Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63  (อ่าน 62785 ครั้ง)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
 ถ้าท้องได้ คงมีลูกเป็นสิบ!!!

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“นี่ครับ คุณวรุฒ”  ชายหนุ่มวัยกลางคนในชุดซาฟารี ยื่นถุงโลโก้สีเขียวสดใสซึ่งเป็นของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือค่ายใหญ่ ค่ายหนึ่งส่งให้วรุฒทันทีที่เปิดประตูห้อง

“อืม... ขอบคุณนะครับ แล้วรถที่ให้ไปรับมา โอเคไหม?” วรุฒรับถุงนั้นมาตรวจสอบของข้างใน พร้อมกับถามต่อ
“เรียบร้อยครับ ได้ตามที่ขอครับ ผมเช็คเรื่องเครื่องยนต์และเติมน้ำมันให้เต็มถังเรียบร้อยครับ” ชายวัยกลางคนตอบอย่างฉะฉาน
“อืม.... โอเค งั้นระหว่างผมจัดการกับสิ่งนี้ ผมวานน้าขับรถให้ผมก่อนได้ไหมครับ ผมว่าคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่”
“ได้ครับ คุณวรุฒ”

“ไปกันได้แล้ว” วรุฒหันมาคุยกับชานนท์ที่นั่งฟังบทสนทนาอย่างสนใจ
“โอเคๆ” ชานนท์รีบลุกขึ้นและรวบรวมกระเป๋าทั้งหมดของเขาที่จะนำกลับบ้าน
“นายจะเอาของอะไรไปเยอะแยะเนี่ย! จะไปสี่วันหรือจะไปสี่ปี?”
“ของจำเป็นทั้งนั้น ใครจะเหมือนนาย กระเป๋าเป้แค่ใบเดียวเอาอะไรไปบ้างเนี่ย”
“ของเราน่ะ มีแต่ของจำเป็นจริงๆ ไม่ใช่มีแต่ของไร้สาระเหมือนนาย”
“เขาเรียกว่าเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ต่างหาก”
“โอเคๆ ตามใจ” วรุฒรู้ว่าเถียงไปก็คงไม่ชนะ คนตัวเล็กที่แสนจะดื้อรั้นเกินขนาดตัวแบบนี้ ยิ่งช่วงหลังๆ วรุฒเริ่มอ่อนข้อให้ ชานนท์ก็แสดงความดื้อดึงออกมามากขึ้น ซึ่งวรุฒก็มองว่าน่ารักดี

ส่วนชานนท์ ตอนแรกที่เขาวางแผนกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเพียงคน เขาก็มีกระเป๋าใบใหญ่เพียงใบเดียว แต่ตอนนี้กลับงอกเพิ่มขึ้นมาอีกใบ เพราะมีคนคิดจะพาไปส่งถึงที่ เลยนำของที่อยากจะใช้ใส่ไปเที่ยวที่บ้านเกิดติดมือไปด้วย (พวกเสื้อผ้าที่วรุฒซื้อให้) เลือกไม่ได้ เวลาเลือกน้อยก็เลยเอาไปทั้งหมดเลย

 ขณะที่ชานนท์กำลังถือสัมภาระที่น่าจะเกินตัวเขาออกจากประตู ชายวัยกลางคนๆ นั้นก็รีบเข้ามาช่วยเหลือโดยการคว้าทุกอย่างในมือชานนท์ไปอยู่บนมือเขาอย่างง่ายดาย

“ให้ผมช่วยนะครับ” ชายวัยกลางคนพูดกับขานนท์อย่างสุภาพ
“เอ่อ.... ไม่เป็นไรครับ” ชานนท์รีบปฏิเสธ และกลับไปคว้ากระเป๋ามาคืน
“ไม่เป็นไรหรอก!! ให้เขาช่วยเถอะ!!” วรุฒพูดสวนมาขณะเดินไปหยิบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของเขาที่โต๊ะ
“ไม่เป็นไร” ชานนท์หันไปพูดด้วยสีหน้าเกรงใจ
“น้าเสิดครับช่วยเอากระเป๋าไปไว้ที่รถให้หน่อยครับ”
วรุฒพูดสวนขึ้นมาทั้งที่ชานนท์ยังพูดไม่จบประโยค
“ได้ครับ แล้ว กระเป๋าคุณวรุฒล่ะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้เอง ผมถือไปเองครับ”
“ได้ครับ” สิ้นประโยค น้าเสิดแกก็เดินก้าวเร็วไปจากหน้าประตูทันที

...........................

“เอ้านี่ เสร็จแล้ว” วรุฒยื่นโทรศัพท์สมาร์ทโฟนจอใหญ่กว่าของที่พังไม่มีชิ้นดีของชานนท์ยื่นให้คนตัวเล็กอย่างภูมิใจ
“อะไร!!” ชานนท์ตอบด้วยท่าทีรำคาญผสมโกรธใส่อีกฝ่าย แต่ก็แอบทึ่งกับความคล่องแคล้วในการทำงานกับเทคโนโลยีขนาดนี้ด้วยความรวดเร็ว วรุฒพยายามกู้ข้อมูลในเครื่องสมาร์ตโฟนที่พังเป็นส่วนๆ ของชานนท์อยู่พักใหญ่ในที่สุดก็สามารถกูคืนข้อมูลทุกส่วนเข้าเครื่องใหม่ได้สำเร็จ

“รับไปเถอะ เราอุตส่าห์ให้น้าเสิดรีบไปหาซื้อเครื่องใหม่ให้ อันนี้รุ่นใหม่ล่าสุดเลยนะ”
“ไม่ต้องการ”
“แล้วนายมีโทรศัพท์ใช้หรือไง? เดี๋ยวพอถึงบ้านแล้วนายจะติดต่อแม่ยังไง? เดานะ นายคงยังไม่ได้บอกแม่นายใช่ไหมว่าจะกลับ?”
“เอ่อ.....”
“รับไปเหอะน่า ถือว่าเราทำเครื่องนายพัง เราอยากชดใช้ให้”
“อ่ะ... ก็ได้ แต่เราไม่ได้เห็นแก่ของหรอกนะ!! และเรายังไม่หายโกรธนายเรื่องนี้ด้วย!!” ชานนท์รับมาถือไว้และทำเหมือนไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร แต่ก็แอบหยิบขึ้นมาเช็คทุกมุมอย่างละเอียด มือก็เล่นไปเล่นมาเลื่อนดูนู่นนี่ไม่หยุด
แม้จะพยายามแอบทำแต่ก็ไม่พ้นสายตาเหยี่ยวของอีกฝ่ายได้ วรุฒแอบยิ้มกับความน่ารักของแฟนตัวเองอยู่ที่เบาะด้านหลังข้างๆตัวเอง

“นนท์” วรุฒเรียกอีกฝ่ายที่กำลังจัดการกับแอปพลิเคชั่นต่างในโทรศัพท์ใหม่ที่เพิ่งได้รับ
“อะไร!” ชานนท์รู้ตัวว่าเริ่มถูกอีกฝ่ายจ้องมองอยู่จึงรีบวางโทรศัพท์ลง
“อ่ะนี่ นายจะไม่ถามถึงพวก แอสแซสซอรี่ กับกล่องของโทรศัพท์หรือไง” วรุฒชูถุงสีเขียวอ่อนขึ้นสูงให้เห็นชัด
“เอ่อ.... ขอบใจ” ชานนท์รับมาอย่างเขินๆ
“เราชาร์จแบตเตอรี่สำรองให้แล้วนะครับ อย่าลืมชาร์จ ระวังอย่างเล่นจนแบตหมดตั้งแต่เริ่มใช้นะ”
“โอ..เค ขอบใจ” ตอนนี้ชานนท์รู้สึกเขินตัวเองจนไม่อยากจะมองหน้าอีกฝ่ายที่เอาแต่จ้องเขาด้วยรอยยิ้มอย่างมีชัย ในที่สุดเขาก็ทำให้อีกฝ่ายยิ้มได้เหมือนเดิม เพราะถึงแม้ว่าเขาจะคืนดีกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ชานนท์ก็มักจะมีหงุดหงิดใส่เขาเวลาเห็นโทรศัพท์ที่พังของตนเอง แม้การซื้อของใหม่ให้จะไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกดีขึ้น แต่การที่มีเครื่องใหม่พร้อมการกู้ข้อมูลเก่ามาให้ด้วยก็ทำให้แฟนตัวเล็กของเขาอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย

รถ SUV ขนาดใหญ่ ภายในโอ่อ่านั่งได้สะดวกสบาย ที่น้าเสิดขับมาให้จากบ้านของวรุฒ ถูกขับมาจอดอยู่ที่สถานจ่ายน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งริมถนนทางหลวงไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร

งั้นผมขอส่งคุณวรุฒถึงตรงนี้นะครับ คุณวรุฒแน่ใจนะครับว่าจะขับเองจริงๆ” น้าเสิดคนขับรถประจำบ้านของวรุฒเอ่ยถามเมื่อจอดรถในที่จอดสนิท
“ครับ ผมขอขับเองครับ น้ากลับบ้านเถอะ เผื่อคุณนายที่บ้านเรียกใช้ ผมอยากขับเองครับ” วรุฒพับเก็บคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คและตอบกลับอย่างสุภาพ
“งั้น ผมขอตัวนะครับ” น้าเสิดพูดจบก็เดินลงจากรถไป

“เดี๋ยวนะ นายจะปล่อยให้น้าเขาลงตรงนี้แล้วจะกลับยังไง?”
ชานนท์ทักขึ้นด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวให้คนขับรถอีกคันมารับก็จบแล้ว น้าเสิดน่ะเป็นคนดูแลคนขับรถให้ที่บ้านนะ ไม่ลำบากหรอก”
“โห... บ้านนายมีคนขับรถกี่คนเนี่ย แล้วรถเนี่ยมีกี่คัน”
“คนขับก็ 4 มั้ง ส่วนรถก็.....” วรุฒทำท่านึก
“ไม่ต้องๆ แล้วไม่อยากรู้แล้ว” ชานนท์มีความรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่ควรถาม เพราะเขาแค่ถามไปงั้นๆ ไม่คืดว่าวรุฒจะตอบกลับมาหน้าตาย หากมีคนอื่นฟังอยู่อาจจะมองว่าวรุฒอวดรวย แต่ความจริงเขาก็แค่ตอบตามความจริง

“ไป!! ไปกันเถอะ!!” วรุฒเอ่ยปากชวนพร้อมลงจากรถ
“ไปไหน?”
“แล้วนนท์จะไม่ไปนั่งเป็นเพื่อนเราข้างหน้าเหรอ? นายจะให้เราเป็นคนขับรถให้นายงั้นเหรอ?” วรุฒทำหน้ายียวนใส่คนตัวเล็ก
“แหม.... บอกดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องประชดเลย”  ชานนท์แอบค้อนใส่อีกฝ่ายและลงจากรถ

การเดินทางครั้งนี้วรุฒทำการบ้านมาอย่างดี ไม่ว่าจะผ่านถนนเส้นไหนที่มีสถานที่ควรแวะเขารู้มากกว่าขานนท์เสียอีก และวรุฒวางแผนว่าจะแวะทุกจุด จนกระทั้งชานนท์เอ่ยปากถามถึงกำหนดการทั้งหมดของวรุฒ เขาเซ้าซี้จนวรุฒยอมส่งอีเมลรายละเอียดทั้งหมดให้ ซึ่งทำให้ชานนทึ่งกับสิ่งที่อยู่หน้าจอมากกว่า 5 แผ่นกระดาษ จังหวัดที่เขาอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก แต่วรุฒสามารถทำรายการดังกล่าวมากมายเสียจนชานนท์คิดว่าเขาน่าจะถึงบ้านคงจะเป็นพรุ่งนี้ช่วงเย็นแน่ๆหากไปสถานที่เหล่านี้ครบ

“โอโห!! นายแน่ใจนะว่าจะไปให้ครบ!!”
“อืม.. ก็วางแผนไว้แบบนั้น” วรุฒตอบไปมองถนนไป
“นายจะบ้าเหรอไง! ขืนไปหมดนี่ คงไม่ถึงบ้านเราหรอก!!”
“งั้น...... นายก็เลือกให้หน่อยสิว่าจะไปไหนบ้าง จะได้ลดลง” วรุฒยิ้มขำกับอากัปกิริยาของคนด้านข้าง
“อืม..... โห..... เราไม่รู้จักตั้งหลายที่ เลือกไม่ถูกล่ะ”
“เอาน่า อยากไปตรงไหนก็ไป รีบเลือกหน่อย เอาอันที่ใกล้ๆ ก่อนด้วย เพราะตอนนี้เราเริ่มง่วงแล้วด้วย!” วรุฒทำท่าหาวให้ชานนท์เห็น
“สมน้ำหน้า เมื่อคือใครให้คึกคักขนาดนั้น!!”
“5555 ใครใช้ให้นายน่ารักล่ะ?”  วรุฒหันกลับยิ้มให้ชานนท์ ยิ้มที่ทำให้ทุกคนละลายทันทีเมื่อหันมาเจอ แต่ยิ้มนี้หันมาให้เขาคนเดียว จนชานนท์รู้สึกเขินอายความหล่อเหลาของอีกฝ่าย
“โอ้ย ไม่คุยด้วยแล้ว!! เดี๋ยวสิ!!”
“อะไร?”
“ ก็นายเพิ่งจะแวะดื่มกาแฟ ไปเมื่อร้านคาเฟ่เมื่อกี้อยู่เลย นายจะง่วงอีกแล้วได้ยังไง นี่ยังขับมาไม่ถึงชั่วโมงเลย!!”
“ก็คนมันง่วง เรากลัวอุบัติเหตุนะ หรือนายจะมาเปลี่ยนกันขับ?”
“นายก็รู้ว่าเราขับไม่เป็น!”
“งั้นก็หาที่แวะ”
“แล้วเมื่อไหร่จะถึง!”
“แล้วจะรีบไปไหน?”
“นายนี่มัน!!”
“อุตส่าห์ได้มาเที่ยวกันตามลำพังครั้งแรก ตามใจเราหน่อยสิ”
“ไม่อยากจะตามใจนายมากเกินไป นายโดนตามใจมาทั้งชีวิตแล้ว!!”
“โอเคๆ งั้นขอจับมือหน่อย... จะได้ไม่ง่วง”
“แล้วนายจะขับถนัดเรอะ? ขับมือเดียว?”
“สบาย!!” วรุฒตอบกลับอย่างมั่นใจจนน่าหมั่นไส้ แต่ชานนท์ด้วยความที่อยากกลับถึงบ้านเร็วๆ จึงยอมทำแต่โดยดี เขายื่นมือไปหาอีกฝ่าย ให้อีกฝ่ายกุมไว้และวางบนตักของคนขับ ชานนท์เห็นอีกฝ่ายดีใจอย่างประหลาด สีหน้าแฝงความสุขจนเขาไม่อาจชักมือกลับได้ แม้จะเหมื่อยอยู่นิดหน่อย แต่เขาก็ยังให้อีกฝ่ายกุมมือเขาไว้แน่น เหมือนมีไออุ่นและความรู้สึกบางอย่างจากคนตัวใหญ่ไหลเวียนเข้าไปในร่างกายเขาเช่นกัน ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงอย่างประหลาด เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้เลย แบบนี้เขาเรียกว่ารักหรือเปล่านะ? เขาเฝ้าถามกับตัวเอง

“ เดี๋ยวขับไปอีกครึ่งชั่วโมงค่อยแวะร้านนี้ก็ได้นะ” ชานนท์หยิบยื่นโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายเห็นหน้าจอที่เขาอ่านอยู่
“ทำไมถึงอยากจะแวะแล้วล่ะ?” อีกฝ่ายหนึ่งถามอย่างสงสัย
“ก็ไม่มีอะไร อยากให้นายพักบ้างก็ดี เราเหมื่อยมือจะแย่แล้ว!” ชานนท์ตอบกลับอย่างขัดเขิน เพราะเขาเองก็เพิ่งรู้สึกว่าเหตุผลที่วรุฒไม่อยากไปถึงที่หมายเร็วๆ เพราะต้องการอยู่กับเขาตามลำพังให้มากขึ้นเท่านั้นเอง และนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการตอนนี้เข่นกัน

............

ผ่านการเดินทางแบบหยุดพักทุกๆ ตำบลที่แวะผ่าน ทำให้กว่าชานนท์จะถึงบ้านก็เกือบพลบค่ำ แสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก ทำให้สีของท้องฟ้าเปลี่ยนไป ถนนทางเข้าบ้านของชานนท์มืดสลัวขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไป แม้ชานนท์จะรู้สึกสนุกกับช่วงเวลาที่ผ่านมาของวันนี้ แต่ก็อดตื่นเต้นกับการได้พบกับแม่ตัวเองไม่ได้ ที่สำคัญวันนี้เขาไม่ได้มาคนเดียว ชานนท์พยายามกำชับวรุฒหลายครั้งในเรื่องการพูดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขากับแม่ของตนเอง ทุกครั้งวรุฒก็พยักหน้าและตอบอย่างขอไปที ทำให้ชานนท์ไม่มั่นใจว่าวรุฒจะสามารถทำตามที่รับปากไว้ได้หรือไม่

“อย่าลืมนะ!!” ชานนท์พูดเสียงเข้ม
“เรื่องอะไร?” วรุฒตอบเสียงขุ่น เพราะทางเข้าบ้านของชานนท์ถนนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาต้องพยายามหลบหลุมเล็กหลุมใหญ่พัลวันไปหมด
“ก็เรื่องของพวกเรา อย่าได้หลุดปากไปเลยนะ เราจะบอกว่าเป็นเพื่อนกัน เข้าใจไหม?”
“เออๆ นี่พูดครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย”
“ก็นายตอบแบบเนี้ย! ใครจะไปมั่นใจได้”
“ เรารู้กาละเทศะดีน่า ว่าแต่ถนนบ้านนายเนี่ยมันสุดยอดเลย!”
“โทษที เราพามาทางลัดน่ะ อีกนิดเดียวก็พ้นแล้ว!!”
“ให้มันจริงนะ ขับแบบนี้มาสิบนาทีแล้วเนี่ย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชานนท์หัวเราะกลบเกลื่อนไป

ถนนสายที่ชานนท์แนะนำให้เข้ามายาวต่อไปอีกประมาณห้านาที ก่อนที่จะเจอถนนตัดใหม่ที่สวย เรียบใหม่และสว่างกว่าเส้นทางที่ผ่านมามาก ชานนท์บอกทางต่ออีกสองสามโค้ง แล้วเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆซอยหนึ่ง ขับเข้าไปอีกระยะหนึ่งก็ถึงบ้านหลังหนึ่งที่เป็นไม้กึ่งปูน ลักษณะค่อนข้างเก่า สีไม้และสีขาวที่ทาบนส่วนผนังปูนต่างซีดไปตามกาลเวลา บ้านสองชั้นปลูกบนพื้นที่ขนาดไม่เกิน30 ตารางเมตร มีพื้นที่ที่เป็นสวนหย่อมเล็กๆโดยรอบ ไฟนีออนสีขาวอ่อนที่เปิดสลัวอยู่ที่หน้าและบริเวณประตูรั่วยิ่งทำให้บ้านดูเงียบสงัดและวังเวง รถของวรุฒมาหยุดอยู่ที่ประตูรั่วอย่างนิ่มนวล ไฟหน้าของรถ suv สาองสว่างเข้าไปในซอยที่มีแสงสลัวและลึกยาวเข้าไป แสงหน้ารถยังสว่างกว่าแสงที่รั่วหน้าบ้านของชานนท์เสียอีก หากเปรียบเทียบกับบ้านข้างเคียงทั้งสองข้าง บ้านหลังนี้ดูจะมีความแปลกแยกพอสมควรเลยเพราะสองหลังที่ขนาบข้างดูใหม่กว่า มีการซ่อมแซมต่อเดิมมากกว่า

“นายอยู่บ้านแบบเนี้ยน่ะเหรอ? เงียบจังมีใครอยู่ไหมเนี่ย” วรุฒก้มตัวมองลอดผ่านกระจกหน้ารถเข้าไปในตัวบ้าน
“ใช่ บ้านเราเอง อืม.... สงสัยแม่น่าจะอยู่ในบ้านแล้ว” ชานนท์เข้าใจสิ่งที่วรุฒพูด เขาคงไม่เคยอยู่บ้านมือสองซ่อมซ่ออย่างนี้ เขากับแม่ภูมิใจกับบ้านหลังนี้มาก บ้านที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของแม่ของเขา
“อยู่มานานแล้วเหรอ?” วรุฒถามต่อ
“เปล่า เพิ่งย้ายมาอยู่ช่วง ม.ปลายน่ะ” ชานนท์มองเข้าไปในบ้านอย่างสงสัยพร้อมหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ของเขาขึ้นมากดโทรหาแม่ของเขา

 เพียงไม่กี่เสียงสัญญาณรอสาย เสียงอีกปลายทางหนึ่งของสายก็รับทันที
“ว่าไงลูก? โทรมาเสียดึกเชียว?”
“แม่ครับ ผมอยู่หน้าบ้านแล้วครับ เปิดประตูให้หน่อยครับ”
“อ้าว ไอ้ลูกคนนี้ ทำไมจะมาไม่บอกกันล่วงหน้า และก็มาเสียดึกเชียว งั้นรอสักเดี๋ยวนะ” แล้วแม่ของชานนท์ก็วางสายไป

“ยังไม่สองทุ่มเลย เรียกว่าดึกแล้วเหรอ?” วรุฒที่ได้ยินบทสนทนาของแม่ลูกคู่นี้อดที่ถามไม่ได้
“แหม นี่มันต่างจังหวัดนะ สองทุ่มก็เข้าบ้านนอนกันหมดแล้ว!”
“อืม... งั้นเหรอ?” วรุฒตอบกลับแบบไม่เชื่อสิ่งที่ชานนท์พูด

เสียงเอี๊ยดอ๊าดจากประตูรั่วที่ทำจากเหล็กเก่าๆ ที่มีสนิมขึ้นไปทั่ว หญิงวัยกลางคนรูปร่างบอบบางกำลังทำการเปิดประตูอยู่ เธอเปิดไว้เพียงช่องแคบๆ ที่เพียงพอให้เธอเดินออกมาได้ เธอเดินออกมายืนมองหาบางสิ่งบางอย่างและสงสัยถึงรถที่จอดอยู่ไม่ไกลจากหน้าบ้านของเธอ

“เออ! จริงสิ ไม่ได้บอกแม่ว่า เรามากับนาย!” ชานนท์พูดจบก็รีบลงจากรถและรี่ไปหาผู้เป็นแม่ทันที
เมื่อหญิงผู้เป็นแม่เห็นลูกชายอันเป็นที่รักของเธอก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจและโผเข้ากอดอย่างโหยหา ชานนท์ก็รีบกอดเธอกลับอย่างไม่รีรอ
สองแม่ลูกพูดคุยกันพักหนึ่งก็มองมาที่รถของวรุฒ  วรุฒจึงเปิดประตูรถลงไปทักทายผู้เป็นแม่ทันที แต่เพียงแค่เอ่ยคำสวัสดี ผู้เป็นแม่ก็รีบตอบรับ และชวนให้นำรถไปจอดภายในบ้านก่อนทันที

ภายในรั่วบ้านมีพื้นที่สำหรับจอดรถภายในบ้านสำหรับสองคันพร้อมหลังคาบังแดดฝน แม้มันจะไม่ได้สวยหรูใหญ่โตแต่ก็สะอาดสะอ้านดี

“สวัสดีครับแม่” วรุฒรีบลงไปทักทายแม่ของคนตัวเล็กอย่างเป็นทางการทันที ตอนนี้วรุฒได้เห็นแม่ของชานนท์ชัดเจนขึ้นในระยะประชิดและแสงไฟหน้าบ้านที่สว่างกว่าตอนแรกมาก เธอเป็นผู้หญิงรูปร่างบอบบาง ร่างเล็ก เป็นคนที่ยังดูแลรูปร่างตัวเองดีอยู่แม้จะมีใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าและริ้วรอยของวัยปรากฎขึ้นหลายแห่ง หลังจากดูในระยะนี้แม่ของชานนท์ก็ยังดูสาวและสวยมากๆ คนหนึ่ง วรุฒเข้าใจเลยว่า หน้าสวยหวานของชานนท์ได้มาจากใคร
“ไหว้พระเถอะลูก” คนเป็นแม่พูดจบก็พินิจเพื่อนของลูกอย่างละเอียด
“เพื่อนที่เรียนคณะเดียวกัน พักอยู่ห้องเดียวด้วยครับ บังเอิญว่าอยากมาเที่ยวต่างจังหวัดครับเลยขอมาพักด้วยครับ” ชานนท์รีบขยาย
“อืม...” คนเป็นแม่ทำท่านึกอะไรในใจ
“อะไรแม่?” ชานนท์เริ่มรู้สึกร้อนรนในใจ
“หน้าตาดี ดูจากรถก็น่าจะฐานะดี ไม่ได้เป็นดาราใช่ไหมเรา? หน้าคุ้นมากเลย” คนเป็นแม่ถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ไม่ได้เป็นครับ ไม่คิดจะเป็นด้วยครับ สงสัยผมหน้าโหลมั้งครับ” วรุฒตอบกลับอย่างร่าเริง
“แม่ว่า หน้าอย่างนี้ไม่น่าโหลนะ หล่อขนาดนี้ แม่ว่าแม่คุ้นมาก แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นเราที่ไหน?”  คนเป็นแม่มีท่าทางสงสัยจริงจัง
“เพื่อนผมมันคงหล่อเหมือนดารามั้งแม่ดูละครเยอะไปมั้ง แม่อย่าไปถามเซ้าซี้เลย เข้าบ้านกันเถอะ” ชานนท์พยายามตัดบท
“แม่ไม่อยากให้เราสองคนคบกันเป็นเพื่อนสนิทเลย” คนเป็นแม่ทำหน้าจริงจัง
“อ้าวทำไมล่ะ” ชานนท์ถามกลับอย่างตกใจ ในขณะเดียวกันกับที่วรุฒก็ทำท่าตกใจไม่แพ้กันเพราะยังไม่ทันจะเข้าประตูบ้านก็ถูกแม่อีกฝ่ายกีดกันเสียแล้ว หรือว่าแม่ของชานนท์จะเป็นหมอดูหรือมีญาณวิเศษ!

