บีไม่ชอบค้างคาค่ะ จัดหนักไปเลยทีเดียว 55+
Tsundere Boy เมื่อหนุ่มซึนมาหลงรัก ตอนที่ 15
เวลาหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปราวกับติดปีก น้ำใช้เวลาไปกับการซ้อมดนตรีอย่างทุ่มเท ตื่นนอน ทานอาหารเช้า ไปซ้อมเปียโน ตอนเย็นเขื่อนก็มารับกลับ ทานอาหารเย็น แล้วก็หลับเป็นตาย เป็นแบบนี้ทุกๆวันจนน้ำไม่ได้สังเกตสิ่งรอบตัวเท่าไรนัก
“วันนี้ให้หยุดพักหนึ่งวัน” มิสเตอร์โรมานอฟฟ์ยืนจังก้าหน้าประตูห้องซ้อมและบอกกับน้ำห้วนๆ น้ำได้แต่ทำหน้างงว่านึกใจดีอะไรจึงยอมให้หยุดพัก
“โชคดี” เดวิดยักคิ้วและโบกมือบ๊ายบายน้ำจากในห้องซ้อม
“เอาวะ..พักก็พัก กลับบ้านไปหาเขื่อนก่อนดีกว่า” น้ำตัดสินใจเดินกลับแทนที่จะโทรให้เขื่อนมารับ เพราะอยากจะไปเซอร์ไพรส์ที่บ้าน
‘ต้องค่อยๆย่อง เดี๋ยวเขื่อนได้ยิน...’ น้ำเดินเขย่งเท้าให้เบาที่สุด ใจคิดว่าเขื่อนต้องอยู่ที่ห้องหนังสือแน่นอน แต่พอเดินไปถึงก็มีเสียงพูดคุยที่ทำให้น้ำต้องชะงัก
“จะมาที่นี่ทำไม เดี๋ยวผมไปหาเองก็ได้” เสียงเขื่อนนี่นา คุยกับใครนะ..
“ชั้นคิดถึงเธอนี่จ๊ะคีน อยากจะเจอเร็วๆ” ผู้หญิงนี่นา เสียงหวานเชียว
“ถ้าอาการทรุดหนักจะทำยังไง”
“ชั้นจะได้ตายในอ้อมกอดเธอไงล่ะที่รัก” น้ำชะโงกหน้าไปดูทีละน้อย ภาพหญิงสาวท่าทางบอบบางคนหนึ่งกำลังถูกเขื่อนประคองไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน ภาพตรงหน้ามันคืออะไร สารพันคำถามผุดขึ้นในหัวของน้ำราวกับดอกเห็ด
‘ใครกัน’
‘ทำไมต้องประคอง’
‘ทำไมดูเขื่อนอ่อนโยนกับเธอจัง’
‘ทำไมเราไม่เคยรู้จักคนนี้ ทำไมเขื่อนไม่เคยเล่าเรื่องคนนี้ให้ฟัง’
เหมือนฟ้าแกล้ง น้ำที่ยืนเอนตัวมากไปทำให้เริ่มมึนจนตั้งหลักไม่อยู่และเซออกมาจากขอบประตู ทำให้เขื่อนที่อยู่ในห้องรู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวทางหางตาจึงหันมาดู ภาพร่างบางที่ยืนอึ้งอยู่ตรงประตูห้องหนังสือทำให้หัวใจเขื่อนหล่นวูบไปกองที่พื้น
“ใครคะคีน...หรือจะเป็นเพื่อนของเธอ?” แซมมี่หันมาเอียงคอถามด้วยท่าทางน่ารัก
“...ครับ เพื่อนที่มาพักกับผมเอง”
“ชวนเขามาคุยกับเราสิคะ ชั้นอยากรู้จักเพื่อนของคีน” เขื่อนหันไปมองน้ำที่หน้าเริ่มซีดและพยักหน้าให้น้ำเข้ามา
‘เขื่อนอยากให้เราเข้าไปเหรอ?’ น้ำอึกอัก ลังเล ไม่ใช่เพราะเกรงใจหรือกลัวคนแปลกหน้า แต่ขาของน้ำไม่ยอมก้าว ทั้งที่สถานการณ์ตรงหน้าก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่ความรู้สึกของน้ำกลับบอกว่าไม่ควรเข้าไปจะดีกว่า
