่าจะบอกตัวเองว่าอย่ามั่นใจ
ก็เมื่อในวันที่สาย ที่ไม่มีเธอข้างๆกายกัน
อยากจะบอกคำเดิมที่เธอรอนาน
ฉันก็เหลือแค่เพียงสิทธิ์บอกเธอผ่านสายตา
และทีนี้เวลาที่มีไม่พอสักอย่าง
อยากมีหนทางดึงสิ่งต่างๆย้อนมา
จะกอดเธอไว้จะทำทุกวันให้มีความหมายให้มีค่า
จะไม่ทำให้เธอปวดใจ
ฉัน ไม่มีวันได้เธอคืนมา ฉันขอเวลาแค่บอกคำนั้น
ที่เธอเคยต้องการมันยังทันใช่ไหม
ฉันเสียใจตลอดเวลาที่รักษาเธอไม่ได้ สุดท้าย
อยากให้รู้ว่ารัก
ได้แต่เกลียดตัวเองที่ลืมนึกไป
ว่าโลกมีคำว่าสาย ไว้สะกิดใจให้ฉันรีบทำ
ได้แต่กอดตัวเองกับความทรงจำ
ที่ยิ่งย้ำว่าฉันมันผิดที่ชะล่าใจ
และทีนี้เวลาที่มีไม่พอสักอย่าง
อยากมีหนทางดึงสิ่งต่างๆย้อนมา
จะกอดเธอไว้จะทำทุกวันให้มีความหมายให้มีค่า
จะไม่ทำให้เธอปวดใจ
ฉัน ไม่มีวันได้เธอคืนมา ฉันขอเวลาแค่บอกคำนั้น
ที่เธอเคยต้องการมันยังทันใช่ไหม
ฉันเสียใจตลอดเวลาที่รักษาเธอไม่ได้ สุดท้าย
อยากให้รู้ว่ารัก
ฉันขอได้ไหม แค่บอกคำนั้น (แค่บอกคำนั้นจากใจ)
ที่เธอเคยต้องการมันยังทันใช่ไหม
ฉันรักเธอตลอดเวลา แต่รักษาเธอไม่ได้
เชื่อไหม (สุดท้าย) เวลาไม่เคยพอความไม่ชัดเจนกำลังฆ่าผมอย่างช้า ๆ ในห้วงของความฝันผมมีภัทร เรามีแค่กันและกัน... ผมกำลังหลอกตัวเองแบบที่ไอ้น้ำบอก ทุกอย่างมันเป็นเพราะความไม่กล้าพอของตัวผมเอง สุดท้ายผมก็คงต้องปล่อยมือภัทรไปความรักของผมเริ่มต้นและจบลงด้วยรอยยิ้มของภัทร... 23 ปีที่ผ่านไปผมคงต้องจบมันซะที พรุ่งนี้นะพรุ่งนี้ ผมจะเป็นเพียงแค่เพื่อนที่ดีที่สุดของเขา ผมสัญญา
"
อิฐรักภัทรนะ"