“ก็คบเพื่อนหน้าตาดีขนาดนี้แล้วลูกของแม่จะมีสาวที่ไหนมาสนใจล่ะเนี่ย?” คนเป็นแม่ยิ้มหวานและหยิกแก้มลูกชายอย่างหยอกล้อ
“แม่น่ะ!! ขอบเล่นมุกแบบนี้อีกแล้ว บอกกี่ทีแล้วว่าผมไม่ขำด้วยนะ” ชานนท์มีอาการงอนกับคนเป็นแม่เล็กน้อย ส่วนวรุฒได้แต่อมยิ้มเพราะคำพูดของคนเป็นแม่ เนื่องจากต่อให้มีสาวมาสนใจวรุฒจริงๆ เขาคงไม่ยอมให้ผ่านเขาไปได้แน่นอน เพราะเขาเป็นเจ้าของนนท์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

“โอเคๆ เข้าบ้านกันลูก รุฒจ๊ะมีกระเป๋าข้าวของอะไรไหม จะได้ให้นนท์ไปช่วยขนลงมา” คนเป็นแม่ชวนลูกตนเองและเลยไปมองเพื่อนอย่างวรุฒที่สะพายกระเป๋าเป้แค่ใบเดียวยืนเก้ๆกังๆ อยู่
“มีแค่นี้เอง ผมถือไหวครับ”
“แม่จะไปถามเขาทำไม? ตัวใหญ่กว่าผมตั้งเยอะ เขาสิควรจะช่วยผม” ชานนท์บ่นอุบอิบ ส่วนวรุฒเองก็เดินไปชานนท์หยิบกระเป๋าของชานนท์ออกจากท้ายรถ
“เป็นลูกผู้ชายทำไมขี้บ่นขนาดนี้นะ” คนเป็นแม่ส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมช่วยยกให้ ไหนๆ ก็ต้องมารบกวนนอนบ้านคุณแม่ด้วย”
“รูปหล่อแล้วยังน่ารัก แบบนี้ลูกแม่คงยิ่งไม่มีใครสนใจเลยสิเนี่ย” คุณแม่กล่าวอย่างอารมณ์ดี
“โห... สร้างภาพล่ะสิ!!” ชานนท์มองคนส่วนสูงอย่างขุ่นเคือง
“อ่ะๆ แม่ไม่แกล้งแล้ว กินข้าวกินปลามาหรือยัง? ให้แม่ทำอะไรให้กินไหม? ดึกป่านนี้แล้วคงหาร้านอาหารกินยากแล้วนะ” คนเป็นแม่ยิ้มกับลูกชายตนเองอย่างหยอกเย้า และเดินนำทั้งสองเข้าประตูบ้านไป
“กินมาแล้วครับแม่” ชานนท์กลับไปทันทีพร้อมจับท้องตนเองที่แน่นไปหมดเพราะระหว่างเดินทางมานี้ยังไม่ได้หยุดกินเลย

“ถึงแม้จะคิดถึงกับข้าวฝีมือแม่แต่ไว้พรุ่งนี้ดีกว่าครับจะกินให้เต็มคราบเลย!!” ชานนท์รีบกล่าวแทรกทันทีที่เห็นสีหน้าผิดหวังของแม่ตนเอง แม่เขาเป็นคนชอบทำอาหารมาก และภูมิใจกับฝีมือตนเองมากๆด้วย การที่ลูกชายตนเองกินอาหารที่ตนเองทำจนแกลี้ยงเป็นความสุขของผู้เป็นแม่อย่างมาก มันเป็นที่มาของกระเพราะมหัศจรรย์ของชานนท์  โชคดีของชานนท์ที่เป็นคนเผาผลาญดี ไม่อย่างนั้นคงอ้วนกลมไปแล้ว

“งั้นเดี๋ยวลูกๆ นั่งอยู่ตรงนี้ก่อนเดี๋ยวแม่ไปเตรียมห้องให้ทั้งสองคนให้นะ”
“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวผมไปทำเอง” ชานนท์อาสา
“ห้องลูกน่ะ ไม่เท่าไหร่ เพราะแม่ทำความสะอาดให้เรื่อยๆ แต่ห้องรับรองแขกน่ะ ยังไม่ได้ทำเลย”
“ผมนอนห้องเดียวกับนนท์ได้ครับแม่ แม่ไม่ต้องลำบากหรอกครับ” วรุฒพูดแทรกอย่างสุภาพ ส่วนชานนท์นอกจากจะแปลกใจกับวิธีการพูดของวรุฒแล้ว ยังรู้ถึงความคิดของวรุฒอีกด้วย ความคิดทะลึ่งๆ ในหัวของคนตัวสูง
“ได้ยังไง เตียงเล็กนิดเดียวจะให้ผู้ชายสองคนเบียดกันนอนได้ยังไง?!?” แม่ตอบอย่างไม่เห็นด้วย
“ใช่ๆ” ชานนท์เสริม จนวรุฒมองด้วยหางตาดุใส่
“ดึกแล้วครับไม่เป็นไร หาอะไรปูพื้นให้ผมนอนก็ได้ครับ”
วรุฒไม่ยอมแพ้
“แม่จะให้แขกมานอนพื้นแข็งๆได้ยังไงล่ะ แม่ไปเตรียมเดี๋ยวเดียวเอง!” แม่ยื่นคำขาด
“จริงๆ ครับแม่ ผมเกรงใจ แม่อย่าลำบากเลย ผมนอนง่ายๆ แค่นี้เองสบายมาก” วรุฒยืนยันเสียงแข็ง
ส่วนชานนท์ได้ทำหน้าเหลือเชื่อตอบกลับไปยังวรุฒที่ยังคงทำหน้าสุภาพน่ารักใส่แม่ของตนเอง ชานนท์รู้ดีว่าเหตุผลเดียวที่วรุฒอยากมานอนห้องเดียวกับตน มีแค่เหตุผลหื่นๆ แค่อย่างเดียวเท่านั้น!

“อ่ะก็ได้จ๊ะ เดี๋ยวนนท์ไปช่วยแม่ขนที่นอนสำรองจากห้องนอนแขกมาให้เพื่อนที่ห้องด้วยนะ” แม่หันมาหาชานนท์และถอนหายใจ
“ครับ...” ชานนท์ถลึงตาใส่วรุฒที่ยิ้มทะเล้นลับหลังแม่ของเขา ‘โธ่.... ไอ้คนขี้หื่น!!’ ชานนท์ด่าคนตัวใหญ่ในใจ

ภายในห้องชานนท์ตกแต่งแบบเรียบง่าย ห้องสีฟ้าซีดขนาน 5 คูณ 3 เมตร มีเฟอร์นิเจอร์กึ่งเก่ากึ่งใหม่วางอยู่ที่มุมหนึ่ง และมีเฟอร์นิเจอร์อื่นๆที่มีลักษณะตกแต่งเหมือนห้องพักรายวันระดับสามดาวทั่วไป มีรูปชานนท์แขวนอยู่ในห้องเรียงรายมากกว่าสิบรูป คล้ายๆกับการที่วรุฒได้มองเห็นการเติบโตในช่วงวัยต่างๆ ของวรุฒ ผ่านผนังห้องๆนี้

“ห้องเราก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่ย้ายมาแล้วล่ะ เฟอร์นิเจอร์นี่ของดั่งเดิมเลย น่ากลัวไหม?” ชานนท์เดินขนที่นอนสำรองเข้ามาให้ห้องขณะที่วรุฒกำลังสำรวจห้องของเขา
“ไอ้เด็กแว่นหนา ผอมๆ น่าเกลียดนี่ใคร?” วรุฒชี้ไปที่รูปๆหนึ่งที่แขวนบนผนัง
“นายถามแบบนี้เพื่ออะไรน่ะ นายก็รู้ว่านี่ห้องเรา มันจะเป็นรูปใครไปได้?!?” ชานนท์โยนสิ่งที่ตัวเองโอบอยู่ลงกับพื้นอย่างจงใจ ใบหน้าแสดงความไม่พอใจกับคำถาม
“เราล้อเล่น จะว่าไป นายเนี่ยพัฒนาการมาไกลเหมือนกันนะเนี่ย?” วรุฒเดินเข้าไกลและขยี้ศรีษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
“เออ! เรามันน่าเกลียด!!” ชานนท์พูดอย่างน้อยใจ และเดินปึงปังไปเก็บข้าวห้อง เขาแปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าตัวเองทำไมต้องทำกิริยาแบบนั้นออกไป
“โอ๋ๆ อย่านอยสิ ความจริงนายหน้าเหมือนแม่มากนะ แม่นายน่ะเราว่าสมัยสาวๆ เนี่ยคงฮอตน่าดู ขนาดอายุขนาดนี้แล้วยังดูสวยสะกดอยู่เลย!” วรุฒมองไปที่ภาพบนผนังที่วรุฒวัยเด็กถ่ายกับคุณแม่สมัยสาวๆ
“ไอ้บ้า นี่นายกำลังพูดถึงแม่เรานะ อย่าทำน้ำเสียงแบบนั้นสิ!!”
“เฮ้ยๆ ล้อเล่นน่า แต่เราจะบอกว่านาย หน้าตาน่ารักอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่รู้จักดูแลตัวเองเท่านั้นเอง!!”
“โอเคๆ พอเถอะ เราเหนื่อยแล้ว นอนเถอะ” ชานนท์พูดจบก็รีบจัดที่นอนให้คุณชายทันที
“ทำอะไรน่ะ?” วรุฒถามแบบกวนบาทา
“ก็ปูที่นอนให้นายไง!!”
“ใครบอกจะนอนตรงนี้ เราจะนอนตรงนั้น” วรุฒชร้ไปที่ที่นอนสำรองเสร็จก็ย้ายไปชี้ที่เตียงเดี่ยวของชานนท์
“นายจะบ้าเรอะ!! ที่นี่มันบ้านเรานะ แม่ก็นอนอยู่ห้องข้างๆ!” ชานนท์พูดลดเสียงลงจนเหมือนเสียงกระซิบ
“แล้วนายใจร้ายให้เรานอนพื้นๆ จริงๆ หรือ?” วรุฒก็ทำเลียนแบบอีกฝ่ายจนน่าหมั่นไส้
“ก็นายบอกว่าได้!”
“ก็เราอยากนอนกับนาย”
“ไม่เอาโว้ย เดี๋ยวนายหื่น เราไม่ทำแบบนั้นในบ้านแม่!!”
“โอเค! เราไม่ทำหรอก!!”
“ใครจะไปเชื่อนายวะ!! พูดแบบนี้กี่ครั้งแล้ว!!”
“เชื่อเราเถอะ เราคงไม่บ้าขนาดทำอะไรในขณะที่แม่นายนอนอยู่ห้องข้างๆ หรอก!!”
“ให้มันจริง!! จะบอกอะไรให้นะ ผนังที่นี่บางมาก เราทำปากกาตกแม่ยังได้ยินเลย!!”
“โห.... งั้นนายช่วยตัวเองยังไง?”
“ยังอีกยังจะทะเล้นอีก”
“โอเคๆ งั้นตกลงใช่ป่าว”
“เออๆ นอนข้างบนเตียงด้วยกันก็ได้!!”
“เย้!!!”
“ชู่วววว เสียงดังทำไม?”
“เอ่อ.... ขอโทษครับ”
“งั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะ”
“ไปด้วยสิ!”
“นั่นไง ยังไม่ทันไรก็เอาเสียแล้ว!!”
“เรื่องมากจริง!!” วรุฒตีสีหน้าไม่พอใจ
“อยู่ที่นี่ห้ามเรื่องอย่างว่า.!!!!”
“ฆ่ากันเลยเถอะ!”
“อดทนหน่อยนะ เรายังไม่พร้อมที่จะบอกแม่เรื่องของเรา อย่าให้แม่รู้เรื่องด้วยวิธีการแบบนี้เลยนะ!!”
“เออๆ ก็ได้”

สิ้นสุดการสนทนาแบบกระซิบกระซาบ ทั้งสองคนแยกกันอาบน้ำและต่างมานอนในเตียงฟากของตนเองที่ชานนท์จัดพื้นที่ไว้ให้ แต่เมื่อกลางดึกชานนท์ก็ถูกปลุกด้วยอาการขยับไปมาของคนที่นอนอยู่ด้านข้าง เตียงเล็กทำให้รู้สึกถึงอาการนอนไม่หลับของอีกฝ่ายได้ทันที
“เป็นไร? นอนไม่หลับ?” เสียงงัวเงียของชานนท์ทักอีกฝ่ายที่นอนพลิกไปมาหลายรอบ
“อืม..... แปลกที่แปลกเตียงมั้ง”
“ดื่มนมอุ่นๆ ไหม เดี๋ยวเราลงไปทำให้ แม่ทำให้เราดื่มบ่อยเวลานอนไม่หลับ”
“ไม่ล่ะ...... อยาก..... อย่างอื่นมากกว่า น่าจะทำให้หลับเหมือนกัน”
“อะไร? .... หรือว่า.... ไม่นะ”
“เมียจ๋า ผัวนอนไม่หลับ ช่วยผัวหน่อยนะ” วรุฒขยับตัวเข้ากอดอีกฝ่ายแนบชิดจากทางด้านข้าง ชานนท์รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวใต้ร่มผ้า
“ไม่เอา!!”
“น่านะ”
“เฮ้อ.... กอดอย่างเดียวได้ไหม?”
“ก็ทำอยู่เนี่ย แต่ยังไม่ง่วงเลย”
“โอ้ย!! งั้นก็ไม่ต้องนอน”
“นะนะ”วรุฒตื้อเก่งขึ้นเรื่อยๆ
“กอดอย่างเดียวห้ามทำอย่างอื่น!!”
“อ่ะจ๊ะ” วรุฒกระชับวงแขนให้แนบแน่นขึ้น ทำใหชานนท์ได้รับไออุ่นจากอีกฝ่ายได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับอวัยวะของวรุฒก็บดเบียดร่างกายของชานนท์แทบจะทุกส่วนจนเขาเผลอใจเต้นแรง แต่เขาก็ต้องคุมสติตนเองให้อยู่ ตอนนี้กลายเป็นว่าเขานี่แหละที่นอนไม่หลับเสียเอง

..................

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

หน้าคุ้น ๆ เนี่ย   มาม่าหรือเปล่า?  แบบความหลังครั้งรุ่นพ่อรุ่นแม่ไรเงี้ยะ?

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องทำให้ทุกอย่างพ้นออกจากเงามืดยามราตรี ชานนท์ลืมตาขึ้นมาสำรวจคนที่นอนกอดก่ายเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง ท่าทางคุณชายจะได้นอนหลับสนิทจนได้เพราะตอนนี้เขาได้ยินแต่เสียงลมหายใจเบาๆ เข้าออกสม่ำเสมอจากใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาน่ารัก

เมื่อคืนเขาผ่านพ้นการถูกจับกดของอีกฝ่ายไปได้ด้วยดี เขาค้นพบว่า แม้อีกฝ่ายจะรุกหนักแค่ไหน ขอแค่ใจแข็งพอทุกอย่างมันก็จบ!

ชานนท์เดินไปสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าที่ริมหน้าต่างที่เขาแสนจะโหยหา บรรยากาศยามเช้าที่แสนสดใสไร้ฝุ่นควัน ไร้ความอึกทึกจอแจเหมือนในมหาวิทยาลัย เขาชอบมองลงไปที่สวนขนาดย่อมที่แม่เขาบรรจงปลูกไว้ด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ด้วยเป็นงานอดิเรกของเธอ สวนที่เห็นเธอตั้งใจออกแบบมาได้อย่างสวยงามเหมือนสวนของพระราชวังในอังกฤษ (แม่ว่าอย่างนั่นแม่กล่าวอย่างภูมิใจทุกครั้งที่พูดถึงสวนของเธอ)

ระหว่างมองกวาดไปตามไรยอดไม้ดอกไม้ประดับในสวน สายตาเขาก็ไปกระทบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ข้างบ้าน หญิงสาวที่เพียงแค่เห็นจากที่ไกลๆ ก็ทำให้เขาใจเต้นแรงได้ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เธอชื่อ ‘ชมพู่’ รักแรกของชานนท์ ชานนท์พบเธอก็ตอนย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ช่วงมัธยมปลาย เธอเป็นหญิงสาวที่สวยระดับดาวโรงเรียน ผิวขาวเนียนสวย ตากลมโต ขายาวหุ่นบอบบาง เธอสูงไล่เลี่ยกับชานนท์เลยทีเดียว นอกเหนือจากนี้เธอยังเรียนเก่งมากระดับติดอันดับ 1ใน 10 ของจังหวัดอีกด้วย แต่เธอเป็นคนนิสัยดี ไม่หยิ่ง และยังรับชานนท์เป็นเพื่อนด้วย เธอไม่รังเกียจเด็กนักเรียนเนิร์ดที่มีมนุษย์สัมพันธ์ไม่ดีอย่างเขา ถึงแม้ว่าชานนท์และชมพู่จะอยู่โรงเรียนเดียวกันในช่วงมัธยมปลายแต่ก็อยู่คนละห้อง ถึงอย่างนั้นเธอก็มักจะรอชานนท์เดินทางไปโรงเรียนด้วยกัน ติวหนังสือด้วยกัน เธอแสนดีขนาดนี้ไม่แปลกใจที่ชานนท์จะหลงรัก แต่จุดหักมุมมันไปอยู่ช่วงเทอมสุดท้ายของมัธยมหก ชมพู่เธอตกลงเป็นแฟนกับเด็กนักเรียนระดับท้อปของจังหวัด ทำให้ความสัมพันธ์ของเขาและเธอห่างออกไป ไหนจะเรื่องเรียนที่ต่างคนต่างฝันกันคนละแบบอีก เธอเล็งที่จะสอบเป็นแพทย์ พร้อมกับแฟน ส่วนชานนท์อยากมาทำงานสายไอที มากกว่าทำให้ยิ่งไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันมากไปอีก ไม่นานชมพู่กับเขาก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลย นอกจากเวลาเรียนพิเศษ จนแยกย้ายกันไปตามความฝันของตนเอง

ชานนท์เหม่อมองเธอคนนั้นทำให้ภาพในอดีตไหลย้อนกลับเข้ามาในหัว แม้อย่างในวันนี้ ที่ชานนท์จ้องมองเธอจากที่ตรงนี่ชมพู่ก็ยังทำให้ใจเขาเต้นแรงได้อยู่ ไม่นานเขาก็ตัดสินใจเดินลงไปหาสาวที่เคยพิชิตหัวใจเขาได้อย่างหมดจด แม้เขาจะไม่เคยเปิดเผยความในใจ แม้เขาจะเคยรู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้งในตอนนั้น แต่เขาก็ไม่เคยโกรธหรือเกลียดเธอเลย เขาเข้าใจเธอดีเหมือนกับที่เขาเข้าใจตัวเอง

“ชมพู่” ชานนท์เดินเลียบรั่วที่ทำจากต้นไทรเกาหลีพุ่มทรงเหลี่ยมสูงประมาณปลายจมูกของเขาเรียกคนที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่อีกฝั่งของรั่ว
“อ้าว!! นนท์ กลับมาบ้านเหมือนกันเหรอ? มาเมื่อไหร่เนี่ย?”
สาวน้อยผมยาวมัดผมหางม้ายิ้มหวานกลับมาตามเสียงเรียกของชานนท์พร้อมถามไถ่อย่างเป็นกันเอง
“ก็ช่วงหัวค่ำเมื่อวานนี้แหละ ชมพู่ล่ะมาถึงเมื่อไหร่?”
“ก็เมื่อวานช่วงบ่ายๆแหละ กลับมาก็โดนลากไปกินข้าวนอกบ้านเลย  กว่าจะกลับก็มืดไม่งั้นคงได้เจอตั้งแต่เมื่อวานแล้วเนอะ” สาวน้อยน่ารักตอบกลับมาอย่างร่าเริง รอยยิ้มเหล่านี้ยังสวยส่องประกายเหมือนเมื่อก่อนไม่เปลี่ยน
“เอ้อ! จริงสิ เราซื้อของมาฝากคุณน้าด้วยแหละ เดี๋ยวเอาไปให้เลยนะ เพราะเดี๋ยวเราจะไม่อยู่ กลัวลืมให้นะ!” พูดจบสาวน้อยก็รีบเดินไปเก็บสายยางและวิ่งเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว

เวลาผ่านไปไม่นาน ชมพู่ก็เดินเข้ามาในบ้านของชานนท์พร้อมหอบของมาให้ถุงใหญ่ ชานนท์ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะทานข้าว พร้อมมื้อเช้าที่แม่เขาเตรียมให้ ถึงกับตะลึงกับขนาดของถุงกระดาษที่ชมพู่ถือมา

“โห.... อะไรเนี่ย?”
“ของที่น้าแกฝากซื้อน่ะ แต่เราไม่เอาเงินหรอกนะ ซื้อมาฝาก เพราะต้องขอบคุณคุณน้าที่ช่วยดูแลเฝ้าไข้พ่อเราตอนที่เราไม่อยู่
“อ้าว อาเสริฐ เป็นอะไรน่ะ?” อาเสริฐคือชื่อเล่นพ่อชมพู่ แรกๆ เขาก็ไม่กล้าเรียกแต่พอให้เรียกบ่อยก็ชิน ส่วนเหตุผลที่เขารู้สึกแปลกๆ นั่นเขาเองก็ไม่อยากนึกถึงเท่าไหร่
“ไข้หวัดแหละ แต่พอแก่แล้วอยู่ตัวคนเดียวก็จะงอแงหน่อย ดีนะมีคุณน้าอยู่ เราเลยไม่ต้องเดินทางมาดูแลทุกวันหยุด เรียนหมอน่ะ เรียนหนักจะตาย!!”
“อ้อ...” พูดมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งทำให้เขานึกถึงช่วงที่ต้องแยกย้ายกันติวหนังสือ เพราะเป็นช่วงที่ชมพู่ตัวติดกับแฟนมากๆ
“น้ายา ไปไหนล่ะ” ชมพู่เรียกชื่อเล่นแม่ของชานนท์อย่างสนิทสนม ชานนท์ฟังทีไรก็ไม่ชินเสียที
“ไปจ่ายตลาดกับอาเสริฐไง” 
“อีกแล้ว ไปกันแต่เช้ามืดทุกวันหยุดเลย ตลาดมันดีอะไรหนักหนาก็ไม้รู้นะ” ชมพู่พูดและยิ้มอย่างนัยยะมาที่ชานนท์
“......” ส่วนชานนท์ได้แต่นิ่งกับสีหน้าแบบนั้นของชมพู่
“นายเนี่ยนะ ไม่เคยรับมุกแบบนี้สักที” ชมพู่ถอนหายใจและนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา ความจริงแล้วชมพู่เป็นคนเรียบร้อยมาก อาจจะเพราะเขากับชมพู่สนิทกัน ชมพู่เลยกลายเป็นคนที่ดูร่าเริงกว่าชานนท์มาก ความจริงทั้งสองคนก็นิสัยใกล้เคียงกันเลยทีเดียว
แม้จะโดนล้อเลียนขนาดนี้แต่ชานนท์ก็ยังเงียบและยิ้มตอบกลับมาเท่านั้น
“เอาน่าๆ ผู้ใหญ่เขาก็โตๆ กันแล้ว แม่นายก็ยังสวย ส่วนพ่อเราก็ยังแข็งแรง หน้าที่การงานก็ดี เราว่าปล่อยๆ เขาไปเถอะ เราน่ะยังทำใจได้เลย เพราะนายเป็นแบบนี้ไง แม่นายถึงไม่ได้คืบหน้ากับพ่อเราเสียที!” ชมพู่หันมาพูดจริงจัง ส่วนชานนท์ได้แต่ถอนหายใจ ความจริงหากเป็นเมื่อก่อน เขาคงคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่นอน หากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกลงคบกันถึงขั้นแต่งงานเขากับชมพู่ก็จะกลายเป็นพี่น้องกันโดยปริยาย เขาจึงไม่อาจเห็นด้วยได้ เรื่องที่แม่จะคบกับใครใหม่นั้น เขาไม่เคยจะสนใจนานแล้วเพราะเขาเองก็อยากให้แม่มีความสุขบ้าง เนื่องจากที่ผ่านมาแม่ลำบากเพราะเขามาเยอะแล้ว

