บทรักบทที่ 3 หัวใจที่ไม่ได้ปิดตาย (ตอนที่ 3)
ผมกินแค่ขนมปังแล้วก็นอนหลับไป ตื่นมาอีกทีตอนประมาณสี่ทุ่มกว่า พวกเพื่อนๆยังไม่กลับมา พรุ่งนี้ฟรีครึ่งวันเช้า บ่ายๆบรรดารุ่นพี่ที่จบไปแล้วจะมาทำความรู้จักกับพวกเรา มากันหลายคนเลย พอกลางคืนจะเป็นงานบายศรี ต่อด้วยปาร์ตี้ยาวไปถึงเช้า แล้วก็เดินทางกลับกรุงเทพในช่วงบ่าย
“ตื่นแล้วเหรอ” บุ้งกลับมาที่ห้อง เห็นผมตื่นแล้วเลยเดินเข้ามาหา
“ทำไมกลับมาคนเดียว” ผมถาม
“ยังกินกันอยู่ ฉันกลับมาดูแกว่าเป็นไงบ้าง”
“ดีขึ้นแล้ว”
“แกมีปัญหาอะไรกับพี่ฉลามเปล่าวะกลอน” บุ้งถามผมสีหน้าจริงจัง ผมถอนหายใจ
“เขาโกรธที่เราโกหกว่าไม่ได้เป็นเกย์ ก็ไม่รู้เขาไปรู้ได้ไง”
“แค่นี้เหรอ”
“อืม”
“ฉันว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นว่ะ” บุ้งทำหน้ายุ่ง
“ทำไมอะ”
“ก็เมื่อกี้นั่งๆกินกันอยู่ พี่ฉลามต่อยพี่เมตรปากแตกเลย แล้วก็เกือบจะต่อยพี่แหบ ดีที่รุ่นพี่คนอื่นห้ามเอาไว้ทัน แต่ไม่รู้เรื่องอะไรกัน แต่ก็เคลียร์กันแล้ว”
“เหรอ” ผมก็ตกใจเหมือนกัน แต่มันอาจจะไม่เกี่ยวกับผมหรอก
“ฉันตกใจมากตอนที่พี่ฉลามผลักแกล้ม แต่ตอนนั้นสีหน้าพี่เขาก็ไม่ดีเลยนะเว้ย หน้าเสียเลย เหมือนตกใจ”
“เราก็ไม่รู้อะบุ้ง เราไม่ได้ตั้งใจจะจับเป้าพี่เขา ไม่ได้โรคจิตขนาดนั้น เราผิดเหรอวะที่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราเป็นอะไร เราแค่ไม่อยากให้แม่เสียใจ” ผมน้ำตาซึมเมื่อพูดถึงแม่ คนอื่นคงไม่รู้ว่าครอบครัวผมเราผ่านอะไรมา เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับผม ผมไม่อยากให้แม่สะเทือนใจกับเรื่องของผมอีก ผมคือความหวังของแม่ ผมรู้ดี
“ใจเย็นๆ เราว่าอาจจะมีอะไรเข้าใจกันผิด เออ แก เมื่อกี้มีผู้ชายมาถามหาแกที่หน้าห้องด้วย แต่ฉันดูแล้วว่าไม่น่าไว้ใจ เลยบอกว่าแกอยู่ที่งานเลี้ยง” บุ้งบอกผม ผมคิดว่าคงเป็นพี่รัน ผมเลยเล่าเรื่องพี่รันให้มันฟัง บุ้งมันทุบหมอน สีหน้าหงุดหงิด
“แม่ง ถ้ารู้ก่อนว่ามันเป็นใครจะเตะเป้ามันให้สูญพันธ์เลย แกอย่าอยู่คนเดียวเลย ถึงจะไม่มีอะไรก็เหอะ ไปที่งานกัน อาหารทะเลเพียบเลย รุ่นพี่ที่จบไปแล้วทยอยมากันมาค้างตั้งแต่วันนี้ อย่าพลาดโอกาสดีๆเลย”
“อืม ไปก็ได้ ขอเปลี่ยนชุดแบบหนึ่ง” ผมบอกก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ผมใส่แค่เสื้อยืดสีขาวตัวบางๆกับกางเกงยีน เราสองคนเดินไปถึงโรงแรม พอผมเดินเข้ามาในห้องอาหารเสื้อก็ตะโกนเรียกผม ผมเห็นว่าพี่ฉลามเงยหน้าขึ้นมามองผม แต่ผมรีบมองที่เพื่อน ในเมื่อเขารับไม่ได้ที่ผมเป็นแบบนี้ ผมก็ควรรักษาระยะห่างเอาไว้ ไม่อยากให้ใครลำบากใจ
