ตอนที่ 4
ก่อนร้านปิด “...ได้แอบมองเธอข้างเดียวอยู่ที่มุมนี้ ก็พอแล้ว ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ในความหวังดี แค่ได้ชอบเธออยู่ตอนนี้ ก็ถือเป็นโชคชะตาดีๆ ที่คนอย่างฉันได้เกิดมาพบกับเธอ... *”
(* เพลงมุม : Playground ) ช่วงเพลงประจำวันของคุณสิบสอง วันนี้เป็นคิวของเพลงแอบรักใครสักคน เสียงของมันทำเอาหลายๆ คนถึงกับเคลิ้ม บางคนอินจัดถึงขนาดนั่งร้องไห้เอาหน้าซบกระดาษทิชชู (เขาคงเพิ่งอกหักมา) ผมมองหน้าไอ้คนร้องที่ดูมันอินกับเพลงที่มันร้องมากๆ
ผมจำในสิ่งที่มันเขียนลงไปในใบประวัติได้ สิบสองบอกว่าคติประจำใจของมันคือรักเดียวใจเดียว
ดูจากหน้าที่มีเครื่องหมายของคำว่า ‘เจ้าชู้’ แปะอยู่ตรงหน้าผาก ยังไง้ยังไงก็ไม่น่าจะใช่หนทางในการใช้ชีวิตของคนอย่างสิบสองเป็นแน่แท้
“พี่เกล้า”
“...”
“พี่เกล้า โต๊ะสิบเช็คบิล”
“...”
“พี่เกล้าครับ!” ไอ้หนึ่งร้องเสียงดัง ผมสะดุ้งสุดตัว เมื่อกี้มัวแต่นึกถึงเรื่องไอ้สิบสองเลยไม่ได้ยินว่าไอ้หนึ่งมันเรียก เรื่องมันเบี้ยวเมื่อวานมันโดนผมเฉ่งไปเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ผมลงโทษมันด้วยการให้มันนอนเฝ้าร้านคืนนี้ (ผมจะกลับบ้านไปนอนที่บ้านพ่อกับแม่หลังร้านปิด) มันก็หลั่นล้าและก็ตบปากรับคำแต่โดยดี หมั่นไส้พนักงานแบบนี้ชะมัด
“โต๊ะสิบเหรอ” ผมก้มหน้าก้มตาลงไปคิดเงิน
“คิดอะไรอยู่น่ะพี่”
“ข้าวผัดปูจานใหญ่ น้ำส้มคั้นสองแก้วถูกมั้ย”
“ถูกครับ...” ไอ้หนึ่งพูด “...พี่ยังไม่ตอบเลยว่าพี่คิดอะไร”
“กูสงสัยอะไรของกูนิดหน่อย”
ผมตัดสินใจวางงานลงชั่วคราวก่อน (เงินแท้ๆ มึงก็ไม่รีบเก็บเนอะ) ก่อนที่จะพูดกับหนึ่งอย่างสงสัยและก็เคร่งเครียด
“ครับพี่”
“กูจำเพลงประจำวันของไอ้สิบสองได้ทุกเพลง ตั้งแต่วันแรกที่มันเริ่มเข้าทำงานจนถึงวันนี้”
“อ่าฮะ”
“ในใบประวัติมันเขียนว่ามันรักเดียวใจเดียว และเพลงประจำวันของมันส่วนใหญ่ที่มันร้องเป็นเพลงเกี่ยวกับความรักที่สวยงาม แต่ก็เหมือนจะไม่สมหวังยังไงชอบกล”
“...” ไอ้หนึ่งทำหน้าทำตาเหมือนกำลังเอ็นดูผมยังไงยังงั้น
“คนอย่างมันรักข้างเดียวเป็นด้วยเหรอวะ”
“พี่” ไอ้หนึ่งเอียงหน้ามากระซิบใกล้ๆ ผม เพราะเสียงของไอ้สิบสองดังลั่น มันก็เลยต้องพูดให้ผมได้ยิน “เห็นมันหล่อๆ อย่างนั้นมันก็รักข้างเดียวเป็นนะครับ”
“ยังมีผู้หญิงที่ไม่ชอบมันอีกเหรอ หล่อก็หล่อ ร้องเพลงก็เก่ง เล่นดนตรีก็เลิศ”
“มีคนๆ นั้นก็แล้วกันครับ...” ไอ้หนึ่งหัวเราะ “...เก็บตังค์ได้แล้วมั้งพี่”
“เออ ก่อนที่มันจะร้องไห้บนเวทีเรียกมันลงมากินน้ำกินท่าด้วยนะไอ้หนึ่ง”
“ครับพี่เกล้า”
แม้ผมจะดูใจร้ายกับไอ้สิบสองไปหน่อยเมื่อวาน แต่ผมก็ถือว่าเป็นเจ้านายที่ใส่ใจลูกน้องในระดับหนึ่งนะ ตั้งแต่ไอ้สิบสองมันขึ้นเล่นเพลงในรอบนี้ มีแต่เพลงอกหัก และเพลงประจำวันของมันก็เป็นเพลงแอบรักอีก บอกตามตรงน่าเป็นห่วงว่ะ ผมคิดว่ามันควรจะลงมาพักบ้างนะ
ผมฝากเคาเตอร์ให้สองที่เป็นผู้จัดการดูแล ก่อนที่ตัวเองจะเดินมาที่หลังร้าน ตอนนั้นแม่ของผมโทรเข้าพอดี ถ้าเป็นตอนที่ผมอยู่ในร้านล่ะก็...ผมไม่ได้ยินหรอก
“ครับแม่”
“ไงเกล้า วันนี้จะมานอนบ้านใช่มั้ย”
“ใช่ครับ แต่ตีสองตีสามนู่นนะ ต้องปิดร้านก่อน”
“ตั้งแต่เปิดร้านเหล้า วันเวลาก็ไม่ตรงกับชาวบ้านชาวช่อง”
“ดีกว่านอนทั้งวันก็แล้วกันแม่”
“แม่จะโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้ฝากผู้จัดการดูแลร้านได้มั้ย ที่บ้านจะไปเยี่ยมคุณยายกันทุกคนเลย”
พูดเหมือนที่บ้านจะมีคนเยอะเลยแฮะแม่ผม จริงๆ แล้วมีแค่พ่อ คนขับรถ และก็หมาอีกหนึ่งตัว...
“ผมไม่อยากทิ้งร้านเอาไว้น่ะครับแม่”
“ดูเหมือนคุณยายจะไม่สบายนิดๆ...”
“โอเค ผมไปด้วยก็แล้วกันนะครับ”
ตอนนั้นผมตอนที่สิบสองเดินเข้ามาที่หลังร้านพอดี มันเดินไปที่ล็อคเกอร์ของตัวเองและก็ดื่มน้ำดื่มท่า เช็ดเหงื่อของตัวเองด้วย
“งั้นเจอกันคืนนี้นะแม่”
“โอเคจ้ะลูก”
ผมกดวางสาย สิบสองยังคงทำตัวนิ่งกับผมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ผมควรจะดีใจใช่มั้ยเนี่ยที่มันโตเป็นผู้ใหญ่ รู้จักแยกเจ้านายกับลูกน้องสักที แต่ไม่รู้ทำไม การที่มันไม่ได้เป็นตัวของตัวเองแบบนั้นทำเอาผมไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“คุณเกล้า...” สองเดินเข้ามาที่หลังร้าน “สองโทรเรียกร้านน้ำแข็งแล้ว อีกสิบนาทีน้ำแข็งมาถึงนะคะ”
“โอเค อ้อ สอง พรุ่งนี้ผมไม่อยู่ร้านนะ ผมขอฝากไว้หน่อยได้มั้ย”
“ได้เลยค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะคุณเกล้า ร้านปลอดภัยดีแน่ๆ เชื่อมือสอง”
“ขอบคุณมาก”
เธอยิ้มรับคำสั่งและก็เดินจากไป ที่หลังร้านเหลือผมกับสิบสองสองคนเหมือนดังเดิม
ช่างเป็นความเงียบที่ชวนอึดอัด ผมลอบมองหลังสูงๆ ของสิบสองที่ดูเหมือนจะง่วนกับของในล็อคเกอร์เสียจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ตอนที่ผมเอื้อมมือจะไปสะกิดมันนั่นเอง...
...มันเสือกเดินหนีผมซะงั้น ทำให้ผมสะกิดมันไม่ทัน
ไอ้ลูกน้องบ้าเอ๊ย ทำตัวเหมือนกำลังงอนผมยังไงยังงั้นน่ะ
นี่ผมต้องง้อมันมั้ยเนี่ย ผมผิดตรงไหนวะ เป็นอีกครั้งที่ผมอยากจะถามสังคมและก็โลกใบนี้เหลือเกินว่าผมผิดตรงไหน!
ผมกำหมัดแน่น พลางคิดในใจว่าจะทำยังไงกับพฤติกรรมแปลกๆ ของสิบสองดี
สายตาของผมเหลือบไปเห็นขวดโหลเปิดใจที่วางอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แม้วันนี้จะเป็นวันอังคาร แต่ผมก็ขอหยิบมาใช้หน่อยก็แล้วกัน…
สิบสองขึ้นร้องเพลงเป็นรอบที่สองเสร็จแล้ว...
ผมสั่งให้ป้าสี่ลงไปเรียกสิบสองให้มาหาผมทันทีที่ร้องเพลงเสร็จ นานเลยทีเดียวกว่ามันจะยอมขึ้นมา คงกำลังคิดอยู่ล่ะสิท่าว่าจะเอายังไง
เจ้านายสั่ง มึงต้องขึ้นมา!
สิบสองเคาะประตูห้องทำงานผม มันเดินเข้ามาช้าๆ และก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ผมแกล้งทำเป็นง่วนอยู่กับเอกสาร
ผมไม่พูดอะไร มันก็ไม่พูดอะไร
ผมนิ่งไปเรื่อยๆ ในขณะที่มันเองก็ไม่ได้แตกต่าง เดี๋ยวนะ แผนเอของผมก็คือเงียบไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะพูด ผลปรากฏว่ามันไม่ยอมพูดอะไรเลยครับ เอาแต่นิ่งเงียบอยู่แบบนั้น สรุปก็คือ...แผนแม่งล่ม
โอเค...กูใช้แผนบีก็ได้...เสียเวลาไปห้านาทีเปล่าๆ ปลี้ๆ
แผนบีของผมก็คือ...ยื่นขวดโหลเปิดใจส่งไปให้สิบสองพร้อมกระดาษและก็ปากกา
สิบสองไม่ยอมมองหน้าผม เขาเอาแต่มองสิ่งที่ผมส่งไปให้ด้วยสายตาว่างเปล่า
“อนุญาตให้เขียนถึงเจ้านายได้ แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันอังคารก็ตาม”
ผมพูดสั้นๆ ก่อนที่จะก้มหน้าลงทำงานต่อ ไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำว่ามันเขียนหรือไม่เขียน ตอนนี้ผมเริ่มมองตารางค่าใช้จ่ายในแฟ้มไม่ออกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร เพราะผมมัวแต่ลุ้นว่าอีกฝ่ายมันจะเขียนอะไรลงไปหรือไม่
ไม่ได้ยินอะไรขยับเลยแม้แต่น้อย
ผมเงยหน้าขึ้นมาอีกที สิบสองเดินออกจากห้องไปแล้ว ผมอ้าปากค้างพลางทำหน้าหงุดหงิดใส่ ลูกน้องคนนี้นี่มันเข้าใจยากจริงๆ จะอะไรนักหนานะ!
แต่ในขวดโหลเปิดใจมีกระดาษม้วนอยู่หนึ่งแผ่นถ้วน ผมรีบเขย่ามันออกมาแล้วก็คลี่ออกดูว่าจะมีข้อความว่าอะไร…
พรุ่งนี้ผมลาหยุดนะ ผมนี่ถึงกับอารมณ์ขึ้นเลยทีเดียว รีบลุกขึ้นมาและก็ก้าวตามสิบสองไป มันยืนอยู่ตีนบันไดขึ้นมาที่ทำงานผมพอดี ผมก็เลยดึงแขนมันให้กลับขึ้นมาทัน
“มานี่เลย”
สิบสองโดนผมลากให้ขึ้นมาบนห้องตามเดิม...
“ลาหยุดอะไร เพิ่งทำงานมาได้กี่วันฮะ!”
สิบสองทำหน้ามุ่ยในห้องของผม ผมก็เลยจับมันนั่งลง ส่งกระดาษกับปากกาไปให้มัน
“ถ้าไม่พูดก็เขียน เขียนมาให้รู้เรื่องว่าหยุดทำไม”
สิบสองไม่เขียน...
“อย่าทำตัวเป็นเด็กได้มั้ย กูก็ว่ากูบ้านะที่เล่นตามมึงเนี่ย แต่พอเถอะ เลิกเล่นสักที จริงจังได้แล้ว!”
สิบสองมองผมด้วยใบหน้าบึ้งตึง ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาลงไปเขียนที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับที่นั่งของผม ผมก็เลยเดินกลับไปนั่งที่เดิม รอสิ่งที่สิบสองเขียนส่งมาให้ผม
มันส่งมาให้ พร้อมๆ กับลายมือโย้เย้ของมันเป็นคำว่า
ผมอยากหยุด “ไม่ได้” ผมพูดทันที สิบสองเลยเขียนใส่กระดาษอีก ผมพ่นลมออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังรับมือกับเด็กจริงๆ นะครับ
ก็ผมจะหยุด “ทำไมล่ะ ไหนลองบอกเหตุผลมาซิ”
ใบหน้าหล่อเหลาของสิบสองก้มหน้าก้มตาเขียนอย่างตั้งใจ...จะว่าไปตอนมันจริงจังก็น่ามองไปอีกแบบ
ถึงแม้ว่าจะน่าตีมากกว่าก็ตาม
เพราะเจ้านายจะไม่อยู่ เหตุผลที่มันเขียนใส่กระดาษที่มันเพิ่งส่งมาให้ทำเอาผมอึ้ง
“เกี่ยวอะไรกับกูเนี่ย” ผมรำพึง “แม่บอกยายกูไม่สบายอยู่ต่างจังหวัด”
สิบสองมองหน้าผมก่อนที่จะทำหน้ารับรู้ เดี๋ยวนะ ทำไมผมรู้สึกว่าหน้าบึ้งๆ ของสิบสองคลายลงอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนมันอารมณ์ดีขึ้นในทันตา
ผมคิดได้มั้ยว่ามันเกี่ยวกับที่ผมไปหาคุณยายที่ต่างจังหวัดกับพ่อกับแม่น่ะ...
...งงเลยกู...มันคิดว่าผมจะไปไหนเหรอครับ?
สิบสองก้มหน้าเขียนยุกยิกอีกครั้งก่อนที่จะส่งแผ่นกระดาษให้ผมและก็ลุกขึ้นออกจากห้องไปในทันที
ก่อนร้านปิดวันนี้...ผมจะคุยกับเจ้านาย ร้านกำลังจะปิดแล้ว...
ตอนนี้ลูกค้าเหลือโต๊ะสุดท้าย โต๊ะนี้จัดงานวันเกิดให้เพื่อนคนหนึ่งจึงทำให้ทั้งดื่มหนักและก็สั่งอาหารหนักเช่นกัน พนักงานหลายคนลากลับบ้านไปแล้ว ที่แน่ๆ พนักงานของร้านตอนนี้มีผม ไอ้หนึ่ง สอง ป้าสี่ และก็ไอ้สิบสอง
มันยังไม่ยอมพูดกับผมเลยครับ
ผมที่ยืนอยู่หลังเคาเตอร์เก็บตังค์มานานหลังจากที่ลงมาจากห้องทำงาน ยังไม่พบวี่แววเลยสักนิดว่าสิบสองมันจะมาพูดกับผม มันเอาแต่คุยเล่นกับพนักงานคนอื่น ไม่ก็คุยกับลูกค้าสาวๆ ถ่ายรูปกับแฟนคลับของมันที่ตามมากินที่ร้านนี้และก็ฟังมันร้องเพลงอยู่ทุกวัน
ไหนมึงบอกมึงจะพูดกับกูไง นี่ร้านใกล้จะปิดแล้วนะ...
“เจ้านาย...”
ในที่สุดเสียงของไอ้สิบสองที่เรียกผมก็ดังเข้าหูผมสักที รู้สึกเหมือนผ่านมานานฉิบหายเลยนะครับเนี่ย ผมเงยหน้าขึ้นมา มองดูสิบสองที่ยืนอยู่อีกฝั่งของเคาเตอร์ มันแบมือมาให้ผม
“...ขอตังค์ค่าตัวครับ”
โธ่เอ๊ย...ถ้าไม่ใช่เรื่องตังค์คงไม่มีวันพูดกับกูใช่มั้ยเนี่ย ผมส่ายหน้าให้มันก่อนที่จะหยิบเงินส่งให้สิบสองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“เจ้านายจะไปจังหวัดไหนเหรอ”
“จันทบุรี” ผมตอบ
“ไปกับพ่อแม่เหรอครับ”
“ใช่” ไอ้สิบสองจอมเซ้าซี้ กลับมาแล้วครับพี่น้อง
“เจ้านายต้องดูแลตัวเองนะ”
“กูดูแลตัวเองอยู่แล้วมั้ง...”
“ผมพูดจริงๆ นะ เจ้านายต้องดูแลตัวเอง”
“...”
“ลับสายตาของผมเจ้านายจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
ผมส่งคิ้วขมวดให้สิบสอง “กูก็เป็นอย่างนี้แหละ...”
“ผมรู้นะว่าวันนี้เจ้านายถามอะไรไอ้หนึ่ง”
ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวแฮะ...ไอ้เชี่ยหนึ่ง...ไอ้เหี้ยเอ๊ย มันหักหลังผม เรื่องแบบนี้ใครเขาให้เอาไปบอกเจ้าตัววะ
“มันขี้โม้แล้ว จริงๆ น่ะกูก็ไม่ได้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับมึงหรอก”
“ผมอยากรู้เรื่องเจ้านาย เจ้านายก็อยากรู้เรื่องของผม” รอยยิ้มตาหยีของสิบสองถูกส่งมาให้ผมอีกครั้ง พร้อมกับทำสายตาเจ้าเล่ห์ “แบบนี้เรียกว่าอะไรนะ...”
“รวมพลคนชอบเสือกไง จะมีอะไรมากกว่านั้นล่ะ” ผมเสียงดังขึ้นอย่างไม่แนบเนียน
“...เจ้านายไม่โรแมนติกเลย” สิบสองพ่นลมใส่ผมแรงๆ
“กูเป็นเจ้าของธุรกิจ กูไม่ใช่ศิลปินนี่”
“ตกลงเจ้านายสัญญาแล้วนะว่าจะดูแลตัวเอง ตลอดเวลาที่เจ้านายลับสายตาผม”
ผมเงยหน้าขึ้น สบตากับสายตาที่จริงจังของอีกฝ่าย ไอ้นี่พูดจริงแฮะ จริงจนผมไม่กล้าจะขัดอะไรมันเลย
“อะ โอเค” ผมพยักหน้ารับ
“และก็...”
“อะไรวะ...”
“ไม่ใช่ผู้หญิงหรอกครับ ที่ผมแอบรักอยู่น่ะ”
“ฮะ”
“ไปนะครับเจ้านาย”
“เดี๋ยว ไอ้เชี่ยโหล มึงมานี่!”
“หนึ่ง กูไปนะ”
ผมเรียกสิบสองไม่ทัน หลังจากมันร้องบอกลาไอ้หนึ่ง มันก็วิ่งออกไปจากร้านแล้ว...เมื่อกี้ผมคิดว่าผมได้ยินทันและก็ฟังไม่ผิดนะว่ามันพูดว่าอะไร...
หน้าหล่อๆ อย่างสิบสอง กำลังรักผู้ชายด้วยกันอยู่เหรอเนี่ย
ลูกค้าสาวๆ อกหักเยอะแหงซะ
“ทำไมหน้ากูยังไม่หายร้อนเลยล่ะ” ผมเอามือเกาแก้มตัวเองแรงๆ จะว่ายังไงมันก็ยังไม่หายร้อนสักที พอได้แล้วมั้ง...
“เหมือนกูสารภาพรักไปแล้ว”
“แบบนี้ไม่เรียกสารภาพรักหรอก เขาเรียกว่าพูดอ้อมโลก”
“เขาจะรู้มั้ยวะ”
“เจ้านายพวกเราโง่ ไม่รู้หรอก”
“โง่แต่ก็น่ารักนะเว้ยเต๊บ”
“...”
“เขาไม่อยู่กูต้องคิดถึงเขาแน่เลยว่ะ”
“ไม่อยู่นั่นแหละดีแล้ว! ร้านจะได้ไม่ระเบียบจัดจนเกินไป”
“เชี่ย กูจะฟ้องเจ้านาย”
“เออ มึงมันทีมเจ้านายแล้วนี่ ไม่ใช่ทีมน้องเต๊บอีกต่อไปแล้วสินะ TT”
“โอ๋ๆ นะเพื่อน พรุ่งนี้ตามสัญญา กูเลี้ยงเหล้า”
“เยสสส จัดไปเลยครับพี่กันต์!”
“...”
“เจ้านายไม่ให้พนักงานแดกเหล้าในเวลางานนะ กูลืมไป”
“อย่าให้เจ้านายรู้ดิวะ...”
“...”
“เอ๊ะหรือจะให้รู้ดี จะได้กลับมาดูแลร้านและก็มาหากูไวๆ”
“...มึงไปอินเลิฟที่อื่น กูจะแดกเหล้าฟรี!!!!”TBC*
Talk : คู่หู 112 กำลังจะสร้างเรื่องป่วนอะไรน้ออออ