“นายเนี่ยนะ!” ชมพู่พูดเป็นเชิงต่อว่าชานนท์ แต่ก็แปลกที่ชานนท์กลับไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิมแล้ว อาจเพราะหัวใจเขาตอนนี้มีคนครอบครองมันอยู่แล้ว คนที่ตอนนี้ยังคงนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนห้องเขา หลังจากคิดมาถึงตรงนี้เขาก็ยิ้มออกมาได้
“ล้อเล่นน่า เราน่ะไฟเขียวแล้ว แค่ยังไม่ได้บอกแม่ตรงๆ เท่านั้นเอง ก็แม่เองก็ไม่เคยบอกเราตรงๆ นี้ว่าคิดยังไงกับอาเสริฐ”
“ชัดขนาดนี้จะต้องพูดอะไรอีก เดี๋ยวเราไปบอกพ่อเราเลย!”
“ใจเย็นๆ สิให้ผู้ใหญ่เขาจัดการกันเองเถอะนะ! ชานนท์ยื่นมือไปรั้งอีกฝ่ายที่ทำท่าจะลุกออกจากโต๊ะ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ล้อเล่นน่า... จะว่าไป.... ไม่เจอกันนาน นายเปลี่ยนไปเยอะนะเนี่ย”
“ยังไง?”
“ก็ดู..... หล่อ.... อืม.... ใช้คำนี้กับนายไม่ถูกต้อง ต้องเรียกว่า น่ารัก แล้วก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น” ชมพู่พูดพลางพินิจพิเคราะห์ไปด้วย ส่วนชานนท์ก็ได้แต่นึกขอบใจอีกฝ่ายที่เป็นพลังให้เขาอยากที่เปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดนี้ ถึงจะลงทุนไปเยอะ! แต่ก็คุ้ม
“ขอบใจนะ....” ชานนท์ยิ้มตอบกลับโดยไม่ปิดบัง ดีใจปนเขินอาย
“ต่างจากเมื่อก่อนมากเลยนะ เด็กเนิร์ดๆ ใส่แว่นหนาๆ โตๆ ใส่เสื่อผ้าหลวมโครก ไม่เข้ากัน พูดจาแบบไม่มองหน้าใคร ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มน้อยน่ารักไปแล้ว”
“พอเลยๆ แล้วตี๋ล่ะ ได้กลับมาด้วยกันไหม?” ชานนท์เขินจึงต้องเปลี่ยนเรื่องคุย แต่นั่นก็เป็นเหตุให้บรรยากาศเปลี่ยนไป
“เรา..... ไม่ค่อยได้คุยกันเหมือนเมื่อก่อนแล้วน่ะ โชคไม่ดีเลยที่สอบติดคนละสถาบัน เรียนหมอเหมือนกัน เรียกหนักพอกันทั้งคู่ จนรู้สึก.... เหมือนเลิกกันยังไงไม่รู้ ......ขนาดช่วงวันหยุดยาวยังลากลับมาพร้อมกันไม่ได้เลย...”  ชมพู่มีสีหน้าที่เศร้าสร้อย พลอยทำให้ชานนท์หุบยิ้มรู้สึกตามไปด้วย
“เอ่อ..... เราไม่น่าถามเลยเนอะ...” ชานนท์ทำตัวไม่ถูก
“ไม่เป็นไรๆ ช่างมันเถอะ เราเลิกคุยเรื่องพวกนี้เถอะ ว่าแต่วันนี้ไปไหนไหม?” สาวผมหางม้าหน้าใสสลัดหน้าตัวเองไปมาพร้อมเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“ก็...ไม่นะ” ชานนท์ตอบแทบไม่ได้คิด เขาน่าจะลืมคนที่ยังคงนอนหลับอยู่ข้างบน
“วันนี้เราจะไปมิตติ้งกับเพื่อนสมัยเรียนมัธยมเสียหน่อย ไม่ได้กันนานคิดถึง! เพื่อนที่ติวโรงเรียนกวดวิชาด้วยกัน จำได้ไหม?”
ชานนท์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไปเพราะคนพวกนั้น เขาไม่คิดจะนับเป็นเพื่อน เพราะแทบจะไม่ได้คุยกัน ชื่อเล่นยังจำไม่ได้เลย แม้จะเคยติวหนังสือด้วยกันบ้าง โดยมีชมพู่เป็นแกนนำ แต่สมัยนั้นชานนท์ไม่เป็นที่น่าสนใจหรือจดจำ เขาเลยแทบไม่มีใครคุยด้วยนอกจากชมพู่
“ไปเถอะนะ เราจะได้ไปอวดทุกคนว่านายเปลี่ยนไปขนาดไหน? พวกนั่นคงตะลึงแน่นอน!!”
“เอ่อ.........” ชานนท์ยังคงคิดว่า ความคิดไม่ใช่ความคิดที่ดี ใครจะไปจำเขาได้
“ไปเถอะนะ น่าสนุกจะตาย เดี๋ยวบ่ายๆ ก็กลับแล้ว”
“โอเคๆ”
“ว้าว! ดีเลย เดี๋ยวเราไปแต่งตัวแล้วเจอกันที่หน้าบ้านนะ ใกล้เวลานัดแล้ว!!”

“เอะอะอะไรกัน!! เสียงดังไปจนถึงข้างบน!” เสียงคุ้นหูที่ดุดันดังขึ้นจากระยะไม่ไกล ชานนท์มองไปทางต้นเสียงด้วยความตกใจ สิ่งที่เขาหลงลืมไปในระหว่างการสนทนากับชมพู่ อยู่ๆก็มาปรากฏตัวตรงหน้า

วรุฒในชุดลำลอง ลักษณะเหมือนคนเพิ่งลุกจากเตียงนอน ผมเผ้าชี้ฟู ใบหน้าบูดบึ้ง หัวคิ้วชนกันอย่างอารมณ์เสีย ทำให้อากาศแถวนี้ดูร้อนอบอ้าวขึ้นมาทันที แต่ถึงกระนั้นไอ้คุณชายเจ้าอารมณ์คนนี้ก็ยังดูหล่อสะท้านใจอยู่ดี โดยเฉพาะรูปร่างที่แน่นเฟิร์มทุกส่วนในชุดลำลองที่สวมใส่อยู่นั้น

ชมพู่ตกใจร้องเสียงหลงเพราะอยู่ๆ ต้องหันไปเจอคนแปลกหน้า
“เอ่อ... ชมพู่ คนนี้เพื่อนเราเอง ชื่อวรุฒน่ะ เขาตามมาเที่ยวบ้านเราน่ะ” ชานนท์รีบอธิบาย
“เพื่อน...” วรุฒทวนเน้นคำและมองไปที่ชานนท์ด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“เพื่อนนนท์เหรอ? เราชมพู่นะ” ชมพู่ทวนคำชานนท์และมองไปที่วรุฒอย่าสำรวจด้วยแววตาชื่นชม
“จะไปไหนกันเหรอ?” วรุฒถามและมองไปทางชานนท์ด้วยแววตาเสียดแทง
“เราว่าจะชวนนนท์ไปกินขนมกับเพื่อนหน่อยนะ แต่นนท์อยู่กับเพื่อนนนท์ก็ได้นะ” ชมพู่พูดสวนขึ้นมา ในขณะที่ชานนท์กำลังทำท่าลำบากใจ การได้มาเจอชมพู่ทำให้เขาลืมวรุฒไปเสียสนิท
“ไม่เป็นไร นายไปเถอะ เดี๋ยวันนี้เราอยู่บ้านก็ได้ เมื่อวานขับรถมาตั้งไกล ยังเหนื่อยอยู่เลย!” มีน้ำเสียงประชดประชันในคำตอบของวรุฒ ยิ่งสร้างความอึดอัดแก่ชานนท์
“เอ่อ......” ชานนท์ตัดสินใจหาคำพูดออกมาเพื่อหาทางออกจากสถานการณ์นี้ไม่ได้
“งั้นนนท์ชวนวรุฒไปด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวอยู่บ้านแล้วจะเบื่ออุตส่าห์ขับรถมาเที่ยวตั้งไกล นนท์ก็ไปเจอพวกมันเสียหน่อย แล้วค่อยขอตัวออกมาก่อนก็ได้ ไปกันเยอะๆ ก็สนุกดี มีหนุ่มหน้าตาดีมาด้วยยัยพวกนั้นน่าจะชอบ!!” ชมพู่เสนอผลลัพธ์ให้ ท่าทางของชมพู่จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูเปิดเผยมากกว่าเมื่อก่อน
“งั้นก็ตามนั้น เดี๋ยวไปรถเราก็ได้” วรุฒแทรกขึ้นมา
“อันนี้ยิ่งดี ไม่ต้องโบกรถไปเอง!!” ชมพู่ยิ้มร่าเห็นด้วย
ชานนท์ได้แต่ยิ้มรับข้อเสนอของทั้งสองฝ่ายโดยที่ตัวเองไม่ได้ตอบอะไรเลย

......................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ชมพู่  มาช่วยทำให้วรุฒหึงมากขึ้น  555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
นนท์ก็นะ  คิดถึงแฟนตัวเองบ้าง

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

บทที่ 21

After party


“นายชอบเธอใช่ไหม?”  วรุฒโพล่งถามขึ้นหลังที่ต่างแยกย้ายจากชมพู่และขึ้นมาถึงบนห้องเรียบร้อย
“หา???”
“ไม่ต้องมาหา!! มองจากแววตาก็รู้ รักแรกสิใช่ไหม?”
“ก็..... อือ” ชานนท์ตอบแบบเลี่ยงๆ
“ก็น่ารักดีนะ”
“ใช่ ยิ่งตอนนี้ดูโตขึ้นยิ่งดูดี....” คนอย่างชานนท์โพล่งพูดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

พั่บ!!!
ร่างบอบบางของชานนท์ถูกดึงลอยไปนอนราบอยู่บนเตียง

“นายเนี่ยนะ!!” วรุฒกระโดดขึ้นคล่อมร่างบางนั้นอย่างรวดเร็ว
“นายจะทำบ้าอะไร!!” ชานนท์โวย
“ลงโทษ” คำพูดห้วนสั่นออกจากปากคนที่ทำหน้าเกินจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
“เรื่องอะไร?!?”
“นายน่าจะรู้ดีนะ!!”
“อะไร ยังไง?”
“ซื่อจนเซ่อนะนายเนี่ย!” วรุฒพูดจบก็ดึงเสื่อชานนท์ขึ้นมาจนเปลือยถึงช่วงอก และกำขอบกางเกงอีกฝ่ายอย่างแรง
“เฮ้ย!!” ชานนท์รู้ชะตากรรมตนเองทันที ว่าการลงโทษที่วรุฒว่ามันหมายถึงอะไร? เขาทำทุกวิธีทางเพื่อให้อีกฝ่ายเลิกที่จะทำแบบนั้น เขาไม่อยากหมดแรงก่อนอออกไปเที่ยวนอกบ้าน

“หนุ่มๆ” เหมือนเสียงระฆังช่วยชีวิต เสียงแม่ของชานนท์ดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง ทำให้กิจกรรมที่วรุฒกำลังจะเริ่มนั้นหยุดอย่างกระทันหัน
“ครับ” เสียงตอบของชานนท์สั่นเครือเพราะใจเต้นแรงหนักมาก เขาไม่อยากให้แม่มาเห็นเขาในสภาพแบบนี้เลย
“ทำอะไรกันลูก กินข้าวมื้อเช้ากันหรือยัง? แม่เห็นบนโต๊ะที่เตรียมไว้แทบไม่พร่องเลย” เสียงแม่ยังคงอยู่ใกล้มาก
“เรียบร้อยครับ ผมไม่ค่อยหิวแต่วรุฒเขาเพิ่งตื่นครับ  เอ่อ... เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกกับชมพู่ ขอแต่งตัวก่อนแล้วจะพาวรุฒลงไปกินครับ” ชานนท์ทำหน้าเขียวใส่อีกฝ่ายทางด้านบนให้ปล่อยระหว่างที่พูดกับแม่เขา ทำให้วรุฒยอมถอยอย่างไม่เต็มใจ
“โอเค งั้นแม่รอข้างล่าง แม่ซื้อขนมร้านอร่อยมาฝากจ๊ะ” แล้วฝีเท้าหน้าห้องก็ไกลห่างออกไป

“นายจะทำบ้าอะไรเนี่ย เกือบไปแล้วนะ ดีนะที่แม่ไม่เคยเปิดประตูโดยไม่ขอก่อน!” ชานนท์ดีดตัวเองห่างจากเตียงนอนด้วยความหวาดระแวงอีกฝ่ายที่จะโรมรันมาทำมิดีมิร้ายเขาต่อ
“นายไม่รู้จริงๆเหรอว่าเราเป็นอะไร?” เสียงอีกฝ่ายราบเรียบจนน่าตกใจ
“เอ่อ.... ก็พอจะรู้ล่ะ แต่เรากับชมพู่เป็นแค่เพื่อนกัน และอีกอย่างชมพู่เขาก็มีแฟนแล้ว!” ชานนท์อธิบายเพราะขยับตัวเข้าไปใกล้คนที่ยืนหันหลังให้เขา
“เท่าที่ฟังดูเหมือนความสัมพันธ์จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะกับแฟนเธอคนนั้นน่ะ!!” วรุฒตอบสวนมาทันที
“เอ่อ.... นี่นายมายืนฟังอยู่นานเท่าไหร่เนี่ย?”
“ก็พอที่จะได้ยินทั้งหมด พอที่จะเห็นแสงวูบวาบในตานาย!”
“โอ้ย... นายเนี่ยก็ คิดมากไปไหนเนี่ย! เราเลิกชอบเธอไปตั้งนานแล้ว จนเราตั้งใจว่าจะหาแฟนที่ดีกว่าและเอามาอวดเธอนี่ล่ะ ซึ่ง..... จะว่าไปเราก็พามาด้วยแล้วไง” ชานนท์ใช้แขนเอื้อมไปบรรจงกอดรอบเอววรุฒอย่างนุ่มนวล
“พูดได้ดีนะเรา เดี๋ยวนี้พูดแบบนี้ก็เป็นนะ” วรุฒหันกลับมาประจันหน้ากับคนตัวเล็กที่ยังคงสวมกอดเขาอย่างหลวมๆ พร้อมโน้มลงมาจูบที่ปากเขาหนึ่งฟอดใหญ่
“ติดมาจากนายล่ะมั้ง?”  ชานนท์ทำหน้าทะเล้นใส่
“เพราะความรักต่างหาก” วรุฒยกตัวคนตัวเล็กขึ้นมาจูบอีกครั้ง

...........................

ชานนท์สวมชุดใหม่ที่วรุฒซื้อให้ตั้งหัวจรดเท้า ครบเครื่องเหมือนยกร้านแบรนด์เนมมาไว้ในห้องนอน ในช่วงกินมื้อเช้าคุณแม่ของชานนท์ถึงกับร้องทักถึงความเปลี่ยนแปลงไปในภาพลักษณ์ของลูกชายตนเอง และคนที่ยิ้มกริ่มดีใจเป็นที่สุดคงไม่พ้นวรุฒที่สามารถแปลงโฉมแฟนตัวเล็กของเขาให้ดูดีตามที่เขาคาดหวังได้สำเร็จ ส่วนวรุฒนั่นจะแต่งอะไรแบบไหนก็แทบจะบดบังรัศมีของชานนท์ไปเสียหมด ชานนท์เหมือนจะชินกับสไตล์การแต่งตัวของวรุฒเสียแล้ว แต่แม่เขากลับชมไม่ขาดปากจนชานนท์ต้องรีบพาวรุฒออกไปให้พ้นตัวบ้าน

อีกคนที่ตะลึงกับภาพลักษณ์ใหม่ของชานนท์ก็คือ ชมพู่ เธอถึงกับกระโดดเข้าควงแขนชานนท์ และประกาศขอควงด้วยหนึ่งวัน ทำให้ชานนท์เขินจนหน้าชาไปหมด ส่วนวรุฒนั้นเนื่องจากไม่สนิทมากนักชมพู่จึงแค่ยิ้มให้อย่างชื่นชมเท่านั้น

ทั้งสามคนนั่งรถไปที่จุดนัดพบตามที่ชมพู่บอกไว้ เป็นร้านอาหารขนาดกลางแต่จัดตกแต่งได้ดี ผสมผสานกับธรรมชาติรอบๆ ร้าน บรรยากาศดีจนสามารถนั่งได้ทั้งวัน คนไม่พลุ่กพล่านเท่าไร่ แต่ตอนที่พวกชานนท์ไปถึง เพื่อนที่ชมพู่เอ่ยถึงก่อนหน้านี้ต่างมาถึงกันครบแล้ว เพราะบ้านเขาและชมพู่อยู่ไกลจากร้านอาหารที่สุดเลยมาถึงเป็นกลุ่มสุดท้าย

“อ้าวชมพู ไหนบอกจะพาไอ่แว่นเฉิ่มมาด้วย!!” เพื่อนผู้หญิงคนแรกในกลุ่มทักทันทีที่เห็นชมพู่ที่เดินนำชานนท์และวรุฒเข้ามาในร้าน
“อ้าว! ก็นี่ไง” ชมพู่หันกลับไปควงแขนวรุฒมายืนขนาบข้าง
“บ้า... อย่ามาอำ!” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มทำท่าไม่เชื่อ
“จริงๆ” ชมพู่ย้ำ
“จริงน่ะ?! เฮ้ย... ก็มีเค้าหน้าอยู่ โห..... ดูดีขึ้นเยอะมากเลย จำแทบไม่ได้!!” เสียงตกใจของเพื่อนคนแรกที่ทักทำให้ทั้งโต๊ะจำนวนเกือบสิบคนหันมาที่ชานนท์เป็นตาเดียว และต่างวิพากณ์วิจารณ์อย่างเมามัน แต่ทุกคนก็ส่งสายตาชื่นชมมาทางชานนท์จนเขาแทบลอย เขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต การที่ผู้หญิงต่างชื่นชมเขามากขนาดนี้

สุดท้ายชมพู่ก็ได้แนะนำวรุฒที่เป็นเพื่อนชานนท์ หลังจากนั้นความสนใจทุกอย่างก็พุ่งเป้าไปที่วรุฒเสียหมด สาวๆต่างแย่งกันพูดคุยตั้งคำถามวรุฒจนเขาชักสีหน้า แต่ทุกครั้งที่ทำจะเห็นชานนท์หน้าบึ้งใส่ จนเขาต้องพยายามหันกลับไปพูดกับเพื่อนๆสาวของชานนท์อย่าสุภาพแต่ชานนท์เห็นก็รู้ว่าวรุฒฝืนใจเป็นที่สุด

ระหว่างที่ทุกคนในโต๊ะอาหารเพ่งความสนใจไปที่วรุฒเสียหมด ชานนท์จึงทำได้แค่สนใจแต่อาหารบนโต๊ะเหมือนกับทุกครั้งที่เขาเคยประสบมา
“วรุฒนี่ ที่มหาวิทยาลัยเขาฮอตขนาดนี้ไหม?” ชมพู่ก็เป็นเหมือนเช่นเคยที่มักจะเป็นคนเดียวที่ชวนเขาคุยเรื่องโน่นเรื่องนี้เวลามาชุมนุมกันแบบนี้
“ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร ก็ระดับเดือนคณะฯ และก็ตัวเก็งเดือนมหาวิทยาลัยแค่นั้นเอง” ชานนท์ตอบกลับไปแบบเบื่อๆ
“โห..... นี่เรียกว่าโคตรฮอตเลย!!” เป็นครั้งแรกที่ชานนท์ได้ยินคำพูดแบบนี้ออกจากปากชมพู่ ประสบการณ์ในมหาวิทยาลัยทำให้คนเปลี่ยนไปได้จริงๆ

“นายเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ...” ชมพู่มองชานนท์ด้วยสายตาชื่นชมพักใหญ่ก่อนจะพูดออกมา ทำให้ชานนท์ถึงกับชะงักการเคี้ยวไปประเดี๋ยวหนึ่ง
“อะไรเนี่ย? อยู่ก็พูดอะไรแบบนี้ออกมา” ชานนท์รีบเคี้ยวรีบกลืนอาหารในปากก่อนพูด
“ฮ่าฮ่าฮ่า... ดูทำเข้า นายเนี่ยสุดท้ายก็ยังเหมือนเดิมนะ ไม่เหมือน.... ช่างเถอะๆ”
“เหมือนเดิมนี่ยังไง?” ชานนท์ถามด้วยสายตาสงสัย
“ก็แบบ.... ยังตลกเหมือนเดิมไง!” ชมพู่พูดเสร็จก็หัวเราะร่วนและเขย่าแขนชานนท์เบาๆ
“ชมพู่!!” ชานนท์ทำเสียงงอนอีกฝ่าย
“ล้อเล่นๆ ความจริงคือ นายก็ยังทำตัวน่ารักเหมือนเลย ขนาดเปลี่ยนลักษณะภายนอกไปขนาดนี้ แต่นิสัยก็ยังน่ารักเหมือนเลย” หลังจากชมพู่พูดจบ กลับเป็นชานนท์ที่เขินเสียเอง

“เอ่อ.... ว่าแต่ที่ชมพู่พูดถึงเมื่อกี้.... คือ....ที่ว่าไม่เหมือน.....ใครเหรอ?” ชานนท์เขินเลยพยายามเปลี่ยนเรื่อง ส่วนชมพู่นั้นมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที ทำให้ชานนท์รู้ทันทีเลยว่าหมายถึงใคร

หลังจากนั้นก็เหมือนเขื่อนแตก ความร่าเริงที่ชมพู่ปกปิดไว้เหมือนเขื่อนกั้นน้ำที่แข็งแรงก็แตกหักพังทลาย ชานนท์เดาถึงบุคคลคนนั้นในใจ และเขาก็ทายถูก ชมพู่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแฟน ‘ตี๋’ อย่างละเอียด อะไรที่เธออึดอัด เก็บกดไว้ ต่างเล่าออกมาหมด ชมพู่นับชานนท์เป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ เลยเล่าได้อย่างสนิทใจ ส่วนชานนท์ทำได้เพียงปลอบและรับฟังอีกฝ่ายเท่านั้น ทั้งสองพูดคุยกับเงียบเชียบอยู่นานพอควร จนกระทั้งมีเพื่อนคนหนึ่งเห็นจึงแอบแซวว่าทั้งสองกิ๊กกันหรือเปล่า หลังจากทั้งสองก็แยกย้ายจากกันทันที ชมพู่และชานนท์ต่างรีบซับน้ำตาของตัวเอง น้ำตาของชมพู่เกิดจากความช้ำใจเรื่องแฟนไม่เอาใจใส่เหมือนก่อน แต่น้ำตาของชานนท์นั่นเกิดจากความรู้สึกคล้อยตาม ทั้งสองฝ่ายต่างแอบคราบน้ำตาไม่ให้ใครเห็น ทุกคนในโต๊ะเห็นแต่เพียงชมพู่กับชานนท์เล่นมุกตามน้ำกันเรื่องกิ้กกันเท่านั้น ทุกคนอาจจะเข้าใจว่าทั้งสองคนหน้าแดงเกิดจากอาการอายแต่ความจริงคือเกิดจากความเศร้าต่างหาก รวมถึงวรุฒด้วยเช่นกันที่ตอนนี้หน้าตาเครียดตึงจนเส้นเลือดแทบแตก แต่ชานนท์ไม่ทันได้สังเกตเพราะมัวแต่เขินอายจากการถูกชมพู่ควงแขนอยู่ตอนนี้

..........

