ตอน 20 (ตอนจบ)
PART 2/2
พี่ตั้บบอกว่าไม่ผิดที่ธีร์เป็นคนเปิดเผย แต่การซ้อมทีมให้คนดูรู้แนวทางการเล่นต่อไปก็เกรงว่าจะเป็นการฆ่าตัวตายเปล่า ๆ ยิ่งคู่ต่อสู้รอบนี้เป็นทีมที่เก่งระดับประเทศ แถมยังมีผีห่าซาตานจากนรกขุมสุดท้ายที่อยากกระโดดถีบยอดหน้าเข้าร่วมด้วย ขี้ซุยบราเทอร์จึงวางแผนกันว่าจะไลฟ์ใน Twitch ให้คนดูเหมือนเดิม แต่ใช้จิตวิทยาเด๋อ ๆ ให้คู่ต่อสู้เห็นว่ายังใช้ชีวิตปกติไม่เดือดร้อนทั้งที่ความจริงไฟลนก้นจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้
แต่เรื่องไลฟ์ให้คนดูคงต้องเลิกเร็วหน่อย เพราะทุกคนจำเป็นต้องเทเวลาส่วนใหญ่ให้การซ้อม พวกเขาสมัครไอดี Steam ใหม่ ยอมเสียเงินซื้อเกมอีกรอบ สร้างตัวละครพร้อมชื่อที่ไม่มีใครรู้จัก แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยไปกับการเล่นใหม่เพื่อหาคะแนนไปแลกเปิ้กหรือสกิลให้ตัวละครนั้น ๆ แต่เพื่อแลกกับความลับที่ไม่อยากให้ศัตรูรู้แนวทางการเล่น ความเหน็ดเหนื่อยในระยะสั้นก็คุ้มค่ากับความสบายใจระยะยาว
แต่ตัวละครในไอดีหลักก็ยังสำคัญ พวกเขาต้องใช้มันในการแข่ง
ผ่านมาแล้วหลายวันแต่ไม่มีใครอยู่ในอารมณ์สบายใจเลย ขี้ซุยบราเทอร์รู้สึกเหมือนกลับไปจุดเริ่มต้นอีกครั้งตรงที่ทีมแทบจะเข้ากันไม่ได้ ทุกคนดูหลงทาง สับสน ลองผิดลองถูกจนคำว่า ‘เสียเวลา’ เริ่มผุดเข้ามาสั่นคลอนความตั้งใจ
ธีร์กังวลหนัก พอโซ่เปิดเทอมแล้วก็ยิ่งฟุ้งซ่านเพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความหวังส่วนหนึ่งอยู่ที่น้อง ไหนจะไอ้แหลมอีกคน มันตั้งใจว่าจะโดดเรียนอาทิตย์แรกเพื่อเทเวลาให้การซ้อม และแน่นอนว่าพวกเขาไม่ยอม ธีร์กับตุ้บตั้บรับปากแม่ไอ้เด็กเวรนั่นแล้วว่าจะไม่ทำให้น้องนุ่งเสียคนเพราะเกม ไหนจะความบ้าบิ่นของมันที่พร้อมจะสิงร้านเกมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กินข้าวหน้าโต๊ะ อาบน้ำ หลับหลังร้านพี่ตั้บ แบบนั้นก็จะหนักไปหน่อย แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่พวกเขาควรทำแบบนั้นเพราะเวลาเริ่มกระชั้นชิดเข้ามาแล้ว
ถึงจะห้ามคนอื่น แต่ธีร์กลับทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะสุดท้ายคนที่บั่นเล่นทั้งวันทั้งคืนไม่หยุดก็คือเขา พยายามหาจุดบอด จุดแข็งของตนเอง และศึกษาแผนที่ในเกมพร้อมร่างออกมาใส่กระดาษ จมอยู่กับอาการหงุดหงิดขณะที่เพื่อนร่วมทีมไปเรียนและทำงาน มีเพียงพี่ตั้บคนเดียวที่อยู่ให้คำปรึกษา ปิดรูโหว่และหาจุดได้เปรียบ
หลายคนมีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบในชีวิต ส่วน LV กลับไปฉลองกันอย่างออกหน้าราวกับมั่นใจว่าจะได้เป็นตัวแทนไปเกาหลีอย่างแน่นอน คนกลุ่มนั้นคงไม่กังวลนัก เพราะอาชีพที่ทำคือการเล่นเกมเพื่อแข่ง ไม่ต้องฟังเสียงอาจารย์พูด ไม่ต้องจ้องหน้าคอมแลกเงินเดือน ธีร์ยอมรับว่าหัวเสีย หงุดหงิด ไม่ชอบใจ ถ้าไม่มีน้องเด๋อคอยเตือนสติไว้เขาก็คงเอาแต่คิดเรื่องของทีมนั้นไม่หยุด
เวลาช่วงนี้ช่างสำคัญ แม้แต่ห้านาทีชายกลุ่มนี้ก็ไม่อยากเสียไปเปล่า ๆ อย่างไร้ความหมาย แต่ก่อนแข่งรอบชิงต้องมีการถ่ายรูปเดี่ยวและรูปทีม รวมถึงการให้สัมภาษณ์คลิปสั้น ๆ เพื่อเอาไปเปิดระหว่างถ่ายทอดสดในวันแข่งขัน ดังนั้นขี้ซุยบราเทอร์จึงเสียเวลาไปครึ่งวันให้กับส่วนนี้แทนที่จะได้ซ้อม
สุขภาพจิตใจธีร์ช่วงนี้มันแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด และมันส่งผลถึงตอนซ้อมทีมอย่างที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น เขากับไอ้แหลมต่างหัวร้อนพาลทุกอย่างเพราะไม่ได้ดั่งใจ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเพื่อนร่วมทีมเล่นไม่ดีหรือที่ตนเองทำพลาด ทั้งคู่ถอนหายใจออกไมค์ สบถคำหยาบสารพัด พูดกระทบกระทั่งกันไปอย่างไม่ตั้งใจจนต้องหยุดพักเกมสักสิบนาที
ธีร์ไม่ชอบบุหรี่ แต่เขาเริ่มอยากสูบมันเพราะความเครียดที่บีบอัดเข้ามาจนสูญเสียความเป็นตัวเอง Thr33Gamer เคยทำได้ดีกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นหรือควบคุมสถานการณ์ อุปสรรคที่เคยว่ายากก็ผ่านไปได้ แต่คราวนี้มันหนักกว่าทุกทีเพราะแบบแผนที่ปรับเปลี่ยนไปและเวลาแข่งที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
ธีร์กุมขมับพลางถอนหายใจ พอหันไปโต๊ะคอมก็พบว่าน้องเด๋อไม่อยู่แล้วก่อนจะได้ยินเสียงกดชักโครก เด็กคนนั้นคงเซ็งแล้วที่เห็นมุมเกรี้ยวกราดโง่ ๆ ของเขา ชายหนุ่มจึงเลือกเดินออกมาตรงระเบียงห้องเพื่อโทรหาเพื่อนสนิทก่อน เพราะมันคงกว่าดีถ้าจะพูดอะไรกับไอ้แจ็คสักคำแทนที่จะปล่อยเบลอไปเฉย ๆ
“เออ กูโทรมาขอโทษ เมื่อกี้หัวร้อนเกินไปหน่อย”
( ไม่เป็นไร กูก็โมโหเหมือนกันแต่แค่ไม่ได้พูดออกเสียง )
พอได้ยินน้ำเสียงปกติและคำตอบไร้การประชดประชันแบบนั้นธีร์ก็โล่งใจ ไอ้แจ็คเป็นแบบนี้เสมอเลยให้ตาย ไอ้เวรนี่รู้ว่าจะทำให้คนฟังรู้สึกผิดและรู้สึกดีไปพร้อม ๆ กันได้อย่างไร
“ขอโทษจริง ๆ วันนี้กูหลุดไปหน่อยว่ะ”
( คนอื่นก็หลุด แต่โทรหาไอ้แหลมหน่อยล่ะ )
“เออ เดี๋ยวโทรต่อจากมึงเลย”
( ธีร์ )
“ว่า?”
( กูอยากชนะนะ แต่กูก็ไม่เสียใจถ้าครั้งนี้เราจะแพ้ แต่กูคงเสียใจมากกว่าถ้าพวกเราแพ้โดยไม่สนุกไปกับมันเลย )
“...”