“มาสิน้ำ” เขื่อนเดินมาตรงหน้าและจับแขนน้ำให้เดินไปด้วยกัน
“นี่คือแซมมี่” น้ำตาโต ในที่สุดเขาก็ได้เห็นแซมมี่คนนี้เสียที หญิงสาวท่าทางบอบบางอ่อนหวานคนนี้คือคนที่เขื่อนคุยโทรศัพท์ด้วยบ่อยๆงั้นหรือ
“แซมมี่ เพื่อนผมชื่อน้ำ”
“ยินดีที่ได้พบนะคะน้ำ” แซมมี่เรียกชื่อเขาได้ชัดเจนไม่เหมือนกับเดวิด หญิงสาวยิ้มกว้างช่างดูงดงาม น้ำได้แต่พยักหน้าและยิ้มกลับ ทว่าแข้งขากลับไม่มีเรี่ยวแรง
“เหมือนว่าน้ำจะไม่ค่อยสบายน่ะแซมมี่ ให้เขาไปพักผ่อนก่อนนะ” เขื่อนดันแขนให้น้ำออกไปข้างนอกและเดินไปส่งที่เชิงบันได ริมฝีปากแตะที่แก้มของน้ำเนิ่นนานพร้อมคำพูดที่ทำให้น้ำเป็นกังวลมากขึ้น
‘ฉันจะรีบไปเล่าทุกเรื่องให้นายฟัง หลังจากที่แซมมี่กลับไป’
ใบหน้าหวานที่ซบอยู่กับหมอนขนห่านใบโตมีแววว้าวุ่นใจ หลังจากที่รอคอยบางสิ่งมานานกว่าสองชั่วโมงเขาก็เริ่มรู้สึกอ่อนล้า ดวงตาคู่สวยกำลังจะปิดลง ทว่าประตูห้องนอนใหญ่กลับเปิดออกพอดี
“น้ำ...หลับแล้วเหรอ” ที่นอนยวบลง และแขนที่โอบเอวของน้ำให้มาชิดใกล้
“ยังครับ...” น้ำตอบกลับไปเสียงค่อย เขาชอบเวลาที่เขื่อนกอดเขาแบบนี้
“วันนี้มิสเตอร์โรมานอฟฟ์ไม่สอนเหรอ?”
“ครับ เขาบอกให้ผมพักผ่อนได้วันหนึ่ง”
“อืม...เสียดายนะ รู้อย่างนี้ไม่พานายไปส่งแต่แรกหรอก จะได้นอนกอดกันจนสายบ้าง”
“ฮิฮิ ถ้าคนเรารู้อนาคตก็ดีสิครับ จะได้รู้ว่าควรทำอะไร และไม่ควรทำอะไร...” เหมือนอย่างที่เขาไม่ควรกลับเข้าบ้านมาวันนี้ไง
“....”เงียบ ไม่มีเสียงพูด มีเพียงเสียงถอนหายใจและเสียงความคิดของตัวเองที่น้ำได้ยิน
“น้ำ...เรื่องวันนี้ นายไม่ได้ทำผิดหรอกนะ ที่ไปยืนอยู่ตรงนั้น...”
“....” ร่างบางได้แต่นอนนิ่ง รอฟัง เรื่องที่เขื่อนจะพูด
“แซมมี่ เป็นเพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ เราเล่นด้วยกัน โตมาด้วยกัน”
“ผมนึกว่าเขื่อนจะสนิทกับพวกโมนซะอีก” น้ำหันไปถามอย่างสงสัย
“นั่นมันคือตอนที่ฉันโตพอและรู้ว่าควรจะเลิกเล่นกับเด็กผู้หญิงน่ะ แต่ตอนเด็กๆฉันสนิทกับแซมมี่มาก แม้ว่าโตขึ้น เราจะห่างกันไป แต่ความเป็นเพื่อนสนิทของเราก็ยังไม่จางหายไป แซมมี่เป็นเพื่อนผู้หญิงที่ฉันรักที่สุด”
‘เพื่อนผู้หญิง...ที่รักที่สุดงั้นเหรอ...’ น้ำเจ็บแปลบในอก นี่สินะที่เรียกว่าความหึงหวง
“แต่มาวันหนึ่ง แซมมี่ ก็มาบอกรักฉัน..” น้ำขยับตัวหันไปมองหน้าเขื่อน ใบหน้าคมมีแววกดดัน แสดงว่าเขื่อนไม่ได้มีใจให้แซมมี่สินะ...
“ฉันมีคำถามที่เฝ้าถามตัวเองมาตลอด ทำไมชายหญิงที่เริ่มความสัมพันธ์จากการเป็นเพื่อน มักจะต้องแปรเปลี่ยนเป็นความรัก คราวของแซมมี่ก็แล้ว คราวของมะนาวก็แล้ว หรือพวกผู้หญิงเขารักใครก็ได้ที่มกล้ชิดงั้นเหรอ?”
“บ้า เขื่อนก็พูดน่าเกลียดเกินไป” น้ำเอ็ด
“แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็น เพราะเรื่องมันเริ่มจากวันนั้น...วันที่แซมมี่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพราะเธอไม่สบายมาหลายวัน และอาการก็ไม่ดีขึ้นเลย” น้ำเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น ที่ท่าทางของแซมมี่ดูบอบบางเป็นเพราะเธอป่วยสินะ
“หลังจากเจาะเลือด ตรวจโน่นนี่แล้ว หมอก็ลงความเห็นว่าแซมมี่เป็นโรคแอสแอลอี รู้จักมั้ย?” เขื่อนลูบผมน้ำที่ให้ความรู้สึกนุ่มมือ
“เหมือนโรคที่...แม่ของกะทิเป็นเหรอครับ?”
“กะทิไหน?”
“กะทิที่เป็นวรรณกรรมเยาวชนไง” เขื่อนนึกภาพกะทิที่เป็นวรรณกรรมเยาวชนแล้วก็ร้องอ๋อ
“ที่เอาไปทำเป็นหนังด้วยอะนะ” น้ำพยักหน้ารับ
“นั่นแหละ ที่เขาเรียกกันว่าโรคแพ้ภูมิตัวเองน่ะ”
“ฮ้า... มันไม่มียารักษานี่ครับ”
“ใช่ และแซมมี่เขาก็เป็นไอ้โรคนี้ชนิดที่มันจะเป็นๆหายๆ อาการจะกำเริบเมื่อไรไม่รู้ อย่างช่วงนี้เธออาการดี เลยออกข้างนอกได้”
“อ๋อ...”
“ถ้าอาการทรุดคราวหน้า...อาจจะไม่สามารถเดินไหวอีกแล้ว...” จู่ๆก็เหมือนมีเงามืดมาทาบทับใบหน้าคม เขื่อนมีแววหมองเศร้า น้ำได้แต่เอามือไปลูบที่แก้มเขื่อนเพื่อปลอบโยน
“น้ำ...ยังจำได้มั้ย ที่ฉันเคยบอกรักนาย”
“ครับ...”
“ต่อจากนี้ไป ให้ฟังให้ดีนะ อย่าเพิ่งตกใจ” เขื่อนพูดและบีบมือของน้ำที่เริ่มจะเย็นวาบขึ้นมาทั้งแขน ทำไมเขื่อนต้องพูดจริงจังขนาดนี้ด้วยนะ เรื่องอะไรกัน
“แซมมี่ขอให้ฉันหมั้นกับเธอ... เป็นคำขอสุดท้าย ก่อนจะตาย...”
.
..
...
....
.....
....
...
..
.
น้ำรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นซาเอบะ เรียวในซิตี้ฮันเตอร์ ที่ถูกซาโอรินางเอกเอาค้อนปอนด์ทุบศีรษะ ทั้งที่อยู่เฉยๆแต่น้ำกลับรู้สึกมึนงง อึ้ง เหมือนในหัวมันด้านชาไปหมด
“น้ำ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” เขื่อนตบแปะที่แก้มนวล น้ำได้สติกลับคืนมา แต่ยังรับรู้ว่าในหัวยังชาๆไม่หาย
“เมื่อไรครับ... หมั้นเมื่อไร...”
“ก่อนจะพบกับนายเสียอีก” เขื่อนยิ้มฝืน
“อา...” น้ำหลับตาและส่งเสียงครางเบาๆ ดวงตาคู่หวานหลับตาพริ้ม ไม่นาน หยาดน้ำตาใสๆก็ไหลรินจากหางตา ร่างสูงเห็นแล้วก็ปวดใจ ทำไมเขาจึงทำให้น้ำเจ็บได้ตลอดแบบนี้
“น้ำ..ฉันเสียใจ ขอโทษนะ...”
“นอกจากหมั้นแล้ว ต้องทำอะไรอีกครับ?” แปลก น้ำตาไหล แต่เสียงกลับไม่สั่นเลยสักนิดน้ำ ยังรักษาระดับเสียงให้คงที่ได้อยู่
“ไม่มีแล้วละ แซมมี่แค่ขอร้องว่า อย่างน้อยถ้าฉันไม่คิดกับเธอนอกจากเพื่อน ก็ขอแค่ได้ตายในฐานะคู่หมั้นก็ยังดี”
“ผมไม่ได้โกรธนะ” น้ำบอกยิ้มๆ
“น้ำตานี่คือน้ำตาแห่งความโล่งอก” น้ำจึงพูดต่อเมื่อเห็นเขื่อนทำหน้างง
“โล่งอกที่ได้รู้ว่า หัวใจของเขื่อน ยังเป็นของผมอยู่ ไม่ได้เป็นของคนอื่น” ยิ้มหวาน จากใบหน้าหวานที่แดงเรื่อเพราะพยายามกลั้นน้ำตา เขื่อนรู้สึกเต็มตื้นขึ้นในอก มือใหญ่ประคองใบหน้าเนียนให้เงยขึ้นมาในระดับเดียวกัน แล้วจูบแนบแน่นลงไป...
“อือ...ไม่ได้จูบแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แน่ะ” เขื่อนพึมพำเสียงหนักในลำคอ
“แล้วคุณแซมมี่ เขารู้เรื่องของเรามั้ยครับ”
“ไม่รู้หรอก ฉันไม่อยากบอกน่ะ กลัวเขาช็อค หึหึ”
“ดีแล้วละครับ”
“แล้วนายทนได้เหรอ”
“ทนได้สิครับ เพราะยังไงหัวใจของเขื่อนก็ยังเป็นของผมนี่นา” น้ำยิ้มหวาน จนร่างสูงอดไม่ได้ต้องกดจูบลงมาอีกรอบ
“เด็กดีของฉัน..”
“ฮื้อ ผมไม่ใช่เด็กนะ เราอายุเท่ากัน!”
“ไม่ นายอ่อนกว่าฉันห้าเดือนเลยนะ”
“หึ เขาเริ่มนับกันที่จำนวนปีครับ ไม่ใช่เดือน”
“สำหรับฉันนับที่ขนาดร่างกายแฮะ” ไม่พูดพล่าม เขื่อนจับร่างบางให้ขึ้นมานั่งคล่อมเขาด้านบนและเด้งเอวหยอกเย้า
“ลามก ไม่เอานะ ยังกลางวันอยู่เลย” น้ำพยายามจะดิ้นลง แต่ก็ถูกล็อกบั้นเอวไว้แน่น
“ห้ามลง หึหึ นายต้องร่อนให้ฉันพอใจก่อนสิ” น้ำหน้าแดง ทำไมคำพูดหยาบๆที่มันน่าจะดูไม่ดีเวลาพูด แต่พอเขื่อนพูด มันมักจะทำให้เขา...ตื่นเต้นทุกที หรือเขาจะเป็นมาโซจริงๆนะ
“อ๊ะ...ผมมีเรื่องจะถามเขื่อนเรื่องหนึ่ง” น้ำชะงัก เพราะนึกเรื่องบางอย่างออก โดยเขื่อนก็พยักหน้าว่าให้ถามมาได้เลย
“นอกจากผม เขื่อนเคย...เอ่อ...จ้ำจี้มะเขือเปราะกับคนอื่นหรือเปล่า..” เขื่อนทำหน้างง น้ำจึงส่ายเอวทำท่าทางให้ดูจนเขื่อนหัวเราะก๊าก
“นึกว่าอะไร แหม จ้ำจี้...ฮ่าๆๆ”
“จะหัวเราะทำไมละ ไม่อยากพูดนี่ มันกระดากปาก! ตอบมาสิครับ” น้ำเริ่มโวยวายเพราะโดนล้อ
“หึหึ เคย” หน้าหงิกทันทีเพราะคำๆเดียว เขื่อนผุดลุกขึ้นมานั่งจนหน้าเกือบชิดกัน ใบหน้าหวานหงิกงอเป็นสัญญาณว่าต้องง้อโดยด่วน
“ก็คนมันมายั่วนี่หว่า เราเป็นผู้ชายก็ต้องเอาดิ และถ้าไม่เอานะ เกิดเงี่ยนมากๆปล้ำน้ำขึ้นมาแต่แรกทำไงล่ะ” น้ำเหล่ตามอง ฟังดูเหมือนจะดี แต่มันก็ยังเป็นนัยว่ามันเคยทำกับคนอื่นอยู่ดีอ้ะ!
“หยาบ!” ไม่รู้จะด่าว่าอะไร ก็งัดเอาคำด่าประจำมาใช้ แต่คนโดนด่าไม่สะทกสะท้านแล้วยังหัวเราะใส่อีก
“พูดเป็นแค่เนี้ย เด็กน้อย หึหึ”
“โรคจิต ลามก บ้ากาม!”
“แล้วไม่ชอบเหรอ มีรสชาติดีออก เอ้า ฮึบ” เขื่อนย้อนหน้าระรื่นและออกแรงยกร่างบางให้มานอนด้านล่างแทน ก่อนจะกระชากเสื้อเชิ้ตของน้ำออกทีเดียวจนกระดุมหลุดหมด
“อ๋า! เสื้อของผม” นั่นมันเสื้อเชิ้ตตัวโปรดของผมนะ!!!
“ห่วงตัวเองก่อนเสื้อเถอะ” เขื่อนลูบไล้ไปที่หน้าอกเนียนอย่างเพลิดเพลินในอารมณ์ ดูจากสีหน้าก็รู้แล้วว่าหื่นแบบกู่ไม่กลับ
“อ๊ะ จะรีบไปไหน ใจเย็นๆสิครับ” น้ำตกใจรีบคว้ากางเกงเอาไว้แต่ก็ทานแรงไม่ไหว เพราะเขื่อนกระชากกางเกงยีนส์และอันเดอร์แวร์ของน้ำออกทีเดียวพร้อมกัน ก่อนจะจับน้ำพลิกคว่ำอีกครั้ง
“ท่านี้ละดี ขัดขืนไม่ได้” เขื่อนพึมพำอยู่ที่ข้างหู น้ำอยากจะโวยวายก็ทำไม่ได้เพราะนิ้วยาวที่กำลังเขี่ยอยู่ตรงช่องทางของเขานั้นมันช่างก่อกวนอารมณ์เสียจริง
“อือ...เขื่อน” น้ำยกสะโพกขึ้นให้มือใหญ่สามารถเข้ามากอบกุมที่แก่นกายของตนเองได้
“รู้งานนะเรา” เขื่อนเลื่อนมือเข้ากุมแก่นกลางลำตัวของร่างบางไว้แล้วรูดรั้งให้มันตอบรับสัมผัส อีกมือก็วนเวียนอยู่ไม่ไกลทางเข้าด้านหลัง นิ้วมือของเขื่อนถูกส่งเข้าสำรวจภายในทีละนิ้วก่อนจะค่อยเพิ่มจำนวนขึ้น พร้อมกับแรงเร่งเร้าที่ด้านหน้าที่เพิ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ
“อ๊า...อีก..” น้ำเกร็งร่างเมื่อหยาดน้ำขุ่นถูกปล่อยออกมา เปรอะไปทั่วทั้งผ้าห่มและที่นอน น้ำฟุบลงนอนราบ เขื่อนถอนนิ้วออกจากช่องทาง
“เขื่อน...ทำอะไรน่ะ อ๊ะ..” น้ำรับรู้ได้ว่าขาของเขาถูกแยกให้กางออกอีก เขื่อนคงใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้แหวกออกเพื่อขยายช่องทาง
“ไม่เอาลิ้นนะ มันสกปรก อื๊อ..” ลิ้นอุ่นหยอกล้อและไล้เลียตรงช่องทาง น้ำเสียววาบทั้งที่เพิ่งเสร็จไป จู่ๆเขื่อนก็ถอนปากออกและสะโพกก็ถูกดึงให้ลอยสูงขึ้นอีกครั้ง แล้วสิ่งที่ใหญ่โตกว่านิ้วมือก็แทรกเข้ามา น้ำกัดริมฝีปากแน่นเพราะความเจ็บ ทั้งเจ็บทั้งอึดอัด เขื่อนค่อยๆแทรกกายเข้ามาช้าๆ และหยุดค้างเป็นบางช่วงเพื่อให้น้ำหายใจได้
“อือ...น้ำตาล..” เขื่อนดันกายเข้ามาจนสุดและก้มลงกอดน้ำจากด้านหลัง ไม่ทันให้น้ำตั้งตัวเขื่อนก็เริ่มกระแทกสะโพกเข้ามา เสียงเนื้อกระทบกัน และเสียงเฉอะแฉะจากการสอดแทรกก็ดังชัดเจนยิ่งขึ้น น้ำฟุบหน้ากับหมอนเพราะรู้สึกอายขึ้นมาเฉยๆ เขื่อนจับให้น้ำขยับท่าโน้นนี้ตามความพอใจ เสียงเข้มครางในลำคอพร้อมกับแรงดันที่มากขึ้นๆ
“ฉันรักนาย...รักที่สุด...อา...อึก..” คำบอกรักห้วนๆดังขึ้นพร้อมกับความอุ่นที่ฉีดพุ่งเข้าไปภายใน คำรักห้วนๆ การทำรักที่ดุดันๆ สิ่งที่สมกับเป็นเขื่อน คือสิ่งที่น้ำหลงรักจนหมดหัวใจ..
“อือ..เขื่อน อย่าเพิ่งสิ” น้ำปัดมือของเขื่อนที่เริ่มป่ายมาตามลำตัวเขาอีกครั้ง แต่ก็ไม่ทำให้เขื่อนเลิกล้มความตั้งใจ ร่างสูงเปิดลิ้นชักหหัวเตียงและหยิบเชือกเส้นหนาออกมา
“เขื่อน!! อย่านะครับ ผมเหนื่อย” น้ำเหวอ พอจะอารมณ์ดีๆหวานชื่นขึ้นมาบ้าง เขื่อนก็คอยจะโรคจิตเสียจนเขาหมดอารมณ์รักไปซะทุกที
“นายต้องชดใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านไปโดยไม่ได้ ‘จ้ำจี้’ เลยนะ” เขื่อนพูดกลั้วหัวเราะและมัดข้อมือน้ำเข้ากับหัวเตียงอย่างแน่นหนา
หลังจากนั้นน้ำก็ไม่รับรู้เรื่องอื่นๆอีกเลย
มีเพียงเสียงหวานสั่นสะท้านดังไปทั้งห้อง...
ร่างบางที่ชื้นเหงื่อเปลือยเปล่าส่ายกระเส่าภายใต้ร่างสูง...
แผงอกขาวเนียนที่ถูกลูบไล้จนเป็นรอยช้ำ...
เรียวขาสวยที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบความใคร่ความปราถนา...
รสสวาทหอมหวานไม่รู้เบื่อ...
ทั้งหมดนี้ดำเนินอย่างต่อเนื่องไปทั้งวันจนเกือบครึ่งคืนทุกอย่างจึงหยุดลง...
>>>>> TBC