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อุย ๆ  พ่อวรุฒเราไม่หึงออกนอกหน้าหรือนั่น

แฟนทั้งคนให้ความสนใจแต่กิ๊กเก่า  อิอิ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พาแฟนมาด้วยแต่ไม่สนใจแฟน ได้เหรอ?

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

บรรยากาศในรถในช่วงระหว่างขากลับจากปาร์ตี้เพื่อนที่ติวสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยกันนั่นเต็มไปด้วยความอึดอัด โชคดีที่ชมพู่ขอตัวแยกไปทำธุระต่อกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง ชานนท์จึงขอปลีกตัวจากสาวกลุ่มนั้นเสียที เพราะทุกคนในโต๊ะต่างพยายามพัวพันแฟนหนุ่มขอเขาจนเขารู้สึกอึดอัดขึ้นมาเหมือนกัน ตั้งแต่ขับรถออกจากร้านอาหารจนมาถึงทางใกล้บ้าน วรุฒตีสีหน้าขรึมและเงียบมาตลอดทาง ชานนท์ซึ่งไม่รู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายเกิดอาการแบบนี้จากอะไร ก็พยายามชวนคุยมาตลอด แต่อีกฝ่ายกลับทำได้เพียงถามคำตอบคำ

ในที่สุดพวกเขาทั้งสองคนก็เดินทางมาถึงบ้านของชานนท์ คุณแม่ของชานนท์ที่กำลังทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี ต่างกำลังจัดแจงเตรียมมือค่ำ มื้อใหญ่ไว้ต้อนรับลูกชายสุดที่รักอย่างขมักเขม้น

“อ้าว! กลับมาแล้วหรือลูก? ไปถึงไหนกันมาหายกันไปเกือบทั้งวัน?” คุณแม่ที่มือเป็นระวิง เอ่ยทักลูกชายอย่างลนลาน
“ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเท่าไหร่เลยครับ แค่ไปกินข้าวพวกเพื่อนๆ สมัยติวสอบด้วยกันก็หมดทั้งบ่ายแล้ว ไม่รู้จะคุยอะไรกันหนักหนา” ชานนท์บ่นอุบอิบระหว่างเดินไปนั่งที่โซฟายาวในห้องรับแขกที่ไม่ไกลจากห้องครัวมากนัก

“งั้นคงยังไม่หิวใช่ไหมลูก?” แม่เอ่ยทักลูกชายขณะที่หยดเหงื่อผุดขึ้นตามใบหน้า
“ยังเลยครับ” ปากชานนท์ก็ตอบตาก็มองวรุฒที่เดินหน้าเกร็งขรึมเข้ามากระแทกนั่งที่เก้าอี้นวมฝั่งตรงข้ามเขา
“งั้นมาเป็นลูกมือแม่หน่อย ตอนนี้แม่ว่าน่าจะทำไม่ทันแล้ว ส่วนรุฒ ลูกนั่งเล่นไปก่อนนะ หรือจะไปพักผ่อนที่ห้องรับรองก่อนล่ะ แม่ไปจัดกวาดปัดกวาดให้แล้ว วันนี้จะได้ไม่ต้องไปนอนเบียดกันในห้องนนท์อีก!”
“แม่ครับ ไม่เห็นต้องลำบากเลย แค่สองสามคืนผมนอนกับนนท์ได้ครับ เกรงใจแย่เลย” ประโยคแรกที่ชานนท์ได้ยินจากปากวรุฒตั้งแต่ช่วงบ่าย กลับกลายเป็นประโยคที่คุยกับแม่ตนเอง
“ไม่ได้ๆ รุฒเป็นแขก! แม่จะทำแบบนั้นไม่ได้ ลูกจะไปลำบากทำไม ที่ทางเยอะแยะ!” แม่ชานนท์ยิ้มยิงฟันสวยมาทางวรุฒจนเขาไม่กล้าพูดต่อได้แต่ยิ้มยอมรับและเอ่ยคำขอบคุณกลับไปเท่านั้น

“โหย แม่! ทำอะไรเยอะแยะเนี่ย!?!” ชานนท์โวยลั่นเมื่อเข้าไปถึงในครัว เขาเห็นปริมาณการจัดเตรียมอาหารในห้องครัวที่เกินกว่าสามคนในบ้านจะกินหมดแม้จะเป็นเขาก็เถอะ

“อ้อ แม่ทำเผื่อลุงเสริฐด้วยไงลูก เขาจะจัดเลี้ยงเพื่อนที่มาจากต่างประเทศน่ะ เขาเลยจ้างแม่มาทำ เขาบอกว่าเขาไม่ไว้ใจร้านอาหารร้านอื่น แม่ของนนท์น่ะ ทำอร่อยที่สุด!” แม่เขายิ้มอย่างภูมิใจพร้อมเม็ดเหงื่อที่เริ่มผุดออกมาจนหน้าวาวไปหมด

ชานนท์ถอนหายใจ และก็ยอมเป็นลูกมือให้แม่อย่างดี เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งตั้งแต่เขาเริ่มเรียนมัธยมปลายแล้ว ลุงเสริฐน่ะ มักจะหาเรื่องช่วยหางานให้แม่เขาบ่อยๆ เพราะแม่ไม่ยอมรับเงินช่วยเหลือจากใครฟรีๆ แม่เขานั้นมีรายได้จากการทำงานประจำไม่มาก (ความจริงก็คือเป็นลูกจ้างในบริษัทของลุงเสริฐเอง) และแม่ก็ไม่ชอบกู้หนี้ยืมสินใคร คงจะมีแต่บ้านนี้นี่แหละที่แม่เขายอมเป็นหนี้ก้อนโตขนาดนี้ ด้วยความช่วยเหลือของลุงเสริฐ (ในหลายๆ เรื่อง) แม่ถึงซื้อบ้านหลังนี้ได้ ด้วยเงินผ่อนต่อเดือนที่สูงเกือบเท่าเงินเดือนตัวเอง แม่ฝันอยากที่จะมีบ้านเป็นของตัวเอง อยากมีสวนดอกไม้ อะไรอีกสารพัด แม่เขาทำงานพิเศษมากกว่า 1 อย่างต่อเดือนเพื่อรักษาบ้านหลังนี้ไว้ แต่ที่แม่ทำได้ ส่วนใหญ่ก็เพราะลุงเสริฐนี่แหละ คนตาบอดยังรู้เลยว่าลุงเสริฐตามจีบแม่เขาอยู่

ช่วงแรกๆ เขาเองก็ต่อต้านอยู่มาก แต่เห็นความมั่นคงของลุงมาตลอดหลายปี จนเมื่อเรื่องหัวใจของเขาและชมพู่คลี่คลาย เขาก็เลยยอมรับเรื่องนี้ได้ไปโดยปริยาย ที่เหลือก็แม่เขาเองนั่นแหละ

เวลาผ่านไปจนกระทั้งอาหารทุกอย่างเสร็จสิ้น ชานนท์และแม่ทยอยขนส่งอาหารหลากเมนูไปที่ข้างบ้าน จัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ลุงเสริฐรีบชวนแม่กับชานนท์กินมื้อค่ำด้วยกันไปเลย หลังจากผ่านการปฏิเสธหลายครั้ง แม่ก็ยอมใจอ่อนมาร่วมงานด้วย

ชานนท์และแม่กลับมาอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปร่วมงาน ชานนท์พยายามชวนวรุฒมาด้วย แต่เขาปฏิเสธท่าเดียวและอ้างว่าไม่สบาย หลังจากวรุฒอาบน้ำแต่งตัวในชุดนอนวรุฒก็ปิดประตูห้องรับรองเงียบเชียบ แม่ชานนท์พยายามถามด้วยความเป็นห่วงแต่วรุฒตอบกลับมาด้วยความสุภาพว่าขอนอนพักสักหน่อยดีกว่า

สองแม่ลูกจึงต้องจำใจทิ้งวรุฒและไปร่วมงานที่บ้านลุงเสริฐด้วยการแต่งกายที่เหมาะสม วันนี้คุณแม่ของชานนท์แต่งกายด้วยสีสดใสเป็นพิเศษ การแต่งหน้าบางๆ ของแม่ทำให้ดูแปลกตากว่าปกติ เพราะแม่เป็นคนไม่ชอบแต่งหน้า วันทำงานยังไม่ค่อยจะแต่งเลย แม่เป็นสวยโดยธรรมชาติ ตาโต หน้าเรียวรูปไข่ จมูกได้ทรง ริมฝีปากที่อวบอิ่ม การแต่งหน้ายิ่งทำให้ความโดดเด่นบนใบหน้าของแม่มีมากขึ้น เห็นหน้าแม่ตัวเองแบบนี้ทำให้นึกถึงตัวเองช่วงเข้าประกวดดาวเดือนที่ผ่านมาไม่นาน ความหวานบนใบหน้าเขาได้จากแม่มาเยอะนี่เอง

ในงานเต็มไปด้วยผู้ใหญ่มากมายในบริษัทของลุงเสริฐ เพื่อนของลุงเสริฐเป็นคนเฮฮาทำให้งานครึกครื้นไม่น้อย แม่เองก็ทำงานอยู่บริษัทของลุงเสริฐเองก็ช่วยดูแลคนในบริษัทที่มาร่วมงานได้ดี เพราะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แถมยังมีส่วนในการพูดคุยในเชิงธุรกิจระหว่างลุงเสริฐกับเพื่อนไม่น้อย เพราะแม่ของชานนท์เองก็เก่งและรู้เรื่องของบริษัทเป็นอย่างดี ชานนท์ที่หลังจากกินมื้อค่ำจนอิ่มได้ที่แล้ว เขาก็ทำตัวเป็นลูกมือแม่ที่ดีในการดูแล อาหาร จานชามสำหรับจัดเลี้ยงเหมือนเช่นปกติ

ในงานเขายังได้เจอชมพู่ที่กลับมาร่วมงานทันด้วย แต่การกลับมาคราวนี้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขแฝงอยู่จนแทบล้น จนชานนท์อดที่จะเดินไปถามไม่ได้

สรุปคือ ที่ชมพู่หายไปช่วงเย็น เพราะถูกเพื่อนพาไปเจอ ‘ตี๋’ แฟนหนุ่มที่มารอเซอร์ไพร์สชมพู่ และพาชมพู่ไปเที่ยวเพื่อระลึกถึงความหลังช่วงจีบกันใหม่ๆ เธอเล่าว่าได้ดอกไม้ช่อโตมาด้วยแต่ไม่ได้เอาเข้าบ้านมาด้วยเพราะกลัวพ่อเธอถามซอกแซก เธอไม่อยากโดนแซวจนอายคนทั้งงาน เลยเดินไปฝากไว้ที่บ้านของชานนท์ก่อน เธอกำชับว่าหลังจากที่ชานนท์กลับถึงบ้านแล้วให้แอบเอาดอกไม้ไปให้เธอที่รั่วแถวหลังบ้านด้วย ชานนท์รับปากทันทีอย่างติดตลกว่าจะขอค่าปิดปาก ชมพู่เลยจะขอช่วยเก็บข้าวของหลังงานเลี้ยงให้เป็นการแลกเปลี่ยน ชานนท์รับปากทันที

............


งานเลี้ยงเลิกช้ากว่ากำหนดเล็กน้อย ชมพู่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ช่วยเหลือชานนท์และแม่ของเขาเก็บทำความสะอาดข้าวของหลังงานเลี้ยงโดยมีชานนท์คอยหยอกล้อชมพู่อยู่เรื่อยๆ เขาคิดว่าหากเขายังไม่มีวรุฒ เขาจะสามารถหยอกล้อกับชมพู่ได้ขนาดนี้ไหม? เพราะหากใจเขายังผูกพันธ์กับชมพู่อยู่แบบเดิม สถานการณ์แบบนี้เขาคงเจ็บปวดมาก

ณ สถานที่นัดหมายส่งดอกไม้ช่อยักษ์ มันเป็นช่อดอกไม้ที่ใหญ่จริงๆ ขนาดชานนท์ยังต้องอุ้มมันไปที่รั่วยังทำได้อย่างอยากลำบากเพราะมันยังสูงท่วมหัวเขาเสียอีก ไม่รู้ว่าคนให้คิดอะไรอยู่ แล้วชมพู่ถือมาถึงบ้านได้ยังไง? เขาทำหน้างงๆ พร้อมยื่นข้ามรั่วให้เจ้าของ

“ขอบใจนะ”
“อื้อ! ไม่เป็นไร”
“แล้วก็....” ชมพู่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ผู้ชายที่มาด้วยน่ะ วรุฒ.... คบกันอยู่ใช่ไหม?”
“เฮ้ย... อะไร!!?!” ชานนท์ตอบด้วยท่าทางมีพิรุธจนเห็นได้ชัด ใบหน้าร้อนผ่าว
“นี่! สมัยนี้แล้วไม่ต้องปิดหรอก เพื่อนผู้ชายแบบไหนเขาจะเที่ยวกันสองคนแบบนี้ ไหนจะสายตาที่เขามองนายเวลาคุยกับเราอีก โห... เรานี่กลัวเลย”
“ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ.....?”
“เพื่อนเราที่มหาวิทยาลัยน่ะ มีแบบนี้เยอะ แค่เห็นก็รู้แล้ว”
“เอ่อ.... อืม...” ชานนท์พูดอะไรไม่ออก ได้แต่พยักหน้ายอมรับ
“ตั้งแต่กลับมาเนี่ย คุยกันหรือยัง?”
“ยังเลย เห็นบอกว่าไม่สบาย แล้วทำไมเราต้องไปคุยด้วย”
“อืม.... นายเนี่ยโง่หรือเปล่า?”
“ทำไมต้องด่ากันด้วย!”
“เออๆ เอาเหอะ เดี๋ยวไปคุยกันก็เข้าใจสิ่งที่เราพูดเองล่ะ แล้วก็คุยกันดีๆ นะ อย่าใช้อารมณ์”
“อืม... เราน่ะไม่ เขานั่นแหละตัวดี”
“น่ารักดีนะ พวกนายเนี่ย ขอเป็นแฟนคลับได้ไหม?”
“อะไรของเธอ แซวบ้าอะไรเนี่ย”
“จ๊ะๆ เอาเถอะๆ รีบเข้าบ้านได้แล้ว เหนื่อยแล้วใช่ไหมล่ะ”
“อืม...”
“บาย”


หลังจากจัดการเรื่องดอกไม้เรียบร้อยแล้ว ชานนท์ก็เดินลากสังขารที่มีเรี่ยวแรงอยู่น้อยนิด ขึ้นไปที่ห้องนอนตัวเองอย่างช้า ๆ เขาช่วยงานแม่ของเขาจนวินาทีสุดท้าย ทั้งยังอาสาล้างจานและอุปกรณ์ทั้งหมดเองด้วย ไหนๆ เขาก็มาแล้วเลยอยากช่วยแม่ของเขาให้เต็มที่ เขาให้แม่ขึ้นไปพักผ่อนก่อนส่วนเขาจะจัดการที่เหลือเอง

ชานนท์เดินผ่านหน้าห้องรับรองที่ตอนนี้ปิดไฟเงียบสนิท ใจหนึ่งเขาอยากเดินไปดูวรุฒเสียหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ชานนท์ไม่รู้เลยว่าวรุฒไม่สบายจริงๆ หรือเป็นอะไรอย่างอื่น แต่อีกใจหนึ่ง ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว และเขาเองก็เหนื่อยมาก จึงอยากกลับเข้าห้องนอนเอาแรงก่อน

หลังจากการสู้รบในจิตใจได้พักใหญ่ ความอ่อนเพลียของเขาก็ชนะขาด เขาหันหลังใส่ห้องรับรองและเดินไปที่ห้องตนเองเพื่อพักผ่อนทันที

ชานนท์ผลักประตูเข้าไปเจอความมืดภายในห้อง เขาตัดสินใจเดินไปเปิดไฟทันที สิ่งแรกที่กระทบสายตาของเขาทันทีแสงสว่างทำงาน คือ ร่างสูงใหญ่นอนพาดผ่านที่นอนของเขาในทางขวาง ครึ่งหนึ่งของท่อนขาที่ยาวเหยียดโค้งทิ้งตัวลงที่ข้างเตียง ด้วยความตกใจเขารีบปิดประตูลงกลอนทันที เขายังไม่อยากให้แม่ของเขามาเห็นอะไรแบบนี้ (โชคดีที่ระงับเสียงร้องตกใจทัน)

‘มีห้องให้นอนดีๆ ทำไมไม่ไปนอนนะ’ ชานนท์บ่นออกมาเบามากจนกลายเป็นเสียงกระซิบ

ชานนท์เดินดูอาการคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนที่นอนด้วยความเป็นห่วง เขาสงสัยว่าวรุฒคงจะไม่สบายจริงๆ หรือเปล่าเพราะคนอย่างวรุฒไม่น่าจะนอนเวลานี้ มันหัวค่ำเกินไปสำหรับวรุฒ

“ไม่สบายจริงๆ หรือเนี่ย?” ชานนท์บ่นงึมงำระหว่างเดินเข้าไปใกล้ เขาเพ่งมองไปที่วงหน้าที่สะอาดเกลี้ยงเกลา ที่หลับตาสนิท ขนตางอนสวยแต่พองามเหล่านั้นเรียงตัวเป็นระเบียบจนเหมือนถูกศิลปินจับวางแบบนี้ดูอย่างไรก็ไม่เบื่อเสียงหายใจที่สม่ำเสมอทำให้ชานนท์เผลอตัวลงไปนอนซบอกคนตัวสูงที่นอนนิ่ง

เพียงพริบตาที่แก้มของชานนท์แนบชิดเนืนอกของอีกฝ่าย เขาก็ถูกมือหยาบใหญ่จับคว้าและพลิกตัวในตัวเขาลงไปนอนกองแนบพื้นที่นอนนุ่มนิ่มของตัวเองเสียแล้ว!

“อะไรกันเนี่ย!!” ชานนท์โวยลั่น
“เงียบๆ ถ้านายไม่อยากปลุกแม่นายเอง!!” วรุฒโน้มตัวลงมาพูดข้างหู
“จะทำอะไรเนี่ย?”
“จะสั่งสอนนายเสียหน่อย!!”
“สอนเรื่องอะไร?!?”
“อย่ามาทำให้เราโกรธ!!”
“แล้วนายโกรธเรา เรื่องอะไรล่ะ?”
“นี่นายมันโง่หรือซื่อบื้อวะ!!”
“อ้าว! ทำไมต้องด่ากันด้วยละ นายนี่พูดเหมือนชมพู่เลยนะ!”
“นั่นไง กิ้กนายยังรู้เลย เรารู้นะว่ายัยชมพู่อะไรนั่น กำลังทะเลาะกับแฟนอยู่ ทำไม? อยากไปดามใจเขาหรือไง! เห็นแอบไปซื้อดอกไม้ช่อใหญ่ให้กันด้วย!” วรุฒพูดจบก็ทิ้งน้ำหนักตัวเองลงบนร่างบอบบางของชานนท์อย่างแรง
“โอ้ย! พูดอะไรของนายเนี่ย? ชมพู่น่ะ เขาคืนดีกับแฟน ดอกไม้ก็ของแฟนเขาให้กันมา แถมชมพู่ยังรู้เรื่องของเราแล้วด้วย!! นายเนี่ยไม่เนียนเลยนะ!!” ชานนท์ฝืนพูดกระแทกใส่อีกฝ่าย หลังจากวรุฒฟังจนจบก็ผ่อนน้ำหนักตัวเองลง ทำให้ชานนท์หายใจได้คล่องขึ้น

“อะไรนะ?!”
“คนอุตส่าห์เป็นห่วง นึกว่าไม่สบายจริงๆ....” ชานนท์พูดอย่างขัดเขิน
“นายเป็นห่วงเราเหรอ?”
“คนเป็นแฟนกัน ก็ต้องห่วงกันไหมล่ะ?”
“น่ารักจริงๆ นะนายเนี่ย” วรุฒโน้มตัวลงมาหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่จนชานนท์รู้สึกจั๊กจี้จากตุ่มหนวดที่กำลังจะขึ้น
“ขอโทษนะ” ชานนท์พูดขึ้นมา
“นายจะมาขอโทษเราเรื่องอะไร? เราต่างหากล่ะที่ต้องขอโทษ! เจ็บไหมครับ? ผมสัญญานะว่าจะไม่วู่วามขาดสติอีก”
“ให้มันจริงเถอะ นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้ว!”
“น่าๆ สัญญา” วรุฒทำสีหน้าออดอ้อนจนชานนท์เผลอยิ้มออกมา
“ที่เราขอโทษน่ะแค่รู้สึกว่าเราทำตัวไม่สมกับเป็นแฟนนายเลย  ต้องให้คนอื่นมาทักถึงจะรู้ตัว เราปิดเรื่องนายกับแม่ เราไม่ค่อยสนใจนายเลยเวลาอยู่กับเพื่อน แถมยังบอกกับทุกคนอีกว่านายเป็นแค่เพื่อน พอเห็นคนอื่นคุยกับนายอย่างสนิทสนม แม้เราจะดูเฉยไม่สนใจ แต่ในใจนี่แทบเป็นบ้าเลย”
“อย่างนี่เขาเรียกว่าหึงแต่ไม่แสดงออก” วรุฒยิ้มกว้าง
“ไอ้บ้า! พอเลย พอยอมเข้าหน่อยก็ได้ใจใหญ่เลยนะ” ชานนท์ใช้แรงทั้งหมดผลักให้อีกฝ่ายพ้นจากตัวเองไป
“โอ้ย..” วรุฒแกล้งร้องอย่างเจ็บปวดและลงไปนอนแผ่อยู่ข้างๆ
“พอเลยๆ อย่าสำออย แล้วก็กลับห้องไปได้แล้ว!!”
“ขอนอนนี่ได้ไหม เรานอนคนเดียวไม่ได้แล้ว นอนไม่หลับ”
“จะบ้าเรอะ แม่จัดห้องให้แล้ว ไม่ไปนอนได้เรอะ?”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เดี๋ยวเราบอกแม่เองว่าเรานอนไม่หลับ”
“ไม่เอา!” ชานนท์ยืนยันเสียงแข็งพร้อมชี้นิ้วไปที่ประตูห้อง
“โห.... ให้เรานอนรอน้อยใจตั้งหลายชั่วโมง แล้วยังจะใจร้ายกับเราอีก” วรุฒนอนนิ่งไม่ไหวติง เขาไม่ยอมขยับไปไหนทั้งนั้น เขาตั้งใจจะนอนที่นี่กับแฟนของเขาเท่านั้น
“เฮ้อ......” ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกยาวๆ เพราะไอ้เด็กยักษ์ตรงหน้าคนนี้ เขาเดินเข้าไปใกล้ โน้มตัวลงไปใช้ริมฝีปากกดลงไปที่ริมฝีปากคนตัวสูงทางด้านล่าง ทำให้อีกฝ่ายแปลกใจอย่างมาก เป็นครั้งแรกที่ชานนท์รุกเขาก่อน
“ขอร้องนะ” ชานนท์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ไม่!” วรุฒย้ำหนักเน้นในระยะประชิด
“เฮ้อ” ชานนท์ถอนหายใจและก้มลงไปจูบริมฝีปากคนที่นอนแผ่อยู่ด้านล่างอย่างดูดดื่ม
“น่านะ คุณแฟน ไปนอนเถอะนะเราเหนื่อยแล้ว” ชานนท์พูดต่อหลังจากถอนริมฝีปากตัวเองออกมาจากการจูบที่ทำให้วรุฒยังรู้สึกวาบหวามไม่หาย ชานนท์เป็นนักเรียนที่ยอดเยี่ยม ยังไม่ทันจะจบประโยคดี วรุฒก็คว้าชานนท์และพลิกตัว เขา กดชานนท์ให้แนบชิดกับที่นอนจนยวบลงไปเกือบครึ่งตัว
“งั้นต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
“ไม่เอานะ เดี๋ยวแม่ได้ยิน อุบ....” ชานนท์ยังไม่ทันบ่นให้จบประโยคก็ถูกอีกฝ่ายโจมตีด้วยเพลงจูบที่ร้อนแรงกว่าเขาหลายเท่า
“น่านะ เราจะพยายามเบาๆ”
“อือ....อืม” ชานนท์ที่หน้าแดงร้อนผ่าวกลับผยักหน้าเบาๆ อย่าไม่เต็มใจนักแต่ในใจกลับต้องการคนตรงหน้าอย่างมาก