ผมเข้าไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนปีหนึ่งด้วยกัน มีรุ่นพี่เข้ามาทักทายและนั่งคุยด้วย ทีแรกผมก็เกร็งๆ แต่สักพักก็หาย รุ่นพี่ทุกคนใจดี เป็นกันเอง ทำให้พวกเราสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว แถมผมยังได้โอกาสเข้าไปฝึกงานในบริษัทโฆษณาของรุ่นพี่คนหนึ่งด้วย ไปฝึกแบบไม่ได้รับค่าจ้าง เพราะเราเข้าไปแค่ช่วงเวลาที่ว่าง เหมือนการได้ซ้อมทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ผมชอบนะ อยากไปทำเร็วๆ เวลาได้นั่งคุยกับเรื่องที่เราสนใจ เวลาก็เหมือนจะผ่านไปเร็ว ตอนนี้ก็ตีสามกว่า พี่อ้วนมาบอกว่าให้รุ่นน้องปีหนึ่งไปพักผ่อนได้แล้ว พวกผมเลยไหว้ลารุ่นพี่ก่อนจะพากันเดินกลับไปที่รีสอร์ท เก้งชวนให้พวกผมไปนั่งเล่นที่ริมทะเล เพราะถึงยังไงพรุ่งนี้ก็ตื่นสายได้ พวกเราเลยตกลงแล้วไปนั่งเล่นที่ริมทะเลกัน
“มึง กูดีใจนะที่ได้มาเจอกับพวกมึง” เล็กพูดขึ้นมาก่อนจะหงายหลังลงไปนอนกับพื้นทรายเลย
“ทะเลพาซึ้งซะงั้น” เสือบอกก่อนจะขำ แล้วมันก็ทิ้งตัวลงไปนอนบ้าง
“แต่เราก็รู้สึกเหมือนเล็กนะ ดีใจที่มาทำความรู้จักกับพวกแกก่อน รู้สึกว่าสบายใจเวลาคุย เราจะเป็นเพื่อนตายกันนะ” เก้งพูดจบก็ทิ้งตัวลงไปนอนตามสองคนแรก
“กูเป็นเกย์นะ พวกมึงรับได้ใช่ไหม” บุ้งพูดขึ้นมา ผมหันไปมองหน้าบุ้ง ยิ้มให้มัน
“ก็รู้ตั้งแต่เห็นติ่งหูมึงแล้วบุ้ง” เสือบอก เก้งกับเล็กก็ส่งเสียงเห็นด้วย
“ดี งั้นก็เป็นเพื่อนตายกันได้” บุ้งบอกจบแล้วก็ทิ้งตัวลงไปนอนอีกคน ส่วนผมนั่งกอดเข่าตัวเองเหม่อมองไปที่ทะเลเบื้องหน้า ผมไม่กล้าพูดแบบบุ้งหรอก ถึงจะสนิทใจและรักพวกมันเหมือนกัน แต่ผมก็เลือกที่จะเก็บมันเอาไว้
“มึงไม่มีอะไรจะพูดเหรอกลอน” เล็กถาม
“มี” ผมบอก บุ้งหันมามองผม
“อะไรวะ ลุ้นนะมึง” เสือถาม
“จะบอกว่า ขอไม่นอนลงไปแบบพวกแกนะ ไม่อยากเปื้อน” ผมบอกจบพวกมันก็โห่ใส่ แล้วมันสี่คนก็มองหน้ากัน ผมเห็นท่าไม่ดีแต่ก็ไม่ทันแล้ว พวกมันลุกขึ้นโถมตัวใส่ผมจนผมล้มลงไปนอนกับพื้น เราแกล้งกันจนเนื้อตัวเต็มไปด้วยเม็ดทราย หัวเราะกันลั่นทะเล
..นี่ก็เป็นอีกความทรงจำหนึ่งที่ผมจำได้แม่น มิตรภาพของเพื่อนได้ก่อตัวขึ้น โดยมีท้องทะเล เม็ดทราย ดวงดาว สายลมและพระจันทร์เป็นพยานให้กับเรา มิตรภาพที่ยังคงแนบแน่นมาจนถึงทุกวันนี้..
...
แม้ว่าเมื่อคืนผมจะนอนดึกมาก แต่ด้วยความเคยชินของร่างกาย ผมก็ตื่นตอนตีห้าครึ่งตามเคย ผมเลยออกไปเดินเล่นอีก ภาวนาว่าคงไม่ต้องมาเจอพี่รันอีกนะ เพราะผมอยากเห็นพระอาทิตย์ขึ้นโดยไม่มีอะไรมาทำให้เสียอารมณ์ คำภาวนาเป็นผล เพราะผมไม่เจอพี่รัน ผมเดินเล่นมาเรื่อยๆจนฟ้าเริ่มสว่าง ตอนที่เดินกลับก็เห็นคุณป้าคนหนึ่งหอบอะไรมาตั้งขายอยู่ไกลๆ กำลังจะเดินไปดูแต่ช้ากว่าใครบางคน ผมเห็นไกลๆก็จำได้ว่าเป็นพี่ฉลาม พี่เขาใส่เสื้อกล้ามสีเขียวขี้ม้ากับกางเกงเล นั่งยองๆอยู่ตรงหน้าคุณป้าคนนั้น ผมเลยเดินเลี่ยงมาอีกทาง ไปนั่งเล่นเตียงผ้าใบของรีสอร์ท ตอนที่เดินเล่นก็สวยกับรุ่นพี่ที่จบไปแล้วบางคนออกมาวิ่ง ผมก็ยกมือไหว้ทักทาย พี่เขาก็พยักหน้าให้ บางก็ทักว่าผมตื่นเช้าดีจัง
“หนู ช่วยป้าซื้อของหน่อยสิจ๊ะ” ผมหันมามองคุณป้าที่หาบกระจาดของมานั่งยองๆข้างๆผม ผมมองไปที่กระจาด พบว่ามันเป็นโมบายที่ทำจากหอย ใส่ถุงเอาไว้ แต่ก็มีห้อยโชว์ให้ดูที่ด้ามไม้หาบ
“อันเท่าไหร่ครับป้า” ผมถาม นึกสงสารแก ผมจะเป็นคนที่เซนซิทีฟเรื่องคนชรา เห็นแล้วจะใจอ่อนตลอด
“อันละห้าสิบบาทเอง หลานป้ามันพิการ มันร้อยเองเลยนะ มีหลายแบบ ลองเลือกดูนะ”
