HEAVY WEIGHT รัก ▪️ หนัก ▪️ มาก [Story by ARPO]
บทที่ 6
HEAVY WEIGHT: 6 KG.
บทที่ 6
ตกเย็นผมกับฟาโรห์ก็พาหลานมาเดินห้างเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
อัคนัสเป็นเด็กดีมากทีเดียวคือไม่งอแงให้หนักใจเลย ทั้งที่ต้องห่างจากพ่อแม่ เอ้ย… พ่อพ่อสองวัน เจ้าตัวยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส ดูแล้วเป็นเด็กอารมณ์ดี
ผมลองถามฟาโรห์เพราะว่ามันเคยบอกว่าหลานติดพ่อแล้วมาอยู่กับมันทีเป็นอาสองวันจะอยู่ได้หรือ มันเลยบอกว่าดีกว่าปล่อยอยู่ที่อียิปต์ ถึงแม้จะมีพี่เลี้ยงดูแลแต่ว่าก็มาด้วยกันก็ดีกว่า
ผมเลยคลายความกังวลไปบ้าง กลัวแบบเด็กแขกมันร้องไห้หาพ่อหาอ้าบุนล่ะก็ โอ้ทวยเทพ! กูปวดตับเลย ไม่รู้จะพาไปส่งให้ยังไงเพราะได้ยินว่าไปธุระต่างจังหวัดสองวัน เลยต้องเอามาฝากพวกผมไว้ไง
ห้างสรรพสินค้าคนเยอะใช้ได้เลย วันเสาร์แบบนี้คนออกมาเที่ยว มาเดินเล่นกับครอบครัว
ผมจูงมืออัคนัสพาเดินครับ ให้หลานเดินเลือกร้านกินเองเลย
“อยากกินอะไร?” ฟาโรห์มันก้มลงถาม
เจ้าหนูดูครุ่นคิดหนักมากเหมือนเลือกไม่ถูก
“Fried chicken” อูย อันนี้พุกแปลออก ไก่ทอดชิมิหลานรัก
พี่พุกก็อยากกินพอดีเลย ฮิๆ
พวกผมเลยตัดสินใจเข้าร้านไก่ทอดเกาหลีร้านดังที่ยังคงมีคิวยาวเหยียด
“ร้านนี้นะขายไก่ทอดโคเรียนๆ” เน้น ร เรือ ชัดๆ เด็กแขกจะได้ฟังรู้เรื่อง
“โคเรียน?” อัคนัสทำหน้างง
เอ้า! เอ็งฟังไม่ออกหรือไง โคเรียนก็เกาหลีไง วุ้ย!
ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้อาแขก เสือกยิ้มทำส้นติงอะไรวะ
“Korean fried chicken” สำเนียงเป๋ะปัง ผมเบ้หน้าแลบลิ้นใส่มัน
โคเรียนฟรายชิกเก้น! กระดกลิ้นรัวๆ
กูก็พูดได้เถอะ
หลานแขกยิ้มพยักหน้ารับหงึกหงัก ดูสนอกสนใจเมื่อมีพรักงานเอาเมนูออกมาให้สั่งอาหารก่อนเพราะโต๊ะยังไม่ถึงคิว ตากลมโตมองเมนูกลับไปกลับมา
“เอาไซส์นี้ไหม” อาแขกชี้ชวนให้ดูเมนูชุดไก่ทอดขนาดใหญ่กินได้สองสามคน ซึ่งผมว่าเป็นขนาดที่กำลังดีเลย
อัคนัสมองตาม เด็กแขกดูหน้าเครียดแล้วก็เอามือขึ้นมานับนิ้ว
“มีฉิบ...ฉิบ...” เอ้าพูดให้ถูก ไม่ฉิบหายก็พอ “ฉิบ...หนึ่ง ฉอง...หก...แปดชิ้น” ชูนิ้วขึ้นมาแต่เหมือนนิ้วไม่พอเลยมองซ้ายขวาหานิ้วเพิ่ม ลามมาถึงนิ้วคนอื่นด้วย พี่พุกเลยใจดีให้ยืมนิ้ว
“มีฉิบแปดอัน เอ่อ...มีฉามคน” โอ้โห เด็กแขกนับเลขด้วย “ของพี่พุก หกอัน ของพี่ชะรีฟ หกอัน แล้วก็ของอัคนัส หกอัน” พอยืมนิ้วมานับเสร็จเรียบร้อยก็ยิ้มแฉ่งดีใจเมื่อเล็กลงตัวพอดี “พอดีเลย...เย้”
ผมแอบขำกร๊าก เด็กแขกมันน่ารักว่ะ มีหารแบ่งให้ลงตัวด้วย
พอถึงคิวก็ได้โต๊ะนั่ง มีพนักงานเสิร์ฟมาโบกมือทักทายเด็กแขกตาหวานด้วยคงเพราะความอารมณ์ดี ยิ้มแย้มทำให้กลายเป็นเหมือนขวัญใจ พอได้โต๊ะนั่งผมที่เป็นนางงามก็เอาหลานมานั่งกับตัวเองปล่อยให้ไอ้อาแขกมันนั่งตรงข้าม
สั่งเซ็ทอาหารตามที่ดูเอาไว้เมื่อกี้ รวมถึงซุปกิมจิและสลัดผักอีกสองจาน
ระหว่างรอก็มีน้องนักเรียนโต๊ะข้างๆโบกไม้โบกมือให้อัคนัส
“กรี๊ด น้องน่ารักกกกกก”
“เอ่อ ขอถ่ายรูปกับน้องได้ไหมคะ” มีน้องคนหนึ่งถามอย่างเกรงใจ
ผมเลยมองหน้าไอ้โรห์เป็นเชิงให้มันตัดสินใจเอง มันเลยหันไปถามหลาน
“พี่เขาขอถ่ายรูปได้ไหม?” มันถามหลานเป็นภาษาอารบิคซึ่งผมไม่เข้าใจ แต่อัคนัสเข้าใจเลยหันไปมองพี่สาวที่มาถาม
“อื้อ! คับ” น้องตอบกลับมาเป็นภาษาไทย พวกน้องนักเรียนดีใจใหญ่ ผมเลยให้อัคนัสไปยืนข้างๆโต๊ะโดยมีเหล่าพี่สาวนักเรียนมัธยมยืนเรียงชูสองนิ้ว
พอพวกน้องๆเขากรี๊ดดาราแขกเสร็จก็ก้มหัวขอบคุณที่มารบกวน แต่ไม่วายอัคนัสยังโบกมือยิ้มร่าให้พวกพี่สาวอีก คราวนี้เสียงกรี๊ดเสียงฟินดังมาอีกระลอก
แค่อาเอ็งก็เป็นดาราหน้ากล้องแล้ว เอ็งจะเดินรอยตามไปอีกคนหรอไงกัน
“ฮือ น้องน่ารัก มากับพี่สองคนนั้นเหมือนพ่อแม่ลูกเลย”
พ่อแม่ลูก?
ผมว่าไอ้โรห์ก็ได้ยิน มันเลิกคิ้วมองหน้ามาทางผม ผมก็ขมวดคิ้วแต่รู้สึกความผิดปกติเล็กน้อย
พอมันยิ้มบางๆออกมาพร้อมกับประโยคที่ว่า
“อืม...พ่อแม่ลูก...น้องเข้าใจพูดนะ” ไม่รู้เพราะว่าผมเมากาวดักหนูหรือว่าอะไร รู้สึกนัยน์ตาคมหวานของมันหยดย้อยกว่าตอนอื่นๆ จนรู้สึกเหมือนหน้าอกกำลังกระตุกแรง
ตึกตักๆ…
โอเค...ผมว่าสงสัยผมคงความดันขึ้นมั้งหัวใจเลยเต้นผิดปกติ แต่เฮ้ย! ทุกทีตรวจสุขภาพก็ปกตินี่หว่า
“โรห์…” ผมรู้สึกหน้าเห่อเมื่อมันมองมาตาหวานฉ่ำ
“ว่าไง?”
ผมสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ทำใจให้สงบ อยากได้ยาลดความดัน
“พุกอยากไปตรวจสุขภาพสักหน่อย” เพราะมีหลานนั่งอยู่ด้วยพวกผมเลยพูดสุภาพหน่อย
ความจริงมีกูคนเดียวแหละที่สถุลเพราะไอ้โรห์มันไม่พูดกูมึงกับผมเท่าไรนัก แต่ถ้าเป็นคนอื่นหรือเพื่อนมันที่คณะก็น่าจะมีบ้างนะครับแต่แค่ผมไม่ค่อยได้ยินเท่าไร
มันขมวดคิ้วทันทีเลย “ทำไม?! เป็นอะไร?”
“เปล่าๆ รู้สึกอยากตรวจคลื่นหัวใจว่ะ” ไอ้โรห์ยิ่งขมวดคิ้วใหญ่
“ทำไมเจ็บหน้าอกหรือ?”
“พุกแค่รู้สึก...เหมือน...หัวใจพุกเต้นแรงไปว่ะ” พอผมบอกมันหัวใจผมก็ยังเต้นตึกๆแต่ก็แผ่วลงบ้าง
“หัวใจเต้นแรง…” มันหัวเราะหึๆ
“เออ…” กูเป็นโรคหัวใจหรือเปล่าว่ะ เริ่มกลัว
“อ่าหะ ไว้ไปตรวจด้วยกัน”
หลังจากถาดไก่ทอดมาเสิร์ฟ ผมก็โดนเด็กแขกข้างๆสะกิดจึกๆ
“พี่พุก อัคนัสอยาก...take a picture จะเอาปาย show อ้าบุนกับพ่อฟ้า มากิน fried chicken” โอเค เอ็งจะให้พี่พุกถ่ายรูปให้แล้วเอาไปอวดพ่อพ่อของเอ็งว่าเอ็งมากินไก่ทอด
ผมแบมือไปหาคนฝั่งตรงข้าม “ขอมือถือหน่อย”
เครื่องไอโฟนรุ่นล่าสุดสีดำก็ถูกยื่นมาให้ ห่านจิก! กูยังใช้รุ่นเก่าอยู่เลย ผมเอากดรหัสที่จำได้ขึ้นใจ คือผมกับไอ้โรห์รู้รหัสโทรศัทพ์กัน มันก็รู้ของผม ผมก็รู้ของมัน
ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ!
ในเมื่อรหัสมือถือไอ้ฟาโรห์คือ 2203 ซึ่งมันตรงกับสิ่งที่อยู่บัตรประชาชนของผมเองตรงคำว่า วันเดือนปีเกิด
วันที่ 22 มีนาคม
ส่วนรหัสของผมคือ 0101
ดูเหมือนรหัสจำง่าย แต่มันหมายถึง…
วันที่ 1 มกราคม
แน่นอนไม่ใช่วันเกิดกู กูคงไม่เกิดหลายวัน เพราะงั้นมันจะเป็นวันเกิดใครไปไม่ได้นอกจากคนฝั่งตรงข้าม
คือ...มันก็เมคเซนส์นะ เพราะว่าส่วนใหญ่จะตั้งเลขตามวันเกิดเจ้าของเครื่องใช่ไหม เกิดมีคนอื่นมาปลด มันก็เดาได้ง่ายๆ แค่ถ้าสลับกันแบบนี้ก็เดายากหน่อย
เป็นไงล่ะ...ความคิดดีชิมิ
ผมเอาเครื่องสีดำมาเปิดกล้องถ่ายพ่อหนุ่มน้อยแนบหน้ากับจานไก่ไปหลายช็อต
“Take together นะคับ” หลานจับแขนผมไปใกล้ๆแล้วกวักมือเรียกอาแขกมาถ่ายด้วยกัน
ร่างสูงใหญ่เดินข้ามฝั่งมา ใบหน้าคมเข้ม เคราเขียวขึ้นไรจางๆแนบอยู่ตรงหัวผมเพราะต้องยัดหน้าหล่อๆของมันเข้ามาในกล้อง
ผมได้กลิ่นหอมคุ้นจมูกแล้วยิ้มให้กล้องรวบไหล่เล็กของหลานเข้ามาในกล้องแล้วกดชัตเตอร์
เท่านี้ อัคนัสก็มีรูปไปอวดพ่อพ่อแล้วว่ามากินกับใคร
ผมกับฟาโรห์ปล่อยให้หลานกินด้วยตัวเอง บางทีดูลำบากไปบ้างเพราะน้องยังใช้ส้อมกับมีดไม่คล่อง แต่ผมก็บอกให้ใช้มือได้ หลานก็ยิ้มกว้างยอมใช้มือแต่ก็ไม่กินมูมมาม กัดไก่อย่างเอร็ดอร่อย ดูท่าแล้วคงถูกสอนมาดีมากแถมยังเป็นเด็กเชื่อฟัง
“หมดโควต้าหกชิ้นแล้วพุก” ผมชะงักมือที่กำลังหยิบไก่ขึ้นมา
แม่ง ตาไวฉิบหาย ไอ้ขี้งก กับเพื่อนกับฝูงมึงยังนับชิ้นไก่ได้อีก
“ก็พุกยังไม่อิ่มอะโรห์” ต่อหน้าหลานต้องพูดเพราะ ยิ่งจะขอพ่อกินยิ่งต้องพูดเพราะๆ “นะๆ ขออีกชิ้น”
“กินทั้งข้าวเหนียวกินทั้งไก่ ซุปอีก เยอะแล้วนะ” เอ้า มึงดูตัวกูด้วยครับเพื่อนรัก
“โห แค่นี้เอง” ปกติมึงก็รู้กูแดกข้าวได้สามกะละมัง
“ก็ได้ ชิ้นเดียวนะ” มันพูดปลงๆเหมือนยอม
“ขอบคุณ…” ยิ้มร่าหยิบมากัดอย่างรวดเร็ว
“หึๆ งั้นอาทิตย์เข้าชมรมด้วยกัน”
แค่กๆ! อะไรนะไอ้แขก มึงพูดว่าไงนะ!
“แค่กๆ อะไรนะ” กระดูกไก่ติดคอหอยเลยไอ้เหรี้ย
“โรห์ให้กินไก่แล้วเพราะงั้นอาทิตย์หน้าเข้าชมรมด้วยนะครับ ถือว่าแลกกัน” อย่ามาคงมาครับกับกูไอ้เพื่อนแขก
มันยกยิ้มกว้าง แต่เป็นรอยยิ้มกวนตีนที่สุดของมันเลย แล้วมันก็หันไปสนใจหลานแทน
ห่านจิก! กูอยากอ้วกเป็นซากไก่มาคืนมันเดี๋ยวนี้เลย!
“อย่าวิ่งนะอัคนัส” ผมร้องบอกหลังจากที่เราทั้งสามคนเดินออกมาจากร้านอาหาร ท้องอิ่มแปร่ตังก็อยู่ครบเพราะว่าคุณฟ้าให้เงินมา บอกว่าเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆสำหรับเวลาที่อัคนัสมาอยู่ด้วย ตอนแรกไอ้โรห์ไม่เอาแต่ว่าคุณฟ้ายิ้มแต่พูดเสียงจริงจังว่าไม่งั้นเขาไม่กล้าเอาอัคนัสทิ้งไว้
เพื่อนผมมันเลยต้องรับมา แถมท่านทวยเทพกำชับอีกว่าถ้าเงินยังเหลือเท่าเดิมเขาจะสมทบเงินเพิ่มอีกเท่าตัว
โอเค...ท่านเทพจุติรวยจริงอะไรจริง
พวกผมเดินย่อยในห้างก่อน เห็นมีโซนที่จัดขายของเด็กเอาไว้ด้วยเลยกระตุกมือพาอัคนัสไปดู อย่างน้อยๆเด็กก็ยังชอบสิ่งของพวกนี้อยู่ดี
แต่ที่ดึงดูดผมเข้าไปดูคือตุ๊กตาแมวน้ำอ้วนๆขนฟู หน้าตาตลกๆ
“เหมือนพี่พุกเยย” กูรู้ว่าเด็กแขกไม่ได้ตั้งหมายความว่างั้น แต่การที่บอกว่ากูเหมือนแมวน้ำนี่เอ็งหมายความว่าไงหา!
“หึๆ” ไอ้อาแขกตัวดีอีกคน
“นุ่มๆเหมือนพี่พุก” อัคนัสยิ้มตุ๊กตามากอด ใบหน้าสีน้ำผึ้งน่ารักซบแก้มลงกับตุ๊กตาจนแก้มย้วย
ฮอล! กูอยากจะขโมยกลับบ้านไปเลี้ยงเอง
“พี่ชะรีฟ อัคนัสเอาไปกอดที่บ้านได้ไหม?” คราวนี้อัคนัสหันไปรัวอารบิคใส่ฟาโรห์ แน่นอนผมไม่เข้าใจที่พูด
แต่ฟาโรห์ก็แปลให้บอกว่าหลานอยากได้
“เอาไหม พี่พุกซื้อให้” ผมเลยย่อตัวลงไปถาม เจ้าหนูทำหน้าคิดหนัก
“แต่...อ้าบุนจะ angryไหมอะ” กลัวพ่อจะโกรธหรอเนี่ย
“ไม่หรอก...เดี๋ยวพี่บอกอ้าบุนเอง” ชะรีฟใจอ่อนกับหลานอยู่แล้วครับ มันขี้ใจอ่อน กับผมมันก็ยอมให้แต่ไม่ทุกอย่างนะครับ
พอฟาโรห์อนุญาต หลานก็บอกจะเอาตัวที่เจ้าตัวกอดอยู่นั่นแหละ ผมเลยถือไปจ่ายเงินให้ แน่นอนเงินไอ้โรห์เอง ไม่ใช่ส่วนที่คุณฟ้าให้ไว้นะครับ
“ขอบคุณคับ…” หลานยกมือไหว้พวกผมเก้กังเพราะไม่ชินกับมารยาทไทยอยู่บ้าง แต่ว่าคุณฟ้าสอนเจ้าหนูมาดีมาก ผมหลงรักมากกว่าเดิมอีก
เด็กอะไรมารยาทงามมาก ถ้าเป็นเด็กคืนอื่นคงมีแหกปากขอนู่นขอนี่ลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้นแน่ๆ
แต่พอผมกำลังจะจูงมืออัคนัสเดินไป ร่างสูงใหญ่ก็บอกให้รอก่อน ผมเห็นแวบๆมันหยิบอะไรไม่รู้ไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์
“ซื้ออะไรอะ?” มันจัดการแกะป้ายราคาออก
มันเป็นพวกกุญแจที่มีแมวน้ำสีขาวอ้วนกลมเหมือนก้อนโมจิ แต่ดูไม่เข้ากับพวงกุญแจรถยนต์เลยสักนิด
“ไม่เห็นเข้ากันเลย” ผมย่นหน้าใส่
“ก็มันเหมือนพุกไม่ใช่หรือไง” ผมเห็นมันยิ้ม ดึงแก้มผมยืด จนต้องปัดมือออก
นี่มึงก็ก็หาว่าหนูพุกคนนี้หน้าตาเหมือนไอ้แมวน้ำตัวฟูนี่หรอวะ!
ผมเดินมองไอ้แขกเดินหมุนกุญแจเดินนำหน้าไป เห็นก้อนกลมๆห้อยต่องแต่งแล้วอุบาทว์แท้
“กลับเถอะอัคนัส”
“คับ” เด็กอวบกอดถุงตุ๊กตานุ่มนิ่มแล้วสอดมือกับฝ่ามือผมออกแรงจูงผมเล็กน้อย
กลับมาถึงบ้านผมก็ให้หลานอาบน้ำก่อน อัคนัสบอกว่าเขาอาบเองได้แค่เปิดฝักบัวให้หน่อยเพราะมันอยู่สูงจนเกินไป ฟาโรห์เลยเข้าไปดูแล ผมได้ยินเสียงอัคนัสหวีดร้องผ่านห้องน้ำ สงสัยไอ้โรห์คงเกลี้ยงอะไรหลานแน่เลย
“โรห์อย่าแกล้งหลานเดี๋ยวหลานลื่นล้ม” พอผมตะโกนเข้าไป สักพักก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกนอกจากเสียงน้ำไหล
ผมเลยค้นๆกระเป๋าของอัคนัส หยิบชุดนอนออกมา เป็นเสื้อผ้านุ่มลื่นใส่สบายลายสิงโต กางเกงก็ลายเดียวกััน ดูเหมือนคงเป็นชุดนอนตัวเก่งเลย เด็กผู้ชายแต่ละคนคงต้องมีชุดเก่งกันใช่ไหมล่ะ ผมก็มีนะ เป็นลายโดเรมอนที่หม่าม้าซื้อให้ แต่สงสัยชอบใส่มากไปหน่อย ตัวกูเลยเหมือนโดเรมอนไปด้วยเลย ฮอล…
“พุกฝากอัคนัสหน่อย” ผมหันไปมองเห็นร่างสูงใหญ่จูงมือหลานออกมา แต่สายตากูดันไปมองกับแผ่นอกสีน้ำตาลอ่อนแน่นตึง กับภูเขาหกลูกเป็นลอนสวยงาม กล้ามแขนแน่นแต่ไม่กล้ามปู
โอย...อยากฝังเขี้ยวลงไป
ห่านจิก!
กูคิดอะไรอยู่วะ ปัญญาอ่อนฉิบ ทั้งที่ก็เคยเห็นมานะ แต่ว่าเริ่มรู้สึกแปลกๆไม่นานนี้ สงสัยกุคงต้องไปตรวจร่างกายเร็วๆนี้แล้วล่ะ
ผมถอนสายตาออกมาทั้งที่ใจยังเต้นตึกๆ ในสมองวนเวียนอยู่ที่แผ่นอกแน่นตึงนั่น โอย...กูเป็นอะไรว่ะ ความดันขึ้นอีกหรือไงเนี่ย หรือว่าจะเป็นโรคหัวใจจริงๆ
“พี่พุก...” เสียงอัคนัสดึงสติเตลิดของกูกลับมาได้อย่างทันท่วงที
ผมสะบัดหัวไปมา
“เป็นอะไร ไม่สบายหรอ?” ใครจะบอกว่ารู้สึกไม่สบายตอนเห็นนมแน่นๆของมึงกันล่ะ “ฝากแต่งตัวให้อัคนัสหน่อย ฉันขออาบน้ำต่อเลยเพราะเสื้อเปียกแล้ว”
ผมพยักหน้าเออออไป กวักมือเรียกเด็กแขกในชุดผ้าขนหนูห่อซะเป็นซูชิโรล เห็นแล้วก็ขำ พอใส่เสื้อกางเกงเสร็จ เจ้าหนูก็ยืนจังก้า
“อัคนัสชอบชุดนี้มากเยย”
“ชอบสิงโตหรอ?” ผมให้น้องมานั่งระหว่างขาพลางเช็ดผมนุ่มๆเปียกชื้นให้ น้องมีผมหยักศกเล็กน้อยไม่ถึงกับหยิกฟูแต่ว่านุ่มมือมากเหมือนขนแมวเลย
“อื้อ...อ้าบุนบอกว่า...อัคนัสคือ...เอ่อ...” มาอีกแล้วเด็กแขกคิดตำไทยไม่ออก
“อิงลิชสิ” แหม อิงลิชกูก็ง่อยเปรี้ยได้อีก
“อ้อ...Lion คับ”
อ้อ ชื่ออัคนัสแปลว่าสิิงโตนี่เอง ดูสมกับเจ้าตัวมาก
ดีจริงๆ...หลานชื่อสิงโต ส่วนกูเป็นแค่หนู แม่งง่อยฉิบ อยากบอกหม่าม้าเป็นชื่อเป็นสัตว์ใหญ่กับเขาบ้าง
“พ่อสิงโตน้อย” ผมฟันน้องเล่น เจ้าตัวหัวเราะคิกคัก
“ฉิงโต?” ตากลมหวานย้อยหันมามองผม
“อัคนัส ภาษาไทยคือ สิงโต” ผมยิ้มกว้าง
“โอ้...” ตาโตๆดูดีใจ ทำปากรูปตัวโอ ถ้าภาษาวิบัติกูบอกได้คำเดียวว่า ตั้ลล๊ากกกกก “ช่ายๆ พ่อฟ้าบอก ฉิง...ฉิงๆ โต...” สงสัยคุณฟ้าคงเคยบอกแต่เจ้าตัวคงจำไม่ได้
ผมนั่งเล่น เปิดทีวีดูกับหลาน จนเจ้าของห้องเดินออกมา ผมพรูลมหายใจ คราวนี้มันใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย
“พุกอาบน้ำไป”
ได้จ้าพ่อ หนูไปอาบแล้วจ้า
++++++++++++++++++++++ 100% ++++++++++++++++++++++++
อยากให้อ่านค่า
สวัสดีค่ะ วันพระใหญ่ ขอให้มีแต่สิ่งดีเข้ามาในชีวิต
วันนี้เลยอยากให้หนูพุกและชะรีฟมาวื่งเล่นส่งความสุขให้กับทุกๆคน
ตอนนี้ยัยหนูนางเริ่มมีอาการแปลกๆแล้วนะค่ะ อิๆ แต่คนเกรียนอย่างนางไม่รู้ตัวหรอกค่ะ เพราะนอกจากนางเกรียนแตกแล้ว
นางยังซื่อบื้อมากด้วย ฮ่าๆ เพราะงั้นอย่าว่านังหนูมันเลยนะค่ะ สงสารนาง ฮ่าๆ
จริงๆพ่อยอดชายนางก็ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้วมาตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่ว่ายัยหนูเรามันบื้อเท่านั้นแหละค่ะ
อีกอย่างคาแรคเตอร์หนูพุกคือคนอ้วน เพราะงั้นบางครั้งคนอ้วนก็เจียมตัวนะค่ะ คือเขามีความสุขใช้ชีวิตอยู่ได้ แต่ว่าแค่ไม่คิดถึงเรื่องที่ว่าจะมีใครมาจีบก็เท่านั้นเองค่ะ เราคิดว่าบางครั้งมันต้องมีคนรู้สึกแบบนี้บ้างล่ะ แบบเราไม่ได้หน้าตาดี หุ่นไม่ดี เพราะงั้นก็จะไม่ได้คิดถึงเรื่องจะมีคนมาจีบหรือมาชอบ เราวางคาแรคเตอร์หนูพุกเอาไว้แบบนั้นแหละค่ะ เพราะงั้นหนูพุกอาจจะดูเหมือนไม่ได้คิดอะไร ทำเหมือนอีกฝ่ายเป็นเพื่อนแต่ว่าลึกๆคือคิดแหละค่ะ แต่ด้วยรูปร่างแบบนั้นเลยพยายามเจียมตัวค่ะ
เราเชื่อว่าหลายๆคนบางครั้งอาจจะมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นอยู่ เราขอเป็นกำลังใจทุกๆคนค่ะ