หลังจากการตอบตกลงของชานนท์วรุฒก็บรรเลงเพลงรักที่เป็นเหมือนพายุที่โหมกระหน่ำ เสื้อผ้าของชานนท์หลุดลอยออกจากร่างอย่างกับโดนลมแรงพัดปลิว ทั้งสองเปลื่อยเปล่าอย่างรวดเร็ว ร่างเปลือยเปล่าของกันและกันทำให้ความปรารถนาท่วมท้นล้นอก ทั้งคู่ต่างถาโถมโรมรันเข้าหากันเหมือนมวยคู่เด็ดที่ผลัดกันได้เปรียบตลอดเวลา ชานนท์ไม่ได้อยู่นิ่งๆ เสียเป็นส่วนใหญ่อย่างเช่นเคยแล้ว เขาปล่อยให้ความปรารถนานำเขาเข้าไปสู่อีกการผจญภัยหนึ่งที่แตกต่าง เหมือนชิมอาหารวัตถุดิบเดิมแต่ต่างกรรมวิธีการทำ ทำให้รสชาติเปลี่ยนไป

ความจริงแล้วเขาไม่ได้กลัววรุฒทำเสียงดังหรอก แต่เป็นเขาต่างหากที่กลัวเผลอร้องเสียงแห่งความสุขออกมาอย่างห้ามไม่ได้ สุดท้ายเขาทำได้แค่เพียงใช้ปากคาบผ้าห่ม คาบหมอนไว้ในปาก กัดให้แน่นเวลาถูกอีกฝ่ายโถมความสุขมาให้อย่างมีกลเม็ดเด็ดพราย จนบางครั้งก็แอบเผลอไปกัดไหล่กัดแขาอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ

....................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-12-2019 11:51:47 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...ไม่กลัวคุณแม่จับได้เหรอจ๊ะเด็ก ๆ  อิอิ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แม่คงนึกว่าแผ่นดินไหว555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

แสงแดดยามสายของบ้านหลังนี้จะเผาหลังคาจนร้อนฉ่าเหมือนกะทะไฟฟ้า ทำให้ชานนท์ถูกอุณหภูมิที่สูงขึ้นปลุกให้ตื่นภายใต้เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นประปราย ทั้งที่ยังเปิดเครื่องปรับอากาศอยู่

ชานนท์มองไปที่ข้างลำตัวก็พบกับอีกตัวปัญหาที่ทำให้เราร้อนจนต้องตื่นจากการนอนหลับ ชายหนุ่มที่นอนเปลือยกายอยู่ข้างเขาทั้งยังคงสวมกอดเขาอย่างแนบแน่นไร้สิ่งใดปิดบัง การที่วรุฒเป็นคนขี้ร้อนน่ะ เขาเข้าใจแต่ถึงขนาดนอนเปลือยเปล่าแบบนี้มันก็เกินไป ถึงมันจะเป็นหุ่นที่น่ามองก็เถอะ เป็นตัวเขาเองคงไม่มีความกล้าขนาดนี้

ชานนท์ถอนหายใจ เพราะจนแล้วจนรอด เขาก็ไม่สามารถกล่อมให้วรุฒกลับไปนอนในห้องที่เตรียมไว้ได้สำเร็จ

ก็อก ก็อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังลั่น
“นนท์... ลูก..... สายมากแล้วนะ ยังไม่ตื่นอีกเหรอ?”
“ตื่นแล้วครับ!! เดี๋ยวผมขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะครับ” ชานนท์พูดไปก็เขย่าคนที่นอนเป็นศพอยู่ข้างๆ ไปด้วย
“อ้อ ลูก เพื่อนลูกไม่อยู่ในห้องนะ ไม่รู้ไปไหน? เขาบอกลูกไหม?”
“เอ่อ....” ตอนนี้ชานนท์ยิ่งลนลาน รีบเขย่าตัวและกระซิบเรียกให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว แต่คนตัวสูงกลับโวยวาย เสียงดังลั่นและคว้าตัวชานนท์ไปนอนกอดอย่างสบายใจ

“เฮ้ย!! ไอ้บ้า ทำอะไรเนี่ย!” ชานนท์เผลออุทานออกมา”
“อ้าวเป็นอะไรไปลูก?!”
“ไม่ครับ ไม่มีอะไรครับ ผมแค่สะดุดผ้าห่มน่ะครับ ส่วน.... วรุฒ... เมื่อคืนเขามาขอนอนด้วยนะครับ เขาบอกแปลกที่เลยนอนคนเดียวไม่หลับครับ” ชานนท์ตอบกลับไประหว่างพยายามจะลุกขึ้นให้พ้นจากเตียงแต่ก็ถูกวรุฒพันธนาการไว้ด้วยแขนและมือที่ก่ายเกาะเหมือนปลาหมึกรวบเหยื่อ

“โอเคๆ งั้นสองคนรีบมากินข้าวได้แล้ว แม่จะได้อุ่นให้นะ วางไว้รอจนเย็นชืดหมดแล้ว”
“ครับแม่”
เสียงฝีเท้าของแม่ได้เดินออกห่างจากห้องสร้างความโล่งใจให้กับชานนท์อย่างมาก ส่วนไอ้คนขี้แกล้งนั้นกลับลืมตากลมโตจ้องมองวงหน้าของชานนท์ อย่างเอ็นดู
“พอใจหรือยัง? นี่แกล้งเราพอใจหรือยัง?”
“ยัง” วรุฒยิ้มกลับพร้อมทั้งลุกขึ้นโถมตัวเองมากดชานนท์ลงบนเตียง
“เมื่อคืนมันดีมากเลย ขออีกทีได้ไหม?”
“ไอ้บ้า! ไม่เอาแล้ว ทรมานจะตาย อึดอัดจะแย่ พอเลยเดียวแม่ได้ยิน แม่มาตามลงไปกินข้าวแล้วนะ เดี๋ยวไม่รีบลงไปจะโดนบ่นยาวจนถึงเวลากลับบ้านแน่ๆ!”
ชานนท์ดิ้นไปด้วยปฏิเสธไปด้วยเพื่อว่าอีกฝ่ายจะยอมรับฟังเขาดีๆ แต่นอกจากจะไม่ได้ผลแล้วอีกฝ่ายยังเริ่มใช้ริมฝีปากสัมผัสเขาไปทั่วลำคอและช่วงอกอีกด้วย ทำให้เขาอ่อนแรงไปหมด เป็นไม้ตายที่ใช้กับเขาได้ผลเสมอ

แกร็ก!! แอ็ด.......
เสียงปลดล็อกประตูและบานประตูเปิดกว้างออกอย่างตั้งใจ พร้อมภาพแม่ของชานนท์ถลันตัวเข้ามาในห้อง

“เออ! จริงสิแม่ขอเข้าไปเก็บเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว เอาไปซักให้ ขอแม่เขาไปนะเห็น...... ประ.... ตู.... ไม่ได้ล็อก.....” แม่ของเขาอึ้งกับภาพตรงหน้า ภาพที่ชายเปลือยกายคล่อมกดชานนท์ซึ่งอยู่ในสภาพกึ่งเปลือย

“ทำอะไรกันน่ะ!!” เสียงวี๊ดตกใจของแม่ถึงกับวางตระกร้าผ้าลงกับพื้นอย่างจัง
“คือ... วรุฒเขาชอบแกล้งผมน่ะครับ!!” ชานนท์พูดขึ้นพร้อมทั้งดีดตัวเองขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แต่อวัยวะของเขานี่นี่สิ มันดันทำตัวผิดปกติชี้ตุงอยู่ในกางเกงอย่างเห็นได้ชัด ชานนท์รีบนำมือมาปิดแทบไม่ทัน

ส่วนวรุฒนั้น ทำได้แค่เพียงคว้าผ้าห่มขึ้นมาห่อหุ้มร่างที่เปลือยเปล่า พร้อมยิ้มอย่างไม่เต็มปากไปทางคุณแม่ที่ทำหน้าตาจับผิด

“ทั้งสองคน อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วลงไปหาแม่ข้างล่าง!!” เสียงห้วนดุดันกล่าวออกหลังจากทั้งสามคนปล่อยให้บรรยากาศเงียบแบบตึงเครียดอยู่พักใหญ่

.................


วรุฒและชานนท์ลงมานั่งที่โต๊ะกินข้าวหลังจากอาบน้ำแต่งกายเรียบร้อย อาหารมื้อเช้าที่แม่ของชานนท์อุ่นให้ใหม่ต่างทยอยลงมาวางโดยคุณแม่ที่มีหน้าตาบึ้งตึงไร้คำพูด

หลังจากวางจานสุดท้ายเสร็จสิ้น คุณแม่ของชานนท์ก็เดินมานั่งที่ฝั่งตรงข้ามของทั้งสองคน
“สายมากแล้ว กินก่อนสิ” แม่เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แม่ครับ คือ แม่มีเรื่องจะคุยอะไรกับพวกเราครับ”
“กินก่อนค่อยคุย”
“เอ่อ.....” สีหน้าชานนท์ตอนนี้มันคงซีดเผือดมาก เพราะเขารู้สึกถึงความเย็นบนใบหน้าเหมือนยืนอยู่หน้าตู้เย็นตอนเปิดตู้เย็นฝั่งช่องแช่แข็งอย่างไงอย่างนั้น

“ก็ได้! งั้นก็คุยไปกินไป!” แม่ผ่อนลมหายใจและตอบกลับมาเสียงเข้ม
“ครับ” เสียงอ่อยเอื่อยออกมาจากปากชานนท์ในขณะที่วรุฒก็มองชานนท์อย่างสำนึกผิด วรุฒได้แต่โทษในความคะนองของตนเองจนทำให้ชานนท์ลำบากใจ ให้แม่ชานนท์รู้เรื่องระหว่างเขาสองคนทั้งที่ยังไม่พร้อม

นิสัยของชานนท์ไม่เหมือนกับเขา ที่กล้าพอที่จะพูดเพื่อสิ่งที่ตนเองต้องการได้ พื้นฐานครอบครัวมันต่างกันแม่พ่อของวรุฒจะไม่ชอบเรื่องรสนิยมทางเพศของเขา ส่วนแม่ของเขาเองก็กำลังทำใจให้ได้อยู่ แตกต่างกับแม่ของชานนท์ที่วรุฒเองก็ไม่รู้ว่าจะรับมือเรื่องนี้ได้หรือเปล่า เขายอมรับว่าสังคมมันยังไม่พร้อมกับเรื่องเพศเดียวกันคบกันเสียเท่าไหร่

“พวกลูกสองคน..... ไม่ใช่แค่เพื่อนกันใช่ไหม?”
“เอ่อ.... ผมก็บอกแม่อยู่ครับว่า เราแค่หยอกเล่นกัน”
“แม่ไม่รู้หรอกนะว่า พวกเด็กผู้ชายเขาหยอกเล่นอะไรกันยังไง รุนแรงแค่ไหน แค่จากสองวันที่แม่อยู่กับเรามา...... อย่ามาโกหกแม่!!”
“เอ่อ.......” ตอนนี้ชานนท์เหมือนตัวหดเล็กลงจนเป็นเด็กห้าขวบ เขาก้มหน้าน้ำตาซึมปริ่มขอบตา

“แม่ครับ คือผม.......ผมกับชานนท์... ผมจริงใจกับเขาครับแม่ ผม.....” วรุฒหมดความอดทน เขาอยากปกป้องคนรักของเขา เขาต้องแสดงให้แม่เห็นถึงความจรืงใจและขอให้แม่เปิดใจรับเขาให้ได้
“แม่ยังไม่อยากได้ความเห็นของเธอ แม่อยากได้คำตอบจากปากลูกของแม่!!” แม่หันมาค้อนใส่วรุฒอย่างเกรี้ยวกราด เป็นครั้งแรกมี่วรุฒรู้สึกเกรงใจผู้ใหญ่ขนาดนี้ ปกติเขาคงเถียงกลับไปแล้ว สุดท้ายเขาได้แต่มองไปที่ชานนท์ด้วยสายตาห่วงใย
“แม่ครับ คือ...”
“พูดมา!! ห้ามโกหก นนท์ไม่เคยโกหกแม่!!”
“ครับแม่ คือ..... วรุฒเป็นแฟนผมครับ เราคบกัน ผมมีแฟนเป็นผู้ชายครับแม่ ขอโทษนะครับ ที่อาจทำให้แม่ผิดหวัง ผม....” น้ำในตาที่พยายามสะกดมันเอ่อล้นออกมาไม่หยุดระหว่างพูด วรุฒเห็นแบบนี้ทำให้เขารู้สึกหน่วงที่กลางอกแบบแปล๊บ เป็นอาการที่เขาไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ เขาทำได้แค่ยื่นมือไปจับเข่าคนข้างๆเขาไว้อย่างหนักแน่น แม้สายตาของนนท์จะไม่ได้จับจ้องเขาเลย
“เฮ้อ..... ลูกรัก.....แม่ดีใจนะ ที่สุดแล้วลูกก็ไม่โกหกแม่ เฮ้อ...... วัยรุ่นเนี่ยนะ...... เรื่องแบบนี้แม่ก็พอจะรู้บ้างล่ะว่าโลกสมัยนี้มันเป็นยังไง แต่แม่แค่โกรธที่เดี๋ยวนนท์ปิดบังแม่.... ตอนแรก... แม่ก็ไม่แน่ใจหรอกนะ แต่พอเจอเรื่องเมื่อคืนไปก็เลยค่อนข้างแน่ใจ!”

“เมื่อคืน??”
“ลูกจ๋า... ผนังห้องน่ะมันบางนะ ทำเอาแม่นอนไม่หลับเลยรู้ไหม?”
“เอ่อ......”
“วรุฒ!! ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมนะ ห้ามมาทำเรื่องแบบนี้ในบ้านแม่อีก เข้าใจนะ!!”
“ครับ” วรุฒตอบด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
”อีกอย่างพวกเราอายุยังไม่ถึง 20 เลย แม่ไม่อนุญาติให้เราทำเรื่องแบบนี้ก่อนอายุ 20 เข้าใจไหม?”
“แต่ผม 20 แล้วนะครับ”
“หา!! อะไรนะ??” ชานนท์หันไปมองหน้าวรุฒด้วยสีหน้างงงวย
“แต่ชานนท์เพิ่งจะ 18!!” คุณแม่ชานนท์ย้ำเสียงหนักแน่น
“แต่แม่ครับ 18 ก็โตพอสำหรับเรื่องพวกนี้แล้วนะครับ อีกอย่างนนท์ก็เป็นผู้ชาย.....” วรุฒทำเสียงเป็นผู้ใหญ่และรักษาบุคลิกให้ดูเป็นผู้ใหญ่เวลาพูดเรื่องพวกนี้ เวลาเป็นเรื่องแบบนี้ดูท่าทางวรุฒจะจริงจังเป็นพิเศษ

“หากทำไม่ได้ก็ไม่ต้องคบ” คุณแม่ของชานนท์พูดเสียงเข้มขึ้นไปอีกระดับเป็นการเด็ดขาด
“เอ่อ.....” วรุฒพยายามจะหว่านล้อมแม่ของชานนท์อีกครั้ง แต่พอเจอเสียงดุๆเข้มๆ ของอีกฝ่ายก็แทบจะนึกคำพูดไม่ออก หากเป็นผู้ใหญ่ทั่วไปเขาคงไม่สนใจชวนทะเลาะไปแล้ว แต่คนนี้เป็นแม่ของคนที่เขารัก เขาจึงเกรงใจอยู่มาก

“ช่วยเห็นใจคนเป็นพ่อเป็นแม่หน่อยนะ แม่ว่าแม่เธอก็คงคิดเหมือนกัน แม่กลัวมาตลอดว่าลูกชายตัวเองจะไปทำใครท้องก่อนเรียนจบ อุตส่าห์สอนเรื่องให้เกียรติผู้หญิง ไม่นึกว่า....... เอาเป็นว่าแม่ไม่คิดต่อ แม่ยังรับเรื่องอะไรพวกนี้ไม่ได้จริงๆ” แม่ของชานนท์พูดไปถอนหายใจไป

“แต่แม่ผมรู้เรื่องนี้แล้วนะครับ แม่ผมเปิดใจรับเรื่องพวกนี้ได้ดีครับ” วรุฒเหมือนยังไม่ยอมแพ้

“อืม.... แม่เธอเป็นทันสมัยนะ ในเมื่อแม่เธอรู้เรื่องของเราสองคนแล้วยังรับมือได้ ว่างๆ แม่จะขอปรึกษาเขาหน่อยนะ” แม่ของชานนท์ยังคงผ่อนลมหายใจอย่างต่อเนื่องและเริ่มพูดอะไรเรื่อยเปื่อย

“แม่ของวรุฒ คือผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยนะครับ คนที่ผมเคยเล่าให้แม่ฟังไง!!” ชานนท์พูดด้วยท่าทางตื่นเต้น
“อืม.. นึกว่าหน้าคุ้นๆ แต่.... เอ๊ะ!! แปลว่า.... พ่อของเธอ....คือ....” หน้าแม่ของชานนท์อยู่ๆ ก็ซีดเผือดลง
“ใช่ครับ คนที่เป็นนักธุรกิจแล้วก็นักการเมืองชื่อดัง เอ่อ..... ผมจำชื่อไม่ค่อยได้” ชานนท์นึกไปขนลุกไป เขาไม่ค่อยอยากนึกถึงพ่อของวรุฒเสียเท่าไหร่เพราะประสบการณ์ที่ไม่ดีที่ผ่านมา

“คุณประวิทย์......” แม่เอ่ยขึ้นมาลอยๆ ด้วยสีหน้าตกใจ

“ใช่ครับ พ่อผมเอง... แต่ผมไม่ได้สนิทอะไรกับพ่อมากนะครับ ตอนนี้ผมย้ายออกมาอยู่กับแม่แล้วครับ” วรุฒพูดเสริม
“เธอเป็นลูกคุณประวิทย์?” แม่ของชานนท์หันมาถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง แต่สีหน้าของแม่เองก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่
“แม่รู้จักเหรอครับ?” ลูกชายหัวแก้วหัวของเธอสังเกตสีหน้าของเธอได้ว่ามีความกังวเอ่อล้นอยู่ จึงได้ตัดหน้าถามด้วยความสงสัย
“นนท์ พ่อเราน่ะคนดังนะ ไม่มีใครไม่รู้จักคนที่มีอิทธิพลระดับประเทศขนาดนั้นหรอก” วรุฒพูดเสริมไปทางชานนท์

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับแม่ ผมยังอยู่ทั้งคน ต่อให้พ่อผมไม่เห็นด้วยยังไง ผมก็จะดูแลนนท์อย่างดี ไม่ให้พ่อผมมากวนใจได้ครับ!” วรุฒพูดด้วยท่าทางมั่นใจไปทางคนเป็นแม่ที่มีสีหน้าวิตก
“เฮ้ย!! อย่าทำให้เรายิ่งกังวลสิ!!” ชานนท์สะกิดอีกฝ่ายอย่างแรง
“เออ!! จริงด้วย!!” วรุฒนึกหวนไปถึงเรื่องที่พ่อตัวเองทำกับชานนท์ไว้อย่างไร ตอนนั้นเป็นแค่เพื่อนร่วมห้องยังขนาดนั้นแต่ตอนนี้สถานะเปลี่ยนไปมาก หากพ่อเขารู้เข้าก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“.........” แม่ชานนท์ตกลงไปในความคิดจนไม่ได้สนใจข้อสนทนาของวัยรุ่นทั้งสองตรงหน้า
“แม่ครับ.... ไม่ต้องกังวลผมสบายดี” ชานนท์โผเข้ากุมมือผู้เป็นมารดาตัวเอง เขารู้ว่ามือแม่เขาเย็นมาก
“แต่คือ..... ยังไงแม่ก็ไม่อยากให้เราสองคน..... คบกัน.... มัน.......” แม่ของชานนท์พูดติดขัด แววตาเหมือนมีเรื่องมากมายจะพูดแต่ก็มีความลังเลใจซ้อนทับ

“แม่ครับ ผมรักนนท์..... เรารักกัน..... ผมอยากให้แม่เข้าใจนะครับ และอยากให้อวยพรให้ความรักของเรา” วรุฒทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำมาก่อน เขาขยับตัวเข้าไปใกล้มารดาของอีกฝ่าย กดตัวลงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าคนที่ให้กำเนิดคนที่เขารักที่สุด กราบไปที่เท้าและยกมือขึ้นไหว้คนตรงหน้าอย่างจริงใจ สร้างความประหลาดใจกับชานนท์อย่างมาก จนถึงขั้นร้องออกมาอย่างตกใจ

“เฮ้ย!! ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้ นี่มันสมัยไหนแล้ว!!” ชานนท์โวยวาย
“เราเคยเห็นในละครไทยน่ะ เห็นว่าได้ผลก็เลยจำมาทำบ้าง” วรุฒตอบด้วยแววตาซื่อตรง
“ดูเรื่องอะไรวะเนี่ย?” ชานนท์เกาหัวกับท่าทางของคนตัวสูงที่บางครั้งก็ไม่รู้กาละเทศะเอาเสียเลย

แม่ของชานนท์ที่เห็นภาพตรงหน้าก็อดที่จะยิ้มที่มุมปากไม่ได้ เธอได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ
“วรุฒสัญญากับแม่ได้ไหม?”
“ครับ?”
“สัญญาว่าจะไม่ทำเรื่อง..... “
“เซ็กส์” วรุฒเติมคำในช่องว่างได้หนักแน่น จนชานนท์กุมศรีษะ
“นั่นแหละจ๊ะ... อย่าทำมันจนกว่านนท์จะอายุ 20 ปี”
“ครับผมสัญญา ผมจะอดทนให้ได้ ผมแค่ให้แม่ให้โอกาสผมพิสูจน์ว่าผมรักนนท์มากแค่ไหน แค่แม่ไม่ขัดขวางเราผมก็ดีใจแล้วครับ” วรุฒยิ้มกับสิ่งที่เขาได้คำตอบเป็นนัยๆจากแม่ของชานนท์
ส่วนแม่ของชานนท์ ไม่ได้ตอบอะไรแค่ยิ้มเล็กน้อยตอบกลับมา
“เยส!!!” วรุฒดีใจ กำมือเข้าหาตัวเองแน่น อีกทั้งยังลุกขึ้นมากอดชานนท์ยกตัวชานนท์ขึ้นมากอดและเหวี่ยงไปรอบๆ พร้อมจูบไปที่แก้มหลายรอบ

“แล้วก็ช่วยระวังกิริยาแบบนี้ด้วย ถึงแม่จะไม่ว่าอะไร แต่ก็ช่วยวางตัวให้เหมาะสมด้วย!!” แม่ชานนท์ทำสีหน้าดุใส่ทั้งสองคน

“ครับ/ครับ” ทั้งสองคนตอบรับพร้อมกัน ชานนท์ต้องแอบค้อนใส่อีกฝ่ายอย่างแรง วรุฒได้แต่ทำหน้าทะเล้นใส่คนตัวเล็กอย่างลิงโลด

......................

