ส่งท้าย
แบงค์กำลังนั่งจดอะไรสักอย่างอยู่ในขณะที่รถไฟสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่กำลังแล่นอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าเขตป่าแถบใกล้ๆลำปาง บรรยากาศเย็นๆ สบายๆ ของป่าพัดเอาความสดชื่นเข้ามาด้วย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและน่าพักผ่อนเป็นที่สุด ปิดเทอมแล้วหลังจากที่เขาออกจากโรงพยาบาล ก็ต้องรีบไปตามเรียนเสริมกับแต่ละวิชา ทุกอย่างกลายเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคย อาจารย์หลายท่านต่างก็ยินดีมาติวให้แบงค์เป็นพิเศษทั้งหลังเลิกเรียนและวันเสาร์อาทิตย์ เพื่อให้แบงค์สามารถตามทันเนื้อหาทั้งปีและสอบปลายภาคจบม.4 ไปพร้อมๆกับทุกคนได้ รวมถึงอาจารย์สายัณห์ด้วยที่เลิกสนใจตำหนิความรักของลูกชายไปแล้ว เพราะแกเองก็เห็นว่า ทั้งสองคนยังเด็ก การเรียนรู้ชีวิตผ่านประสบการณ์ด้วยตัวเองน่าจะดีกว่าไปห้ามและขัดขวาง เพราะรังแต่จะสร้างปัญหาให้กับเขาและลูกชาย แม้ว่าอ.สายัณห์จะรักลูกชายคนเดียวมาก และหวังจะให้เป็นผู้สืบสกุลต่อไป ก็ค่อยๆเข้าใจและปล่อยให้ลูกชายได้ทำตามหัวใจของตัวเองอย่างเต็มที่ แต่สำหรับแบงค์ เขายังไม่สามารถที่จะจำเรื่องราวที่ผ่านมาได้เลย การเป็นดรัมเมเยอร์ชื่อดัง ความพ่ายแพ้ย่อยยับของการเล่นแบด เรื่องการเดิมพันกับพี่กาย เหตุการณ์ร้ายๆจากการถูกฟาดด้วยไม้หน้าสาม ทุกอย่างเป็นยิ่งกว่าแค่ฝันไป เพราะไม่มีเหตุการณ์ไหนที่หลงเหลืออยู่ให้จำ ทุกอย่างโดนรีเซ็ตใหม่และเขาจำเป็นต้องค่อยๆป้อนข้อมูลลงใหม่อีกครั้ง
พี่ท็อปกำลังนั่งหลับอยู่ฝั่งตรงข้ามกับแบงค์ เขาฟังเพลงอยู่โดยมีหูฟังเสียบไว้ ยิ้มน้อยๆเหมือนกำลังฝันอะไรบางอย่างอยู่
เมื่อแบงค์จดบันทึกเสร็จ เขาจึงเงยหน้ามองรุ่นพี่ที่มาด้วยกันที่กำลังนอนหลับด้วยสีหน้าครุ่นคิด นับตั้งแต่เขาออกจากโรงพยาบาล แบงค์ก็เป็นคนติดการเขียนบันทึกโดยไม่รู้ตัว เพราะเขาอยากจะจดบันทึกเหตุการณ์สำคัญๆในแต่ละวันเอาไว้บ้าง เผื่อไว้ว่า ถ้าเกิดสักวันเขาลืมทุกอย่างไปอีก การได้หยิบสมุดบันทึกเหล่านี้จะช่วยเตือนความทรงจำให้หวนระลึกขึ้นมาได้ใหม่
เขาค่อยๆเอานิ้วขี้จิ้มไปที่แก้มของพี่ท็อปเบาๆ จนพี่ท็อปสะดุ้งตื่น ก่อนจะปาดน้ำลายที่ตัวเองคิดว่าจะไหลออกมาขณะที่กำลังเผลองีบหลับไป
“ตกใจหมดเลย” พี่ท็อปอุทาน “กำลังฝันดีแท้ๆเชียว?”