( การแข่งมีเรื่องแพ้ชนะมาเกี่ยวก็จริง แต่มึงจำได้ใช่ไหมว่าตั้งแต่วันแรกที่เป็นเพื่อนกัน เราเล่นเกมเพราะอะไร? )
“อืม กูจำได้” ชายหนุ่มทอดสายตาไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน มองดาวบนนั้นที่ไม่ได้มีคำตอบอะไรให้ ทุกอย่างโดยรอบกำลังสร้างความเงียบในใจให้นึกย้อนกลับไปตอนยังเป็นเด็กกะโหลกกะลาไม่ประสีประสา ตอนที่ทุกอย่างยังเป็นสีขาว ไร้จุดด่างดำแต่งแต้ม ก่อนมันจะกลายเป็นสีเทาในที่สุด
( อย่าเป็นเหมือนไอ้เท็นนะ )
“...”
( อย่าหลงไปกับคำว่าชนะจนทำให้มึงลืมว่าเคยเล่นเกมสนุกมากแค่ไหน )
“...”
( อย่าเอาความผิดหวังตอนม.หกมากดดันตัวเอง เพราะตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน )
( ถ้าตอนนี้ข้างหน้ามีกำแพงสูงขวางอยู่แล้วเราต้องข้ามมันไป ทีมอื่นจะทำไงไม่รู้ แต่กูจะเป็นฐานอยู่ด้านล่างให้มึงปีนขึ้นไปก่อน )
“...”
( พอขึ้นไปได้แล้วค่อยก้มลงมาดึงพวกกูนะ )
“กูขอโทษว่ะแจ็ค ขอโทษจริง ๆ” รู้สึกชาไปทั้งหัวใจ ธีร์รู้สึกผิดกับตัวเองและเพื่อนร่วมทีมเหลือเกินที่ก่อนหน้านี้ในหัวมันมีแต่การเอาชนะ จนอยากเดินกลับไปหาตัวเองตอนเป็นเด็ก และขอโทษอะไรก็ตามที่ทำให้เขาลืมความสำคัญในการเล่นเกมไปช่วงเวลาหนึ่ง
( รอบตัวเราตอนนี้มีแต่พี่น้อง คนที่ไว้ใจมึงแล้วมึงก็ไว้ใจเขา มันไม่มีใครที่จะอยู่หักหลังทีมอีกแล้ว )
“อืม กูรู้” ชายหนุ่มหลับตาลงพลางถอนหายใจ หลายวันที่ผ่านไปทุกคนคงเครียดไม่ต่างกัน และต้นเหตุของบรรยากาศแบบนั้นก็คงไม่พ้นเขาคนนี้
( เพราะงั้นอย่ากดดันตัวเองมากไปกว่านี้เลย คนที่ควรกินยาเพราะนอนไม่หลับควรเป็นคนป่วยอย่างกูไม่ใช่หัวหน้าทีมที่ทำได้ดีแล้วอย่างมึง )
“เออ หล่อจังนะสัดคำพูดคำจา”
( ที่ทุกวันนี้กูเล่นเกมแบบไม่เปิดกล้องก็เพราะไว้หน้ามึงนะไม่รู้เหรอ? )
“จ้า พ่อเทพบุตร พ่อเจ้าชายน้ำแข็งแห่งนรกขุมที่สิบแปด แค่นี้นะห่า เดี๋ยวซ้อมกันต่อ”
หลังจากวางสายชายหนุ่มก็ยิ้มขำพลางส่ายศีรษะ ความรู้สึกแย่ก่อนหน้านี้เริ่มจางหายไปแล้วเพราะความเข้าใจของคนที่เรียกว่าเพื่อน ที่เหลือคือไอ้แหลม ธีร์รู้สึกกระดากปากเหลือเกินที่ต้องขอโทษเด็กกะโหลกอย่างมัน เนื่องจากความสัมพันธ์ของทั้งคู่สื่อกันด้วยใจมากกว่าคำพูดมาตลอด ธีร์รู้ว่าเด็กเวรนั่นต้องการอะไร และไอ้แหลมก็รู้ดีว่าเขาเป็นอย่างไร แต่สุดท้ายคนเป็นพี่ก็ยอมลดความปากหนักแล้วโทรหาน้องรัก ก่อนทุกอย่างจะจบที่ความเข้าใจแบบซึน ๆ เพราะไอ้แหลมก็ยอมงัดปากขอโทษที่งี่เง่าตอนซ้อมเช่นกัน
ธีร์หันกลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะเห็นเด็กเด๋อยืนอยู่หน้าโต๊ะคอมพร้อมเครื่องดื่มชูกำลังในมือสองขวด แววตาและสีหน้าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่กำลังยืนรอคำขอโทษ เขารู้สึกหัวใจพองโตเหลือเกินตอนเห็นน้องเด๋อยื่นเครื่องดื่มชูกำลังมาให้
“กรึ้บคนละขวดนะครับ”
กรึ้บงั้นเหรอ? คำ ๆ นี้เคยทำให้คนพูดกลายเป็นไอ้ขี้เหล้า แต่พอเป็นเด็กเด๋อกลับน่าเอ็นดูเสียอย่างนั้น ชายหนุ่มเดินไปหาคนตรงหน้า จ้องดวงตาคู่นี้อย่างไม่เข้าใจว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นธีร์ก็รับมาถือไว้
“พี่ขอโทษนะ”
“โซ่ให้อภัยครับ”
“ทำไม?” เขาเว้นจังหวะไปกับความประหลาดใจ “ไม่โกรธพี่หรือว่าโกรธจนหายแล้ว?”