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

บทที่ 22

The extra pay back


เอกนั่งมองรถ SUV คันหรูขับออกจากหอพักนักศึกษาด้วยสายตาอาวรณ์ เขาเองก็บอกความรู้สึกตัวเองแบบนี้ไม่ออกเหมือนกันว่ามันคืออะไร อาการเจ็บหน่วงๆที่หน้าอกข้างซ้ายแปลบๆ เป็นจังหวะ ดวงตาร้อนผ่าว ขณะมองรถคันนั้นวิ่งห่างออกไปภายใต้แสงยามสาย

เอกตัดสินใจนั่งลอยชายรับลมอยู่บริเวณชานชั้นหนึ่งของหอพัก วันนี้เป็นวันหยุดยาวหลังสอบกลางภาคที่เขาไม่มีแผนจะไปที่ไหน เขาวางแผนที่จะมาชวนน้องชายรุ่นน้องของเขาไปหารุ่นพี่สายรหัสของเขาที่เป็นตัวเก็งเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ซึ่งเป็นอะไรที่ต่างจากเขามาก สำหรับตัวเขาเองแค่สอบให้ผ่านในแต่ละวิชาก็พอใจแล้ว

แต่อยู่ๆ เขาก็นึกถึงรุ่นพี่ของเขาและได้ไปขอสมุดโน้ตเทพในตำนานที่ใครต่างต้องต่อคิวขอยืมเพราะมีเนื้อหาสรุปและเกร็งข้อสอบที่แม่นยำเข้าใจง่าย โดยที่เอกสามารถลัดคิวให้ได้เพียงแต่ต้องโผล่หน้าหล่อๆของเอกไปหารุ่นพี่คนนั้นด้วยตัวเอง เอกเลยอยากพารุ่นน้องของเขาไปทำความรู้จักและขอยืมสมุดโน้ตเทพเหล่านั้นมาอ่านและคัดลอก แต่พอเขารีบเร่งมาหารุ่นน้องของเขา ก็มาเห็นภาพบาดตาบาดใจจนต้องขอมานั่งพักต้องนี้สักพัก

เขานั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยไปได้สิบกว่านาที เขาก็ตัดสินจะโทรศัพท์ไปยกเลิกนัดกลับรุ่นพี่ของเขา รถยนต์รูปร่างคุ้นตาก็ปรากฏขึ้นมาในคลองสายตาอย่างไม่ตั้งใจ เพียงแค่เห็นรถคันนั้น โดยเฉพาะไอ้คนที่ขับมันมาก็ทำให้เอกอารมณ์เสียไปทั้งวันเสียแล้ว

ชายหนุ่มรูปร่างกระทัดรัด ลงจากรถทรงต่ำคล้ายรถแข่งมาอย่างอารมณ์ดี เขามีแผนจะมาเซอร์ไพรส์รุ่นน้องคนที่เขาเล็งไว้มาควงให้ได้ เขากะว่าจะมาลักพาตัวรุ่นน้องคนนั้นจากไอ้ยักษ์หวงก้างร่วมห้องของน้องมาเที่ยวด้วยสักสองสามชั่วโมง

หลังจากเหตุการณ์วันประกาศกร้าวของไอ้ยักษ์วรุฒ เรื่องที่จะคบกับนนท์อย่างเปิดเผย แต่เรื่องแบบนี้ไม่ทำให้เขาละความพยายามได้แน่นอน ‘ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก’ คือหลักประจำใจ และต่อให้มีแฟนแล้ว หรือคบหากับใครอยู่ก็ไม่ใช่อุปสรรคที่จะชอบใครสักคนและเอามาครอบครอง ด้วยคติการใช้ชีวิตแบบนี้ ผู้ชายตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้มีหน้าตาโดดเด่นอะไรมากจึงติดโผเข้าไปอยู่ใน ‘เดอะสตาร์’ ของมหาวิทยาลัย ด้วยความที่โดดเด่นทั้งบุคลิกมาดดี ตื้อเก่ง และเป็นสายเปย์ที่แท้จริง และที่สำคัญกลุ่มนี้ ไม่จริงจังกับใครได้นาน

ที่ผ่านมาเขาพยายามที่จะเข้าหาชานนท์หลายครั้ง แต่ก็ถูกวรุฒขวางทัพไว้ตลอด จนแทบไม่ได้เจอหน้าชานนท์เลย วันนี้ก็เข่นกันที่เขาจะมาตามตื้อจนกว่าจะสำเร็จ

“มึงมาทำอะไรที่นี่อีกแล้ว ไอ้เต๋า”
เสียงขุ่นเข้มขว้างออกมาขวางทางคนตัวเล็กในชุดสูทลำลองสีน้ำทะเลอ่อน
“กูนึกว่าใคร ก้างอีกชิ้นนี่เอง” เต๋าพูดลอยๆ ออกมาโดยมองมาทางก้างชิ้นโตอีกคน ที่คอยขวางทางเขากับชานนท์
“มึงว่าไงนะ!!” เอกขึ้นเสียงด้วยความโกรธ
“กูพูดของกูคนเดียว!!” อีกฝ่ายก็โต้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แพ้กัน
“กวนตีนแบบนี้ สงสัยอยากแดกตีนแต่เช้า!!” เอกยืนขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด
“คิดว่าคนอย่างกูจะกลัวเหรอ?!!” เต๋าเองก็ทำท่าทีไม่หวั่นเกรงอีกฝ่ายเลยทั้งที่ตัวเล็กกว่าเอกมาก
“พอดีเลยกูกำลังหงุดหงิดหาที่ระบาย!!” เอกสาวเท้าเข้าไปใกล้เต๋าและใช้มือข้างขวายกขึ้นมาเพื่อช้อนปกเสื้ออีกฝ่าย แต่ชายร่างบางกลับเอี้ยวตัวหลบได้อย่างว่องไว
“แต่โทษทีว่ะ ดูอารมณ์ดี กูแม่งไม่มีเวลามาวอแวกับมึงหรอกนะ” เต๋าพูดจบก็หลบฉากเพื่อเดินไปทางประตูทันที เขาหยิบคีย์กาดขึ้นมาโบกเล็กน้อยหน้าเครื่องส่งสัญญาณ

“เฮ้ย!! เดี๋ยว!! มึงมีคีย์การ์ดของที่นี่ได้ยังไงวะ?” เอกถามขึ้นเสียงดังทันทีที่เห็น
“มีเงินมันก็ซื้อได้ทุกอย่างนั่นแหละ!” เต๋าหันมาทำหน้าเยาะเย้ยใส่คนถาม
“ถึงวันนี้มึงจะเข้าไปได้ก็เท่านั้นเพราะนนท์ไม่อยู่!” เมื่อเอกเห็นใบหน้าที่ยียวนนั่นเขาก็รีบโต้ตอบทันที
“อะไรนะ?!? เช้าขนาดนี้ น้องน่าจะยังอ่านหนังสืออยู่สิ”  หน้าใสๆ ของเต๋าแสดงสีหน้าแปลกใจสุดแรง อุตส่าห์ศึกษาตารางเวลาของอีกฝ่ายมาอย่างดี
“น้องเขาก็ออกไปเที่ยวกับแฟนเขาน่ะสิ เห็นหิ้วกระเป๋าไปหลายใบ คงไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน น่าจะไปกันหลายวันเสียใจด้วยนะ!!” เอกพูดเป็นฉากๆ ให้อีกฝ่ายคิดภาพตามได้เลย จะได้รู้กันไปเลยว่าที่อีกฝ่ายทำมาน่ะ มันเสียเวลาเปล่า

“เฮ้ย! อะไรวะ?!?” ฝ่ายเต๋ามีอาการเจ็บใจอย่างเห็นได้ชัด เขายืนกระหัดกระเฟียดอยู่พักใหญ่ และก็สงบนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเดินวนไปมาทำท่าครุ่นคิดอย่างหนัก

เอกมองอากัปกิริยาของชายร่างเล็กช่างวางแผนก็เกิดอาการสะใจและอาการสงสัยถึงการกระทำอย่างนั้น ไม่นานชายร่างเล็กก็เหมือนคิดอะไรได้และก้าวเดินตรงรี่มาที่เขาอย่างรวดเร็วจนเขาหลบหลีกไม่ทัน ถูกเต๋าคว้าคอไปกอดและหัวเราะแบบกลบเกลื่อนอารมณ์ร้อนที่อยู่ในใจ

“กูรู้ว่ามึงเองก็แอบชอบน้องนนท์อยู่ใช่ไหม? มึงถึงได้พยายามมาขัดขวางกูแบบนี้ กูรู้ว่ามึงไม่ได้ทำเพื่อน้อง ไม่ได้ทำเพื่อไอ้รุฒแต่มึงทำเพื่อตัวเอง!!” เต๋ากล่าวกับเอกอย่างใกล้ชิด
“คนเหี้ยๆ อย่างมึงจะไปรู้อะไร!?!” เอกพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนที่ล็อกคอเขาไว้แต่ก็ทำไม่ได้เสียที ชายร่างเล็กคนนี้แรงเยอะกว่าที่คิด
“กูรู้เพราะกูมองมึงออก สายตาที่มึงมองน้องน่ะ ไม่ต่างอะไรจากสายตากูเลย กูรู้กูเข้าใจ นี่ๆ มึงมาร่วมมือกับกูไหม? มึงอยู่ที่นี่นี่หว่า ถ้าเป็นมึงกูว่ามึงทำสะดวกกว่ากูเยอะ!” ชายร่างเล็กพูดใส่หูอีกฝ่ายแกมบังคับ
“เก็บความคิดชั่วๆ ของมึงไปเลย กูไม่ได้เลวเหมือนมึง!!” เอกพยายามแกะแขนของอีกฝ่ายที่บีบรัดลำคอเขาอยู่ เพราะช่วงแขนที่ไม่ได้ยาวอะไรมากทำให้คอของเอกเริ่มเกิดอาการอึดอัด หายใจไม่สะดวก

“กูยอมรับนะว่าที่ผ่านมา กูแม่งเลวขนาดไหน แต่กับน้อง...... กูไม่รู้ว่ะ กูอธิบายไม่ถูก.... มันเหมือนกูอยากกอดเขาอย่างทนุถนอมไปคนเดียวเลย.... กูรู้ว่ามึงเข้าใจที่กูพูด ที่มันเจ็บคือน้องแม่งดันไปเลือกไอ้เด็กมีปัญหาอย่างไอ้รุฒ กูแม่งไม่เข้าใจเลย!!” เต๋าพูดจบก็คลายแรงลงจนทำให้เอกสามารถดึงมืออีกฝ่ายหลุดได้สำเร็จ

“มึงอย่ามาพูดเลย กะล่อนอย่างมึงคงคิดวางแผนเลวไว้ล่ะสิ มึงเป็นประเภท อยากได้อะไรก็ต้องได้!!” เอกใช้มืบลูบคอที่มีรอยแดงเป็นแถบ
“ใช่! กูมีแผน แผนที่จะทำให้ไอ้รุฒมันทะเลาะกับนนท์และเลิกกันไปเอง!! แต่กูรู้ว่าน้องจะต้องเสียใจ แต่กูนี่แหละจะเป็นคนดามอกน้องเอง!!” สีหน้าและดวงตามุ่งมั่นฉายแววออกมาจากวงหน้าสะอาดสะอ้าด เอกเห็นถึงความจริงใจต่อนนท์ในใบหน้าของเขา แต่คำพูดที่หลุดออกจากปากมันยังรู้สึกร้ายแรงอย่างอธิบายไม่ถูก
“มึงจะทำอะไร?” เอกถามต่อทันที
“หากมึงร่วมมือด้วยกูจะบอก!! เอาเป็นว่าหากต้องเลิกกับไอ้รุฒจริงๆ แล้วเราค่อยมาแข่งกันจีบน้องอย่างเท่าเทียม!! โอเคไหม?” เต๋ามองตาอีกฝ่ายเพื่อชักชวนอย่างจริงใจ

“เอ่อ......กู.......” เกิดการลังเลขึ้นในจิตใจของเอก ปราสาททรายของเขากำลังถูกคลื่นซัดใส่

“มึงยังไม่ต้องบอกกูตอนนี้ก็ได้!! เอาเป็นว่ากูจะเริ่มแผนตอนน้องกลับมาถึง หากมึงสนใจก็บอกกูก็แล้วกัน!!” เต๋าพูดจบก็ยื่นนามบัตรให้แล้วเดินผิวปากเดินจากไป นามบัตรที่ปกติที่เขาจะให้สาวหรือหนุ่มที่เขาสนใจเพื่อให้ติดต่อกลับ โดยทิ้งให้เอกยืนอยู่ท่ามกลางความโลเลเป็นเวลานาน

....................

“เต๋า? นี่มึงใช่ไหม? กูเอง เอก” เสียงดังลอดมาจากลำโพงของโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องใหญ่
“อ้าว กูก็ยังว่า.... เบอร์ใครไม่คุ้นเลย” เต๋าตอบโทรศัพท์พลางยกแก้วที่มีของเหลวสีเหลืองอำพันในมือดื่มจนหมด
“กูคิดดูแล้ว...... กูตกลงที่จะร่วมมือกับมึง ภายใต้เงื่อนไขหนึ่งคือ ห้ามลงมือลงไม้กับนนท์เด็ดขาด!!” เสียงเอกแข็งกร้าวชัดเจน
“เออๆ กูรู้แล้ว เอาอย่างนี้มีมาหากูที่ร้านคาเฟ่เปิดใหม่แถวหลังมหาวิทยาลัย เดี๋ยวกูจะเล่าให้ว่าจะแผนมันเป็นยังไง!” เต๋าพูดด้วยดวงตาลุกวาว
“เออๆ เดี๋ยวกูตามไป” เอกพูดจบก็วางสายใส่อีกฝ่ายทันที

............................


“เชี้ย!! มึงจะเอาจริงๆ น่ะ” เอกร้องเสียงหลง ดังไปทั่วบริเวณหลังร้านคาเฟ่เปิดใหม่ซึ่งเป็นจุดนัดหมาย หัองนั่งเล่นหลังร้านที่เป็นเหมือนคลับลับๆ สำหรับนักดื่มอย่างเต๋า
คนเจ้าเลห์อย่างเต๋าเล่าถึงแผนการทั้งหมดให้เอกฟัง เอกมองคนอย่างเต๋าออกจนหมดจรด เต๋าเป็นคนเหมือนที่เขาคิดจริงๆ เป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องคว้ามาเป็นของตนเองให้ได้ แม้จะต้องแย่งคนอื่นมา

“มึงได้ยินขนาดนี้ถอนตัวไม่ได้แล้วนะเว้ย เพราะรู้ขนาดนี้ก็เป็นผู้สมรู้ร่วมริดกับกูเรียบร้อยแล้ว!!”
“เออ! กูรู้ กูรู้อยู่แล้วว่า การที่มาร่วมมือมือกับมึงก็ต้องยอมรับแผนชั่วของมึงให้ได้!!”
“ยังไม่เลิกว่ากูอีก การที่มึงมายืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากกูหรอก!!” คำพูดเสียดแทงของอีกฝ่ายทิ่มมาที่ใจของเอก เขาพยายามระงับอารมณ์เต็มที่ เพื่อเป้าหมายของเขา

“น้องจะกลับมาถึงพรุ่งนี้” เอกพูดขึ้น
“ดี! พรุ่งนี้เริ่มเลย!!”
“มึงจะไม่ให้น้องเขาพักบ้างเลยหรือไง?”
“กูรู้ กูก็เป็นห่วงน้อง แต่ของอย่างนี้รอไม่ได้ วรุฒมันฉลาดยิ่งนานวันโอกาสสำเร็จก็จะลดลง!!” เต๋าย้ำ
“เออๆ งั้นเดี๋ยวกูไปจัดการชวนน้องให้ออกมาพบกูเอง” เอกออกปาก
“นี่มึงมีแผนอะไรล่อให้น้องออกจากไอ้รุฒมาหามึงได้เนี่ย?” เต๋าแสดงสีหน้าสงสัยในความมั่นใจของอีกฝ่าย
“มึงไม่จำเป็นต้องรู้!” เอกพูดพลางนึกถึงสมุดโน๊ตขั้นเทพของรุ่นพี่สายรหัสของตนเอง
“โอเคๆ งั้นมึงพาน้องมาที่นี่แล้วที่เหลือกูจัดการเอง!!” เต๋าพูดจบก็ลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินออกจากโต๊ะ
“เดี๋ยวๆ แล้วไอ้รุฒล่ะ ถ้าหากมันมาด้วยจะเสียแผนหรือเปล่า?” เอกโพล่งถามขี้นอย่างสงสัย
“ไอ้รุฒมันติดหนี้พวกกูอยู่เรื่องหนึ่ง มันต้องทำตามที่กูขอร้องหนึ่งเรื่อง รับรอง! มันไม่ว่างมาตามน้องนนท์ถึงที่นี่หรอก!!” เต๋ายิ้มอย่างเจ้าเลห์
“อ้อ.....” เอกทำท่าเข้าใจและนึกไปถึงเรื่องของยัยวิขึ้นมาในหัว

.......................


ในช่วงเย็นของอีกวันตามกำหนดการ

“ถึงไหนแล้ว มาร้านที่พี่ส่งโลเคชั่นไปถูกไหม?” เอกพูดใส่โทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเอ็นดูคนที่ปลายสายอีกฝั่งอย่างมาก
“ครับ ผมว่าผมเคยนั่งรถผ่านนะครับ เดี๋ยวผมถึงแล้วโทรหาพี่นะครับ” ปลายสายเสียงใสส่งออกมาจากลำโพงโทรศัพท์
“โอเค พี่จะรอนะ” เอกยิ้มออกมาพร้อมพูดกลับไป

“มึงแม่งน่าอิจฉาว่ะ ชวนน้องปั๊บ น้องตกลงปุ๊บเลย!!” เสียงชายหนุ่มร่างเล็กที่นั่งอยู่ด้านข้างๆ พูดขึ้น
“กูกับมึงมันไม่เหมือนกัน น้องเห็นกูเป็นเหมือนพี่ชาย ไม่เหมือนกับมึง น้องมันคงรู้ว่ามึงมันคิดไม่ดีด้วยเลยไม่กล้าตอบรับคำชวนของมึง”
“เชี้ย! ก็พูดเกินไปหรือเปล่าวะ กูไม่ได้หื่นขนาดนั้นไหม?” เต๋าโวยออกมาแบบกักเสียงไว้
“เขารู้กันทั้งมหาวิทยาลัย! คนดีๆ เขาไม่มาข้องเกี่ยวกับพวกมึงหรอก”  เอกตอกกลับไป
“โหย... ไหนๆ ก็ร่วมมือกันแล้ว มึงช่วยพูดดีๆ กับกูบ้างได้ไหมวะ? อีกอย่างคนอย่างพวกกูน่ะ เป็นเป้าให้คนเขานินทาว่าร้ายอยู่แล้ว มีชื่อเสียงมันก็เป็นแบบนี้!! เรื่องบางเรื่องมันก็เกินจริงว่ะ ลือกันซะกูเลวขนาดนั้นเชียว!” เต๋าตอบกลับแต่เหมือนบ่นอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วก็กระดกแก้วที่มีน้ำสีเหลืองอำพันเข้าปาก

“เฮ้อ!! พูดมากจริงดื่มไป!!” เอกถอนหายใจพร้อมหยิบขวดไวน์ที่ตั้งอยู่ในถังน้ำแข็งไม่ไกลมารินให้อีกฝ่ายที่ยกดื่มจนหมดแก้วไปแล้ว
“เฮ้ยๆ ไม่ต้องกูรินเองได้ เออ! ว่าแต่จะให้กูกินคนเดียวจริงๆน่ะ หยิบแก้วมาดื่มเป็นเพื่อนกู!!” เต๋าชี้ไปที่แก้วทรงสูงซึ่งวางคว่ำไว้ในตู้เย็นบานกระจกขนาดย่อมข้างโต๊ะ
“ไม่ดีกว่า น้องมันจมูกดี เดี๋ยวนนท์จะได้กลิ่น มึงก็รู้ว่าน้องเข็ดกับการดื่มพวกแอลกอฮอล์พวกนี้แล้ว เดี๋ยวน้องจะถามเยอะแล้วกูจะทำแผนแตกเสียเอง กูยิ่งโกหกน้องไม่ค่อยเก่งอยู่ด้วย!” เอกส่ายหน้าปฎิเสธ
“เออๆ เรื่องของมึง” เต๋ามีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ยอมแต่โดยดี
“ว่าแต่ มีน้ำเย็นๆไหม? ทำไมวันนี้ห้องหลังร้านมึงร้อนขนาดนี้วะ กูนี่คอแห้งผาดเลย” เอกพูดพลางปาดเหงื่อบนหน้าผากขาวใสของตนเอง
“ในตู้เย็นมีน้ำแร่อยู่ขวดหนึ่ง กูเปิดเทมาดื่มแล้วนิดหน่อย ได้ไหมวะ?” เต๋าชี้ไปตู้เย็นทิศทางเดิม
“เออ! ได้! ดีกว่าไม่มี ไม่รู้ว่าน้องจะมาถึงเมื่อไหร่? ขอดื่มก่อนดีกว่า” เอกรีบเดินไปหยิบขวดน้ำแร่ในตู้เย็นมาเทเข้าปากจนเกลี้ยง

เสียงเพลงสไตล์เพลงประกอบภาพยนต์โรแมนติกดังขึ้น หลังจากที่เอกยกน้ำดื่มจนหมดขวด เขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายอย่างร้อนรน

“ไงมาถึงแล้วใช่ไหม? เข้ามาที่ร้านเลย เดี๋ยวพี่ออกไปรับ”  เอกพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เริ่มแผนได้!!” เต๋าพูดทันทีที่เอกวางสายจากชานนท์
“อืม.......” เอกทำสีหน้าลังเล
“เฮ้ย!! มั่นใจหน่อยสิวะ เอางี้กูออกไปส่ง” เต๋าทำท่าจะลุกแต่ก็เกิดอาการแขนขาอ่อนแรง
“เฮ้ย! เป็นอะไร?” เอกมองที่เต๋าและถามทันทีที่เห็นเต๋าเริ่มหน้าซีด
“กู.... เวียนหัว..... แล้วก็รู้สึกเหมือนหมดเรี่ยวแรง.... ยังไงไม่รู้...” เต๋าสัมผัสหน้าตัวเองไปมา เขาเริ่มรู้สึกชาที่ปลายนิ้วมือร่วมด้วย
“มึงคงเมาล่ะมั้ง ตั้งแต่กูเข้ามา มึงเล่นดื่มไม่หยุดเลย” เอกขยับตัวเข้าไปใกล้เต๋ามากขึ้น
“เชี้ยเอ้ย ไวน์แค่นี้ทำกูเมาไม่ได้หรอก... นี่มันเหมือน....” เต๋ามองไวน์ในแก้วสลับกับมองสีหน้าของเอกที่ออกอาการอมยิ้ม

“นอนไปเถอะ! มึงคงเมาจริงๆ วันนี้!!”
“เชี้ย!!!! มึง!!!” เต๋าพยายามยกมือขึ้นชี้หน้าเอกด้วยสีหน้าเจ็บใจ ขณะเดียวกันการพยายามรักษาหนังตาให้เปิดกว้างอยู่มันกลับยากขึ้นเรื่อยๆ จนเขาไม่สามารถทนฤทธิ์อาการง่วงมึนและชาไปทั้งตัวได้ ไม่นานทุกอย่างก็ดำมืดสนิท เขาหมดสติจนปล่อยแก้วออกจากมือกลิ้งวนไปทั่วโต๊ะ ของเหลงสีอำพันที่เหลืออยู่ราดรดไปทั่วโต๊ะ

เสียงริงโทนเสียวเดิมดังขึ้นอีกครั้ง เอกมองภาพตรงหน้าอย่างสะใจก่อนที่จะรับสายโทรศัพท์ที่เข้ามา

“ว่าไง! เออ! พี่จะบอกว่า พี่ขอโทษด้วยนะ บังเอิญพี่มีธุระกระทันหัน ขอตัวก่อนนะ ไปหาพี่เมธีได้เลย พี่ให้พี่เขาเตรียมสมุดโน้ตไว้ให้แล้ว” เอกรับสายด้วยสีหน้าสำนึกผิด แต่ในดวงตากลับสดใส
“อ้าว! ทำไมล่ะ? เกิดอะไรขึ้น?” ชานนท์โวยลอดลำโพงโทรศัพท์มา
“พี่มีธุระด่วนที่ต้องสะสางพอดี อีนนี้จำเป็นจริงๆ”
“ก็ได้ครับ แล้วอย่างนี้ พี่เอกไม่มา พี่เมธีเขาจะให้ผมเหรอ?”
“พี่เขาไม่ใจร้ายหรอก นนท์น่ารักขนาดนี้ เดี๋ยวเขาก็ใจอ่อน” “พี่เอกเนี่ยนะ!”ชานนท์โอดเขิน
“ เออๆ น่า แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่รีบจัดการธุระทางนี้เสร็จเร็วจะตามไปนะ!” เอกยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ครับพี่” ชานนท์พูดจบก็วางสายไป ปล่อยให้เอกมองดูร่างหมดสติที่กองอยู่ตรงโต๊ะนั่งจิบไวน์ที่หรูหราเกินกว่าจะอยู่ในห้องหลังร้านคาเฟ่ขนาดเล็ก