รวมถึงเป็นกำลังใจฟาโรห์ ฮ่าๆๆ ให้ยัยหนูมันรู้ตัวเร็วๆ เลิกเกรียนแตก ก่อนพระเอกจะประสาทแดกตายไปซะก่อน
ส่วนน้องอัคนัสยังคงอยู่กับเราอีกหนึ่งตอนค่ะ อย่าว่าเลยนะคะ ถ้ารู้สึกเหมือนมันอืดๆ แต่ว่าเราวางสามตอนนี้ให้อัคนัสค่ะ เพราะงั้นอย่าเพิ่งเบื่อน้อง หรือรำคาญที่น้องพูดไทยไม่ค่อยได้ พูดไทยคำอังกฤษคำเลยนะค่ะ โดยส่วนตัวเราเรียนจบที่ญี่ปุ่นแต่ก็เป็นมหาลัยอินเตอร์ เพราะงั้นชีวิตประจำวันของเราเราเจิคนหลายชาติ บางครั้งเราเป็นแบบอัคนัสและเพื่อนๆของเราก็เป็นคือว่าด้วยความที่อยู่ในสภาพแวดล้อมวัฒนธรรมที่หลากหลายทำให้เราพูดได้หลายภาษา แต่บางครั้งมันก็ทำให้เรานึกภาษาหนึ่งไม่ออก ทำให้มันต้องพูดอีกภาษาออกมาโดยอัตโนมัติ
เพราะงั้นอย่าเพิ่งรำคาญน้องไปเสียก่อนนะค่ะ
ถ้าท่านใดตามมาจากรักตามสั่ง คอนเซปต์ตัวละครของเราคือ...ตัวละครที่เข้าถึงและสัมผัสได้เพราะงั้นความรู้สึกตัวละครบางครั้งคือความรู้สึกของมนุษย์คนหนึ่งเลยค่ะ
วันนี้ดูพูดเยอะ ฮ่าๆ แต่ว่าเราอยากให้ทุกคนได้อ่านกันจนจบ ขอบคุณจากใจจริงค่ะที่ติดตามกันมาตลอดเลยตั้งแต่พี่นาฏยเจ้าขา เราดีใจมากๆจริงที่มีคนอ่านเยอะกว่าที่เราคิด
อยู่ด้วยกันไปนานๆเลยนะค่ะ
เยิฟฟฟฟ
ฝากนิยายเรื่องอื่นๆเอาไว้ด้วยค่ะ
วณิพกพเนจร [Re-write]
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55317.0
Second-Class Citizens ผมเป็นแค่พลเมืองชั้นสอง [On Air]
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59805.0
รัก ▪️ ตาม ▪️ สั่ง [End]
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55235.1500
ปล.สอง. แวะเวียนไปคุยกันได้นะค่า
ขอฝากไปกดไลค์เพจเฟสบุ้คกันได้นะครับบบบ เพราะว่าส่วนใหญ่เราจะอัพเดทเวลาที่เรา
หายไปนานๆ หรือว่าติดธุระอะไร เราจะไปอัพเดทไว้ในเฟส หรือว่าบางครั้งจะมีเขียนโมเม้นน่ารักของอีพี่กะน้องเอาไว้เล่นๆที่ไม่
ได้เอามาลงหน้านิยายนะครับ เลยอยากให้ไปพูดคุยในเฟสกันเลยยยย ถ้าคนเขียนหายไปตามจิกในเฟสจะเจอเราเร็วมากเพราะ
เราเล่นประจำ
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=ts