“เอาอันนี้ก็ได้ครับ” ผมชี้ไป ป้ารีบหยิบถุงโมบายอันเล็กๆให้แล้วรีบของคุณผม ผมอยากซื้อมากกว่านี้นะ แต่หยิบเงินติดมาแค่หกสิบบาทเอง
ผมรู้สึกแสบๆท้อง เมื่อคืนไปนั่งที่งานเลี้ยงแต่ก็ไม่ค่อยได้กินอะไรเท่าไหร่ ผมเลยเดินกลับเข้าไปข้างในรีสอร์ท แต่จะแวะไปกินโอวันตินกับอาหารเช้าที่ห้องอาหารก่อน คิดว่ารอพวกเพื่อนๆผมตื่น ผมอาจจะปวดท้องเสียก่อน แต่พอเดินเข้าไปก็เห็นว่าพี่ฉลามนั่งอยู่กับพี่แพร พี่แพรหน้าตาน่ารัก เหมือนเน็ตไอดอลเกาหลีที่เราเห็นๆกันในตอนนี้ ปากนิด จมูกหน่อยแต่ขาวมาก เรียนรุ่นเดียวกับพี่ฉลาม ในมือพี่แพรถือโมบาย กำลังคุยหัวเราะกับพี่ฉลาม เขาสองคนก็เหมาะสมกันดี ดีเหมือนกันที่พี่ฉลามโกรธผมแบบนี้ เพราะถ้าเรายังคุยกัน แล้วผมต้องฟังเรื่องของพี่แพรระหว่างทางกลับบ้านกับพี่ฉลาม ผมอาจจะเจ็บก็ได้ การแอบรักคนอื่นมันจะเจ็บก็ตอนที่เจ็บแต่แสดงออกไม่ได้นี่แหละครับ ผมตักอาหารมานั่งทานอยู่อีกมุมหนึ่งคนเดียว สักพักหนึ่งก็เห็นว่าพี่ฉลามเดินออกไปจากก้องอาหารพร้อมกับพี่แพร ผมได้แต่ถอนหายใจ สักพักหนึ่งพี่แหบก็เดินมานั่งด้วย ในมือถือกาแฟมาแก้วเดียว
“ตื่นแต่เช้าเชียวนะ”
“พี่ก็เหมือนกัน” ผมพูดตอบไป
“พี่ยังไม่ได้นอนเลย เดี๋ยวจะไปงีบสักแป๊ป เห็นเรานั่งกินข้าวเลยมาทักหน่อย”
“อ๋อ ครับ”
“เมื่อวานนี้เจ็บรึเปล่า” พี่แหบถามผม
“จำไม่ได้แล้วครับ มันผ่านมาแล้ว” ผมตอบ
“อย่าไปโกรธไอ้หลามมันนะ พวกพี่ผิดเองแหละ”
“ไม่ได้โกรธครับ พี่เขาคงตกใจ” ผมบอก
“จริงๆมันมีสาเหตุอื่นน่ะ แบบ พี่ขอโทษจริงๆนะกลอน” พี่แหบยกมือไหว้ผมจนผมตกใจยกมือไหว้กลับ แต่ก็งงว่าพี่เขาพูดถึงอะไร
“คืนนั้นที่กลอนมานอนหลับที่ห้อง พี่กับไอ้เมตรกลับมาตอนเกือบเช้า เมาได้ที่เลย คะนองไปหน่อยเลยแกล้งแรงไปหน่อย”
“แกล้งอะไรเหรอครับ” ผมถาม
“ไอ้เมตรมันเห็นไอ้หลามมันนอนหงายเป้าตุงอยู่ เลยเอามือน้องกลอนไปวางที่เป้ามันแล้วถ่ายรูปเอาไว้ พอเช้าก็แกล้งมัน บอกมันว่าโดนน้องกลอนจับเอาไว้ทั้งคืน ไม่คิดว่ามันจะโกรธขนาดนั้น ปกติพี่ก็เล่นกันแบบนี้บ่อยๆ เมื่อคืนพอไปสารภาพมัน เกือบโดนมันต่อย ไอ้เมตรโดนไปแล้ว กลอนอย่าโกรธพวกพี่นะ” ผมอึ้งไปกับคำสารภาพของพี่แหบ ถ้าจะโกรธก็ต้องโกรธตัวเองด้วย ทำไมผมถึงหลับสนิทจนไม่รู้เรื่องขนาดนั้น อาจจะเป็นยาที่คุณหมอให้มารึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ
“พี่ยอมให้ต่อยก็ได้ อย่าโกรธพวกพี่นะ พี่ก็รู้หละว่ากลอนไม่ได้เป็นเกย์ แต่เห็นกลอนเรียบร้อย เลยอำไอ้หลามมัน ไม่คิดว่ามันจะเชื่อขนาดนั้น มันนึกว่าน้องกลอนจะลักหลับมัน” ผมถอนหายใจ ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกแย่ จะยังไงก็คือ พี่ฉลามเกลียดเกย์ จะโดนแกล้งหรือไม่แกล้งมันก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมต้องรักษาระยะห่างของตัวเองกับพี่ฉลามอยู่ดี
“ช่างมันเถอะครับ กลอนเข้าใจ เล่นกันขำๆ แต่ก็อย่าเล่นแบบนี้อีกนะครับ” ผมบอก พี่แหบยิ้มแล้วรีบขอบคุณผมใหญ่ แล้วพี่แหบก็ขอตัวไปนอน ส่วนผมยังนั่งอึ้งอยู่คนเดียว
...
..
ผมยังไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้บุ้งฟัง เพราะพอกลับเข้าไปพวกมันก็ตื่นกันหมดแล้ว จากนั้นก็เดินไปที่โรงแรม เตรียมเข้าไปทำกิจกรรมพบรุ่นพี่ต่อจนถึงเย็น ได้ความรู้มากมาย ฟังเพลินเลย บางคนทำงานในวงการบันเทิง ก็วีดีโอเอาเบื้องหลังมาเปิดให้ดู บางคนผมก็เพิ่งรู้ว่าเขาเรียนที่สถาบันนี้ด้วย ส่วนใหญ่ทำงานเบื้องหลังทั้งนั้น ผมพยายามจดข้อมูลสำคัญๆเอาไว้ บางอย่างเป็นบทเรียนที่ดี แล้วหมดเวลาไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงงานบายศรี เราทุกคนใส่เสื้อคณะมา ออกแบบสวยดี ผมชอบมาก มารู้จากบุ้งว่าพี่แพรเป็นคนออกแบบ บุ้งเมาท์ให้ฟังว่าพี่แพรน่าจะกำลังคบกับพี่ฉลาม เห็นรุ่นพี่เขาแซวกัน ผมก็ได้แต่รับรู้แล้วทำเฉยๆ
พวกเรานั่งฟังรุ่นพี่ออกมาพูดความในใจทีละคน พี่อ้วนพูดซึ้งจนผมน้ำตาซึม ผมเพิ่งเข้าใจว่าสายใยระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องมันดีแบบนี้ ยิ่งตอนที่พี่เขาเปิดวีดีโอพวกผมที่โดนรับน้องตั้งแต่วันแรกจนถึงเมื่อวานให้ดู ปีหนึ่งร้องไห้กันแทบทุกคนรวมถึงผมด้วย แต่ภาพในวีดีโอมีผมเยอะมาก ตั้งแต่วันแรกที่ผมเถียงพวกพี่เขา ผมเพิ่งเห็นว่าหน้าผมเอาเรื่องน่าดู มีรูปตอนที่พี่อ้วนไหว้ผมด้วย ผมขำทั้งน้ำตาเลย ดูวีดีโอเสร็จก็ถึงตอนที่รุ่นพี่ร้องเพลงให้พวกเรา น้ำตาก็ไหลเป็นก๊อก มันซาบซึ้งมากครับ จากนั้นก็เป็นการผูกข้อมืออวยพร รุ่นพี่นั่งที่เก้าอี้ ส่วนพวกผมนั่งที่พื้นแล้วขยับไปเลื่อนไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ข้อมือของผมเต็มไปด้วยด้ายสีขาว ผมเลื่อนมาถึงพี่ฉลาม ผมก้มหน้า คิดว่าถ้าพี่เขาไม่ยอมผูกให้ผม ผมจะทำยังไงดี แต่ความกังวลของผมก็หมดไป เพราะพี่เขายอมผูกข้อมือให้ผม แต่ไม่พูดอวยพรอะไรเลย ผูกเสร็จผมก็ยกมือไหว้ ไม่ได้พูดอะไรกลับไปเช่นกัน ก็สงสัยเหมือนกัน ในเมื่อพี่เขารู้ความจริงแล้วว่าผมถูกแกล้ง ทำไมถึงยังทำเฉยใส่ผม
เราวนผูกกันจนครบแล้ว ประธานรุ่นก็คือพี่นพ ก็เปิดงานปาร์ตี้ ผมพวกต้องเตรียมตัวขึ้นไปแสดงตามโจทย์ที่ได้รับในวันแรก กลุ่มผมได้เล่นเป็นกลุ่มสุดท้าย ซึ่งผมชักอยากจะเปลี่ยนการแสดงที่ตกลงกันเอาไว้กับเพื่อนเสียแล้ว แต่คงไม่ได้ เพราะซ้อมกันมาแล้ว เลยได้แต่นั่งดูเพื่อนคนอื่นแล้วก็ทำใจไปด้วย ส่วนใหญ่ก็ร้องเพลง แสดงละครสั้นๆ มายากลบ้าง ในที่สุดก็ถึงกลุ่มผม ผมสูดอากาศเข้าปอด แล้วเดินขึ้นไปบนเวที
เสียงหัวเราะเฮลั่นห้องจัดเลี้ยง ผมมองลงไปข้างล่าง ทุกคนหัวเราะกันจนตัวงอหลังระหว่างที่ดูกลุ่มผมแสดง พวกผมแสดงอะไรนะเหรอครับ ก็ล้อเลียนรุ่นพี่นี่แหละครับ ซึ่งผมยอมรับเลยว่าไอ้สี่คนเพื่อนผมมันเนียนมาก แสดงเหมือนมากๆ สลับสับเปลี่ยนกันเป็นคนโน้นคนนี้ ยิงมุกสดๆกันตลอดไม่เหมือนที่ซ้อม ผมแอบยังหลุดขำ ส่วนผมนี่สิ ได้รับมอบหมายให้แสดงเป็นพี่ฉลาม นี่และที่ผมอยากจะเปลี่ยนในตอนแรก แต่ก็ต้องกัดฟันแสดง ซึ่งผมก็พยายามนึกท่าทางของพี่เขา ซึ่งไม่รู้หรอกว่าแสดงเป็นยังไง แต่คนก็ขำกันลั่น ผมไม่กล้ามองไปที่พี่เขาหรอก ยิ่งตอนที่ไอ้บุ้งมันต้องมาแสดงเป็นผมตอนที่ถูกพี่ฉลามดุ มันเลียนแบบผมทำหน้าเชิดๆเสียเหมือนจนผมหลุดขำ พวกผมแสดงเสร็จก็ได้ยินเสียงปรบมือดัง พอลงมาข้างล่างก็รู้สึกโล่งใจที่มันผ่านไปได้ด้วยดี แล้วงานกินก็เริ่มขึ้น งานเต้นก็มาด้วย พวกผมสนุกกันสุดเหวี่ยง ผมเองก็แอบกินไวน์แบบขวดเล็กๆไปหนึ่งขวด แต่แค่นี้ก็ร้อนวูบวาบ เหมือนเลือดสูบฉีดไปทั้งตัวแล้วครับ
ผมออกไปเต้นจนเหงื่อออกเต็มตัว อันที่จริงก็เต้นไม่เป็นหรอกครับ อาศัยโดดๆเอาสนุก หัวเราะเหมือนคนบ้า ไอ้บุ้งมันบอกว่าผมเมาน้ำจิ้มซีฟู๊ดมากกว่าไวน์ เพราะกินไปขวดแต่เมาเป็นลัง ผมขำที่มันเปรียบเทียบ พอรู้สึกร้อนเลยบอกมันว่าจะกลับ ไม่ชอบให้ตัวเหนียว ผมเดินกลับไปที่รีสอร์ทคนเดียว มาถึงหน้าห้องก็เจอพี่รันยืนอยู่ ผมตกใจเหมือนกัน
“พรุ่งนี้พี่จะกลับแล้ว อยากขอคุยกับกลอนได้ไหม”
“ผมว่าผมพูดสิ่งที่ผมต้องการไปหมดแล้วนะครับ” ผมบอก
“ครั้งสุดท้าย นะ แล้วพี่จะไม่มากวนกลอนอีก” พี่รันทำหน้าอ้อนวอน
“อย่าดีกว่าครับ” ผมบอกตรงๆว่าไม่อยากไปคุยอะไรกับพี่เขาอีก พี่รันเดินตรงมาผาผมแล้วกอดผม ผมรีบดันตัวพี่เขาออก
“กลอน ไอ้นั่นมันไม่ใช่เกย์ มันบอกพี่แล้ว มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลอนเป็นเกย์ มันรังเกียจกลอนนะ พี่ดูก็รู้ กลอนอยากหลอกพี่เลยว่าคบกันมัน” พี่รันพูดจบ ผมก็รู้สึกเหมือนก้อนหินก้อนใหญ่หล่นใส่หัว สติโดนน็อคจนไปต่อไม่ถูก เพราะสาเหตุนี้นะเอง ที่ทำให้พี่ฉลามโกรธผม เพราะผมอ้างว่าเขาเป็นคนรักของผม
“กลอน เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ” พี่รันเข้ามากอดผมอีก คราวนี้ผมผลักพี่รันออกอย่างแรงจนตัวพี่รันเซไปชนกับกำแพงห้อง
“พี่จะทำร้ายกลอนไปอีกเท่าไหร่ พี่อยากให้กลอนฆ่าตัวตายแบบแม่ใช่ไหม อยากให้กลอนดูไร้ค่า อยากให้กลอนหมดศรัทธากับตัวเอง พี่ต้องการแบบนั้นใช่ไหม” ผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย รู้สึกเสียใจที่พี่รันเอาเรื่องของไปพูดกับพี่ฉลาม ถ้าพี่รันไม่หยุด สักวันอาจจะเอาเรื่องนี้ไปพูดกับแม่ของผม ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เขาถึงจะยอมไปจากชีวิตของผม ผมรู้สึกเสียใจเพราะครั้งหนึ่งผมเคยรักคนๆนี้ ทุ่มเทให้เขา แต่เขาเลือกที่จะไปจากผมเอง
“กลอน พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้อยากทำร้ายกลอน” พี่รันหน้าเสียเมื่อเห็นผมร้องไห้
“ไปจากชีวิตกลอนเถอะนะ กลอนขอร้อง พี่กำลังมีลูกนะ พี่ไม่สงสารเขาเหรอ อย่าทิ้งเขาเหมือนที่พ่อทิ้งกลอนเลย อย่าทำแบบนั้นกับเด็กที่ไม่รู้เรื่อง” ผมยกมือไหว้พี่รัน พี่เขาอึ้งไป สุดท้ายพี่รันก็ร้องไห้ออกมาด้วย
“โอเค พี่จะไม่มายุ่งกับกลอนอีก พี่ขอโทษนะสำหรับทุกอย่าง” พี่รันบอกผม ผมไม่ได้ตอบ จนกระทั่งพี่เขาเดินไป ผมถึงได้ไขกุญแจแล้วเดินเข้าห้องไปร้องไห้ต่อ
.....
…
..
แล้วพี่รันก็ไปจากชีวิตของผมจริงๆอย่างที่ผมต้องการ ส่วนผมเองก็กลับมาตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่อย่างที่เคยทำมาตลอด ผมไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยกับพี่ฉลามอย่างที่เคย ตั้งแต่กลับมาจากรับน้องผมก็ไม่ได้เจอพี่เขาเลย เป็นผมเองที่เป็นฝ่ายหลบหน้าพี่เขา ไม่ไปกินข้าวที่โรงอาหารของคณะ เลิกเรียนก็ไปฝีกงานกับพี่เหิร รุ่นพี่ที่ผมขอไปฝึกงานด้วย ผมไปช่วยเขาหลังเรียน วันไหนไม่มีเรียนหรือมีงานที่ผมต้องรีบทำส่งอาจารย์ ผมก็จะไป จนวันหนึ่งฝนตกหนักมาก ผมต้องหลบฝนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ปากซอย ไม่อยากเดินฝ่าเข้าไป กลัวจะเป็นหวัด ผมยิ่งเป็นภูมิแพ้อยู่ด้วย จนเห็นรถของพี่ฉลามขับผ่าน ผมก็ได้แต่มอง แล้วรถเบนท์ที่ขับเลยผมไปแล้วก็ถอยหลังกลับมา ผมยืนมอง ไม่ได้เดินเข้าไป พี่เขาไม่ได้เปิดกระจกเพราะฝนมันตกอยู่ ไม่อยากหน้าแตก จนได้ยินเสียงบีบแตรดังลั่นหลายที ผมถึงรีบวิ่งฝ่าฝนออกไปเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่ง พี่ฉลามออกรถไปเลยโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกับผม พี่เขาไม่ได้จอดส่งผมที่คอนโด แต่ขับรถเข้าไปในบ้าน ผมก็เข้าใจ ฝนมันอาจจะสาดเข้าไปในรถได้ เดี๋ยวไปลงในโรงจอดรถบ้านพี่เขาแล้วค่อยเดินออกมาก็ได้
“ช่วยถือโครงงานให้หน่อย” พี่ฉลามบอกผมเมื่อพี่เขาขับมาจอดในโรงรถแล้ว ดีที่วันนี้พี่เขาไม่ลืมเอารีโมทรั้วมา ไม่เช่นนั้นคงเป็นผมที่ต้องตากฝนไปกดกริ่งให้ ผมรีบสะพายกระเป๋าของตัวเองแล้วเข้าไปช่วยพี่ฉลามถือลังกระดาษ พี่ฉลามเดินนำผมเข้าไปในบ้าน ผมเกร็งนิดหน่อย เพราะเราไม่ได้พูดกันมาเกือบสองอาทิตย์ อีกอย่างคือผมเพิ่งได้เข้ามาในบ้านพี่เขาเป็นครั้งแรก ข้างในตกแต่งสวยมากๆ
“เอาไว้ไหนครับ”
“ตามมาข้างบนนี่” พี่ฉลามบอก ผมเลยเดินตามพี่เขาขึ้นไป พอถึงห้องพี่เขาผมก็วางลังกระดาษลง
“ขอบคุณนะครับที่ให้ติดรถมาด้วย ผมกลับก่อนนะครับ” ผมบอก
“รอให้ฝนหยุดตกก่อน” พี่ฉลามบอก ผมกำลังจะปฏิเสธ แต่พอเห็นสายตาดุๆเลยเลือกที่จะเงียบ
“ไปอาบน้ำก่อน นี่ชุด แล้วค่อยเอามาคืน” พี่ฉลามบอกพร้อมกับส่งเสื้อผ้าให้ผม ผมเปียกนิดหน่อย แต่ก็เปียกเพราะป้ายรถเมล์มันหน้าปากซอยมันเล็ก แล้วฝนตกหนัก เลยหลบไม่พ้นเท่าไหร่
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าผมกลับเลยดีกว่า”
“พูดไม่รู้เรื่องรึไง”
“ก็ผม..”
“กลอน ไปอาบน้ำ” พี่ฉลามทำเสียงดุกว่าเดิม ผมเลยรับชุดในมือของพี่ฉลาม วางกระเป๋าตัวเองลงแล้วเข้าไปอาบน้ำ ห้องน้ำที่โคตรจะใหญ่ มีอ่างอาบน้ำด้วย แต่ผมรีบไปอาบที่ตู้กระจกที่เป็นส่วนที่เอาไว้อาบน้ำ แชมพูของพี่ฉลามมีแต่ภาษาอังกฤษ หอมมากด้วย ได้ใช้ของแพงกับเขาแล้วนะไอ้กลอน ผมบอกกับตัวเองอย่างขำๆ
“ไดร์เป่าผมอยู่ที่หน้าตู้กระจก” ผมเดินออกมาพี่ฉลามก็ชี้บอก ผมเลยเดินไปนั่งที่หน้าตู้กระจกแล้วเป่าผมจนแห้ง ส่วนพี่ฉลามนั่งต่อโครงงานอะไรอยู่ที่โซฟา ฝนยังไม่หยุดตกเลย ฟ้าร้องดังมากด้วย ผมรีบโทรบอกไอ้เด่นว่าติดฝนอยู่ ซึ่งมันก็ยังติดฝนเหมือนกัน
“พี่หายโกรธกลอนแล้วเหรอ” วางสายจากเด่นแล้วผมก็ทำใจกล้าเดินเข้าไปถามเจ้าของบ้าน
“ถามตัวเองเหอะ” พี่ฉลามย้อนถามผม ผมทำหน้างง
“นั่งเฉยๆทำไม ทากาวให้หน่อย” พี่ฉลามบอกแล้วเลื่อนกระดาษสีเงินแผ่นเล็กๆให้ผมช่วยทากาว
“ถามตัวเองคืออะไรเหรอครับ”
“ใครหลบหน้าพี่” พี่ฉลามย้อนถาม ผมก็เลยอึ้งไป
“ก็เผื่อพี่ไม่อยากเห็นหน้ากลอน”
“ก็ไม่อยากเห็น” พี่ฉลามพูดจบผมก็เจ็บแปลบเลย เลยนั่งทากาวเงียบๆ
“แต่พอไม่เห็นก็แปลกๆ” พี่ฉลามพูดต่อ ผมแอบเหลือบมองพี่เขา ใจเต้นขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล
“ขอโทษที่ผลักนะ พี่ตกใจ” พี่ฉลามพูดต่อ ผมพยักหน้าให้แต่ก็ยังก้มหน้าทากาวต่อ
“แล้วก็..ขอโทษแทนเพื่อนที่ไปแกล้ง” ผมพยักหน้าอีก
“แล้ว..ทำไมไปบอกไอ้นั่นว่าพี่เป็นแฟน” ผมกำลังจะพยักหน้านึกว่าพี่เขาจะขอโทษอะไรอีก พอได้ยินคำถามก็จ๋อยเลย
“กลอนขอโทษ กลอนแค่ไม่อยากให้เขามายุ่ง”
“แล้วทำไมไม่บอกความจริงว่าเป็น..” พี่ฉลามไม่ยอมพูดออกมา
“เป็นพี่พี่จะพูดเหรอ” ผมย้อนถาม พี่เขานิ่งก่อนจะส่ายหน้า
“แต่เราสนิทกัน” พี่เขาบอก
“ยิ่งสนิทกลอนยิ่งไม่อยากบอก พี่ไม่ชอบเกย์ ถ้ากลอนบอก พี่อาจจะระแวงจนเราไม่สนิทกัน”
“ใครบอกว่าไม่ชอบเกย์ เคยพูดเหรอ” พี่ฉลามถามเสียงห้วนๆ ผมเงยหน้ามองพี่เขา พี่เขารีบหลบตาผม
“ก็แบบ ไม่ได้รังเกียจ คบได้ เป็นพี่น้องกัน มีอะไรต้องพูดความจริง ที่โกรธ เพราะนึกว่าเราไปยุ่งกับผู้ชายที่เมียกำลังท้อง” พี่ฉลามรีบพูดต่อ คงกลัวผมจะเข้าใจผิดว่าพี่เขามีใจ ผมยิ้มให้พี่เขา ก็ยังดี ได้กลับมาเป็นน้องของพี่ฉลามก็ยังดี
“ครับ ต่อไปกลอนจะไม่โกหกอีก” ผมบอก เป็นครั้งแรกในรอบสองอาทิตย์ที่ผมได้เห็นรอยยิ้มของพี่ฉลาม
“แล้วทำไมถึงได้เป็น รู้เมื่อไหร่ว่าเป็น มีแฟนมากี่คนแล้ว แล้วแบบ..เคย แบบ” พี่ฉลามถามผมรัวเลย ผมนิ่งอึ้งไป สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วเล่าให้พี่ฉลามฟัง ผมเล่าทุกเรื่องอย่างไม่ปิดบัง เพราะอะไรไม่รู้ ผมรู้สึกว่าผมไว้ใจผู้ชายคนนี้ พี่เขานั่งฟังผมเงียบๆ มือก็ทำงานไปด้วย ผมเล่าจบพี่เขาก็ถอนหายใจ
“พี่ขอโทษนะ” เขาพูดขึ้นมา
“สำหรับอะไรครับ”
“ทุกเรื่อง” พี่ฉลามบอกผม ผมเดาความคิดพี่เขาไม่ออก ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร อาจจะกำลังสงสารผมอยู่
“กลอนก็ขอโทษเหมือนกัน ทุกเรื่อง” ผมบอก พี่เขายิ้มแล้วยีหัวผมเล่น ผมบอกตรงๆว่ารู้สึกดีมากๆ พี่ฉลามเป็นแบบนี้ ถ้าได้คิด ได้เข้าใจแล้วพี่เขาก็จะยอมรับในสิ่งที่เขาผิด
“ไปกินข้าวกัน ท่าทางจะไม่หยุดตกง่ายๆ” พี่ฉลามชวนผมลงไปกินข้าว ลงไปก็เจอพ่อกับแม่ของพี่ฉลามที่เพิ่งกลับมา ผมยกมือไหว้ ท่านดูใจดี ชวนผมคุย แล้วสักพักพี่คนนั้น คนหล่อๆที่ผมเคยเจอตอนที่มารอพี่ฉลามไปมหาลัยครั้งแรกก็เดินเข้ามา ผมก็ได้รับการแนะนำ เลยรู้ว่าพี่เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่ฉลาม แต่อายุมากกว่า เขาชื่อพี่นุ๊ก วันนี้พี่นุ๊กมาทานข้าวที่บ้านพี่ฉลามด้วย
ผมฟังครอบครัวพี่ฉลามคุยกันแล้วก็พอเข้าใจว่าพี่ฉลามเหมือนใคร พ่อพี่ฉลามมีบริษัทเรือเดินสินค้า ส่วนแม่ทำงานธนาคาร ตำแหน่งใหญ่ แต่ทั้งคู่คุยแบบฮาร์ดคอร์กันมาก ยิ่งเรื่องการเมือง เถียงกันออกรส แต่สุดท้ายก็รับฟังความคิดกัน ส่วนพี่นุ๊กได้แต่ยิ้มๆเหมือนกับผม ไม่กล้าไปคุยด้วย พี่นุ๊กทำเกี่ยวกับพวกอสังหาริมทรัพย์ คอนโดที่ผมอยู่ก็เป็นของพี่นุ๊ก บ้านนี้เขารวยกันจริงๆ
ทานข้าวเสร็จ พ่อพี่ฉลามก็ชวนผมเล่นหมากรุก ผมไม่อยากอวดว่าผมเก่งมากๆ ผมเล่นกับพ่อบ่อยๆ เล่นจนเอาชนะพ่อได้ ทีแรกพ่อพี่ฉลามก็ถามว่าผมเล่นเป็นไหม ผมตอบว่าเป็นก็เลยโดนชวนเล่น ส่วนพี่ฉลามก็เดินมานั่งดูทีวีที่โซฟาข้างๆ พี่นุ๊กก็อ่านหนังสือพิมพ์ข้างพี่ฉลามอีกที แล้วทั้งคู่ก็เลิกสนใจทีวีและหนังสือพิมพ์มาลุ้นเกมหมากรุกระหว่าผมกับพ่อพี่ฉลาม ผลสรุปคือผมชนะ พ่อพี่ฉลามชอบใจใหญ่ ยิ่งรู้ว่าผมอาศัยอยู่คอนโดตรงกันข้าม ยิ่งสั่งให้ผมมาเล่นด้วยบ่อยๆ
“ขอบคุณมากสำหรับอาหารเย็นแสนอร่อย ครอบครัวพี่น่ารักดีนะครับ ผมกลับก่อนนะ” ผมบอกพี่ฉลาม ตอนนี้ฝนหยุดแล้ว พี่ฉลามเดินออกมาส่งผมที่หน้ารั้ว
“มากินทุกเย็นสิ จะได้ประหยัด” พี่ฉลามบอก
“ผมไปฝึกงานที่บริษัทพี่เหิรกว่าจะกลับคงสองทุ่ม” ผมบอก พี่ฉลามพยักหน้ารับรู้
“พรุ่งนี้ไปด้วยกัน” พี่ฉลามพูดต่อ
“ครับ ขอบคุณนะครับ” ผมบอกแล้วยิ้มให้พี่ฉลาม พอผมจะกลับพี่เขาก็เรียกผมเอาไว้
“รอแป๊ปนึง อย่าเพิ่งไป” พี่ฉลามพูดจบก็วิ่งกลับเข้าไปในบ้าน ผมรอสักพักพี่เขาก็วิ่งกลับมาแล้วส่งถุงให้ผม ผมรับมาแบบงงๆ
“กลับไปได้แล้ว เร็ว ค่อยไปดูที่ห้อง” พี่ฉลามบอก ผมเลยยิ้มให้พี่เขาอีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปที่คอนโด
ผมกลับถึงห้องก็รีบแกะถุงออกดู แล้วผมก็ต้องอึ้งไป เพราะมันคือโมบายหอยแบบเดียวกับที่ผมซื้อมา ตรงกลางโมบายหอยมีเรซิ่นใสๆรูปปลาฉลามสีฟ้าห้อยอยู่ด้วย ความรู้สึกดีๆมันถาโถมเข้ามาสู่หัวใจผมมากมาย ผมนึกว่าพี่เขาซื้อให้พี่แพร ไม่รู้ว่ามันมีความหมายอะไรไหมสำหรับของขวัญชิ้นนี้ แต่แค่พี่เขาซื้อให้ผม ผมก็ดีใจจนไม่ไม่รู้จะบรรยายยังไง
ผมรีบเดินออกไปที่ระเบียงห้อง ซึ่งมันมองเห็นบ้านพี่ฉลามชัดเจน ผมเอาโมบายผูกไว้ที่ขื่อระเบียง แล้ววิ่งเข้าไปหยิบมือถือมาถ่ายรูปโมบาย แล้วก็กดส่งไปให้พี่ฉลามดู พักเดียวพี่ฉลามก็ส่งรูปกลับมา เป็นรูปของผมยืนห้อยโมบายอยู่ที่ระเบียงแบบไกลๆ ผมรีบมองไปที่บ้านของพี่ฉลาม เห็นพี่เขายืนอยู่ที่หน้าต่างห้อง ซึ่งตรงกับระเบียงห้องของผมพอดี เราเห็นกันแบบในระยะไกลเพราะห้องของผมอยู่ตั้งชั้นหก ผมโบกมือให้พี่เขา พี่เขาก็โบกกลับ แล้วเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดัง ผมรีบกดรับ
“กลับเข้าไปได้แล้ว”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ กลอนชอบมาก”
“อืม เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“ครับ ฝันดีครับพี่ฉลาม”
“ฝันดีเจ้าหนูจำไม”
ผมวางสายแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง รู้สึกมีความสุขจัง ความสุขครั้งนี้มันแตกต่างจากตอนเต็งหนึ่งแล้วก็พี่รัน ผมอธิบายออกมาเป็นตัวหนังสือไม่ได้ว่ามันแตกต่างยังไง รู้แต่ว่ามันไม่เหมือน
..รักครั้งนี้ของผมอาจจะเป็นรักแค่ข้างเดียว แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมยังศรัทธาในความรัก หัวใจของผมไม่ได้ถูกปิดตาย ผมยังสามารถคิดถึงใครคนหนึ่งได้อย่างไม่มีเงื่อนไข แม้ผมยังคงกลัวที่จะเจอกับความผิดหวัง ผมยังจำได้ว่ามันเจ็บยังไง แต่ความกลัวนั้นมันน้อยกว่าการรู้สึกอยากจะรักใครสักคน แม้ว่ามันจะเป็นแค่ข้างเดียวก็ตาม...
*******โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ*******
โดนใบสั่งให้มาต่อเร็วๆ เพราะอยากอ่านนิยายที่คล้ายเรื่องของตัวคนสั่งเอง ฮ่าๆๆ จัดไปค่ะ