“กูไม่ได้เลวเหมือนมึงนะ!” เอกพูดกระแทกใส่หน้าคนที่นอนหมดสติอยู่ตรงหน้า

เอกนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ และผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก เขานึกถึงแผนการที่เต๋าวางไว้โดยให้เขาร่วมมือด้วย โดยแผนการมันก็ง่ายๆ อย่างการที่ชวนนนท์ออกมานั่งจิบเครื่องดื่ม แอบวางยา จนทำให้ชานนท์เกิดอารมณ์เคลิ้บเคลิ้มกำหนัด หลังจากนั้นก็พาขึ้นห้องนอนชั้นบนและแอบอัดเคลิปที่ชานนท์พยายามเล่นกับเต๋าอย่างเต็ม โดยเต๋าพยายามย้ำอย่างหนักแน่นว่า เขาจะไม่ทำอะไรน้องเด็ดขาด อัดคลิปวิดิโอเสร็จก็จะปล่อยให้หลับสนิท และให้เอกพาไปส่งที่ห้องให้ทันเวลาที่วรุฒจะกลับมา เต๋าอ้างว่าวรุฒมันไม่ชอบคนที่นอกใจมัน สองคนนั้นจะต้องเลิกกันแน่นอน แล้วเต๋ากับเอกค่อยมาตัดสินกันใหม่โดยแข่งกันจีบน้องนนท์อย่างยุติธรรม และความจริงเอกไม่ได้นัดชานนท์มาที่นี่แต่เป็นคาเฟ่อีกมี่หนึ่งซึ่งเขานัดกับรุ่นพี่เมธีไว้จริงๆ

“แค่ฟังแผนโง่ๆ ของมึงกูก็เหลืออดแล้ว กูรู้ว่ามึงมันแผนสูงเกินกว่าจะทำอะไรโง่ๆ แบบนี้!!” เอกพูดใส่คนที่หลับไม่ได้สติตรงหน้าอีดครั้งอย่างสะใจ
“อย่างมึงต้องโดนแบบนี้!! เป็นไงล่ะโดนเสียเองแบบนี้ กูแอบใส่ยานอนหลับลงไปในไวน์มึงยังไม่รู้เลย!!” เอกลุกเดินไปร่างที่อ่อนปวกเปียกอีกครั้ง พร้อมยกคนร่างเล็กขึ้นมาเพื่อที่จะพาร่างนี้ไปนอนให้เรียบร้อยที่ห้องทางด้านบน

“ไอ้นี่มันหนักกว่าที่คิดนะ” เอกแอบบ่นกับตัวเอง พร้อมกับแบกร่างเล็กนั่นขึ้นบันไดไปยังห้องพักของร้านด้านบนที่ชั้นสอง ห้องที่นี่ถูกจัดอย่างเรียบง่าย เหมือนเอาไว้สำหรับ นอนพักผ่อนเท่านั้น เต๋าคงเก็บไว้เวลาเมามากๆจนกลับบ้านไม่ได้ ในห้องมีแต่เตียง โคมไฟ ตู้เสื้อผ้าขนาดเล็ก และมีห้องน้ำในตัวเท่านั้น หลังปิดประตูห้องเรียบร้อย เอกก็เหวี่ยงคนตัวเล็กลงไปบนเตียงขนาดคิงไซส์ทันที

การใช้กำลังแบกคนขึ้นบันไดมาทำให้เอกมาเหงื่อซึมและมีไอร้อนออกจากกายพอควร เขาจึงรีบเปิดเครื่องปรับอากาศทันที แต่แปลกหลังจากนั่งพัก อาการร้อนจากภายในร่างกายก็ไม่ดีขึ้น

เสียงไอแค่กๆ ดังขึ้นไม่ไกลทำให้เอกต้องหันหลังไปที่ต้นเสียง  เขาเห็นเต๋าที่นอนแผ่ไม่ได้สติมีสีหน้าซีดเซียวกว่าเดิม
“ไอ้นี่มันไม่ได้แพ้ยาอะไรใช่ไหมวะ! หรือเราใส่ยาหนักไป!” เอกบ่นพึมพำพลางขยับตัวเข้าไปมองใกล้ๆ เขาพบว่าไอ้คนที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงมีอาการเหงื่อซึมไม่ต่างจากเขา เขาสังเกตเห็นผื่นแดงบริเวณคอ ด้วยความตกใจเอกจึงปลดกระดุมเสื้อทั้งหมดออกดู ปรากฏผื่นแดงขึ้นเป็นประปรายทั้งตัวแต่ดูไม่รุนแรง ด้วยความที่ถามคนที่ให้ยาเขามาก่อนจึงโล่งอกเมื่อเห็นผื่นแดงเหล่านั้นไม่ลุกลามและเป็นลมพิษจนน่ากลัว

“เอาวะ! ไหนๆ ก็ต้องจับมันแก้ผ้าอยู่แล้ว เช็ดตัวให้มันเสียหน่อย!” เขาเคยได้ยินว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดให้ทั่ว เขาเลยเริ่มลงมือถอดเสื้อผ้าคนหมดสติที่นอนอยู่เบื้องล่าง

ตอนแรกเขาตั้งใจไว้ว่าจะมอมยาให้เต๋าสลบและจัดการถ่ายรูปสยิวแบบน่าอายที่สุด เพื่อเป็นหลักประกันให้เต๋าไม่ไปยุ่งกับนนท์อีก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าแผนตื้นๆ แบบนี้จะสำเร็จหรือเปล่า เต๋ามันจะอายจนยอมรามือไปเองไหม เพราะ สาวๆ หนุ่มๆ หลายคนก็คงเห็นไอ้เลวนี่เปลือยกันเกือบมหาวิทยาลัยแล้วละมั้ง แต่ก็เป็นแผนเดียวที่เขาคิดออกในเวลาอันสั้นแบบนี้

“โอโห... ไอ้นี่... ตัวเล็กก็จริงแต่กล้ามเนื้อมันชัดกว่าเราอีกว่ะ นึกว่าทำไมมันหนักจังวะ” เอกพูดขึ้นหลังจากถอดเสื้อผ้าของชายร่างเล็กจนหมดแล้ว

เอกใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่หาได้จากในห้องชุบน้ำเย็นๆ จากตู้เย็นในห้องมาลูบและประคบตามรอยแดงต่างๆ ด้วยความรำคาญ แต่ในอกกลับร้อนลุมแบบแปลกๆ เขารู้สึกว่าเขามองเต๋าละเอียดขึ้น ใจเต้นแรง บางครั้งก็เผลอใช้มือของเขาลูบไล้ไปตามสันอกที่นูนเด่นขึ้นมา ตุ่มสีชมพูกลางอกนั้นมันช่างยั่วยวนใจจนน่ารำคาญ ร่างกายของเขาร้อนมากขึ้นจนเขาอยากจะถอดเสื้อออก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาสไม่ช่วยให้ร่างกายเขาเย็นขึ้น ศรีษะเริ่มมีอาการวินเวียน ความร้อนของร่างกายไหลลงมาทางช่วงล่างที่ตอนนี้แข็งเด่นเป็นสง่าแบบไม่สามารถควบคุมได้ เขาเห็นคนหมดสติอยู่ตรงหน้าน่าพิศมัยขึ้นมาอย่างประหลาด เขาโน้มตัวเองลงไปดมร่างกายของเต๋าอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ กลิ่นเหล่านั้นหอมติดจมูกจนไม่สามารถถอนตัวขึ้นมาได้

“เฮ้ย!” เขาร้องเสียงหลงและพยายามตีหน้าตัวเองเรียกสติให้กลับมา

‘เสร็จกัน หรือว่าเราเองก็ไดน..... ไอ้... เจ้าเล่ห์นี่ วางยาเหมือนกัน’ เอกคิดดังนี้ เขาก็รีบไปคว้าเชือกที่อยู่ในกระเป๋าเป้ของเขา ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะไว้ใช้กับเต๋า แต่ตอนนี้เขาคงต้องพยายามเอามามัดตัวเองเพื่อห้ามไม่ให้ทำสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการจากฤทธิ์ยาเสียก่อน แต่อาจจะสายเกินไป การเดินข้ามเตียงไปหยิบกระเป๋านั่นมันคือความผิดพลาดเพราะร่างกายที่มีความต้องการสูงกว่าปกตินั่นได้ล้มลงไปกดทับร่างเปลือยเปล่าทางด้านล่างทันที แล้วหลังนั้น เขาก็แทบจะห้ามตัวเองไม่อยู่ กระทำในสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการกับร่างตรงหน้าเขา โดนฤทธิ์ยานั้นหลอนให้เขานึกถึงคนที่มีส่วนสูงไม่ต่างกัน กำลังยิ้มรับและเชิญชวนให้เขาทำมัน และเขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้อีกต่อไป กดริมฝีปากไปที่ปากที่ด้านชาด้างล่างอย่างดูดดื่ม......

....................................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:


อ่าวหล่ะเว้ยเฮ้ย

ใครเสียบใครหล่ะทีนี้  อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อ้าวได้กันเองแน่ๆ  แม่นนท์ทำไมเหมือนรู้จักพ่อของวรุฒ  หรือสองคนนั้นพ่อคนเดียวกัน

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

บทที่ 23

Blast form the past


วันหยุดยาวของนักกีฬามหาวิทยาลัยอย่าง ‘หลง’ คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการซ้อมพิเศษที่ทางโค้ชจัดขึ้น เพื่อเป็นการประชับสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกทีมคนเก่าและน้องใหม่ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น เพราะความสัมพันธ์ในทีมก็เป็นตัวแปรสำคัญของผลแพ้ชนะในการแข่งขันเช่นกัน

และคงไม่อะไรดีไปกว่าการที่ต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเพื่อนร่วมทีมทุกคน โค้ชสั่งให้ทุกคนนำเสื้อผ้ามานอนที่สนามในร่มของมหาวิทยาลัยที่กว้างขวางพร้อมสรรพไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับคนที่อยู่หอในอย่างหลง มันไม่ต่างอะไรจากการย้ายที่นอนชั่วคราว แต่คนที่อาศัยอยู่ที่บ้านอย่างเพื่อนเขาหลายๆคนคงลำบากไม่น้อย

การซ้อมวันแรกนั้นเรียกได้เหมือนตกนรกเพราะโค้ชไม่ปราณีคนในทีมแม้สักคนเดียว สมกับสมญา ‘โค้ชโหดนรกเรียกพี่’ แต่ก็เพราะแบบนี้ ทำให้ทีมของมหาวิทยาลัยสามารถชนะเลิศ หรืออยู่ในระดับรองชนะเลิศมาโดยตลอด

ช่วงเช้าผ่านไปด้วยความยากลำบาก นอกจากจะต้องทำกิจกรรมละลายพฤติกรรมแล้วยังโดยให้ออกกำลังกายฝึกฝนกล้ามเนื้อขาอย่างต่อเนื่อง แค่ช่วงเช้าก็มีคนหมดสภาพไปสองคนแล้ว นอนดมยาดมกองอยู่มุมสนาม ส่วนหลงนั้นโชคดีที่เขาฝึกตนเองอยู่เสมอเลยพอจะผ่านพ้นช่วงเช้าไปได้

“เฮ้ยพวกมึง!! ฟังทางนี้!!” โค้ชโหดตะโกนเสียงดังลั่น ท่ามกลางการหยุดพักกินข้าวในห้องอาหารของอาหาร แม้จะฝึกโหดยังไง แต่โค้ชก็เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี

“โห..... อะไรอีกโค้ช ข้าวยังไม่ทันได้เข้าปากเลย โค้ชจะเอาอะไรอีก” เพื่อนในทีมที่สูงที่สุดในทีมโอดโอย ไอ้คนนี้มันชอบกวนตีนโค้ชจนมีคนแซวเป็นคู่จิ้นกันทั้งมหาวิทยาลัย เพราะโค้ชโหดแต่หน้าตาไม่ได้โหดเลย ออกแนวน่ารักแบบคนญี่ปุ่นเสียด้วยซ้ำ โค้ชเลยชอบไว้หนวดให้มันดูโหดสมกับการฝึกของแก

“มึงหุบปากไปเลย ไม่งั้นตอนบ่ายกูจะจัดให้มึงหนักจนกินข้าวไม่ลงเลย!!” โค้ชโหดชี้หน้าไอ้โย่งจอมแซว
“ครับๆ ยอมแล้วครับ” ไอ้โย่งยกมือขึ้นมาไหว้และนั่งลงสงบเสงี่ยม
“เอาล่ะ.... ผู้อำนวยการเป็นห่วงสวัสดิภาพพวกเราในการซ้อมใหญ่ประจำเทอม ปกติก็เลยจะส่งพยาบาลสาวสวยมาดูแลไม่ให้กูทำพวกมึงตายคาสนาม แต่ครั้งนี้ เสียใจด้วย พยาบาลสาวสวยคนนั้น ไม่สามารถมาทำงานได้แล้ว!” โค้ชโหดพูดถึงตรงนี้ก็เกิดเสียงโห่เล็กๆ ในห้องลอยไปมาอยู่พักใหญ่

“พอๆ แต่คราวนี้ เพื่อนโค้ชว่างพอดี เลยขอเปลี่ยนเป็นหมอหนุ่มหล่อแทน!!” โค้ชพูดถึงตรงนี้เสียงโห่ก็ดังขึ้นกว่าเดิม

“แปลว่า ไม่อยากได้!!” โค้ชกวนกลับ
“ไม่เอาครับ เดี๋ยวไม่มีใครห้าม ไม่มีใครดูแลพวกผม ผมยังไม่อยากตาย!!” ไอ้โย่งคนเดิมตะโกนข้ามมาจากทิศทางเดิม

“กูจะฝังมึงคนแรกเลย!!” โค้ชเสียงดังตะโกนกลับ ทำให้อีกฝ่ายรีบสงบปากสงบคำ
“เอ้า! เพื่อน!! เข้ามาแนะนำตัวกับน้องๆ หน่อย” โค้ชยิ้มไปอีกทางและทำท่าทางเชิญคนเข้ามาในห้อง พร้อมเสียงฮือฮาลั่นห้อง เพราะคนที่เข้ามานั้นหล่อลากไส้ลากดินของจริง แต่มีอยู่คนเดียวในห้องที่ไม่ได้ยินดียินร้ายกับชายที่เดินเข้ามา คนๆนั้นก็คือหลง หลงทำได้เพียงรำพันกับตัวเองเบาๆ

“พี่เอิร์ธ”

.........................

ตั้งแต่หลงรู้สึกเกร็งในการซ้อมพอสมควรเพราะรู้สึกเหมือนต้องตกอยู่ในสายตาของพี่เอิร์ธตลอดเวลา ทุกครั้งที่เขามองไปทางจุดปฐมพยาบาลก็จะมีสายตาและรอยยิ้มตอบกลับมาทุกครั้ง

“หมอแม่งหน้าตาน่ารักจนผู้ชายอย่างกูยังหลงเลยว่ะ” เพื่อนคนหนึ่งของหลงพูดขึ้นขณะพักครึ่งของการซ้อมแข่งขันเสมือนจริง หลงได้แต่หันไปมองตามต้นเสียง

“เออว่ะ... แม่งไม่รู้ดิวะ จะบอกว่าหล่อมันก็ใช่ แต่ดูรวมๆ เหมือนจะเรียกว่าสวยมากกว่า” เพื่อนร่วมทีมอีกคนข้างๆ เขาพูดขึ้นบ้าง
“ทำไม? มึงจะเปลี่ยนรสนิยมหรือไง?” หลงพูดเสียงขึ้นด้วยความรำคาญ
“อะไรวะ แต่คุยกันเล่นๆ ทำไมมีงต้องหงุดหงิดด้วยวะไอ้หลง พ่อมังกรน้อย” เพื่อนคนข้างๆ ทำเสียงล้อเลียน
“น้อยพ่อมึงสิ วัดกันเลยไหมล่ะ เก้านิ้วอย่างกูขอท้า!!” หลงพูดสวนไป

“พอๆ เลยพวกมึง อย่าเสียงดัง เดี๋ยวพวกมึงก็โดนทำโทษหรอก!! พวกมึงจะวัดอะไรกันตอนนี้ทำไม ในเมื่อตอนอาบน้ำด้วยกันก็เห็นกันหมด ไอ้เค มึงเล็กที่สุดในทีม มึงไม่ต้องมากร่าง” พี่ธนา กัปตันทีมเอ่ยเตือนจากระยะสามเมตร ทำให้ทั้งสองยุติการประจันหน้ากัน เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยในทีมอยู่แล้ว ปกติคนในทีมก็จะมีปากเสียงกันบ้างตามประสาผู้ชายวัยคะนอง ไม่ได้ทะเลาะกันจริงจัง แต่ที่พี่ธนาห้ามเพราะไม่อยากเสียพลังงานของคนทั้งทีมไปกับบทลงโทษที่ตอนนี้โค้ชโหดจ้องมาจากอีกมุมห้องหนึ่ง

“เชี้ย! เป็นไง? เพราะมึงน่ะเริ่มก่อน!” ไอ้เคเพื่อนหลงที่นั่งข้างๆ ยังไม่หยุด แต่ทำเป็นเสียงกระซิบแทน
“สัด!! มึงนั่นแหละ!!”หลงทำบ้าง
“อ้าว! ถ้ามึงไม่ทำท่าหวงก้างพี่หมอเอิร์ธ กูจะพูดไหม?” ไอ้เคยังไม่เลิกต่อล้อต่อเถียง
“พ่อง!! กูจะไปหวงพี่เอิร์ธทำไมว่ะ!!” หลงขึ้นเสียง

“ยังอีกพวกมึง ให้กูสั่งวิ่งรอบสนามให้หัวเย็นลงไหม?” พี่ธนาพูดอย่างเหลืออด
“ไม่ครับ” ทั้งเคและหลงพูดออกมาพร้อมกัน

........................

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว อากาศเริ่มเย็นลง แต่ตารางการฝึกซ้อมยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทุกคนในทีมเริ่มมีอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่โค้ชโหดนั่นยังคงคึกคักอยู่ เสียงที่ตะโกนผ่านโทรโข่งขนาดเล็กยังคงดังต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

“ต้น เราว่า.... วันนี้พอก่อนไหม น่าจะเกินขีดจำกัดกันแล้ว!” หมอเอิร์ธเดินมาสะกิดโค้ชโหด
“นายว่างั้นเหรอ?” โค้ชโหดปิดเสียงโทรโข่งและหันไปพูดกับอีกฝ่ายอย่างสงสัย
“นายยังอยากให้พวกเขาลงสนามในวันแข่งจริงไหวหรือเปล่าล่ะ?” หมอเอิร์ธสวน
“อยากสิ!!”
“งั้นให้พวกเขาไปพักก่อนไหม?”
“เออๆ ก็ได้ เครื่องกำลังร้อนเลย!!” โค้ชโหดผ่อนลมกายใจออกมาและตกลงอย่างไม่เต็มใจ จนหมอเอิร์ธผู้เป็นเพื่อนได้แต่ส่ายหน้า

“เฮ้ย! นายน่ะมันใจดีไปหรือเปล่า พวกมันยังวัยรุ่นอยู่เลย แค่นี้ไหวอยู่แล้ว!” โค้ชต้นหันไปใช้แขนคล้องคอหมอหน้าสวยให้หันหลังไปพูดกันสองคน
“นายให้เรามาดูแลสุขภาพนักกีฬาไม่ใช่หรือไง? เราก็ทำตามหน้าที่ของเรา!” หมอเอิร์ธเสียงเข้ม
“เออๆ ทำไมต้องดุด้วยว่ะ!” โค้ชต้นพูดอย่างจนปัญญาและปล่อยแขนอีกฝ่ายก่อนจะขยี้หัวหมอเอิร์ธด้วยความหมั่นไส้

“เฮ้ยๆ มึงๆ ไอ้หลง ดูสิ กูว่าที่ไอ้โค้ชโหดมันไม่สนใจผู้หญิงที่มาจีบมันเลย เพราะมันมีแฟนเป็นหมอว่ะ! ดูสิ เสียดายหน้าตาก็ดีทั้งคู่!! เดี๋ยวกูขอถ่ายรูปไปให้แฟนกูดูหน่อย คงจะฟินน่าดู!!” ไอ้โย่งชี้ให้หลงดูการหยอกล้อกันระหว่างโค้ชของเขาและหมอเอิร์ธ พลางหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายภาพให้แฟนของเขาที่เป็นสาววายทันที ส่วนหลงกลับมีความรู้สึกวูบวาบในอกจนหงุดหงิดไปหมด จนเผลอแสดงออกทางสีหน้าไปทางทิศของทั้งสองคนนั้น

“โชคดีของพวกมึง!! หมออยากให้พวกเอ็งหยุดพักก่อน วันนี้เลิกซ้อมได้! ไปกินข้าว อาบน้ำ นอนตามอัธยาศัย!!” เสียงจากโทรโข่งดังขึ้น และมีเสียงเฮจากบรรดาทีมนักกีฬาหลังจากจบประโยค

เวลาเพียงไม่นาน ทุกคนก็กระจายออกไปตามทิศต่างๆ ตามอัธยาศัย บางคนไปโทรศัพท์หาแฟน บางคนวิ่งไปกินมื้อเย็น บางคนขอไปอาบน้ำก่อน ส่วนหลงก็เช่นกัน เขาคิดจะไปสูดอากาศข้างนอกก่อนแล้วค่อยมากินข้าว เขารู้สึกอึดอัดที่ถูกจ้องมาตลอดทั้งวัน เขารีบก้าวเท้าออกจากพื้นที่ทันที

“ไอ้หลง!!” เสียงโค้ชพูดใส่โทรโข่งดังกังวาล
“ครับ!!” หลงตอบกลับเสียงดัง
“โทษฐานที่มึงเหม่อบ่อยระหว่างซ้อม!! เก็บลูกบอลที่กระจัดกระจายให้หมด พวกอุปกรณ์การซ้อมต่างๆ ด้วย!” โค้ชโหดชี้มือชี้ไม้ไปทั่วบริเวณ
“คร๊าบบบบ” หลงตอบหลับด้วยเสียงยานคาง

“อ้อ! แล้วช่วยพี่หมอเก็บพวกอุปกรณ์ปฐมพยาบาลไปเก็บที่ห้องพยาบาลที่ชั้นล่างด้วย!” โค้ชสั่งต่อทันที
“โหยยยย.....” หลงโอด
“อ๋อ.... มันน้อยไป!?!” โค้ชตาขวาง
“โอเคแล้วครับ ผมจะรีบทำครับ!” หลงก้มหน้ายอมรับชะตากรรม
“เออ! ทีหลังก็ตั้งใจฝึกซ้อมก็แค่นั้น!!” โค้ชต้นตะโกนใส่โทรโข่งในระยะประชิด
“ครับๆ” หลงพยักหน้ารับ พลางเห็นหมอทำท่ากลั้นขำมาที่เขา

หลังจากพยายามเก็บอุปกรณ์กีฬาต่างๆ ให้เข้าที่เข้าเรียบร้อย โดยมีคุณหมอหน้ามนช่วยเหลือ หลงที่พยายามที่จะหลบหน้าหมอเอิร์ธจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงได้อีกต่อไป เขาทำได้แค่พยายามเลี่ยงที่จะสนทนากับอีกฝ่ายเท่าที่จะทำได้ เขาพยายามช่วยขนกล่องปฐมพยาบาลต่างๆ ลงไปที่ชั้นหนึ่งโดยพยายามเดินนำหน้าคุณหมอหน้าขาวไม่ให้อีกฝ่ายตามทัน เขาวางแผนที่จะวางของและรีบชิ่งหนีทันที

“คิดจะหนีพี่ไปถึงเมื่อไหร่?” หมอเอิร์ธเดินเข้ามาขวางตัดทางหนีของหลงหลังจากวางกล่องปฐมพยาบาลที่โต๊ะกลางห้องปฐมพยาบาล เหมือนหมอเอิร์ธเองก็รู้ว่าหลงคิดอะไรอยู่

“ก็ผมไม่มีอะไรต้องพูดกับพี่!! ผมควรจะถามพี่มากกว่าว่าทำไมยังวนเวียนอยู่กับผม!?!” หลงถอยหลังจนไปชนกับโต๊ะ
“พี่มีเรื่องต้องอธิบาย อยากจะคุยกับเราหลายเรื่องเลย” หมอเอิร์ธเดินตามอีกฝ่ายจนเหลือช่องไฟระหว่างกันน้อยมาก ร่างสูงชะลูดของทั้งสองมีความสูงที่ไล่เลี่ยกันมาก ทำให้ใบหน้าและคางขนานกัน

“ทุกการกระทำที่ผ่านมาของพี่มันอธิบายทุกอย่าง!!” หลงกระแทกเสียงใส่หน้าอีกฝ่าย
“แต่ว่า.... พี่... อธิบายได้!!” หมอเอิร์ธย้ำเสียงหนักแน่น
“ผมเจ็บปวดมาพอแล้ว เราจบกัน!!” หลงใช้มือซ้ายดันอกอีกฝ่ายให้ถอยห่างไป แต่ถูกหมอเอิร์ธคว้ามือนั่นไว้แน่น
“จบกัน!! แต่ทำไมยังใส่แหวนนี้อยู่!!” สายตาของหมอเอิร์ธเพ่งไปที่นิ้วนางข้างที่เขาจับไว้แน่น แหวนสีเงินวาวสดใสเด่นอยู่ที่นิ้ว แสดงถึงการดูแลขัดเงาอยู่บ่อยครั้ง

“ซื้อมาแพง จะทิ้งก็เสียดาย พอดีใส่ได้นิ้วนี้นิ้วเดียว!!!” หลงพูดอย่างขัดเขิน
“แต่พี่ยังเก็บไว้อย่างดีนะ!” หมอเอิร์ธยกมือข้างซ้ายขึ้นมาแสดงแหวนที่เหมือนกับของหลง
“ก็แค่สิ่งของ มันแสดงให้เห็นว่าของแบบนี้มันยึดเหนี่ยวอะไรใครไม่ได้!!” คราวนี้หลงเหมือนของขึ้นผลักชายตรงหน้าลอยไปจากจุดเดิมเล็กน้อย แต่หมอเองก็แสดงถึงความแข็งแรงของตนเอง เขากระโดดเข้าหาหลงทันทีที่ตั้งหลักได้

“คราวนี้พี่จะไม่ปล่อยให้หลงหนีพี่ไปไหนอีกแล้ว!! ความอดทนของพี่มันไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพื่อนพี่บอกให้พี่ใจเย็น แต่พี่เย็นไม่ไหวแล้ว!!” หมอเอิร์ธกอดหลงแน่นขณะพูดเสียงหนักแน่น

“ปล่อย!! ปล่อยผม เหมือนที่พี่เคยปล่อยให้ผมเคว้งมาแล้ว!!” หลงพยายามดิ้นสุดแรงแต่อีกฝ่ายเอาจริงจนเขาดิ้นไม่หลุด
“ไม่!! คราวนี้พี่จะไม่ทำแบบนั้นแล้ว พี่ทนที่จะไม่มีเราในชีวิตไม่ได้!!” หมอเอิร์ธกระชับวงแขนมากขึ้น

“ปล่อย!!” หลงเสียงเข้ม
“ไม่!! พี่อยากให้หลงฟังพี่อธิบายก่อน!!” หมอเอิร์ธก็ไม่ย่อท้อสู้แรงอีกฝ่ายไม่หยุด จนรู้สึกปวดแสบจุดที่สัมผัสกับเด็กยักษ์ในอ้อมแขน

“โอเค! งั้นบอกเหตุผล หรืออะไรก็ตามที่พี่จะพูดออกมาให้หมด แล้วปล่อยผมไปตามทางของผมสักที มันไม่ทำให้ผมรู้สึกเปลี่ยนไปหรอก!!” หลงเริ่มเหนื่อยกับการยื้อยักแบบนี้เลยพูดออกไปเพื่อตัดเรื่องงี่เง่านี้ให้จบไป

“โอเค.... พี่จะเริ่มจากตรงไหนดี?” หมอเอิร์ธเริ่มมีท่าทางสับสน
“ก็เริ่มจากวันที่พี่หายไปจากชีวิตผมก็ได้!!” หลงย้ำด้วยสีหน้าเจ็บปวด ดวงตาแดงก่ำ
“เอ่อ.... มันมีเรื่องก่อนหน้านั้นนิดหน่อย.....” หมอเอิร์ธมีสีหน้าล่องลอย

...................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าวววว......ตัดจบซะงั้น

ค้างคา.....