เพราะตลอดการซ้อมในค่ำคืนนี้มันค่อนข้างหนักสำหรับเด็กคิดบวกคนหนึ่ง น้องเด๋อไม่เคยมีทีมแข่งจริงจัง และเขาเชื่อว่าไอ้เจมส์กับไอ้อาร์มที่ฝีมือกากกว่าคงไม่กล้าเหวี่ยงเพื่อนที่เล่นได้ดีกว่า แต่วันนี้เขากับไอ้แหลมต่างก็งี่เง่า แสดงออกถึงความกดดันชวนตึงเครียด เป็นมลพิษทางอารมณ์ หงุดหงิดใส่ทีมจนทำให้เสียความรู้สึกไปตาม ๆ กัน
“ยอมรับว่าตกใจมากครับตอนได้ยินเสียงพี่ธีร์ตะคอก โซ่ไม่เคยเห็นพี่ธีร์เป็นแบบนั้นน่ะครับ” พอได้ยินความจริงจากปากอีกฝ่ายใจก็อ่อนยวบ ชายหนุ่มรู้สึกผิดจับใจที่แสดงมุมโง่ ๆ ออกไปจนน้องรู้สึกไม่ดี
“พี่ขอโทษนะ พี่แม่งบ้าอะ”
“ไม่เป็นนะครับ” เด็กหนุ่มว่าพลางยกขวดเครื่องดื่มชูกำลังชนกันแล้วดื่มเล็กน้อย “ได้เห็นพี่ธีร์มุมนี้ก็ดีเหมือนกัน
“ดียังไง?”
โซ่อมยิ้มกับความคิดตัวเองแล้วยกดื่มย้อมใจก่อนจะพูดเรื่องน่าอายให้คนตรงหน้ารับรู้ “โซ่ไม่ได้อยากรู้จักพี่ธีร์แค่ในมุมตลก หรือตอนพูดหวาน ๆ ครับ”
“...” ความรู้สึกหลายอย่างปะปนกันไปหมด ทั้งความสงสัยใคร่รู้ที่ไม่อยากรอคำตอบนานไปกว่านี้ และอาการคิดไปเองว่าคงได้ยินคำพูดที่ทำให้ผู้ชายบ้า ๆ ได้บริหารอัตราการเต้นของหัวใจอีกครั้ง
“พ่อโซ่เป็นคนใจเย็นมาก หลายครั้งเวลาแม่เหนื่อยจากงานแล้วเผลอหงุดหงิดใส่แต่พ่อไม่ได้ตอบโต้เลย เขานิ่งมากจนโซ่คิดว่าพ่อคงไม่ได้เก็บไปคิดเพราะความเข้าใจ แต่เปล่าเลยครับ จริงอยู่เรื่องเดียวว่าพ่อเข้าใจ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เสียใจ แล้วพอแม่ใจเย็นลงเธอก็ไปขอโทษพ่อแล้วบอกว่าจะพยายามแก้ไข โซ่เลยคิดเอาเองว่าถ้าคนสองคนจะอยู่ด้วยกันได้ก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน ถ้าคนหนึ่งร้อน อีกคนก็เย็น หรือถ้าเย็นไม่ไหวก็ให้อุ่น ๆ หน่อยก็ได้ครับ...”
เด็กหนุ่มยิ้มแห้งพลางจีบมือเป็นท่าประกอบ แต่พอรู้ตัวว่าพูดมากก็กลัวอีกฝ่ายเข้าใจผิดว่ากำลังสั่งสอน โซ่จึงพยายามเรียบเรียงคำพูดใหม่
“พูดต่อสิ พี่ฟังอยู่” ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่น้ำเสียงทุ้มนุ่มกับแววตาหวาน ๆ นั่นเหมือนจะไม่ได้โกรธอย่างที่คิด พอคุยกับพี่แจ็ค พี่แหลมเสร็จพี่ธีร์ก็เลยใจเย็นลงถึงได้ไม่โกรธกับคำพูดโซ่สินะ ดีจังเลย
“ที่พูดไป โซ่หมายความว่าโซ่อยากทำความรู้จักพี่ธีร์ในทุก ๆ มุมเลยครับ ต่อให้มุมหัวร้อนจะน่ากลัวไปหน่อย แต่โซ่จับเวลาแล้ว ถ้าพี่ธีร์ไม่ได้หัวร้อนตัวเป็นไฟข้ามคืนก็โอเค”
“ตัวเป็นไฟเพราะพี่คือหนุ่มฮอตไงไม่รู้เหรอ?” คนหัวใจพองโตยักคิ้วกลบเกลื่อนความขลาดอาย
“แต่โซ่ดีใจที่พี่ธีร์ออกไปโทรหาพี่แจ็คกับพี่แหลมนะครับ”
“คราวหลังถ้าพี่เป็นหมาบ้าอีก เขย่าแขนเตือนได้เลยนะ หรือถ้าไม่ฟังก็ตบกะโหลกเลย พี่ไม่สวนคืนแน่” ธีร์เอาเครื่องดื่มชูกำลังทั้งสองขวดวางลงบนโต๊ะคอมแล้วดึงแก้มเด็กเด๋อ ตอนนี้ไม่ได้คิดเรื่องอยู่ซ้อมยาวตลอดคืนแล้ว เพราะสิ่งเดียวที่คิดก็คือ... เขาจะทำอย่างไรให้เด็กคนนี้นอนหลับได้โดยไม่เก็บเรื่องบ้า ๆ เมื่อก่อนหน้านี้ไปคิด
“เอางั้นเลยเหรอครับ โซ่จะนวด ๆๆ ด้วยหลังมือเลยนะ” เด็กเด๋อขมวดคิ้วเหวี่ยงมือ น่ากลัวจนอยากจับมาฟัดแก้มเอากลิ่นหอมเข้าปอดสักฟอดสองฟอดจริง ๆ
“จัดมาดิ อย่างเมื่อกี้ก็ห้ามได้นะรู้เปล่า?”
“โซ่ไม่ห้ามหรอกครับ” น้องเด๋อยืนตัวตรง กอดอกวางท่า “เพราะถ้าห้ามมันจะเป็นการแก้ไขที่อาจเกิดขึ้นอีกได้ โซ่ก็เลยปล่อยพี่ธีร์หัวร้อนไปก่อนเพื่อให้พี่ธีร์รู้ผลลัพธ์ของการโมโหเพื่อน”
“หือ?”
“พอเรารู้ว่าทำคนอื่นเสียความรู้สึก หลังจากนี้เราก็จะระวังมากขึ้นใช่ไหมล่ะครับ แต่ถ้าโซ่ห้าม พี่ธีร์ก็อาจจะคิดว่า ‘อ่า เราควรใจเย็น ๆ นะ’ แต่ไม่ใช่การบอกให้ตัวเองรักษาน้ำใจคนอื่น”
“อะไรวะ ก่อนหน้านี้พูดเรื่องพ่อแม่ซะโรแมนติก ที่แท้ก็แอบเอาคืนแล้วนี่หว่า” เขาแยกเขี้ยวใส่เด็กเด๋อ แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่พูดมาก็ถูก เพราะบางครั้งธีร์ก็มองข้ามเรื่องเล็ก ๆ ไปโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน “ขอโทษนะ พี่ผิดไปแล้ว”
“พอก่อนนะครับ วันนี้โซ่ได้ยินพี่ธีร์ขอโทษจนอิ่มแล้ว” น้องเด๋อลูบท้องเป็นท่าประกอบ คนถูกปลอบด้วยการดัดนิสัยจึงหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“ทั้งที่เครียดเหมือนกันแท้ ๆ ขอบคุณนะ” ธีร์ถอนหายใจ
“เป็นห่วงนะครับ...” ประโยคนี้เบาลง ยิ่งอยู่ด้วยกัน นอนด้วยกันแบบนี้โซ่ยิ่งรับรู้ได้ถึงความตึงเครียดของพี่ธีร์ สุขภาพกายที่ว่าแย่ลงเพราะนอนไม่พอก็ยังไม่เท่าสุขภาพใจที่ดิ่งลงไปเรื่อย ๆ
“เป็นห่วงเหมือนกัน เพราะงั้นสองขวดนี้เดี๋ยวพี่จัดเอง ไม่ต้องก๊งต้องกรึ้บแล้ว เป็นเด็กเป็นเล็กต้องตื่นไปเรียน”
“...ไม่ได้เหรอครับ?” น้องเด๋อมองขวดเครื่องดื่มชูกำลังตาละห้อย “โซ่อยากอยู่ซ้อมด้วยครับ”
“ถ้ายิงยาวอีกเราคงได้นอนแค่สองชั่วโมงก่อนอาบน้ำไปเรียน ช่วงนี้นอนน้อยเกินไปแล้วรู้ไหม?”
“งั้นอีกแค่เกมเดียวได้ไหมครับ... นะ” น้องช้อนตามองพร้อมชูนิ้วชี้ขึ้นมาเหมือนเด็กอยากขอพ่อซื้อของเล่นให้ น้องเด๋อร้ายจริง ๆ ที่รู้ว่าต้องจัดการกับผู้ชายแบบเขาอย่างไร และมันก็เป็นความร้ายกาจที่ธีร์เริ่มหลงรักมากเข้าไปทุกที
“ขอเหตุผลว่าทำไมพี่ต้องอนุญาต?”
“โซ่อยากแน่ใจก่อนครับว่าพี่ธีร์อารมณ์ดีแล้ว”
“...”
“นะครับ ขอโซ่อยู่เป็นเพื่อนนะ” เจอลูกอ้อนทางคำพูดยังไม่เท่าศีรษะกลม ๆ ที่ซุกลงกับแผงอกตน ธีร์ยืนนิ่งอยู่ท่านั้น มองน้องเด๋อที่กำลังเอาศีรษะถู ๆ พร้อมงึมงำคำว่า ‘นะ ๆๆ’
“ไปหัดอ้อนตั้งแต่เมื่อไหร่หื้อ?” คนเป็นภูมิแพ้น้องเด๋อตวัดแขนกอด โยกตัวเหมือนเด็ก ๆ แล้วก้มลงไปจุ๊บศีรษะซ้ำ ๆ อย่างมันเขี้ยว
“ตั้งแต่รู้ว่าพี่ธีร์จะเครียดครับ...”
“งั้นเหรอ?” เขาผละอีกคนออกจากอ้อมกอดแล้วบีบแก้มจนปากจู๋ “ตอบให้ชื่นใจซิว่าพี่ไม่ได้ทำให้เราอึดอัดใจ เริ่มไม่สบายใจแล้วนะเนี่ย”
“เรื่องเดียวที่ทำให้โซ่ไม่สบายใจก็คือตอนพี่ธีร์ขับรถไปส่งโซ่ที่มหา’ลัยทั้งที่ง่วงมาก ๆ ครับ”
“ก็อยากไปส่งอะ ไม่ได้ไง?”
“ได้ครับ แต่โซ่อยากให้พี่ธีร์นอนนาน ๆ มากกว่า เพราะงั้นช่วงนี้ปล่อยให้โซ่ไปมหา’ลัยเองดีกว่านะ พี่ธีร์จะได้นอนนาน ๆ”
“ก็อยากไปส่งง่ะ”
“แบ๊วทำไมครับเนี่ย?” โซ่ขมวดคิ้วกลั้นขำ มองคนตัวโตที่เบะปากเป็นเด็ก ก่อนทุกอย่างจะดับลงเพราะเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือ
“ว่าไง – ไอ้แหลมโทรมาน่ะ” พอกดรับสายก็บอกให้น้องรู้ว่าใครโทรมา สงสัยมาตามกลับไปเล่นเกมเพราะพักไปเกินเวลาแล้ว ธีร์เอานิ้วชี้เขี่ยปลายจมูกรั้น เล่นกับแก้มนุ่มนิ่มจนน้องเบือนหน้าหลบทั้งที่ยังอมยิ้มอยู่
( จะสวีทกันก็ปิดไมค์ก่อนได้ปะสัด กูกับพี่แจ็คจะอ้วกแตกแล้วบักพากสู )
อ้าว ลืมปิดไมค์เหรอ ไอ้ฉิบห๊ายยยยยยยยยย - ต่อข้างล่างนะคะ -