“ฝันดี? พี่ท็อปฝันอะไรอยู่” แบงค์ถาม ตีสีหน้าสงสัย “เล่าให้ฟังหน่อย”
“ก็ ... ฝันถึงตอนที่เราให้รางวัลพี่ตอนแข่งกีฬาสีเสร็จ” ท็อปบอกเขินๆ แล้วค่อยๆถอดหูฟังออกจากหู
“เอ๊ะ...ก็พี่ท็อปบอกว่าพี่ท็อปแพ้ รุ่นพี่ม.6 นี่นา แล้วแบงค์จะให้รางวัลพี่ทำไมล่ะ? ตัวเองแพ้นี่” แบงค์ถามย้อน พลางสงสัย
“ช่างมันเถอะ...ว่าแต่ นี่เราถึงไหนกันแล้วล่ะ?” ท็อปถาม มองแสงตะวันที่กำลังขึ้นอยู่ลิบๆตา
“ก็น่าจะแถวลำปาง เดี๋ยวอีกสักพักเราจะลอดถ้ำขุนตาลกันแล้วนะ” แบงค์บอก “นี่พี่ท็อปเพิ่งเคยมาเชียงใหม่ครั้งแรกใช่ไหม?”
“อืม จะว่างั้นก็ได้นะ...ครั้งแรก กับคนสำคัญ” ท็อปพูด ส่งยิ้มแฉ่งมาให้
แบงค์เลิกคิ้วขึ้นมองหน้าพี่ท็อป ยิ้มตอบแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พลางเปิดกระเป๋าเก็บสมุดยัดลงไป
ท็อปพยายามทำดีและตีสนิทกับแบงค์เหมือนอย่างที่เคยทำสมัยที่เขากับแบงค์รักกันก่อนที่แบงค์จะสูญเสียความจำไป แต่ทว่าทุกอย่างนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ นับตั้งแต่หลังจากที่แบงค์อกจากโรงพยาบาลมาร่วม สี่ห้าเดือนที่ผ่านมา แบงค์ก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่ารักท็อปตอบเหมือนสมัยก่อนแม้แต่นิด จะมีอย่างมากก็ให้ความสนิทสนมอย่างยอมให้กอด แต่มากกว่านั้น ท็อปเองก็ไม่ได้กล้ามากพอที่จะขอ ตอนนี้เหมือนกับว่า แบงค์ที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่แบงค์คนเดิมที่เขารู้จักอีกแล้ว การวางตัวเมื่ออยู่ด้วยกันก็มีมากขึ้น ไม่ได้อยากจะขออะไรก็ได้ อยากจะทำอะไรก็ทำได้ ถึงเขาจะอึดอัดแต่เขาเองก็ยังคงหวังใจลึกๆว่า แบงค์คนเดิมจะกลับมา และเขายังรักแบงค์อยู่ การที่ทิ้งแบงค์ไปเลยพร้อมกับความทรงจำที่ขาดหาย ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ท็อปนั้นยากจะทำใจยิ่งกว่า
“เห็นเขียนๆนั่นนี่มาตลอดทาง เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ ว่าเขียนอะไรบ้าง?” ท็อปถามขึ้นเมื่อเห็นสมุดสีน้ำตาลเล่มเท่าฝ่ามือของแบงค์
“ก็ สิ่งทีได้เจอ คนที่ได้เจอ คำพูดดีๆที่ได้ฟังมา อะไรที่น่าจดจำก็จดเก็บไว้สิ พี่ท็อปลองทำดูดิ เวลาได้กลับมาอ่านมันรู้สึกดีมากๆเลยน้า” แบงค์บอก หันไปมองแสงสีส้มที่ปลายฟ้า ตอนนี้ พวกเขากำลังวิ่งออกจากป่า เห็นขุนเขาอยู่ล้อมรอบๆ”เผื่อว่าวันนึงแบงค์ต้องหลงลืมอะไรไป ถ้าแบงค์ได้กลับมาอ่านก็หวังว่าจะจำมันได้ทั้งหมดอีกครั้ง”
“แล้วในนั้นมีเรื่องของพี่บ้างไหม?” ท็อปถาม “ขออ่านหน่อย” ว่าแล้วก็ยื่นมือมา
“ม่ายให้ดูหรอก....เรื่องส่วนตัว เรื่องอะไรจะให้อ่าน” แบงค์บอก ทำหน้าทะเล้นใส่
“ไอ้ลูกหมา” ท็อปโวยใส่ ก่อนจะกระโจนไปจักจี้รุ่นน้องที่นั่งอยู่อีกฝั่งของเบาะ เวลานี้ยังเช้าอยู่ ผู้โดยสายส่วนใหญ่ก็ยังคงหลับอยู่และไม่ได้เปิดม่าน มีแต่แค่ส่วนของท็อปและแบงค์เท่านั้นที่เก็บส่วนที่เป็นที่นอนและพับเป็นเบาะนั่งตั้งแต่ราวๆ ตี 5 เพราะแบงค์อยากจะมีพื้นที่เขียนหนังสือนั่นเอง
ท็อปจึงถือโอกาสกอดแบงค์ไว้ให้แน่น ไม่ได้บ่อยครั้งนักที่เขาจะได้กอดแบงค์ได้อย่างใจแบบนี้ เพราะหลังจากที่แบงค์ฟื้นขึ้นมา และเขาจำท็อปไม่ได้เลย การแสดงความสนิทสนมของเขาและแบงค์จึงต้องนับ 1 ใหม่ และการที่คนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน อย่างที่แบงค์รู้สึกกับท็อปนั้น จะมาแตะเนื้อต้องตัวแบบเพื่อนชาย คงรู้สึกแปลกๆ
“พี่ท็อปกลิ่นตัวหอมจัง” แบงค์พูด เมื่อจมูกของเขาสัมผัสกับช่วงคอของท็อป
“อือ เมื่อก่อนแบงค์ก็ชอบพูดแบบนี้แหละ แล้วก็ขอหอมๆ ๆ ๆทุกครั้งที่เจอกันบ่อย” ท็อปพูด แอบใส่ไข่เนื้อเรื่องลงไปนิดหน่อย “บางวันก็ขอเสื้อกล้ามพี่กลับบ้านไปนอนดมก็มีนะ”
“แหวะ....พี่ท็อปอย่ามาอำเหอะ แบงค์ไม่ใช่คนซกมกแบบนั้นนะ” แบงค์บอกทำสีหน้าขยะแขยงสุดๆ
ท็อปหัวเราะลั่นแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย ก่อนจะอุ้มแบงค์ให้นั่งที่ตักเขา หันหน้าประจันกัน
“ผ่านมา 4-5 เดือนแล้ว ตอนนี้แบงค์รู้สึกกับพี่ยังไงมั่ง?” ท็อปถาม มองตารุ่นน้องเขม็ง
“หืม?....ก็ อืม พี่ท็อปก็เป็นรุ่นพี่ที่ดีนะ อยู่กับพี่แล้วสบายใจดีเหมือนกัน เหมือนมีเพื่อนคู่คิดเยอะเลย” แบงค์บอก แล้วจับหูทั้งสองข้างของพี่ท็อปดึงไปดึงมา
“แล้ว .... รู้ไหม ว่าพี่รู้สึกยังไงกับแบงค์” พี่ท็อปถาม ก่อนจะหยิบเอาจี้รูปกุญแจที่แขวนอยู่ทีคอขึ้นมาอวด
“รู้สิ รู้มาตลอดนั่นแหละ” แบงค์พูด ว่าแล้วก็หยิบจี้ที่ตัวเองสวมอยู่ขึ้นมาโชว์ด้วย
“แล้ว ตอนนี้...แบงค์รู้สึกเหมือนกันกับพี่บ้างแล้วหรือยัง?” ท็อปลองใจถาม รู้สึกกลัวคำตอบหน่อย ๆ
“ถ้าถามแบงค์แบบนี้เหรอ.....” แบงค์อ้ำอึ้ง เอามือเกาหัวแบบลังเลๆ ในขณะที่แบงค์กำลังจะตอบ ...
ทั้งสองก็ถูกพาลอดถ้าขุนตาล อุโมงค์ที่ว่ากันว่ายาวที่สุดอุโมงค์หนึ่งในประเทศไทย ทั้งโบกี้มืดไปหมด มองเห็นก็แต่เพียงแสงไฟจากห้องน้ำที่ลอดมาจากโบกี้ใกล้ๆ
ท็อปสัมผัสได้ถึงรสจูบที่ริมฝีปากของเขา มันช่างอบอุ่น คุ้นเคย ละมุนละไม และแฝงด้วยความถวิลหา รสแบบนี้ ความรู้สึกนี้ที่มันห่างหายไปนานมันได้ค่อยๆหวนกลับคืนมาหาเขาบ้างแล้ว
เมื่อรถไฟลอดออกมาจากถ้ำ แบงค์จึงค่อยๆถอนปากออกมาจากริมฝีปากของท็อป ที่ก็กำลังเคลิ้มอยู่ แก้มของทั้งท็อปและแบงค์ต่างก็แดงด้วยกันทั้งคู่
“แบงค์ไม่รู้ว่า ที่แบงค์รู้สึกตอนนี้มันจะเท่ากันกับที่เคยให้พี่ท็อปเมื่อก่อนไหม? แต่อยากจะบอกว่า...ตอนนี้แบงค์ก็รักพี่ท็อปขึ้นมาบ้างแล้วแหละ” เขาบอกเขินๆ ก่อนเอามือทั้งสองข้าง ดึงแก้มของท็อปขึ้นมา “หน้าพี่ท็อปนี่เวลาแดง นี่ก็แด๊งแดงเนอะ เหมือนสั่งได้เลย”
“มันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของพี่ไปแล้ว” ท็อปบอกขำ ๆ “ขอบคุณนะ ที่อย่างน้อย พี่ก็รู้ว่าความพยายามของพี่ไม่สูญเปล่า”
“พี่ท็อปไม่ต้องพยายามหรอก .... ถึงต่อให้พี่ท็อปไม่ทำอะไรเลย แบงค์ก็รู้ดี ว่าใจของแบงค์มันเรียกร้องหาพี่ท็อปอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่มันถูกเก็บไว้ลึกมาก จริงๆความทรงจำมันอาจจะไม่ได้หายไปไหน ไม่ก็อาจจะไม่ได้ถูกทำลายจริงๆก็ได้นะ แค่มันถูกจัดเก็บเอาไว้ลึกมากๆๆๆ รอวันที่จำเป็นต้องเอาออกมาใช้ค่อยรื้อออกมาดู” แบงค์พูด
“คำพูดนี้เหมือนเคยได้ยินใครพูดวะเนี่ย” ท็อปพึมพำ
“นอกจากจูบแล้ว....สมัยก่อน เราเคยมีอะไรกันมากกว่านี้ไหมอะ?” แบงค์ถามตรงๆ ทำเอาท็อปหน้าแดงขึ้นมาอีกเท่านึง
“เย้ยยย....ไหงถามอะไรแบบนั้นล่ะ” ท็อปตกใจคำถาม
“อย่างเช่นแบบ ไปเที่ยวกัน ไปกินข้าวกัน อะไรแบบนี้อะ นั่นแน่ะ ๆ ๆ คิดอะไรทะลึ่งๆอยู่อะดิท่า....” แบงค์พูดแซวพี่ท็อป “หรือว่าเราเคยมีอะไรขั้นไหนๆกันแล้วหรือเปล่า? หน้าแดงแบบนี้...”
ท็อปหัวเราะเจื่อนๆ เอานิ้วชี้เกาแก้มไม่รู้จะตอบอะไรดี ก็เลยตัดสินใจ มองไปนอกหน้าต่างแล้วชี้ให้ดูทิวทัศน์ข้างนอก
“ดูโน่นดิ ... นกกำลังบินออกหากินแต่เช้าเลย ถ้าอยู่กรุงเทพฯก็คงไม่ค่อยได้เห็นเนอะ” ท็อปบอกพลางชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปเรื่อย
“ไหน..นก ไม่เห็นเลย รถไฟวิ่งออกจะเร็ว มองเห็นด้วยเหรอ?”
“ลิงน่ะ ไวกว่าหมาอยู่แล้ว” ท็อปบอกหน้าทะเล้น “ขอลิงหอมแก้มหมาน้อยได้ไหม” เขาถามย้อนกลับ ลองเสี่ยงดู
“จะหอมข้างไหน ข้างซ้ายหรือข้างขวา?” แบงค์ถาม ทำแก้มป่องแล้วใช้นิ้วจิ้มทั้งสองข้าง
“ขอทั้งสองข้างเลย” ท็อปบอก แล้วดึงตัวแบงค์มาหอมเสียฟอดใหญ่ นี่คือหอมครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา เขาไม่เคยกล้าที่จะขอแบงค์แบบนี้อีกเลยนับแต่รู้ว่าแบงค์ลืมเรื่องของเขาไปหมด
“รู้สึกคุ้นเคยบอกไม่ถูกเลย พี่ท็อป” แบงค์บอกสั้นๆ “ยิ่งให้พี่กอดแบงค์ แสดงความรักกับแบงค์มากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน”
“ไม่คุ้นได้ไงล่ะ ก็เมื่อก่อนน่ะ โดนพี่กอดรัดฟัดเหวี่ยงทุกวันนี่นา พี่มานอนกับแบงค์แทบจะวันเว้นวันเลยนะ” ท็อปบอกน้อง
“จริงอะ...แบบนี้แสดงว่า..” แบงค์พูดอ้ำอึ้งเอามือปิดปากตัวเองเหมอืนคนกำลังตกใจ “พี่ท็อปกับแบงค์ก็...”
พี่ท็อปหัวเราะเพราะเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่แบงค์กำลังจะอ้าปากถาม แล้วหันหน้ามาจุบหน้าผากแบงค์อย่างรักใคร่ “ถ้าได้ลองทำแบบเมื่อก่อนบางทีความทรงจำอาจจะกลับมาไวก็ได้นะ”
“ง่า พี่ท็อป ทะลึ่งอะ โม้แล้ว” แบงค์บอก หน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้วผลักรุ่นพี่ออกไป
ทั้งสองคนยังคงเล่นกันไป คุยกันไปตลอดระยะทาง เมื่อเวลาเกือบ 9 โมงเช้า รถไฟค่อยๆ เทียบเข้าที่ชานชาลาสถานีรถไฟเชียงใหม่ แบงค์กับท็อปจึงช่วยกันขนของลงจากรถ แต่ละคนพกเป้แบ็คแพ็คใบใหญ่ๆกันมาคนละใบ ท็อปสวมแว่นตาดำกันแดด ส่วนแบงค์ก็หยิบหมวกแก๊บที่พี่ท็อปซื้อให้ตอนออกจากโรงพยาบาลวันแรกมาสวมด้วย
แบงค์คว้ามือพี่ท็อปที่กำลังเตรียมเดินออกไปหน้าบริเวณสถานี แล้วจับไว้แน่น
ท็อปหันหน้ามามองมือที่แบงค์กำลังกำอยู่ ก่อนจะหันหน้ามองรอยยิ้มที่รุ่นน้องส่งมาให้อย่างร่าเริง
“เราเคยสัญญากันไว้นี่นา ว่าเราจะไม่ห่างกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต่อจากนี้ ถึงจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถ้าเรามีกัน เราจะฝ่าฟันกันไปได้แน่นอน” แบงค์บอก
ท็อปมองหน้าแบงค์อย่างสงสัย พยายามนึกว่า ตัวเองเคยเล่าเรื่องสัญญาพวกนี้ให้แบงค์ฟังตั้งแต่เมื่อไรกัน? แต่เมื่อคิดไม่ตก เขาจึงสะบัดความสงสัยทิ้ง แล้วบีบมือน้องตอบ พูดว่า “อืม...เราจะมีกันและกัน อยู่ข้างๆพี่ไปนานๆนะ”
แบงค์ยิ้มตอบแทนคำพูด รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาที่อย่างน้อยต่อจากนี้ เขาจะได้มีคนที่เขารักยืนเคียงข้าง คนที่รักเขามากที่สุดอยู่ด้วยกัน ถึงความทรงจำเก่าๆจะไม่หวนคืนมาอีกแล้ว แต่ต่อจากนี้จะมีแต่ความทรงจำใหม่ๆที่เต็มไปด้วยความรัก รักที่งดงามและบริสุทธิ์ตลอดไป
จบบริบูรณ์