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ขัดใจมาก~ มันค้างอ่ะมันค้างงงง

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ระหว่างนี้แวะไปอ่านเรื่องราวของสองคนนี้ เมื่อครั้งอดีตได้ที่ นิยายอีกเรื่องได่เลยฮะ เรื่อง Love rebound ครับ

ออฟไลน์ Netich2876

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

หมอเอิร์ธยังจำวันนั้นได้ดี ช่วงเทอมสุดท้ายของหลงในฐานะของนักเรียนมัธยมปลาย อากาศในวันนั้นค่อนข้างเย็น หมอโดนไอ้เด็กยักษ์คนนี้หลอกให้คิดว่าตัวเองกลุ้มใจ น้อยใจจากการที่เขาเริ่มทำตัวเหินห่างจากการที่หมอเอิร์ธเห็นว่าหลงควรจะใส่ใจกับอนาคตตัวเองมากกว่าการมาตามติดเขาในฐานะแฟน หลังที่เขาสามารถไปเปิดตัวกับแม่ของหลงได้ไม่นาน เขาถูกหลอกให้ไปตามหาหลงที่ฝายกั้นน้ำขนาดใหญ่ที่ต่างจังหวัด เขาจำความรู้สึกทั้งมืดมนและสิ้นหวังได้ดี ในขณะที่เขายังหาหลงไม่เจอและเข้าใจว่าหลงคิดสั้นโดดลงไปในกระแสน้ำที่เชี่ยวกราดที่ฝายน้ำทางด้านล่าง

ในขณะที่น้ำตาหยดแรกหลั่งลงมาที่แก้ม แสงไฟจำนวนมากก็ถูกเปิดขึ้นพร้อมกัน พร้อมกับไอ้เด็กยักษ์ที่เดินเข้ามาในชุดสูทเต็มยศ มันไม่เข้ากับไอ้เด็กยักษ์คนนี้เลย แต่ ณ ตอนนั้นเอิร์ธไม่ได้สนใจอะไรเลย รู้สึกแค่ว่าดีใจที่อีกฝ่ายไม่เป็นไร

หลงเดินเข้ามาสวมกอดหมอเอิร์ธ ด้วยส่วนสูงที่ไม่ต่างกันมากเลยเกิดความสมดุลเกิดขึ้นมา หมอจำไม่ได่ว่าตัวเองต่อว่าไอ้เด็กเวรนี่ไปมากน้อยแค่ไหน  จำได้แค่เสื้อสูทของอีกฝ่ายเปื้อนน้ำตาเขาจนเลอะไปหมด

“แต่งงานกันนะ” หลงพูดขึ้นมาเสียงดังฟังชัดท่ามกลางความเงียบของธรรมชาติ ท่ามกลางเสียงธารน้ำไหลและเสียงสะอื้นของหมอเอิร์ธ
“อะไรนะ?” หมอเอิร์ธถามด้วยความงงๆ

เด็กยักษ์ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่เขาคุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง และยกกล่องเล็กๆสีขาวกล่องหนึ่งขึ้นมา
“แต่งงานกันนะ” หลงยิ้มและเปิดกล่องสีขาวเล็กๆ ในมือออกมา เผยให้เห็นแหวนทองคำขาว เงาวาวเกลี้ยงสอดอยู่ในช่องเสียบ หลงยิ้มให้หมอเอิร์ธที่ตอนนี้ตื่นเต้นทั้งน้ำตาและรู้สึกประหลาดใจอย่างที่สุด
“โอเค!” คำตอบที่แทบไม่ต้องคิดอะไรเลยออกจากปากของหมอเอิร์ธ ไม่นานเพื่อนๆ ของหลงที่มาร่วมกันทำเซอร์ไพรส์ก็เฮกันลั่นจากที่ซ่อน และเฮกรูกันเข้ามาแสดงความยินดี ความทรงจำนี้มันยังฝังลึกลงในสมองไม่รู้ลืม เพียงแค่นึกถึงก็รู้สึกว่ามันเหมือนจะเกิดขึ้นเมื่อวาน

หลังจากวันที่โดนหลงขอแต่งงาน มันก็เป็นหน้าที่ของเขาในการไปทำเรื่องของผู้ใหญ่ให้ถูกต้อง หมอเอิร์ธเคยผ่านด่านคุณแม่ของหลงมาแล้ว คงเหลือด่านใหญ่อีกด่านหนึ่งของครอบครัวนี้ คือ คุณพ่อของหลงนั่นเอง!

แม่ของหลงเคยเตือนแล้วว่ารอให้หลงโตกว่านี้ก่อน รอให้พ่อค่อยๆ รู้จักเอิร์ธและรู้จักความสัมพันธ์แบบนี้ก่อนแล้วค่อยเข้ามาคุยให้รู้เรื่อง แต่หมอเอิร์ธเป็นคนใจร้อนกับเรื่องแบบนี้ เพราะเขาเองก็จริงจังและอยากจะช่วยครอบครัวของหลงดูแลหลง

แต่ความเป็นจริงมันโหดร้ายกว่าความคิดและจิตนาการเสมอ พ่อของหลงระแคะระคายเรื่องความสัมพันธ์ของหลงและหมอเอิร์ธเสียก่อน พ่อของหลงจึงเป็นฝ่ายมาหาหมอเอิร์ธที่โรงพยาบาลเสียเอง โดยแสร้งทำเป็นคนไข้ ยื่นคำขาดให้หมอเลิกกับหลงเสีย พ่อของหลงไม่เข้าใจและไม่ต้องการให้หลงมีความสัมพันธ์แบบนี้ พ่อของหลงอยากให้หลงมีอนาคตที่ดีกว่านี้

“การคบกันระหว่างผู้ชายด้วยกัน มันมีแต่สร้างปัญหาให้กับหลง พ่อรู้จักหลงดี หลงยังสามารถแต่งงานมีเมียที่ดีและมีลูก สืบทอดทายาทของตระกูลได้” ใบหน้าชายที่มีเค้าความชราเกินครึ่งชีวิตได้พูดขอร้องกึ่งบังคับกับหมอเอิร์ธ

หลังจากผ่านไปสองสามวันนับจากวันที่หมอเอิร์ธพบกับพ่อของหลง เขาเก็บไปคิดอะไรมากมายจนกระทั้ง เขาเห็นหน้าที่ไม่มีความสุขของหลง หลังจากที่หมอเอิร์ธได้รู้ว่า หลงทะเลาะกับพ่อหนักมากเรื่องการเลือกมหาวิทยาลัย หลงได้โควต้านักกีฬามากมายจากมหาวิทยาลัยชั้นนำที่กรุงเทพ แต่หลงกลับเลือกมหาวิทยาลัยเปิดใหม่ที่ตัวจังหวัดเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้สุดที่รักของเขา หมอเอิร์ธลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เขาไม่เคยรู้เลยว่าความรักของเขาจะผูกมัดอนาคตของชายที่เขารักขนาดนี้ และนั่นเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่หมอเอิร์ธตัดสินใจได้ เขาโทรไปบอกพ่อของหลงว่าจะยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี

หมอเอิร์ธขอร้องให้พ่อของเขาซึ่งเป็นผู้ใหญ่คนสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข ทำเรื่องย้ายเขาอย่างเร่งด่วนอีกครั้ง (ครั้งแรกก็เพราะเรื่องความรัก ครั้งนี้ก็เช่นกัน) เขาตัดสินใจหายไปจากชีวิตของหลง เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนทุกๆ อย่างที่จะทำให้หลงติดตามเขาได้ และเขาก็ทำสำเร็จ

หลายเดือนผ่านไปด้วยความทรมาน เขาไม่มีความสุขเลยทั้งเวลากินและเวลานอน สุดท้ายพ่อของหมอเอิร์ธที่เข้าใจเขาในทุกเรื่องก็ได้สั่งสอนให้เขารู้ความหมายของชีวิตและความสุข

“ชีวิตมันสั้น! อะไรที่ทำให้มีความสุขก็ทำไปให้สุด เรายังไม่ได้เริ่มต้นกับเขาเลย ทำไมถึงคิดไปเองว่าเราจะไปทำให้เขามีความสุขไม่ได้ ชีวิตมันยังต้องผ่านอุปสรรคอีกตั้งเยอะนะ” ประโยคสุดท้ายของพ่อทำให้หมอเอิร์ธได้สติ หลังจากที่พ่อของเขาให้คำปรึกษาไปหลายชั่วโมง

วันถัดไปหมอเอิร์ธตัดสินใจไปหาพ่อของหลงที่โรงงานขนาดใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งมีพ่อของหลงเป็นเจ้าของกิจการ หมอเอิร์ธใช้ความจริงใจและอุตสาหะในการไปขอคบกับลูกชายอย่างจริงจังอยู่หลายวัน จนในที่สุดพ่อของหลงก็ยอม เพราะในส่วนลึกในใจพ่อของหลงเองก็ใจอ่อนไปบ้างแล้ว อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่ลูกชายกินไม่ได้ นอนไม่หลับอยู่หลายวัน แม่ของหลงเองก็ช่วยพูดด้วย ที่เหลือคือลูกตื้อแสดงความจริงใจของหมอเอิร์ธเป็นส่วนผสมสุดท้ายที่ช่วยให้พ่อของยอมตกลงให้คบกัน

หลังจากการยอมรับของครอบครัวแล้ว พ่อของหลงจึงได้บอกว่าตอนนี้หลงย้ายไปเรียนที่ไหน หมอเอิร์ธจึงขอให้พ่อของเขาทำเรื่องช่วยย้ายเขาอีกรอบหนึ่ง จนกระทั้งมาเจอหลงและพยายามตื้อหลงอยู่ทุกวันนี้

“มีเรื่องจะพูดแค่นี้!!” หลงพูดอย่างไร้เยื่อใยทันทีที่หมอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลงฟังอย่างตั้งใจ
“หลง.... เข้าใจพี่แล้วใช่ไหม?” หมอเอิร์ธพูดเสียงอ่อนในขณะที่ยังสวมกอดคนตรงหน้าอย่างแนบแน่น
“ผม.... ไม่เข้าใจ.... ยิ่งเรื่องที่พี่พูดมันเป็นเรื่องจริงเท่าไหร่ มันก็ยิ่งตอกย้ำเรื่องๆหนึ่งในใจผมตลอดมา”
“เรื่อง?” หมอเอิร์ธมีสีหน้าสงสัย
“ก็เรื่องความรักของเรามันยังไม่แข็งแรงพอไง หากพี่เชื่อในความรักของพวกเรา.... พี่จะไม่ทำแบบนี้!!”
“แต่พี่ไม่มีทางเลือก!!”

“มันมี!! แค่พี่ไม่เลือกมัน พี่เลือกที่จะไม่สู้เพื่อผม!!”
“แต่.... พ่อของหลง.....”
“มันไม่เกี่ยวว่าพ่อผมจะคิดยังไง มันอยู่ที่พี่ตัดสินใจยังไง!! หากพี่ตัดสินใจสู้ไปพร้อมกัน เราพิสูจน์ให้พ่อผมเห็นได้ครับว่า เราไปกันรอด... แต่พี่กลับเลือกอีกทางหนึ่ง พี่กลับเลือกที่จะทิ้งผมไป!!” หลงร่ายยาวด้วยสีหน้าเกินจะบรรยายเป็นคำพูดได้ หมอเอิร์ธแม้ไม่เห็นหน้าหลงตรงๆ ก็ยังรู้สึกถึงความสั่นเครือของเสียงและตัวของหลงได้ คำพูดที่หลงพูดออกมานั้นเป็นเรื่องจริงที่เขาปฏิเสธไม่ได้ หลงเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เขาคิดมาก ไม่ใช่เด็กเกเรเอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

หลังจากปล่อยให้บรรยากาศเงียบงันไปพักหนึ่ง มือของหมอเอิร์ธก็คลายออก เขาปล่อยมือเพราะความสำนึกเสียใจกับการอ่อนแอของตนเองในตอนนั้น

“พี่ไม่มีสิทธิ์แม้จะกลับมาให้ผมเห็นหน้าเสียด้วยซ้ำ ยิ่งเห็นพี่ผมก็ยิ่งเจ็บปวด และไปต่อไม่ได้ พอแล้ว ผมพอกับความรู้สึกแบบนี้แล้ว!! ผมไม่เคยคิดที่จะให้อภัยพี่เลยสักครั้ง!!” หลงหันมาพูดกับหมอเอิร์ธชัดเจน พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไปด้วยเท้าอันกนักอึ้ง ในใจกลับปวดร้าวไปหมด สิ่งที่หลงอยากจะพูดมาตั้งนาน ในที่สุดก็ได้พูดแล้ว แต่ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้ ดวงตารู้สึกแสบร้อนไปหมด ยิ่งเดินห้างออกมาจากหมอ หลงยิ่งรู้สึกหายใจได้ลำบาก เขาเดินถึงประตูห้องปฐมพยาบาลแล้ว มือที่กำลังเอื้อมไปบิดลูกบิดเพื่อเปิดประตูแต่มือของหลงมันเหมือนหนักขึ้นจนยกแทบไม่ไหว เขารู้สึกถึงเสียงสะอื้นของอีกฝ่ายที่ดังมาจากทางด้านหลัง จนเขารู้สึกจะทนไม่ได้ เขาทำให้คนที่เขารักที่สุดเสียใจอย่างมาก แต่มันก็เป็นสิ่งที่เขาเป็นมาก่อน และเป็นสิ่งที่หมอเอิร์ธควรจะต้องรู้สึกอย่างสาสม แต่หลงคงไม่เคยรู้ว่า หมอเอิร์ธเองในช่วงนั้น จิตใจก็แหลกเหลวไม่มีชิ้นดีเช่นกัน

เสียงประตูเปิดออกมารวดเร็ว เขาเห็นโค้ชของเขากำลังจะเดินเขามา ทำให้เขาตัดสินใจเดินสวนออกไปอย่างรีบร้อน หลงไม่อยากให้ใครเห็นตาแดงๆ อันร้อนผ่าวของเขา เขาหยุดฝีเท้าลงเมื่อเขาได้ยินเสียงหมอร้องโฮออกมา เขาหันกลับไปแอบมองที่ห้องปฐมพยาบาล มองผ่านช่องประคูที่ปิดไม่สนิท เขาเห็นโค้ชกอดหมอเอิร์ธอย่างแนบแน่น หมอเอิร์ธซบศรีษะลงไปที่อกแน่นๆ ของโค้ชโหดของหลง โค้ชทำท่าปลอบประโลมอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

“เฮ้อ.... ไหวไหมเนี่ยมึง กลับไปพักไหม? เดี๋ยวกูตามพยาบาลเจ้าเก่ากลับมาช่วยเหมือนเดิมก็ได้” โค้ชพูดด้วยเสียงอ่อนโยน
“ไม่เป็นไร กู...ไหว... กู... จะสู้ต่อ...” หมอเอิร์ธสะอื้นตอบมา
“เออ... กูเห็นด้วย ช่วงนี้มึงอยู่คนเดียวไม่ได้ อยู่กับกูไปก่อน ส่วนไอ้เด็กเวรนั้นเดี๋ยวกูสั่งสอนเอง!!” โค้ชเสียงเข้มขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาคนแอบฟังอย่างหลงขนลุกซู่

“อย่าเลย กูผิดเอง!”
“กูว่ามึง เปลี่ยนใจมาคบกับกูเหมือนเดิมเถอะ ปล่อยไอ้เด็กเชี้ยนั้นไปเถอะ!!” โค้ชพูดดังเสียงหนักแน่น
“นายพูดอะ....” หมอเอิร์ธไม่ทันได้พูดจบประโยคก็ถูกมือของอีกฝ่ายปิดไว้
“เอาเถอะ ระหว่างนี้ก็เก็บไปคิดดู” โค้ชโหดพูดเสียงอ่อนโยนขึ้นมาอย่างที่หลงไม่เคยได้ยินมาก่อน

...........................


หลงกลับไปที่ห้องพักสำหรับนักกีฬาที่ถูกจัดขึ้นเป็นการชั่วคราวจากห้องเก็บอุปกรณ์เกี่ยวกับการจัดงานกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัย ถูกจัดระเบียบใหม่เป็นห้องพักชั่วคราวของนักกีฬาที่มาเก็บตัวฝึกเขัมในครั้งนี้ ห้องโถงใหญ่ถูกจัดเป็นเตียงนอนแบบชั่วคราววางเรียงรายเป็นแถวตามแนวยาวของห้อง

หลงทิ้งตัวลงบนพื้นที่นอนที่จัดไว้เสียงดัง ที่นอนที่ไม่ได้อ่อนนุ่มเท่าใดนักทำเอาก้นกบของหลงรู้ปวดชาขึ้นมาทันที แต่ความเจ็บเหล่านั้นกลับไม่ได้แสดงบนสีหน้าที่ดูเหม่อลอยของเขาเลย
“เฮ้ย! เจ็บไหมนั้น!!” ไอ้โย่ง เพื่อนที่นั่งอยู่บริเวณใกล้เคียงเอ่ยถาม หลงเพียงสั่นหน้าตอบกลับไปด้วยสีหน้าเบลอๆ เหมือนคิดอะไรอยู่ในใจอยู่ มันเหมือนทั้งโกรธและเสียใจ

“เฮ้ย!! พวกมึง!! ใครยังไม่อาบน้ำก็รีบไปอาบ กูจะปิดไฟตอนสามทุ่มตรง  ถึงเวลานั้นใครยังไม่ถึงที่นอน กูจะให้วิ่งรอบสนามเพิ่มพรุ่งนี้อีกห้ารอบ!! ใครไม่อาบก็โดนไปสิบรอบ” เสียงโค้ชต้น โค้ชโหดของทีมตะโกนอยู่ที่หน้าห้อง

หลงได้ยินดังนั้นก็มองไปที่ต้นเสียงพอดี เขาเห็นโค้ชต้นมองมาที่เขาอย่างจงใจ และยิ้มเยาะเหมือนจะกลั้นแกล้งเขา เพราะเขาเป็นเพียงไม่กี่คนในห้องที่ยังไม่ได้อาบน้ำ หลงรีบหยิบผ้าเช็ดตัววิ่งที่ไปที่ห้องน้ำซึ่งอยู่สุดทางเดินอาคารทันที

ระหว่างทางที่เขาเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องน้ำอย่างร้อนรนเพราะตอนนี้มันสองทุ่มยี่สิบแล้ว เขาเห็นบรรดาเพื่อนๆ เขาต่างทยอยเดินออกจากห้องอาบน้ำและต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าโค้ชโหดจะดับไฟตอนสามทุ่มให้หลงรีบไปอาบน้ำดีกว่า จากคำบอกเล่าจะเพื่อนๆ ทั้งหมด ยิ่งทำให้หลงเร่งฝีเท้ามากขึ้นจนเขามาถึงประตูหน้าห้องน้ำอย่างหายใจหอบถี่

ภายในห้องเกือบจะว่างเปล่า คนที่วิ่งแซงเข้ามาเข้าห้องน้ำก็เปิดเปิดประตูออกมา เหมือนว่าอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว (อาบน้ำหรือเดินผ่านน้ำวะ) พวกนี้เป็นไอ้พวกติดเกมตีป้อม เพราะมัวแต่เล่นเกมเลยมาอาบน้ำช้า แล้วก็รีบอาบเพื่อที่จะกลับไปต่อให้ได้สักเกม

เขามองตามห้องที่ว่างเปล่า หลงพยายามหาห้องที่ห้องน้ำดีๆ หน่อย เพราะส่วนใหญ่ฝักบัวที่นี่จะไหลไม่แรงเลย จนกระทั้งถึงห้องสุดท้าย ประตูยังล๊อกเหมือนยังมีคนอยู่

ผั๊ว !!

เสียงประตูเปิดออก เขายืนประจันหน้ากับหมอเอิร์ธที่ยืนเปลือยท่อนอกด้วยอาการตกใจ ผิวขาวสะอาดเกลี้ยงและตุ่มเนียนสีชมพูนั่น เขายังจำมันได้ดี สัดส่วนที่อ้อนแอ้นมันยังทำให้ใจเขาเต้นได้เสมอ หน้าที่ขาวใส ริมฝีปากสีชมพูฝาด แก้มแดงจากการอาบน้ำใหม่ๆ ผมเปียกชื้นลู่ลงไปตามรูปศรีษะ ทำให้ดูเซ็กซี่จนเขาเกือบห้ามใจไม่อยู่ หลงยืนตะลึงกับภาพตรงหน้าที่เขาโหยหา

“น้ำห้องนี้แรง หลงคงจะชอบ มาอาบต่อสิ” หมอเอิร์ธพูด

หลงไม่ได้สนใจ เดินสวนเข้าห้องน้ำไป ไสคนที่อยู่ด้านในออกและปิดประตูห้องน้ำเสียงดัง ปล่อยให้หมอเอิร์ททำหน้าหม่นหมองอยู่ที่หน้าห้องน้ำพักใหญ่ก่อนที่จะเดินจากไป ส่วนหลงนั้นได้แต่ยืนพิงประตูห้องน้ำ พยายามหักห้ามใจตนเองไม่ให้เปิดประตูโผไปหาคนที่อยู่ในใจเขาเสมอ

...............

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด